ตอนที่ 14 We ^^
วันนี้วันศุกร์ ผมกับเดอะแก๊งมานั่งแกร่วอยู่แถวๆโรงอาหารวิศวะ ในเวลาห้าโมงเย็นกว่าๆ บรรยากาศโรงอาหารยามเย็นไม่วุ่นวาย มีนักศึกษาไม่กี่กลุ่มที่ยังไม่กลับบ้าน
รวมทั้งพวกผมถึงแม้จะเรียนเสร็จกันหมดทุกนายแล้ว ก็ยังไม่กลับ เหตุก็เพราะว่าเชี่ยแทนมันต้องรอไอ้ฟ่างเพราะฟ่างยังเรียนไม่เสร็จ มันเลยบังคับพวกผมมาอยู่เป็นเพื่อน
แถมสู่รู้อีกต่างหากว่ายังไงผมก็ต้องรอไอ้คนที่มันกำลังจีบผมอยู่แล้ว ใช่ครับผมต้องรอภูมิเพราะมันสั่งไว้ ตกลงว่าภูมิจีบผมหรือผมจีบมันกันแน่วะ แต่สิ่งที่รู้ตอนนี้คือไอ้ภูมิมันจะเรียนเอาโล่แข่งกับพี่ชายมันครับ
“ไอ้ภูมิกับไอ้มิคเรียน แล้วทำไมมึงไม่เรียนวะแทน มึงเรียนวิดวะด้วยกันจริงป่ะเนี่ยหรือมึงโดด”
พวกมันทั้งสี่ตัว ไอ้ปัน ไอ้เชน ไอ้แทน และไอ้คิว มองผมเหมือนผมเป็นเศษถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว โดยเฉพาะไอ้แทนมองเหมือนผมมีความผิดติดตัวมาแต่กำเนิด
“กูน่ะวิดวะเต็มตัวไอ่สัด แต่กูเรียนวิดวะคอม ส่วนไอ้มิคกับว่าที่ผัวมึงมันเรียนโยธา วิชานี้กูไม่ได้เรียนกับมัน ทีนี้มึงเก็ทรึยังครับ เพื่อนตัวเองเรียนอะไรยังไม่รู้ ห่า”
ไอ้คิวชูนิ้วโป้งให้ไอ้แทน และเอียงหัวด็อกแด็กๆแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผมทั้งที่ลูกชิ้นเต็มปาก ไอ้นี่มันมีหัวใจสี่ห้องและมีสี่กระเพาะ จะบ่ายจะค่ำมันก็ต้องมีของกระแทกปาก และอันต่อไปที่จะฟาดปากมันน่าจะเป็นลำแข้งผมนี่แหละ
“เออกูรู้ แต่กูแค่ลืม”ผมก็ลืมนึกไป เลยโดนไอ้แทนด่าซ้า แทนมันก็พูดนั่นพูดนี่กวนตีนผมไปเรื่อย ส่วนไอ้เวรคิวพอเยาะเย้ยผมจนสาแก่ใจมันก็กลับไปกินเกาเหลาเนื้อเปื่อยต่อ ไอ้เชนมันก็เล่นเกมส์ในมือถือ
ส่วนไอ้ปันนั่งพิมพ์งานแต่เท่าที่ผมเห็น หน้าต่างที่มันเปิดตอนนี้หน้าตาไม่เหมือน Word 2007เลยครับ เหมือนมันกำลังโหลดอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้พวกผมน้ำลายฟูมปากได้ทั้งโต๊ะ
“กูสงสัยมานานแล้ว”อยู่ๆไอ้คิวก็เงยหน้าจากชามเกาเหลามามองหน้าพวกผม
“ว่า”
“ทำไมเราต้องกินของคาวกับของหวานคนละครั้งด้วยวะ” มันก้มลงคุยสบตากับชามเกาเหลาและถ้วยน้ำแข็งใสของตัวเอง
“หือ???” เชี่ยคิวมึงจะทำอะไรอี๊ก
“มึงไม่สงสัยหรอเชน มึงเรียนหมอ”
