the Second Chance :: ความหมายของหัวใจ (ตอนที่ 18 - 27 July)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: the Second Chance :: ความหมายของหัวใจ (ตอนที่ 18 - 27 July)  (อ่าน 70499 ครั้ง)

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
มีแววว่า ทะเล (ชอบเรียกชื่อนี้มากกว่า ธี >.<) จะไม่ใช่สามีของ อาย ซะแล้วสิ๊ มันเหมือนเพื่อนสนิท กันมากกว่า

ออฟไลน์ savada

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ฮ่าๆๆๆ    น่ารักจริงๆๆๆๆ


พ่อแม่แต่คู่เนี่ย   ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
สะดุดใจตรงมุขมือขวาเจ็บแล้วเซ็งนี่แหละ

ถ้าธีกับอายเป็นสามี-ภรรยาโดยพฤตินัย ทำไมต้องใช้มือ
เอ รึเราคิดมากไป >_<

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ตอนที่ 7

หมอกพาผมไปยังร้านข้าวต้มเจ้าประจำของเขา ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ห่างจากร้านที่พวกเราเพิ่งออกมาเท่าไหร่นัก แต่เนื่องจากผมเองก็เพิ่งจะกินข้าวมา จึงสั่งแค่ข้าวต้มกับจับฉ่ายมาอย่างละถ้วย ส่วนหมอกก็สั่งปลาเก๋าราดพริกที่เขายืนยันว่าอร่อยเด็ดจริงมาให้ผมลองพร้อมด้วยกับข้าวที่เขาภูมิใจเสนออีกสองอย่าง ระหว่างที่รออาหาร เขาก็เล่าเรื่องเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยให้ผมฟัง และทำให้ผมหัวเราะได้เรื่อยๆ จากนั้นเมื่ออาหารมาถึง ผมก็ถามเขาเรื่องครอบครัว ซึ่งเขาก็ตอบคำถามผมทุกคำถามอย่างเปิดเผย แถมยังเล่ามากกว่าที่ถามด้วยซ้ำ ทำให้ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับเขาอีกหลายอย่าง

เขาบอกว่าเขาเกิดและโตที่กรุงเทพฯ แต่อยู่กับแม่แค่สองคนมาตั้งแต่เขาอยู่ชั้นมัธยมต้นเพราะพ่อกับแม่ของเขาหย่าร้างกันไป ส่วนสาเหตุที่เขามาเช่าคอนโดนอนคนเดียวก็เพราะว่ามันสะดวกกับการเดินทางไปเรียนของเขามากกว่า

“แล้วแบบนี้แม่เราเค้าก็อยู่คนเดียวเหรอ” ผมถาม

“ก็... อยู่กับยายแล้วก็น้าสาวผมน่ะครับ”

“แล้วพ่อล่ะ”

“เค้าแต่งงานใหม่ไปนานละ ผมเองก็ไม่ค่อยได้เจอเค้าหรอกพี่ แต่เค้าก็ส่งเงินให้ผมทุกเดือนนะ” เขายักไหล่ “แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้ลำบากหรอก เพราะแม่ผมเป็นหมอไง ก็ได้เงินเดือนเยอะอยู่ และต่อให้ผมอยู่บ้าน ผมก็ไม่ค่อยเจอแม่อยู่ดีนั่นแหละ”

ผมพยักหน้าเบาๆ ชักเริ่มรู้สึกลำบากใจที่ดันถามเรื่องส่วนตัวเหล่านั้นออกไป

“เฮ้ยพี่ ไม่ต้องคิดมาก! ดูทำหน้าดิ!” หมอกหัวเราะพร้อมกับตีต้นแขนผมเบาๆ “ผมไม่ซีเรียสนะพี่! ผมเฉยๆ กับเรื่องพวกนี้โคตรๆ เหอะ เพราะเค้าหย่ากันตั้งแต่ผมยังเด็กละ แล้วอีกอย่าง เค้าก็ยังคุยกันเจอกันอยู่บ้าง แต่ผมแค่ไม่ค่อยได้ไปเจอพ่อเค้าบ่อยๆ เท่านั้นเอง”

“อ๋อ ครับ”

“แล้วพี่ล่ะ”

“หือ พี่ทำไมเรอะ”

“เห็นว่าพี่มีพี่ด้วยไม่ใช่เหรอ เล่าเรื่องของพี่ให้ผมฟังมั่งดิ ผมอยากรู้”

“อ๋อ ใช่ พี่ลูกคนเล็กน่ะ มีพี่ชายกับพี่สาว แต่อยู่คนละบ้าน พี่ยังอยู่กับพ่อแม่อยู่ก็เพราะเจ้าตัวล็กนั่นแหละ”

“แล้วชื่อจริงน้องอะพี่ ใครเป็นคนตั้ง พี่หรือแฟนพี่ แล้วทำไมตั้งชื่อน้องแบบนั้นอะ ผมโคตรชอบเลยพี่ รู้ปะ โคตรเท่เลยอะ”

ผมหัวเราะเบาๆ “มันก็เป็นชื่อที่ได้มาจากทั้งชื่อจริงพี่กับชื่อของแฟนพี่แหละครับ พี่ชื่อวันหนึ่ง ส่วนแฟนพี่ชื่อศิรินภา เพราะงั้น ‘อากาศดี’ ก็โอเคอยู่ใช่มั้ยละ และที่แปลกอีกอย่างคือช่วงนั้นก่อนที่จะถึงกำหนดทำคลอด ที่กรุงเทพฯ ฝนตกมาตลอดทุกวันเกือบทั้งอาทิตย์เลยนะ แต่วันที่น้ำคลอดเป็นวันเดียวที่ฝนไม่ตก แล้ววันรุ่งขึ้นฝนก็กลับมาตกอีก”

“หืมมมม มันจะเกี่ยวกับที่น้องเป็นเด็กอารมณ์ดีแบบนี้ด้วยรึเปล่านะครับเนี่ย”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ” ผมยิ้ม

“แล้วแฟนพี่เค้าว่าไงมั่งอะครับ ที่วันนั้นเป็นวันเดียวที่อากาศดีตรงกับชื่อน้องพอดีน่ะ”

ผมก้มลงมองดูแก้วเบียร์ในมือ “เรายังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันด้วยซ้ำครับ เพราะหลังจากนั้นแฟนพี่ก็เข้าไอซียูแทบจะทันทีเลย...”

