d o u b l e M
f i f t e e n
“กรี๊ดดดดด!! อาจารย์ขา! มีนณนนท์เป็นลม!!!”
ปัทมาวตีผลักประตูเข้าไปให้ห้อง อาจารย์ผู้สอนทำหน้าตกใจและหันมองก่อนรีบเดินออกมาที่นอกห้อง รามินทร์เองก็เช่นกัน..
“แม่งเอ๊ย!” รามินทร์สบถ ยกศีรษะเล็กขึ้นวางบนตักแล้วควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเลือดที่จมูกรั้นออก “มีน มีน!”
“อือ..” เขาได้ยิน ได้ยินทุกอย่าง แต่มันลืมตาไม่ขึ้น..
“พาไปห้องพยาบาลเถอะ” อาจารย์ว่า ไล่เด็กที่ออกมายืนดูให้เข้าห้อง แล้วสั่งงานกับหัวหน้าชั้น “ปัทมาวตีตามมาด้วย”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากนะครับ แค่หน้ามืดเท่านั้น ให้นอนพักก็ดีขึ้นครับ” อาจารย์ประจำห้องพยาบาลบอก
“แล้วเลือดล่ะคะ!!?” ป่านถาม
“อากาศร้อนและอาจจะตากแดดนานไป”
“แล้วนี่พากันไปทำอะไรทำไมเพื่อนถึงได้เป็นอย่างนี้หะ!?”
“คือ.. ก็เดินไปซื้อของกันที่มินิมาร์ทค่ะ หนูไม่รู้ว่ามีนจะเป็นแบบนี้ แถมยังพาวิ่งอีก เลยสะดุดล้มที่บันไดด้วย... แต่ไม่ตกนะ! ดึงไว้ทัน!” ป่านรีบพูดเมื่อรามินทร์ตวัดตามอง เด็กหนุ่มมองสำรวจร่างกายของเพื่อนสนิทที่นอนอยู่ หัวเข่ามีรอยสีแดง เดี๋ยวไม่นานมันต้องเปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำแน่ ๆ
“เธอนี่มัน!” อาจารย์เขกหัว
“เจ็บนะคะ”
“ไป ๆ ไปเรียนได้แล้ว รามินทร์ก็ด้วย ไปเรียน!”
“ผมขออยู่ไม่ได้เหรอครับ?”
“ไม่ได้!”
“รามินทร์! มีนเป็นไงบ้าง?”
“เป็นลม” เพื่อนในห้องเริ่มเข้ามามุงเพื่อถาม รามินทร์ตอบแบบขอไปที ยัดหนังสือใส่ช่องโต๊ะแล้วลุกขึ้น เพื่อที่จะไปกลับไปห้องพยาบาลอีกครั้ง เขาเรียนแทบไม่รู้เรื่องเพราะคอยแต่มองนาฬิกาตลอดว่าเมื่อไหร่มันจะหมดเวลาสักที
“รามินทร์ ไปไหน!?” จันทร์เจ้าร้องถาม
“ไปหามีนา”
“เราไปด้วย!!”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวก็เข้าเรียนแล้ว” ไม่รอให้งอแงเขาก็เดินออกจากห้อง ต้องสบถออกมาเสียงดังเมื่อเห็นคนที่กำลังจะไปหา เดินเซ ๆ ขึ้นบันไดมา ยิ่งเห็นคราบเลือดเป็นวง ๆ บนเสื้อนักเรียนสีขาวนั่นแล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“มาทำไม!”
“ฮือ..”
“มีนครับ”
“หือ? หายไปคาบหนึ่งแล้ว เดี๋ยวเรียนไม่ทัน”
“น่าจะนอนพัก แล้วเจ็บขาหรือเปล่าครับ?”
ก้มมองขาตัวเอง ที่หัวเข่ามีรอยสีม่วงช้ำอยู่ มันไม่ได้เจ็บถ้าไม่ไปโดนรอยช้ำ จึงส่ายหน้าให้รามินทร์
“เวียนหัวหรือเปล่า”
“ไม่แล้ว” ยิ้มให้รามินทร์และเดินกลับเข้าห้องเรียนไปด้วยกัน จริง ๆ ปวดหัวอยู่นิดหน่อย แต่ไม่บอกรามินทร์ดีกว่า เดี๋ยวโดนดุ ไม่ดี ๆ “อย่าทำหน้างั้นดิ มันเป็นอุบัติเหตุอ่ะ นี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...”
