เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ {ตอนกินเด็ก : โชตะ}
อรุณกำก้านดอกไม้สีเหลืองดอกโตทั้งห้าดอกวางไว้บนเตียงไม้โบราณข้างๆคนที่ยังหลับนอนตัวเปลือยเปล่าบนร่างนั้นถูกห่มไว้ด้วยผ้าขนสัตว์สีดำขลับผิวขาวเรียบเนียนของส่วนที่พ้นผ้าออกมาดึงดูดให้อรุณต้องก้มลงไปดอมดมบนไหล่เปลือยอย่างทนไม่ไหว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วถอยห่างจากร่างนั้น
เทพพิทักษ์ป่าหันหน้าหนีจากภาพเย้ายวนนั้นอย่างข่มอารมณ์ ก้าวเท้าไปนอนลงฝั่งตรงข้าม ตะแคงตัวมองดวงหน้าหวานที่ตาหลับพริ้ม ปากสีสดเผยอน้อยๆนั้นทำให้เขาโน้มหน้าลงไปแตะจูบบางเบาแล้วถอยออกมามองตามเดิม
เมื่อคืนในขณะที่เขาหลอกล่อเด็กน้อยแสนแสบด้วยประสบการณ์สวาทอันโชกโชนที่สั่งสมมาตลอดหลายร้อยปี มีอันต้องยุติลงอย่างเสียมิได้ เพราะถึงแม้หมี่ซอจะเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้อย่างเอาใจ แต่หมี่ซอก็ยังเป็นเด็กแสบคนเดิมที่ไม่ว่าเขาจะชักจูงไปทางไหน อีกฝ่ายก็จะคอยเบนเลี่ยงหนีไปอีกทางเสมอ
จนความอดทนที่มีเริ่มหมดไป อรุณตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นอย่างไรในตอนนั้นเขาต้องได้ร่วมรักกับเด็กน้อยจอมรั้นคนนี้ให้ได้
แต่แล้วเขาก็ต้องยอมรับความจริงว่าตนนั้นได้พ่ายแพ้ให้กับเด็กน้อยที่เกิดมาเพียงไม่กี่ปีอย่างราบคาบเพราะเพียงแค่ตนเริ่มใช้กำลังที่มากกว่าดุนดันแก่นกายที่ใหญ่โตพยายามแทรกเข้าไปยังช่องทางอันอ่อนนุ่มแต่ยังไม่ทันได้เข้าไปดี เด็กที่เคยปัดป้องตัวเองอย่างหวงแหนและกรีดร้องโวยวายด่าทอตนต่างๆนานา กลับเงียบกริบหยุดดิ้นรนขัดขืนมีเพียงแววตาคู่นั้นที่มองมาอย่างกรุ่นโกรธ น้ำใสคลอหน่วยก่อนจะรินไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
อรุณนิ่งงัน นัยน์ตาสั่นระริกนั่นมองตนราวกับปีศาจร้าย เขาหยุดทุกอย่างลงแค่นั้นเพราะไม่อาจจะทนเห็นความรวดร้าวแกมผิดหวังจากหมี่ซอได้
เขาแค่ขาดสติและความยับยั้งช่างใจ เขาแค่อยากเอาชนะจนลืมตัว ลืมรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้ที่ถูกกระทำจากความเห็นแก่ได้ เขาช่างเป็นเทพที่เห็นแก่ตัวยิ่งนัก
คนตัวเล็กไม่ได้หันมามองที่เขาอีกแล้ว ตาที่ฉายแววรังเกียจนั้นปิดลงราวกับไม่อยากจะเสียเวลามองหน้าเขา อรุณได้แต่นั่งมองคนที่หลับไปก่อนพร้อมความรู้สึกมากมายที่ประดังประเดเข้ามาอย่างตั้งรับไม่ทัน
รู้สึกผิดคือสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนั้น และอีกความรู้สึกที่ไม่อยากเห็นความรังเกียจของหมี่ซอล่ะ หมายความว่าอย่างไร?
