หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แบบว่า ยอมรับผิดไม่ได้เข้ามาที่เล้า ยังไงจะปรับปรุงตัวครับ ตอนที่ สามจะตามมาในไช้นะครับ.........................
***************************************************
เคนนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะ ทำงาน เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา เอกมาเจอเขา มาเจอเรื่องที่เขาปิดบังไว้ ถึง 2 ปี แน่นอนเอกต้องโกรธ และ เสียใจ เขารู้สึกได้ เพราะ เขาเองก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่จะให้เขาทำยังไง ในเมื่อ เอริกะ และ ทาคุยะน้อย คือ สิ่งที่แม่เขาสั่งเสียไว้ก่อนตาย ว่าจะต้องดูแลทั้งสองคนนี้ให้ดี
เคนจิ เปิด ไฟล์ รูปที่เขากับเอก ถ่ายด้วยกันที่ เกาะสมุย ทุกรูปทั้งสองต่างมีความสุข เพราะช่วงเวลานั้น คือเวลาแห่งความสุขของ เขาทั้งสองคน
เคนจินั่งมองคอมพิวเตอร์ หน้าจอเป็นอีเมล์ ล่าสุดที่เอกเขียนมาหาเขา เคนจินึกโทษตัวเองที่เขาปิดบังเรื่องนี้กับเอก แต่เขาก็ไม่อยากเอกต้องมารับรู้ ถึงภาระของเขา สุดท้ายสิ่งที่เขาปิดบังก็ต้องกลับมาทำร้ายตัวของเขาเอง
“เคนจิซัง .... เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ....ชั้นเอาน้ำชามาให้” เสียง เอริกะ เคาะประตูเรียกอยู่หน้าห้อง
เคนจิเดินมาเปิดประตู รับน้ำชาจากเอริกะ พร้อมกับถามถึง ทาคุน้อยว่าหลับหรือยัง
“หลับไปแล้วค่ะ ... เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ สีหน้าดู เหนื่อยๆ” เอริกะ ยังคงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก ... ไปพักผ่อนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวัน กับทาคุน้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงผม”
เอริกะ มองหน้า เคนจิ แล้ว ถอนหายใจ
“เอกซัง ... คือ คนคนนั้น ใช่ไหมค่ะ คนที่ เคนจิซังเคยบอก”
“....” ไม่มีเสียงตอบจาก เคนจิ แต่เอริกะก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขา
“ ...ทำไมไม่อธิบายให้ เค้าฟังล่ะค่ะ เคนจิซังไม่น่าบอกเขาไปอย่างนั้นเลย”
“ สายไปแล้วล่ะ เอริกะ เขาไม่ฟังผมแล้ว ผมผิดเองแหละ ที่ ไม่ยอมบอกเค้าตั้งแต่ต้น ... ...”
“ชั้นไม่รู้หรอกนะ ว่า เคนจิซังกับเอกซังคนนั้น รู้จักกันดีแค่ไหน แต่ถ้า เคนจิซังบอกความจริงและอธิบายเหตุผลไป เอกซังต้องรับฟัง และเข้าใจ แน่นอน ... เคนจิซังเป็นคนดี ชั้นเชื่อว่า เค้าต้องเข้าใจ”
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่า มันจะเป็นยังไง ... แต่ก็ขอบคุณนะ เอริกะ... ไปฟักผ่อนเถอะ เดี๋ยว ทาคุน้อยตื่นขึ้นมาไม่เห็นแล้วจะงอแง”
“ค่ะ...ไปนะคะ”
เคนจิถือถาดน้ำชา เดินกลับเข้ามาที่ห้อง เขากลับมานั่งอ่านเมลล์ ของเอก อีกครั้ง อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วถอนหายใจ
“เอก ผมขอโทษ” ...............................
****************************************************************
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้บอลตื่นจากการงีบหลับ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเพื่อนเขานั่นเอง บอลดูนาฬิกาที่ข้อมือ เกือบ 2 ทุ่มแล้ว เขามองไปรอบห้อง ไม่เห็นเอกอยู่ในห้อง บอลเลยเดินออกมาที่ระเบียง เห็นเอกยืนเหม่ออยู่ บอลกะจะแหย่เอกเล่นด้วยการทำให้ตกใจ เขาค่อยๆ ยื่นหน้าไปใกล้ข้างหูของเอก แต่ก่อนที่บอลจะได้แกล้งเอกนั้น เขาเห็น เอกสะอื้นยืนร้องไห้อยู่
“เอก....เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เอกยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“ไม่มีอะไรครับ .. ผมแค่...”
