Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 1
วันเปิดภาคเรียน คือวันที่เพื่อนฝูงได้มาเจอหน้าและรวมตัวกันอีกครั้ง บางกลุ่มก็พูดคุยเฮฮาเหมือนไม่ได้เจอกันมาหลายปี บางกลุ่มก็หารือกันว่าจะไปเรียนพิเศษที่ไหน บางกลุ่มก็ชวนกันไปหาเรื่องคู่อริแต่เช้า แต่ก็มีบางคน ที่ไม่ได้มีกลุ่มกับใครที่ไหน...
‘หนวกหูเป็นบ้า ปิดแค่เดือนเดียว จะตื่นเต้นอะไรนักหนา’ เด็กหนุ่มชั้นมัธยมปลายที่มีหน้าตาน่าเอ็นดูยืนมองไปรอบตัวพลางบ่นอยู่ในใจ
‘น้ำตาล’ หรือที่เจ้าตัวมักจะแนะนำกับคนอื่นๆว่าตัวเองชื่อ ‘น้ำ’ เขาเป็นเด็กหนุ่มวัยใสหน้าตาดีแต่ไม่มีใครคบ แต่จะฟันธงว่าไม่มีใครคบก็คงไม่ถูก ต้องเรียกว่าถูกกีดกันมากกว่า
“ไอ้ซีด แกไปซื้อน้ำอัดลมมาให้พวกกูหน่อยดิวะ” น้ำตาลหันไปมองเจ้าของวาจาร้ายกาจแต่ดันมีใบหน้าอันแสนหล่อเหลาก็รู้สึกท้อใจในชะตาใบหน้าของตนเอง
น้ำตาล ในวัย 16 ปี ผู้มีรูปร่างบอบบาง ผิวขาวละเอียด(เป็นที่มาของชื่อ ไอ้ซีด) ปากแดงรูปกระจับ และเครื่องหน้าที่จิ้มลิ้มดูน่ารักมากกว่าหล่อ
เขื่อน หรือเขื่อนขันธ์ เด็กหนุ่มวัยเจริญพันธุ์ ร่างสูงเกินมาตรฐานวัยรุ่นอายุ 16 ปี กล้ามเป็นกล้าม ซิกแพ็คเป็นซิกแพ็ค หน้าหล่อเหมือนแกะสลักออกมาจากท้องแม่ ผู้เป็นเจ้าของคำพูดอันบาดหูคนฟังเมื่อกี้ไงล่ะ
เพราะเหตุแห่งความแตกต่างของสองหนุ่มเยี่ยงนี้ ทำให้ทั้งคู่ไม่อาจเป็นเพื่อนกันได้ น้ำตาลจึงเป็นได้แค่เบ๊ของหนุ่มเขื่อน อนิจจา...แถมยังโดนกีดกันไม่ให้มีเพื่อนคนอื่นอีกด้วย
“ได้ครับ นายอยากได้น้ำอะไรบ้างละ” นึกท้อใจเสร็จก็รีบบริการเจ้านายทันที ถ้าชักช้าอาจจะโดนรังแกอีกก็เป็นได้
“กูเอาเป๊ปซี่ พวกมึงเอาอะไรวะ” เขื่อนหันไปถามเพื่อนคนอื่นในกลุ่ม
“กูเอาน้ำแดง/กูเอาสไปรท์/กูเอากาแฟเย็น/กูขอน้ำเปล่าละกัน” นั่นละ ไอ้สี่หน่อเพื่อนของเขื่อน ได้แก่ ว่าน คู่แฝดเทมส์,แทม และคนสุดท้ายคือโมน พวกนี้นับว่าเป็นกลุ่มที่เหมือนคัดมาอยู่ด้วยกันโดยใช้มาตรฐานสูงยาวเข่าดีกันหมด เว้นแต่เบ๊อย่างน้ำตาลที่เตี้ยกว่าใครเพื่อน
‘ถ้าเราเป็นผู้หญิงคงโดนอิจฉาทั้งโรงเรียน’ เพราะน้ำเป็นคนนอกคอกที่ใกล้ชิดกับพวกเขื่อนมากที่สุด
‘แต่ต่อให้เราเป็นผู้หญิงก็ตาม เลวแบบนี้ก็ไม่เอาหรอกวะ’ การถูกกดขี่ตั้งแต่เทอมหนึ่งทำให้น้ำเหม็นขี้หน้าพวกเขื่อนมาก อยากจะหนีไปไกลๆ ไปให้พ้นๆ ย้ายโรงเรียนหนีได้ก็ดี (แต่คงโดนแม่ด่า เพราะกว่าจะสอบเข้าที่นี่ได้ก็แสนยาก) น้ำจำครั้งแรกที่เจอกับเขื่อนได้...วันที่น้ำแสนตื่นเต้นที่ได้เรียนในโรงเรียนที่ใฝ่ฝัน ไหนจะเพื่อนใหม่อีก ขณะที่ยืนมองผู้คนเดินกันขวักไขว่อยู่นั้น หน้าหวานๆของน้ำก็คะมำลงไปจูบพื้นพร้อมด้วยเสียงดังแอ้ก
‘ขวางทางอยู่ได้ ไอ้เตี้ย’ น้ำหันไปมองคนที่ผลักเขาไปกองบนพื้น ไอ้ยักษ์ร่างสูงปากเสียที่ยืนทำหน้าหล่อทะมึนอยู่ข้างหลังเขา
‘แล้วบอกดีๆไม่ได้รึไง’ น้ำถามเรียบๆขณะปัดเสื้อและกางเกง
‘ทำไมวะ มึงมีปัญหาเหรอ!’ ร่างสูงกระชากคอเสื้อน้ำมาชิดตัวโตๆของมัน กลิ่นโฟมโกนหนวดจางๆโชยออกมาจากร่างสูงนั้น
‘ปละ เปล่า’ น้ำเสียใจที่ไม่น่าไปปากเสียใส่มันเลย ตัวยังกะควาย จะตายมั้ยเนี่ยเรา
‘เออ ดี’ แล้วมันก็ผลักน้ำลงไปกองอีกครั้ง
แต่ความซวยมันก็ไม่จบแค่นั้น เพราะน้ำดันต้องมาเรียนห้องเดียวกับไอ้ยักษ์ และได้รู้ว่ามันชื่อเขื่อนขันธ์ ย้ายตามพ่อแม่มาจากอังกฤษ และเป็นลูกครึ่ง จึงทำให้ตัวโตขนาดนั้น (อย่างอื่นจะโตรึเปล่าน้อ..)
“น้ำตาล” น้ำหันไปมองหน้าคนที่เรียกชื่อเขาเต็มๆอย่างหงุดหงิด
“ปิดเทอมเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ความหงุดหงิดมลายหายไปเมื่อพบว่าคนที่เรียกชื่อเขาคือมะนาว สาวหวานประจำห้องที่ใจดีเสมอ
“ก็ดีนะ ได้อ่านการ์ตูนทุกวันเลย” ยังไงวันนี้น้ำก็มีเรื่องดีๆหนึ่งเรื่องแล้วละ คือการได้เจอมะนาวแต่เช้าไงล่ะ
“นี่ ทำไมซื้อเครื่องดื่มเยอะจังละจ๊ะ หรือว่าซื้อไปให้พวกเขื่อน..” มะนาวถามเสียงอ่อย เมื่อเห็นว่าน้ำถูกกดขี่โดยลูกพี่ลูกน้องของเธออีกแล้ว
“มะนาวไปฟ้องคุณลุงให้เอามั้ยจ๊ะ เขื่อนเกเรเกินไปแล้วเนี่ย” หลายต่อหลายครั้งที่มะนาวเสนอว่าจะไปบอกกับพ่อของเขื่อนที่เป็นลุงของเธอ แต่น้ำก็ปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าเขื่อนต้องมาเล่นงานเขาอีกแน่ๆ
“ช่างมันเถอะมะนาว น้ำชินแล้วละ เดี๋ยวก็เรียนจบแล้วด้วย น้ำไปก่อนนะ เดี๋ยวพวกนั้นรอ”
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกมะนาวเลยนะจ๊ะ” มะนาวตะโกนตามหลังน้ำมาด้วยความเป็นห่วง
“ช้าว่ะ มึงไปโอ้เอ้ที่ไหนมาวะ”
“ขอโทษที” น้ำบอกขอโทษไปส่งๆ พร้อมกับยื่นน้ำให้พวกเขื่อน
กิ๊งก่อง~
“มึงเอาไปเลย แม่ง มาก็ช้า ออดเข้าเรียนดังแล้วเนี่ย” พวกเขื่อนพูดพร้อมกับเดินจากไป ทิ้งให้น้ำยืนอึ้งอยู่กับเครื่องดื่มเต็มอ้อมแขน
“นี่มันแกล้งเราเหรอเนี่ย..” น้ำบ่นพึมพำเมื่อหายอึ้ง
“เงินก็เงินเราอ่ะ แล้วจะทำไงละเนี่ย สงสัยต้องแบกไปด้วย” น้ำตาลเดินบ่นพร้อมหอบเครื่องดื่มเข้าห้องเรียนไปด้วย
“เกลียดมันว่ะ..” สิ่งเดียวที่น้ำจะนิยามแทนตัวเขื่อนได้ก็คือคำๆนี้นั่นเอง
แต่ถึงจะถูกแกล้งแต่เช้า อย่างน้อยช่วงกลางวันน้ำยังโชคดี เพราะว่าพวกเขื่อนไปเล่นบาสกัน ทำให้น้ำแอบปลีกตัวออกมานั่งอ่านการ์ตูนในห้องเรียนเงียบๆได้
“เฮ้อ..” น้ำถอนหายใจเสียงดัง ทั้งที่วันนี้มีเวลาเป็นของตัวเอง แต่กลับรู้สึกไม่มีสมาธิในการอ่านการ์ตูนที่เพิ่งซื้อมาเลย
“ทำไมนะเรา อ่านเล่มนี้ไม่มันส์เลย” มือเรียววางการ์ตูนไว้ข้างตัวแล้วสาวท้าวไปที่หน้าต่าง น้ำชะโงกมองออกไปที่สนามเพื่อดูว่าพวกเขื่อนยังเล่นบาสอยู่หรือไม่
“ยังเล่นอยู่แฮะ งั้นไปที่นั่นดีกว่า” น้ำเก็บการ์ตูนเข้ากระเป๋าหนังสือก่อนจะไปยังอีกที่หนึ่งที่เขาเพิ่งมาโปรดปรานในช่วงหลัง
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาเลย” เสียงที่ฟังดูเป็นมิตรดังออกมาจากข้างใน น้ำเปิดประตูและชะโงกหน้าเข้าไปภายในห้อง
“อ้าว น้ำตาลหรอกเหรอ เข้ามาสิ” อาจารย์ปฐพีชวนให้น้ำเข้ามาในห้องดนตรีที่เขาเป็นคนดูแล อาจารย์ปฐพีเป็นอาจารย์สอนดนตรีสากลที่เพิ่งจบมาใหม่ด้วยวัยเพียง 23 ปี จึงดูเหมาะที่จะเป็นพี่มากกว่าเป็นอาจารย์ แถมยังหน้าตาหล่อเหลาเป็นที่นิยมของนักเรียนหญิงทำให้อาจารย์ปฐพีป๊อปปูล่าร์สุดๆ
“เป็นไงบ้างล่ะ ปิดเทอมฝึกไปถึงไหนแล้ว”
“ยังไม่ค่อยคล่องเลยครับ แต่ก็จำโน้ตได้หมดแล้ว” น้ำยิ้มกลับให้อาจารย์ผู้แสนเป็นมิตรคนนี้ อาจารย์ปฐพีเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเรื่องเปียโนให้น้ำมาตั้งแต่เทอมแรก ซึ่งน้ำเองที่เริ่มเรียนเปียโนมาตั้งแต่อายุยังน้อยก็ยังไม่เคยเจอใครที่ให้คำแนะนำได้ดีเท่าอาจารย์ปฐพีเลยสักคน
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาซ้อมเลยนะ โดนพวกนายเขื่อนขันธ์แกล้งหนักเลยเหรอ” อาจารย์ปฐพีเป็นอีกคนหนึ่งที่รับรู้เรื่องที่น้ำมักจะต้องไปเป็นเบ๊ให้เขื่อนเสมอ
“ก็ปรกติแหละครับ ไม่ได้แกล้งหนักขึ้นหรอก ออกจะเป็นแนวกวนประสาทมากกว่า” น้ำเองก็รู้สึกว่าช่วงนี้การแกล้งของเขื่อนไม่ออกไปในแนวเจ็บตัวเหมือนเมื่อก่อน แต่จะไปในทางกวนโมโหมากกว่า อย่างเช่นเรื่องที่ให้ไปซื้อเครื่องดื่มเมื่อเช้านั่นไงล่ะ
“แต่ผมก็ซ้อมทุกเย็นที่บ้านนะครับ” น้ำรีบออกตัว เพราะกลัวอาจารย์ปฐพีจะหาว่าเขาไม่ขยัน
“หึหึ งั้นไหนลองเล่นให้อาจารย์ฟังหน่อยสิ” น้ำพยักหน้ารับคำเสนอของอาจารย์ จัดแจงเลือกแกรนด์เปียโนตัวโปรดที่เขาชอบเล่น ก่อนจะหยิบโน้ตมาแต่อาจารย์ก็ห้ามไว้
“ไม่ๆ ห้ามดูโน้ต” น้ำอ้าปากจะเถียง แต่อาจารย์ปฐพีก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ น้ำจึงต้องเล่นโดยไม่ดูโน้ตทั้งที่ยังไม่คล่องเพลงนี้เลย
ปลายนิ้วเรียวจรดลงบนคีย์อย่างคุ้นเคย ขาเรียวเหยียบเพดัลอย่างรู้จังหวะ เพลง Canon ที่บรรเลงในจังหวะ C Minor ที่อาจารย์ปฐพีแนะนำให้น้ำหัดเล่นได้ถูกบรรเลงจนเกือบสมบูรณ์แบบ
