[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 24
มาแว้ววว มาม่า ตัดตัวอย่างตอนมาม่าเดือดมาให้ชิมลางด้วย เอาซี่ ร้อนแรงกันไปอีกกก 555
มาม่าไม่มากค่ะ จริงๆ สาบานได้ เจ็บเหมือนมดกันนิดเดียว (มดทั้งรัง 555 #โดนตบ) ส่วนที่หลายๆ คนบอกว่าให้น้องธารตามไปเรียนกับพี่เหนือนี่ หนูแดงกระซิบบอกได้เลยว่าสองคนนี้ก็มีแพลนค่ะ แต่ว่า...
ไปรออ่านเอาตอนเต็มๆ แล้วกันเนอะ สปอยล์ให้อยากแล้วจากปายยยย อิอิ
เจิมแล้วปูเสื่อรอเลยจ้า อีก 2-3 วันจะมานะ อาจมาเร็วกว่านั้น แล้วแต่อารมณ์และความสวยของคนเขียน XD
-----------------------------------------
“พี่เหนือ! สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”
“น้องธาร ใจเย็นๆ ก่อน”
“จะให้ใจเย็นยังไงได้อีก สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้เลย!”
ธารไม่ฟังผมพูดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังลากผมให้มานั่งบนเก้าอี้หน้าโน้ตบุ๊ค พยายามบังคับให้ผมเข้าเว็บไซต์ทุนแล้วไปยื่นขอสละสิทธิ์ แต่ใครมันจะไปทำวะ นั่นมันความฝันของผมนะเว้ย ตลอดยี่สิบสองปี ผมตั้งใจเรียนมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ ถึงจะรักธารมากเช่นกัน ทว่าจะให้ผมทิ้งความฝันแล้วไปเลือกมันก็ไม่ได้ ถ้าในอนาคตเลิกกันขึ้นมาจะเป็นยังไง ไม่เท่ากับว่าผมเสียโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตไปเลยเหรอ?
ผมก็เลยขืนตัว ไม่ยอมนั่ง หลบมายืนอยู่อีกมุม ข่มใจให้ใจเย็นที่สุด เพราะตอนนี้คนที่เดือดกว่าใครเพื่อนก็คือคนตรงหน้าผม
“น้องธาร ฟังพี่เหนืออธิบายก่อนนะ”
“จะต้องให้ฟังอะไรอีก! ธารฟังพี่มามากแล้ว ตอนนี้พี่ต้องฟังธาร สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”
ความจริงมีแต่ผมต่างหากที่ฟังมัน เพราะผมเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้มาโดยตลอดด้วยยังไม่รู้ผล และที่เลี่ยงก็เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างเราสองคน แต่ตอนนี้เลี่ยงไม่ได้แล้ว ในเมื่อรู้ผลแล้ว และผมก็ตัดสินใจว่าจะไป ดังนั้นก็มีทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือ การอธิบายให้ธารเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
แต่ก็เท่านั้น ธารไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม มองหน้าผมด้วยสายตาแข็งกร้าว ปากก็ยังออกคำสั่งไปหยุด
“ธารฟังคำโกหกของพี่มามากแล้ว ไม่ไปอะไร อยู่ด้วยกันตลอดไปอะไร! แม่งโกหกทั้งนั้น!”
“น้องธาร ฟังพี่...” ผมอ้าปาก จะอธิบายอีกครั้ง
หากแต่ธารตรงเข้ามากระชากผมให้ไปที่โน้ตบุ๊คอีกรอบ แล้วบังคับให้ทำสิ่งที่ผมไม่อยากทำอีก
“สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้! ถ้ารักกันจริงก็ทำซะ!”
ผมว่ามันไม่มีเหตุผลเลย งี่เง่าเกินไปแล้ว หมดประโยชน์จะคุยแฮะถ้ามันยังอารมณ์ร้อนไม่เลิกอย่างนี้
ผมก็เลยสะบัดตัวออก ลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนีออกจากห้อง ปล่อยให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยคุยกัน ทว่าพอเดินไปถึงประตู ธารก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนผม ดึงซะเต็มแรงให้ผมหันหน้าไปสบตามัน
“จะหนีไปไหน! บอกให้สละสิทธิ์ไงวะ!”
บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมหมดความอดทนแล้ว ความงี่เง่าเอาแต่ใจของมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองถูกบีบคั้นเกินไป จนเผลอหลุดตะคอกใส่มันอย่างไม่รู้ตัว
“โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะเว้ย! นายเลิกทำตัวเป็นเด็กซะที ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว!”
ไม่ใช่แค่ตะคอก สรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวผมกับธารก็เปลี่ยนไป ธารชะงักไปครู่ ดวงตาแข็งกร้าวฉายความผิดหวังออกมาให้เห็นชัดเจน ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ธารใจเย็นลงได้เลย รังแต่จะทำให้มันใจร้อนมากขึ้นไปอีก
“แล้วยังไงวะ! ก็สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันแล้ว จะมาเปลี่ยนคำพูดแบบนี้ไม่ได้! พี่เป็นแฟนธารแล้ว ห้ามไปไหนเด็ดขาด!”
ผมยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนเลยแม้แต่น้อย ธารเองก็เช่นกัน มีเมื่อกี้นี้แหละที่มันโพล่งขึ้นมาเอง แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรมาก วินาทีนี้อยากให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน เพราะผมเองก็ไม่อยากจะเดือดดาล หลุดคำพูดทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักออกมาเพราะเราตกลงกันไม่ได้อีก
ผมเลยสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุม เดินหนีอีกครั้ง แต่ธารก็ยังคงเป็นธาร ใจร้อนและไร้เหตุผลเหมือนเดิม แค่เห็นผมจะหนี ก็เข้ามาฉุดแขนอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ฉุดเปล่า ยังเหวี่ยงเข้าไปกลางห้อง หวังจะไม่ให้ผมออก ทว่าในนาทีที่เหวี่ยงร่างผมนั้น ธารคงจะลืมระงับแรงตัวเองไป ทำให้ผมที่ไม่ทันตั้งหลักเซถลาล้มจุ้มปุ๊กไปบนพื้น หัวข้างหนึ่งกระแทกเข้ากับขาโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลเสียเต็มแรงจนรู้สึกมึนไปชั่วขณะ
มึนอย่างเดียวไม่ว่า พอยื่นมือไปแตะบริเวณที่ถูกกระแทก ก็เห็นว่ามีเลือดไหลซึมออกมาด้วย
ธารมองผมด้วยสายตาตระหนก คงจะตกใจที่เผลอทำร้ายผมโดยไม่ได้ตั้งใจ รีบปรี่เข้ามาหาผมทันที
“พี่เหนือ เป็นอะไรมั้ย”
เป็น... เป็นมากด้วย มากกว่านั้นคือผมไม่อยากจะคุยกับมันในตอนนี้แล้ว ผมเองก็เริ่มโมโหเหมือนกัน แค่เห็นมันทำท่าจะประคองผม ผมก็ปัดมือมันออก
“อย่ามาถูกตัวฉัน”
“พี่...” ธารคราง ยื่นมือมาจะจับผมอีกครั้ง แต่ผมก็ปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี หลุดตะคอกมันไปอีก
“บอกว่าอย่ามาถูกตัวฉันไง!”
ธารนิ่งค้าง ไม่เชื่อสายตาว่าคนอย่างผมจะโกรธมันเป็นเหมือนกัน ทว่าผมก็ไม่ใส่ใจแล้ว ดันตัวขึ้นยืน แล้วพุ่งไปทางประตู ธารก็ทำท่าจะตามมาอีกนั่นแหละ ผมเลยรีบเบรกมันไว้ก่อนด้วยไม่ต้องการจะทะเลาะกับมันอีก
“อย่าตามมา ไว้นายหยุดความหมาบ้านี่ได้ แล้วพร้อมจะคุยก่อน ค่อยมาคุย ฉันเบื่อที่จะโอ๋เด็กไม่รู้จักโตอย่างนายเต็มแก่แล้ว ถึงเวลาที่นายจะต้องฟังเหตุผลของฉันบ้าง”
“แต่พี่...” ธารทำท่าจะแย้ง สีหน้ารู้สึกผิดเต็มแก่
แล้วมันช่วยอะไรล่ะ ผมไม่ได้ต้องการจะโอ๋มันแล้ว ผมเองก็ต้องการแคร์ความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน มันเหนื่อยนะที่จะต้องไปดูแลเทคแคร์ความรู้สึกคนอื่นตลอดเวลาทั้งที่อีกฝ่ายไม่แคร์ความรู้สึกหรือสนใจความต้องการของผมเลย
ผมเลยพูดดักเอาไว้ก่อนที่มันจะพูดจบ
“ฟังนะธาร ชีวิตฉันไม่ได้มีแค่นาย ฉันจะไม่ทิ้งโอกาสในอนาคตหรือความฝันของฉันเพื่อนายเด็ดขาด ยังไงฉันก็จะไป ส่วนนาย... ถ้ายอมรับกับการตัดสินใจของฉันได้เมื่อไหร่ก็ค่อยมาคุยกัน”
ธารทำท่าอึดอัดขึ้นมา ดวงตาก้าวร้าวเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนมันจะเดือดขึ้นมาอีกครั้ง หันไปสบถเสียงดัง
“โธ่เว้ย! ทำไมเป็นอย่างนี้วะ!”
แล้วก็เริ่มทำลายข้าวของในห้องตัวเอง ถ้าเป็นเวลาปกติ ผมจะเข้าไปห้าม เข้าไปปลอบประโลมให้มันรู้สึกดี ทว่าคราวนี้ผมทำได้แค่ยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยออกมาจากห้อง พุ่งลงไปชั้นล่างและออกจากบ้านมันมาในเวลาอันสั้น
ใช่ว่าผมอยากจะทำแบบนี้ ผมก็รู้สึกแย่ เพราะผมเองก็รักธาร รักมากจนไม่อยากเสียไป แต่ความฝันของผมก็สำคัญมากจนไม่อยากเสียไปเหมือนกัน