“ถ้ามีอะไรสักอย่างในชีวิตของกูที่กูจะเรียนรู้ได้นะ ถ้ามีแค่ช่วงเวลาใดสักช่วงหนึ่งในชีวิตที่ทำให้กูได้เรียนรู้ และถ้ามีสิ่งๆนั้นที่กูสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองจริงๆ ไอ้ทั้งหมดนั้นก็คงเป็น เมื่อตอนที่กูอยู่มอหกนั่นแหละ...........” มันหยุดมองหน้าของผม
“กูเชื่อมาตลอดว่าคนเรามันก็ใช้ชีวิตไปตามปกติอย่างเดิมทุกๆวันเป็นเรื่องธรรมดา และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่สิ่งปกติธรรมดาที่เราทำอยู่ในทุกๆวัน มันอาจจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาสำหรับคนอื่นๆ หรือ คนๆหนึ่งก็ได้ มึงเข้าใจที่กูพูดมั๊ย”
ผมพยักหน้าช้าๆ
“แต่ตอนนั้นกูรู้เลยว่า ถ้าเรามองให้ลึกลงไปอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น นิดเดียวจริงๆ ว่าในระหว่างที่เราใช้ชีวิตธรรมดาๆของเราอยู่นั้น เราอาจจะเผลอไปทำให้ชีวิตของใครคนอื่นผิดไปจากธรรมดาโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจได้.......” ไอ้ซันเว้นช่วง “ในช่วงที่กูใช้ชีวิตของกู กูหัวเราะ และพูดคุยอย่างปกตินั้น” มันเปลี่ยนสรรพนามจากคำว่า เรา มาเป็น กู แสดงความเจาะจงยิ่งขึ้น “คำพูดของกู มันอาจจะไปทำให้รอยยิ้มของใครคนหนึ่งสูญหายไปโดยที่กูไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้น และเมื่อรู้ตัวอีกทีว่ากูเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาคนนั้นไม่มีรอยยิ้มและต้องจมอยู่กับความเศร้า มันก็สายเกินไปซะแล้ว หลายครั้งที่กูอยากจะแก้ไขสิ่งที่กูทำลงไป แต่กูก็ได้เรียนรู้มาอีกว่า คนเราต่อให้พยายามแค่ไหนก็แก้ไขสิ่งที่ทำลงไปแล้วไม่ได้ไม่ว่ามึงจะพยายามอ้อนวอนต่อพระเจ้าหรือหลั่งน้ำตาจนเป็นสายเลือดแค่ไหน มึงก็ทำไม่ได้” ไอ้ซันเว้นช่วงอีกครั้ง และสูดลมหายใจเข้าช้าๆ
ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมเต้นแรง
“กูเคยทำให้เขาต้องเจ็บปวด ต้องเสียใจ ถึงกูจะบอกตัวเองว่ากูไม่ได้ตั้งใจ แต่กูก็ทำลงไปแล้วจริงๆ มันเป็นความจริงที่กูไม่สามารถปฏิเสธหรือหลอกตัวเองได้”
หัวใจของผมเต้นแรงขึ้น
“กูมันคนหัวดื้อและทิฐิสูง กูมันคนปากไม่ดี พูดอะไรไปทำอะไรไปก็ไม่ค่อยจะคิดก่อน แต่ช่วงเวลาสั้นๆแค่ไม่กี่เดือนนั้นมันทำให้กูได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่กูทำพลาดมาทั้งชั่วชีวิต มันทำให้กูได้รู้ถึงข้อผิดพลาด ข้อเสียของกูที่กูควรจะแก้ไข........... ถ้ากูไม่อยากจะสูญเสียคนที่กูรักไปอีก”
หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมากๆ
“กูอยากจะบอกมึงอย่างนึง เมฆ” มันเว้นช่วงและสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆอีกครั้ง
หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมากๆสุดๆเลย
“กูขอโทษนะ”
สุดยอดเลยมึ้งงงงงงงงงงง
ชอบจังเลย . . . สงสัยต้องหาคนเรียนรู้ซะแล้ว