ตอน 17
PART 2
“เมื่อกี้กูไลน์ไปอวยพรวันเกิดมันแล้วบอกว่าคืนนี้คงไปหาไม่ได้เพราะวันนี้จะพาที่บ้านไปเที่ยวกาญฯ มึงว่ากูเนียนไหม?” แจ็คหันหน้าจอมือถือออกจากตัวแล้วรุ่นน้องทั้งสองคนก็ขยับเข้ามาดูใกล้ ๆ เพื่อช่วยดูว่าข้อความที่พิมพ์ไปมันโอเคแล้วหรือยัง
“กูว่ามันเชื่อ เพราะมึงไม่ตอแหลบ่อยเหมือนกูอะพี่”
“แล้วโซ่ควรทำยังไงดีครับพี่แหลม?”
“มึงอย่าเพิ่งทักไปนะเดี๋ยวมันจับสังเกตได้ เชี่ยพี่ธีร์แม่งฉลาด ถ้าพวกเราพร้อมใจกันเงียบมันต้องสงสัยแน่ว่ามีแผนอะไรอยู่ แต่ถ้าทักไปเวลาไล่เลี่ยกันก็ไม่ควร เพราะงั้นกูถึงได้บอกให้พี่แจ็คทำทรงว่าจะไปกาญฯ กับที่บ้าน ส่วนกูนัดกับมันแล้วว่าจะไปหาตอนค่ำตรงนี้คือไม่มีปัญหาละ”
“พี่ตั้บล่ะครับ ต้องเฝ้าร้านใช่ไหม?”
“ถูก แต่รายนั้นพี่ธีร์มันเข้าใจไงว่าต้องฝังรากแห้งตายคาร้าน ไม่สามารถย้ายกระหม่อมดากออกจากเก้าอี้ได้ มันสองคนเลยตกลงกันว่าจะเลี้ยงหมูทะย้อนหลังเอา”
“แบบนี้ก็เหลือโซ่คนเดียวน่ะสิครับ โซ่เงียบไม่ได้แล้วด้วย เพราะพี่ธีร์บอกแล้วว่าเกิดวันนี้”
ทั้งสามคนยืนล้อมวงกันอยู่กลางห้างในวันที่รอบด้านถูกโอบล้อมไปด้วยสีแดงและสีเขียวในเทศกาลคริสต์มาส โซ่ค่อนข้างตื่นเต้นเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเซอร์ไพรส์วันเกิดสำเร็จเลย ครั้งแรกที่มีความคิดแบบนั้นก็ตอนอายุแปดขวบ จำได้ว่านั่งสะอึกสะอื้นร้องไห้เพราะทำใจทุบกระปุกออมสินไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ยอมทุบเพราะโซ่จำเป็นต้องเอาเงินไปใช้ พ่อเห็นอย่างนั้นจึงหัวเราะพร้อมลูบหัวเขาและบอกว่า
‘ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพ่อซื้อคุณหมูตัวใหม่ให้’
โซ่ถึงหยุดร้องไห้ แล้วเอาถุงผ้าของโรงเรียนมาใส่เหรียญทุกบาททุกสตางค์
เด็กแปดขวบไม่เคยถือของหนักขนาดนั้น แม้แต่กระเป๋าที่สะพายไปโรงเรียนทุกวันก็ยังสู้ถุงผ้าที่เต็มไปด้วยเหรียญไม่ได้ พ่อหันมาถามว่า ‘โซ่จะซื้ออะไรเป็นของขวัญวันเกิดให้แม่ครับ?’ เด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนนั้นจึงตอบว่า ‘หมอนฮะ โซ่อยากให้แม่นอนเยอะ ๆ’
ในตอนนั้นโซ่ไม่เข้าใจว่ารอยยิ้มของพ่อหมายความว่าอย่างไร กระทั่งเวลาผ่านไปจนรู้จักโลกใบนี้ประมาณหนึ่ง เขาจึงรู้ว่าสายตาและรอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าของพ่อนั้นล้วนแต่ออกมาจากความภูมิใจ
ขากลับไม่รู้สึกหนักแล้วเพราะใช้เหรียญไปจนหมด แต่โซ่มองไม่ค่อยเห็นทางเลยเพราะหมอนที่ซื้อเป็นของขวัญให้แม่ใบใหญ่เกือบเท่าตัวเด็กแปดขวบแน่ะ
