:L2:มาอ่านกันต่อน๊า...ดูสิว่าใครจะทายถูกกันบ้าง ^___^ =================================================
จอมไตรซีรี่ส์-คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ
ตอนพิเศษ :1 ครึ่งหลัง“มาคนเดียวหรือ”
เสียงใสๆดังขึ้น แก้วน้ำเย็นถูกยื่นมาให้ผมพร้อมรอยยิ้มผมพยักหน้าตอบ ไม่มีใจจะรักษาฟอร์มใดๆไว้ ผมเหนื่อย และหิวน้ำมากๆ ผมรับน้ำมาดื่มอย่างรวดเร็วๆ เจ้าของแก้วหัวเราะนิดหน่อยที่เห็นท่าทางของผม ก่อนจะรับแก้วเปล่าๆนั้นกลับไป
“มาคนเดียวหรือ”
เขาถามย้ำอีกครั้ง ผมก็พยักหน้าให้ คนที่มาทักผม อายุน่าจะพอๆกับผม จากที่ผมกะเอา ตัวเขาสูงกว่าผมนิดหน่อย ผิวขาว และน่าตาน่ารัก เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักจริงๆ ผมได้แต่คิดในใจ เด็กคนนั้นนั่งลงข้างผม
“ฉันมาส่งแม่หาหมอที่โรงพยาบาลตรงนั้น”
มือน้อยๆชี้ตรงไปที่โรงพยายามอีกฝากถนน
“แต่นี่หนีออกมาซื้อขนมล่ะ”เธอพูดอย่างซุกซน
“แล้วไม่ไปโรงเรียนเหรอ”ผมถามเพราะเธออยู่ในชุดธรรมดา เธอส่ายหัวยิ้มๆ
“แม่ไม่สบาย เรียนไม่รู้เรื่องหรอก”
พอผมทำหน้างงๆ เธอก็พูดต่อ
“แต่ที่จริง หาเรื่องโดดเรียนต่างหากล่ะ”พูดจบก็หัวเราะคนเดียว ในขณะที่ผมยังนั่งมึน
“นายล่ะ โดดเรียนหรือ”ผมพยักหน้า
“หนีออกมาจากโรงเรียน และจะไม่กลับบ้านแล้ว”ผมพูดไปตามความจริง
“หนีออกจากบ้านหรือ”คนตรงหน้าผมทำท่าตื่นเต้น
“น่าสนุกจัง”เธอพูดไปยิ้มไป แล้วทำท่าเหมือนกำลังเคลิ้มฝัน
“ไม่สนุกหรอก”
ผมพูดเบาๆ เสียงแผ่ว มันจะสนุกได้ไง ในเมื่อผมกำลังจะกลายเป็นเด็กจรจัด
“ไม่นะ น่าสนุกดี แถมยังเท่ห์ด้วย หนีออกจากบ้าน ฟังดูดีจัง”
ผมส่ายหัว เพราะรู้ว่าพูดไปอีกฝ่ายก็คงไม่เข้าใจ ดูท่าเธอจะมองโลกในแง่ดีไปหน่อยไหม
“แล้วทำไมถึงหนีออกจากบ้านล่ะ”
พอออกจากห้วงฝัน เจ้าของเสียงใสก็หันมาถามผมต่อ
“ก็ที่นั่น ไม่มีใครรัก หรือต้องการผม”
เธอเอียงคอน้อยๆ ซึ่งดูน่ารักดี
“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่รักลูกหรอก”
พูดเหมือนเป็นผู้ใหญ่เลย ผมแอบขำ
“แต่พ่อ แม่ผมตายแล้ว”
เธอเงียบไป
“แล้วอยู่กับใครหรือ”
น้ำเสียงเศร้าลงไป หน้าตาที่มีรอยยิ้มประดับก็ซึมลงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ๆ คนล่ะแม่น่ะ”
เธอพยักหน้าเงียบๆ
“แล้วไม่มีใครรักนายหรือ”
ผมพยักหน้า ไม่มีใครรักผมหรอก พวกเขาไม่ต้องการผมด้วย แต่จะทิ้งผมก็ไม่ได้ เพราะยังไงผมก็คือจอมไตร
“ไม่จริงหรอก”
อยู่ดีๆเจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้มหน้ามาใกล้ๆผมที่นั่งอยู่ ดวงตาคู่นั่นจริงจังจนผมแปลกใจ
“ต้องมีใครสักคนที่รักนายสิ ไม่อย่างงั้นนายก็คงไม่ต้องหนีออกจากบ้าน แต่โดนไล่ออกจากบ้านต่างหาก”
เธอพูดแล้วยิ้มขึ้นมาใหม่ ราวกับพอใจกับคำพูดนั้นของตัวเอง
“ตอนนี้ไม่รัก แต่สักวันต้องรักแน่ๆ ถ้านายเป็นเด็กดี พ่อกับแม่สอนฉันแบบนี้เสมอ...และฉันคิดว่าพ่อแม่นายคงโกรธที่นายไม่พยายามเลย”
ผมพยักหน้ารับ นั่นสิ ผมกับพี่ๆไม่รู้จักกันมาก่อน ผมที่มานั่งท้อใจทั้งที่ไม่ได้พยายามคงต้องโดนแม่กับพ่อดุเอาแน่ๆ พ่อสอนให้เข้มแข็ง อดทน และพยายาม แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เอาแต่วิ่งหนี
“เอาล่ะ โรงเรียนอยู่ไหน ฉันจะไปส่ง”
เด็กน้อยพูดขึ้นอย่างถือดี ราวกับอายุมากกว่าผมมากมาย ผมส่ายหัว แล้วลุกขึ้น ผมเดินมาเองได้ ก็ต้องกลับเองได้เช่นกัน
“นายชื่ออะไร”
“
ไม้ เธอล่ะ”
เด็กคนนั้นขมวดคิ้วนิดนึงก่อนจะคล้ายออก
“ชื่อ
กลอน....แล้วก็ไม่ใช่เธอ ...ต้องนายต่างหาก.....ฉันเป็นเด็กผู้ชาย...”
ว่าแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะโบกมือลา ข้ามถนนกลับไปฝั่งตรงข้ามเดินหายไปในโรงพยาบาล ส่วนผม ยังนิ่งเพราะตกใจที่ตัวเองแยกหญิงชายไม่ออก แต่สายตาก็ไล่ตามอีกฝ่ายไปจนลับตา ก่อนสองขาจะก้าวเดินกลับไปทางเดิม ผมต้องกล้าเผชิญกับความจริงอย่างที่เด็กคนนั้น....ไม่สิ....อย่างที่กลอนว่า ถ้าผมเป็นเด็กดี สักวันคงจะมีใครสักคนรักผมแน่นอน
..............................
“ไปไหนมา”
พี่ไฟรีบวิ่งมาหาผมแล้วจับเนื้อตัวผมสำรวจดูอีกครั้ง พี่น้ำส่ายหน้ากับพฤติกรรมนั้นก่อนจะมาดึงพี่ไฟออกไป
“นายทำน้องตกใจ”
ใช่...พี่น้ำเลือกใช้คำว่าตกใจ มากกว่าคำว่ากลัว ทั้งๆที่ผมกลัวมากกว่าตกใจ
พี่ไฟยอมเงียบ และพยักหน้าเข้าใจ
“เจ็บตรงไหนบ้าง”
พี่น้ำถามผม ส่วนผมก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ดีแล้ว”เขาตบบ่าผมเบาๆ
“แล้วนี่ไปไหนมา พี่ๆเป็นห่วงรู้ไหม?”
ผมเงยหน้าขึ้นมอง ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่น้ำพูดจริง แต่สายตาที่มองผมอยู่มีแววอ่อนโยนและเป็นห่วงใยชัดเจน เขาพยายามสื่อให้ผมรู้ว่า เขาไม่ได้โกหก
“แต่....”
ผมมองเลยพี่น้ำไปทางด้านหลัง ไม่กล้าพูดว่าแต่คนอื่นๆอาจไม่ใช่ พี่น้ำลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
“พี่ๆทุกคนรักนายนะไม้ รักและเป็นห่วง แต่การแสดงออกอาจไม่เหมือนกัน”
ผมยังไม่ค่อยเข้าใจที่พี่น้ำพูด
“อย่างนายไฟ เขาเป็นห่วงนายมาก ถึงได้รีบมาที่นี้ก่อนเพื่อน ทั้งๆที่ได้รับแจ้งข่าวเป็นคนสุดท้าย แล้วที่ตะโกนใส่นาย ก็เพราะเป็นห่วงมาก ไม่ใช่เพราะโกรธ....หรือเกลียด”
ผมเหลือบไปมองพี่ไฟ เห็นเขาเสไปมองทางอื่น ท่าทางเขินๆ ผมคิดถึงพี่ชายอีกสองคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี้ หมายความว่าพี่อีกสองคนเขาไม่ได้สนใจผมรึเปล่า
“นายลมเอง ตอนนี้ก็วิ่งวุ่นกับการสั่งให้คนตามหานาย จะว่าไป ไฟโทรไปบอกสองคนนั้นด้วยว่าเจอตัวแล้ว”
“ครับ”
พี่ไฟรับคำก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้น
“ส่วนพี่ดิน....ตอนนี้อยู่ที่บริษัท แน่นอนกำลังวางแผนการประชุมวันนี้ แต่ไม่ใช่เขาไม่ใส่ใจเรื่องนายนะไม้ พี่ดินไปที่บริษัททันทีที่รู้เรื่อง และสั่งให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับครอบครัวของเด็กคนนั้น ที่จริง เรื่องของเด็กทะเลาะกันไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลยแท้ๆ นายว่าไหม”
ผมพยักหน้า เห็นด้วย พี่น้ำยิ้ม
“แต่เพราะเด็กคนนั้นพูดไม่ดีไว้เยอะกับนาย พี่ดินเลยไม่สามารถเฉยได้ เขาทำร้ายนาย ไม่ว่าเป็นใคร นายจะเจ็บมากเจ็บน้อยแค่ไหน พี่ๆก็ไม่มีทางปล่อยไปเฉยๆแน่นอน”
พี่น้ำยิ้มอีก เหมือนจะถามผมว่า เข้าใจใช่ไหมว่าพี่ทุกคนรัก
“แต่ไม่มีใครพูดกับผม”
“เพราะนายไม่พูดกับใคร ไม่มองหน้าใคร ทุกคนคิดว่านายยังเสียใจเรื่องพ่อกับแม่ เลยไม่กล้าพูดคุย ทั้งๆที่ทุกคนออกจะเห่อนาย”
พี่น้ำพูดพลางเหล่ตาไปทางพี่ไฟ
“อย่าหมอนั่น ทั้งๆที่ไม่ชอบกินปลา กลับสั่งให้ทำข้าวต้มปลาเมื่อเช้า เพราะรู้ว่านายชอบ”
“พี่น้ำ!”
พี่ไฟเรียกพี่ชายเสียงดัง แต่พี่น้ำเพียงหัวเราะหึหึ ในคอเท่านั้น
“รถที่มาส่งเมื่อเช้า ลีมูซีนนั่นน่ะ ปกติไม่ค่อยได้ใช้หรอก แต่นายดินเขากลัวนายเบื่อการนั่งรถตู้เลยบอกให้ใช้รถคันนั้น ตลกชะมัด”
พี่น้ำพูดแล้วทำท่ากลั้นหัวเราะ จะว่าไป ถ้าไม่ติดว่าผมกำลังคิดมากอยู่ ผมคงตื่นเต้นดีใจไม่น้อยเลยที่ได้นั่งรถคันนั้นมาเรียน
“และทำแบบนั้น ก็เหมือนบอกให้ทุกคนรู้ว่านายสำคัญ และเป็นจอมไตรเท่าๆกับพวกพี่ทุกคน เข้าใจแล้วนะ”
ผมพยักหน้า
“แล้วทีเรื่องที่ตัวเองไปหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ กับข้าวของในห้อง แถมยังไปสั่งกำกับดูแลการจัดห้องของไม้ด้วยตัวเองไม่เห็นพูดเลย”
พี่ไฟพูดขึ้นมาเรียบๆ เหมือนล้อ ทำเอาพี่น้ำหัวเราะแหะๆ
“แหมก็ไม่ได้มีแต่พวกนายหรอกนะที่เห่อน้องน่ะ”พี่น้ำพูดพลางเกาหัวตัวเอง
“พ่อเล่าเรื่องนายให้พวกเราฟังเสมอ พวกเราทุกคนอยากเจอนายมาก แต่เคารพการตัดสินใจของแม่นาย และคิดว่า สักวันเธอคงพร้อมมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเรา”
ผมยิ้ม ดีใจ พ่อพูดความจริง ทุกคนต้อนรับผมกับแม่จริงๆ
“แต่พวกเราก็ทนไม่ค่อยไหว เลยไปแอบดูนายบ่อยๆ โดยเฉพาะเจ้าลมกับเจ้าไฟ”
พี่น้ำพูดอย่างอารมณ์ดี
“เอาล่ะ งั้นก็ไปที่บริษัทกันได้แล้ว”
ออกเดินพร้อมจูงมือผมไปด้วย
“ผมไปด้วยได้หรือครับ”
ผมรีบเงยหน้าถาม ไม่เคยไปที่บริษัทพ่อสักที พี่น้ำพยักหน้า ก่อนจะก้มตัวลงมาพูดกับผมอีกครั้ง
“นาย....ต้องเรียนรู้เรื่องธุรกิจเหมือนพี่ๆ นายทำได้ไหม”
พี่น้ำพูดอย่างกังวลใจ
“ถ้าไม่ชอบพี่ๆก็ไม่บังคับนะ”แล้วรีบพูดต่อเมื่อเห็นผมนิ่งเงียบไป
“เปล่าฮะ แต่ผมกลัวทำได้ไม่ดี....อย่างพี่ๆ”พี่น้ำส่ายหน้า
“พี่เชื่อว่านายต้องทำได้ เชื่อพี่สิ”
ผมพยักหน้าและตรงไปที่รถ เพื่อมุ่งหน้าไปบริษัทต่อไป
............................
ผมดีใจที่เชื่อเด็กคนนั้นแล้วกลับมา ผมดีใจที่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นที่ต้องการ และพี่ๆรักผม
ทันที่พี่ลมเห็นหน้าผมก็วิ่งเข้ามากอดทันที แล้วถามโน้นถามนี่ด้วยความเป็นห่วง ทำเอาพี่คนอื่นๆหัวเราะกันไม่หยุด
การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี ผู้ชายที่พี่ไฟกระซิบบอกผมว่าเป็นพ่อของเด็กที่มีเรื่องกับผมถูกถอดออกจากตำแหน่ง เพราะเขาทะเยอทะยานอยากครอบครองที่นี้
ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ผมกับพี่ๆเริ่มสนิทกับมากขึ้น และทุกคนตามใจผมจนผมเหลิงไปเลย
ผมอมยิ้มทุกครั้งที่นึกถึงเด็กคนนั้น จำหน้าและชื่อของเขาได้แม่น ผมดีใจที่ลองคิดแบบมองโลกในแง่ดีอย่างที่เขาบอกให้ทำ ....สักวันมันต้องดีหากเราพยายาม ไม่ใช่นั่งจมอยู่กับความทุกข์เดิมๆ
ผมอยากเจอเด็กคนนั้นอีกครั้ง แต่ด้วยข้อมูลเพียงน้อยนิดไม่ทำให้พี่ๆของผมตามหาคนๆนั้นเจอได้ แต่ผมก็หวังและรู้สึกได้ ว่าสักวันผมต้องเจอเขาอย่างแน่นอน
.................
“นายกานท”
เสียงประกาศเรียกชื่อผู้ที่ได้รับทุน และเจ้าตัวก็ก้าวออกมา ผมมองใบหน้านั้นจังงั่น ใบหน้าที่ผมพยายามค้นหามาตลอดเกือบสิบปี ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ถึงบรรยากาศสดใสรอบๆตัวของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปเป็นบรรยากาศสงบเรียบเฉย แต่ผมก็จำคนตรงหน้าได้ดี
ไม่เสียแรงที่อดนอนมางานรับทุนตามคำสั่งของพี่ดิน ดวงตาคู่นั้นสอดส่องสายตามาเมื่อรู้ถึงสายตาของผม เราสองคนนิ่งสบตากัน ผมกำลังจะยิ้มทัก แต่ตาคู่นั้นกลับหลบไปซะก่อน ตอนที่ผมเดินเข้าไปใกล้เพื่อทัก ผมก็ได้รู้ว่า เขาจำผมไม่ได้ แน่ละผมโกรธนิดๆ อย่างคนที่โดนตามใจมาเสมอและไม่เคยถูกเมิน ผมยุบแผนการไปเรียนต่อต่างประเทศของผมลงทันที ผมจะอยู่ที่นี้ ใกล้ๆคนๆนี้ เฝ้าไว้ไม่ให้คลาดสายตา แม้จะจำผมไม่ได้ แต่ผมจะเฝ้าไว้ไม่ให้หายไปไหนได้อีก ถึงหนีหายไปผมก็จะตามหาให้พบให้ได้
เมื่อเขาเรียนจบ ต้องเข้าทำงานในจอมไตร เรื่องนี้ถูกกำหนดขึ้นมาทันที และก็ไม่ต้องแปลกใจหากผมจะเยี่ยมหน้าไปหาพี่ดินบ่อยๆ โดยไม่มีธุระอะไร
ผมพยายามค้นหาว่าทำไมเด็กที่เคยสดใส กลายเป็นคนเงียบและออกจะมืดมนไปได้ แต่พอผมทราบประวัติส่วนตัวของเขา ผมก็เริ่มเข้าใจ พ่อแม่เสียชีวิต ลุงยึดกิจการไป ตัวเองโดนส่งไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่ต้อนรับตนสักนิด สิ่งรอบๆตัวของอีกฝ่ายเลวร้ายเกินไปเกินกว่าจะทำให้ความสดใสยังคงอยู่ได้
ในขณะที่ผมยังมองโลกในแง่ดีเพราะคำพูดของเขา ตัวเขาเองกลับกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปแล้ว
......ผมไม่ยอมหรอก ผมต้องทำให้เขารู้ให้ได้ว่าโลกนี้ไม่ได้เลวร้ายไปหมด ผมไม่ยอมให้เขาทำตัวร้ายๆ และพยายามทำให้คนทั้งโลกเกลียดเขาหรอก ใครจะว่าผมยุ่งเรื่องของเขาก็ช่าง เขาจะว่ายังไงผมก็ไม่สน แต่ผมจะไม่ทิ้งเขาไว้คนเดียวอีกแล้ว ถ้าเขาไม่มีใคร อย่างน้อยๆ เขาต้องมีผมจบตอนพิเศษ 1 จ้า...