[แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ระหว่างพญานกยูงแดง หงคงฉ่วย กับนายตำรวจเถรตรง ลู่อี้เผิง ท่านๆ ชอบใครมากกว่ากันคะ^^

ต้องหงคงฉ่วยอยู่แล้ว ราชินีฉัน เริ่ด และแสบสนิทขนาดนี้!!
ต้องเผิงเผิงน้อยอยู่แล้ว เมะอะไร มันจะน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้!!

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554  (อ่าน 614309 ครั้ง)

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
โอยยย ทรมารรรร!!
อ่านแล้วมันเศร้า
มาม่าคับหม้อกันเลยทีเดียว

mayabee

  • บุคคลทั่วไป
ความรู้สึกในใจอ่านไป เหมือนเห็นตอนจบไปลางๆๆ  ฮืออ  ท่านนกยูงชั้น ตายอย่างมีความสุข ? (แบบยอมตายเองไรแบบนี้)   สรุปไม่ได้อยู่ด้วยกัน     จริงๆ นะภาพมันลอยมา แงงงงงงงงงง

kisz

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกก คนอ่านก็รักคงฉ่วยนะ

มีตอนที่เศร้ากว่านี้ด้วยหรอเนี่ยะ แง๊ ไม่น๊าาาาาาา





คนแต่งจ๋า ขอจบแบบดีๆได้มั้ยอ่าาาาาา พลีสสสสสสส (ถือมีดขู่ ฮ่าาาาาา)

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
TT^TT
ทำไมมันต้องเศร้าขนาดนี้ด้วยยยยยย
โฮๆๆๆ สงสารคงฉ่วยมากกก
แล้วจะทำยังไง เผิงเผิง ก็จะจับ
ไอ้โรคจิตนั่นก็จ้องอยู่  ฮืออออออ
บางที การถูกจับ อาจจะน่ากลัวน้อยกว่าไปอยู่กับไอ้นั่นนะ
โอ่ยยยยยย ปวดใจ!!!

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เขาไม่ชอบมาม่า แต่อยากอ่านเรื่องนี้จะทำไงดี  :o7:
(เอ๊ะ หรือเรื่องนี้ที่บอกว่าSM หมายถึง คนเขียนเป็นS แล้วคนอ่านเป็นM รู้ว่าเรื่องมันบีบหัวใจแต่ก็ยังติดงอมแงม)

 o13 ยกนิ้วให้คนเขียนนะคะที่ปรุงมาม่าชามนี้ได้แซ่บจนคนอ่านน้ำตาไหลเลย

ปล. ตอนจบเค้าก็ขอของหวานอยู่ดี

คุณเข้าใจถูกต้องแล้วคะ่ เอิ๊กๆ

**วันนี้แอบเสียใจ.. ในที่สุดหมู่บ้านเขาก็มาถอนต้นไม้ข้างบ้านเราออกแล้ว อุตส่าห์ปลูกเอาไว้เก็บกินน๊า.... ตอนซื้อเซลก็บอกว่าปลูกได้ แต่พอปลูกแล้ว คนดูแลก็ไม่ให้ปลูก... ต้นไม้ถอนได้... แต่หมาห้ามขี้ไม่ได้... เอาต้นไม้ออกแล้ว ก็เหลือแต่ขี้หมาให้เราเดินเหยียบสินะเนี่ย