“ปากดีจังนะอีดอก!” ชะงักมือที่กำลังจะผลักประตู มีนหันไปมองหน้ารามินทร์ รู้สึกเหมือนจะมีอะไร เสียงป่านดังขนาดนั้น...
“แล้วจะทำไม!? แหม ๆ หายไปกันสองคนตั้งนาน แถมพอกลับมาก็เป็นลมหมดแรงไปซะงั้น ไปทำอะไรกันมาล่ะ? ในโรงเรียนแท้ ๆ เฮ้อ”
หือ...
“สมองมึงคิดได้แค่นี้เหรอ!”
“ถ้าไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหน แกล้งให้อาจารย์สงสารหรือไง เอ๊ะ หรือจะไปอ่อยครูห้องพยาบาล” มีนกำมือแน่น คนที่ถูกกล่าวถึงในบทสนทนานั้นคือเขาแน่ อยากจะผลักประตูเข้าไปแต่รามินทร์ห้ามไว้ ทั้งที่รามินทร์ก็โมโห...
“อย่ามาว่าพี่มีนนะ!!”
“มินทร์.. เสียงน้องจิ๋ว”
“ฟังก่อนครับ จะได้เล่นถูกจุด” มีนกลืนน้ำลาย สีหน้ารามินทร์ตอนนี้น่ากลัวมาก แต่ก็ยังพูดเสียงนิ่มกับเขาอยู่ได้!
“อุ๊ย มีปกป้องด้วย”
“ก็นั่นเพื่อนเรา!!”
“รักกันจังเลยนะ”
“แน่นอนสิ! นุ่นไม่มีเพื่อนสนิทเหรอถึงได้มาว่าคนอื่นอยู่ได้! นิสัยไม่ดี!”
“แล้วมึงดีมากหรือไง! แล้วเพื่อนมึงนี่ดีมากจากไหนทำไมจะว่าไม่ได้ ทำตัวน่ารำคาญ อ่อยคนนู่นคนนี้ไปทั่ว ยี้!”
รามินทร์เปิดประตูเข้าไป ภายในห้องเงียบกริบลงทันที คนปากดีเมื่อสักครู่หน้าซีดเผือด
“พี่มีน! ทำไมไม่อยู่ห้องพยาบาล” จันทร์เจ้าวิ่งเข้ามากอด มีนเซนิดหน่อย ทำให้มือหลุดจากการกุมของรามินทร์ด้วย สักพักก็ตั้งตัวได้ มือเรียวยกตบหลังจันทร์เจ้าเบา ๆ
“หายแล้ว จะนอนทำไม”
“เอ้า ๆๆ ปากดีให้เหมือนตอนอยู่ลับหลังหน่อยสิคุณ” ป่านพูด รวบกระโปรงยกขาถีบโต๊ะใส่นุ่น ฝ่ายนั้นถลึงตามอง
“มีอะไรเหรอ?”
“อ๋ออออ เรื่องของคนขี้ขลาด ขี้อิจฉาอ่ะมึง พอเจ้าตัวไม่อยู่ก็ปากดี พอเขามาก็เงียบกริบ” ป่านพูดพลางเบ้ปาก มองเหยียดไปที่นุ่น
“นี่!!!”
“อะไร!? พูดสิ พูด พูดเหมือนตอนที่มันไม่อยู่น่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง!”
“มีนไปนั่งครับ จันทร์เจ้าพาไปดิ๊” รามินทร์หันมาสั่ง จ้องหน้านุ่นเขม็งจนอีกฝ่ายหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม และพูดเสียงนิ่ง ทำเอาคนฟังขนลุกซู่ “อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่กล้าทำอะไร ถ้าได้ยินว่าพูดไม่คิดอีก ก็ระวังตัวด้วย”
“ไม่สบายแน่เลย” รามินทร์พูดด้วยสีหน้ากังวล มือใหญ่วางแนบหน้าผากของมีน
“สบาย~” ดันมือเพื่อนตัวสูงออก แล้วยิ้มให้เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต หัวใจเขามันเต้นแรงอีกแล้ว..
