“อยากกลับแล้วเหรอครับ?”
“ก็ไม่เชิง ออกมาข้างนอกบ้างก็ดีเหมือนกัน” ฟ่งว่า และถอนหายใจยาว
“นี่รูฟัส ผมน่ะบางทีก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ ก่อนหน้าจะพบคุณผมก็แค่ผู้ชายหนีรักคนหนึ่ง แต่ว่าหลังจากนั้น ผมกลายเป็นคนที่ทำงานให้กับมาเฟีย ถูกไล่ล่า แล้วก็ถูกลักพาตัว”
ผู้ถูกพาดพิงยิ้มแห้งๆ นี่ฟ่งกำลังจะกล่าวโทษเขารึเปล่านะ รูฟัสยอมรับว่าเขามีส่วนในความเดือดร้อนของฟ่งอยู่มากมายจริงๆ
“แต่ผมไม่ได้โทษคุณหรอกนะ คุณคงไม่ได้ไปเจาะจงให้คนพวกนั้นมาเลือกผมไปทำงาน ความจริงผมอาจจะต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีคุณมาเกี่ยวข้อง ผมอาจจะไม่รอดก็ได้”
รูฟัสเกาศีรษะอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” เขาพูด รู้สึกตัวเองช่างดูงี่เง่าไปถนัด เหตุการณ์ทุกอย่างแทบจะเกิดต่อหน้าแท้ๆ แต่ตัวเขาเองกลับไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งเมื่อเช้านี้
“มันก็เหมือนคุณทำโดยไม่รู้ตัวนั่นแหละ จะว่าไปมันก็บังเอิญอย่างซับซ้อนเหมือนจงใจเลยนะ เฟิงปิงลักพาตัวผมในวันที่ผมคิดว่าตัวเองจะถูกฆ่าพอดี คืนนั้นผมคิดว่าคนที่นั่งรออยู่คือคุณเสียอีก”
รูฟัสยกมือขึ้นลูบหน้า ยิ่งพูดเหมือนยิ่งตอกย้ำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเซ่อซ่า
“ผมรู้ว่าเฟิงปิงจะไปพบคุณก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที” หนุ่มตาสองสีเริ่มเล่า ฟ่งหันมามองเขาอย่างสนใจ
“ผมพบกับลูกน้องของเขา ผมเลยรีบกลับไปหาคุณ แต่ผมไม่รู้เลยว่าคุณถูกตามฆ่าด้วย”
ฟ่งถอนหายใจอีกครั้ง “ผมกลัวจริงๆ วันนั้นเป็นวันที่ผมส่งงานชิ้นสุดท้าย ผมไปงานเลี้ยงรุ่น เกาะแจอยู่กับเพื่อน และขอให้คุณมารับตอนที่กลับ ตอนที่มาถึงผมยังนึกกลัวๆ อยู่ว่า ถ้าคุณยังไม่มาจะเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่กลายเป็นว่าผมถูกมาเฟียฮ่องกงลักพาตัวมาแทน”
หนุ่มนัยน์ตาสองสีกลืนน้ำลาย ถ้าเว่ยเฟิงปิงไปช้ากว่านั้น ฟ่งจะเป็นยังไงบ้างนะ หรือว่าเจ้าหนูตางูนั่นรู้อะไรอยู่ แต่ดูจากท่าทีของเว่ยเฟิงปิงแล้ว เหมือนจะไม่รู้ว่าฟ่งเกี่ยวข้องกับแผนการลับสุดยอดนั่น เพราะถ้าคนอย่างเจ้าเด็กนั่นรู้ คงไม่ปล่อยกลับมาง่ายๆ แบบนี้แน่ อย่างนั้นทั้งหมดเป็นความบังเอิญอย่างเหลือเชื่องั้นหรือ
“มันบังเอิญอย่างน่าตกใจใช่ไหมล่ะ” ฟ่งว่า เขามองหน้ารูฟัสและพูดต่อ
“แล้วคุณก็ตามไปช่วยผม พาผมมาที่นี่ ผมเกือบจะกลับเมืองไทยไปแล้ว แต่ว่าก็ยังอยู่ที่นี่ต่อ แล้วพอเมื่อเช้าผมก็ได้รู้ว่าผมกลายเป็นส่วนหนึ่งในงานของคุณด้วย นี่รูฟัส ถ้าคุณรู้ว่าผมเป็นคนทำแปลนนั่นแต่แรก คุณจะทำยังไงกับผม?”