“กูเรียนหมอฟัน” ไอ้เชนส่ายหน้าเอือมๆไม่สนใจ แล้วหันไปเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ต่อ
“จะหมออะไรมันก็เหมือนกันแหละ แล้วมึงอ่ะปัน สงสัยมั้ยวะ”
“อือ สงสัยๆ” เอ๊าไอ่นี่ดันบ้าจี้ไปกับมันซะงั้น แต่จริงๆมันก็น่าสงสัยนะครับ เพราะกินไปก็ไปอยู่ในกระเพาะเหมือนกัน เวลาออกก็มาทางเดียวกัน แล้วทำไมเราไม่กินมันพร้อมกันเลยละ อืมมันก็น่าคิด
“กินเข้าไปก็ไปอยู่ในกระเพราะเหมือนกัน” น่าน เสือกคิดตรงกูอีก ใครที่คิดอะไรเหมือนไอ้คิว ร้อยละเก้าสิบเก้าฟันธงเลยครับว่าใกล้บ้าแล้ว แสดงว่าผมก็ใกล้แล้วสินะ ไอ้คิวมันเลื่อนชามเกาเหลากับถ้วยน้ำแข็งใสมาใกล้กัน “จริงๆมันก็เป็นของกินทั้งคู่”มันพูดกับชามเกาเหลาไปเอียงคอไปครับ
“มันก็น่าจะกินพร้อมกันได้” มันพยักหน้าให้กับตัวเอง
และ
พรึ่บ
“เฮ้ย!!!”
เย้ดเข้ มันเทน้ำแข็งใสลงไปรวมกับเกาเหลาครับ เสร็จแล้วมันก็คนๆจนเกือบเป็นเนื้อเดียวกัน มันเงยหน้ามายิ้มอวดเขี้ยวและสบตากับพวกผมทีละคน
“อ่ะ แดก!!!”
ผมไอ้ปัน ไอ้เชน ไอ้แทนส่ายหัวพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย พวกเราก้มเอาหัวชนกันเพื่อดูชามตราไก่ใบนั้น กูพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเราต้องกินของคาวกับของหวานคนละครั้ง ก็นี่มัน อ้วกชัดๆ
“ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำล้าง เป็นการช่วยลดโลกร้อน แหม่ นักศึกษาตัวอย่างจริงๆกู หึหึ มากินเร็วเพื่อนๆ”
“แดกไปคนเดียวเหอะ แค่ดูกูก็คลื่นไส้” ไอ้ปันยี้หน้าลูบคอ มันรีบลากแมคสีขาวบางๆขยับออกห่างจากไอ้คิวแทบจะทันที
“เฮอะ เรียนรัฐศาสตร์แล้วหยิ่งหรอเชี่ย ภายภาคหน้ามึงจะเป็นส.ส.นะเว้ยปัน ถ้าไปเจอชาวบ้านมึงก็ต้องปรับตัวให้ได้ ต้องอยู่ง่าย กินง่าย” แต่ที่มึงทำมันก็ง่ายเกินไปนะคิว
“ครวย ใครบอกมึงว่ากูจะเป็น ส.ส. กูเรียนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกูจะสมัคร อบต ต่างหาก ฮะๆ” เอา เอาเข้าไป เพี้ยนกันให้หมด เมื่อไอ้คิวล่อลวงไอ้ปันไม่สำเร็จมันก็เริ่มมองหาเหยื่อรายใหม่ และผู้โชคดีคนนั้นก็คือ
“เชน มึงเห็นไอโฟน4ดีกว่าเพื่อนมึงหรอ เงยหน้า แดกเกาเหลาผสมน้ำแข็งใสแล้วไปตายซะ” มันต้องเป็นดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะไม่ใช่หรอคิว
