วาลPart
ผมตื่นลืมตาขึ้นมาหลังจากที่หลับไปนานมา ผมคิดส่ายังนั้นนะครับ พอปรับสายตาแล้วก็เห็นเพดานสีขาว หันมองด้านขวามือก็เจอกับสายน้ำเกลือ แล้วหันกลับมามองทางด้านซ้ายก็เจอพี่ชาร์ป แล้วน้องวินนอนอยู่บนโซฟา พอยกแขนขึ้นมามองก็เจอกับรอยเชือกที่โดนมัด คิดดังนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่ฝัน มันคือความจริง ขอบคุณพี่ชาร์ปที่ไปช่วยผมได้ทัน ถ้าในตอนนั้นพี่ชาร์ปไม่เข้าไปช่วยผมผมคงไม่ได้มานอนอยู่ที่นี้แน่นอน และต้องขอบคุณพี่พีระแฟนของคุณด้วยที่มาช่วยได้ทันท่วงที คิดแล้วก็ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคนที่ไม่มีอะไรในชีวิตจะมามีคนรักที่เคยเลิกรากันไปกลับมาช่วยอีกครั้ง และอีกอย่างคือน้องวินที่น่ารักของผมครับ ได้แต่มองภาพน่ารักน่ารักของสองพ่อลูกนอนกอดกัน เห็นแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเอง นั่งมองอยู่นานจนคุณหมอและพยาบาลเข้ามาเช็คร่างกายผมอีกรอบ พี่ชาร์ปแล้วน้องวินก็ตื่นขึ้นมาพร้อมๆกัน เห็นแบบนั้นก็อดที่จะขำไม่ได้
“จากการตรวจร่างกายเบื้องต้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ และเรื่องแผลที่ศีรษะก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับไม่มีอะไรแทรกซ้อนครับ แต่ก็ต้องมาตรวจเป็นระยะครับ เดียวหมอจะออกบัตรนัดให้พร้อมวันที่จะออกจากโรงพยาบาลนะครับ ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ”
“ขอบคุณครับคุณหมอ” ผมกล่าวขอบคุณคุณหมอที่เข้ามาตรวจร่างกาย
“ขอบคุณครับ เอาละงานนี้ก็หมดห่วงแล้วนะวาล”
“ครับพี่ชาร์ป แต่ต่อไปใครจะเป็นเลขาพี่ละครับ”
“พี่ก็จะให้วาลไงครับมาเป็นเลขาพี่”
“แต่วาลยังไม่หายดีนะครับ”
“พี่ก็ไม่ได้จะให้เริ่มเร็ววันนี้สักหน่อยนิ ก็ต้องรอให้วาลหายก่อนถึงจะเปลี่ยนมาเป็นวาล”
“คงอีกนาน หึหึ”
“หึหึ”
“ป๊ะป๊ากับแม่เล่นอะไรกันเป็นเด็กๆไปได้ น้องวินป่วยหัวแล้วนะครับ”
“แก่แดดนะเราน้องวิน ไปได้นิสัยแบบนี้มาได้ยังไง พี่ชาร์ปสอนน้องวินหรอ เดียวจะโดนไม่ใช่น้อย”
“พี่เปล่านะ”
“คริคริ” ยิ้มร้ายแบบนี้ก็มีคนเดียวแหละที่สอนพี่ชาร์ปตัวร้าย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
“ทำเป็นขรึมนะครับพี่ชาร์ป” ยิ้มร้ายใส่ให้คนรัก ก่อนที่คนข้างนอกจะเข้ามา
“สวัสดีครับคุณชาร์ป คุณวาล น้องวิน”
“คุณ! พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามเรียกพี่ว่าคุณวาลอีก ให้เรียกวาลพี่วาล ไม่ต้องตอบว่าเกรงใจนะ” คุณกำลังจะอ้าปากเถียงแต่ไม่เร็วเท่าผมหรอกครับ หึหึ