นาน ๆ ครั้งพ่อแม่ลูกถึงจะได้นั่งกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อกับแม่คุยเรื่องงานกันและต่อด้วยเรื่องคุณปู่กับคุณย่า ส่วนเด็กแปดขวบที่เคยเจริญอาหารกลับเอาแต่ถือส้อมพลาสติกสีขาวลายมิกกี้เมาส์ไว้ในมือโดยที่ของโปรดยังคงอยู่ในจาน ผ่านไปไม่กี่นาทีก็หันไปสะกิดพ่อเพราะอยากรู้ว่าใกล้ถึงเวลาเซอร์ไพรส์แม่แล้วหรือยัง โซ่รอไม่ไหวแล้ว โซ่อยากเห็นแม่ยิ้มกว้าง ๆ แล้วใช้หมอน
แต่เป็นเพราะมีพิรุธมากเกินไปแม่จึงหันมาสบตากับเด็กน้อยวัยแปดขวบ พร้อมถามด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ว่า ‘ลูกของแม่มีอะไรอยากบอกหรือเปล่านะ?’ คนไม่เคยโกหกถึงกับทำตาโตพร้อมนั่งนิ่งหลังตรง โซ่รีบหันไปขอความช่วยเหลือจากพ่อที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ซึ่งคนช่วยกันวางแผนกลับนั่งกินข้าวโดยไม่ช่วยพูดอะไรเลย ทำไมพ่อหักหลังกันล่ะเนี่ย
‘โซ่ยังบอกไม่ได้ฮะ ถ้าแม่อยากรู้แม่ต้องกินข้าวให้หมดก่อนนะ’
‘หืม แม่ต้องกินข้าวให้หมดเลยเหรอครับ?’
‘ใช่ฮะ พ่อบอกแม่หน่อยสิฮะว่ากินข้าวเยอะ ๆ แล้วจะมีของขวัญมาวางอยู่หน้าบ้าน’
หัวหน้าครอบครัวกำมือป้องปากขำกับคำพูดคำจาของเด็กน้อย โซ่มองตาแป๋วหวังให้สนับสนุน และท่านก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มแม่เบา ๆ พร้อมบอกว่า
‘ใช่ที่รัก คุณต้องทำตามที่ลูกบอกนะ’
แม่ยิ้มขำแล้วพยักหน้าก่อนจะเริ่มกินข้าวต่อทั้งที่ยังสบตากับเด็กแปดขวบคนนั้นเพื่อยืนยันให้เห็นว่าเธออยากให้มีของขวัญมาวางอยู่หน้าบ้านจริง ๆ
‘โซ่ก็ต้องกินให้หมดจานนะ ไม่งั้นแม่จะมองไม่เห็นของขวัญ’
คนกลัวไม่ได้เซอร์ไพรส์อ้าปากหวอทำตาโต รีบใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกแล้วเคี้ยวให้แม่ดู
เขาคิดถึงบรรยากาศแบบนั้น ถึงจะรู้เอาทีหลังว่าแม่เห็นหมอนผูกริบบิ้นตั้งแต่กลับเข้ามาในบ้านแล้ว แม่แกล้งทำเป็นไม่เห็นมันเพราะอยากให้เด็กแปดขวบคนนั้นดีใจ ถึงประสบการณ์เซอร์ไพรส์วันเกิดครั้งแรกในชีวิตจะล้มเหลว แต่เหตุการณ์วันนั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เด็กหนุ่มตัวผอมกอดกระเป๋าเป้ที่มีกล่องของขวัญซ่อนอยู่ข้างใน รู้สึกร้อนวูบวาบตรงแก้มทั้งสองข้างเมื่อจินตนาการณ์ไปว่าเจ้าของวันเกิดจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเห็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ชิ้นนี้ พี่ธีร์จะดีใจหรือเปล่านะ... จะยิ้มกว้างหรือแค่รับไว้เฉย ๆ ตื่นเต้นจังเลย
RRRRrrrโซ่เอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทีแรกคิดว่าเป็นแพรวเพราะเมื่อคืนเธอบอกว่าถ้าวันนี้ว่างก็จะตามมาทีหลัง แต่คนโทรมากลับเป็นเบอร์แปลก
“สวัสดีครับ”
( โซ่เหรอ นี่พี่เท็นนะ )