แอบบ่นเรื่องขี้ๆ และหมาๆ อิอิ
-------------------------------------------------

红孔雀นกยูงแดง 24
   สิบวัน.ให้หลัง แพทย์ก็อนุญาตให้ลู่อี้เผิงกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ ก่อนกลับเขาแวะไปหาต้วนเฟิงที่ย้ายออกจากห้องไอซียู ไปยังห้องปลอดเชื้อ เพราะยังมีเรื่องน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับอาการติดเชื้อตรงแผลไฟไหม้
   พอเห็นว่าคนที่เดินเข้าไปเป็นเขา ต้วนเฟิงก็พูดขึ้นทันที “สารวัตร จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้แล้วใช่ไหมครับ?”
   “อืม” ลู่อี้เผิงพยักหน้า พลางมองดูเพื่อนร่วมงานที่ยังคงมีผ้าพันแผลพันอยู่แทบทั้งตัว ต้วนเฟิงเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นอีก “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ พยาบาลเพิ่งเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ผม ตอนนี้ผมสบายขึ้นเยอะเลยล่ะ ไอ้ที่เคยเจ็บๆ ก่อนหน้านี่ก็ไม่ค่อยเจ็บแล้ว”
   ลู่อี้เผิงมองต้วนเฟิงอีกรอบ เขารู้มาว่าแผลไฟไหม้ของนายตำรวจคนนี้อยู่ในระดับสอง ซึ่งผิวหนังไม่ถึงขั้นถูกทำลายหมด แต่ความเจ็บปวดนั้นคงไม่ต้องบรรยาย เพราะผิวหนังมีเส้นประสาทกระจายอยู่เยอะที่สุด การที่ต้วนเฟิงยังทำใจแข็งคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริงขนาดนี้ ลู่อี้เผิงอดนับถือไม่ได้จริงๆ
   พอเห็นอีกฝ่ายยังยืนนิ่ง ต้วนเฟิงจึงถามขึ้นต่อ “สารวัตรคงไม่ได้มายืนดูผมเป็นมัมมี่หรอกนะ ใช่ไหมครับ?... สารวัตรกำลังจะออกไปจัดการกับไอ้คนที่วางระเบิดรถเราใช่ไหม?”
   นอกจากทีมสืบสวนแล้ว ลู่อี้เผิงยังไม่ได้เล่าแผนการที่ว่านี้ให้ใครฟัง แต่เรื่องคดีตระกูลหรง และเรื่องที่หรงสือจื่ออาจจะเป็นคนวางระเบิดรถยนต์ เขาเล่าคร่าวๆ ให้ต้วนเฟิงฟังแล้ว ท่าทางนายตำรวจคนนี้จะมองทะลุสิ่งที่อยู่ในใจเขาออก
   “ระวังตัวด้วยนะครับสารวัตร ผมรู้ว่าสารวัตรน่ะเก่ง แต่สารวัตรไม่อึดเหมือนฝากระโปรงรถนะ”
   ลู่อี้เผิงหัวเราะออกมา “ผมไม่ไปให้เขางัดเล่นหรอกน่า”
   ต้วนเฟิงหันหน้ามามองเขาอย่างจริงจัง “สารวัตร ผมรอสารวัตรมารับกลับไปทำงานด้วยอยู่นะ เพราะงั้น... ตอนที่ผมทำกายภาพบำบัด สารวัตรต้องมาดูให้ได้นะ สารวัตรต้องมาดูหน้าใหม่ของผมด้วยนะ”
   ลู่อี้เผิงขบริมฝีปาก ท้ายที่สุดก็เค้นรอยยิ้มออกมาได้ “อืม... ผมจะมาเยี่ยมคุณให้ได้เลยล่ะ”
----------------------------------------
   คุยกับต้วนเฟิงเสร็จแล้ว ลู่อี้เผิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้า และนั่งรถกลับมาพร้อมกับนายตำรวจติดตามอีกสามคน แผนของเขาคือ กลับไปที่บ้าน ทิ้งกำลังตำรวจไว้เฝ้าหน้าบ้านสักสองคน จากนั้นก็ทำทีว่าผลัดเปลี่ยนเวรกันเป็นระยะ หรงสือจื่อจะต้องอาศัยจังหวะนั้นมาจับตัวเขาแน่ๆ จากนั้น...
นายตำรวจทั้งสี่คนขับรถมาถามถนนทางหลวง ขณะที่เลี้ยวออกถนนเลี่ยงเมืองซึ่งเป็นเส้นเปลี่ยว ก็พบว่ามีรถยกคันหนึ่งแล่นตามมา
“มีรถเสียอยู่แถวนี้หรือไงน่ะ” นายตำรวจที่ขับรถอยู่ตั้งข้อสังเกต “ผมไม่เห็นวิทยุรายงานเลย”
“อาจจะถูกเรียกไปยกรถที่อู่ก็ได้นะ แถวนี้มีอู่รถอยู่นี่ ท่าทางจะรีบด้วยนะนั่น ขับเร็วเชียว” นายตำรวจอีกคนพูด นายตำรวจที่เป็นคนขับเลยตัดสินใจขับชิดซ้ายเพื่อปล่อยให้รถยกคันนั้นแซงหน้าไป
“รีบจริงๆ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นรถยกขับเร็วขนาดนี้นี่แหละ” นายตำรวจอีกคนหนึ่งพูด ลู่อี้เผิงขมวดคิ้ว “ยกรถที่อู่ทำไมถึงต้องรีบมากขนาดนี้ล่ะ”
“ไม่รู้สิ” หนึ่งในนั้นตอบ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร นายตำรวจที่ขับรถอยู่ก็อุทานเสียงลั่น “เฮ่ย!!”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเบรกดังเอี๊ยด หน้าของลู่อี้เผิงแทบจะทิ่มเข้ากับเบาะรถ ดีที่มีเข็มขัดนิรภัยช่วยดึงเอาไว้อยู่ เสียงโลหะบดอัดกันดังตามมาหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นถุงลมนิรภัยที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าก็ทำงานโดยอัตโนมัติ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?” ลู่อี้เผิงร้องถามทันทีที่ตั้งสติได้ นายตำรวจที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับส่งเสียงอู้อี้เพราะมีถุงลมนิรภัยค้ำคออยู่ “รถ รถยกมันหยุดกะทันหันน่ะ”
“!!!” ยังไม่ทันที่ใครจะได้ทันพูดแสดงความเห็นอะไร เสียงเหมือนโลหะหนักกระแทกกับรถก็ดังขึ้นอีก จากนั้นรถก็ถูกยกสูงขึ้น
“ไอ้บ้านั่น!!” ลู่อี้เผิงโพล่งออกมา ขณะที่รถถูกยกจนลอยเกือบจะตั้งฉากกับพื้น นายตำรวจทั้งสี่พยายามคว้าจับอะไรเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียการทรงตัวไปมากกว่านี้ มองเห็นปั้นจั่นสีเหลืองของรถยกถนัดชัดเจนอยู่ตรงกระจกหน้า เสียงลั่นเอี๊ยดๆ ของโลหะที่เสียดสีกันและเสียงหมุนก็ปั่นจั่นขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่บนรถดังมาให้ได้ยินชัดถนัดหู จากนั้น รถยกคันนั้นก็ออกวิ่งอีกครั้ง โดยลากรถของนายตำรวจทั้งสี่ในสภาพเชิดหัวขึ้นหกสิบองศาตามไปด้วย
“นี่มันบ้าไปแล้ว วิทยุบอกศูนย์เร็วเข้า” นายตำรวจที่นั่งอยู่ข้างลู่อี้เผิงตะโกนลั่น ปัญหาคือถุงลมนิรภัยด้านหน้ายังพองอัดนายตำรวจอีกสองคนอยู่ เลยทำให้คว้าจับอะไรไม่ถนัด วิทยุห้อยร่องแร่งตกลงมาเพราะแรงโน้มถ้วง ลู่อี้เผิงจึงเอื้อมมือไปพยายามจะคว้าเอาไว้ ทันใดนั้นเองก็รู้สึกเหมือนรถด้านหน้าหักเลี้ยวกะทันหัน รถของพวกเขาถูกเหวี่ยงไปด้านข้างอย่างรุนแรง ก่อนเสียงลั่นของโลหะจะดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกเหวี่ยงอยู่ในเครื่องซักผ้า
รถที่ลู่อี้เผิงโดยสารมากลิ้งหลุนๆ ชนเข้ากับคอกกั้นข้างทางอย่างจัง ก่อนจะหยุดสนิทลง ควันจากหม้อน้ำรถที่แตกเสียหายลอยฟุ้งขึ้นมาทันที
ลู่อี้เผิงรู้สึกเหมือนตัวเองหมดสติไปชั่วอึดใจหนึ่ง หลังจากรถหยุดสนิท นายตำรวจหนุ่มก็หันไปมองนายตำรวจที่นั่งข้างทันที นายตำรวจคนนั้นเลือดอาบหน้า ไม่รู้ว่าแค่สลบหรือเสียชีวิตไปแล้วกันแน่ ยังไม่ทันที่ลู่อี้เผิงจะยื่นมือไปแตะชีพจร ก็ได้ยินเสียงนายตำรวจที่นั่งอยู่ด้านหน้าครางขึ้น
“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย... โอย... ขาผม..”
“ทำใจดีๆ ไว้นะ” ลู่อี้เผิงพูด และรู้สึกตาพร่าไปข้างหนึ่ง พอยกมือขึ้นลูบก็พบว่ามีเลือดติดมือมาเป็นจำนวนมาก
“ผมจะแจ้งศูนย์ เราต้องเรียกรถพยาบาล” ลู่อี้เผิงพูดต่อ และพยายามจะควานหาโทรศัพท์ ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ทันใดนั้น เสียงโลหะกระทบกันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่รถทั้งคันจะถูกยกขึ้น ลู่อี้เผิงคิดว่าตัวเองอาจจะคอหัก ตอนที่รถกระแทกลงกับพื้น ยังไม่ทันจะตั้งสติดี ตรงประตูรถที่กระจกแตกละเอียด ก็มีตะขอเกี่ยวขนาดเขื่องมาเกี่ยวเอาไว้ จากนั้นประตูก็ถูกดึงออก มือของใครคนหนึ่งยื่นมากระชากตัวเขาออกไปทันที
ตั้งแต่พบกับหงคงฉ่วย ลู่อี้เผิงถูกคว้าคอมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ละครั้งหนักหน่วงรุนแรงอย่างกับเอาคีมมาหนีบ แต่ครั้งนี้เขารู้สึกยิ่งกว่านั้น ราวกับมีรถทั้งคันมาทับอยู่
นายตำรวจหนุ่มถูกมือที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอกระชากตัวออกมาจากซากรถ จากนั้นก็โยนเขาลงกับพื้น ลู่อี้เผิงพยายามจะตะกายตัวขึ้นมา แล้วมือข้างนั้นก็ยื่นมาจับคอเขาเอาไว้อีกครั้ง ลมหายใจของนายตำรวจหนุ่มขาดห้วงทันที
ลู่อี้เผิงเบิ่งตากว้างแทบจะถลนออกมาเพราะแรงบีบ ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือชายอายุราวๆ ห้าสิบหกสิบ ที่มีแผลเป็นตรงกลางหน้าผาก ดวงตาสีดำสนิทจ้องมาที่เขาราวกับจะฆ่าให้ตาย
หรงสือจื่อ!!!!
----------------------------------------------------
   หงคงฉ่วยกำลังรำมวยอยู่ ในตอนที่หลี่คงเดินเข้าไปหา พ่อบ้านชรายืนรีรออยู่หน้าประตูพร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือ แต่ยังไม่เอ่ยปากพูดอะไร จวบจนกระทั่งผู้เป็นเจ้านายหันกลับมา
   “เขาโทรมาแล้วใช่ไหม?”
   หลี่คงมองหน้าเจ้านายของเขา ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ มือของเขาที่ปกติมั่นคงอยู่เสมอ ดูจะสั่นขึ้นมาทันที ในตอนที่ยืนโทรศัพท์เครื่องนั้นให้ หงคงฉ่วยแนบมันเข้ากับหู
   “สวัสดี...”
   สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของลู่อี้เผิง แต่เสียงตอบกลับเปลี่ยนไปแล้ว “สวัสดี... เสี่ยวไป๋จื่อ พี่ดีใจจริงๆ ที่ได้ยินเสียงเธออีก”
   ดวงตาของหงคงฉ่วยแข็งทื่อเป็นรูปปั้นในทันที “เสียงพี่ฟังดูทุเรศขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ”
   “อืม... แต่เสียงเธอเหมือนเดิมเลย พี่คิดถึงอยู่ตลอดเลยนะ”
   “..............”
   “เสี่ยวไป๋จื่อ สามสิบกว่าปีมานี้ ถึงเธอจะทำร้ายพี่สาหัส แต่พี่รู้สึกภูมิใจที่เธอมีชื่อเสียงโด่งดังได้ขนาดนี้ ชื่อของหงคงฉ่วยสำหรับพี่ฟังเมื่อไหร่ก็ทำให้คิดถึงแผ่นหลังของเธอมากจริงๆ ”
   “พี่ไปมุดหัวอยู่ไหนมาตั้งสามสิบกว่าปี”
   “ก็อยู่ในฮ่องกงนี่แหละ แต่เธอคงไม่รู้หรอก พี่เฝ้ามองเธออยู่ตลอดเลยนะ เธอเก็บตัวเก่งจริงๆ สามสิบกว่าปีมานี่ พี่หาโอกาสเจอหน้าเธอไม่ได้เลย บารมีเธอก็แก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ พี่ภูมิใจในตัวน้องพี่จริงๆ ”
   นัยน์ตาของหงคงฉ่วยปรากฏแววอำมหิตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “พี่เลิกพล่ามงี่เง่าแล้วพูดเข้าเรื่องมาเลยดีกว่า พี่มุดหัวมาตั้งสามสิบกว่าปี จู่ๆ คงไม่โทรมาเพื่อจะถามสารทุกข์สุกดิบผมแบบนี้หรอก”
   ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะ “ใจร้อนจริงนะ คุยกับพี่อีกนานๆ ก่อนไม่ได้หรือไง หรือว่าห่วงเจ้าของโทรศัพท์”
   “บอกตรงๆ เลยนะ ผมไม่อยากจะคุยกับพี่สักวินาที” หงคงฉ่วยตอบ “คนของผมเป็นไงบ้าง”
   “ยังไม่ตาย” อีกฝ่ายตอบ ก่อนจะพูดต่อ “คนของเธองั้นรึ? พี่หัวเราะได้ไหม เธอเรียกตำรวจว่าคนของเธองั้นรึ? เสี่ยวไป๋จื่อ ไอ้เด็กนี่น่ะ มันลีลาดีนักหรือไง ถึงได้หลงมันขนาดนี้น่ะ ถ้าพี่ตัดของมันทิ้ง ลากไส้มันออกมา เธอยังจะสนใจมันอยู่อีกไหม”
   “เห่ยอิง!!” หงคงฉ่วยคำรามเสียงลั่น อีกฝ่ายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับมา “ไม่สมเป็นเธอเลยนะ หลงรักมันจริงๆ หรือไง? เธอยังมีหัวใจให้หลงรักใครอีกหรือ?”
   “หุบปากเถอะ” หงคงฉ่วยว่า “ให้ผมพูดกับเขาหน่อย”
   “เห็นจะไม่ได้ล่ะนะ แค่นี้พี่ก็บาดหูพออยู่แล้ว”
   “........” หงคงฉ่วยเงียบไปพักหนึ่ง แล้วกรอกเสียงลงไปอีก “ถ้าพี่ไม่ให้ผมพูดกับเขา อย่าหวังเลยว่าผมจะทำอะไรตามที่พี่บอก”
   “อ้อ... มีข้อต่อรองอีกแล้วหรือ” ทางนั้นตอบกลับมา “แล้วถ้าพี่ให้เธอพูด เธอจะทำตามที่พี่บอกหรือไง?”
   “ถ้าพี่แค่อยากจะจับตัวเขาแล้วฆ่าระบายอารมณ์น่ะ วางสายไปเถอะ ผมมีอะไรต้องไปทำอีกเยอะ”
   “เธอใจแข็งทนเห็นมันตายได้หรือไงน่ะ?”
   “พี่รู้นิสัยผมดีนี่... เอาล่ะ ผมจะวางสายแล้ว พี่จะเอาศพเขาไปทำปู้ยี้ปู้ยำอะไรก็ตามสบายเลย”
   ปลายสายแค่นหัวเราะออกมา “พี่ชอบเธอตรงที่เป็นแบบนี้ด้วยนี่แหละ เธอมันใจแข็งจริงๆ ”
   พูดจบก็ได้ยินเสียงเหมือนใครสาดน้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงไอแค่กๆ จากนั้น ก็ได้ยินเสียงหรงสือจื่อดังขึ้นต่อ “พูดอะไรลงไปหน่อยสิ ให้เขารู้ว่าแกยังไม่ตาย”
   หัวใจของหงคงฉ่วยเต้นตึกตึกเป็นจังหวะอยู่ในอก เขานิ่งฟัง รอเสียงตอบกลับนั้น เวลาผ่านไปสักพัก...
   “คงฉ่วย.....”
   ความอบอุ่นสายหนึ่งพุ่งวาบขึ้นมาในหัวใจทันที หงคงฉ่วยกรอกเสียงกลับไป “เผิงเผิง ยังอยู่ครบดีไหม?”
   ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา “คิดว่าครบนะ”
   “อ้อ ดี... ถ้ามีไม่ครบฉันจะได้บอกให้เขาฆ่าเธอไปเลย”
   “..............”
   จากนั้นเสียงหรงสือจื่อก็เข้ามาแทรกแทน “พอใจรึยังน่ะ?”
   “พี่อยู่ไหนล่ะ?” หงคงฉ่วยถามกลับไป “ผมจะได้ไปเอาคนคืน”
   “บนเรือ” อีกฝ่ายตอบ “พี่หงุดหงิดอยู่หรอกนะ ที่เธอมาเพราะไอ้เด็กนี่ แต่พี่อยากเจอเธอ เพราะฉะนั้น เราระลึกความหลังกันหน่อยก็แล้วกัน พี่อยู่บนเรือ....” จากนั้นเขาก็บอกสีและลักษณะของเรือ “มาคนเดียวนะ เสี่ยวไป๋จื่อ เพราะพี่อยากเจอเธอคนเดียว”
   “ผมรู้แล้ว” หงคงฉ่วยตอบ จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “พี่ให้สารวัตรลู่ถือโทรศัพท์แล้วคุยกับผมไปเรื่อยๆ นะ”
   “ไม่ได้ยินเสียงมันเธอจะขาดใจตายหรือไง?” อีกฝ่ายย้อน หงคงฉ่วยแค่นเสียงต่อ “เปล่า ผมกลัวถูกพี่ต้มเปื่อย พอไปถึงแล้วเขามีไม่ครบสามสิบสอง ผมก็ไปฟรีน่ะสิ”
   ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะเสียงลั่น “ห่วงมันจริงนะ ก็ได้ พี่ตามใจเธอทุกอย่างอยู่แล้ว พี่จะให้มันพูดโทรศัพท์กับเธอแล้วกัน รีบๆ มานะ พี่รออยู่”
   โทรศัพท์เงียบไปอีกครั้ง จากนั้นเสียงของลู่อี้เผิงก็ดังขึ้น “คงฉ่วย ตกลงเอาไงน่ะ”
   “เผิงเผิงนึกอะไรพอจะพล่ามออกมาได้บ้างล่ะ?” อีกฝ่ายย้อนถาม และพูดต่อ “ฉันจะไปหาเธอแล้ว พล่ามให้ฉันฟังหน่อยก็แล้วกัน ฉันอยากแน่ใจว่าเธอจะยังครบสามสิบสองประการดี ตอนที่ฉันไปถึงน่ะ”
   “อืม.... ผมอยากกินปลาหิมะที่บ้านคุณน่ะ” ลู่อี้เผิงว่า หงคงฉ่วยหัวเราะขึ้นมา ขณะเดินไปเปลี่ยนเสื้อ
   “ได้ จบงานนี้ฉันจะสั่งหลี่คงให้หาเตรียมเอาไว้”
   “ผมอยากเดินเที่ยวที่คฤหาสน์คุณด้วย”
   “อืม... ฉันจะให้เสี่ยวจือพาเธอเที่ยวก็แล้วกัน”
   “ผมอยากไปว่ายน้ำที่บ้านคุณด้วย”
   “อืม...”
   “อ่างอาบน้ำที่บ้านคุณผมก็อยากจะลงแช่...”
   “เผิงเผิง” หงคงฉ่วยเรียกชื่ออีกฝ่าย “ถ้าเขาอัดเธอหรือตัดอะไรเธอเร็วขึ้น ก็เพราะเธอพูดแบบนี้นี่แหละ ฉันเดาว่าตอนนี้เขาคงจ้องเธอเหมือนกับจะฆ่าให้ตายอยู่ใช่ไหมล่ะ”
   “คุณเดาถูกเผงเลย” อีกฝ่ายตอบ “แต่ผมไม่รู้จะคุยอะไรกับคุณนี่นา”
   “ไม่มีคดีอะไรสงสัยเลยหรือไง ช่วงนี้น่ะ”
   “ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะ ที่สงสัยมีแต่คดีนี้นี่แหละ” เงียบไปพักหนึ่ง ลู่อี้เผิงจึงพูดขึ้นต่อ “อ้อ.. หัวผมแตกด้วยล่ะ แต่ท่าทางแผลมันจะปิดแล้วมั้ง”
   ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยถอนหายใจตามมา “ฉันว่าโรงพยาบาลคงไม่รับรักษาเธอแล้วล่ะ” เขากล่าว ก่อนจะรับเสื้อจากพ่อบ้านมาสวม