เทพพิทักษ์ป่าที่อยู่มานานอย่างเขากลับกลัวแววตาของเด็กแสบคนนี้น่ะหรือ มันยากนักที่จะยอมรับในสิ่งที่ตนไม่เคยเป็นและรู้สึกมาก่อน
เขาอยากเห็นรอยยิ้มสดใสของเด็กน้อยอีกครั้งจึงได้ออกไปเก็บดอกไม้ที่เจ้าตัวอยากได้มาเป็นของไถ่โทษที่เขาทำตัวไม่ดีจนเกินไป อรุณได้แต่สัญญาในใจว่าหากหมี่ซอหายโกรธ ตนจะไม่ขัดใจเด็กน้อยอีกแล้ว
“อืม” ร่างบางส่งเสียงก่อนจะขยับตัวจนผ้าที่ห่มอยู่เลื่อนลงมาจากหน้าอกถึงหน้าท้องเรียบเนียน
อรุณหันหลังหนีทันที เขาไม่ได้อยากจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับตนเองตอนนี้หรอกนะ เพียงแค่มองไม่ได้จับต้องอย่างที่ใจต้องการเขาก็ทรมานมากพอแล้ว
หมี่ซอลืมตาตื่น ลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจสองสามที ตาก็เหลือบมาเห็นดอกไม้ดอกโตที่มีสีเหลืองสดใสข้างตัว มือบางหยิบขึ้นมาดอกหนึ่ง พิศมองดูความสวยงามของมันอย่างพอใจ ละสายตามาจ้องหลังกว้างของคนที่ไม่รู้ว่าหลับอยู่หรือเปล่าด้วยรอยยิ้มจาง
เด็กชายยังรู้สึกขุ่นเคืองในตัวของเทพพิทักษ์ป่าอยู่ แต่ก็ไม่ได้มากเท่าเมื่อคืน อาจจะเป็นเพราะของที่อยู่ในมือนี่กระมังที่ทำให้เขาใจอ่อนยวบอย่างง่ายดาย ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเหมือนตบหัวแล้วลูบหลัง แต่เด็กชายก็ไม่อยากจะคิดมากให้ปวดหัว ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ย
“ไหนท่านว่าต้องทำตามข้อแลกเปลี่ยนก่อนไง ท่านจึงจะไปเก็บมันมาให้ข้า..ว่าแต่มันมีชื่อว่าอะไรรึ?” หมี่ซอวางดอกไม้ไว้ที่เดิมแล้วมองหาเสื้อผ้าของตน เมื่อเห็นก็ลุกขึ้นมาเก็บและสวมใส่อย่างไวเพราะเกรงว่าคนที่หันหลังให้อยู่จะหันมาเห็น
อรุณที่ไม่คิดว่าเด็กน้อยของเขาจะยอมพูดด้วยก็ได้แต่นอนนิ่งตัวแข็งค้างเพียงชั่วครู่ ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มบางที่ริมฝีปากหนาอย่างดีใจที่สามารถทำให้หมี่ซอไม่โกรธตนแล้วจากที่ฟังจากน้ำเสียงธรรมดานั่น
“ข้าไม่อยากให้เจ้าโกรธและเกียจข้าไปมากกว่านี้..ข้าจึงจะตามใจเจ้าทุกอย่าง เจ้าอยากได้อะไรข้าก็จะไปหามาให้..ขอเพียงแต่..” ร่างสูงลุกขึ้นนั่ง มองคนที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อยๆ
“เจ้าจะเมตตาข้าสักครั้งได้ไหม” สุดท้ายเขาก็หวังอยากให้เด็กน้อยยอมตนสักหนจนได้
ไอ้เทพบ้ากาม!
หมี่ซอก่นด่าอยู่ในใจแต่อีกฝ่ายได้ยิน รอยยิ้มแห้งๆจากคนที่โดนด่าว่าไอ้เทพแก่ลามกจึงส่งกลับมาอย่างเสียไม่ได้
อยากมีเมียเด็กต้องอดทน!
“มันชื่อว่าทานตะวัน” อรุณร้องบอกคนที่ก้มลงหยิบดอกไม้พวกนั้นขึ้นมาทั้งหมด
หมี่ซอยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้อรุณ
“อืม ชื่อเพราะดีนะ” หมี่ซอว่า
“งั้นข้าคืนให้ท่านแล้วกัน เพราะคงทำตามที่ท่านต้องการไม่ได้” น้ำเสียงราบเรียบและแววตานิ่งเฉยนั่นทำให้คนฟังใจห่อเหี่ยว
“ข้าให้เจ้าแล้ว ข้าไม่เอาคืนหรอก..เจ้าเอาไปเถอะ ส่วนเรื่องเมื่อครู่ คิดซะว่าข้าไม่ได้ก็พูดแล้วกัน” คนตัวโตว่า ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนตัวเล็ก
“ข้าจะออกไปหาอาหารมาให้เจ้า รอข้าอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน” อรุณว่าเดินหงอยๆจากไปอย่างไม่เหลือคราบเทพพิทักษ์ป่าจอมหื่นแม้แต่น้อย
คนที่มองตามกรอกตากับท่าทางนั้นราวกับผู้ใหญ่ระอาเด็กน้อยจอมเอาแต่ใจ แล้วหันมาสนใจกับดอกไม้ในมือต่อปล่อยให้คนแก่มักมากน้อยใจเสียให้เข็ด
ชิ! หากอยากมากนักก็ไปทำกับคนอื่นสิ!