“อ่า... ครับพี่เท็น” พอได้ยินคีย์เวิร์ดต้องห้ามแหลมถึงกับหูผึ่ง เด็กลูกครึ่งเหลือกตามองรุ่นพี่ที่ยืนจ้องธนาคารเหมือนวางแผนว่าจะหาจังหวะเข้าไปปล้นตอนไหนดี เขารู้ว่าพี่แจ็คฟังอยู่แต่ทำเป็นนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
( เห็นเจมส์บอกว่าเราอยู่เซนลาดเหรอ พี่เพิ่งดูหนังเสร็จพอดีเลย ไปกินข้าวกันไหม? )
“อะ... เรื่องนั้น... วันนี้โซ่ไม่สะดวกน่ะครับ”
( จะกลับแล้วเหรอ หรือว่ามากับคนอื่น? )
“คือโซ่ --”
( อ่า เจอพอดีเลย )
ไม่ใช่แค่ไอ้โซ่ที่ช็อก แต่ไอ้แหลมก็ด้วย เปลือกตานี่แหกกว้างเหมือนพร้อมจะถลนออกมาอยู่แล้วตอนเห็นว่าไอ้เชี่ยพี่เท็นยืนหล่ออยู่ห่างจากตรงนี้ไปประมาณสิบเมตร วิญญาณยังตามติดที่แท้อีห่านเป็ดเอ๊ย!!!
“ไม่ได้มาคนเดียวจริง ๆ ด้วย” แหลมเอาศอกสะกิดแขนพี่แจ็คเป็นการส่งสัญญาณ มันคงดีไม่น้อยถ้าเขากับพี่มันจะหาเรื่องหนีทหารตอนนี้แล้วให้ไอ้โซ่รับหน้าแทน
“กูปวดขี้ว่ะพี่แจ็ค พาไปห้องน้ำหน่อย”
“อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังต้องให้ผู้ปกครองพาไปเข้าส้วมอีกเหรอ?”
“ใช่พี่ ต่อให้หัวหงอกแล้วผมก็จะให้พี่มันพาไป” คนฟังหลุดขำแล้วเดินเข้าหาอีกหนึ่งก้าว กอดอกมองแจ็คหัวจรดเท้าด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้เป็นมิตรนัก
“บางทีกูกับมึงน่าจะแลกเบอร์หรือแอดไลน์กันไว้หน่อย วันนั้นเราแทบไม่ได้คุยกันเลยเพราะไอ้ธีร์แท้ ๆ”
“ไม่จำเป็นหรอก”
“เย็นชาอะไรขนาดนั้น” เท็นยิ้มขำ “ยังโกรธเรื่องนั้นอยู่เหรอ กูเคยบอกไปแล้วไงว่ากูไม่ได้เป็นคนเริ่ม”
“มันไม่เกี่ยวว่าใครเป็นคนเริ่มเปล่าวะพี่”
“โซ่อยากไปเดินเล่นก่อนไหม เดี๋ยวได้ยินเรื่องไม่ดีออกมาจากปากรุ่นพี่ในทีมแล้วจะรับไม่ได้” เท็นไม่ได้ห้ามถ้าเด็กเมื่อวานซืนนั่นจะปกป้องไอ้แจ็ค แต่...
“ไม่เป็นไรครับ โซ่รู้เรื่องหมดแล้ว”
“โธ่... ได้ไงเนี่ย?” ชายหนุ่มผมสีเทาทำหน้าเหยเก ถอนหายใจอย่างสุดจะทนพร้อมกวาดสายตามองเรียงคน “เราคงไม่ได้ตัดสินพี่เพราะฟังความข้างเดียวหรอกใช่ไหม เพราะถ้าใช่พี่คงเสียใจแย่เลย”
“โซ่ไม่ได้ตัดสินใครครับ โซ่แค่จะบอกว่าถ้าพี่เท็นอยากพูดก็พูดเลย แต่โซ่จะยืนอยู่ตรงนี้”
“ว้าว...” คนฟังเลิกคิ้วมองอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แววตาซื่อ ๆ ในวันนั้นหายไปแล้วเมื่อถูกความมุ่งมั่นจริงจังเข้ามาแทนที่ “เราคงมองพี่เป็นคนไม่ดีไปแล้วแน่ ๆ”
“มีอะไรก็พูดมา อย่าไปยุ่งกับเด็ก” คราวนี้ตกใจยิ่งกว่าเดิม ให้ตาย... สนิทกันมากแค่ไหนไอ้เวรนี่ถึงยอมงัดปากปกป้องเด็กคนนี้
“แจ็ค แฟนมึงอ่อยกูเอง ต้องให้พูดอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจหื้ม?”