   “คงฉ่วย” หลี่คงเรียกชื่อเขาในตอนที่ผู้เป็นเจ้านายก้าวออกมาด้านนอก หงคงฉ่วยหันหน้ากลับไปมอง
   “ให้ผมไปด้วยเถอะครับ”
   หงคงฉ่วยมองดูใบหน้าแก่ชรานั้นพักหนึ่ง แล้วจึงยิ้มออกมา “ไม่ต้องหรอก พ่อบ้านไปแล้วใครจะจัดการที่นี่ให้ฉันล่ะ...”
   หลี่คงเม้มริมฝีปากเหี่ยวย่นจนเป็นเส้นตรง “คงฉ่วย.....”
   คนถูกเรียกเดินเข้ามาใกล้เขา ก่อนจะพูดต่อ “ช่วยฉันอีกสักครั้งเถอะนะ....”
-------------------------------------------
   “เผิงเผิง พูดให้เสียงดังหน่อยนะ ฉันอยู่บนเรือ เครื่องมันเสียงดังน่ะ” หงคงฉ่วยพูดหลังจากระโดดขึ้นไปบนเรือและติดเครื่องแล้ว
   “อ้อ.. ผมคิดว่าคุณจะขี่เจ็ตสกีมาซะอีก” เสียงของลู่อี้เผิงดังตอบกลับมา หงคงฉ่วยกรอกเสียงกลับไป “อย่างี่เง่าไปหน่อยเลยน่า ที่ที่เธออยู่ไม่ใช่ว่าใกล้ๆ ฝั่งนะ อีกอย่าง ฉันไม่อยากเปียกน้ำในอากาศหนาวแบบนี้หรอก”
   “อะ..อ้อ.. อืม... ” เงียบไปพักหนึ่ง ลู่อี้เผิงจึงพูดขึ้นต่อ “คะ...คงฉ่วย มีอะไรที่พูดแล้วรู้สึกร้อนขึ้นบ้างมั้ย?”
   “ที่เป็นอยู่นั่นยังน่าร้อนใจไม่พออีกหรือไง?” อีกฝ่ายสวนทันที ได้ยินลู่อี้เผิงหัวเราะ ก่อนจะตอบกลับมาเสียงสั่น “อะ.. อืม..ผะ.. ผมว่า ยังร้อนไม่พอหรอก..”
   หงคงฉ่วยขมวดคิ้ว “เผิงเผิง เสียงเธอเป็นอะไรน่ะ”
   “อ้อ..อะ..อืม... พะ.. พอดีว่า.. ผมตัวเปียกอยู่น่ะ.. แล้ว...ตรงนี้ก็ลมแรงสุดๆ ด้วยสิ”
   “?!!”
   “คะ.. คงฉ่วย... ตัวคุณอุ่นใช่มั้ย?”
   “เผิงเผิง” หงคงฉ่วยเรียกชื่อเขาอีกรอบ “เลิกแกว่งปากสร้างความซวยให้ตัวเองทีเถอะ พูดอะไรที่มันไม่กวนประสาทเขาจะได้มั้ย..”
   อีกฝ่ายหัวเราะแบบฟันกระทบกันกึ่กๆ “ผะ.. ผมว่า.. ผมทำอะไรก็ดูกวนประสาทเขาทั้งนั้นแหละ... คะ..คงฉ่วย กังฟูนี่.. ยิ่งแก่ยิ่งเก่งหรือ?”
   “ก็แล้วแต่คน” หงคงฉ่วยพูด ก่อนจะอธิบายต่อ “แต่เขาเป็นระดับอัจฉริยะ ให้ฉันเดานะ เธอโดนเขาซัดร่วงตั้งแต่ยังไม่ทันมองเลยล่ะสิ”
   “ขะ.. เขาเอารถยกมายกรถผมเลยล่ะ”
   “?!!”
   “ผะ.. ผมเชื่อแล้วว่าเขาบ้า”
   “เออ... แต่ฉันจะบอกอะไรให้ เธอก็บ้าพอๆ กับเขานั่นล่ะ เรือลำใหญ่รึเปล่า”
   “ใหญ่” อีกฝ่ายตอบ “ไม่รู้ว่าจะเท่าเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนรึเปล่านะ แต่เรือลำใหญ่จริงๆ ผมไม่เห็นใครเลยนอกจากเขา แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ เพราะอาจจะซ่อนตัวอยู่ก็ได้”
   “อืม...” หงคงฉ่วยตอบ พลางเร่งเครื่องเรือสปีดโบ้ทพุ่งทะยานออกไปบนผืนน้ำ ที่อาบด้วยละอองแสงอาทิตย์สีทองช่วงสุดท้ายของวัน
---------------------------------------------
   ชีวิตในวัยเด็กของหรงสือจื่อ เขาไม่เคยได้อ้าปากเรียกใครว่าแม่เลยสักครั้ง
   แม่ของเขาเสียชีวิตลงในวันที่เขาเกิด และพ่อของเขาก็ไม่ยอมแต่งงานใหม่ ตัดสินใจเลี้ยงดูลูกชายด้วยตัวเอง
   หรงสือจื่อโตมาในฐานะคุณชายคนเดียวของบ้านตระกูลหรง นอกจากแม่แล้ว เขามีทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อของเขาพร่ำสอนเรื่องวิชาบริหารและกังฟูตั้งแต่เล็ก ด้วยตั้งเป้าว่าลูกชายคนเดียวคนนี้จะโตขึ้นเป็นผู้นำตระกูลที่ยอดเยี่ยม  และหรงสือจื่อก็ทำได้ดีทุกประการ
   ชีวิตในวัยเด็กของเขาเหนือกว่าเด็กคนอื่นๆ ในทุกรูปแบบ แต่หัวใจของเขากลับเหมือนมีรูกลวงโบ๋ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป เขาอยากมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ ใครสักคนที่เป็นเพื่อนเล่นกับเขาได้ ใครสักคนที่จะอยู่ใกล้ๆ เขา โดยไม่พร่ำสอน บ่น หรือสั่งให้ทำอะไร
   แล้ววันหนึ่ง ตอนเขาอายุสักแปดขวบเห็นจะได้ พ่อของเขาก็พาเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาที่บ้าน บอกว่าต่อไปนี่คือน้องชายของเขา เด็กผู้ชายคนนั้นอายุสักสามขวบ ผิวขาวละเอียด ผมสีดำสนิท นัยน์ตากลมโตเหมือนลูกกวางน้อย เวลายิ้มออกมาเหมือนโลกทั้งโลกมีแต่ความสดใส พอได้ยินเสียงเด็กคนนั้นเรียกเขาว่าพี่ชาย ช่องว่างกลวงโบ๋ในจิตใจของเขาก็เหมือนจะเต็มตื้นจนกระทั่งล้นทะลัก
   หรงไป๋จื่อ
   หรงสือจื่อท่มเททุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้ในตอนนั้นให้น้องชายคนนี้ทันที น้องชายตัวเล็กๆ ที่แสนน่ารัก
   ตั้งแต่มีน้องชาย ชีวิตของเขาก็มีสีสัน มีความสุขเป็นที่สุด ไปไหนจะได้ยินเสียงเรียก พี่จ๋าๆ เขาแทบไม่อยากจะปล่อยมือน้อยๆ ที่จูงอยู่นั้นเลยสักครั้ง
   น้องชายของเขาน่ารักกว่าสิ่งอื่นใดในโลก
   แต่หรงสือจื่อไม่ได้อยู่กับน้องชายที่เขารักตลอดเวลา ผู้เป็นพ่อแยกห้องพวกเขา น้องชายคนนั้นต้องไปนอนอยู่ในห้องเล็กๆ หลายครั้งที่หรงสือจื่อแอบไปดู ดูหน้าน้องชายคนนั้นตอนกำลังหลับ น่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด
   พอโตขึ้นมาหน่อย หรงสือจื่อก็พยายามจะเอาใจน้องชายตัวน้อยของเขาทุกอย่าง ไม่ว่าอยากจะได้อะไร ขอแค่ให้เอ่ยปาก หรงสือจื่อจะพยายามหามาประเคนน้องชายคนนี้ให้ได้ แม้จะต้องแลกกับการถูกเฆี่ยนตี เขาก็ยอม
   เขาชอบรอยยิ้มบนใบหน้านั้นเป็นที่สุด
   กระทั่งหรงไป๋จื่อบอกเขาว่าอยากได้ดวงจันทร์ เขายังหาวิธีไปเอาลงมาให้ พอเอาลงมาไม่ได้ เขาก็หาวิธีพาน้องชายขึ้นไปแทน เพิ่งมารู้เอาหลังจากนั้นเหมือนกันว่า เขาเกือบทำให้น้องชายจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียแล้ว
   ถึงอย่างนั้น หรงสือจื่อก็ยังพยายามเอาอกเอาใจน้องชายตัวน้อยๆ ของเขาต่อไป จนกระทั่ง พ่อของเขาสั่งให้ไปเรียนต่อที่ไต้หวัน
   การต้องห่างกับน้องชายที่เขารักเอ็นดูมาตลอดหลายปี สร้างความอึดอัดทรมานให้เขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หรงสือจื่อคิดไปต่างๆ นานา กลัวว่าจะมีใครมาแย่งความรักของน้องชายไปจากเขา ไม่รู้ว่าป่านนี้หรงไป๋จื่อจะยังคิดถึงเขาอยู่อีกหรือไม่ ในที่สุด เขาก็ต้องเขียนจดหมายขอร้องให้ทางบ้านส่งข่าวคราวและรูปถ่ายของหรงไป๋จื่อมาให้เขาเป็นระยะๆ ถึงได้พอคลายความคิดถึงลงไปบ้าง
   แต่นับวัน รูปถ่ายน้องชายที่ส่งมายิ่งน่ารักเกินจะทน ถึงจะเป็นรูปถ่ายขาวดำ แต่หรงสือจื่อแทบจะเห็นเลยว่าผิวนั้นขาวแค่ไหน ริมฝีปากนั้นแดงขนาดไหน กระทั่งเหมือนจะได้ยินเสียงน้องชายพูดกับเขาผ่านรูปถ่ายอยู่
   นึกไม่ออกอีกว่าอะไรในโลกนี้ที่จะน่ารักไปมากกว่านี้ หรงสือจื่อไม่สนใจใครทั้งนั้น ได้แต่หลงใหลรูปถ่ายน้องชายของตนอยู่นานเป็นปีๆ จนกระทั่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้ง
   หรงสือจื่อถึงได้รู้ว่า เขาคลั่งรักน้องชายจนเกินกว่าจะควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาทำให้หรงไป๋จื่อร้องไห้เหมือนคนบ้า เป็นครั้งแรกที่หรงไป๋จื่อบอกว่าเกลียดเขา แต่หรงสือจื่อควบคุมตัวเองไม่ไหวอีก
    เขาอยากได้ทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างจากน้องชายคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม น้ำตา เสียงหัวเราะ คำด่าประนาม ทุกสิ่งทุกอย่าง อยากให้สายตาคู่นั้นจับจ้องตัวเองเพียงแค่คนเดียว
   เขาคลั่งไคล้หลงใหลในทุกสัดส่วน หรงไป๋จื่อทำให้เขาคลั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางครั้งเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมหัวใจ และบางครั้งก็เป็นยาพิษกัดกร่อนหัวใจของเขา
   ถึงแม้หรงไป๋จื่อจะเกลียดเขากระทั่งฆ่าเขาทิ้งไปแล้วหนหนึ่ง แต่พอรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ความหลงใหลคลั่งไคล้นั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย
   เขาเฝ้ารอ.. รออย่างอดทน รอเวลาที่เขาจะได้ตัวหรงไป๋จื่อกลับมาอีกครั้ง
   คราวนี้เขาจะไม่ยอมให้ใครมาพรากน้องชายไปจากเขาอีก
---------------------------------------------
   เกิดมาลู่อี้เผิงไม่เคยเห็นสายตาของใครน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน ถูกล่ะ ทำงานมาห้าปี เขาเคยเจอกับฆาตกรโหด คนไข้โรคจิต และอีกสารพัด กระทั่งบุคคลในตำนานอย่างหงคงฉ่วย ที่มีแววตาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวลึก ก็ยังไม่เคยทำให้เขารู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจขนาดนี้มาก่อนเลย