หารู้ไม่ว่าแค่คิดเล่นๆ แต่ดันกลายเป็นจริงขึ้นมา เมื่อเทพพิทักษ์ป่ากลับมายังที่พำนักอีกครั้งโดยที่หมี่ซอนั่งรออยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่าย ร่างสูงใหญ่ยื่นกระทงใบไม้ที่ในนั้นมีเนื้อชนิดหนึ่งซึ่งย่างจนสุกกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ
หมี่ซอกล่าวขอบคุณและรับมากินอย่างไม่ต้องการเสียเวลา เพราะตอนนี้เด็กชายรู้สึกหิวมากจนแสบไส้ไปหมด
“ท่านไม่กินรึ?” เสียงใสเอ่ยถาม ทั้งที่ในปากยังเคี้ยวเนื้ออยู่
“ข้าไม่ค่อยหิวน่ะ เจ้ากินเถอะ” อรุณไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น เพราะของที่อยากกินยังไม่ได้กินสักที
แว่วหูได้ยินเหมือนใครเดินเข้ามาในถ้ำ อรุณลุกขึ้นอย่างระวังภัย เพราะไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามายังที่แห่งนี้นอกจากว่าเขาจะอนุญาต
หมี่ซอไม่ได้สนใจท่าทางที่เตรียมพร้อมนั่น เขาตั้งตากินเนื้อแสนอร่อยนั้นอย่างอารมณ์ดี
รอสักพัก อรุณก็ได้เห็นร่างขาวนวลผ่องที่บนตัวนั้นมีผ้าสีเขียวบางเบาห่อหุ้มอกอวบอิ่มและส่วนกลางลำตัวไว้ ผมสีดำสนิทสยายยาวถึงช่วงเอว เดินตรงมาหาอรุณด้วยรอยยิ้มหวานหยด
หมี่ซอมองคนมาใหม่อย่างนิ่งงัน วางเนื้อย่างลง หน้าแดงเรื่อเมื่อเห็นหญิงสาวที่เกือบเรียกว่าเปลือยได้เลยด้วยความกระดากอาย แม้ว่าจะเคยเห็นอะไรที่มันโจ่งแจ้งเช่นนี้มาก่อนแต่ก็ไม่ช่วยให้ชินเสียหน่อย ว่าแต่นางไม้ตนนี้เข้ามาที่นี่ทำไม? แล้วเป็นอะไรกับเทพพิทักษ์ป่า?
นางไม้ตนนี้เป็นตนเดียวกับที่อรุณร่วมเสพสวาทด้วยเมื่อห้าวันก่อน เขานิ่งเมื่อนางเยื้องกายเข้ามาใกล้แล้วตวัดแขนเรียวสวยขึ้นคล้องคอ มองด้วยสายตายั่วยวน ริมฝีปากอวบอิ่มแย้มกล่าว
“ข้าได้ยินมาว่าท่านไม่ได้พาใครมาร่วมหลับนอนอีกเลยตั้งแต่ที่ท่านได้กับข้า..เป็นเพราะคิดถึงข้าหรือเปล่า ท่านจึงไม่อยากมีใครอีก” นางกล่าวอย่างค่อนข้างมั่นใจ ไม่ได้สนเด็กชายที่มีสามสายเลือดผสมอยู่ในกายซึ่งมองมายังตนและอรุณอย่างสงสัย
“เปล่า...” อรุณปฏิเสธเสียงเบาหวิว เพราะกลิ่นกายและเต้าเต่งตึงของนางไม้สุดสวยแนบติดกับอกแกร่งของตนราวกับยั่วยวนนั้นทำให้แก่นกายกลางลำตัวของเทพพิทักษ์ป่าเกิดคึกคักขึ้นมาอย่างฉุดไม่อยู่
นางไม้หัวเราะเสียงหวาน เอ่ยกลั้วหัวเราะ เมื่อรู้สึกถึงสิ่งดุนดันหน้าท้องของตนอยู่
“ท่านอย่าปฏิเสธข้าเสียให้ยากเลย ข้ารู้ว่าท่านต้องการข้ามากเพียงใด...อย่าช้าเลยข้าพร้อมเป็นของท่านแล้ว” นางยื่นริมฝีปากหมายจะแตะจูบ
“ช้าก่อน!” เสียงใสที่ผสมมากับความไม่พอใจร้องห้าม จนคนทั้งสองหันไปมองพร้อมเพียงกัน
อรุณที่เพิ่งนึกขึ้นได้ราวกับสติที่หลุดลอยไปกลับเข้าร่าง ผละออกจากนางไม้ราวกับเจอของร้อน แววตาของรุกขเทวดาสุดสวยฉายแววงงงวย ใบหน้างามงอหงิกเล็กน้อยเมื่อโดนขัดจังหวะ
หมี่ซอลงจากเตียงพาร่างที่ความสูงถือว่าด้อยกว่าเทพทั้งสองไปยืนกั้นกลางระหว่างทั้งคู่ด้วยความหงุดหงิด
“ท่านเป็นใคร” หมี่ซอถามนางไม้ แต่สายตาจับจ้องที่อรุณอย่างคาดคั้น
รุกขเทวดามองท่าทีของเด็กน้อยอย่างประเมิน มีความสงสัยมากมายว่าเหตุใดเจ้าเด็กคนนี้ถึงได้ทำท่าทางข่มเทพพิทักษ์ป่ามากมายเช่นนี้ แล้วยังแววตาเอาเรื่องนั่นอีก
“ข้าเป็น...”