“เฮ้ยพอแล้วปะ?” แหลมเลิกคิ้วมองอย่างไม่สบอารมณ์ จะขยี้ห่าไรนักหนา ถ้าโดนพี่แจ็คต่อยตรงนี้บอกเลยว่าจะไม่ห้าม
“มึงควรโกรธแฟนมึงที่ไม่ซื่อสัตย์มากกว่าไหม กูแค่ช่วยทดสอบความจริงใจของคน”
“รวมถึงพี่ด้วยปะ?” ไม่ทนแล้ว ถ้าพี่แจ็คไม่พูด ไอ้แหลมจะเป็นคนพูดเอง
“เป็นแค่คนนอกอย่าออกความเห็นมากนักจะดีกว่าน่า อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเหรอ อืมไม่น่า... เพราะตอนนั้นน่าจะอยู่ในท้องแม่มากกว่า พี่พูดถูกไหม?” เท็นขมวดคิ้วยิ้มเยาะใส่เด็กเมื่อวานซืนที่ดูท่าว่าจะอารมณ์ขึ้นไม่ดูสถานการณ์เกินไปหน่อย
“พี่เท็นอยากคุยกับโซ่ใช่ไหม ได้ครับ งั้นเราไปหาที่นั่งคุยกัน”
“ไม่ต้องไป” ไอ้โซ่ชะงักเพราะถูกรั้งไว้ด้วยมือพี่แจ็ค อดีตเพื่อนรักยังคงหยั่งเชิงกันทางสายตา และแหลมกำลังจะของขึ้นเพราะทนหายใจร่วมกับมันไม่ไหวแล้ว สูงกว่าแล้วไงวะ ต่อยปากแตกได้เหมือนกันอะ
“มึงมีสิทธิ์อะไรมาห้ามน้องเหรอ?”
“กูเป็นพี่มัน ส่วนมึงเป็นแค่คนนอกที่เพิ่งรู้จักกัน”
“โอ้โห เดี๋ยวนี้หัดประชดประชันว่ะ ผิดกับตอนนั้นเลยนะ กูจำได้ลาง ๆ ว่ามึงโคตรเงียบ หรือเป็นเพราะเพื่อนรักสอนมาดี ต้องใช่แน่ ๆ กูเข้าใจนะ ก็ไอ้ธีร์มันกัดเก่งอย่างกับหมา” เท็นยิ้มขำ ก่อนรอยยิ้มบนใบหน้าจะเลือนหายไปเมื่อเห็นเด็กคนนั้นแกะมือไอ้แจ็คออกแล้วเดินมาหาเขา
“พี่แจ็คกับพี่แหลมไปซื้อของก่อนนะครับ เดี๋ยวโซ่ตามไป”
“ไอ้โซ่!” หงุดหงิดโว้ย! ทำไมต้องยอมทำตามที่ไอ้ส้นตีนนี่พูดด้วยวะ เอาจริงพวกเขาสามคนควรเดินหนีแม่งตั้งแต่แรก
เด็กหนุ่มตัวผอมสบตากับพี่แจ็คเพื่อบอกให้รู้ว่าเจตนาของเขาคืออะไร และเพียงครู่เดียวเท่านั้นรุ่นพี่ก็พยักหน้าตกลง “อืม ถ้าเสร็จแล้วก็โทรมา”
เท็นยิ้มให้อดีตเพื่อนสนิทพลางเลิกคิ้วหาเรื่องเด็กเมื่อวานซืนที่มองมาอย่างเอาเรื่องก่อนสองคนนั้นจะเดินไปจากตรงนี้ในที่สุด
“พี่เท็นไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลยครับ...”
“แบบนี้ แบบไหนเหรอ?”