ร่างแกร่งถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นมองผู้ถาม และคลี่ยิ้ม
“ผมคงไม่รู้หรอกครับฟ่ง หรือจะพูดให้ตรงกว่านั้น ถ้าคุณไม่เดินมาบอกผม ถึงจะเขียนมันต่อหน้า ผมก็ยังไม่อยากจะรับรู้อยู่ดี ผมไม่อยากให้คุณมายุ่งกับเรื่องแบบนี้เลย”
“แต่ผมยุ่งไปแล้วนี่” ฟ่งว่า และผุดลุกขึ้น
“ผมน่ะ งี่เง่าและเอาแต่ใจมากเลยนะ บางทีอาจจะทำอะไรบ้าๆ บอๆ ลงไป ผมไม่ค่อยจะได้คิดหรอกว่าจะทำให้ใครเขาเสียใจแค่ไหน จนเวลาผ่านไปนั่นแหละ”
“อา..” รูฟัสคราง และลุกขึ้นบ้าง เขาเดินเข้าไปใกล้ฟ่ง ชายหนุ่มสวมแว่นเงยหน้าขึ้นมามองเขาแวบหนึ่ง
“ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้นะ” ร่างบางกล่าว และเขย่งตัว แตะริมฝีปากเบาๆ ลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย รูฟัสยกมือขึ้นลูบริมฝีปากของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ เขามองหน้าฟ่งที่ก้มลงหลบสายตา
“กลับกันเถอะ” อีกฝ่ายว่า และก้าวเท้าออกไป
------------------------------------
“พวกแกไปฮันนี่มูนกันที่บาลาตอนหรือไง”
นั่นเป็นประโยคแรกที่ราฟาแอลเอ่ยขึ้นเมื่อรูฟัสโผล่หน้าเข้ามาในบ้าน ผู้มีนัยน์ตาสองสีขมวดคิ้ว และเสือกโต๊ะไฟใส่หน้าเพื่อนร่วมงาน
“เฮ้ๆ ระวังหน่อยสิ” ราฟาแอลบ่น รูฟัสวางโต๊ะไฟลงกับพื้น โดยมีฟ่งยกเก้าอี้เดินตามมาติดๆ
“คุณน่าจะช่วยบ้าง แทนที่จะมาพูดจากระแนะกระแหนแบบนี้” รูฟัสกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก หนุ่มผมสีบลอนด์ยักไหล่
“ไม่ได้กระแนะกระแหนเสียหน่อย” ราฟาแอลว่า แต่ก็เดินไปรับเก้าอี้จากฟ่ง หนุ่มสวมแว่นกล่าวขอบคุณออกมาหลายครั้ง และเขาก็ต้องสะดุดเมื่อเห็นชายอีกคนหนึ่งเดินออกมาจากในครัว
“How about you? Enjoin with him?”