“ฮุ” ไอ้เชนส่งเสียงเซ็งๆ “ใครจะแดกลง ดูหน้าตาอาหารมึงดิ ทับทิมกรอบลอยคู่ถั่วงอกเลยสัด”
“มึงก็อย่าดูแค่หน้าตามันดิวะ สังขารมันเป็นสิ่งไม่เที่ยง ทุกอย่างล้วนอนิจจัง ไม่จีรัง พระพุทธองค์ทรงสอนว่าอย่ายึดติดรูปกายภายนอก” หน้าไอ้คิวเหมือนคนที่เข้าถึงรสพระธรรมมาก
“ซอรี่วะ พอดีกูเป็นคริสต์ไม่ค่อยสนิทกับพระพุทธองค์” พอถูกไอ้เชนปฏิเสธ ไอ้คิวก็บ่นงุบงิบๆคล้ายท่องคาถาแล้วเป่าใส่หน้าไอ้เชน
“เชี่ยแทน!!! มึงชื่อแทน มากินแทนเพื่อน” ไอ้แทนที่กำลังแอบย่องออกไปถึงกับสะดุ้ง มันส่ายหน้าคอแทบหลุด
“
ฮื่อ กูรักฟ่าง กูอยากอยู่กับฟ่าง กูไม่อยากให้มันเป็นหม้าย” กลัวตายเหมือนกันนี่หว่า เมื่อบังคับไอ้สามตัวนั้นไม่ได้ ไอ้คิวก็เริ่มเบนเข็มมาที่ผม ชิบหายแล้วกู
“งั้นมึงแดกเลยไอ้พีม แค่ดูให้มันเป็นศิลปะ”
“กูดูไม่ได้วะคิว ใครจะไปกินลงวะหรือมึงกินลง ลองกินให้กูดูหน่อยสิ เลิกเล่นๆเอาไปทิ้งไป”
“ฮึ๋ย พวกไม่เห็นคุณค่า” แล้วมันก็บ่นๆก่อนจะยอมเอาชามไปเก็บ ผมกับไอ้แทนได้แต่มองหน้ากันปลงๆ
กูอยากพาเพื่อนไปบำบัดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากอาการคุ้มคลั่งของไอ้คิวกลับสู่สภาวะปกติทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม พวกผมก็นั่งเล่นไปเรื่อย
ซักพักปันก็ต้องไปจัดรายการวิทยุของมหาลัย ส่วนไอ้คิวผมเห็นมันคุยโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จากนั้นไม่นานมันก็เดินผิวปากควงกุญแจรถออกไป
เลยเหลือผมที่นั่งขีดๆเขียนๆรูปในสมุดสเก็ต กับไอ้เชนไอ้แทนที่นั่งแชทคุยกันทั้งที่มันนั่งข้างๆกัน
“เชี่ย หึหึ”
“ไอ่เวร” พวกมันเป็นแบบนี้มาซักพักใหญ่ๆแล้วครับ มันด่าออกอากาศทีไร ผมก็ตกใจทุกที ก็อยู่เงียบๆพอมันสองตัวด่าโพล่งขึ้นมา ผมก็ถึงว่าแม่งด่าผม แต่ไม่ใช่ครับมันด่ากันเองเพราะพิมพ์ไม่ทัน
ห่า สร้างสรรค์จริงๆ
“ไงแทน รอกูนานมั้ยวะ” เสียงคุณชายข้าวฟ่างทักมาแต่ไกลพร้อมกอดคอไอ้เชนแล้วยิ้มกวนตีน เชี่ยแทนมองตาเขียวปั๊ด เหมือนอยากจะขว้างโทรศัพท์ใส่หน้าหล่อๆของไอ้ฟ่าง “อ้าวผิดคน โทษทีๆเชน กูเห็นหน้าคล้ายๆ นึกว่าแทน ฮ่าๆ” ฟ่างมันหัวเราะชอบใจ อามรมณ์ดีจังนะมึง ที่ให้พวกกูต้องมานั่งรอมึงเนี่ย
“เดี๋ยวจะโดนฟ่าง เดี๊ยะๆ” ไอ้แทนส่งสายตาพิฆาตให้แฟนมัน ฟ่างมันยังหัวเราะไม่สนใจ แต่ก็ยอมย้ายมานั่งข้างๆไอ้แทน จริงๆแล้วถูกไอ้เชนถีบไป