“ก็ได้ครับพี่วาล”
“ดีมาก”
“แม่ครับถ้าพี่คุณเรียกแม่ว่าพี่แล้วน้องวินจะเรียกพี่คุณว่าอะไรครับ”
“นั้นสิ” ผมก็ลืมไป
“เรียกคุณอาไงครับน้องวิน ป๊ะป๊าอนุญาต หรือจะเรียกพี่คุณหมือนเดิมก็ได้ ป๊ะป๊าไม่ว่านะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นน้องวินจะเรียกพี่คุณเหมือนเดิมนะครับ”
“ได้ครับ”
เห็นเด็กๆคุยกันก็น่ารักดีถึงคุณจะแก่กว่าน้องวินหลายเท่านักแต่เวลาคุณอยู่กับน้องวินคุณจะดูเหมือนเด็กมากเลยครับ ต่างจากอยู่กับพี่ชาร์ปเพราะระดับการทำงานด้วยละมั่งแต่อยู่กับพี่พีระนั้นผมไม่รู้ครับไม่เคยเห็น
“คิดอะไรอยู่ครับ”
“เปล่าครับ แล้ววันนี้พี่ชาร์ปไม่ไปทำงานหรือครับ”
“พี่ฝากเจ้าคุณไปเรียบร้อยละ เพราะต่อไปถ้าพี่วางมือก็จะให้คุณขึ้นเป็นผู้บริหารแทนชั่วคราวก่อนที่น้องวินจะพร้อมที่จะรับช่วงต่อ หรืออาจจะให้บริหารตลอดไปถ้าน้องวินไม่รับช่วงต่อน่ะ”
“ก็ดีครับ ผมว่าให้คุณบริหารก็ดีครับ เพราะอนาคตเราก็ไม่รู้ว่าน้องวินจะรับช่วงต่อหรือเปล่านะครับให้คุณเป็นงานก็ดีครับ ผมจะได้สบายใจ และจะได้ไม่ต้องแครงใจกันด้วย”
“ได้ครับ ส่วนเราสองคนก็ดูการเติบโตของทั้งสองคนก็แล้วกันเนอะ” ผมยิ้มให้พี่ชาร์ปแล้วก็ขอพักสายตาสักครู่เพราะเริ่มจะเพลียๆหน่อยแล้วละครับ
ชาร์ปPart
ผมนั่งมองวาลที่หลับไปเมื่อครู่ก็ได้แต่ว่าถ้าวันนั้นผมไม่ไปช่วยวาลหรือไม่เจอวาลที่ร้านสาขาวันนั้นมันจะเป็นยังไงกันนะชีวิตผม แต่ตอนนี้เวลานี้ผมมีความสุข วาลมีความสุข น้องวินมีความสุขก็ดีแล้วละครับ จากวันนั้นที่ผมทิ้งวาลไปก็ได้แต่คิดว่าวาลจะเป็นยังไง จะอยู่ยังไง จนข่าวเงียบหายไปผมอยู่กับภรรยาที่แม่หามาให้โดยที่ไม่รู้ว่าเธอเคยเป็นอีตัวมาก่อน มารู้ทีหลังก็ตอนที่พ่อแม่ผมเสียไป ผมไม่ได้โกรธวาลที่วาลมาบอกว่ามีลูกกับผม แต่ผมโกรธตัวเองที่ปากพล่อยว่าไม่ได้รักวาลและไม่เชื่อว่าวาลท้องผมนี้มัน ไม่น่าให้อภัยจริงๆแหละครับ และแล้ววันหนึ่งผมก็รู้ความจริงว่าอดีตภรรยาผมนั้นเป็นอีตัวและไม่สามารถท้องได้เพราะผ่านการทำแท้งมาแล้วนับครั้งไม่ทวนตั้งแต่อายุ 16 พอผมรู้อย่างนั้นผมก็ขอหย่ากับเธอทันทีครับ แล้วหลังจากที่หย่ากันไปก็ได้รู้ข่าวว่าเธอเป็นบ้าจนต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วกับจิตแต่ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปเยี่ยมเธอเพราะงานก็เยอะพออยู่แล้ว หลังจากนั้นผมก็เป็นตาแก่บ้างาน ทำแต่งานไม่สนใจใครทั้งสิ้นผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาถวายตัวให้ผมก็ไม่สนครับ เอาแต่ทำงานอย่างเดียว เพื่อนคุยในตอนนั้นก็มีเจ้าคุยแค่คนเดียวเท่านั้นครับ จนวันหนึ่งผมก็เจอคนที่ผมตามหาและไม่คิดว่าจะหากันเจอง่ายขนาดนี้เพราะวาลไม่มีอะไรให้ติดต่อได้เลยโซเชียลต่างๆที่น่าจะใช้ในการติดตามก็โดนลบออกไปหมด ทะเบียนราษฎร์ก็ไม่กล้าไปยุ่งเพราะช่วงนั้นผมยังไม่รู้จักกับพีระครับ เสียสายก็ยังมีไม่มากเลยได้แต่ปล่อยผ่านครับ จนเจ้าคุณไปตกหลุมพรางของพีระแล้วเราก็ไดรู้จักกันและที่น่าแปลกใจครับว่าพีระจำผมได้เราสองคนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนแต่ทำไม่ผมถึงลืมพีระไปได้นะ แต่ที่ลืมก็ไม่แปลกครับไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปีมีรู้อีกทีก็กลายเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปเสียแล้วครับ คิดแล้วก็ดีใจกับมันนะครับจากเด็กหลังห้องจะกลายมาเป็นนายตำรวจใหญ่ แต่ก็อย่างว่าไปหละครับอดีตไม่สำคัญว่าเราจะเป็นอย่างไร อนาคตสิสำคัญกว่าเป็นไหนไหน หลังจากนั้นไม่นานผมก็มาเจอวาลโดนบังเอิญจนได้ กว่าหกปีที่ไม่ได้เจอกันวาลก็ยังเป็นวาลอยู่วันยังค่ำ แถมมีเด็กน้อยน่าตาน่ารักอีกคนตามมาด้วย ผมเห็นแบบนั้นก็คิดขึ้นมาได้ว่านั้นคงเป็นลูกของเราสองคน ผมดีใจมากเลยครับ แต่ก็คิดว่าวาลจะยกโทษให้หรือเท่านะที่เคยทำให้วาลต้องเจ็บช้ำน้ำใจมากขนาดนั้นถึงยังไงก็ต้องลองดูแหละครับเพราะผมจะไม่ยอมเสียวาลไปไหนอีกแล้ว และแล้ววันที่ผมรอคอยก็เป็นจริงครับ วาลยอมรับตัวผมได้ถึงจะไม่เป็นร้อยแต่ก็ถือว่ายอมรับละนะครับ ผมสัญญานะครับว่าต่อไปเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นจะไม่มีอีกแล้วผมจะดูแลวาลและน้องวินไปจนวันสุดท้ายของชีวิตเลยครับ ผมขอสัญญา
“คุณวันนี้เป็นไงบ้าง”
“หุ้นที่เราถืออยู่ตอนนี้ก็ขึ้นเรื่อยๆครับ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น เรื่องของเรากับพีระเป็นยังไงบ้างปรับความเข้าใจกันไปหรือยัง”
“คุณชาร์ปครับไม่คุยเรื่องส่วนกับเรื่องงานนะครับ”
“ใครว่าพี่ชวนคุยเรื่องงานกันละ” ผมอมยิ้มที่ได้แกล้งน้องคนนี้จริงๆ
“เดียวผมจะฟ้องพี่วาลนะครับ”
“แหม่ มีคนช่วยละฟ้องใหญ่เลยนะเรา เอาละมาเข้าเรื่องกัน”
“ครับ”
“ที่บริษัทตอนนี้เป็นยังไงบ้างตอนที่พี่ไม่อยู่”
“ตอนนี้ก็มีผู้ถือหุ้นรายใหม่มาร่วมลงทุนกับเราหลายรายครับ แล้วก็ร้านสาขาก็จะมีงานออกแบบใหม่มาให้เราตรวจสอบดูครับ และตอนนี้ก็กำลังจะเป็นคอลเลกชั่นใหม่เลยต้องทำงานกันหนักหน่อยครับช่วงนี้ และอีกเรื่องพนักงานที่บริษัทเราขึ้นโบนัสของปีนี้ด้วยครับ”
