34.คงไม่มีวันนั้นเลย
[ภาค]
บางครั้ง ผมก็อยากให้มันมีทางออกที่ดีที่สุดจริง ๆ สักที
ผมกดเปิดอ่านข้อความตัดพ้อมากมายที่นอสส่งมาให้ และพอคนส่งรู้ตัวว่ามันถูกอ่านแล้วก็ยิ่งส่งมาเพิ่มเติมเรื่อย ๆ แบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ทำไมไม่ตอบ
อ่านแล้วก็ตอบสิ
อธิบายมาสิว่ามันไม่จริง
บอกมาสิว่านอสเข้าใจผิดไปเอง
ไม่พิมพ์ก็รับสายสิวะ!
อยากเห็นนอสตายมากเลยใช่ไหม!
ได้!
แล้วก็จบลงด้วยการส่งภาพรอยกรีดที่ข้อมือมา
“อย่าทำอย่างนี้” ผมบอกทันทีที่เขารับสาย “รักตัวเองบ้างสิ”
“นอสจะรักตัวเองไปทำไม ในเมื่อพี่ยังไม่คิดจะรักนอสเลย”
ผมถอนหายใจ “เลิกร้อง แล้วไปทำแผลซะ”
“ไม่!” เสียงตะคอกดังมาตามสาย “พี่นั่นแหละกลับมาทำให้นอสเดี๋ยวนี้!”
“นอส..”
“ไม่งั้นก็ปล่อยให้เลือดมันไหลจนตายไปเลย”
ผมหลับตาลง พยายามกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา “ไปทำแผลซะนอส”
“นอสไม่ทำ”
ผมว่าเส้นความอดทนของผมคงจะขาดลงแล้ว
“งั้นก็ตายไปเถอะ” ผมกำโทรศัพท์มือถือแน่น “พี่เหนื่อยแล้ว”
วางสายได้ก็กดปิดเครื่อง
ผมทิ้งตัวลงบนเตียง ดึงหมอนของเขามากอดได้แล้วก็หลับตานิ่ง ลองคิดเล่น ๆ ในหัวว่าถ้าแกล้งทำเป็นไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่างไปสักพักแบบนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง
นอสจะฆ่าตัวตายได้สำเร็จ ?
แล้วทุก ๆ คนจะโทษว่ามันคือความผิดของผม ?
และผมจะต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดแบบนั้นไปจนวันตาย ?
หรือว่าสุดท้ายแล้วมันจะทำให้ผมได้รู้ความจริงว่านอสไม่มีวันทำร้ายตัวเองกันแน่ ?
มันคุ้มพอที่จะลองเสี่ยงดูหรือเปล่า ?
“ภาค..ภาค..” ผมลืมตาขึ้นมามองเมื่อถูกเขย่าตัว “เย็นแล้ว ลงไปกินข้าว”
“อืม..”
“พี่ปูนซื้อราดหน้ามา..มีเผื่อมึงด้วยเชื่อป่ะ” ว่าแล้วก็อมยิ้ม “รู้ได้ไงว่ามึงมา”
“นั่นสิ” ผมขยี้ตา “เด็กในร้านมึงรายงานหรือเปล่า”
“ไม่น่าจะใช่นะ” เขาทำท่าคิด “หรือจะใช่วะ”
“ช่างเหอะ” ผมตัดบท ขี้เกียจคิดให้ปวดหัว “ขอล้างหน้าแปบ เดี๋ยวตามลงไป”
“เร็ว ๆ นะมึง”
ผมยกมือไหว้พี่ปูนเมื่อเดินลงไปถึงโต๊ะอาหาร มองกล่องน้ำผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็รู้ชะตากรรมว่าวันนี้คงไม่ได้แตะแอลกอฮอล์แล้วแน่ ๆ ปั่นเองก็คงรู้ถึงได้หันมายิ้มเยาะผม
“งานเป็นไงบ้าง” พี่ปูนเปิดประเด็นสนทนาด้วยรอบยิ้มทั้งที่ถามเรื่องเครียด ๆ “พ่อยกกิจการอะไรให้บ้างหรือยัง”