“แบบที่ทำให้คนฟังรู้สึกแย่” เท็นมองแววตาหงอย ๆ ของคนตรงหน้าเพื่อพยายามอ่านความรู้สึกว่าเด็กคนนี้มองเขาอย่างไร
“พี่แค่พูดความจริง เรื่องเมื่อตอนนั้นมันบานปลายก็เพราะผู้หญิงคนเดียว”
“โซ่ไม่รู้นะครับว่าพี่เท็นมีมุมมองเรื่องนอกใจยังไง ถึงเค้าจะหักหลังพี่แจ็คแต่ถ้าพี่เท็นไม่เล่นด้วยเรื่องมันก็คงไม่เกิดขึ้นไม่ใช่เหรอครับ?”
“เจตนาพี่ก็แค่อยากทำให้ไอ้แจ็ครู้ว่าแฟนที่มันรักนักรักหนาไม่ได้แสนดีอย่างที่คิด แต่สุดท้ายเป็นไง พี่โดนเกลียดอยู่ฝ่ายเดียว แต่มันกับผู้หญิงคนนั้นดันกลับมาคุยกันได้ ต่อให้จะเป็นแค่สถานะคนรู้จักก็เถอะ” ทั้งคู่เดินไปพร้อมกัน นึกโมโหอยู่ในใจที่เด็กคนนี้ไม่เข้าใจเจตนาของตนเอง
“แต่พี่เท็นรู้ว่านั่นไม่ใช่วิธีช่วยเพื่อนใช่ไหมครับ?”
“...”
“โซ่ไม่เคยมีแฟนก็จริง แต่โซ่คิดว่าเรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนมากเลย” เขาไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายจมอยู่กับความเชื่อแบบนั้นจนมองข้ามความรู้สึกพี่แจ็คไป “เรื่องแฟนอาจจะไม่ใช่เรื่องหลัก เพราะถ้าเลิกกันแล้วก็เป็นแค่คนอื่น แต่เพื่อนคือคนที่จะอยู่กับเราไปตลอดไม่ใช่เหรอครับพี่เท็น”
“...”
“โซ่คิดว่าประเด็นมันอยู่ที่ผลกระทบจากคนที่เรียกว่าเพื่อนครับ แค่ลองคิดว่าถ้าเจอเรื่องแบบนั้นกับตัวบ้าง โซ่ก็คงไปไม่เป็นเหมือนกัน”
“...”
“พี่เท็นมีอะไรในใจหรือเปล่าครับ อะไรสักอย่างที่มากกว่าความหวังดีในแบบที่พี่เท็นคิดว่ามันถูกต้องแล้ว” ชายหนุ่มนิ่งไปกับคำถามของคนข้าง ๆ ทั้งที่เจตนาของเขาคือมาเพื่อหว่านล้อมให้เด็กคนนี้เข้าทีมอีกครั้ง แต่พอเจอหน้าเพื่อนเก่าปากมันก็เอาแต่พูดแย่ ๆ ออกไปโดยที่ไม่สามารถห้ามตัวเองได้
“เราไม่เข้าใจหรอก”
“ครับ เพราะโซ่ไม่เข้าใจโซ่ถึงได้ถามอย่างนั้น” เขามองคนตัวโตกว่าที่ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า
“เราตัดสินพี่จากคำพูดพวกนั้นไปแล้ว ต่อให้อธิบายยังไงเราก็มีเรื่องที่อยากเชื่ออยู่ในใจ เหมือนตอนที่พี่เล่าเรื่องแฟนเก่าไอ้แจ็คให้ฟังเรายังไม่อยากเชื่อพี่เลย ก็นะ อยู่ทีมไหนก็เข้าข้างทีมนั้น”
“มันไม่เกี่ยวว่าโซ่อยู่ทีมเดียวกับพี่แจ็คเลยครับ” เด็กหนุ่มตัวผอมดึงแขนเสื้ออีกคนไว้เพื่อขอให้หยุดคุยกันดี ๆ เขามองดวงตาคู่นั้นที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย พี่เท็นไม่พอใจ ใช่ เรื่องนี้โซ่รู้
“เรารู้เรื่องนั้นดีแค่ไหนกัน?”
“อันที่จริงโซ่รู้น้อยมากครับ แต่สิ่งที่โซ่รู้คือทุกคนเจ็บปวดกับเรื่องเมื่อตอนนั้น Numb2r มีแผลในใจกับเรื่องที่พี่เท็นทำ แล้วพี่เท็นล่ะครับ มีแผลในใจอะไรที่พวกพี่ธีร์ไม่เคยรู้มาก่อนหรือเปล่า?”