“พี่อนุมัตินะเจ้าคุณเรื่องโบนัส”
“วาลตื่นแล้วหรือ”
“ผมแค่พักสายตาครับแต่คนที่หลับไปจริงๆก็นี้ครับ น้องวิน”
“ครับผม โอเคเอาตามที่วาลบอกเลยว่าเราจะขึ้นโบนัสปีนี้ให้พนักงานในบริษัทเราและสาขาย้อยตามเปอร์เซ็นการขาย แล้วเดือนหน้าพี่จะจัดเอาท์ติ้งของบริษัทนะ รวมร้านสาขาด้วย ไม่บังคับใครว่างก็ไปใครไม่ว่างก็ไม่ว่ากัน พี่ฝากประชาสัมพันธ์ด้วยนะคุณ”
“ได้ครับ”
“แล้วมีอีกเรื่องนะ พรุ่งนี้พี่จะเข้าประชุมบอร์ดบริหาร เราก็เข้าประชุมด้วยนะเจ้าคุณ ประชุมเสร็จพี่ก็จะกลับเลย เราก็ทำงานไปจะมีประสบการณ์ จบบริหารมาก็จริงแต่ก็ต้องมาทำงานเป็นเหมือนบอร์ดิการ์ดพี่ก็ยังไงอยู่นะ”
“ผมเต็มใจครับ ก็ถ้าไม่ได้ครอบครัวคุณชาร์ปช่วยไว้ผมก็คงเป็นเด็กเกเรติดเหล้าเมายาไปแล้วแหละครับ”
“อืม พี่ก็ช่วยได้เท่าที่จะช่วยนั้นแหละ เพราะแม่เราหลงผิดไปติดจิ๊กโก๋จากไหนก็ไม่รู้ถ้าพี่ไม่ไปเจอเราใต้สะพานวันนั้นพี่ก็คงจะไม่มีน้องดีดีแบเราจนทุกวันนี้หรอกนะ”
“ขอบคุณครับ”
“โฮเคไปทำงานได้แล้ว แล้วก็อย่าไปงอนเจ้าพีระมันมากละเดียวมันไปมีเมียน้อยจริงๆเราจะหนาวนะ”
“ก็ช่างสิครับ ลองมีดูสิผมจัดการไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยคอยดูเถอะ”
“น่ากลัวจังนะเจ้าคุณ พี่ว่าพี่พีระคงไม่มีใครหรอก คงรักเจ้าคุณมากแหละ”
“น้อยไปสิครับรายนั้นพี่วาลผมละอยากจะฆ่าให้ตายไปเลยครับ”
“ทำไมหรือ มีอะไรหรือเปล่าเจ้าคุณ”
“ก็เมื่อเดือนที่แล้วน่ะสิครับผมจับได้ว่าพี่พีระอออกไปเที่ยวโดยไม่บอกผม แล้วผมก็ไปเจอที่ผับ”
“มันก็แบบนั้นแหละคุณ ผู้ชายกับผับ เหล้ายาก็ต้องคู่กัน”
“ก็มันไม่ใช่แค่เหล้ายาน่ะสืคุณชาร์ป แต่กับมีสาวเอวบางที่ไหนไม่รู้มานั่งบนตักพี่พีระ คิดดูนะพี่วาลนัวเนียยังกะอะไรดี จะไม่ให้ผมงอนได้ยังไง”
“แล้วทำไมไม่มาถามพีตรงๆละคุณหมู”
“เข้ามาได้ไง ใครอนุญาต” ผัวง้อเมียครับงานนี้
“ก็เดินมาเปิดประตูแล้วก็เข้ามาเลยไงค่ะคุณหมู”
“ไม่เคาะประตูเลยไง ไร้มารยาทสิ้นดี”
“ถ้าเคาะก็ไม่เซอร์ไพส์ไงค่ะ”
“ใครจะอยากเซอร์ไพส์ด้วยละ”
“คุณหมูฟังก่อนได้ไหมครับ”
“มีอะไรจะแก้ตัวก็พูดมา” น้องผมมันร้ายครับ งอนใครงอนนานครับ ผมเคยโดนงอนมาแล้วครั้งหนึ่ง ง้อเกือบตายสุดท้ายก็ดีกัน เพราะวาลเป็นคนพูดให้ครับ
“พี่ไม่มีอะไรจะแก้ตัว ตอนนี้ที่ไปผับพี่ไปเพราะรู้สึกไม่ค่อยดีเลยออกไปหาอะไรดื่มนิดหน่อย แต่เรื่องผู้หญิงพี่ไม่ได้คิดอะไรกับเธอคนนั้นเลย และพี่ก็มารู้ทีหลังว่าหล่อนเป็น...”