“นางเป็นหนึ่งในนางไม้ที่ข้าเคยร่วมหลับนอนด้วย” นางไม้แสนสวยที่กำลังจะตอบแต่อรุณขัดขึ้นมาก่อนและตอบแทนเสร็จสรรพ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว โกหกไปก็ใช่เรื่องสู้บอกความจริงเสียจะได้ไม่ต้องหาเรื่องปิดบังกันต่อไป และเขาก็อยากเห็นปฏิกิริยาของหมี่ซอด้วยเช่นกันว่าจะรู้สึกและทำเช่นใดเมื่อรู้เช่นนี้
เด็กชายนิ่งอึ้งแม้จะพอรู้ความสัมพันธ์ของเทพทั้งสองอยู่บ้าง เพราะมันมีทั้งคำพูดและการกระทำที่โจ่งแจ้งขนาดนี้ ถึงเขาจะยังเด็กแต่ก็พอเข้าใจความหมายที่นางสื่อออกมาได้เป็นอย่างดี
คิ้วเรียวขมวด ปากบางเม้มเข้าหากันอย่างพยายามระงับอารมณ์ที่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
หึง?
ไม่ใช่แน่นอน เด็กชายคิด เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเทพพิทักษ์ป่าเสียหน่อย
หรือว่าเป็น?
ใช่! หมี่ซอเพิ่งนึกออกว่าที่ตนเองอยู่ที่นี่กับอรุณนั้นอยู่ในฐานะใด หน้าหวานเชิดขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจราวกับจะตอกย้ำผู้มาใหม่ว่าตนนั้นเหนือกว่า
“ท่านจะเป็นใครก็ตามข้าไม่สน แต่ตอนนี้ท่านอรุณมีข้าเป็น..เมีย” เด็กชายเน้น “เพราะฉะนั้นไม่ว่าท่านอรุณจะเคยมีผู้ใดมาก่อนไม่ได้สลักสำคัญใดๆเลยสำหรับข้า”
อรุณมองเด็กน้อยของตนด้วยหัวใจพองโต ยิ้มพรายอย่างยินดีที่เจ้าตัวพูดราวกับยอมรับเขาเป็นสามีแล้ว หากเช่นนั้นเขาก็...
“หึๆ เด็กน้อย เจ้าคือเมียของท่านอรุณจริงๆหรือ ทำไมข้าถึงสัมผัสไม่ได้ถึงความผูกพันของพวกท่านเลยล่ะ” รุกขเทวดาแสนสวยไม่ยอมแพ้ ยิ้มเยาะเด็กที่ดูอย่างไรก็ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างไม่เชื่อถือ
“รานีเจ้าจงกลับไปยังที่ของเจ้าเถิด ข้าไม่อยากให้เมียข้าต้องขุ่นข้องหมองใจในตัวข้าไปมากกว่านี้”
ตาเรียวงามของนางไม้เบิกขึ้นอย่างตกใจในคำกล่าวยอมรับนั่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นไม่พอใจอย่างที่สุด นางอุตส่าห์มาเสนอตัวถึงที่แต่โดนปฏิเสธ แถมยังพ่ายแพ้ให้กับเด็กแสบคนนี้อีก
“ข้าไม่คิดว่าท่านจะมีความชอบในบุรุษเพศเช่นนี้มาก่อน..แต่เอาเถิดข้าจะไม่มาที่นี่อีกตามประสงค์ของท่าน..ข้าขอลา” นางหันหลังกลับ ก้าวเท้าเปลือยเปล่าออกไปยังทิศทางที่ตนเดินเข้ามาตั้งแต่คราวแรก แต่ก็ไม่วายหันมายิ้มยั่วยวนให้อรุณเสียทีหนึ่ง ยักคิ้วเรียวสวยให้เด็กน้อยราวกับต้องการยั่วโทสะก่อนจะพาร่างของตนเดินจากไป
เมื่อลับร่างนางไม้แสนงามแล้ว อรุณก็จัดการอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาจากพื้น มองหน้าหวานที่ยังส่อประกายหงุดหงิดอยู่ด้วยรอยยิ้มกว้างแม้คนตัวเล็กจะโวยวายและทุบตีตนอย่างบ้าคลั่งก็ตาม
“ปล่อยข้าลงนะ ไอ้เทพลามก! มักมาก!” คำด่าว่าเหล่านั้นไม่ได้ทำให้อรุณมีโทสะแม้แต่น้อย เขายิ้มรับราวกับยินดี
