ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ ไอ้แบงก์มาต่อตามสัญญาแล้วนะครับ
+++++++++++++++++++++++++
+
+
+
+
ขากลับนี้ผมกับมันไม่ได้พูดจากันเลยครับ มันก็ย้ายกลับไปนั่งกับไอ้อ๊าทเหมือนเดิม ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ ๆๆที่ผมยังไม่รู้ครับ
และผมก็ได้รู้คำตอบหลังจากที่กลับมาจากที่ภูกระดึงครับ เพราะว่าพวกไอ้อ๊าท กับไอ้กั๊กทะเลาะกันในห้องเรียน ต่อหน้าเพื่อน ๆ ทุกคนในห้อง
คือเรื่องมีอยู่ว่า วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ผมกับมัน จึ๊กกระดึ๋ยกันแล้ว ไอ้กั๊กก็ไปเที่ยวกับพวกไอ้อ๊าท พวกไอ้อ๊าทก็เห็นรอยแดง ๆ สิครับ ไอ้พวกนี้มันช่ำชองนัก มันก็รู้เลยว่าเป็นรอยอะไร มันก็เอามาแซวผมกับไอ้กั๊กว่ามีอะไรกัน แซวกันไม่เลิกซักที ตอนแรกไอ้กั๊กมันก็เฉย ๆ จนในที่สุดไอ้กั๊กมันก็คงอดรนทนใจไม่ไหว ก็เลยระเบิดออกมา
“นี่พวกเมิง เมื่อไหร่เมิงจะเลิกพูดกันซะทีวะ บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร ทำไมเมิงไม่เชื่อวะ” ไอ้กั๊กด่าไอ้พวกไอ้อ๊าทครับ
“แล้วรอยที่คอเมิงกับไอ้แบงก์หมายความว่าอะไร” ไอ้พวกเชี่ยนี่ มันพาดพิงมาถึงผมครับ
“รอยของกรู กรูก็บอกพวกเมิงไปแล้ว ว่าตัวเชี้ยอะไรกัดกรูไม่รู้” อ้าว นี่มันด่ากรูเป็นตัวเชี่ยหรอวะ
“ส่วนที่รอยของไอ้แบงก์ เมิงก็ไปถามมันเองสิวะ” โยนมาให้กรูซะงั้น
ตอนนั้นผมกับไอ้กั๊กก็ตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นไปที่เรียบร้อยครับ นี่เมิงจะไม่รับผิดชอบที่เมิงทำช่ายไหมวะ ไอ้กั๊ก
“ไอ้แบงก์ กรูถามจริง ๆ เหอะ เมิงไปทำอะไรมา วันนั้นกรูเห็นหน้าเมิงแดงเถือกไปทั้งหน้า”
“กรูแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ” ผมตอบไปเหมือนกับที่ตอบพวกไอ้เอกครับ พร้อมกับแหลือบตาไปมอบไอ้กั๊กนิดหนึ่ง ดูมันไม่กล้าสู่สายตาผมครับ หลบวู๊บเลย เมิงนะเมิง
“เห็นมะ กรูบอกเมิงแล้ว ว่ากรูกับไอ้แบงก์ไม่ได้มีอะไรกัน กรูผู้ชายนะเมิง .ใข่ไหมแบงก์” สะอึกครับ ผมสะอึก
ตอนนี้ทุกคนหันมารออคำตอบจากผมครับ
“อืม ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไมมีอะไรกันด้วย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ผมตอบไปได้แค่นั้นแหละครับ เพื่อน ๆ จะให้ผมทำยังไง ในเมื่อมันโยนมาขนาดนั้น ก็อยากที่ผมบอกแหละครับว่าผมไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องมาอายเพราะผม
พอผมพูดไปอย่างนั้น ทุกอย่างก็จบครับ แต่ดูเหมือนไอ้อ๊าทจะไม่เชื่อ แต่ผมไม่สนใจครับ ว่ามันจะคิดยังไง แต่คนที่ผมสนใจ ก็คือไอ้กั๊ก ว่าที่มันพูดออกมาคือความรู้สึกในใจจริง ๆ หรือเพื่อแก้ต่างกันแน่ แต่ผมภาวนาขอให้เป็นอย่างหลังละกันครับ บอกตามตรงว่าตอนนั้นผมรู้สึกน้อยใจมาก ๆ ตอนที่มันทำอย่างนั้นที่ภูกระดึงกับผม ผมก็นึกว่ามันกับผมคิดเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย มันไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลย ซักนิดเดียว..........