เขาไม่ได้ตอบ เท็นมองดวงตาใคร่รู้ของเด็กคนนี้พร้อมถามตัวเองว่าควรตอบแบบไหน ควรแสดงด้านร้าย ๆ ออกไปเหมือนไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เพื่อกลบความรู้สึกตัวเอง หรือพูดทุกอย่างที่อัดแน่นอยู่ในใจออกไป แต่เขาก็ไม่อยากเป็นคนน่าสมเพชถ้าหากว่าถูกอีกฝ่ายหักหลังด้วยการเอาไปเล่าให้ขี้ซุยบราเทอร์ฟัง
“ไม่เป็นไรครับ พี่เท็นยังไม่ต้องพูดก็ได้”
“พูดสิ เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟังทุกอย่าง”
“ตอนนี้โซ่ไม่อยากฟังแล้วครับ”
“ทำไมล่ะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็อยากรู้ว่าพี่เลวแค่ไหนไม่ใช่หรือไง?” เขาสบตากับอีกฝ่ายหวังให้กลัว
“เพราะถ้าฟังตอนนี้พี่เท็นคงพูดออกมาเพราะอารมณ์ แต่ถ้าเป็นเดือนหน้า หรืออีกสามเดือนข้างหน้า พี่เท็นอาจจะเล่าให้โซ่ฟังอย่างเปิดใจก็ได้”
“เปิดใจงั้นเหรอ ตลกน่า” เท็นแค่นหัวเราะ คำว่าเปิดใจน่ะเหรอจะเกิดขึ้นกับคนอย่างเขา ไม่มีทางหรอก
“เราเพิ่งรู้จักกันพี่เท็นก็เลยไม่ไว้ใจโซ่ ใช่ครับ มันควรเป็นแบบนั้นเลย ข้อแรกเป็นเพราะโซ่อยู่ทีมเดียวกับพวกพี่ธีร์ด้วย ข้อสองคือโซ่ปฏิเสธการไปอยู่บลูไวเปอร์ เพราะฉะนั้นไม่มีทางไหนเลยที่พี่เท็นจะมองโซ่ในแง่ดี”
“โอเค ไหน ๆ ก็รู้เรื่องห่าเหวหมดแล้ว ต่อไปนี้พี่จะได้ไม่ต้องเก๊กเล่นบทพี่ชายที่แสนดีอีก”
“พี่เท็นไม่ได้เก๊กหรอกครับ ตอนยั่วโมโหพี่แจ็คต่างหากที่เก๊ก”
“...”
“แววตาคนเราไม่โกหกนะครับ พี่เท็นคิดอย่างนั้นไหม?”
“...”
“พ่อบอกว่าทุกคนเคยมีช่วงเวลาที่เผลอทำตัวแย่ ๆ ออกไปเพราะความไม่รู้ โซ่ก็เคยครับ หลายครั้งเลยด้วยที่รู้สึกเสียใจทีหลัง แต่พี่เท็นครับ” ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางเสียงดนตรีในเทศกาลคริสต์มาส “ไม่ต้องบอกให้ใครรู้ก็ได้ว่ารู้สึกผิดหรือเสียใจแค่ไหน แต่พี่เท็นเลือกที่จะไม่พูดให้อีกฝ่ายเจ็บซ้ำได้นะครับ”
“อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยน่ะ เราเองก็ไม่ได้รู้จักพี่เลยสักนิด ที่เห็นไปทั้งหมดก็แค่สิ่งที่พี่จงใจให้เห็นว่าเป็นคนอย่างนั้น ฟังนะ พี่แทงข้างหลังไอ้แจ็ค พี่นอนกับแฟนมัน พี่หักหลังพวกไอ้ธีร์ และต่อไปนี้พี่จะทำมากกว่านั้นด้วย”
“พี่เท็นครับ!” โซ่ตะโกนไล่หลังคนที่กำลังเดินไปจากตรงนี้โดยไม่คิดจะหันมาพูดอะไรสักคำ เขามองตามแผ่นหลังกว้างที่หยุดฝีเท้าแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมาสบตากัน
“เข้ารอบชิงให้ได้ล่ะ เพราะพี่จะตามไล่บี้ทีมไอ้ธีร์จนมันไม่กล้าเล่นเกมไหนอีกเลย”
“พี่เท็น...?”
โซ่ก้มลงมองโทรศัพท์ในมือที่กำลังสั่นไม่หยุดแล้วก็พบข้อความไลน์ที่พิมพ์ในกรุ๊ปรวม จนเขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าความหมายของประโยคเมื่อครู่คืออะไร
แ พ ร ว พ ร า ว: ฉิบหายแล้วพี่ ๆ
แ พ ร ว พ ร า ว: เพื่อนหนูบอกว่าพี่เท็นเข้าไปเป็นตัวสำรองทีม Le Vainqueur อะ ได้ไงวะ?
บุตรแห่งวันเพ็ญ: ส้นตีนไรอีกเนี่ย Le Vainqueur ที่เป็นตัวปังสาย A น่ะนะ???? เดอะฟ้าคคคคคคคคค
บุตรแห่งวันเพ็ญ: แล้วมันเล่นเกมนี้เป็นเหรอ กูงงมากเว่อ
แ พ ร ว พ ร า ว: ไม่รู้ดิ แต่ระดับพี่เท็นแล้วหนูว่าต่อให้เล่นไม่เป็นพี่เค้าก็ฝึกเอาจนได้ไหมอะ คนเก่งของโลกใบนี้ซะอย่าง
TOOBTUBZA: คนดังซะหน่อยยยยยยยยยยย อยากเข้าทีมไหนก็ได้เข้า ไม่ต้องแข่งตั้งแต่รอบแรก เดจาวูไต้หวันสัส ๆ
THREE: ช่างหัวแม่งดิ กลัวไร
โซ่เงยหน้ามองเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปแล้วโดยไม่หันกลับมาอีก ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าพี่เท็นคงอยากชวนคุยเรื่องเข้าทีม Blue-Viper แต่ทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้นะ?
THREE: เดี๋ยวกูจะสอนมันเองว่าโปรเพลย์เยอร์สะกดด้วยภาษาพระเอกยังไง
*
“พี่แจ็คห้ามแล้วว่าอย่าไป ๆ เป็นไงล่ะ โดนตอกหน้ากลับมาเลยดิ สมมึง”
“นิดนึงเองครับ...” โซ่จีบมือให้คนข้าง ๆ ดูระหว่างนั่งแท็กซี่ไปคอนโดพี่ธีร์ โดยพี่แจ็คจะขับมอเตอร์ไซค์นำไปก่อน
“กูพูดจากใจเลยนะโซ่ กูไม่อยากให้มึงคุยกับมันเยอะอะ เออ กูรู้ว่ามึงไม่อยากหักหน้ามันเพราะเป็นคนกลาง แบบกูก็กลางนะ นิ้วกลางอะ แต่มันก็ดีกับมึงไงเนอะ มีความชวนเข้าทงเข้าทีมระดับประเทศ แถมยังเป็นรุ่นพี่ที่เพื่อนมึงติ่งอีก น้ำท่วมปากที่แท้”
“โซ่เข้าใจครับพี่แหลม”
“แต่มึงฟังกู ตอนนี้มันก็หันมาล่อดากพวกเราแล้วนะเว้ย ไอ้พี่เท็นไม่ใช่คนดีอะมึงเข้าใจไหม ถ้าถึงขั้นฝึกเล่นเกมเพื่อรอตบหน้าทีมเรารอบชิงนี่ไม่ใช่เรื่องขี้ ๆ ละกูว่าอ้วกหมาเลย มันคงอยากทำให้พี่ธีร์เลิกเล่นเกมไปตลอดชีวิต จะได้หล่อเข้มอยู่คนเดียว แหม๊ คนมันแผนสูง” โซ่มองคนข้าง ๆ ที่เดาถูกตั้งหนึ่งเรื่อง
“โซ่จะไม่ยุ่งแล้วครับ สัญญา” ชูนิ้วก้อยขึ้นมาระดับหัวไหล่ โซ่เห็นว่าพี่แหลมหรี่ตามองพร้อมเบ้ปากก่อนจะปัดมือเขาทิ้ง อะไรกัน อยู่ดี ๆ ก็ถูกงอนเฉยเลย “พี่แหลมอินนี่ครับ”
“อินดิ มันด่ากูอะไม่เห็นเหรอ?”
“เห็นครับ แต่พี่แหลมก็ปั่นพี่เท็นเหมือนกัน”
“เดี๋ยวมึงตกรถนะโซ่ เดี๋ยวก่อน ๆ”
“น้องล้อเล่น...” เขาอดอ้อนพร้อมยิ้มตาหยี ก่อนจะเอนศีรษะซบไหล่รุ่นพี่ที่มีส่วนสูงไม่ต่างกันนัก
“ปกป้องใจพี่ธีร์หน่อย มันชอบมึงมากนะเว้ย”
“อะไรครับ โซ่ไม่รู้เรื่องด้วย...”
“เขินหรา”
“เค้กแซลมอนน่ากินเนอะ... อยากให้พี่ธีร์ตัดเค้กเร็ว ๆ แล้ว โซ่หิวมากเลย...” ได้ยินเสียงงึมงำของไอ้เด็กนี่แล้วก็เบ้ปาก แหลมโยกไหล่แกล้งรุ่นน้องที่ยังซบอยู่ ก่อนจะขำในลำคอเบา ๆ กับอาการเขินแล้วทำตัวไม่ถูกของมัน
ทั้งคู่มาถึงคอนโดพี่ธีร์ช้าหน่อยเพราะหลักสี่รถค่อนข้างติด พอเดินไปถึงก็เห็นพี่แจ็คยืนสูบบุหรี่เงียบ ๆ ใกล้ถังขยะ ก่อนเจ้าของใบหน้าเรียบเฉยจะบี้บุหรี่ทิ้งแล้วเดินเข้าไปในคอนโดที่ชั้นล่างมีต้นคริสต์มาสตั้งประดับอยู่ข้างโซฟา
“เอาจริง ถ้ากูมีแฟนนะ วันนี้พี่ธีร์จะไม่ได้เห็นแม้แต่เหง้าหน้ากู” แหลมกดปิดลิฟต์พร้อมเงยหน้ามองตัวเลขที่เริ่มเปลี่ยนไปตามชั้น
“แต่มึงไม่มี”
“เออไง แล้วจะขยี้ทำเพื๊อ?!” แหลมมองค้อนรุ่นพี่ พอจะพูดทีก็เสือกแซะกูเฉยเลยนะ
“โซ่ยืนตรงกลางให้นะครับ...” ไอ้เด็กเวรนี่ก็กวนตีน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วทำเป็นมาห้ามทัพ
“ถือเค้กดี ๆ เดี๋ยววูบหน้าจุ่มแซลมอนไม่รู้ตัว”
“พี่แจ็คครับ พี่แหลมขู่จะตีโซ่อีกแล้ว” แหม๊ มีความหันไปหาพรรคหาพวก!
“เตะปากมันเลยสิ กลัวอะไร”
“นี่น้องไงพี่มึง”
แจ็คไหวไหล่แล้วเดินออกจากลิฟต์เป็นคนแรก ตามด้วยไอ้เด็กขี้อ้อน(ตีน) แหลมหยุดกึกพลางถลึงตามองไอ้โซ่ที่แกล้งเขาด้วยการหยุดยืนไปเสียเฉย ๆ คนหัวร้อนทนไม่ได้จึงง้างมือขึ้นเตรียมเหนี่ยว แต่มันหนีไปหาพี่แจ็คทัน
“เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว”
“พี่แหลมเก็บกดจากพี่ ๆ แล้วจะมาระบายกับโซ่ไม่ได้นะครับ เราควรจะเป็นมิตรกันไว้”
“มิตรกับมะเหงกกูนี่” คนพี่กำหมัดโชว์ แล้วทั้งสามคนก็เดินไปหยุดอยู่หน้าห้องธีร์ “เอามาใช่ปะ?”
“อืม” แจ็คขานตอบสั้น ๆ พร้อมเอาพวงกุญแจออกมา เพราะตั้งแต่วันที่เขากับไอ้แหลมมาหาแต่ไอ้ธีร์ดันอยู่คอนโดไอ้โซ่ มันก็เลยให้กุญแจห้องไว้ เผื่อกรณีใกล้ป่วยตายเพื่อนจะได้ไขกุญแจเข้าไปดูใจทัน
แต่ไหนแต่ไรแจ็คไม่เคยรับกุญแจไว้เพราะคิดว่าไม่จำเป็น แต่พอไอ้ธีร์เลิกกับเบล หน้าที่เก็บกุญแจสำรองจึงเป็นเขาไปโดยปริยาย
(ต่อข้างล่างนะคะ)