“ยังครับ” ผมตอบเสียงเนือย “กะว่าอีกสักปีถ้ายังไม่ยกให้จะหาอะไรทำเองแล้ว”
“ดี..ลูกผู้ชายต้องมีความทะเยอทะยาน”
“มันเป็นเกย์” ปั่นพูดแทรก “เหมือนปั่นเนี้ย”
“เออ..ลืมไป”
แล้วเราก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ผมช่วยปั่นล้างจาน ปล่อยให้พี่ปูนขึ้นไปพักเพื่อจะได้ตื่นมาเข้าเวรอีกทีดึก ๆ แน่นอนว่าการถูกสั่งงดแอลกอฮอล์ทำให้ผมกับปั่นต้องหยิบมันฝรั่งทอดหลายถุงมานั่งแกะกินขณะดูหนังเรื่องหนึ่งที่ปั่นซื้อแผ่นมาทิ้งไว้ในห้องตัวเอง ผมหยิบซองขนมมาฉีกเพิ่มเมื่อถุงเดิมใกล้จะหมด ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่เริ่มเย็นน้อยลงบนพื้นขึ้นมาเปิดดื่ม
“ถ้าวันหนึ่งเกิดมีซอมบี้จริง ๆ มึงจะทำไง”
ผมหันไปมองคนถาม ก่อนจะหันไปมองจอโทรทัศน์ “หาที่ปลอดภัยหลบไง”
“กูนึกว่ามึงจะถือปืนออกไล่ล่าซอมบี้ทุกตัวบนโลกซะอีก”
“เสียเวลา” ผมนิ่งคิด “มีเซ็กส์แบบไม่มีขีดจำกัดไปเลยดีกว่า ไหน ๆ ก็ไม่ต้องเครียดเรื่องโรคติดต่ออีกแล้ว”
เราหันมามองหน้ากัน ก่อนที่เขาจะย้อนถาม “ทำไมไม่กลัวโรค”
“ก็ชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะถูกซอมบี้กินตอนไหนมันก็เสี่ยงที่สุดแล้วหรือเปล่าวะ” ผมยักคิ้ว “เพราะงั้นเอาเวลาไปหาความสุขใส่ตัวดีกว่า”
“ความสุขของมึงอยู่ใต้สะดือลงไปเหรอ”
อยากกัดลิ้นคนปากดีจริง ๆ “มันคงสูงขึ้นกว่านั้นถ้าได้นอนกับคนที่กูรัก”
“...”
“ทีงี้มาทำเงียบ” ผมหัวเราะในลำคอ “ไม่ปากดีต่อไปล่ะ”
“เรื่องของกู”
“อือ..เรื่องของมึง”
เขาไม่เถียงอะไรต่อ ผมเลยได้แต่ยิ้มกับตัวเองแล้วดูหนังต่อ มือก็หยิบขนมใส่ปากเรื่อย ๆ
“สักวันมึงจะได้เจอคนที่มึงรักจริง ๆ” พอผมหันไปมอง ปั่นก็หลบตา “กูเชื่ออย่างนั้นนะ”
“กูจะมีคนที่รักจริง ๆ ได้ยังไง” คิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจ “ในเมื่อมึงไม่ยอมให้ถูกรักอยู่แบบนี้”
“ก็แล้วทำไมมึงต้องมารักกูด้วย”
ผมหันไปมองเขา..
มอง..มอง..และมอง..
จนเขายอมหันมาสบตากัน..
“กูก็ไม่รู้”
“...”
“กูแค่รู้สึกแบบนี้ ก็แค่นั้น..”
เขาขยับเข้ามาจูบผม..
และผมเองก็จูบตอบกลับไป..
ก่อนที่เราทั้งคู่จะทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้น..
“มึงสงสารกู” ผมพึมพำกับริมฝีปากเขา “ใช่ไหม”
“กู..”
“แล้วถ้ากูขออะไรมากกว่านี้..” ผมแตะริมฝีปากลงไปอีกครั้ง “มึงจะให้หรือเปล่า”
[จบภาค]
Ma-NuD_LaW