“หน้าขัดกับคำพูดมาก กลับบ้านกันเถอะ”
“อ้าว งั้นเดี๋ยวกลับเองก็ได้ มินทร์ก็ไปซ้อมดิ”
“ไม่ล่ะ กลับด้วย ซ้อมแค่นี้พอ เก่งแล้ว” เบ้ปากหมั่นไส้ รามินทร์หัวเราะ บีบจมูกลูกแมวเหมียวหนึ่งที “ป่ะครับ”
“โอ๊ะ!” พอลุกก็วูบอีกแล้ว รามินทร์จ้องเขม็งเลย รู้สึกว่าเดี๋ยวต้องป่วยแน่ ๆ ไม่อยากโดนบ่นแล้ว รามินทร์ขี้บ่นเป็นคนแก่เลย งืม
“มีน!”
“ฮือ อย่าเสียงดังสิ”
“เฮ้อ กลับบ้านเลยเถอะ ตัวอุ่น ๆ แล้ว” จะเถียงก็ไม่ได้เพราะที่รามินทร์พูดมามันก็ถูก รามินทร์ตะโกนบอกเวฟว่าจะกลับแล้ว และจูงมือพี่ออกมาจากสนาม ได้ยินเสียงพี่เจ็นเนอร์ตะโกนด่าด้วย แต่รามินทร์ไม่สน จะถูกทำโทษหรือเปล่าเนี่ย ไอ้หมีดื้อ!
นั่งแท็กซี่มาถึงบ้านเพราะรามินทร์ไม่ได้บอกให้คนที่บ้านมารับ(โทรบอกที่บ้านแล้วว่าจะไปบ้านมีน) และเจ้าตัวก็บอกจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าแม่จะกลับจากทำงาน...
“นี่ไม่ได้ป่วยนะเว้ย!”
“มีน” มองยาในมือรามินทร์แล้วก็สยอง โอ๊ยยยย บอกว่าไม่ได้ป่วยจะให้กินยาทำไม!
“ยังไม่ป่วยเลย ไม่กินนนนน สบายมากกกกกกกก” แต่รู้สึกปวดหัวหน่อยนึง.. กรรม
“กินดักไว้ก่อนไง หยุดเลย อย่าเพิ่งนอน!”
โอ๊ยยยย นี่เพื่อนหรือพ่อวะ! หน้างอมองรามินทร์ ไอ้ตาหวานยังทำหน้ดุใส่ ลุกขึ้นนั่งอย่างไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ คว้าเม็ดยาจากมือรามินทร์แล้วโยนเข้าปาก รับแก้วน้ำมาดื่มตาม ไอ้หมียิ้มพอใจ
“จะนอนเหรอครับ? นอนตอนนี้เดี๋ยวปวดหัวนะ”
ยู่ปาก ทำหน้าคิด ก็รู้แหละว่านอนตอนเย็นมันไม่ดี แต่รู้สึกเพลีย ๆ ง่วง ๆ สงสัยจะได้ไม่สบายจริง ๆ แม่จ๋าต้องบ่นแน่เลย โอ๊ยยยยย
“ไม่นอนก็ได้ ไปดูทีวีข้างล่างดีกว่า ทำการบ้านด้วย มินทร์ช่วยสอนวิชาของอาจารย์ศศิธรด้วยนะ”
“ครับ”
หลังจะเปลี่ยนชุดนักเรียนออก ก็ย้ายลงมาที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างก็หอบผ้าห่มและตุ๊กตาเป็ดเหลืองมาด้วย นั่งให้รามินทร์สอบการบ้านตั้งแต่สี่โมงเย็นจนตอนนี้ เผลอมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังตั้งใจสอนแล้วยิ้มกับตัวเอง รามินทร์เป็นคนที่ดูดีอยู่แล้ว พอตั้งใจหรือจดจ่อกับอะไรยิ่งดูดีขึ้นไปอีก
มองเอง คิดไปเอง เขินเอง แล้วก็ใจเต้นแรงเองซะงั้น บ้าไปแล้วไอ้มีน โดนป่านล้างสมองแล้วแน่เลย ไม่น่าไปคุยกับมันเลย ฮือ TwT
“มองอะไรครับ?”