   ดวงตาที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้นิ่งสนิท แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันอย่างที่สุด ถ้านี่คือแววตาของคนบ้า ลู่อี้เผิงคิดว่าเขากำลังเจอคนที่บ้าเสียยิ่งกว่าบ้าซะแล้ว
   “คุณใช่หรงสือจื่อจริงๆ หรือ?” นายตำรวจหนุ่มถามออกไป ทั้งๆ ที่โทรศัพท์ยังแนบหูอยู่นั่นแหละ ชายวัยห้าสิบใกล้หกสิบมองเขาสักพัก ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา “อืม.. แต่ก่อนฉันเคยถูกเรียกแบบนั้น”
   ลู่อี้เผิงกลืนน้ำลาย กาลเวลาทำร้ายร่างกายของคนเราได้มากจริงๆ หรงสือจื่อตอนนี้ต่างจากรูปถ่ายเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง แต่หากบุคลิกบางอย่างยังคงหลงเหลืออยู่ อย่างวิธีมองคนยังไงล่ะ
   “ทำไมคุณถึงต้องวางระเบิดรถผมด้วย?”
   “รู้อะไรไหม..” หรงสือจื่อพูดเสียงเรียบ แล้วเดินเข้ามาใกล้ “ถ้าแกไม่ใช่คนโปรดของน้องชายฉันล่ะก็ ฉันจะระเบิดแกให้เละ สับแกเป็นชิ้นๆ เผาให้มอดเป็นเถ้า แล้วเอาโยนลงชักโครกไปเลย”
   ลู่อี้เผิงกลืนน้ำลายเฮือก ขณะที่อีกฝ่ายเค้นเสียงพูดกับเขาต่อ “แกมันก็ไอ้เด็กเพิ่งเกิดไม่กี่วัน แต่บังเอิญโชคดีได้กอดน้องชายที่น่ารักของฉัน แถมเขาก็ดันหลงแกมากเสียด้วย รู้ไหมว่าสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยหลงใครเลย แกทำอะไรเขากันแน่ หา!!”
   มือแข็งแรงเหมือนคีบเหล็กคู่นั้นยื่นมาเค้นคอเขาอีกรอบ “แกได้อะไรจากเขาไปบ้าง? เขาเคยให้แกแตะต้องตัวมั้ย? แต่ท่าทางแกจะได้เข้าๆ ออกๆ บ้านเขาบ่อยนี่ แกเคยแตะเขาแล้วล่ะสิ ระยำเอ๊ย อย่างแกมันสมควรจะถูกเลาะนิ้วทิ้งทีละนิ้ว”
   นายตำรวจหนุ่มพยายามจะสูดหายใจเข้าปอดเต็มที่ อีกฝ่ายจ้องเขาด้วยสายตาเชือดเฉือน “ถ้าไม่ติดว่าแกเป็นของเล่นสุดหวงของน้องชายฉันล่ะก็ ฉันฆ่าแกทิ้งไปแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ รับรองว่ายังไงๆ แกก็ไม่รอดแน่ๆ ฉันแค่อยากเห็นเขาดีใจตอนเจอแกครบถ้วนสมบูรณ์ดีอยู่ จากนั้น....”
   นิ้วที่กำอยู่แน่นขึ้นเรื่อยๆ จนลู่อี้เผิงคิดว่าเขาใกล้จะขาดอากาศตายอยู่แล้ว
   “ฉันจะฆ่าแกทิ้ง เขาจะได้เห็นแกตายไปต่อหน้าต่อตา”
   “อะ.. ไอ้โรคจิต” ลู่อี้เผิงเค้นเสียงออกมาได้คำหนึ่ง ขณะที่หน้าแดงก่ำจนใกล้เขียวเต็มที่ ทางนั้นเบิ่งตามองเขา ก่อนจะหัวเราะออกมา “เชิญด่าไปเถอะ อีกไม่นาน แกก็จะได้ไปสบายแล้ว”
   ทันใดนั้นก็มีเสียงใครคนหนึ่งดังแทรกเข้ามา
   “เห่ยอิง ปล่อยเขาได้แล้ว”
--------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ชายเสื้อโค้ทยาวสีแดงคล้ำที่พลิ้วไปตามแรงลม ยามต้องแสงอาทิตย์อัสดงดูราวกับอาบเลือดมาไม่มีผิด ใบหน้าหมดจดงดงามราวภาพวาดที่ถูกอาบด้วยแสงแข็งทื่อ นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องตรงไปยังหัวเรือ ที่ที่คนสองคนยืนคู่กันอยู่ คนหนึ่งคืออดีตที่เป็นยิ่งกว่านรกของเขา อีกคนคือปัจจุบันที่ใกล้จะหลุดลอยจากเขาไปเต็มที
   ลู่อี้เผิงถูกมัดมือห้อยอยู่กับเครนเหล็กเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงหัวเรือ พอเห็นแล้วหงคงฉ่วยอดไม่ได้ต้องถอนหายใจออกมา “เผิงเผิงนี่รนหาที่จริงๆ ”
   ลู่อี้เผิงไม่ได้ตอบโต้อะไรในทันที เพราะมัวแต่ไอและพยายามสูดอากาศหายใจอยู่ ไออยู่สักพัก ถึงแค่นเสียงออกมาได้ “อืม ผมรู้”
   หงคงฉ่วยยังคงจ้องร่างกำยำของชายหนุ่มที่ถูกมัดแขวนอยู่ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “คืนคนให้ผมได้แล้ว”
   พูดโดยไม่เหลือบมองแม้แต่น้อย กระนั้น คนถูกเมินก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงเจือความยินดีอย่างเห็นได้ชัด “เสี่ยวไป๋จื่อ.... พี่ดีใจที่ได้เห็นเธออีก.. เธอไม่เปลี่ยนไปเลย”
   สีหน้าของหงคงฉ่วยแข็งทื่อเป็นรูปปั้น “เหรอ แต่ผมว่าพี่น่ะ แย่เต็มทีแล้วล่ะ”
   หรงสือจื่อหัวเราะออกมา “เธอไม่หันมามองพี่ แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าพี่ดูแย่”
   หงคงฉ่วยเบือนหน้าไปมองคนพูดเป็นครั้งแรก ที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นชายชรา อายุใกล้หกสิบเข้าไปทุกทีแล้ว มีผมขาวแซมสลับจนหัวแทบจะเปลี่ยนสี บนใบหน้า นอกจากรอยแผลเป็นอันเกิดจากการเฉี่ยวของลูกปืนแล้ว ยังเต็มไปด้วยร่องลึกจากกาลเวลา หรงสือจื่อที่แสนสง่างามภูมิฐานราวกับพญาอินทรีย์ได้หายไปแล้ว ที่เหลืออยู่คล้ายเป็นแค่วิหคแก่ๆตัวหนึ่ง... วิหคแก่ๆ ที่บินกลับขึ้นมาจากนรก
   หงคงฉ่วยมองตรงเข้าไปในดวงตาที่คลุ้มคลั่งและลึกล้ำที่สุดคู่นั้น เผชิญหน้ากับความหวาดกลัวในอดีตของตัวเอง ทั้งคู่ต่างจ้องกันอย่างเงียบงันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็เป็นหรงสือจื่อพูดขึ้นก่อน
   “เธอโตขึ้นมากจริงๆ ”
   “พี่เองก็แก่ สมควรลงโลงได้แล้วล่ะ” หงคงฉ่วยย้อน “พี่รอดมาได้ยังไงน่ะ?”
   “เธอยิงเฉี่ยวแสกหน้าพี่” ทางนั้นตอบ “คงเป็นโชคดีของพี่ด้วยล่ะมั้งที่บังเอิญหงายหลังตอนนั้นพอดี ฟ้าคงลิขิตให้เราคู่กัน
   หงคงฉ่วยถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างจงเกลียดจงชัง และได้รับเสียงหัวเราะตอบกลับมา
“เสี่ยวไป๋จื่อ ไอ้เด็กนี่น่ะ เธอรักมันมากเลยใช่มั้ย?”
   ยังไม่ทันที่หงคงฉ่วยจะพูดอะไร เสียงทำงานของเครื่องจักรก็ดังขึ้น จากนั้นปั้นจั่นก็เริ่มยกตัวของลู่อี้เผิงขึ้นทันที
   “พี่จะทำอะไรน่ะ!!??” หงคงฉ่วยโพล่งออกมา ปั่นจั่นค่อยๆ ยกตัวของนายตำรวจหนุ่มสูงขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ หันยื่นออกไปตรงหัวเรือ
   “เสี่ยวไป๋จื่อ เธอว่า ถ้าเขาตกลงไปใต้ท้องเรือแบบนี้ เขาจะรอดไหม?” หรงสือจื่อถามยิ้มๆ ดวงตาของหงคงฉ่วยเบิ่งค้างทันที
   ลู่อี้เผิงก้มลงมองผืนน้ำเบื้องล่าง ที่แตกกระจายเพราะชนเข้ากับหัวเรือ ก่อนจะตะโกนกลับมา “คงฉ่วย แค่นี้ผมไม่ตายหรอก”
   “หุบปากเถอะน่า!!” หงคงฉ่วยตวาดกลับ ก่อนจะหันมาจ้องหน้ากับหรงสือจื่อ “เอาเครนนั่นกลับมาเดี๋ยวนี้”
   หรงสือจื่อพูดยิ้มๆ “รีโมทควบคุมอยู่ที่พี่ อยากจะลองมาแย่งดูไหมล่ะ?”
   ไม่รอให้เสียเวลากว่านั้น หงคงฉ่วยพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายทันที
--------------------------------------
   ลู่อี้เผิงเบิ่งตากว้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดอยู่เสมอๆ ว่ากังฟูของหงคงฉ่วยไร้คู่ต่อสู้ คงไม่มีใครในโลกมีการเคลื่อนไหวรวดเร็วได้ขนาดนี้อีกแล้ว และคงไม่มีใครทนทานเรี่ยวแรงอย่างกับช้างสารนั่นได้เกินสิบหมัดหรอก   
   แต่ที่เขากำลังเห็นอยู่ตอนนี้คือ ชายชราอายุสักห้าหกสิบ กำลังยืนรับทั้งหมัดทั้งเท้าพวกนั้นแบบไม่สะทกสะท้าน บางครั้งก็ยื่นมือปัดออกบ้าง เหมือนกำลังเล่นหยอกล้อกับเด็กๆ
   นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!!!!
   ลู่อี้เผิงรู้ดีกว่าใครๆ แต่ละหมัดของหงคงฉ่วย รุนแรงสาหัสขนาดไหน แต่ไอ้หมอนั่น ไอ้เจ้าโรคจิตนั่น ทนรับด้วยสีหน้าปกติธรรมดาเหมือนไม่รู้สึกอะไร ไขสันหลังของนายตำรวจหนุ่มสะท้านวาบขึ้นมาทันที
   หรือว่าเขาจะคาดการณ์ผิด!!!!
   ลู่อี้เผิงหันหน้าไปมองพระอาทิตย์ที่จวนจะลับผืนน้ำอยู่รอมร่อ แล้วหันกลับมามองการต่อสู้สะท้านขวัญนั้นอีกรอบ
   หวังว่าทุกอย่างคงจะทันเวลา
---------------------------------------------
   หงคงฉ่วยรู้สึกถึงเหงื่อที่ซึมออกมาตรงขมับ นานมากแล้วจริงๆ ที่ไม่มีใครรับมือเขาได้นานขนาดนี้ ใช่แล้ว... หลังเหตุการณ์บนเรือสำราญวันนั้น นอกจากเถียนซาน ไม่เคยมีใครทนมือทนเท้าเขาได้เกินสิบหมัดเลย...
   ความเลวร้ายที่เขาคิดว่าตัวเองได้สังหารไปแล้วเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน กำลังปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา และอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ
   เห่ยอิงเป็นอย่างไร หงคงฉ่วยย่อมรู้ดีเป็นที่สุด
   สามสิบกว่าปีก่อน ถ้าไม่มีหลี่คงช่วย เขาคงไม่มีปัญญาจะเอาปืนยิงแสกหน้าผู้ชายคนนี้ได้ วันนี้ เขากลับมาประมือกับอดีตที่เป็นเหมือนนรกของเขาอีกครั้ง ไร้ผู้ช่วย มีเพียงเด็กบ้าที่ทั้งดื้อทั้งโง่คนหนึ่งเป็นตัวประกันคอยถ่วงคออยู่
   แต่เวลาสามสิบกว่าปี เห่ยอิงเปลี่ยน เขาเองก็เปลี่ยนแล้วเหมือนกัน