“แค่ อะไรครับ ไม่มีอะไรแล้วร้องไห้ทำไม”
เอกมองหน้าบอล สีหน้ากังวล ในใจครุ่นคิดว่า ควรจะบอกบอลเรื่องที่เกิดขึ้นไหม แล้วถ้าเกิดบอลรับไม่ได้กับเรื่องที่เขาเล่า หรือ สิ่งที่เขาเป็น บอลจะมองเขายังไง
“คือ ... ผมไม่รู้ว่ามันเหมาะที่จะเล่าหรือเปล่าครับ”
“โอเค ... ไม่เป็นไรถ้ายังไม่พร้อมจะเล่า ก็ ไม่บังคับกันครับ อากาศมันเย็น เอกเข้าในห้องเถอะครับ เดี๋ยวไม่สบาย ผม ขอคุยกับเพื่อนแป๊บเดียว รับรองไม่ทิ้งให้เอกเหงาอยู่คนเดียวหรอกนะ” เค้าทำหน้าตาทะเล้นใส่เอก จนทำให้เอก ยิ้มได้
“ขอบคุณนะครับ บอลช่วยผมไว้อีกแล้ว”
“ยินดีครับ สำหรับเอก ผมทำได้เสมอ” บอลยังไม่เลิกแหย่
เอกเดินกลับเข้าไปในห้อง ปล่อยให้บอลคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ในใจยังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเคนจิ ทำไมนะ เคนถึงได้ปิดบังเขา เพราะอะไร
“เอกครับ ... วันนี้ ออกไปเดินเที่ยวโตเกียวยามค่ำคืนกัน เพื่อนผม มันชิ่ง ไปเที่ยวกะสวาๆของมันละ เซ็งชะมัด”
“อ้าว เหรอครับ ... อืมก็ดีเหมือนกันนะ” เอกคิดว่า การออกไปเดินเล่นข้างนอกก็อาจจะทำให้เขาลืมเรื่องแย่ๆ ปสักพักก็ได้
“งั้นไปกันเลยครับ”
สีสันโตเกียวยามค่ำคืน ทำให้เอกลืมเรื่องของ เคนไปได้ชั่วขณะ เพราะความตระการตา ของตึกน้อยใหญ่ ที่เด่นตะหง่านอยู่ รายล้อม ผู้คนที่เดินขวักไขว่ยามค่ำคืน บอลพาเอกไปเดินที่ย่านชิบุย่า ที่ที่ ไม่เคยหลับไหล ผู้คนคับคั่ง แล้วพาเอกนั่งรถไฟไปดู โตเกียวทาวเวอร์ ไปดูโคมไฟใหญ่ ที่วัดอาซาคุสะ ทั้งสองเดินเที่ยวเล่นจนลืมเวลา รู้ตัวอีกที ก็ เกือบ ห้าทุ่มแล้ว เอกเห็นว่าดึกแล้วจึงชวน บอลกลับ
“ผมว่ากลับกันเถอครับ วันนี้ ผมสนุกมาก ขอบคุณนะครับ บอล”
“ไม่เป็นไรหรอกครับเอก ผมก็สนุกเหมือนกัน นานๆ จะได้มีเพื่อนคนไทย เดินเล่นด้วยกันแบบนี้” บอลตอบพร้อมกับยิ้มให้เอก
“ลืมไปเลย แล้วที่บอลบอกว่านัดเพื่อนไว้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ป่านนี้มันคงกลับอพาร์ทเมนท์ ไปนอนละ เดี๋ยวผมลองโทรหามันก่อนละกัน เดี๋ยวผมไปส่งเอกก่อน แล้วค่อยเลยกลับไปที่อพาร์ทเมนท์” บอลหยิบโทรศัพท์ ออกมา กดหาเพื่อน ผ่านไป หลายนาทีดูท่าว่า เพื่อนของบอลจะไม่รับสาย
“ไอ้บ้า ... ไปไหนวะ ไมไม่ยอมรับสาย” บอลบ่นอุบ เพราะเพื่อนไม่ยอมรับสาย
“บอลครับ ผมว่า มันดึกแล้ว ยังไง ถ้าเกิดว่า บอลไม่รังเกียจ จะนอนที่ห้องผมด้วยก็ได้นะครับ”