“อุ๊บ ขอโทษครับพี่ ผมทำแบบนี้อีกแล้ว” สีหน้าของหมอกเปลี่ยนไปทันที “แม่งเอ๊ยยยย”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือหรอก”

“พี่... รักแฟนพี่มากเลยใช่มั้ยครับ”

ผมพยักหน้า “ฟ้าเป็นแฟนคนแรกและคนเดียวของพี่เลยน่ะครับ อีกอย่างคือเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย”

“ผมก็ว่างั้นแหละครับ”

“หืออ อะไรเรอะ”

“เปล่าครับ ผมก็แค่พอดูออกว่าพี่คงรักแฟนพี่มากอะ เพราะเวลาพูดถึงเรื่องพวกนี้ทีไร ผมจะดูออกจากสายตาพี่ทันทีเลย... น่าอิจฉาแฟนพี่นะครับ” เขายกแก้วเบียร์ที่ถืออยู่ในมือขึ้นดื่ม

“ว่าแต่เราเหอะ ไม่มีแฟนรึไง พี่ได้ยินมาว่าเราเองก็เสือผู้หญิงไม่เบานี่นา”

“ฮ่าๆๆ ไอ้พวกนั้นมันมั่วแล้วพี่ ไอ้อาร์มต่างหากที่แม่งเสือผู้หญิงอะ ผมก็เคยมีแฟนบ้างแหละ แต่ตอนนี้ไม่มีใครว่ะ โสด สบายใจดี คือมันก็มีเหงาๆ บ้างนะ แต่ไม่อยากคบใครมั่วซั่วแล้วอะครับ บางทีก็อยากเจอคนที่เรารู้สึกว่า ‘เฮ้ย! คนนี้แม่งใช่เลยว่ะ!’ แล้วก็ทุ่มเทให้เค้าคนเดียวแล้วหยุด พอ ไรงี้อะ ผมถึงได้บอกไงว่าพี่ก็น่าอิจฉานะ รักกันนาน รักกันจริง ผมเองก็อยากมีแบบนั้นบ้างเหมือนกัน”

“แล้วยังไม่เจอเลยรึไง คนที่ว่าน่ะ ไม่มีเฉียดๆ เลยเหรอ”

“ไม่รู้ดิพี่ จะว่ามีก็อาจจะมีมั้ง” เขายักไหล่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตาผม “แต่ผมว่ามันยากไปว่ะ”

“ยากยังไง”

“ก็แบบ บางทีเค้าอาจจะเป็นคนที่เราชอบโคตรๆ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะครอบครองไรเงี้ย มันก็ต้องทำใจใช่ปะล่ะ”

“อะไรกันเฮ้ยยย อายุแค่นี้ หน้าตาก็ดีขนาดนี้ จะมาท้อถอยง่ายๆ ได้ไง สู้ๆ หน่อยสิ”

“พี่ว่างั้นเหรอ”

“อ้าว ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ใช่ปะล่ะ ลองสักตั้งดีกว่ายอมแพ้ไปโดยไม่ทำอะไรเลยนะ ไม่คิดงั้นเหรอ”

“โอเคๆ” เขาเบะปาก “ไว้ผมจะลองดูแล้วกัน ได้ผลยังไงแล้วจะบอกนะพี่ ช่วยเชียร์ผมด้วยล่ะ”

“มันต้องแบบนี้สิ” ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับเขา “ว่าแต่สาวที่ไหนเรอะ เด็กที่มหาลัยรึเปล่า”

“เปล่าพี่ ไม่ใกล้เลยแม้แต่นิดเดียว” เขาหัวเราะแล้วทำตากะล่อนใส่ผม “แต่ผมไม่บอกพี่หรอก เก็บไว้ให้เซอร์ไพรส์เล่น”

หลังจากที่เราจัดการอาหารตรงหน้าหมด ผมก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาทำท่าจะควักกระเป๋าเงินออกมาด้วย แต่ผมห้ามไว้ก่อน เพราะผมรับปากเขาไปแล้วว่าจะเลี้ยงมื้อนี้ อีกอย่าง ผมคงต้องรู้สึกไม่ดีไปอีกนานแน่ ถ้าเขาที่อายุน้อยกว่าจะมาหารค่าอาหารกับผม แต่เขาก็ยังยืนยันจะขอจ่ายให้ได้ แถมไม่ใช่แค่ครึ่งหนึ่งแต่เป็นทั้งหมดอีกต่างหาก

“ก็พี่บอกไปแล้วไงว่าพี่จะเลี้ยง เมื่อก่อนมาเรายังทำท่าดีใจอยู่เลยไม่ใช่รึไง เพราะงั้นไม่ต้องเลย เก็บเงินไว้เหอะ”

“โหยย พี่ ผมไม่ได้ดีใจที่พี่จะเลี้ยงข้าวผมสักหน่อย ผมไม่รบกวนพี่หรอกน่า จริงๆ พี่กินไปแค่นั้นยังจะมาเลี้ยงอะไรผมอีกเล่า”

“ไม่ได้ พี่รับปากแล้ว พี่จ่ายเอง” ผมยืนกรานเสียงแข็ง

“โอเคๆ ยอมก็ได้ แต่ครั้งหน้าเราไปกินข้าวกันผมเป็นคนจ่ายนะ พี่เลี้ยงผมสองครั้งแล้วเนี่ย ให้ผมได้จ่ายมั่งเหอะ”

“งั้นก็ตามนั้น” ผมตกลง แต่ในใจก็ยังไม่คิดที่จะยอมให้เขาเลี้ยงผมอยู่ดี ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตามนั่นแหละ

หลังจากจ่ายเงินเสร็จ เราก็นั่งคุยกันอีกสักพัก ผมนั่งดื่มน้ำเปล่าเพื่อเจือจางแอลกอฮอล์จากเบียร์หนึ่งแก้วที่ดื่มไปเมื่อครู่ จากนั้นเราก็เดินออกจากร้านและตรงไปยังรถของผมที่จอดอยู่หน้าร้าน

“พี่หนึ่ง กลับดีๆ นะครับ วันนี้ขอบคุณมากๆๆ เลย” เขายกมือขึ้นไหว้ผม

“อ้าว เฮ้ย มาบอกลาอะไรตอนนี้ ขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับดีกว่า จากนี้ไปคอนโดผมกับไปบ้านพี่มันไม่ใช่ทางผ่านหรือแม้แต่ใกล้กันเลยนะ พี่กลับบ้านเหอะ นี่ก็จะห้าทุ่มแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไปส่งได้ มาเหอะน่า”

“ไม่เอาพี่ พี่เลี้ยงข้าวผมแล้ว ไม่ต้องไปส่งผมหรอก เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับก็แค่ปื๊ดเดียว ชิลๆ พี่”

“เอางั้นเหรอ แน่ใจนะ”

“แน่ใจคร้าบบบ” เขายืนยัน

“โอเค งั้นก็กลับดีๆ แล้วกันนะครับ”