“อยากจะว่าอะไรผัวของเจ้าก็ตามสบายเถิด ข้าไม่ขัดข้อง” เสียงทุ้มเอ่ย
เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กน้อยก็หยุดดิ้น แก้มนวลขึ้นสีเรื่อ หลุบตาลงอย่างไม่ต้องการมองหน้าอีกฝ่ายให้หัวใจเต้นแรงไปมากกว่านี้
เพราะแค่นี้หมี่ซอก็อายจะแย่แล้วที่ทำราวกับประกาศความเป็นเจ้าของในตัวเทพพิทักษ์ป่าตนนี้กับผู้อื่น
“เจ้าเขินข้ารึ?” อรุณแปลกใจในท่าทีของเด็กน้อย เขาคิดว่าคำที่ตนพูดออกไปอาจจะกระตุ้นให้อีกฝ่ายยิ่งทุบตีตนรุนแรงหนักกว่าเดิม แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ หมี่ซอกลับนิ่งคล้ายยอมรับกลายๆ เทพพิทักษ์ป่าอดที่จะกล่าวหยอกในความน่ารักของอีกฝ่ายไม่ได้
“เจ้ายอมรับแล้วนะว่าเป็นเมียของข้า..เพราะฉะนั้นข้าจะทำอะไรกับเจ้าก็ได้”
“ไม่ได้!” เสียงแหวดังมาจากคนตัวเล็ก
“ไหนท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะไม่ยอมขัดใจข้าอีก..ท่านมันเทพสับปลับ! ไม่รักษ..” คำพูดสุดท้ายถูกกลืนเข้าคอ เมื่อเทพพิทักษ์ป่าอดรนทนไม่ไหวกดจูบลงไปบนริมฝีปากของคนปากร้าย
เสียงอู้อี้ที่ประท้วงของหมี่ซอค่อยๆเงียบลง เมื่อเคลิ้มในรสจุมพิตแสนหวานที่เทพพิทักษ์ป่าค่อยๆละเลียดทีละน้อยอย่างแผ่วเบา ลิ้นสากแทรกเข้าไปยังโพรงปากของเด็กน้อย ไล้เลียทั่วทั้งปากแสนหวานนั้นอย่างนุ่มนวล ก่อนจะถอนออกมามองสบตาคนที่มองเขาตาเยิ้ม ริมฝีปากระเรื่อนั้นเผยอราวกับเชิญชวนให้ตนต้องครอบครองอีกครั้ง
แต่ไม่ทันได้ทำตามใจ หมี่ซอก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบเขาแทน รสสัมผัสเพียงบางเบาแต่กลับตรึงแน่นในหัวใจของเทพพิทักษ์ป่า เด็กน้อยถอนหน้าออกมามองด้วยรอยยิ้มเก้อเขินกับความใจกล้าบ้าบิ่นของตนเอง อาจจะเป็นเพราะกำลังมึนเมากับรสจุมพิตที่แสนหวานนั่นอยู่ก็เป็นได้
“หมี่ซอ ข้าปรารถนาเจ้าเหลือเกิน..เจ้าจะยอมเป็นเมียของข้าได้หรือไม่?” เสียงวิงวอนขอและสายตาอ้อนวอนนั้นทำให้เด็กน้อยเสหลบตา พวงแก้มแดงๆนั้นน่ามองนักในสายตาอรุณ
“หากท่านต้องการ..” หมี่ซอหลับตาลง
“ข้าจะยอมก็ได้ แต่มีข้อแม้” ดวงตาเรียวสวยลืมขึ้นตวัดมองอย่างจริงจัง เสียงใสเอ่ยสั่งความต้องการของตนอย่างแน่วแน่
“ท่านห้ามมีใครอื่นนอกจากข้าแต่เพียงผู้เดียวในชั่วชีวิตของท่าน..ทำได้หรือไม่?”
อรุณลังเลเพียงชั่วครู่แต่เป็นเพราะเขาต้องการหมี่ซอมากเหลือเกินจึงพยักหน้าตอบรอยยิ้มสมใจปรากฏบนใบหน้าคมสัน
“ข้าจะไม่นอกใจเจ้า ข้าสัญญา” อรุณโน้มหน้าหมายจะกดจูบเพื่อย้ำความจริงใจในคำพูดตน
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงใสเอ่ยห้าม มองอรุณด้วยความไม่แน่ใจ
“ข้าไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรบ้าง ข้า..”