“จริงเหรอครับ งั้นผม ไม่เกรงใจนะ” บอลตอบรับอย่างไม่ลังเล และท่าทางลิงโลดที่ เอก ชวนเขาให้อยู่ด้วย
“งั้น กลับกันเถอะครับ” เอกเดินนำหน้า บอลไป บอลเดินตามมาติด พร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีชัยของเขา
***************************
“เอกครับ” บอลทำลายความเงียบด้วยการเรียกชื่อเอกขึ้น ท่ามกลางไฟสลัวของห้อง นอนในโรงแรม
“ครับ”
“ทำไมถึงได้ร้องไห้ล่ะครับ เอกมีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม”
“เรื่องไร้สาระน่ะครับ บอล” เอกพยามยามเลี่ยง เพราะเขายังไม่อยากบอกบอลตอนนี้
“โอเค เอกคงยังไม่พร้อม...แล้วตกลงคิดได้หรือยังว่าพรุ่งนี้ จะไปไหน”
“ขอบคุณนะครับ บอลที่เป็นห่วงผม.... ส่วนพรุ่งนี้ ผมตั้งใจว่า จะไป เมืองใกล้ๆ นี่แหละครับ ว่าจะไป คามาคุระ เสร็จแล้ว ก้คิดว่าจะขอพักที่นี่ตออีกคืน แล้วไป ฮาโกเน่ วันถัดไป นอนที่ ฮาโกเน่ คืนหนึ่งน่ะครับ แล้ว วันถัดไปผมจะไป เกียวโต แล้วก้นอนที่นั่น คืนหนึ่ง แล้ว วันถัดมาก็ค่อยกลับ เมืองไทย
“อ้าวแล้ว เพื่อนของเอกล่ะครับ”
“........” ไม่มีเสียงตอบจากเอก
“เอกครับ”
“ถ้าเค้าไม่ว่าง ผมก็ไม่อยกาจะรบกวนเขาหรอกครับ ผมเที่ยวคนเดียวดีกว่า” เอกพูดตัดบท เพราะ เขายังไม่อยากนึกถึงคนใจร้าย
“ฟังดูเศร้าจัง ... ถ้าเอกไม่รังเกียจ ผมเที่ยวเป็นได้ไหม เพราะยังไงซะ ช่วงที่เอกอยู่ ผมก็ยังว่าง ถิอโอกาสเที่ยวก่อนทพโปรเจคต์ จะได้สมองโล่งๆ อีกอย่าง เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ดีไหมครับ”
“จะดีเหรอครับ บอล ผม เกรงใจครับ”
“ถ้าเอก ปฎิเสธน่ะไม่ดีแน่ นะครับ ไม่ต้องคิดมาก ไปเที่ยวกัน”
“อืม .... ได้ครับ เพราะยังไงซะ บอลก็ช่วยผมมาตั้งต้นแล้วนี่ มีเพื่อนดีๆ อย่างบอลเที่ยวด้วย ก็คงจะดีไม่น้อยนะครับ”
“ดีมากเลยละครับ ดีใจจัง ได้เที่ยวซะทีหลังจาก เครียดกับการเรียนมานาน อิอิ แถมได้เที่ยวกับ เอกด้วย” บอลพูดด้วยอการดีใจ หันหน้ามามองเอก ที่นอนเหม่อ มองเพดานสีหน้า เศร้าสร้อย
“ไม่ว่าเอก จะเจอเรื่องอะไรมา แต่ ผมสัญญาว่า พรุ่งนี้ ผมจะช่วยให้เอกลืมเรื่องพวกนั้น....กู๊ดไนท์ครับ”
เอกหันมายิ้มให้บอล
“ขอบคุณครับ บอล ... กู๊ดไนท์ครับ” เอกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูด เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไม เขาถึงได้รู้สึกสบายใจทั้งๆ ที่ เรื่องที่เขามาเจอนั้นยังทำร้ายเขาอย่างมาก
***************************************