“พี่ก็เหมือนกัน ฝากหอมแก้มน้องด้วยนะ บายพี่” เขาโบกมือให้ผม

ผมรับไหว้เขาก่อนจะเปิดประตูรถออกและนั่งลงหลังพวงมาลัย เขาเดินผ่านเลยรถของผมตรงไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ตรงหน้าเพื่อจะเรียกรถแท็กซี่ ผมสต๊าร์ทเครื่องยนต์และมองดูเขาเดินล้วงกระเป๋าไปตามฟุตบาท ผมส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนรถไปเทียบข้างๆ เขา ผมบีบแตรและลดกระจกหน้าต่างฝั่งเขาลง

“ขึ้นมาเลยครับ คุณชาย ไม่ต้องโยกโย้แล้ว” ผมชะโงกไปพูดกับเขา

เขาหันมามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนจะเปิดประตูรถออกและกระโดดขึ้นมานั่งบนเบาะ “ขอบคุณครับ คุณพี่! ฮ่าๆๆ”

ผมหัวเราะเบาๆ ไปกับเขาด้วย จากนั้นก็วนรถไปส่งเขาที่คอนโดก่อนจะกลับบ้านตัวเอง เมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน พ่อกับแม่ก็ยังคงนั่งดูทีวีกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ทั้งสองคนทำให้ผมคิดแบบนั้น แต่ผมรู้ดีว่าที่จริงแล้วพวกเขากำลังรอผมอยู่ต่างหาก

“กลับมาแล้วเหรอลูก เป็นไงมั่งล่ะ เมารึเปล่า” แม่ถามขึ้นทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน

“ไม่เมาหรอกครับ ก็หนึ่งต้องขับรถนี่ ไม่ได้กินเยอะหรอก แล้วน้ำเป็นไงมั่งครับ งอแงรึเปล่า”

“เมื่อตอนหัวค่ำก็มีนิดหน่อย แต่ไม่มากหรอก ตอนนี้หลับอยู่ในห้องน่ะ”

“พ่อเพิ่งขึ้นไปเช็คเมื่อห้านาทีก่อนนี้เอง ไม่ต้องเป็นห่วง” พ่อพูดขึ้นราวกับอ่านใจผมออก จากนั้นก็ยืนขึ้นและบิดขี้เกียจ “เฮ้ออ เอาล่ะ พ่อว่าพ่อขึ้นไปนอนก่อนดีกว่า”

“แม่ก็ไปด้วยดีกว่า” แม่ผมลุกจากโซฟาด้วยอีกคน “ปิดบ้านด้วยแล้วกันนะ หนึ่ง พ่อกับแม่ไปนอนก่อนนะ”

“พ่อครับ แม่ครับ... ขอบคุณนะครับ”

ทั้งสองคนยิ้มและยักหน้าให้ผมเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดหายไป ผมเข้าไปในครัว รินน้ำเย็นดื่มสักแก้ว แล้วจึงเดินกลับออกมาล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อยก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเอง ผมค่อยๆ เปิดประตูอย่างเบามือที่สุดเพื่อที่จะไม่ปลุกน้ำที่กำลังหลับอยู่ ผมเดินย่องไปยังเปลเด็กและก้มลงจุ๊บหน้าผากเขาเบาๆ ก่อนจะไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และล้มตัวลงบนเตียงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน ผมรู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนานจริงๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น ธีโทรมาหาผมและถามว่าการอบรมที่โรงพยาบาลเป็นอย่างไรบ้าง ผมจึงเล่าความรู้สึกของผมให้เขาฟังตามตรงรวมทั้งบอกเขาอีกด้วยว่าคงจะไม่ไปอีกแล้ว เขาหัวเราะเบาๆ และบอกว่าเขาเข้าใจดี

“แล้วน้องเป็นยังไงบ้างครับ ตื่นรึยัง” เขาถาม

“ตื่นแล้วครับ เพิ่งตื่นนี่แหละ วันนี้ตื่นสายเพราะเมื่อคืนตื่นมางอแงกลางดึกนิดหน่อย สงสัยจะฝันร้าย”

“แล้วตัวคุณพ่อเองล่ะครับ ตื่นดีรึยัง”

“ฮ่าๆ ตื่นแล้วสิครับ ผมตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว”

“ผมก็ว่างั้นแหละ ถามไปงั้นเองแหละครับ เรื่องของเรื่องคืองี้ เดี๋ยวช่วงบ่ายๆ ผมต้องขับรถพาแม่ไปทำธุระแถวๆ บ้านหนึ่งพอดีน่ะ แล้วผมก็ต้องรอรับแกกลับด้วย คิดว่าคงมีเวลาว่างสัก 2-3 ชั่วโมง เลยจะถามว่าว่างรึเปล่า เผื่ออยากออกไปดื่มกาแฟด้วยกันหรืออะไรอย่างนี้ดีมั้ย”

“อ้าวเหรอ แล้วพี่จะมาราวๆ กี่โมงครับ”

“ไปถึงนั่นก็ราวๆ บ่ายโมงน่ะครับ แล้วกว่าแม่ผมจะเสร็จธุระก็เย็นนั่นแหละ”

ผมเงยหน้ามองดูนาฬิกาบนผนังห้อง “ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมง เพราะงั้นก็...” ผมนับคำนวณเวลา

“ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะครับ แค่ถามดูเฉยๆ”

“อ๋อ เปล่าครับ ผมแค่ลองนับดูเฉยๆ ว่าอีกกี่ชั่วโมง ผมจะได้เตรียมตัว ตัวผมเองน่ะว่างอยู่แล้ว ว่าแต่พี่ธีจะไปไหนล่ะครับ มีที่คิดไว้รึยัง”

“ไม่มีเลยสักนิด” เขาหัวเราะ

“อืมมม... ถ้างั้นเอางี้มั้ย พี่เข้ามาบ้านผมก็ได้ มาทานข้าวเที่ยงที่บ้านด้วยกันก็ได้ครับ เดี๋ยวผมขับรถไปรับที่ๆ พี่ไปส่งแม่พี่ไว้ หรือว่าตอนเย็นพี่พาแม่มาทานข้าวที่บ้านก็ได้นะ ผมยินดีต้อนรับ”

“ตอนเย็นคงไม่ได้อะครับ พอดีต้องกลับไปงานเลี้ยงตอนหัวค่ำ” เขาตอบ “แต่ตอนบ่ายล่ะก็ไปได้นะ แต่จะไม่รบกวนเหรอ”

“ไม่รบกวนหรอกครับ พ่อกับแม่ผมจะยิ่งดีใจด้วยซ้ำ เชื่อเถอะ”