+
+
+
+
+
ระยะนี้ ดูเหมือนไอ้กั๊กจะเปลี่ยนไปนะครับ แต่เปลี่ยนไปกับเฉพาะผมคนเดียว กับคนอื่น ๆ มันก็ปกติ แต่สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกได้ว่ามันหลบหน้าผม ไม่มาแกล้ง ไม่มากัดผมเหมือนเคย จะเข้าไปถามก็ไม่กล้า เพราะไม่รู้ว่าจะถามในฐานะอะไร
ระหว่างผมกับมันอึมครึมมาอย่างนี้ จนผ่านปีใหม่ครับ ผมยอมรับเลยว่าผมอึดอัดมาก และไม่มีความสุขเลย ผมคิดว่าเป็นเพราะผมคนเดียวที่ทำให้มันเป็นอย่างนี้ สำหรับมันแล้วก็ยังปกตินะครับ ยังเฮฮา ปาจิงโก๊ะเหมือนเดิม แต่ผมรู้สึกได้ว่า มันกับผมห่างกันเหลือเกิน อีพวกเพื่อน ๆ มันก็คอยแต่จะจับผิดอีก จบกันแล้วสินะรักครั้งแรกของผม แม่งเนี่ยขนาดมีอะไรกันแค่ภายนอกเท่านั้นนะ ถ้ามันเอากรูสงสัยกรูไม่ต้องย้ายโรงเรียนหนีเลยหรอเนี่ย
หน้าหนาวปีนั้นยาวนานนัก ล่วงเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว แต่ก็ยังไม่เลิกหนาวซักที ผมยังจำได้ดีว่า วันนั้นเป็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ก่อนวันวาเลนไทน์ 4 วัน มันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเสียน้ำตาครั้งแรกครับ
กริ๊ง.......กริ๊ง...ง.งงงงงงงงงงงง” เสียงโทรศัพท์บ้านผมดังขึ้น แม่ผมเป็นคนรับครับ
“อ้อ อยู่ค่ะ เดียวก่อนนะ”
แบงก์โทรศัพท์ของแบงก์นะ
“ครับ”
“โหล หวัดดีครับ”
“แบงก์หรอ นี่กั๊กนะ” ผมก็ได้แต่อึ้งนะสิครับ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันโทรมาหาผม
“อืม” ผมก็ตอบไปได้แค่นั้นครับ
“แบงก์.............................เราแป็นเพื่อนกันเนอะ” อยู่ ๆ มันก็พูดขึ้นมาครับ ผมก็อึ้งไปสักพักหนึ่ง เนอะป๊ะเมิงสิ ไอ้นี่
“อืม........ใช่ เราเป็นเพื่อนกันไงหละ หรือว่าจะให้เป็นแม่ 55555555” ผมแกล้งพูดตลกกรอกลงไปครับ แต่ตอนนั้น มันเหมือนมีก้อนอะไรไม่รู้มาจุกที่คอ เอ๊ะ แล้วน้ำอะไรหว่า ไหลที่แก้มตรูหว่า
“อืม แล้วเจอกันพรุ้งนี้นะ จะขอกัดหน่อย 555555555” ผมไม่ได้ตอบมันครับ เพราะตอบมันไม่ได้ ถ้าผมพูดไปมันต้องรู้แน่ ๆ ว่าผมร้องไห้อยู่
“งั้นบายละกัน หวัดดี” แล้วมันก็วางไป แต่ผมยังคงถือหูโทรศัพท์ค้างไว้อย่างนั้น ไม่รู้สิครับ ตอนนั้นรู้สึกว่ามันเคว้งๆ ๆ อุตส่าห์เตรียมใจไว้แล้ว แต่ทำไมยังทำใจไม่ได้ซักที
หลังจากวางโทรศัพท์เสร็จก็รีบเข้าห้องนอน บังคับสายตาให้หลับ แม้ว่าผมจะสามารถบังคับลูกตาให้หลับได้ แต่ผมไม่สามารถบังคับจิตใจให้หลับเหมือนลูกตาได้ อาจจะเป็นเพราะคำว่าเพื่อนที่มันพูดก็ได้มั้งครับ ที่ทำให้ใจผมตื่นอยู่ตลอดเวลา