   หงคงฉ่วยสูดหายใจลึก สามสิบกว่าปีที่แล้ว แม้เขาจะเชื่อว่าเห่ยอิงตายไปในตอนนั้นจริงๆ แต่ความพ่ายแพ้ที่ได้รับทำให้เขาคิดค้นเพลงมวยขึ้นมาใหม่ เพลงมวยที่มีไว้เพื่อต่อกรกับผู้ชายที่เป็นยิ่งกว่าปิศาจจากขุมนรกนั้น ตลอดสามสิบปี เขาฝึกปรือเป็นประจำ ด้วยหวังว่าวันหนึ่ง อาจจะได้เจอคู่ต่อสู้ที่คู่ควร
   ทางทางสวรรค์จะบันดาลให้เขากลับมาทดสอบตัวเองอีกครั้ง ในสถานการณ์เดิม คู่ต่อสู่เดิม ในเวลาที่ผ่านเลยไป
   ขาซ้ายหยั่งลงบนพื้น ขยับขาขวาเพิ่มแรงส่ง บิดตัวลงเล็กน้อย ท่ามวยพิสดารที่จู่โจมจากมุมที่ไม่น่าจะจู่โจมได้มากที่สุด
   !!!!
   เห่ยอิงชะงักแล้ว ร่างที่แข็งแกร่งทรงพลังนั้นเซถอยหลังไปครึ่งก้าว แค่นั้นก็เพียบพอจะเปิดจังหวะให้เขาจู่โจมต่อ หงคงฉ่วยทุ่มลงไปสุดกำลัง หวังปิดฉากเรื่องเลวร้ายนี้ให้จบสิ้นไปเสียที
   !!!!!!!!!!!!
   แรงกระแทกราวกับถูกชนด้วยรถบรรทุก ผลักร่างในเสื้อโค้ทสีแดงพุ่งกระเด็นไปชนเข้ากับผนังห้องโดยสารของเรือ หงคงฉ่วยยันขาลงกับพื้น ยันกายขึ้นมาก่อนจะล้มฮวบลงไปทั้งอย่างนั้น ก่อนจะกระอักเลือดออกมากองใหญ่
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
กลิ่นคาวเลือดเหม็นคลุ้งไปทั่วทั้งปาก หงคงฉ่วยเงยหน้าขึ้นมอง เห็นร่างที่เป็นเหมือนฝันร้ายเดินตรงเข้ามา พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก
“ไม่เลวเลย เสี่ยวไป๋จื่อ สามสิบกว่าปีผ่านไป เธอเก่งขึ้นเยอะจริงๆ พี่ภูมิใจในตัวเธอนะ” พูดพลางยื่นมือไปจับใบหน้าคมคายนั้น หงคงฉ่วยยกมือขึ้นปัดออกทันที หรงสือจื่อมองเขา แล้วถอนหายใจ
“ไป๋จื่อ พี่ลืมบอกเธอไปอีกเรื่อง เชือกนั่นน่ะ จริงๆ แล้วมันทนน้ำหนักเขาได้ไม่นานหรอกนะ”
“!!!!!!” หงคงฉ่วยหันหน้าไปมองตรงเครนนั้นทันที ลู่อี้เผิงยังห้อยต่องแต่งอยู่ แต่เชือกที่มัดอยู่ด้านบนเริ่มจะขาดออกจากกันเรื่อยๆ แล้ว พร้อมๆ กับท้องฟ้าที่มืดมิดลง
“เอายังไงดีล่ะ ไป๋จื่อ...”
หงคงฉ่วยกลืนน้ำลาย เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะถอดเสื้อโค้ทออก จากนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด
---------------------------------------------
   ลู่อี้เผิงไม่อยากจะเชื่อสายตา ตอนที่เห็นหงคงฉ่วยใช้ท่ามวยพิสดารนั้นเล่นงานเห่ยอิง เขาคิดว่าทั้งหมดคงจบแล้วแน่ๆ แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร ผู้ชายที่รอดมาจากอดีตคนนั้นแข็งแกร่งจนเขาชักนึกสงสัยว่ายังใช่คนอยู่อีกรึเปล่า
   ภาพของหงคงฉ่วยที่กระเด็นไปกระแทกกับผนังตัวเรือจนกระอักเลือดออกมา ยังไม่น่าแค้นใจเท่ากับสิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่
   ผิวขาวละเอียดปรากฏขึ้นมาให้เห็นภายใต้แสงสว่างสุดท้ายของวัน ขาวราวกับหิมะ ถึงลู่อี้เผิงจะเคยสัมผัสไม่กี่ครั้ง ก็ยังจดจำความรู้สึกพวกนั้นได้ดี
   เวลานี้ บนผิวขาวสะอาดนั้น มือคู่หนึ่งกำลังตะโปมลูบมันอย่างหื่นกระหาย หรงสือจือซุกใบหน้าลงบนซอกคอ ขย้ำจูบลงไปบนผิวขาวละเอียดจนกลายเป็นสีแดงช้ำ ขณะที่หงคงฉ่วยเอื้อมมือมาโอบเขาไว้ คิ้วคู่งามขมวดมุ่น ริมฝีปากเม้มแน่น นัยน์ตาคู่นั้นปิดสนิท ราวกับไม่อยากรับรู้ภาพเบื้องหน้าอีกแล้ว
   ลู่อี้เผิงเบิ่งตากว้างเหมือนหนังตาจะฉีกออกจากกันให้ได้ หัวเต้นแรงเหมือนจะระเบิดออกมา เชือกที่ยึดโยงเขาเอาไว้กับปั้นจั่นด้านบนขาดลุ่ยลงเรื่อยๆ
   ไอ้บ้านั่น!!! ไอ้บ้านั่น!!!!!!!!!!!!!!
---------------------------------------
   หงคงฉ่วยผ่านนรกมาแล้วทุกรูปแบบ การบำเรอกามต่อหน้าคนอื่นความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในชีวิตเขาเลย สมัยที่ยังตกอยู่ใต้อำนาจของหรงสือจื่อ วันดีคืนดี พวกเขาก็ออกมาเล่นเซ็กซ์กันบนโต๊ะอาหารให้คนในบ้านหลบเข้าไปแอบในห้องด้วยความอับอายแทนด้วยซ้ำ หงคงฉ่วยไม่เคยสนใจ แม้ว่าจะหนีพ้นเงื้อมมือเห่ยอิงมาได้แล้ว เขาก็ไม่เคยหันกลับมายี่หระกับเรื่องพวกนี้เลยสักครั้ง ด้วยอำนาจบารมีที่เขามี ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ไม่มีใครกล้าหือกล้าอือกับเขาแน่
   แต่ครั้งนี้หงคงฉ่วยไม่กล้าลืมตาขึ้นมาจริงๆ ด้วยกลัวจะเห็นสีหน้าของคนที่ถูกห้อยโยงอยู่ ไม่ว่าลู่อี้เผิงจะแสดงสีหน้าอย่างไร หงคงฉ่วยไม่นึกอยากจะเห็นเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ยกมือคลำไปตามร่างกายของหรงสือจื่อ รอหาจังหวะดีๆ เล่นงานจังๆ อีกสักครั้ง
   !!!!!!!!!!!!
   เสียงเชือกขาด และเสียงดีดของปั้นจั่น ทำให้หงคงฉ่วยลืมตาโพลงขึ้นมาทันที
   อย่าบอกนะว่า!!!!???
   ปฏิกิริยาตอบสนองเป็นไปอย่างอัตโนมัติ หงคงฉ่วยผลักร่างที่ซุกไซ้อยู่ออก และต่อยใส่ทันที แต่แน่นอนว่าต่อให้อยู่ในเวลาอย่างนั้น แต่เห่ยอิงไม่ใช่เห่ยอิงที่หลงเขาอย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นปฏิกิริยาตอบสนองดังกล่าว จึงได้รับการตอบโต้ในทันที
   !!
   จู่ๆ หรงสือจื่อก็เสียจังหวะ ไม่รอดูสาเหตุ หงคงฉ่วยฉวยโอกาสนี้เข้าเล่นงานทันที ทั้งมือทั้งเท้าประเคนเข้าใส่ฝั่งตรงข้ามแบบไม่รอให้ทันตั้งตัว หรงสือจื่อถอยกรูดติดๆ กันหลายสิบก้าว จากนั้น ก่อนที่หงคงฉ่วยจะเกร็งลมปราณ เพื่อออกหมัดใส่อีกชุดหนึ่ง ใครบางคนก็ชิงลงมือตัดหน้าเขา
   !!!!
   ลู่อี้เผิงต่อยใส่หรงสือจื่อทั้งๆ ที่มือทั้งสองข้างของตัวเองยังถูกเชือกมัดติดกันอยู่ อาจจะเพราะความบังเอิญที่มือถูกมัดกันแน่นขนาดนี้ พลังหมัดที่ส่งออกไปเลยแรงเป็นเท่าตัว ประกอบกับอีกฝ่ายเสียจังหวะอยู่แล้ว หรงสือจื่อจึงกระเด็นพุ่งออกไปทันที หงคงฉ่วยถึงกับยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง
   “ใส่เสื้อผ้าเร็วเข้า” ลู่อี้เผิงหันมาพูด ด้วยสีหน้าวิตกเหมือนเห็นลูกสาวตัวเองแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่น หงคงฉ่วยมองหน้าเขา สุดท้ายก็ขำพรวดออกมา “ฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงนะ”
   ลู่อี้เผิงไม่นึกขำด้วย เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คงฉ่วย ผมจะไม่ยอมให้เขาแตะคุณอีก”
   หงคงฉ่วยมองหน้าลู่อี้เผิงเหมือนเห็นผี ก่อนจะถอนหายใจออกมา “สารวัตรเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ แล้วนี่ขึ้นมาได้ไงน่ะ”
   “ผมพยายามเหวี่ยงตัวเข้ามาในเรือ แล้วเชือกมันขาดพอดีน่ะ” อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าจริงจังเป็นที่สุด หงคงฉ่วยมองเขาอึ้งๆ ก่อนจะพูดออกมา “สารวัตรนี่ทั้งบ้าทั้งโง่จริงๆ ”
   พูดจบก็ผลักลู่อี้เผิงออก ตอนนั้นแหละ นายตำรวจหนุ่มถึงได้รู้ว่า หรงสือจื่อพุ่งเข้ามาแล้ว หงคงฉ่วยหันไปรับมือพี่ชายบุญธรรมที่เป็นอดีตอันแสนเลวร้ายของตนด้วยท่อนบนเปลือยเปล่า นกยูงแดงเลือดที่ด้านหลังเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการออกหมัด
   แสงตะวันสุดท้ายลับขอบฟ้าลงแล้ว
   ลู่อี้เผิงจำต้องทิ้งหงคงฉ่วยให้สู้กับเห่ยอิงตามลำพัง แล้ววิ่งตรงไปยังห้องควบคุมเรือ เพื่อเปิดไฟบางส่วน
   ได้เวลาแล้ว!!
--------------------------------------------
   หงคงฉ่วยไม่รู้ว่าลู่อี้เผิงเอาโชคดีแบบนั้นมาจากไหน ถึงขั้นเหวี่ยงตัวเข้ามาในเรือได้ โดยที่เชือกไม่ขาดไปเสียก่อน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่า เจ้าเด็กบ้านั่นคงจะปลอดภัยดีแล้ว ดังนั้น เมื่อไม่มีอะไรให้ต้องกังวล มือเท้าที่ตีโต้กลับไป ยิ่งดุดันขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
   ยามวิกาลคืบคลานเข้าปกคลุมท้องฟ้าเรียบร้อยแล้ว หงคงฉ่วยและหรงสือจื่อต่อสู้กันในความมืด โดยอาศัยสัญชาตญาณล้วนๆ ต่างคนต่างพุ่งเข้าห้ำหั่นกันอย่างแลกชีวิต แต่ละมือเท้าที่ต่อยหรือเตะออกไป หนักหน่วงรุนแรงกระทั่งคานเหล็กที่กั้นกราบเรือยังถูกถีบจนเสียรูป
   ท่ามกลางการต่อสู้อันคลุ้มคลั่ง ต่างฝ่ายต่างเริ่มหอบหายใจกันแล้ว
   หงคงฉ่วยมีอาการบาดเจ็บภายในจากการถูกต่อยอย่างแรงจนกระอักเลือดเมื่อครู่ แต่ทางฝ่ายเห่ยอิงเองก็ไม่ได้เบาไปกว่ากันเท่าไหร่ ทั้งหมัดที่หงคงฉ่วยต่อยใส่เขาครั้งแรก และหมัดที่ถูกลู่อี้เผิงต่อยซ้ำครั้งที่สอง ประกอบกับการต่อสู้อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน เรี่ยวแรงของเขาจึงหายไปหลายส่วนเลยทีเดียว กระนั้น คนทั้งคู่ก็ยังถลึงตาจ้องใส่อีกฝ่ายในความมืดอย่างบ้าคลั่ง ราวกับย้อนภาพวันเวลาเมื่อสามสิปกว่าปีที่แล้วก็ไม่ปาน
   ระหว่างนั้น ดวงไฟรอบๆ เรือค่อยๆ กะพริบและติดขึ้นทีละดวง