“หือ ทำไมล่ะ” เขาหัวเราะ

“เรื่องมันยาวครับ เอาเป็นว่าพี่ตกลงนะ เดี๋ยวผมจะได้บอกพ่อกับแม่”

“ได้ครับ ถ้างั้นขอรบกวนวันนึงแล้วกันนะ”

“ยินดีครับ”

หลังจากวางสาย ผมก็เดินไปบอกแม่ว่าจะมีแขกมาที่บ้านในตอนบ่ายๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ทั้งแม่และพ่อต่างก็แปลกใจกันใหญ่ว่าธีคือใคร ผมไปรู้จักตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่จริงสาเหตุที่ทั้งคู่ถามแบบนั้นเป็นเพราะพวกเขาดีใจที่ผมได้ทำความรู้จักและใช้เวลากับคนอื่นๆ มากขึ้นต่างหาก ผมรู้ดี

เมื่อถึงเวลานัด ผมก็ขับรถออกไปรับธียังสถานที่ที่เขาบอกผมไว้ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผมไปแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ขณะที่ขับรถกลับบ้าน เขาก็เล่าให้ฟังว่าแม่ของเขามาหาเพื่อนที่บ้านอยู่แถวๆ นี้ แต่จะมีเพื่อนคนอื่นๆ ตามมาสมทบอีก 3-4 คน ซึ่งเขาไม่อยากอยู่ด้วย จึงชวนผมออกมาเจอเพื่อฆ่าเวลา

“แม่ผมเค้าบอกอีกประมาณสองชั่วโมงให้ไปรับ แต่เชื่อเหอะว่าเกินแน่ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์” เขาพูดพลางหัวเราะเบาๆ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ใกล้แค่นี้เอง”

“ไม่สิ ผมก็เกรงใจ ไปนั่งอยู่บ้านหนึ่งตั้งหลายชั่วโมงงี้”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับพี่ ตามสบายเลย”

“แล้วพ่อกับแม่หนึ่งเค้าไม่ว่าอะไรเหรอ พาคนแปลกหน้าเข้าบ้าน”

“แปลกหน้าอะไร ผมเองก็เคยเล่าเรื่องพี่ให้เค้าฟังไปแล้วบ้างเหมือนกัน แต่พอผมบอกว่าพี่จะเข้ามาบ้าน เค้าก็ถามแหละครับว่าใครอะไรยังไง เพราะเค้าจำชื่อพี่ไม่ได้น่ะ”

“ฮ่าๆๆ จริงๆ ชื่อ ‘ทะเล’ ไม่น่าจะจำยากนะ”

“ผมบอกเค้าไปว่าพี่ชื่อธีน่ะครับ”

“อ้อ ถ้างั้นก็คงฟังดูโหลจริงๆ นั่นแหละ”

“สรุปว่าไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ แต่ถ้าพี่อึดอัดก็บอกแล้วกัน เราขับรถออกไปหาร้านกาแฟนั่งคุยกันก็ได้ แต่ผมว่าพี่คุยเก่งแบบนี้ น่าจะเข้ากับแม่ผมได้ดีนะ”

“ผมคุยเก่งเหรอ ผมเนี่ยนะ” เขาเลิกคิ้วขึ้น “ฮ่าๆๆ ไม่หรอกครับ ผมแค่เป็นคนยิ้มง่ายน่ะ แต่ไม่ใช่คนคุยเก่งหรอก ยิ่งกับผู้ใหญ่บางทีก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเหมือนกัน นี่แหละคือเหตุผลที่ผมไม่อยากอยู่กับแม่ที่บ้านเพื่อนเค้า มันอึดอัดบอกไม่ถูก... เฮ้ย แต่ไม่ได้หมายความว่าไปบ้านหนึ่งแล้วผมจะอึดอัดนะ แค่หมายถึงว่าเพื่อนแม่ผมแกมีแต่คุยกันเก่งๆ ทั้งนั้นน่ะครับ พอโดนรุมๆ แล้วบางทีผมก็อึดอัดๆ น่ะ”

จู่ๆ ผมก็นึกถึงสีหน้าซีเรียสของเขาที่เคยเห็นตอนไปเซ็นทรัลวันก่อนนั้นขึ้นมา

“หืออ ทำไมจู่ๆ เงียบไปล่ะ มีไรป่าว”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร ก็แค่คิดว่าปกติพี่ธีเป็นคนยิ้มเก่งอย่างที่พี่พูดจริงๆ นั่นแหละ”

“ก็คงงั้นมั้งครับ”

“ดีแล้วล่ะครับ แม่ผมน่าจะชอบพี่แหละ ผมว่า”

“ผมจะพยายามโปรยเสน่ห์ให้เต็มที่ก็แล้วกัน” เขาพูดพลางหัวเราะเบาๆ

แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ แต่ไม่ใช่แค่กับแม่เพียงคนเดียว เพราะแม้แต่กับพ่อที่เป็นคนพูดน้อยก็ยังดูถูกชะตากับธีด้วยเลย โดยเฉพาะเมื่อพ่อรู้ว่าธีเคยเป็นกุ๊กมาก่อน พ่อก็ยิ่งคุยถูกคอกับเขามากขึ้นไปอีก เพราะว่าปกติพ่อของผมก็ชอบทำอาหารอยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จแล้ว เขาสองคนก็สามารถนั่งคุยกันได้อีกพักใหญ่ๆ ในขณะที่ผมไปช่วยแม่เก็บล้างในครัว แต่แล้วจู่ๆ น้ำที่นอนอยู่ในเปลก็ร้องไห้จ้าขึ้นมา ผมที่มือเต็มไปด้วยฟองน้ำยาล้างจานจึงรีบล้างมือและเช็ดมือให้แห้งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น แต่ผมช้ากว่าธีไปแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง เพราะผมเดินเข้าไปเห็นว่าเขากำลังอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาจากเปลพอดี

“โอ๋ๆ ไม่สบายตัวเหรอครับ คนเก่ง แพมเพิสหนักอึ้งแล้วเนี่ย”

ผมเดินเข้าไปหาเขา “ขอบคุณครับพี่ ไวจริงๆ นะเนี่ย”

เขาหันมายิ้มและยื่นเจ้าตัวเล็กให้ผม “พอดีได้ยินเสียงเค้าร้องฮึกฮักๆ อยู่สักพักแล้วน่ะครับ เลยตัดสินใจเดินมาดู ผ้าอ้อมอยู่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมช่วย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเองก็ได้”

“ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวผมช่วย สองคนจะได้เสร็จไวๆ”