ฟ่งอ้าปากด้วยความแปลกใจ เขาหันหน้าไปมองรูฟัสที่กำลังย่นคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ตกลงคุณรู้จักกันจริงๆ ?” ร่างบางเอ่ยถาม หนุ่มตาสองสีพยักหน้า ฟ่งมองกลับไปยังชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่เขาเจอที่ทะเลสาบ ซึ่งตอนนี้กำลังฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“Well, Just like I think, you’re here.” รูฟัสเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ หนุ่มผมสีน้ำตาลยักไหล่
“นายเล่นพ่นภาษาฮังกาเรียนใส่ฉันไม่ยั้งตอนที่อยู่ทะเลสาบ คิดบ้างไหมว่าฉันจะถูกคนอื่นมองยังไง”
“ก็คิดแบบนั้นถึงได้พูดออกไปไง” รูฟัสตอบ และพูดต่อ
“ทำไมถึงโผล่มาไวนัก ฉันคิดว่านายจะทำงานอยู่ที่ฐานเสียอีก”
ผู้ถูกถามยักไหล่ และหันไปมองราฟาแอลที่ทำหน้าเหมือนบอกบุญไม่รับ
“ฉันก็แค่มาเดินเล่น” เขาว่า รูฟัสทำหน้าแบบเดียวกับราฟาแอล
“นายคงไม่มาเดินเล่นที่บาลาตอนแล้วเจอฟ่งโดยบังเอิญหรอก” ผู้มีนัยน์ตาสองสีตั้งข้อสังเกต ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหัวเราะ
“ฉันอยากเจอเด็กนาย” เขาว่า ฟ่งมองหน้าคนทั้งหมดอย่างงุนงง เขาฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ที่แน่ๆ บทสนทนามีบางส่วนพาดพิงถึงเขาอยู่
“คนนี้เป็นใครหรือ?” ฟ่งหันไปถามราฟาแอล เพราะคิดว่าถ้าถามรูฟัสอาจจะไม่ได้รับคำตอบที่ตรงนัก หนุ่มผมสีบลอนด์ยักไหล่
“หมอนี่เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเรา ชื่อรัสเลอร์”
“ฉันบอกเขาไปว่าชื่อคาร์ล” รัสเลอร์ว่า และยิ้มให้ฟ่ง “ดีใจที่ได้พบคุณอีกนะครับ”
ฟ่งยิ้มตอบแห้งๆ นึกสงสัยว่าคนพวกนี้จะต้องโกหกแม้กระทั่งชื่อตัวเองอยู่ตลอดเวลาหรือไง ในขณะที่รูฟัสมีสีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด
“นายน่าจะใช้ชื่อว่ารัสตี้ (สนิม) มากกว่านะ” รูฟัสว่า ได้ยินเสียงอีกฝ่ายครางออกมา
“โถ พ่อรูฟัส มีแฟนแล้วปากคอยิ่งโหดร้ายขึ้นเหรอเนี่ย” รัสเลอร์ว่า และแสร้งทำหน้าหวาดกลัว ราฟาแอลกะพริบตาปริบๆ พลางนึกว่าทำไมบ้านของเขาถึงต้องมีไอ้บ้าหลายตัวมาอยู่รวมกันด้วย รูฟัสถอนหายใจ
“นายโผล่หัวมาที่นี่ทำไม ไหนว่าตีความแปลนไม่ออกไง”
“อืม ตีไม่ออก เขียนได้สุดยอดมาก เรียกว่าผลงานที่ลอดสายตาพระเจ้ามาเลยก็ยังได้W รัสเลอร์ตอบ และหันไปมองฟ่ง
“ไม่คิดเลยว่าคนเขียนจะเป็นหนุ่มเอเชียน่ารักๆ แบบนี้”
รูฟัสทำหน้ายุ่ง ในขณะที่ราฟาแอลก็ทำหน้ายุ่งด้วย
“นายเป็นพวกรสนิยมวิปริตด้วยหรือไง” ราฟาแอลว่า รัสเลอร์เลิกคิ้ว
“ไม่หรอก แต่ตอนนี้ฉันเริ่มหันมาสนใจแล้วเหมือนกัน โดยเฉพาะคนเอเชียแบบนี้”
หนุ่มผมสีบลอนด์ย่นคิ้วทันที ในขณะที่รูฟัสก้าวมาบังตัวของฟ่งเอาไว้
“ไม่ต้องหึงขนาดนั้น ฉันแค่หยอกเล่นน่า” รัสเลอร์ว่า เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมงาน รูฟัสมองอย่างไม่ไว้ใจ
“นายเพิ่งรู้ว่าเรามีตัวคนเขียนแปลนเมื่อเช้า แล้วนายโผล่หัวมาอยู่ที่นี่ได้ไงในตอนบ่าย” หนุ่มตาสองสียังคงตั้งข้อสังเกตต่อ
“อ้อ... ก็เพราะว่าฉันอยู่แถวนี้อยู่แล้วน่ะสิ จริงๆ คือฉันกะจะมาช่วยพวกนายงม แต่ว่าตอนนี้เจอตัวคนเขียนแล้วนี่”
“งั้นนายก็กลับไปได้แล้ว” ราฟาแอลว่า รัสเลอร์หันไปมองเขาด้วยสายตาเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“พอไม่มีประโยชน์ก็เฉดหัวทิ้งเลยเหรอ ฉันอุตส่าห์มาช่วยพวกนายด้วยจิตใจบริสุทธิ์แท้ๆ “ เขาคราง หนุ่มผมสีบลอนด์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ
“แต่ฉันยังกลับไม่ได้หรอก มีสองหัวดีกว่ามีหัวเดียวใช่ม๊า ได้ยินว่าต้องใช้เวลาแยกและทำความเข้าใจนานด้วยนี่ ให้ฉันช่วยสิ” รัสเลอร์ยื่นข้อเสนอ รูฟัสหันไปมองหน้าราฟาแอล
“นี่คุณเล่าทั้งหมดให้หมอนี่ฟัง?”
ราฟาแอลพยักหน้าอย่างรู้สึกผิด “ฉันคิดว่ามันอาจจะเร็วขึ้น แต่ก็นั่นแหละมันเป็นความคิดที่ผิดอย่างที่สุด” หนุ่มผมสีบลอนด์ว่า และคนฟังก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันที
“เอาล่ะครับ คุณรัสเลอร์ เรามีคนตีความแบบแปลนแล้ว และงานของคุณก็คงจะยุ่งมาก ดังนั้น.... คุณกลับไปทำงานดีกว่า”
“ไม่เลย ฉันไม่ยุ่งสักนิด” รัสเลอร์ตอบ ทำหน้าสำราญใจเต็มที่ “เบื้องบนอนุญาตแล้ว ให้ฉันมาช่วยพวกนายได้เต็มที่ อย่างต่ำๆ ก็สามวัน”
“สามวัน!!” รูฟัสและราฟาแอลร้องพร้อมกัน รัสเลอร์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“น้อยไปหรือไง?” เขาว่า ทั้งคู่สั่นศีรษะ
“มากไปต่างหาก!”
หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มทำหน้ามุ่ย และหันไปพูดกับฟ่ง
“ไปคุยกันข้างบนดีไหมครับ ผมเองเป็นสถาปนิกเหมือนกัน” เขาว่า และยกโต๊ะไฟขึ้นโดยไม่เอ่ยปากถามอะไรอีก ฟ่งทำหน้าเลิกลั่ก หันกลับไปมองรูฟัส และหันไปมองรัสเลอร์ที่เดินถือโต๊ะไฟขึ้นไปด้านบน ก่อนจะตัดสินใจยกเก้าอี้เดินตามขึ้นไป
“แฟนนายว่าง่ายดีนะ” ราฟาแอลว่า รูฟัสทำหน้าย่น
“ใจดีหรือว่าซื่อเกินไปล่ะมั้ง” หนุ่มนัยน์ตาสองสีตั้งข้อสังเกตและหันไปมองเพื่อนร่วมงาน
“ทำไมไอ้หมอนั่นถึงโผล่มาในตอนนี้ได้”
ราฟาแอลยักไหล่ “ไม่รู้ ไอ้พูดว่ามาช่วยเราก็อาจจะจริงครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งอาจจะเพราะคำสั่งลับของ”เบื้องบน”ก็ได้ ถ้ามองให้แย่คือ”เบื้องบน”ของเจ้านั่นอาจจะไม่รู้สึกไว้ใจเราเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก”
“ให้ตายสิ ผมว่าเราทำงานให้”เบื้องบน”ของเจ้านั่นมาหลายงานแล้วนะ ทำไมถึงไม่เชื่อใจกันบ้าง ผมว่าเพราะไอ้หมอนี่แหละที่จะทำให้เรารู้สึกไม่น่าไว้ใจ”
ราฟาแอลพยักหน้า “ฉันก็ว่างั้น แต่ทำไงได้ สองหัวดีกว่าหัวเดียวน่ะ อีกอย่างแค่สามวัน...”
“แค่สามวัน” รูฟัสย้อน และเริ่มมีสีหน้าประสาทเสีย “คราวที่แล้ววันเดียวงานเราก็แทบจะเละไม่เป็นท่า ไม่เข้าใจเลยว่า”เบื้องบน”คิดอะไรอยู่ ไม่เคยรู้เลยหรือไงว่างานภาคปฏิบัติของไอ้หมอนี่มันห่วยแตก”
ราฟาแอลมีสีหน้าประสาทเสียตามอย่างเห็นได้ชัด
“แกกำลังทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่ไม่อยากจะนึก แล้วจะทำไงดี?”
รูฟัสหันไปมองบันได และนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
“คงต้องทนสามวัน แต่จะปล่อยไอ้บ้านั่นไว้กับฟ่งนานๆ ไม่ได้แน่”
“เห็นท่าแล้วฉันไม่อยากเชื่อว่ามันตั้งใจมาทำงานเลย” ราฟาแอลแสดงความเห็นด้วย แล้วทั้งคู่ก็เดินตามขึ้นไปด้านบน
-----------------------------------
“คุณเป็นเพื่อนกับรูฟัสหรอ?” ฟ่งถามขณะช่วยรัสเลอร์กางโต๊ะ เขาไม่แน่ใจนักว่าการเดินตามขึ้นมาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ว่าจะให้คนแปลกหน้าแบกโต๊ะไฟของตัวเองขึ้นไปให้เฉยๆ คงไม่เหมาะควรนัก รัสเลอร์พยักหน้า
“จะเรียกว่าแบบนั้นก็ได้ บางทีก็เหมือนผู้ตรวจการ” เขาตอบ และหันไปมองหน้าฟ่ง
“แล้วคุณล่ะ เป็นแฟนกับหมอนั่นจริงๆ เหรอ?”
ฟ่งเบิ่งตากว้างอย่างแปลกใจ ผู้ถามโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ช่างเถอะ ที่ทะเลสาบผมก็เห็นกับตาอยู่ จริงๆ ตอนแรกที่รู้ว่ารูฟัสหนีงานตามผู้ชายไป ผมยังคิดว่าเด็กที่ทำให้เจ้านั่นเป็นบ้าคงต้องน่ารักขนาดเห็นแล้วตายกันไปคนละข้าง”
“ขอโทษที่เป็นผมนะ” ฟ่งว่า และรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา รัสเลอร์จุ๊ปาก
“ไม่ได้พูดสักหน่อยว่าคุณไม่น่ารัก แค่ผิดอิมเมจไปนิด ปกติหมอนั่นจะชอบแบบตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าตาจิ้มลิ้มหน่อยๆ แต่เอาเถอะ ใช่ว่าสเปกคนเราจะเหมือนเดิมไปเสียทุกครั้งนี่นา”
ฟ่งย่นคิ้ว ตกลงเจ้านี่คิดจะด่าเขาทางอ้อมหรือเปล่านะ
“ถ้าผมทำให้คุณไม่พอใจก็ขอโทษทีนะ ถึงจะผิดอิมเมจที่วาดไว้ก็เถอะ แต่ว่าคุณก็ถูกสเปกผมนะ” รัสเลอร์พูดอย่างร่าเริง ขณะที่ฟ่งทำหน้าไม่ถูก
“ผมลงไปข้างล่างล่ะ” หนุ่มสวมแว่นว่า และทำท่าจะเดินออกไป อีกฝ่ายรีบรั้งมือของเขาไว้
“เดี๋ยวสิ ยังคุยกันไม่จบเลย”
ฟ่งหันกลับมาและดึงมือออกทันที รัสเลอร์ยักไหล่
“คุณเป็นคนเขียนแปลนนี่สินะ” เขาว่า และล้วงเอาก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ มาวางบนโต๊ะ และกดลงไปเบาๆ ลำแสงสีต่างๆ ฉายภาพแบบแปลนขึ้นไปโดยใช้อากาศเป็นฉาก ฟ่งเบิ่งตากว้าง เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสเห็นเทคโนโลยีภาพโฮโลแกรมของจริง และก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเครื่องฉายโฮโลแกรมขนาดเล็กแบบนี้
“ผมคิดว่ามีอยู่แต่ในหนังเสียอีก” ชายหนุ่มพูดขึ้น และมองดูมันอย่างพิศวง
“ของเก่าเก็บแล้ว ไม่ค่อยมีใครอยากใช้หรอก” รัสเลอร์ว่า และกดมือลงไปอีกครั้ง แล้วเอามันเก็บใส่กระเป๋าเหมือนเดิม
“ภาพมันขยายไม่ได้ น่าจะมีงบอีกสักหน่อยเพื่อทำเลนส์เพิ่ม” เขาบ่น ฟ่งเกาศีรษะ แล้วตกลงหมอนี่จะเอาเจ้าเครื่องนั่นขึ้นมาทำไมกันนะ
“มาว่าเรื่องแปลนต่อดีกว่า คุณมีตัวก๊อปปี้ติดมารึเปล่า?”
ฟ่งสั่นศีรษะ
“รูฟัสมี” เขาว่า รัสเลอร์ยิ้มอย่างร่าเริง
“งั้นเราไปหารูฟัสกัน”
“อยู่นี่แล้ว” ผู้ถูกเอ่ยถึงส่งเสียง ฟ่งหันกลับไปมองอย่างดีใจ และพบว่าอีกฝ่ายหน้าบูดเป็นตูด แต่ในมือยังถือแปลนก๊อปปี้อยู่
“เอาไปแหกตาดูได้เลย ฉันขอตัวฟ่งสักประเดี๋ยว” เขาว่าและโยนแปลนลงไปบนโต๊ะ ก่อนจะจูงมือฟ่งออกมา
“มีอะไรเหรอครับ?” ฟ่งถามอย่างสงสัย รูฟัสทำหน้าปั้นยาก
“คือต้องขอโทษจริงๆ ผมไม่คิดว่าเขาจะมาปักหลักแบบนี้”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “ทำไมล่ะ คุณพูดเหมือนเขาแย่มาก”
“ก็แย่อยู่” รูฟัสกล่าวออกไปตรงๆ ฟ่งทำหน้าสงสัย
“ยังไงหรือ?”
คราวนี้หนุ่มตาสองสีหันหน้ามามองเขาด้วยความแปลกใจบ้าง
“คุณไม่รู้สึกเลยรึ?”
ฟ่งนิ่งไปพักหนึ่ง เอียงคออย่างใช้ความคิด และพูดตอบ
“เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนี่.. แต่อาจจเป็นคนแปลกๆ สักหน่อย”
รูฟัสถอนหายใจ “เอาเถอะครับ ถ้าคุณรับได้ก็ดี เพราะว่าคุณอาจจะต้องวุ่นวายกับเขาสักสองสามวัน”
“เฮ้ๆ นินทาฉันอยู่ใช่ไหม?” รัสเลอร์เปิดประตูและตะโกนข้ามมา พลางโบกแบบแปลนในมือ
“ฟ่ง มาหาผมหน่อยสิ ผมอยากรู้ตรงนี้”
ฟ่งหันหน้ากลับมามองรูฟัส และเห็นราฟาแอลเดินมาด้านหลัง
“ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ซวย” ราฟาแอลพูดขึ้นบ้าง เสียงรัสเลอร์ดังขึ้นขึ้นอีก สองหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง
“คุณไปเถอะ” รูฟัสว่า เขามองหน้าฟ่งอย่างตั้งใจ และพูดต่อ
“แต่ถ้าคุณรู้สึกทนไม่ไหว ให้ชกหน้าหมอนั่นแล้วออกมาเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจพวกผม”
ฟ่งทำหน้าแปลกกับคำแนะนำที่ได้รับทันที ราฟาแอลถอนหายใจ
“ทำอย่างที่เธออยากทำ แต่ฉันแนะนำว่าให้ต่อยปาก”
ร่างบางขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ด้วยไม่คิดว่าคำแนะนำแบบสองภาษาจะมาใกล้เคียงกันได้อย่างน่าตกใจ
-----------------------------------------