“อืม เกือบสมบูรณ์แบบละนะ อาจารย์ให้ 80%”
“จริงเหรอครับ” น้ำถามอย่างดีใจ นับว่าการฝึกซ้อมของเขาไม่เสียแรง
“อืม ถ้าขยันฝึกอีกก็เอา 100% เต็มไปเลย”
“ขอบคุณมากครับอาจารย์ แล้วเย็นนี้ผมจะกลับไปซ้อมที่บ้านต่อครับ” น้ำกล่าวขอบคุณอาจารย์ก่อนจะรีบวิ่งไปเข้าชั้นเรียนตอนบ่ายโดยมีรอยยิ้มอย่างเอ็นดูของอาจารย์ปฐพีตามหลังไป
“ครับแม่ ไม่ต้องรอผมครับ ครับ แม่ไปทำงานเถอะครับ ครับ รักแม่ครับ” น้ำกดวางโทรศัพท์มือถือด้วยสายตาลุกวาวผิดจากน้ำเสียงที่แสนจะสงบนิ่ง ซึ่งคงจะเป็นเพราะอารมณ์โมโหที่คุกรุ่นอยู่ในใจนั่นเอง
“เขื่อนขันธ์ ไอ้เวรมหาปะลัย...” น้ำบ่นพึมพำเมื่อนึกถึงวิชาเรียนสุดท้ายเมื่อตอนบ่าย
‘ไอ้ซีด มึงอยู่กลุ่มเดียวกับกูนะ’
‘กลุ่มอะไรครับ? ’
‘ก็กลุ่มทำรายงานวิชาภาษาอังกฤษไง ไอ้บื้อ’
‘เอ่อ คือผมกะว่าจะทำคนเดียวน่ะครับ’
‘ไม่ได้โว้ย ต้องทำกับพวกกู บอกอาจารย์ไปแล้วด้วย’
‘แต่ผมคงไม่มีเวลาไปทำรายงานร่วมกับเพื่อนๆนะ เพราะผมต้องซ้อมเปียโน เกรงว่าจะเอาเปรียบพวกเขื่อนนะ’
‘หึหึ ไม่เอาเปรียบหรอก เพราะพวกกูกะว่าจะไม่ทำน่ะ มึงทำคนเดียวเลยไง จะเอาเปรียบยังไงล่ะ จริงมั้ย’ ประโยคสุดท้ายจากปากเขื่อนที่ดังก้องอยู่ในหัวน้ำ ยังทำให้น้ำโมโหมาได้จนเย็น
“แล้วจะมีเวลาซ้อมเปียโนมั้ยเนี่ย” หนุ่มน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูโวยวายอยู่คนเดียวที่ป้ายรถเมลล์ช่างประหลาดยิ่งนัก
“ถ้าแม่นายเป็นฝรั่ง ทำไมนายไม่เอาไปให้แม่นายทำละโว้ย!” คนที่เอาแต่บ่นไม่ได้ทันสังเกตว่ามีรถเบนซ์คันหรูมาจอดตรงหน้า
“ไอ้ซีด อย่าลืมทำรายงานนะมึง” ใบหน้าหล่อเหลาที่น้ำกำลังนึกอยากจะถีบอยู่หยกๆโผล่หน้ามาจากเบาะหลังรถเบนซ์คันสีดำ ก่อนจะทิ้งเสียงหัวเราะยียวนไว้เบื้องหลัง
“#$%&*@!+^<>#@%” น้ำสบถไล่หลังรถเบนซ์สีดำคันงามไปติดๆ
“ลูกรัก นั่นเพื่อนลูกเหรอจ๊ะ” เสียงหวานละไมถามเขื่อนด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงแบบเจ้าของภาษาหลังจากที่รถแล่นออกมาจากป้ายรถเมลล์นั้น
“ครับแม่”
“เขาเป็น...เด็กผู้ชายใช่มั้ย” สาวอังกฤษผมสีบรูเน็ตต์ถามอย่างไม่แน่ใจ
“ทำไมแม่ถามแบบนั้นละครับ!?!” เขื่อนถามด้วยความตกใจ
“อืม.. คงเพราะเขาหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงเลยละมั้ง”
“ไม่เห็นเหมือนซะหน่อยนึง” เขื่อนบ่นอุบทำนองไม่เห็นด้วย ตรงข้ามกับแม่ของเขาที่มองลูกชายแล้วยิ้มกริ่มแบบที่เดาไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่…
>>>>> TBC