“หะ? อ อ๋อ.. แค่คิดว่ารามินทร์เท่ดีตอนตั้งใจทำอะไร” จบท้ายด้วยยิ้มหวาน ๆ
รามินทร์เบิกตาก่อนจะผิวปากถูกใจแล้วหัวเราะออกมา รอยยิ้มสว่างจ้างเล่นเอามีนหน้าแดงอีกหน
“หน้าแดงจัง มีไข้หรือเปล่าเนี่ย?” ไม่ว่าเปล่า ยื่นมือมาทาบหน้าผากพี่อีก มีนผงะเล็กน้อยตอนถูกสัมผัส ตาสวยกระพริบถี่ ๆ ช้อนมองเพื่อนตัวสูงที่อยู่ไม่ใกล้ หัวใจเต้นตึกตักระรัวจนอดกังวลไม่ได้ กลัวว่ารามินทร์จะได้ยิน...
“ง งั้นมั้ง..”
“หึหึ”
“หัวเราะอะไรเล่า!”
“ปกติไม่เห็นพูดแบบนี้” รามินทร์ใช้ดินสอเคาะหน้าผากมีนเบา ๆ
“สงสัยหัวฟาดพื้นแล้วสมองกระทบกระเทือน” ไอ้หมีหุบยิ้ม ทำหน้าดุ มีนยิ้มแหย่แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “เริ่มหิวละ หาอะไรกินกันดีกว่า”
รามินทร์ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินตามเข้าไปที่ครัว เจอคนตัวเล็กหน้ามุ่ยอยู่หน้าตู้เย็น
“มีแต่ไข่”
“ออกไปซื้อไหม? น้ากานต์จะกลับกี่โมง?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน กะจะทำกับข้าวไว้รอแม่สักหน่อย ไม่มีอะไรซะงั้น” บ่นงุ้งงิ้งอยู่คนเดียวแล้วปิดตู้เย็น มองรามินทร์ที่ยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์แล้วเบ้ปาก นี่ก็ขยันหล่อจริง ๆ
“ออกไปซื้อไหมครับ?”
“ไปดิ ไม่ไปจะกินอะไร แทะขาโต๊ะเหรอ?”
“เดี๋ยวจะโดน”
“คึคึคึ โอ๊ะ!” เดินไม่ระวัง สะดุดขาตัวเองซะงั้น “แหะแหะ”
“ไม่ต้องหัวเราะเลย ระวังตัวเองหน่อยสิครับ ขาช้ำขนาดนั้นแล้วยังจะหาเรื่องเจ็บตัวอีก”
บีบปากรามินทร์ “ขี้บ่นจังวะ!”
“มีน!!! อย่าวิ่ง!”
ไม่ทันแล้วโว้ยยยย มีนหัวเราะคิกคัก วิ่งขึ้นชั้นสองเพื่อเอาเสื้อแขนยาวและกระเป๋าสตางค์ ไม่ได้กลัวดำ แต่มันร้อน ฮ่วย! เห็นขาตัวเองสะท้อนในกระจกแล้วสยอง มันช้ำน่ากลัวมาก แถมเริ่มจะปวดแล้ว หาเรื่องให้ตัวเองแท้ ๆ ถ้าแม่จ๋าเห็นต้องโดนด่าแน่ ๆ
“อย่าปั่นส่ายดิ!!”
“ปั่นส่ายอะไร ปั่นจักรยาน”
ป๊าบ!!! มีนฟาดเข้าที่ไหล่รามินทร์เต็ม ๆ เป็นรางวัลให้คนกวนประสาท รามินทร์ร้องโอ๊ยแล้วหัวเราะ เรากำลังจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตหน้าปากซอยกัน เพราะมันไม่ได้ไกลอะไรเลยยเลือกที่จะใช้จักรยาน รามินทร์เป็นคนปั่น มีนเป็นคนซ้อน
มีนดึงหมวกของเสื้อแขนยาวมาคลุมศีรษะ ก่อนจะวางมือทั้งสองบนไหล่ของเพื่อนสนิทแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
“เฮ้ย! อย่ายืนดิ”
“โวยวายอะไร ปั่นไปดิ! อย่าล้มนะ”
“กลัวล้มก็นั่งดิครับ”
“ม่ายยยยยยย เหวออออ!”
ร่างเล็กโน้มไปด้านหน้า โอบแขนกอดคอรามินทร์ไว้อัตโนมัติ ใบหน้าน่ารักซีดเผือดและหายใจแรงเพราะความตกใจ ที่ผ่านมาเมื่อกี้มันมีลูกระนาดชะลอความเร็วอยู่ ด้วยความที่มัวแต่ทะเลาะกันเลยไม่ทันมอง แรงกระแทกจึงทำให้ร่างเล็กเซไปด้านหน้า โชคดีที่จับรามินทร์ไว้ทัน ไม่งั้นต้องตกแน่ ๆ และก็โชคดีมากด้วยที่ไม่ล้ม...
“นั่งเลยครับ!!” รามินทร์ตะคอกใส่ แต่เขาตะคอกเพราะเป็นห่วง เขาไม่อยากให้มีนต้องมาเจ็บตัวอีก และถ้าร่างเล็กตกจากจักรยานก็เป็นความผิดเขาด้วยที่ไม่ระวัง
มีนหน้าจ๋อย ยอมนั่งแต่โดยดี มือเล็กทาบตำแหน่งหัวใจที่ยังเต้นตุบ ๆ พรูลมหายใจออกมาแล้วสะบัดศีรษะเบา ๆ ดีนะที่หน้าด้านหลัง ถ้ารามินทร์เห็นว่าเขาหน้าซีดจะต้องโดนดุแน่ ๆ
จอดจักรยานไว้ที่สำหรับจักรยานแล้วจึงพากันเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ต ทั้งคู่เลือกซื้อของกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อน
“มีน”
“ว่า?”
“ปวดหัวไหม?” ถามเพราะตอนปั่นจักรยานมาก็ตากแดด แล้วต้องมาเจอแอร์เย็น ๆ ข้างในอีก..
มีนนิ่ง ก่อนส่ายหัว “หึ ไม่ปวดหรอก”
“โอเค”
“เบื่อป่ะ บอกว่าไม่ต้องมาด้วยก็ไม่เชื่อ?”
“ไม่เบื่อหรอก ไปซื้อของกัน”
“มินทร์” เรียกชื่อพร้อมช้อนตามอง “อยากขึ้น”
“หือ เอาสิ”
“เย้เย้” มีนร้องดีใจก่อนปีนขึ้นไปนั่งในรถเข็น จัดของให้ไปอยู่ด้านหน้าส่วนตัวเองก็นั่งขัดสมาธิเอนหลังพิงกับขอบรถเข็นด้านแฮนด์จับ รามินทร์ส่ายยหน้าเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มเบา ๆ ผู้คนต่างมองมาที่พวกเขาแต่หากทั้งมีนและรามินทร์ก็ไม่ได้สนใจ
“เลี้ยวซ้ายยยยยย” มีนบอกเสียงใส รู้สึกสนุกเหมือนได้ย้อนเวลาไปตอนเด็ก ๆ แต่.. ตอนนี้เขาก็ยังไม่แก่นี่หว่า เพิ่งจะ 17 เองด้วย ไม่ได้วางแผนตาตอนอายุ 20 สักหน่อย งืม “จอดก่อน มินทร์หยิบเบค่อนมาห่อนึง”
รับห่อเบค่อนจากรามินทร์มาวาง ตอนนี้ของทุกอย่างใกล้จะครบแล้ว เมื่อกี้แม่จ๋าโทรมาถามว่าอยากกินข้าวกับอะไรจะได้ซื้อไป แต่พี่บอกไปแล้วว่าอยู่ซุปเปอร์ ฯ กับรามินทร์ แม่จ๋าก็บอกโอเค น้องมีนอยากกินอะไรก็ซื้อมานะคะ คุณแม่ฝากผักกาดขาวกับหมูสับด้วย
“แค่ก ๆ”
“หืม?”
“แค่คันคอ อย่ามาทำหน้าดุดิ”
“ถ้าป่วยจะโดนนะ”
“โดนอะไร?”
“โดน...” รามินทร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่ในรถเข็น “ไม่บอก”
“เลวมาก!” แยกเขี้ยวใส่แล้วหันหน้าหนี รามินทร์หัวเราะ ยีผมนุ่มแรง ๆ มีนแสร้งทำหงุดหงิด ปัดมือรามินทร์ออก ริมฝีปากสีเชอร์รี่เม้มเข้าหากันและจิกมือตัวเอง เมื่อกี้ตอนที่รามินทร์ยื่นหน้าเข้ามาพี่เผลอกลั้นหายใจเลยนะ... ไม่โอเคเลยอ่ะ รู้งี้ไม่ยอมรับดีกว่าว่าชอบ... เอ่อ.. ชอบรามินทร์ ฮือ รู้สึกว่าจะรวนมาก ๆ เลย
“ปัญญาอ่อนหรือไง!?” เสียงติดแหลมดังขึ้นทำให้มีนหันไปมอง เขาเจอกับนุ่นที่ยืนจิกตามองอยู่ บ้านนุ่นอยู่แถวนี้คงมาซื้อของกับแม่.. มองอยู่ไม่นานเธอก็สะบัดหน้าเดินจากไป อะไรของเขาวะ อยู่ดี ๆ ก็มาว่า เป็นบ้าหรือไง
จากเหตุการณ์วันนี้ทำให้รู้ว่านุ่นดูจะไม่ค่อยชอบมีนเท่าไหร่ จริง ๆ ก็ทั้งแก๊งดอกทานตะวันเลยมั้ง เศร้าจัง เกิดมาหน้าดีก็โดนเกลียดเฮ้อ...
เขาเข้าใจนะ ไม่ได้โกรธอะไรหรอก
มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด มีคนชอบก็ต้องมีคนชัง เรื่องธรรมดามาก ๆ
“หน้างอจัง เป็นอะไรครับ?” รามินทร์ถาม มีนย่นจมูกทำปากยื่น จนรามินทร์ต้องยื่นมือไปบีบอย่างหมั่นเขี้ยว
“มินทร์แหละ ไปนาน” พาลเลย รามินทร์ไปโซนผลไม้มาเพราะลืมเอาองุ่นมาด้วย ปล่อยให้มีนรออยู่อีกบล็อค เลยเจอกับนุ่นไง ตอนนั้นก็นั่งอยู่ในรถเข็น ฮึ่ย!
ความจริงก็ไม่อยากโกหกหรอก แต่เดี๋ยวรามินทร์จะทำอะไรนุ่นได้ เพราะหวนนึกถึงที่รามินทร์พูดในห้องเรียนแล้วก็นึกกลัวขึ้นมา สายตาว่างเปล่ากับใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์และคำพูดที่ทำเอาคนฟังรู้สึกเย็นเยือกนั่นทำเอามีนกลัวไปด้วย นุ่นถึงกับหน้าซีดไปเลย เพื่อนในห้องก็พากันเงียบกริบ
“ขอโทษคร้าบบบ ของครบหรือยัง?”
“ครบแล้วววว ไปจ่ายตังค์กัน~” พูดถึงจ่ายตังต์แล้วก็นึกกังวล เงินจะพอไหมเนี่ย ซื้อซะเยอะเลย ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ใช้บัตรจ่ายก็ได้แล้วค่อยเอาบิลเบิกกับแม่จ๋า คึคึ
“เอ่อ.. ที่พูดกับนุ่นตอนอยู่โรงเรียนอ่ะ พูดเล่นป่ะ?” เงยหน้าถามคนที่อยู่ข้าง ๆ พี่ลงจากรถเข็นแล้วน่า...
“ไม่รู้สิ”
“หูย... นั่นผู้หญิงนะ”
“ให้ป่านจัดการ”
โถถัง...
“ไม่ทำอะไรหรอกนะ รามินทร์ใจดี๊ ใจดี”
ใจดีกับมีนคนเดียวนั่นแหละครับ...
“ดูก่อน ถ้ายังพูดอะไรไม่คิดอีกก็ไม่แน่ ไปครับ จ่ายตังค์ ถึงคิวแล้ว”
ไอ้หมีเปลื่ยนเรื่องเฉยเลยอ่ะ คนชิคเซ็ง!
สุดท้ายเงินสดไม่พอจริง ๆ ด้วย แต่รามินทร์ใจดีให้ยืมก่อน ฮืออออ คนดีของพี่ TwT
----------------------------------
สวัสดีจ้าาาาา พายัยหนูมาส่งแย้ววววว
แวะมาอัพก่อนออกเดินทาง พรุ่งนี้จะกลับไทย ตื่นเต้นนนนน 555555555555555555
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะคะ ที่แวะเข้ามาอ่าน .โป้งชี้ก้อย
อ๊าาาาา!!! เรามีเพจแล้วนะเบ๊บ เขินอ่ะ55555555555555 /)_(\
Heartbreakxr's