“เป็นอะไร”
“เป็นเลขาของชาร์ปพี่ชายนายไง”
“ทำไมรินถึงไปยุ่งกับนายได้ละ” ผมนี้งงเลยครับ รินบอกว่าไม่ชอบเที่ยวกลางคืนนิ แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วละครับว่าเธอโกหกทั้งหมดเลย
“ก็เจ้าหล่อนออกไปหาเสี่ยขี้เมาเพื่อขายให้คนพวกนั้นไง แล้วนายคิดว่าฉันจะยุ่งกับเธอหรือ ไม่มีทางเพราะฉันมีเจ้าคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ วันนี้ต้องเข้าประชุมบอร์ด ขอตัวนะครับ” แล้วเจ้าคุณก็เดินออกไปจากห้องพักของวาล วาลเองก็อมยิ้มนิดๆครับ คงรู้แหละครับว่าเจ้าคุณใกล้หายโกรธแล้ว แต่ทำเป็นกลบเกลื่อนไปอย่างนั้นเอง
“ตามไปสิ”
“รีบตาไปสิครับพี่พีระ เดียวก็หายครับ เชื่อผมสิครับ” วาลยิ้มสดใส มองแล้วทุกอย่าช่างดูสดใสเสียจริงๆนะครับ คิดถึงช่วงเวลาที่เรามีความสุขด้วยกันแบบเมื่อวันวานจังนะคิดถึงรอยยิ้มที่สดใสแบบนี้ไม่ได้เห็นมานานวันนี้ก็ได้เห็นอีกครั้ง และคงได้เห็นตลอดไปแหละครับ
“เออๆ ไปละ พี่ไปก่อนนะวาน เดียวจะไม่ทันการกลับมางอนพี่อีก ฉันไปละไว้เจอกันใหม่นะว่าที่พี่เขย”
“ไอ้พีระ”
“หึหึ”
“แอบหัวเราะพี่หรือเรา” หลังจากที่พีระออกไปผมก็ได้ยินคนกลั้นขำใกล้ๆผมครับ มันน่านักนะ
“เปล่าเสียหน่อยนะครับ”
“เปล่าก็เปล่าครับ ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่พี่จะทำโทษเราแน่นอน”
“วาลทำไรผิด ไม่มีนะครับ ทำโทษไม่ได้นะครับ”
“ได้สิ ถ้าพี่จะทำ”
“น่ากลัวจัง”
“เถียงได้ขนาดนี้คงหายแล้วละสิ งั้นกลับบ้านวันนี้เลยไหมละ”
“โอ๊ย ปวดหัวจังเลย คริคริ”
“อย่ามาตีเนียนนะเรา เดียวจะโดนไม่ใช่น้อย”
“ไม่แกล้งแล้วครับ” แล้ววาลก็ยิ้มสดใสมาให้ รอยยิ้มที่ผมปรารถนาที่อยากจะเจอมานานแรมปี
“หายโกรธพี่แล้วใช่ไหมครับ”
“จะว่ายังไงดีละครับมันหายก็หายละมั่งครับ ถ้าจะโกรธก็คงยังมีบ้างครับ รอยร้าวที่เตรียมจะแตกมันก็ยังคงเป็นรอยร้าวอยู่”
“พี่ขอโทษกับทุเรื่องที่ผ่านมา และก็ขอโทษในสิ่งที่พี่ทำลงไปในวันนั้น วันที่พี่ต้องเลือกเพื่อหน้าตาทางสังคมจอมปลอมกับทางแยกของความรักของเรา”
“เรื่องมันผ่านมาก็นานแล้วครับ”
“แต่พี่ก็ยังอยากจะขอโทษเรานะ ขอโทษนะครับ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม กลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นของเรา”
“ได้สิครับ เพราะยังไงพี่ก็คือพ่อของน้องวิน” ไม่รู้น้ำตามันมาจากไหนครับ ไหลเป็นทางเลย ลูกผู้ชายอกสามสอกกลายเป็นเด็กน้อยอกวาเดียวไปแล้วครับ
“ไม่เอาไม่ร้องสิครับ ไม่อายน้องวินหรือไงครับ”
“พี่ไม่อายครับ ถึงน้องวินจะเห็นพี่ร้องไห้ พี่ก็จะบอกกับลูกว่าเป็นน้ำตาแห่งความปีติยินดีครับ” ผมร้องไห้โดยมีมือของวาลค่อยปลอบอยู่ไม่ห่าง ความอุ่นนี้ ความห่วงใยนี้ สิ่งที่ผมเคยทิ้งไปตอนนี้ได้กลับมาหาผมอีกครั้ง ผมจะไม่ให้ความสุขนี้หายไปเป็นอันขาดครับ
“ป๊ะป๊าร้องไห้ทำไมครับ”
“ป๊ะป๊าดีใจครับ ป๊ะป๊า อึก ดีใจที่แม่ครับของน้องวินให้อภัยป๊ะป๊าแล้ว”
“โอ๋ โอ๋ ไม่ร้องนะครับ เดียวน้องวินปลอบ ไม่ร้องแล้วนะครับ” นี้สินะความรักของครอบครัวที่แท้จริง ผมไม่ได้รับความรักแบบนี้มานานแล้ว ต่อไปผมจะปกป้องพวกเขาไม่ให้หายไปไหนอีกต่อไปเลยครับ ผมสัญญาด้วยเกียรติของประธานบริษัทจิลเวลของผมเลยครับ
15 ปีต่อมา
“มัมมี่ครับ วันนี้เราจะไปรับพี่วินหรือเปล่าครับ”
“ไปครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่าครับ น้องไวน์แค่คิดถึงพี่วินครับ ไม่เจอันตั้งนานเลย”
“อายุ 15 แล้วนะเรา ติดพี่ยิ่งกว่าอะไรดี”
“ก็น้องไวน์คิดถึงพี่วิน ป๊ะป๊าก็ให้พี่วินไปเรียนไกล น้องไวน์งอนป๊ะป๊าแล้วด้วย”
“งอนป๊ะป๊าเลยหรือครับ ถ้าป๊ะป๊ามางอนน้องไวน์จะหายโกรธไหมครับ”
“น้องไวน์ไม่ยอมหายโกรธป๊ะป๊าง่ายๆหรอกครับ มัมมี่ก็ต้องอยู่ข้างน้องไวน์ด้วยนะครับ”
“ได้ครับ มัมมี่อยู่ข้างน้องไวน์อยู่แล้ว ง่วงยังเราดึกขนาดนี้แล้วนะ”
“ยังครับ น้องไวน์ไม่ง่วง น้องไวน์อยากไปหาพี่วิน น้องไวน์คิดถึง”
“ครับๆไม่ง่วงก็ไม่ง่วง แต่ถ้าใครหลับก่อนคนนั้นอดกินข้าวแกงกะหรี่เนื้อนะครับ”
“น้องไวน์ไม่ง่วงแน่นอนครับ สัญญาเลย” รถคนสวยวิ่งไปตามถนนมุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อที่จะไปรับน้องวินที่โดนพี่ชาร์ปส่งไปเรียนที่ประเทศอเมริกา แต่น้องวินก็เต็มใจไปเพราะต้องไปเรียนเพื่อกลับมาบริหารบริษัทต่อหลังจากที่เจ้าคุณบอกว่าจะไม่บริหารแล้ว เพราะต้องไปอยู่กับพี่พีระที่ต่างประเทศ หน้าที่ผู้บริหารคนต่อไปก็ตกมาเป็นน้องวินครับ แต่วันที่จะไปน้องไวน์ก็ไม่ยอมให้พี่ชายของตัวเองไป เพราะความติดพี่ก็อายุห่างกันตั้ง 6 ปี ตอนนี้น้องวินก็ 21 แล้ว จบพอดี และก็มีกำหนดมาถึงไทยวันนี้ตอนเที่ยงคืนของวันนี้ด้วย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ารถจะเงียบไปนะครับ หันไปมองอีกที นั้นไง ใครบอกไม่หลับกันละนั้น ให้ถึงสนามบินก่อนจะถ้ารูปไว้แบล็คเมล์ การได้แกล้งลูกเป็นอะไรที่สนุกมาเลยนะครับ