“ชู่ว์...เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าจะสอนเจ้าเอง”ว่าจบก็จัดการแนบริมฝีปากลงบนความอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายทันที
อรุณอุ้มเด็กน้อยไปที่เตียงทั้งที่ปากของทั้งคู่ยังประกบติดกันอยู่ ความไร้เดียงสาจากปากจิ้มลิ้มที่จูบตอบกลับมาอย่างงกเงิ่นนั่นทำให้อรุณครางอย่างพึงพอใจ เขาชักจะหลงใหลในตัวของหมี่ซอมากขึ้นทุกทีเสียแล้ว
เทพพิทักษ์ป่าจับเด็กชายนอนหงาย พรมจูบไปทั่วทั้งหน้านั่นอย่างอ่อนโยน นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่จะได้ลิ้มรสพรหมจรรย์จากคู่ตน เขาควรจะค่อยเป็นค่อยไปและอ่อนโยนต่อหมี่ซอให้มากที่สุดเพราะมันคือครั้งแรกของเด็กน้อยเช่นกัน
หมี่ซอตัวสั่นสะท้านเมื่อมือหยาบนั้นไล้ไปทั่วทั้งกายเปลือยที่เด็กชายแทบไม่รู้ตัวว่าเสื้อผ้าหลุดไปตั้งแต่ตอนไหน มือบางจับบ่าของคนที่เปลือยเช่นกันไว้ สองลิ้นคลอเคล้ากระหวัดเกี่ยวกันอย่างเสน่หา
อรุณถอนจูบมองคนแก้มแดงที่หอบหายใจเสียงดัง แววตาสั่นระริกของเด็กน้อยที่เคยใสซื่อตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาเช่นเดียวกันกับเขา
แก่นกายของอรุณแข็งเสียจนปวดร้าวอยากจะแทรกความร้อนผ่าวนี้ลงไปยังคนตัวเล็กแทบขาดใจ เขาแยกขาของเด็กแสบออกกว้าง นัยน์ตานั้นมีแววของความกังวลและหวาดกลัวขึ้นมาจนเขาต้องเอ่ยปลอบ
“เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย..ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขไม่แพ้ตัวข้า”
“ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรท่านเลยนะ” หมี่ซอหลบตาบอกอุบอิบ
“จะเป็นเมียข้าแล้วยังปากดีอีกนะ” อรุณเย้าอีกฝ่าย
ร่างกายของเด็กน้อยนั้นร้อนวูบวาบราวกับจะจับไข้ ปากบางเม้มแน่นเอ่ยปากเร่งเร้า
“ท่านจะทำอะไรก็รีบทำเสียเถิด...ข้าง่วงแล้ว” ไม่ได้อยากจะรีบหรอก แต่จะเป็นลมเพราะความร้อนที่พุ่งขึ้นสูงอยู่แล้ว
เทพพิทักษ์ป่าหัวเราะแผ่วเบา มองคนใจกล้าที่เป็นคนเอ่ยปากเร่งราวกับจะรออีกสักหน่อยไม่ไหวเสียแล้ว
นิ้วเรียวแกร่งของอรุณลากไล้ไปตามท่อนขาเรียวเล็ก จงใจให้เด็กน้อยสยิวเล็กๆ ก่อนจะมาหยุดที่ช่องทางรักน้อยๆของเด็กชายแล้วกดนิ้วแทรกลงไป
“อื้อ ท่านอรุณข้าเจ็บ” หมี่ซอร้องขึ้นมา ใบหน้าหวานเหยเกอย่างเจ็บปวด จิกเล็บบนบ่าเทพพิทักษ์ป่าจนเลือดซิบ พยายามบ่ายสะโพกหนีเมื่อนิ้วนั้นลุกล้ำเข้ามาจนสุด
อรุณกดจูบลงบนปากนุ่มนิ่มของคนเจ็บอย่างปลอบขวัญ เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกเมื่อเห็นว่าหมี่ซอเริ่มเคลิ้มไปกับจูบของตนแล้วถอนจูบออกมองหน้าหวานซึ้งของเด็กน้อยที่น้ำตาคลออย่างอดสงสารไม่ได้ เสียงนุ่มนวลเอ่ยปลอบประโลมจนหมี่ซอเลิกต่อต้าน พร้อมรับสัมผัสใหม่ที่รุกล้ำมากกว่าเดิม
เมื่อหมี่ซอเริ่มปรับตัวได้แล้ว อรุณก็ถอนนิ้วออกมาก่อนจะจับแก่นกายที่ตั้งโด่นั้นจ่อที่ปากทางประตูแห่งความปรารถนาค่อยๆกดลงไปช้าๆ ริมฝีปากหนาก็คอยบดจูบปิดกลั้นเสียงร้องของหมี่ซอเอาไว้ จากนั้นก็เลื่อนไปซุกไซ้คอขาวผ่อง ดูดเม้มจนเป็นรอยแดง ลากลิ้นลงมาจูบทั่วหน้าอกที่สะท้อนขึ้นลงของอีกฝ่ายอย่างกระหาย
เมื่อท่อนลำใหญ่เข้าจนลึกสุดแล้ว อรุณก็แช่ไว้เช่นนั้น มองคนแก้มแดงที่กัดปากตัวเองกลั้นเสียงครางเอาไว้ด้วยรอยยิ้มจาง
“ข้าจะขยับแล้วนะ” เทพพิทักษ์ป่ากระซิบบอกข้างหูของเด็กน้อย ผลที่ได้คือแรงกดจากเล็บคมของอีกฝ่ายยิ่งกดลึกลงบนบ่าตนมากยิ่งขึ้น
“ข้าจะตายไหม?” เด็กน้อยร้องถามเสียงพร่า แววตาวูบไหวราวกับกลัวเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“ไม่หรอก..อาจจะเป็นข้าก็ได้”
“ทำไม?” หมี่ซอทำหน้างงจนคนฟังต้องก้มลงไปหอมแก้มแดงปลั่งฟอดใหญ่
“ข้าเกรงว่าต่อจากนี้ไป..ข้าอาจจะตายคาอกเจ้าก็เป็นได้”
“หืม?”
อรุณไม่อยากเสียเวลาอธิบายให้คนช่างสงสัยอีกแล้ว เขาขยับกายเข้าออกช้าๆ พยายามหาจุดกระสันของหมี่ซอ เมื่อพบแล้วเขาก็กระแทกเน้นจุดนั้นเร็วรัว ก้มมองเด็กน้อยที่หลับตาพริ้ม กัดปากกลั้นเสียงครางเอาไว้อย่างลำบาก มือหนารูดรั้งแก่นกายที่น้อยกว่าของเขาอย่างเอาใจ พรมจูบซุกไซ้ทั่วทั้งตัวของหมี่ซออย่างหลงใหล
อา...เด็กน้อยหอมหวานไปทั้งตัว
ความอิ่มเอมในตอนนี้ช่างมากเหลือแสน เพียงไม่นานความสุขจนล้นปรี่ก็พุ่งออกมาจนทุกหยาดหยด อรุณล้มตัวนอนกอดคนที่ยังหอบหายใจเสียงดังไม่ต่างจากเขา ริมฝีปากหนาแตะจูบต้นคอขาวด้วยความหลงใหล
หมี่ซอนอนหอบตัวสั่นสะท้าน แม้จะเจ็บทุกการสอดใส่เพราะแรงกระแทกกระทั้นอย่างไม่ปราณีของอรุณ แต่เด็กชายกลับรับรู้ว่าในความเจ็บนั้นมันปนไปด้วยความสุขสุดยอดที่ตนไม่เคยได้พานพบมาก่อน เพราะแบบนี้เองกระมัง ท่านพ่อถึงได้ชอบรังแกท่านแม่นัก
เด็กชายหลับตาลงเพราะความเพลีย แม้มือหนาจะยังลูบไล้กายตนอยู่ก็ตาม
“ข้าขออีกได้ไหม” เสียงแหบพร่าที่กระซิบจากข้างหลัง ทำให้คนถูกขอลืมตาตื่นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเก้อเขิน
“หากท่านต้องการเช่นนั้น” เด็กชายกัดปาก ตอบเบาๆ “ก็ตามใจท่านสิ”
อรุณลุกขึ้นคร่อมคนตัวเล็กไว้เมื่อได้รับคำอนุญาต เห็นทีวันนี้ยังอีกยาวไกลเพราะเขาคงจะไม่หยุด ”กิน” จนกว่าจะ ”อิ่ม” เป็นแน่!