   ลู่อี้เผิงวิ่งขึ้นมาจากห้องควบคุมเรือ ทันได้เห็นการต่อสู้ที่น่าตื่นตระหนกของคนทั้งคู่อีกครั้ง เป็นการต่อสู้ที่ดุดันพิสดารเสียจนเขาหาจังหวะเข้าไปสอดมือไม่ได้เลย นายตำรวจหนุ่มยืนคุมเชิงอย่างกระวนกระวาย เมื่อไหร่มาถึงกันสักทีนะ....

   เม็ดเหงื่อร้อนระอุซึมขึ้นมาตามผิวหนัง ทั้งๆ ที่อากาศด้านนอกทั้งเย็นทั้งลมพัด ในแสงไฟสลัว เสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งของหงคงฉ่วยอาบด้วยความมืดอันลึกล้ำ เช่นเดียวกับเสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งของเห่ยอิงที่มีแสงส่องต้องเพียงครึ่งหนึ่ง นัยน์ตาสองคู่ยังคงจ้องใส่กันอย่างไม่ลดละ.. ต่างฝ่ายต่างรู้ซึ้งดีกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

   ตั้งแต่ถูกพามาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ชีวิตของหงคงฉ่วยได้รู้จักคำใหม่ นั่นคือคำว่าพ่อ และพี่ชาย พี่ชายที่ห่างกันห้าปี ซึ่งรักและเอ็นดูเขาราวกับน้องชายแท้ๆ
   เขาช่างเป็นเด็กกำพร้าที่โชคดีเสียนี่กระไร
   ครั้งหนึ่ง หงคงฉ่วยเคยคิดว่าเขาจะไม่ห่างจากพี่ชายคนนี้ไปไหน จะช่วยกันดูแลกิจการของครอบครัว เป็นคนยกน้ำชาในงานแต่งงานของพี่ชาย ช่วยเลี้ยงหลาน และคอยพาคุณนายไปไหนมาไหน แต่ทั้งหมดนั่นคือความฝันที่แสนโง่เง่า
   ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลาย คนที่เขาเคยรักเทิดทูนมากที่สุด กลับกลายเป็นคนที่เขาชิงชังรังเกียจมากที่สุด ถึงกระทั่งไม่อยากอยู่ร่วมโลกด้วย ความเกลียดชังโถมทวีทับถมจิตใจของเขาจนอัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้น แม้จะผ่านมาแล้วสามสิบกว่าปี แต่ถึงเวลานี้ ทุกอย่างยังคงพลุ่งพล่านอยู่ในอก
   เขาต้องฆ่าผู้ชายคนนี้ให้ตายคามือให้ได้