“แม่ครับทางนี้ครับ”
“น้องวิน คิดถึงจังเลย”
“ผมก็คิดถึงแม่ครับ อ้าวแล้วไวน์ละครับ”
“หลับอยู่ในรถนะ ดูสิลูกแม่โตเป็นหนุ่มหล่อแล้ว ตัวสูงกว่าแต่ก่อนหรือเปล่าครับ”
“ก็อาหารที่โน่นมีแต่แป้งและเนื้อนิครับ”
“อาการแพ้เนื้อหายดีแล้วหรือเรา”
“ก็หายดีแล้วครับ ได้ยาดีจากหมอที่โน่นนั้นแหละครับ ป๊ะป๊าจัดการให้หมดเลยครับ”
“ดีแล้วละ แม่ละเป็นห่วงจริงๆ เละกลับกันดีกว่านะ อยู่นานกว่านี้เดียวจ้าตัวดีจะตื่นมาโวยวายแม่เอา”
“มัมมี่ มัมมี่อยู่ไหน”
“พูดไม่ทันขาดคำเลยนะครับแม่”
“นั้นสิ พูดไม่ทันขาดคำเลย” ได้แต่ยืนหัวเราะกับน้องวินที่เกททางออก
“พี่วิน”
“น้องไวน์ไม่วิ่งครับเดียวล้มนะ น้องวินไปรับตัวน้องหน่อยสิ เดียวก็ล้มขึ้นมาจริงๆหรอก ยิ่งไม่ระวังอะไรอยู่ด้วย”
“ครับผม” แล้วน้องวินก็วิ่งไปหาน้องชายอันเป็นที่รักของตัวเองโดยที่มีคนเดินไปมาและหยุดเดินดูเหตุการที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“น้องไวน์ไม่วิ่งครับ เดียวพี่วินวิ่งไปหาเองครับ” น้องวินวิ่งไปโดนมองแต่น้องไวน์โดนไม่ทันมองคนที่เดินมาข้างหน้า เลยชนเข้าอย่างจัง
“อ่ะ ขอโทษครับ”
“น้องวิน/พี่วิน” ผมวิ่งไปหาลูกชายคนโตของผมครับ
“ไม่เป็นไรครับผมไม่ทันมองครับว่าจะมีคนเดินออกมา”
“ยังไงก็ขอโทษด้วยแล้วกันนะ...”
“พี”
“วิน”
“คิดถึงที่สุดเลย ที่รักของผม”
“พีก็คิดถึงวินเหมือนกัน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“อ้าว น้องพี”
“สวัสดีครับแม่วาล”
“พี่พี น้องไวน์คิดถึงจังเลย”
“อ้าวแล้วพี่ละไวน์”
“ไวน์คิดถึงพี่พีมากกว่า”
“งอนแล้วนะ”
“งอนไปสิ คริคริ”
“เอาละเด็กๆ กลับกันดีกว่าดึกแล้ว แล้วพีละใครมารับครับ”
“คุณพ่อครับ แต่ยังไม่เห็นมาเลยพีรอนานมากแล้วจนคิดว่าจะกลับเองแล้ว”
“กลับกับแม่ไหมละครับ”
“ดีเลยครับ พี่พีห้ามปฏิเสธนะ น้องไวน์ไม่อนุญาต แล้วก็มานั่งกับน้องไวน์ด้วย”
“เอาอย่างนั้นเลยหรือครับ โอเค ได้ครับ”
“ไปกันครับทุกคน” แล้วเราทั้งสี่คนก็เดินกลับไปที่รถเพื่อที่จะกลับบ้านกันครับ แล้วน้องพีก็โทรบอกคนที่บ้านว่าจะไปนอนที่บ้านของผมโดยนอนห้องนอนวินครับ เพราะแฟนเขาจะได้อยู่ด้วยกัน
เอาละครับผมและลูกๆก็ขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