“ถ้างั้น... ผมฝากลูกแป๊บนึงครับ เดี๋ยวไปหยิบตะกร้ามาก่อน” ผมฝากน้ำไว้กับเขา จากนั้นก็เดินไปหยิบตะกร้าใส่ข้าวของเครื่องใช้สำหรับน้ำที่แม่เตรียมไว้ให้ออกมาวางข้างๆ เขา หลังจากนั้นเราก็ช่วยกันทำความสะอาดให้เจ้าตัวเล็ก ก่อนจะจบท้ายด้วยการป้อนนมให้เขาโดยที่มีพ่อนั่งดูอยู่ห่างๆ

“ธีเองก็ดูคล่องเหมือนกันนะเนี่ย” พ่อพูดขึ้น “พ่อว่าผู้ชายที่จะดูแลเด็กเล็กเป็นแบบนี้มีน้อยนะ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ อย่างผมเองก็คงเพราะส่วนมากผมเป็นฝ่ายต้องดูแลลูกล่ะมั้งครับ แต่แรกๆ ก็เก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน”

“ก็เหมือนเจ้าหนึ่งนั่นแหละ ช่วง 2-3 เดือนแรกนี่ทำอะไรแทบไม่เป็นเลย แม่มันทำให้หมด”

“ก็เพราะแม่นั่นแหละที่ไม่ยอมให้หนึ่งทำอะไรเลยน่ะ” ผมออกตัว

“ได้ยินนะค้าาา!!” แม่ตะโกนออกมาจากในครัว

เมื่อแม่เก็บล้างเสร็จ พวกเราทุกคนก็ออกมานั่งคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่น เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งก็เป็นตอนที่แม่ของธีโทรมาตามเขาให้กลับไปรับได้แล้ว แม้แต่ผมเองยังต้องแปลกใจเลยว่าพวกเราคุยกันถูกคอมากจนลืมเวลาไปได้ขนาดนี้ ก่อนที่ผมจะพาเขากลับไปหาแม่ของตัวเอง พ่อกับแม่ผมก็กำชับกับเขาว่าให้กลับมาเยี่ยมทั้งคู่ที่บ้านอีก และระหว่างที่ผมขับรถกลับไปส่งเขานั้น เขาก็ยืนยันกับผมว่าเราคงจะได้เจอและได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นอีกแน่ๆ เพราะเขาเองก็ชอบที่ได้คุยกับผมเหมือนกัน ผมว่าเราสองคนต่างก็รู้สึกได้ว่าเรามีอะไรหลายๆ อย่างที่เข้ากันได้ ผมรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเขา และเขาเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเราจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ในเวลาอันรวดเร็วแน่นอน

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ขอบคุณที่มาต่อครับ

น่ารักทั้งคู่ ทั้งหมอก ทั้งธี
แต่เชีนร์หมอกนะ ชอบเด็ก ๆ55

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
รู้สึกว่าพ่อบ้านจิมาแรงนะฮ่ะ

ออฟไลน์ netkung

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อึ๋ยยยย เชียร์หมอกสุดใจ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ตอนที่นั่งดื่มเบียร์กันหมอกพูดแปลกๆ ฟังดูแล้ว
เหมือนกำลังชอบพี่หนึ่งนะเนี่ย

รอเชียร์ต่อไป ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นี้ค่ะ

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ทะเล คิดแค่เพื่อนกันแน่ หราาาาาาาาาาา  :hao6:  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ฮุ่ยๆๆทำคะแนนกันน่าดูชม


 :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 หนึ่งท่าทางยินดีที่ได้เจอกับธี บางครั้งมีอาการขวยเขิน และดูมีอุปสรรคเยอะดี

ส่วนหมอกแม้จะดูว่าชอบหนึ่งชัดเจน แต่ไม่น่าจะคู่กันได้ เพราะมันดูธรรมดาและง่ายเกินไป

รอต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
เชียร์หมอกสุดใจเลยยยยย พี่ต้นรีบมาต่ออีกไวๆ นะครับ

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เอาละสิ เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเชียร์ใคร

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
รู้สึกลึกๆว่าคุณทะเลคือพระเอกอ่ะ พออ่านตอนคุณธีแล้วแบบลื่นดี แต่ตอนหมอกเหมือนยังไว้ตัวเพราะวัยต่างกัน

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ่านไปได้ 4 ตอน
แต่ขอเม้นซักนิดเถอะค่ะ
นี่ตกลงหมอกหรือธีกันแน่เนี่ยที่จะมาลงเอยกับพี่หนึ่ง
อ่านแล้วชอบมาก สนุกดี
เรื่อยๆแต่ไม่น่าเบื่อ น่าติดตาม ชอบมาก

แอบเขินคู่อาร์มกับต้า น่ารักถึงขนาดพี่หนึ่งเขินนี่ใช่ย่อย
ฮ่า ๆ แอบสนใจในคู่รักชาย-ชายรึปล่าวนะพี่หนึ่งงง =///=

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
อยากให้พี่หนึ่งคู่กับหมอกอ่ะ!

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ่านทันซักที
แหมๆ ต่อไปอาจจะไม่ใช่แค่เพื่อนก็ได้นะคะพี่หนึ่ง  :katai2-1:
หลายๆคนเชียร์พี่หนึ่งกับหมอก
แต่ xeruoh อยากเชียร์พี่หนึ่งกับคุณทะเลมากกก

รุ่นราวคราวเดียวกันอะไรแบบนี้
น่ารักดี ฮ่าๆ
บทสรุปจะเป็นอย่างไรหนอ..
 :hao5: :hao5:

รีบมาอัพไวๆนะคะ  :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ whynotme

  • ♥ 09-07-2012 ♥
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
พาเข้าบ้าน รู้จักพ่อแม่ละ ... แค่เพื่อนพอนะ  :hao4:

เกเร

  • บุคคลทั่วไป
ตกลงใครพระเอกฟร่ะ เหมือนจะเป็นหมอกแต่ธีก็มาแรง วุ้ยยยยย  :katai1:

tantanlize

  • บุคคลทั่วไป
เชียร์ธี เชียร์ทะเล !!!
น่ารัก
อ๊าย ยย 
>.,<
ฟิน
5.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ชอบพี่ธี แม้เธอจะมีครอบครัวแล้ว
แบบว่ามันลงตัวมากเลย

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :ling1:  เค้าเชียร์น้องหมอก  พี่ต๊ะเลแอ๊บแมนแน่ๆอ่า

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
เอ๊ะ!!  ชักจะยังไงๆแล้วนะคุณทะเล

แต่ยังไงก็เชียร์หมอกอยู่ดีอ่ะ

winnie_the_far

  • บุคคลทั่วไป
พี่ทะเล  นำหน้าน้องหมอกแล้วววววน่ะ  ทะเลได้เข้าบ้านแนะนำตัวกับพ่อแม่

เชียร์ๆๆๆ พี่ทะเล อิอิ

TimelessOne

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาเชียร์ทะเลเหมือนเดิมแล้ว  :katai5:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ตอนที่ 8

ในวันจันทร์ผมต้องเจอกับปัญหาน่าปวดหัวที่ทำงานอย่างหนัก มันทำเอาผมวุ่นวายจนไม่มีแม้แต่เวลาจะลงไปกินข้าวกลางวัน ผมทั้งหงุดหงิดและเครียดมาก แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกให้คนที่ทำงานรู้ได้ แถมผมยังต้องอยู่เคลียร์งานจนเลยเวลาเลิกงานออกไปอีก ตอนเย็นผมจึงโทรบอกแม่ว่าจะกลับดึกหน่อยและไม่ต้องรอกินข้าว จากนั้นก็นั่งทำงานต่อจนกว่าจะเสร็จก็ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ไอ้เหนื่อยกายน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจและเหนื่อยสมองนี่มันทำให้ผมหมดแรงจนแทบอยากจะล้มตัวลงนอนและฟุบหลับลงบนโต๊ะทำงานไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจก็อยากจะรีบหาอะไรกินแล้วกลับไปนอนบนเตียงสบายๆ ที่บ้านใจจะขาด เพราะถึงงานของวันนี้จะหมดไป แต่ปัญหามันยังไม่จบ และผมก็ต้องกลับมาเคลียร์มันต่ออีกครั้งตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้ แค่คิดก็ทำเอาผมต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้ว

ผมขับรถออกจากที่ทำงานและตัดสินใจว่าจะแวะที่ห้างไหนสักที่เพื่อหาข้าวเย็นกินและพักดื่มกาแฟสักหน่อย ในระหว่างที่รถติดไฟแดงอยู่นั้นผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นเรื่อยเปื่อย แล้วสายตาก็พลันไปสะดุดเข้าที่ชื่อของคนๆ หนึ่งในบันทึกหมายเลขใช้งานล่าสุด ผมนั่งมองชื่อของเขาอยู่ครู่หนึ่งและคิดว่าลองดูสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร

ผมกดโทรออกและรออยู่อึดใจหนึ่งอีกฝ่ายก็รับสาย

“สวัสดีครับ หนึ่ง”

“ฮัลโหลครับ พี่ธี ผมกวนรึเปล่าครับ” ผมค่อยๆ เลื่อนรถตามคันหน้าเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว

“ไม่หรอกครับ ตอนนี้ผมอยู่บ้านพ่อแม่น่ะ ไม่ได้ทำอะไร มีอะไรรึเปล่า”

“อ๋อ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีผมเพิ่งเลิกงาน แล้วหิวข้าวมาก เลยคิดๆ ว่าจะชวนพี่ไปหาอะไรกินสักหน่อย ถ้าพี่สะดวกน่ะครับ”

“อ๋อ ได้เลย ที่ไหนล่ะ”

“พี่อยู่บ้านใช่มั้ยครับ งั้นเจอกันที่เดิมมั้ย เซ็นทรัลลาดพร้าว”

“ได้ครับ แล้วหนึ่งอยู่ไหนแล้วล่ะ จะมาถึงประมาณกี่โมง”

“อีกไม่เกิน 40 นาทีน่าจะถึงครับ”

“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวเจอกันครับ” เขาตอบรับอีกครั้ง

ผมวางสายและขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมาย เมื่อเราเจอกัน เขาก็ถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะผมดูเหนื่อยและเครียดมาก ผมจึงเล่าเรื่องปัญหาที่ทำงานให้เขาฟัง ซึ่งเขาก็ฟังอย่างตั้งใจ แถมยังให้กำลังใจพร้อมทั้งคำปรึกษาแก่ผมด้วย ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจสายงานของผมเท่าไหร่นัก แต่แค่การที่เขาตั้งใจฟังผมและแสดงความสนใจแบบนี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วจริงๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ไปนั่งดื่มกาแฟกันต่อ เราพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวส่วนตัวกันมากขึ้น เรียนรู้ภูมิหลังของกันและกันมากขึ้น ผมรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเขามากจนสามารถเล่าเรื่องของผมกับฟ้าได้อย่างไม่รู้สึกอึดอัดใจเหมือนกับครั้งอื่นๆ ซึ่งเขาเอ่ยปากเลยว่าเขาชื่นชมความรักของผมที่มีต่อฟ้า กับความเข้มแข็งของผมที่ผ่านช่วงเวลาโหดร้ายเหล่านั้นมาได้มากขนาดไหน แต่เมื่อผมถามเขาถึงเรื่องชีวิตคู่ของเขาบ้าง เขากลับแสดงท่าทีลำบากใจเล็กน้อยออกมา ถึงเขาจะพยายามซ่อนมันเอาไว้ แต่ผมก็ยังคงรู้สึกได้อยู่ดี

“ถ้ามันเป็นเรื่องส่วนตัว พี่ไม่ต้องพูดถึงก็ได้นะครับ ผมเข้าใจแล้วก็ไม่ถือเลย” ผมบอกเขา

“อ๋อ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ แต่แค่...” เขาเว้นช่วงพลางยกกาแฟขึ้นจิบและมองออกไปนอกร้าน จากนั้นจู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แววตาของเขาจับจ้องอยู่ที่บางอย่าง แต่มันกลับแลดูหวาดหวั่น

ผมหันไปมองตามสายตาของเขาแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่ดูผิดสังเกต

“มีอะไรเหรอครับ” ผมถาม

“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก ขอโทษทีครับ...” เขาหันกลับมาหาผม ขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อย แต่แล้วก็เหลือบหันกลับไปมองนอกร้านอีกครั้ง

หนนี้ผมเพิ่งจับสังเกตได้ว่าเขากำลังมองผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในร้านอยู่ ผู้ชายคนนั้นอยู่ในชุดสูท แลดูภูมิฐาน หน้าตาก็โอเค แถมยังมีร่างกายสูงใหญ่ น่าจะอายุราวๆ สัก 30 ต้นๆ ได้ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมจู่ๆ ธีถึงได้เกิดปฏิกิริยาอย่างนี้กับเขาคนนี้ขึ้นมา

“คนรู้จักเหรอครับ” ผมถาม

“ประมาณนั้นครับ” เขาตอบด้วยแววตาและสีหน้าประหม่าๆ เขาในตอนนี้ดูวิตกกังวลและเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ผมที่ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นฝ่ายเสนอว่าเราน่าจะกลับกันได้แล้ว ซึ่งเขาก็เห็นด้วยทันที แต่ในขณะที่เรากำลังจะเดินออกจากร้าน ผู้ชายคนนั้นก็หันมาเห็นเราสองคนเข้าพอดี

“เล” เขาคนนั้นทักขึ้น

ธีถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปหาเขา “พี่ก้อง”

“มากับใครน่ะ” อีกฝ่ายถามพร้อมกับมองหน้าผม

“โทษทีครับ แต่พวกผมกำลังรีบ เอาไว้เราค่อย...”

“คุยกันใหม่เหรอ หรือเอาไว้ค่อยเจอกันใหม่” ชายร่างใหญ่พูดขัดขึ้นพร้อมรอยยิ้มหยันที่มุมปากเล็กๆ “แน่ใจเหรอว่าอยากทำแบบนั้น”

ธียืนเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่เขามีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

“ตกลงหมอนี่คือใคร อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนใหม่”

“พอเหอะพี่!” ในที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หมดความอดทน จากนั้นก็หันมาหาผม “ไปกันเถอะ หนึ่ง”

ผมที่ได้แต่ยืนงง อึ้ง ทำอะไรไม่ถูกหลังจากได้ยินคำๆ นั้นจัดการบอกตัวเองให้พยักหน้าออกมาจนได้ จากนั้นจึงรีบเดินตามหลังธีออกไปจากร้านโดยที่ทั้งผมและเขาต่างก็ไม่ได้หันกลับไปมองผู้ชายคนนั้นอีกเลย

“พี่ธี ผู้ชายคนเมื่อกี้คือ...” ผมถามเขาในขณะที่เราเดินห่างออกมาจากร้านกาแฟแห่งนั้นได้สักพักแล้ว

เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบออกมา “...ผมว่าเราสองคนกำลังจะเป็นเพื่อนที่ดีกันอยู่แล้วเชียวนะ ผมไม่อยากให้อะไรมันมาทำลายมิตรภาพของเราเลยจริงๆ”

“พี่พูดอะไรน่ะครับ จะมีอะไรมาทำลายความเป็นเพื่อนของเราได้ง่ายๆ แบบนั้น”

เขาพ่นลมออกทางจมูกและยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย “ก็ไม่แน่หรอก ถ้าหากหนึ่งรู้เรื่องนี้ หนึ่งอาจจะไม่อยากคุยกับผมอีกก็ได้”

“พี่ธี” ผมจับต้นแขนของเขาให้เขาหยุดเดิน “เมื่อกี้ผมเพิ่งเล่าเรื่องชีวิตของผมให้พี่ฟังไปไม่ใช่รึไง ถ้าพี่มีอะไรอยากพูดให้ผมฟังก็ลองดูสิครับ เชื่อผมเถอะว่าไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่คิดจะเลิกคบพี่หรอก ไม่มีทาง”

เขามองตาผม “...งั้นเราไปหาที่เงียบๆ นั่งคุยกันสักพักมั้ย ยังพอมีเวลารึเปล่า”

“ครับ” ผมพยักหน้า “แต่พี่ไม่ได้ขับรถมาใช่มั้ยล่ะ ผมว่าเราไปคุยกันบนรถตอนผมไปส่งพี่ดีกว่า”

เขาพยักหน้าเบาๆ จากนั้นเราจึงเดินกลับไปที่รถของผมด้วยกัน

“ที่จริงผมไม่เคยมีเจตนาจะโกหกหรือปิดบังอะไรหรอกนะ แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ซับซ้อนและพูดยากจริงๆ” เขาเริ่มพูดขึ้นหลังจากที่เรานั่งอยู่ในรถแล้ว

ผมสตาร์ทเครื่องยนต์และรอให้เขาพูดต่อ

“ยิ่งพอเราเป็นเพื่อนกันแบบนี้แล้ว ผมยิ่งไม่อยากโกหกเข้าไปใหญ่ เมื่อกี้ตอนอยู่ในร้านกาแฟผมถึงได้อึ้งๆ ไปน่ะ...” เขาถอนหายใจอีกครั้ง

“ผมเข้าใจครับ”

“หนึ่งอยากได้ความจริงใช่มั้ยครับ ถ้างั้นผมก็จะบอกความจริงทั้งหมดให้ฟัง”

ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่รอให้เขาพูดต่อ

“ที่จริงเหนือไม่ใช่ลูกของผมหรอกนะครับ”

ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกใจ “อ้าว แต่พี่อาย... หรือว่า...”

เขาส่ายหน้า “เหนือเป็นลูกแท้ๆ ของอายครับ และผมก็เป็นพ่อของเหนือถูกต้องตามกฎหมายด้วย แต่ผมกับอายไม่ได้เป็นแฟนกัน เราเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ เป็นเพื่อนรักและสนิทกันมาก มากจนผมสามารถยอมรับว่าเป็นพ่อของลูกในท้องให้กับอายได้...” น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าๆ เล็กน้อย “แต่ผมรักเหนือมากนะ รักเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเองเลยล่ะ ผมไม่เคยคิดว่าชีวิตของผมจะมีความหมายมากเท่านี้มาก่อน เหนือเป็นเหมือนโลกใบเล็กๆ ของผมเลยจริงๆ ไม่รู้สิ ผมว่าพูดแบบนี้มันอาจจะฟังดูเวอร์และแปลกนะ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ”

“ผมเข้าใจครับ เชื่อเถอะว่าผมเข้าใจจริงๆ” ผมยิ้มและพยักหน้าให้เขา

“ขอบคุณครับ” เขายิ้มตอบอย่างโล่งอก แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป แววตาของเขาเหม่อมองออกไปยังเบื้องหน้า “ส่วนเรื่องผู้ชายคนนั้น เค้าชื่อพี่ก้องครับ เป็นแฟนเก่าของผมเอง”

ผมพยายามควบคุมตัวเองให้มองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า หลังจากการพบเจอกันและบทสนทนาสั้นๆ เมื่อครู่ ผมก็พอจะเดาได้แล้วล่ะว่ามันน่าจะเป็นแบบนี้ ยิ่งพอรวมกับเรื่องที่เขาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆ ของเหนือด้วยแล้ว ทุกอย่างมันก็แลดูจะลงตัวพอดี

“งั้นก็แปลว่า...”

“ครับ ผมเป็นเกย์ พ่อแม่ของผมก็รู้ อายก็รู้ และเพื่อนๆ ส่วนมากก็รู้เหมือนกัน เพราะแบบนั้นผมถึงไม่มีทางเป็นพ่อแท้ๆ ของเหนือได้ไงครับ”

“อ๋อ ครับ...” ผมตอบเบาๆ

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสองคน ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปจริงๆ ผมรู้ว่าผมควรต้องพูดอะไรบ้าง อะไรบางอย่างที่ทำลายความอึดอัดนี้ลง... แต่อะไรล่ะ

“ก็นั่นแหละครับ เรื่องราวที่แท้จริงของผม ชีวิตผม แลดูน่าสับสนมั้ยล่ะ”

“ผมว่าไม่นะครับ... เอ่ออ... ก็อาจจะนิดนึง แต่ผมว่าความรักของพี่ธีกับพี่อายเป็นความรักยิ่งใหญ่มากๆ เลยนะครับ อาจจะไม่ใช่ความรักแบบคู่รัก แต่เป็นความรักแบบเพื่อนที่แชร์ชีวิตรวมทั้งทุกข์และสุขร่วมกัน ผมเดาว่าพวกพี่คงต้องผ่านอะไรกันมาเยอะแน่ๆ”

“ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่อายต่างหากที่เจอปัญหาหลายอย่างเลยตอนที่รู้ว่าตัวเองท้องน่ะ”

“ผมพอจะเดาได้ครับ” ผมพยักหน้า

“แต่ผมคงพูดเองไม่ได้มั้ง เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม ผมไม่รู้ด้วยว่าอายจะสะดวกใจให้หนึ่งรู้เรื่องพวกนี้แล้วรึยัง คือผมหมายถึงเรื่องที่ผมไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆ น่ะ ไม่เป็นไรหรอก แต่เรื่องอื่นๆ ที่ลึกมากกว่านั้น...”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ พี่ทำถูกแล้วล่ะ”

“รู้แบบนี้แล้วยังจะอยากคบกับผมเป็นเพื่อนอยู่มั้ยล่ะครับ”

“ไม่เอาน่าครับ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับความเป็นเพื่อนสักหน่อย” ผมหันไปยิ้มให้เขา

“ไม่กลัวเพื่อนๆ หรือครอบครัวจะรู้เหรอว่ามีเพื่อนเป็นเกย์ แถมยังเป็นเกย์ที่แต่งงานกับผู้หญิงแถมมีลูกแล้วอีกต่างหาก”

“ผมว่าคนอื่นไม่เห็นจำเป็นต้องรู้รายละเอียดอะไรที่ไม่จำเป็นเลยนี่ครับ หรือถ้ามันถึงเวลาที่ใครจะรู้เรื่องพวกนี้ขึ้นมาจริงๆ มันก็เรื่องของพวกเค้า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่จะทำให้ผมอยากเลิกคบพี่อยู่ดี”

“ขอบคุณครับ”

“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่ที่แชร์เรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ผมฟังและตัดสินใจที่จะไม่โกหกผม”

“ผมก็แค่สบายใจที่ได้คุยกับหนึ่งน่ะ ก็อยากจะเป็นเพื่อนที่คุยได้ทุกเรื่อง ไม่มีความลับต่อกันหรือโกหกกัน”

“ผมก็เหมือนกันครับ”

ผมขับรถไปตามทางที่เขาบอกเพื่อที่จะนำเขาไปส่งถึงหน้าบ้าน ผมอดสังเกตไม่ได้ว่าถึงเขาจะเล่าเรื่องเหล่านั้นให้ผมฟังแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดถึงแฟนเก่าของเขาคนที่เราเพิ่งเจอให้ผมฟังเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเดาเอาว่าเขาคงยังไม่พร้อมที่จะพูดถึง หรืออาจจะยังไม่อยากให้ผมรับรู้ในตอนนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร ผมก็เข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเขาทุกอย่าง และที่สำคัญ บางทีเรื่องที่เขาเพิ่งเล่าให้ผมฟังมาเมื่อครู่นี้ก็อาจจะมากเพียงพอสำหรับผมในคืนนี้แล้วก็ได้

“จอดข้างหน้านี้แหละครับ ตรงรั้วสีขาวนี่แหละ” เขาชี้ไปข้างหน้า

“โอเค” ผมจอดรถให้หยุดสนิทหน้าบ้านเขาพอดี

“ขอบคุณมากนะครับสำหรับวันนี้” เขาหันมายิ้มให้ผม

“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่ อุตส่าห์นั่งแท็กซี่ออกมาฟังผมบ่นเรื่องงานและมากินข้าวเป็นเพื่อนด้วย”

เขาหัวเราะเบาๆ “งั้นเราคงขอบคุณกันคนละอย่างนะ ถือว่าเจ๊ากันไปก็แล้วกัน”

“ครับ” ผมยิ้มกว้าง

“ถ้าหากไม่รังเกียจและยังอยากจะกินข้าวกับผมอีกก็โทรมาได้ทุกเวลานะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ

“ถ้าหากพี่ไม่รังเกียจจะใช้เวลากับผม และอยากมีเพื่อนคุยไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ก็อย่าลืมโทรหาผมแล้วกันนะครับ”

เขาหัวเราะอีกครั้ง จากนั้นก็ลงจากรถ เขาเดินไปเปิดประตูรั้วบ้านออกและโบกมือให้ผม ผมนั่งมองเขาเดินหายเข้าไปบ้านแล้วจึงวนรถออกจากซอยและมุ่งหน้ากลับสู่บ้านของตัวเอง

ผมไม่คิดว่าการที่เขาเป็นเกย์จะทำให้ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาเปลี่ยนแปลงไป ที่จริงเขาทำให้ผมนึกถึงอาร์กับต้าขึ้นมาด้วยซ้ำ นี่ก็เท่ากับว่าผมจะได้รู้จักคนที่เป็นเกย์เพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว หลังจากนี้ชีวิตของผมคงมีอะไรให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติมอีกเยอะเลยจริงๆ


ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
คิดอยู่เหมือนกันว่า ธี น่าจะเป็นเกย์ (รับ)
ดูจากรูปวาดใน facebook แล้วก็การพูดจากับอาย เหมือนเป็เพื่อนสาวกันมากกว่า

ความสัมพันธ์ของหนึ่งกับธีเริ่มคืบหน้าแล้ว แต่ยังเชียร์หมอกเหมือนเดิม 55

ขอบคุณที่มาต่อครับ ^^

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
ธีเป็นรับ งั้นก็ไม่ใช่คู่แข่งน้องหมอกแล้วอ่ะดิ ไม่งั้นหนึ่งก็ต้องเป็นรุกละงั้น

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ใครหนอ ที่จะเป็นพระเอก

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
เหมือนธีจะยังไม่ลืมพี่ก้องนะ มองเสียจนหนึ่งรู้สึกได้

รอเชียร์อยู่ที่เดิมค่ะ  :mew3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด