คุณคือความรัก บทที่ 41
ทันทีที่กมลมาถึงคอนโดได้เพียงสิบห้านาที ชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนตัวเองตัดสินใจพลาด เขาคิดว่าตัวเองไม่ควรหนีมาหลบแบบนี้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างไม่ได้เป็นเหมือนที่ข่าวนั้นเขียนขึ้นมาสักนิด ถ้าเขากลับไปที่ I promise แล้วพบกับนักข่าว สิ่งที่ต้องทำก็แค่แก้ข่าวให้ถูกต้องเท่านั้น ไม่เห็นต้องกลัวหรือกังวลอะไร
แต่การที่หลบมาตั้งหลักแล้วปล่อยให้น้องสาวกับเหล่าพนักงานรับมือแทน วิธีนี้ยิ่งทำให้กมลกังวลใจและนั่งไม่ติดที่มากกว่า
ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาน้องสาวอีกครั้ง ทว่าก่อนกดโทรออก ที่หน้าจอมือถือก็ปรากฏชื่อของใครคนหนึ่งขึ้นมาพอดี เขาจึงกดรับสาย
“ครับ คุณเล็ก”
[คุณยังอยู่ที่คอนโดหรือเปล่า]
ครั้นได้ยินณธิปพูด เรียวคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน “คุณรู้ได้ยังไง”
[คุณอ้ายบอกมา] ณธิปตอบ [แล้วตกลงคุณยังอยู่ที่คอนโดหรือเปล่า]
“ครับ ยังอยู่”
[งั้นรอเดี๋ยวนะ ผมกำลังขึ้นไป]
“หา! คุณมาที่นี่หรือคุณเล็ก”
[ครับ เปิดประตูให้ผมด้วยนะ เดี๋ยวผมขึ้นไปคุยด้วย] พูดจบณธิปก็วางสายไปทันที
กมลนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง เพราะอะไรๆ มันรวดเร็วไปหมด ตัวเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากหลบมาอยู่ที่คอนโดตามคำขอของน้องสาว แต่ณธิปกลับตามเขามาถึงนี่ในเวลาอันรวดเร็ว ราวกับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นล่วงหน้า หรือไม่ก็ติดตามจนรู้ความเคลื่อนไหวของเขาทุกย่างก้าว
กมลทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาแล้วถอนหายใจออกมาเงียบๆ
ชายหนุ่มรออยู่ครู่เดียว เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาจึงเดินไปเปิดให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาเยือน
หากให้นับ นี่เป็นครั้งที่สอง ที่ณธิปมีโอกาสก้าวล้ำเข้ามาในอาณาเขตส่วนตัวของกมล ทว่าการมาทั้งสองครั้ง ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาเดินตามกันมาที่โซนรับแขกเงียบๆ เมื่อต่างฝ่ายต่างนั่งลงบนโซฟาแล้ว ทายาทคนรองของเอ็นพีกรุ๊ปก็เริ่มต้นก่อน
“คุณไอ”
“ครับ”
“ผมขอโทษนะ”
คำขอโทษของณธิปทำให้กมลต้องเงยหน้าสบตา และได้พบว่าแววตาเรียวๆ ที่ฉายแววเจ้าเล่ห์มาตลอดนั้น ในวันนี้ดูต่างออกไป
“ขอโทษเรื่องอะไรครับ”
“ก็ขอโทษที่ปกป้องคุณไม่ได้ ซ้ำยังไม่ระวังตัว ปล่อยให้พวกที่จ้องจะเล่นงานเอาชื่อคุณไปทำให้เสียหาย”
“ข่าวเท็จพวกนั้นไม่ใช่ความจริง และมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย” กมลว่า
“คุณไม่โกรธผมหรือ”
ณธิปถามออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ เขากังวลใจเพราะตัวเองเองก็ทำรุ่มร่ามกับกมลในที่สาธารณะ แม้ณธิปจะไม่คิดว่านั่นคือความผิด แต่ชายหนุ่มก็ยังกลัวกมลจะไม่พอใจอยู่ดี
“ผมไม่ได้โกรธคุณหรอก ผมโกรธคนเขียนข่าวพวกนั้นมากกว่าที่ให้ข่าวบิดเบือนความจริง จนเสียหายกันไปหมด”
พอได้ยินคำว่านักข่าว ณธิปก็ขมวดคิ้วเคร่งเครียดลงกว่าเดิม ชวนให้รู้สึกสงสัยว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลัง และกมลก็อดที่จะถามไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ความจริง…ผมกำลังสงสัยว่าข่าวที่ออกมา จริงๆ แล้วเป็นแค่ฝีมือนักข่าว หรือมีใครชักใยอยู่เบื้องหลังกันแน่”
“ชักใยอยู่เบื้องหลังหรือครับ”
“อืม” ณธิปพยักหน้า “ตอนนี้ผมให้คนไปสืบแล้ว อีกสักพักคงรู้เรื่องว่าความจริงเป็นอะไร แต่ดูจากรูปการแล้ว ถึงไม่ต้องสืบก็พอจะรู้ว่าฝีมือใคร”
“ฝีมือใครกันครับ แล้วทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ผมว่ามันดูจงใจเกินไปที่เรื่องของเราสองคนจะมีเป็นข่าวเอาตอนนี้ เรื่องของผมกับเกษสุดาจบไปเป็นปีแล้ว และคุณก็ไม่ใช่บุคคลสาธารณะที่อยู่ในแวดวงไฮโซหรือเป็นที่จับตามองของสื่อขนาดนั้น อยู่ดีๆ ทำไมถึงมีข่าวที่จงใจทำให้คุณเสียชื่อขึ้นมา”
“นั่นสินะ…” กมลเห็นด้วย ตอนแรกเขาเอาแต่สนใจเนื้อหาข่าว จนลืมสังเกตในข้อนี้ไป
ถูกของณธิป เนื้อหาโดยละเอียดของข่าวก็ดูจงใจให้คนรู้จักเขา ว่าเป็นบริษัทจัดงานวิวาห์ดัง แต่เจ้าของกลับเป็นคนแย่งเจ้าบ่าวของลูกค้าไปเสียเอง แบบนี้มันตั้งใจดิสเครดิต ทั้งที่เขาไม่ใช่คนมีชื่อเสียงอะไร เพียงแค่นักธุรกิจธรรมดาเท่านั้น
“อีกอย่าง ใช่ว่าเราจะไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันมาก่อนเสียหน่อย แล้วตอนที่ไปทำกิจกรรมในป่างาม นักข่าวก็ตามไปตั้งหลายสำนัก ถ้าใครจะทำข่าวเรา เขาคงทำไปแล้ว แต่กลับปล่อยให้มันล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ดูก็รู้ว่าจงใจใช้สื่อเล่นงานให้ผมกับคุณเสียชื่อเสียง”
“ถ้าคนที่ทำ พุ่งเป้ามาหาเราอย่างที่คุณบอกจริงๆ แปลว่าเขาคนนั้นคงเป็นคนที่กำลังไม่พอใจเราสองคนในตอนนี้ใช่ไหม”
“ใช่…แล้วก็มีอยู่คนเดียวด้วย”
“อย่าบอกนะว่าเป็น…รัฐมนตรีทรงศักดิ์”
“ถ้าจากสถานการณ์ คงเป็นเขาอย่างแน่นอน ดูท่าน่าจะร้อนใจมาก แต่ทำอะไรพวกเราไม่ได้ ก็เลยใช้สื่อเล่นงานเรากลับในประเด็นนั้นแทน เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือทำให้คุณและผมเสียชื่อเสียงด้วยเรื่องโกหก แถมยังหันเหความสนใจของสังคมไปได้ไม่มากก็น้อย วิธีการของหมาลอบกัดชัดๆ” ณธิปแสยะยิ้มเย็นชา
ได้ยินที่ณธิปวิเคราะห์ ภาพในหัวของกมลก็กระจ่างชัด มันคงเป็นเช่นที่อีกฝ่ายพูดไม่ผิดแน่ แต่เมื่อได้รู้แบบนี้ แทนที่กมลจะรู้สึกดีที่ได้ทราบถึงต้นตอที่แท้จริง คนหน้าหวานกลับยิ่งเครียดหนักกว่าเก่า
“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไม่ดีแน่…” กมลเอ่ยออกมาเบาๆ
“คุณไอ…”
“ผมว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง”
“ถ้าออกไปพูดอะไรตอนนี้ ผมว่ามีแต่จะทำให้เรื่องมันลุกลาม ทำให้เป็นที่จับจ้องมากขึ้น คนจะมองว่าคุณแก้ตัว เพราะยังไงเราสองคนก็ยังติดต่อกันอยู่ จะปฏิเสธไปร้อยเปอร์เซ็นว่าไม่สนิทสนมก็คงไม่ได้”
“ทั้งที่ความจริงเราไม่ได้ทำหรือครับ”
“อืม”
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้น”
“เพราะคนมักเชื่อข่าวที่ออกมาแต่แรก ผมมีข่าวเสียๆ มาเยอะ แต่คุณรู้ไหมธรรมชาติของวงการนี้ ถ้าเราทำเฉยๆ ไปเสีย ไม่ดิ้นรนตั้งโต๊ะแถลง แล้วจัดการที่ต้นตอให้เงียบเร็วที่สุด อีกเดี๋ยวคนก็เลิกสนใจเอง”
“แต่ผมจะปล่อยให้คนเข้าใจผิดไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดไม่ได้ มันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ I promise”
แววตาระคนวิตกของกมลทำให้ณธิปพลอยกังวลไปด้วย แน่นอนว่านอกจากค้นหาต้นตอว่าข่าวมาจากไหน ใครเขียน ใครจ้างเขียน เขาก็ได้สั่งให้คนจัดการกับสื่อที่ปล่อยข่าวของเขาออกมาให้เรียบร้อยไปในคราวเดียว เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับณธิปบ่อยจนชายหนุ่มชินชา แต่เขาลืมไปว่ากมลไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้ ซ้ำยังมีเรื่องชื่อเสียงของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
คนตาเรียวละจากใบหน้าของกมล แล้วหันมาประสานมืออย่างใช้ความคิด
เขาไม่อยากออกมาพูดอะไรมากมาย ไม่อยากเติมเชื้อเพลิง อยากให้ทุกอย่างเงียบในวันสองวัน แต่ดูเหมือนถ้าไม่แก้ต่างอะไร กมลจะไม่พอใจ
ชายหนุ่มนั่งคิดอะไรเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง ในขณะที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำตามที่กมลบอก หรือทำตามวิธีของตัวเอง โทรศัพท์ของณธิปก็มีสายโทรเข้ามาพอดี
ณธิปจึงกดรับโดยไม่ลุกไปไหน คล้ายกับต้องการให้กมลฟังด้วย “ว่าไง”
[เป็นคนของทางนั้นจริงๆ ครับ แต่ตอนนี้เราจัดการเรียบร้อยแล้ว]
“ดี ฉันฝากนายจัดการพวกนักข่าวที่บริษัทของคุณไอด้วยนะ อย่าให้มาวุ่นวายอีก แล้วก็ให้ต้นตอที่ปล่อยข่าว เขียนแก้ความเข้าใจผิดให้เราด้วย บอกไปว่าถ้าไม่ทำ ฉันจะส่งทนายเข้าไปคุยแทน เรียบร้อยแล้วโทรมารายงานฉันด้วย”
[ครับ คุณเล็ก]
สั่งงานเสร็จ ณธิปก็กดวางสายไป แล้วหันมาหากมลที่นั่งหน้าเครียดอยู่ข้างๆ
“ผมให้คนจัดการแล้ว อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็คงกลับมาปรกติ คุณไม่ต้องกังวล เลิกขมวดคิ้วได้แล้วครับ” ไม่ว่าเปล่า ณธิปยังยื่นมือไปนวดเบาๆ ที่หัวคิ้ว ก่อนจะใช้หลังมือข้างนั้นลูบแก้มเย็นๆ ของกมล “ผมไม่ชอบให้คุณทำหน้าแบบนี้เลย มันทำให้ผมใจคอไม่ดีรู้ไหม”
คนตาเรียวว่าอย่างเอาแต่ใจขณะเดียวกันคนฟังก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงด้วย
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษผมทำไม”
“ก็ผม…ทำให้คุณต้องเดือดร้อนอีกแล้ว”
ข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้กมลเสียชื่อจริงๆ แต่มันก็ทำให้ณธิปเสียชื่อไปด้วย มิหนำซ้ำเขายังทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากคอยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ ทั้งที่จุดเริ่มต้นมันมาจากการที่เขาเข้าไปยุ่งกับรัฐมนตรีทรงศักดิ์เองแท้ๆ
“ผมต่างหากที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน ถ้าผมระวังกว่านี้ก็คงไม่เกิดเรื่อง”
ยิ่งณธิปพูดแบบนี้ ความรู้สึกผิดก็ยิ่งเกาะกุมจิตใจของกมล และเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น มันก็ทำให้ชายหนุ่มคิดอะไรได้บางอย่าง
บางอย่างที่ไม่รู้ว่าสมควรทำดีหรือไม่ เพราะความสัมพันธ์และความรู้สึกระหว่างเขากับณธิปในเวลานี้ มันทำให้เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจ…
“บอกแล้วไง ว่าอย่าทำหน้าเครียด ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมจะจูบแล้วนะ” คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เอ่ยขึ้นมาทีเล่นทีจริง หวังจะทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปสักนิด
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยครับ”
ครั้นเห็นรอยยิ้มบางๆ ของกมล ณธิปก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “ค่อยโล่งอกหน่อย”
“โล่งอกอะไรครับ” คนหน้าหวานนึกสงสัย
“โล่งอกที่คุณยิ้มได้แล้วนี่ไง”
คำพูด สายตา และสัมผัสอ่อนโยนที่ไล้แก้มกมลเบาๆ ทำให้ความรู้สึกผิดค่อยๆ ลดเลือนลง เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาในอก
“ผมไม่ชินเลยที่คุณพูดจาแบบนี้ มันชวนให้รู้สึกแปลกๆ น่ะครับ”
“คุณรู้สึกยังไง”
เมื่อถูกถาม กมลจึงคิดตาม
ขณะตกอยู่ท่ามกลางความรู้สึกที่เลือนรางและไม่กระจ่างชัด กว่าจะรู้ตัว ใบหน้าของณธิปกลับเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปลายจมูกสัมผัสกัน
“คุณเล็ก…”
เสียงปรามแผ่วเบาเหมือนแมวคราง ไม่ทำให้ณธิปถอยห่างออกไป แต่คนเจ้าเล่ห์กลับยิ่งได้ใจ และเอ่ยถามบางสิ่งแทน
“รู้สึกว่ากำลังตกหลุมรักผมแล้วใช่ไหมครับ”
“…”
คำถามนั้น ไร้ซึ่งคำตอบ ทว่าดวงตาคู่งามที่กำลังสั่นไหว กลับทำให้ณธิปเผลอเข้าข้างตัวเอง
“คุณไอ”
“…”
“ไอครับ”
“…”
“ไอ---”
ยกมือขึ้นมาปิดปากณธิป แล้วหรุบตาลง ขณะเอ่ย “เลิกเรียกผมสักที”
อาการเหมือนกับกำลังประหม่าที่ณธิปรู้สึกดี ไม่อาจทำให้เขาตีความคำตอบเป็นอื่นไปได้เลย
ชายหนุ่มดึงข้อมือของกมลออก จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างเชยคางกมลขึ้น เพื่อจุมพิตริมฝีปากที่เม้มแน่น ในทีแรกเพียงแผ่วเบา ก่อนจะจูบย้ำๆ จนกลีบปากนิ่มนั้นยอมเผยออกให้สอดแทรกเข้าไปครอบครองแนบแน่น
คนถูกจูบหัวหมุนไปกับสัมผัสวาบหวาม ลึกซึ้ง ในสมองไม่ได้คิดถึงถ้อยคำปฏิเสธ ลืมแม้กระทั่งว่าไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพนี้
กมลลืมเลือนทุกอย่างไปจนหมดสิ้น หลงเหลือเพียงแค่จุมพิตของณธิปเท่านั้น
หากก่อนที่อะไรๆ จะเลยเถิดจนควบคุมไม่ได้ เสียงโทรศัพท์ที่ตกอยู่ข้างกายก็ดังขึ้น และครั้งนี้เป็นโทรศัพท์ของกมล
ในวินาทีนั้นชายหนุ่มจึงได้สติ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองถูกผลักให้ล้มลงนอนบนโซฟา โดยมีคนตรงหน้าครอมเอาไว้ในท่าทางหมิ่นเหม่
ระหว่างที่โทรศัพท์สายนั้นดังจนเกือบจะดับไป กมลจึงดันตัวคนที่อยู่ด้านบนให้ผละห่าง แล้วลุกขึ้นหยิบมือถือขึ้นรับสาย
“สวัสดีครับ กมลพูดสายครับ” กมลรับโทรศัพท์ทั้งที่หัวใจยังเต้นไม่เป็นระส่ำ
[พี่ไอคะ อ้ายเอง]
“อะ…อ้ายหรือ” คนหน้าหวานลุกขึ้นจากโซฟา เพื่อหนีคนมือปลาหมึกที่บัดนี้ทำหน้าไม่สบอารมณ์เต็มที่เพราะถูกขัดจังหวะ ก่อนจะเดินเลี่ยงๆ ไปที่เคาน์เตอร์ในครัว
[พี่ไอเป็นอะไรหรือเปล่าคะ เสียงหอบๆ]
“เปล่าๆ พี่เดินมากินน้ำน่ะ อ้ายมีอะไรหรือเปล่า”
[อ๋อ คืออ้ายจะโทรมาบอกว่า เมื่อกี้คนของคุณเล็กมาที่นี่ และตอนนี้เขาก็พาพวกนักข่าวกลับไปกันหมดแล้วน่ะค่ะ]
“งั้นหรือ”
[ตอนนี้อ้ายกำลังจะออกไปรับเด็กๆ ค่ะ เราไปเจอกันที่บ้านเลยดีไหมคะ]
“ได้สิ พี่จะตามไปนะ”
[ได้ค่ะ แล้วเจอกันที่บ้าน ขับรถดีๆ นะคะพี่ไอ]
“อืม เราก็ด้วย”
พูดจบกมลก็กดวางสายทันที เขาสูดหายใจลึกๆ แล้วทำจิตใจให้สงบจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่พอหันกลับมา ใบหน้าของกมลก็เกือบจะชนเข้ากับอกของณธิป
“คุณเล็ก! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
หากณธิปกลับไม่ตอบ และเลือกที่จะถามแทน “จะกลับบ้านแล้วหรือครับ”
“ครับ”
“ทำไมล่ะ ไม่นอนที่นี่หรือ”
“ไม่ครับ ผมต้องกลับไปหาน้องกับหลานๆ”
“แล้วผมล่ะ…คุณจะทิ้งผมหรือไอ”
น้ำเสียงน่าสงสารทำเอากมลต้องเงยหน้ามอง แต่เมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ คนหน้าหวานก็ได้รู้ว่ามันคือแผนลวงทั้งนั้น
“ครับ”
“ใจร้าย”
“…”
“จะทิ้งผมจริงหรือ”
“ครับ ผมจะกลับบ้านแล้ว” ชายหนุ่มทำใจแข็งตอบเสียงเรียบ ทว่าแก้มทั้งสองข้างกลับแดงก่ำจนคนเจ้าเล่ห์เกือบอดใจไม่ไหว ใจนั้นอยากฟัดจะแย่ แต่ก็ไม่อยากขัดใจกมลเช่นกัน
เขาจะรออดเปรี้ยวไว้กินหวานทีเดียว
“ก็ได้ครับ แต่ให้ผมไปส่งนะ”
“ผมขับรถมา” กมลว่า
“ผมก็จะขับรถคุณไปส่งคุณที่บ้าน”
“แล้วคุณจะกลับยังไง”
“เดี๋ยวโทรให้คนมารับ”
“แต่…”
“ห้ามปฏิเสธครับ” ณธิปว่า “ไม่อย่างนั้นผมไม่ให้กลับแล้วนะ”
“อย่าคิดว่าจะขู่ผมได้ตลอดนะคุณเล็ก” กมลปราม
“ครับๆ ไม่ขู่ก็ได้ แต่ให้ผมไปส่งคุณนะ”
กมลจ้องตาเรียวๆ นั่นอยู่ครู่หนึ่ง จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนตอบตกลงแล้วจึงเดินเลี่ยงมาที่ห้องรับแขกเพื่อเก็บของ
“ก็ได้ครับ”
กมลและณธิปออกจากห้องมาที่ลานจอดรถพร้อมกัน พวกเขาขึ้นรถของกมลไป โดยมีณธิปเป็นคนขับตามที่ตกลง สถานการณ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะคลี่คลายลงไปด้วยดี ทั้งคู่จึงวางใจและผ่อนคลายขึ้น
จนไม่ทันคิดว่า…บางทีสุนัขจนตรอกก็กัดไม่ปล่อย เพราะมันไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว
<><><><><><><><><><><>
คุณไอโดนจู่โจม!!!!! 555555
แต่ก็งวดขึ้นทุกทีแล้ว อีกไม่นานก็จบแล้วค่ะ
ยังไงก็ฝากติดตามจนจบด้วยนะคะ ^^
ละอองฝน.