“พวกมึงนั่งรอกูหรอวะ”
“เออดิ นานเป็นชาติ จะกลับไปนอนอ่านหนังสือก็ไม่ได้กลับ พรุ่งนี้กูสอบโคตรตระกูลฟันทุกซี่”
“ตกลงมึงจะไปนอนหรือจะไปอ่านหนังสือ เอาให้แน่ เนอะแทนเนอะ”ไอ้ฟ่างดึงแก้มแฟนมันที่ดูจะนอยส์กับเรื่องเมื่อครู่ไม่หาย ไอ้แทนมันปัดมือไอ้ฟ่างออก ฟ่างเลยล็อคคอไว้
“ไปอ่านหนังสือเว้ย กูเครียดวะมึง แม่งเรียนหนักขึ้นทุกวัน”
“เออน่า ทนๆหน่อย กว่ามึงจะสอบเข้ามาได้ แถมเรียนมาได้ตั้งสองปี อีกแค่สี่ปีจิ๊บๆ แต่ถ้ามึงเครียดก็ฟันแก้เครียดไปพลางๆดิ ถนัดไม่ใช่หรอวะ”
“หึหึ เลวนะมึงเชี่ยฟ่าง เออๆงั้นกูกลับแล้ว เจอกันพรุ่งนี้ว่ะ พีมมึงกลับพร้อมกูมั้ย อ่อ ลืมไปรถกูมันก็แค่มินิ คงสู้เมอร์ซิเดสไม่ได้ งั้นกูไปนะ ฮะๆๆๆ” สาดดดดดดดดเชน
“กูขอแช่งให้ฟันมึงร่วงหมดปาก ไอ้หมอฟันดะ”มันหัวเราะยักไหล่พร้อมโบกมือให้พวกผม ผมมองตามไอ้เชนอยากลุกไปตบหัวแม่ง แต่พอหันกลับมาผมแทบจะมุดโต๊ะหนี ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างจะสิงกันแล้ว อายคนบ้างเถ๊อะ
“เออ ไอ้ภูมิละ น้องกูอยู่ไหน มึงแดกน้องกูแล้วใช่มั้ย” ขอบใจนะที่ยังมีกะจิตกะใจนึกถึงกู ผมชูรูปสัตว์สี่เท้าเล็มหญ้าที่ผมเพิ่งวาดเสร็จใส่หน้าพวกมัน มันสองตัวขำคิกคัก
“เราอย่าไปสนใจพวกมันเลยฟ่าง ป่ะ กลับบ้าน” แล้วแม่งก็กอดคอกันไปเฉยเลย เฮ้ยทำไมทิ้งกูไว้แบบนี้วะ หมา มึงมันหมาชัดๆไอ้แทน ทำคุณบูชาโทษโปรดเหี้ยแล้วอารมณ์เสียจริงๆเลยกู
“ไอ้ปัน ไอ้เชี่ย สาดดดดด กูจะฆ่ามึง ” ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก ไอ้มิควิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามา “อยู่ไหนวะ พวกมันละ ไอ้เชี่ยปันมันไปไหน บอกกูมาพีม”
“เฮ้ย อะไรมิค มึงเป็นไร”
“กูมาฆ่าไอ้ปัน มันอยู่ไหน”
“ไอ้ปันมันไปจัดรายการแล้ว มึงมีเรื่องอะไรกันวะ”
“โธ่ ก็กูอยากฆ่ามัน ทำไมมันไม่รอวะ” ไอ้มิคทรุดตัวลงนั่งและดึงทึ้งผมตัวเองแล้วดิ้นพล่านๆ
“ว่าไง มึงมีเรื่องไรกันถึงต้องแหกปากตามฆ่ามันแบบนี้” ไอ้มิคตวัดตามามองผมแบบเคืองๆ
“เลว ไอ้เพื่อนเลว มันแกล้งกู มัน มัน ให้กูจีบผู้หญิงปลอม ฮึ๋ย” แล้วไอ้มิคก็ก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาผม
“ห๊ะ ผู้หญิงปลอม?”
“เออ”
“ผู้หญิงปลอมคืออะไรวะ หุ่นหรอมึง”
“หุ่นพ่อง กระเทยโว๊ยยย มึงรู้จักมั้ย สาดดดดดดดด กูอยากตาย กูจะเอาหน้าไปเก็บไว้ไหนพีม กูอายยยยย” วินาทีนี้ผมอยากจะหัวเราะให้ดังๆ เรื่องแกล้งคนไอ้ปันเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่ผมไม่คิดว่ามันจะแกล้งไอ้มิคที่บ้าๆเหมือนมันได้ลงคอ แถมวิธีนี้ ฮ่าๆๆๆ ไอ้เชนก็เคยเจอมาแล้ว
“มึงไม่ดูดีๆก่อนวะ หึหึ” ผมพยายามกลั้นก๊ากสุดชีวิต เพราะถ้าหัวเราะมันตอนนี้ไอ้มิคคงของขึ้น แล้วอาจเตะปากผมก็เป็นได้
“ก็ใครจะเป็นรู้วะ แม่งสวยเว่อร์ สวยโคตรๆ นางเอกละครยังอายอ่ะมึ้ง พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจกูหรอกพีม พี่เค้าโคตรตรงสเป็คกูเลย อกเป็นอก เอวเป็นเอว ที่สำคัญ….” มันหันมาทำหน้าจริงจัง มันเอามือช้อนใต้หน้าอกตัวเองทำท่าประกอบยกขึ้นยกลง “ใหญ่มว๊าาก มึงขีดเส้นใต้ ทำตัวหนาเลยสัด ว่าใหญ่มากๆ” นี่คือประเด็นใช่มั้ยมิค
“หึหึ เออน่าหาใหม่ หล่อๆอย่างมึงไม่นานก็ได้ เออ แล้วทำไมมาคนเดียว ไอ้ภูมิละ” มัวแต่ฟังไอ้มิคเพ้อ ผมก็เพิ่งนึกได้ว่ามันมาคนเดียว
“อ้าว มันออกมาก่อนกูนิ คงไปเข้าห้องน้ำมั้ง งั้นกูนั่งรอไอ้ภูมิเป็นเพื่อนมึงนะ กูจะได้ปรับทุกข์ด้วย เนี่ยๆมึงรู้ป่าวคราวที่แล้วกูจีบดี้ คราวนี้กูไปม่อกระเทย แม่งโลกเอียงไม่เข้าใจกู ”
ผมยิ้มฝืดๆอย่าว่าแต่โลกเลยมิค ตัวกูเองยังไม่ค่อยจะเข้าใจมึงเท่าไรเลย สมแล้วที่มันกับไอ้ปันจะเป็นดูโอ้คู่เพี้ยน แต่กลับโดนเล่นซะงั้น หึหึ แม่งฮาวะ อยากเห็นหน้าพี่คนนั้นคงสวยมากแน่ๆ
ถ้าเรื่องนี้ถึงหูพวกไอ้คิว ไอ้มิคคงเละไม่เหลือซากแน่ๆ ผมเลยต้องกลั้นไว้ค่อยไปขำทีเดียว ฮ่าๆๆๆๆ(เลว) แต่มีไอ้มิคก็ดีเหมือนกัน ผมไม่ต้องนั่งรอภูมิคนเดียวแล้ว เพราะมีมันที่นั่งจิตหลุดเสียเซลฟ์อยู่เป็นเพื่อนผม ตอนแรกก็เหมือนจะดี แต่ตอนนี้มันชักจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วครับ
“พีม กูว่าช่วงนี้ดวงเนื้อคู่กูคงถูกดาวเสาร์โคจรเข้าแทรกวะ แล้วถูกดาวหางฟาดเคราะห์ใส่ ตามมาด้วยดาวหมีใหญ่ สงสัยจะออกนอกทางช้างเผือกแล้วไปโดนดาวนพเคราะห์” และอีกสารพัดดาว ตั้งแต่ดาวลูกไก่ยันดาวซินโดมไอ้มิคลากเข้าสู่วงโคจรชีวิตมันหมด
จากที่มันพล่ามเรื่องดาวอยู่ดีๆ ตอนนี้แม่งเปลี่ยนไปถึงเรื่องแห่นางแมวแล้วครับ ผมไม่คิดเลยว่ารอบตัวผมจะมีเพื่อนเพี้ยนๆอยู่ยั๊วเยี๊ยะขนาดนี้
ภูมิมึงอยู่ไหน เมื่อไรมึงจะมา ภูมิช่วยกูด้วย กูรับไอ้มิคไม่ได้ กูรับเพื่อนมึงไม่ได้ แต่ไอ้มิคก็ไม่ได้สนใจอาการหวาดกลัวของผมเลยแม้แต่น้อย มันยังสติลบ่นงุ้งงิ้งของมันต่อไป
“พีม” เสียงเรียกไม่ดังมาก แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน ผมหันหลังกลับไปหาเสียงนั้น ไอ้ภูมิมาแล้ว มันถือหนังสือกับสมุดแลคเชอร์สองสามเล่มเข้ามา แต่ไอ้มิคมันยังไม่หยุดพล่ามเลยครับ ไม่รู้ด้วยว่าเพื่อนตัวเองมาแล้ว
“กูว่านะถ้าแห่แมวไม่ได้ผล เราน่าจะแห่สิงโต จับสิงโตมาแล้วก็แบกรอบหมู่บ้าน คราวนี้ละมึงเอ๊ย ฝนตกเจ็ดวันเจ็ดคืน รับรองไม่มีแล้ง ฮี่ๆ” นอกจากจะไม่แล้งแล้วก็น่าจะไม่เหลือด้วย หมายถึงคนนะที่ไม่เหลือ ตายหมดแหละกูว่า ถูกสิงโตฉีกกินทั้งตำบล
“มึงเป็นไรมิค” ไอ้ภูมินั่งลงข้างๆผมก่อนจะถามอาการเพื่อนมัน นั่นแหละไอ้มิคถึงได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของไอ้ภูมิ
“เชี่ยภูมิ สาดดดด มึงรู้มั้ยกูไปเจออะไรมา มึงต้องช่วยกูนะเว้ย กูเสียใจ” ไอ้มิครีบฟ้องเลยครับ ภูมิมันส่ายหน้าเหมือนเห็นเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะหันมามองหน้าผม
“รอนานมั้ย"
“ไม่น๊าน กูรอได้ ก็แค่เกือบๆสองชั่วโมงเอง”
“หึ เว่อร์แล้ว” มันจะเอาหนังสือเคาะหัวผม แต่ผมหลบทันแล้วยิ้มยักคิ้วกวนตีนมัน แต่
“ภูมิ!!! หน้ามึงไปโดนอะไรมา” ผมเพิ่งสังเกตหน้าไอ้ภูมิ ผมจับหน้ามันมาดูใกล้ๆ มุมปากมันแตกช้ำเลือด
“ไม่มีอะไร แค่มีเรื่องนิดหน่อย” มันฝืนหน้าออกจากมือผม
“ทำไมทำแบบนี้วะ ที่นี่มหาลัยนะเว้ย มึงเป็นนักศึกษาไม่ใช่นักเลง ”
“มันควบสองสถานะมึงไม่รู้หรอ” ไอ้มิค มึงไม่ต้องสอดได้มั้ย ไอ้ภูมิเงียบมันถอนหายใจเหมือนรำคาญ กล้ารำคาญกูหรอ กูนั่งรอมึงแต่มึงกลับไปมีเรื่องมา สมควรมั้ย
“กูจะไม่ห้ามเพราะไม่มีสิทธิ์ แต่กูขอได้มั้ยวะ”
“ชีวิตเพื่อฆ่า หัวใจเพื่อเธอ ถ้ามันจะหยุดมันก็หยุดตั้งแต่แม่มันบอกแล้วมึง” ไอ้นี่ก็ทำหน้าที่ตัวประกอบได้ดีสมราคาค่าตัวจริงๆ
“ได้มั้ยภูมิ” ผมไม่สนใจไอ้มิค ยังคงจ้องหน้าไอ้ภูมินิ่ง
“ก็ไอ้เหี้ยนั่นมันกวนตีน แม่งมองหน้ากู”
“เชี่ยเอ๊ย นี่หรอเหตุผลของมึง ทำไมมึงไม่คิดบ้างว่ามันอาจจะถูกชะตา หน้ามึงเหมือนพ่อมัน มึงหล่อ มันอยากรู้จักเลยมอง ถ้าแค่มองหน้ากันแล้วต้องมีเรื่อง คนไม่ยิงกันทิ้งวันละหลายหมื่นหรอวะ ถ้างั้นตอนนี้ที่กูมองหน้ามึง มึงก็จะต่อยกูงั้นสิ”
“ถึงต้องตาย ก็จะไม่ทำร้ายเธอให้เจ็บแม้แต่ปลายเส้นผม”
“มึงหุบปากไปเลยมิค เดี๋ยวกูลากคอไปให้ผู้หญิงปลอมลงแขกเลยสัด”
“เชี่ยปากหมา กูเกลียดมึงแล้วไอ้พีม ไอ้เบียร์ละภูมิ มันไปช่วยมึงใช่มั้ย มันอยู่ไหนมันจะกลับพร้อมกูมั้ย”
ไอ้มิคมองผมตาเขียว มันลุกขึ้นยืนแล้วรีบถามหาตัวช่วย อ๊อ ไอ่เบียร์ก็เอาด้วย เรียนนิติซะเปล่าแม่งชอบใช้กำลัง หรือมันคิดจะใช้อำนาจกฎหมายหาช่องทางรังแกชาวบ้าน
“มันเคลียร์ซากไอ้พวกนั้นอยู่ มึงกลับไปก่อนไปมิค”
“เออก็ดี กูจะรีบไปเผาบ้านไอ้ปัน แม่ง” ตอนนี้เหลือแค่ผมกับภูมิ และนักศึกษาวิศวะอีกประปรายที่นั่งทำรายงาน บางคนก็ใส่ชุดเหมือนเตรียมไปเตะบอล ไปออกกำลังกาย แต่ไม่มีใครสนใจผู้ชายสองคนที่กำลังนั่งจ้องหน้ากันอยู่
“ภูมิ”
“……………………….”
“วันนี้แค่ชก มึงอาจจะแค่ปากแตก แต่ถ้าวันนึงมันมากกว่านี้ละ ถ้าพวกมันลอบกัดอยากเอาคืนมึงบ้าง ถึงขั้นเอาชีวิต แล้วจะทำยังไง คิดบ้างดิวะ”
“เออๆ กูไม่รับปากแต่จะพยายาม กลับบ้านได้แล้ว” มันพูดเสียงเรียบๆแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปที่รถ ผมได้แต่มองแผ่นหลังของมันแล้วก้มหน้าพูดกับตัวเอง
“กูก็แค่ห่วงมึง” ขาที่ก้าวได้แค่ก้าวเดียวของมันหยุดลง ภูมิหันกลับมาหาผมพร้อมกับดึงแขนให้ลุกเดินไปด้วยกัน
“อย่าห่วงเลย เพราะถ้ากูยังไม่ได้บอกรักมึง กูไม่ตายง่ายๆหรอกพีม”แล้วถ้ากูกลั้นใจตายเพราะประโยคนี้ของมึงล่ะ แสรดดดดดดดด กูไม่ห้ามก็ได้ กูตามใจมึงทุกอย่างเลย