รุ่งเช้าของอีกวันหมี่ซอตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดเนื้อปวดตัว โดยเฉพาะช่องทางด้านหลังนั้นปวดตุบๆ เมื่อก้มลงมองก็พบกับคราบน้ำรักและสีแดงของเลือดที่แห้งกรังติดกับขาของตน
เด็กชายกัดฟันกรอดมองคนที่นอนหลับสนิทอย่างสบายอารมณ์นั้นอย่างหมั่นไส้ เขาไม่น่าใจอ่อนไปกับสัมผัสที่ชวนลุ่มหลงนั่นเลย เห็นเขาเป็นตัวระบายความใคร่หรืออย่างไรกัน
เด็กชายน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนทำและสูญเสียไป มันช่างน่าเจ็บใจนักที่ตนทำราวกับเป็นคนใจง่ายเช่นนี้ ทั้งที่ตนเป็นฝ่ายยินยอมเองแท้ๆ แต่ทำไม่ถึงกลับได้รู้สึกไม่ดีราวกลับได้ทำเรื่องที่ไม่สมควรด้วยล่ะ
อรุณลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้ สองตากวาดมองร่างเปลือยเปล่าที่ตนตีตราเป็นเจ้าของ
“ตื่นแล้วหรือ เมียข้า” เสียงพร่าเอ่ยขึ้น ลุกนั่งกอดเอวเด็กน้อยไว้หลวมๆ มองหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำตานั้นอย่างตกใจ ละล่ำละลักถาม
“เจ้าร้องไห้ด้วยเรื่องอันใดรึ? ใครทำอะไรเจ้า”
หมี่ซอมองตาแก่จอมหื่นที่ทำราวกับไม่รู้ว่าใครทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ น้ำเสียงขึ้นจมูกเอ่ยต่อว่า
“ยังจะถามข้าอีก! ก็ท่านนั่นแหล่ะที่ทำให้ข้าแทบลุกไม่ขึ้น ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยอมตามใจท่านอีกแล้ว ไอ้เทพหื่นจอมตะกละ!” น้ำเสียงใสเอ่ยต่อว่าผละตัวออกจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องล้มลงตามเดิม เพราะขานั้นอ่อนเปลี้ย แถมตัวยังปวดระบมเช่นนี้อีก ตวัดตาดุๆส่งให้คนที่ยิ้มแห้งๆให้อย่างขุ่นเคือง
เมื่อรู้ตัวการที่ทำให้หมี่ซอเป็นเช่นนี้ อรุณก็ไม่รู้จะกล่าวแก้ตัวเช่นไร เพราะมันคือความจริงทั้งหมด เขาเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย บทรักที่บรรเลงอย่างเนิบช้าแปลเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนรุนแรงแทบทั้งคืนนั้นคงทำให้เด็กน้อยไม่พอใจ อรุณลุกขึ้นลงจากเตียงแล้วคว้าคนตัวเล็กมาอุ้ม
“อุ้มข้าทำไม?” หมี่ซอที่อารมณ์ยังไม่ดีเอ่ยถามขึ้นมา กวาดตามองหน้าคมสันที่ยิ้มพร่างพรายด้วยใบหน้าร้อนวูบวาบ
“จะพาเจ้าไปอาบน้ำนวดตัวให้น่ะสิ”
“ข้าอาบเองได้ ปล่อยข้าลง”
อรุณส่ายหน้า
“แค่จะลุกเดินเจ้ายังทำไม่ได้เลย ให้ข้าอาบให้ดีกว่านะ” สองขาแกร่งออกเดินตรงไปยังแอ่งน้ำที่ใหญ่พอสมควรที่อยู่ในถ้ำ แล้วก้าวลงไปยังน้ำเย็นเฉียบนั้นปล่อยเด็กน้อยที่เมื่อเนื้อตัวสัมผัสน้ำแล้วก็ผละออกจากเขา
“ข้าจะอาบแล้ว ท่านขึ้นไปเลย” เสียงใสเอ่ยไล่ ไม่อยากอยู่ใกล้อีกฝ่ายนานนัก
อรุณว่ายเข้าไปใกล้แล้วโอบกอดเด็กน้อยไว้ทั้งตัว จับแก่นกายน้อยๆนั้นแล้วขยับขึ้นลงเบาๆ มองแก้มแดงของเด็กชายที่ส่งแววตาตื่นๆมาให้ กระซิบบอกเสียงพร่า
“เจ้าแน่ใจนะ ว่าไม่อยากให้ข้าอาบให้จริงๆ”
หมี่ซอน้อยที่อยู่ในมือเทพจอมเจ้าเล่ห์ตื่นขึ้นมา เด็กหนุ่มแทบกลั้นกลั้นเสียงครางเมื่อมือหนาพยายามบีบเค้นทำให้เขาดิ้นพล่านเพราะความทรมานอันแสนรัญจวนนั่น หมี่ซอหอบหายใจ กัดฟันพูด
“โอ..ท่านอรุณอย่าทรมานข้าอีกเลย ปล่อยข้าไปเถิด”
“เจ้าอยากให้ข้าหยุดไหม?” อรุณกลั้นยิ้มเมื่อเห็นความต้องการที่เด็กชายพยายามกักเก็บไว้อย่างยากลำบาก
“อื้อ...” เขากดจูบลงไปบนปากเล็กนั่นอย่างวาบหวามใจ ต่อให้หมี่ซออ้อนวอนให้เขาหยุดตอนนี้ก็ทำไม่ได้เสียแล้วล่ะ
บทรักทุกท่วงทำนองที่ทั้งสองต่างบรรเลงร่วมกันจึงเกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง จนหมี่ซอถึงขั้นสลบไปในอ้อมแขนอรุณในบทรักสุดท้ายพอดิบพอดี
ร่างสูงมองคนที่นอนในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกอิ่มเอม เขาคงต้องสอนให้หมี่ซออดทนมากกว่านี้เสียแล่วล่ะ เด็กน้อยจะได้ชินและรับมือกับความต้องการของเขาได้
ก็อยากว่าเขาลามกดีนัก
หึหึ
-จบตอน-.....................................................................................
ต่อข้างล่างจ้า