   ไม่มีใครจิตนาการได้ว่าหรงสือจื่อหลงรักน้องชายตัวเองมากขนาดไหน แม้กระทั่งตัวเขาเอง ความรักเพ้อคลั่งไร้เหตุผลบดบังจิตสำนึกทุกสิ่งทุกอย่างของเขา เหลือไว้แต่ความต้องการที่จะครอบครองและเป็นเจ้าของเท่านั้น
   เหงื่อกาฬไหลหยดอาบใบหน้า สามสิบกว่าปีมาแล้วที่เขาเฝ้ารอจะได้เจอคนที่เป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจของเขาอีกครั้ง และคราวนี้เมื่อได้เจอแล้ว เขาจะไม่ยอมให้ห่างไปไหนอีก
   ต่อให้ต้องตายตกตามกันเขาก็ยอม

   สองคนยืนจ้องกันท่ามกลางแสงสลัว รอจังหวะสุดท้ายในการจัดการอีกฝ่ายให้ราบคาบ ในภาวะที่เขม็งเกร็งอย่างที่สุด เสียงลั่นราวกับจุดประทัดก็ดังขึ้น
   “ยกมือขึ้นเหนือศีรษะเดี๋ยวนี้ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ” หน่วยคอมมานโดในชุดสีดำสนิทราวสี่ถึงห้าคนวิ่งกรูกันมาจากด้านท้ายเรือ พร้อมกับอาวุธปืนในมือ เล็งเข้าใส่สองคนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ตรงลานด้านหน้าของลำเรือ
   ดวงตาของหรงสือจื่อเป็นประกายวาบในแสงไฟสลัว เขาจ้องมองคนเบื้องหน้า ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา “เดี๋ยวนี้หันมาร่วมมือกับตำรวจแล้วหรือ? เธอตกต่ำจริงๆ นะ”
   หงคงฉ่วยไม่พูดอะไร จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งสนิทราวกับรูปปั้น ครู่หนึ่ง หรงสือจื่อจึงพูดสืบต่อ “พวกมันจะจับทั้งพี่และเธอ เรื่องนี้เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหม?”
   ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย มีแต่ดวงตาที่ยังคงนิ่งสนิท หรงสือจื่อระบายรอยยิ้มออกมา “แต่พี่ไม่ยอมให้เธอถูกจับไปด้วยหรอก เราจะไปด้วยกันจนถึงวินาทีสุดท้าย”
   เร็วจนไม่มีใครทันจะได้ขยับอะไร หรงสือจื่อล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง จากนั้นประกายไฟก็พุ่งวาบออกมาจากท้ายเรือ พร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น แรงระเบิดกระแทกเอานายตำรวจหลายนายกระเด็นตกลงไปในน้ำ
   ลู่อี้เผิงกระโจนหมอบลงไปบนพื้น มองเห็นแสงของเปลวไฟสีแดงสะท้อนอยู่ทั่วตัวเรือ จากนั้นเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก็ดังขึ้น
   “เธอจะต้องไปสวรรค์กับพี่ ห้ามไปกับใครคนอื่นเด็ดขาด!!”
   แต่ทว่าหงคงฉ่วยไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเสียแล้ว
   ร่างเปลือยท่อนบนพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างมุ่งร้าย จากนั้นใครอีกคนก็พุ่งตามเข้ามาสมทบ ทั้งสองกราดมือกราดเท้าเข้าใส่หรงสือจื่ออย่างไม่ปล่อยให้ตั้งตัว ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกครั้ง
   เปลวไฟสีแดงลุกวาบพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ ขณะที่ตัวเรือเอียงลงเรื่อยๆ แรงอัดระเบิดทำให้ทั้งลู่อี้เผิงและหงคงฉ่วยต้องถอยออกมาตั้งหลัก ทว่าอีกฝ่ายก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าใส่ทันที
   หงคงฉ่วยตั้งท่าเตรียมรับมือเต็มที่ แต่แทนที่หรงสือจื่อจะตรงเข้าเล่นงานเขาอย่างเช่นเคย กลับพุ่งตรงเข้าใส่ลู่อี้เผิงแทน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำเอาหงคงฉ่วยผงะไปชั่วครู่หนึ่ง นานพอจะเปิดช่องว่างให้ฝ่ายนั้นพุ่งเท้าเข้ามา
   ผลั่ก!!!
   แรงเตะทำเอาหงคงฉ่วยเซถลาไปหลายก้าว ก่อนจะได้ยินเสียงพูดดังขึ้น “ไป๋จื่อ ถ้าเธออาลัยอาวรณ์เจ้าเด็กนี่มากนักล่ะก็ พี่จะส่งมันไปรอเธอบนสวรรค์ก่อน”
   !!!!

   ลำพังแค่หงคงฉ่วย ลู่อี้เผิงก็แพ้ตั้งแต่ห้าวินาทีแรก ไม่ต้องพูดถึงเห่ยอิง ที่รับมือรับเท้าของหงคงฉ่วยได้สบาย กับคนแบบนี้ ลู่อี้เผิงมีแต่สมควรต้องรีบหนีให้ไกลจะยิ่งดี
   ปัญหาคือ ต่อให้ลู่อี้เผิงอยากหนี ก็ไม่มีปัญญาหนีได้ทันในสถานการณ์และสถานที่แบบนี้แน่ๆ และที่สำคัญ ด้วยนิสัยอย่างลู่อี้เผิง ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีทางหนีอย่างเด็ดขาด
   ดังนั้นตอนนี้ ลู่อี้เผิงจึงกำลังประมือกับหรงสือจื่ออยู่ ด้วยอาการที่ไม่ใกล้เคียงคำว่าสูสีเลยสักนิด เรียกว่าพอจะเอาตัวรอดไปได้จะดีกว่า
   ถ้าหากหรงสือจื่อไม่บาดเจ็บและเสียแรงไปมากขนาดนี้ อย่าหวังเลยว่าลู่อี้เผิงจะมีปัญญาหายใจอยู่ได้นานขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าลู่อี้เผิงจะหนีพ้นกรงเล็บของเห่ยอิงไปได้ง่ายๆ
   
   หงคงฉ่วยพุ่งตามเข้ามาทันทีหลังจากตั้งหลักได้ ก่อนจะตะโกนออกมา “เผิงเผิง ยังจำท่าที่ขโมยเรียนจากฉันได้รึเปล่า”
   ลู่อี้เผิงตอบไม่ออก ลำพังแค่พยายามทดแรงจากมือไม้ที่ต่อยใส่เขาอย่างกับเอารถบรรทุกไล่ชนก็เต็มขืนอย่างที่สุดแล้ว หงคงฉ่วยยังจะมาถามถึงท่ามวยพิสดารที่เขาแค่ลองเลียนแบบเล่นๆ นั่นอีก ใครมันจะไปจำได้กันล่ะ
   “ฐานล่างเธอมั่นคงกว่าฉัน ลองใช้ดูสิ” พูดจบก็ม้วนตัวเข้ามา ชิงจังหวะสกัดทางของหรงสือจื่อเอาไว้ได้ช่วงหนึ่ง หรงสื่อจื่อหันไปรับมือน้องชายก่อนจะเค้นเสียง
   “ถอยไปซะ!”
   นิ้วที่แข็งแกร่งราวคีมเหล็กตะปบเข้าใส่ข้อมือของหงคงฉ่วยในทันที ก่อนจะจับอีกฝ่ายเหวี่ยงออกไปนอกวงต่อสู้
   จังหวะที่หงคงฉ่วยสอดมือเข้ามา ลู่อี้เผิงมีเวลาหายใจเอาอากาศเข้าไปได้เฮือกหนึ่ง ในสมองของนายตำรวจหนุ่มตอนนี้นึกอะไรได้ไม่มากจริงๆ แต่ในเมื่อหงคงฉ่วยพูดอย่างนั้น แล้วมือของหรงสือจื่อที่พุ่งตรงเข้ามาก็ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอย่างอื่น เอาเถอะ ถึงพลาดเขาก็คงไม่น่าจะถูกต่อยตายในกระบวนท่าเดียวหรอก
   ลู่อี้เผิงเลื่อนเท้าไปด้านหลัง และเริ่มขยับตัวในมุมประหลาดพิสดารที่สุด เพราะเรือที่เอียงกระเท่เร่ หมัดของหรงสือจื่อที่ออกมาจึงพลาดเป้า เฉี่ยวปลายจมูกเขาไปเพียงนิดเดียว ลู่อี้เผิงเกร็งลมหายใจ จากนั้นก็พุ่งทั้งหมัดและฝ่ามือก็จ้วงเข้าใส่ใต้ลิ้นปี่ของอีกฝ่ายอย่างจัง
   ผลั่ก!!!!
   ร่างของหรงสือจื่อปลิวกระเด็นออกไปราวกับถูกดีดทันที ลู่อี้เผิงมองตาค้าง ก่อนจะหันไปหาหงคงฉ่วย
   "คงฉ่วย!!”
   หงคงฉ่วยถลึงตามองเขา “ไม่ใช่เวลามาดีใจนะเผิงเผิง กระโดดลงน้ำไปซะ!!”
   ตอนนี้เรือเอียงจนน่าหวาดเสียว กระทั่งปั่นจั่นที่เคยวางอยู่ตรงหัวเรือก็เริ่มไถลลงมาแล้ว ลู่อี้เผิงวิ่งไปหาหงคงฉ่วย ฉวยมือของทางนั้นเอาไว้ ท่ามกลางเปลวไฟที่ลามเลียท่วมช่วงท้ายของเรือและไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ
   “ไปกับผมเถอะ เรากระโดดลงไปด้วยกัน”
   หงคงฉ่วยหันไปมองเขา แล้วพูดออกมา “สารวัตรจะจับฉันสินะ”
   ลู่อี้เผิงชะงักตัววูบ จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
   “คงฉ่วย ไม่มีเวลาแล้วนะ รีบไปกันเถอะ” เขาพูด และรีบดึงมือฝ่ายนั้นตรงไปยังกราบเรือ มองเห็นเรือของนายตำรวจอีกหลายลำจอดรออยู่ห่างออกไปพอสมควร
   “คงฉ่วย กระโดดพุ่งไปให้ไกลที่สุดนะ เราต้องไปให้พ้นรัศมีน้ำวนรอบเรือให้ได้” ลู่อี้เผิงพูด และกำมือหงคงฉ่วยไว้แน่น จากนั้นก็พยายามจะดึงอีกฝ่ายให้พุ่งตัวลงไป แต่กลายเป็นหงคงฉ่วยยุดมือเขาเอาไว้แทน
   “เผิงเผิง” ฝ่ายนั้นเรียกชื่อเขา “จบงานนี้แล้ว เธอมาอยู่กับฉันได้ไหม ลาออกจากงานมาอยู่กับฉันน่ะ”
   ลู่อี้เผิงเบิ่งตามองหงคงฉ่วยอย่างตะลึงงัน แสงวาบจากเปลวไฟสีแดงอาบเสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งของหงคงฉ่วยจนกลายเป็นสีส้มอ่อน ลู่อี้เผิงเห็นภาพตัวเองเต้นระริกอยู่ในดวงตาคู่นั้น ก่อนที่มือของหงคงฉ่วยจะยื่นมาจับหน้าเขาเอาไว้
   ริมฝีปากอุ่นอ่อน และปลายลิ้นร้อนผ่าวบดเบียดเคล้าลงมาบนริมฝีปากของเขาหลังจากนั้น ลู่อี้เผิงยกมือขึ้นกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น รสจูบที่ยากจะบรรยายความรู้สึกซ่านไปทั่วทั้งโพรงปาก ก่อนที่หงคงฉ่วยจะถอนมันออก
   “ดูแลตัวเองนะเผิงเผิง ฉันรักเธอนะ”
   นัยน์ตาของลู่อี้เผิงเบิ่งค้าง ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ตัวของเขาก็ถูกอีกฝ่ายกระแทกใส่ด้วยกำลังรุนแรงพอสมควร จนปลิวกระเด็นตกจากกราบเรือในทันที ลู่อี้เผิงเอี้อมมือออกไปสุดตัว ที่เขาเห็นคือแผ่นหลังที่มีนกยูงสีแดงตัวนั้น หายลับเข้าไปในกราบเรือที่กำลังมีไฟลุกท่วม
------------------------------------------------
   “พร้อมจะไปกับพี่แล้วใช่ไหม?”
   หงคงฉ่วยทอดตามองร่างซึ่งครั้งหนึ่งเป็นคนให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเขา และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเขา รอบตัวพวกเขาคือทะเลเพลิงขนาดใหญ่ ที่กำลังจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งเข้าไปอย่างไม่ปราณี แสงสีแดงสะท้อนวูบวาบอยู่บนใบหน้า ดวงตา และนกยูงสีแดงบนแผ่นหลังตัวนั้น
   “เสี่ยวไป๋จื่อ ไปสวรรค์ด้วยกันกับพี่เถอะ”
   หงคงฉ่วยกำหมัดแน่น จ้องมองร่างตรงหน้า
   “ผมจะส่งพี่ลงนรกเอง!!”
---------------------------------------------------
   น้ำทะเลทั้งเค็มทั้งเฝื่อน ลู่อี้เผิงตกลงจากกราบเรือก็ถูกอัดด้วยแรงน้ำวนที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเรือทันที นายตำรวจหนุ่มตะเกียกตะกายหนีออกมาจากห้วงน้ำมรณะที่วนอยู่รอบเรือซึ่งกำลังจะจมลงลำนั้น แล้วมือของใครสักคนก็กระชากตัวของเขาขึ้นไปจากน้ำ
   !!
   ลู่อี้เผิงสูดหายใจเฮือกใหญ่ เขาเห็นนายตำรวจในชุดเครื่องแบบคอมมานโดอยู่บนเรือตรงหน้า สองนายที่อยู่ด้านข้างช่วยกันลากตัวเขาขึ้นไป ลู่อี้เผิงถูกลากขึ้นไปบนเรือในสภาพเปียกโชก ก่อนจะหันกลับมา
   “เขาล่ะ?!!”
   เสียงระเบิดและเปลวไฟสีแดงฉานปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาราวกับจะช่วยตอบคำถาม เรือสำราญลำนั้นค่อยๆ จมลงช้าๆ พร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกท่วม ปลายของมันพวยพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ ลู่อี้เผิงเบิ่งตาค้าง ก่อนจะพยายามกระโจนลงจากเรือ ทำให้นายตำรวจที่เหลือต้องรีบคว้าตัวเอาไว้
   “หงคงฉ่วย!!!!!!!!!!!”
----------------------------------------------------------
*** อย่าเพิ่งอิ่มกันนะคะ มาม่ายังมีอีกค่ะ...

ทุกคนสู้ๆ!!

(โดนไล่โบก :z6:)

ขอบคุณค่ะ^^

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
โอยยยย  เครียดดดดดดดด
ไม่เอามาม่า่แล้ว !!!!!!!

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ค้างมากกกกกกกกกกกกกกก

เครียด

ออฟไลน์ Forget_Me_Not

  • ความศรัทธา ความหวัง และรักแท้ ™
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-13
 :sad4:  มาม่าอีกแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


 :a5: :a5: :a5:

ออฟไลน์ MoPPeT

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ม่ายยยยยยยยยยย คงฉ่วยต้องไม่เป็นอะไร :sad4:

natty _lovelove

  • บุคคลทั่วไป
ไมเป็นแบบนี้อ่ะ

มาม่า :sad4:

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
อยากจะกรีดร้อง  :m31:
รีบมาอ่านซ๊ะในเวลางาน ยังอินจัด อยากจะกรี๊ดจนเจ้านายสงสัย
คงฉ่วย อย่าเป็นอะไรนะ :sad4:

ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
ตามอ่านมารวดเดียว......
เขียนเรื่องได้ดีมากกกกกกกก  เลยค่ะ ผูกเรื่องได้ดี ตัวหนังสือ น่าอ่าน น่าติดตามเป็นที่สุด ><" 
ตัวละครมีคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจ มีมิติ   ทั้งมาม่า ทั้งตลก  เยี่ยมมากเลยค่ะ


มาเอาใจช่วย เผิงเผิง กะ คงฉ่วย ค่ะ อย่ามาม่าเลยเนอะ

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
ต้องบอกว่า  เป็นคนเลือกเสพนิยายมาก   และไม่ค่อยจะเม้นท์หรือแสดงตัวกับนิยายในเล้าฯเลยด้วยซ้ำ

น้อยเรื่องที่ตนเองจะเข้าไปอ่าน   ขอปรบมือให้กับจินตนาการของคุณนักเขียน

ตนเองอิ่มเต็มและมีความรู้สึกร่วมไปกับสถานการณ์ที่บรรยาย  ประหนึ่งดูหนังเลยหละค่ะ

เก่งจริงๆ  ตัวละครมีมิติ  มีคาแร็กเตอร์โดดเด่น  น่าติดตามมากมาย  ขอยกนิ้วให้จากใจ

ปล.บวก 1+  กดเป็ดให้กำลังใจนักเขียนค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2011 11:29:30 โดย luxilove »

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
 :amen:
รอดไม่รอด รอดไม่รอด รอดไม่รอด ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ

paradoxxx

  • บุคคลทั่วไป

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
ป้า.....................................


[ลับมีดและเขียงคอย...]

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :z3:
ค้างสุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อยากกอ่านอีก
คงฉ่วยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ช่วยเรียกอีกเสียงหนึ่ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
 :m15:

เครียดดดดด

แต่ทำไมเรากลับบคิดว่าเป็นมาม่าที่หวานใช่ได้เลยล่ะ  :laugh:

ออฟไลน์ kisssky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :serius2: พูดไม่ออกบอกไม่ถูก นกยูงงงงงง

ค้างงง รอคงฉ่วย   :o12:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยน๊า :dont2:
หงคงฉ่วย!!!!!!!!!!! แงๆอะไรกันเนี้ย แค่นี้ยังไม่พอคุณ juon ยังทิ้ท้ายว่ามีมาม่าอีก
ง่า :o12:

ออฟไลน์ akera

  • I love him anymore. but he love him.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
มาม่า.......แสนหวาน.....    เผิงเผิง  :sad4:

Insritra

  • บุคคลทั่วไป
เข้มข้นสุดๆไปเลย มาม่าชามนี้ -_-" คงฉ่วยกลับมาหาเผิงเผิงด้วยนะ ห้ามทิ้งไปไหนนะ

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
ตู้ม เปรี้ยง โครม โช้งเช้ง...

...ตัดเข้าโฆษณา....

ทำไมถึงทำกับฉันได้~♪
 :o12:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
เอ๊ยยยยยยยยย!!!  หงคงฉ่วยยยยย ฮือออออ!!! 
อย่าเป็นอะไรนะ. TT A TT
So thx. ครับบบบ :))

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
เป็นมาม่าที่สนุกมากกกกกกกก จริงๆ นะคะ
อยากกระโดดจุ๊บคนแต่งซักสามที ที่ทำให้เราอินได้ขนาดนี้  :กอด1:

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
คนแต่งงงง ง ง ง!!!!! (คำรามอย่างสุดเสียง) :m31:
คุณทำฉันเศร้า! และค้างคา !
หม้อมาม่าเดือดจนจะระเบิดแล้ววค่า!!!
ทำคนอ่านเครียดขนาดนี้ต้อง+1ให้หายแค้น วะฮ่าฮ่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด