Heartbreaker : 07
“กลับมาแล้ว!”
เสียงตะโกนดังลั่นบ้านเรียกให้ผมรีบเดินออกจากห้อง ลงบันไดไปยังชั้นล่างที่ซึ่งมีผู้ชายร่างบางหน้าสวยแต่พลังเสียงยิ่งกว่าโทรโข่งยืนฉีกยิ้มกว้างรออยู่ เขายื่นถุงขนมหลายถุงในมือส่งให้ผมทันทีที่ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ผมยิ้มกว้าง รับมาถือไว้พลางก้มหน้าดูว่ามีขนมอะไรในถุงบ้าง
“มีแต่ของโปรดต้าร์ทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องส่องหรอก”
คนซื้อบอกแกมสัพยอกผม
“ขอบคุณนะฮะ พี่เนสน่ารักที่สุดเลย”
ผมโผเข้าก่อนเขาตามความเคยชิน
“ไม่ต้องมายอ เออ วันนี้เพื่อนพี่มาค้างที่บ้านนะ มาช่วยทำโปรเจค ต้าร์ไปบอกให้คุณป้าทำกับข้าวกับของหวานเพิ่มด้วย”
“ครับ”
ผมพยักหน้ารับ
“ไอ้เหี้ยเนส เดินเข้าบ้านตัวปลิวเลยนะมึง”
“เออ แม่ง เอาเปรียบพวกกูนี่หว่า”
ผมที่ตั้งใจจะเดินเข้าไปบอกคุณป้าแม่บ้านในครัวหันขวับกลับไปมองยังที่มาของเสียง เห็นผู้ชายร่างสูงสองคนในชุดนิสิตเดินก้มหน้าก้มตาหอบหิ้วของพะรุงพะรังทั้งฟิวเจอร์บอร์ด ทั้งม้วนกระดาษ ทั้งกระเป๋าเต็มสองมือเข้ามาในบ้าน แต่พี่ผมกลับยืนกอดอกนิ่งไม่สนใจเข้าไปช่วยเพื่อนแต่อย่างใด ผมย่นจมูกใส่พี่ชายที่ยืนหันหลังให้ เดินเข้าไปหาพวกเขา
“ให้ผมช่วยไหมฮะ”
ผมอาสาจังหวะที่พวกเขาก้มหน้าวางของลงบนพื้น
“ไม่ต้องไปช่วยหรอกต้าร์ มันสองคนถึกจะตาย หิ้วของแค่นี้ สบายมาก ใช่ไหมพวกมึง”
“โหย ไอ้! เว…”
ผมยืนยิ้มกว้างส่งให้พวกเขาอย่างเป็นมิตรเมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นมา เพื่อนพี่เนสนี่มีแต่คนหน้าตาดีจริงๆ ถ้าพวกเขาไม่ได้ใส่ชุดนิสิตอยู่ ผมคงคิดว่าพวกเขาเป็นนายแบบกำลังยืนโพสท่าเท่ห์ๆอยู่บนแคทวอล์กแหงๆ
“อ้าวๆๆ อย่าค้าง อย่ามองนาน นี่น้องกู ผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง”
พี่เนสเข้ามากอดคอผมไว้ขึงตาดุใส่เพื่อนของเขา ผมหลุดเสียงหัวเราะขำพี่ชายตัวเองกับอาการห่วงน้องจนออกนอกหน้า ทั้งๆที่เพื่อนเขาแค่มองผมเฉยๆ
“นี่เพื่อนพี่ ไอ้นี่ชื่อควินตัส ไอ้นี่ชื่อแซทเทิร์น เรียกสั้นๆว่าควินกับแซทก็ได้ ส่วนนี่น้องชายสุดที่รักของกู ชื่อเนคตาร์ เรียกต้าร์ก็ได้ตามสะดวก ย้ำอีกครั้ง น้องกูเป็นผู้ชาย”
“สวัสดีครับพี่ควินพี่แซท”
ผมยกมือไหว้สวัสดี พวกเขายิ้มบางๆทักทายผมกลับ ผมมองหน้าเขาสองคนแล้วก็นึกอิจฉาในใจ ทำไมผมไม่เกิดมาหน้าตาหล่อๆอย่างพวกเขาบ้าง ที่สำคัญ ทำไมผมไม่สูงเหมือนพวกเขา
“รู้จักกันแล้วก็ไป ต้าร์ไม่ต้องไปช่วยพวกมันหรอก เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
พี่เนสจับไหล่ผมผลิกกลับหลังหันดันหลังให้เดินไป ผมยิ้มพลางเดินตรงไปที่ห้องครัว ต้องบอกให้คุณป้าแม่บ้านทำของว่างเพิ่มขึ้นสองเท่าแล้วล่ะ เพราะดูจากรูปร่างพี่ควินกับพี่แซทแล้ว พวกเขาต้องกินจุแน่ๆ
ผมเดินออกจากห้องครัวพร้อมถาดซึ่งมีจานขนมวางอยู่เต็มพื้นที่ ตรงเข้าห้องนั่งเล่นสถานที่ทำโปรเจคของพี่เนสกับพวกเพื่อนๆ
“ของว่างมาเสิร์ฟแล้วครับ”
ผมส่งเสียงไปก่อนตัว เดินเข้าไปวางถาดไว้บนโต๊ะ
“ว้าว! น้องพี่ น่ารักจริงๆ ไหน มีอะไรกินบ้าง”
พี่เนสขยับตัวลงจากโซฟามานั่งยองๆข้างๆผมที่จัดวางจานขนมอยู่
“เยอะแยะเลยฮะ มีแต่ของอร่อยๆ ผมอยู่กินด้วยไหม”
ผมหันไปยิ้มอ้อนพี่ชาย เขายิ้มกว้างให้ผม แต่แล้วก็ยื่นมือมาหยิกแก้มผมทั้งสองข้าง ซ้ำยังบิดไปบิดมาเหมือนเห็นแก้มผมเป็นตุ๊กตา
“เจ็บนะ”
ผมบอกเสียงขุ่น ยกมือจับแก้มเมื่อพี่เนสผละมือออกไป
“ไม่ต้องมาสำออย ขึ้นไปทำการบ้านเลย ชอบอู้ตลอด”
ผมเบ้ปากย่นจมูกใส่เขา หันไปมองจานขนมบนโต๊ะตาละห้อย
“อะไร ขนมตัวเองก็มี พี่ซื้อมาให้ตั้งเยอะ ไปเลยไป ทำการบ้านเสร็จแล้วค่อยลงมา เข้าใจไหม”
เสียงเข้มสั่งตามมาอีก ผมหันไปมองพี่ควินกับพี่แซทที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างขอความช่วยเหลือทางสายตา แต่พวกเขากลับยิ้มขำผมที่โดนพี่เนสดุ ผมแลบลิ้นให้พวกเขาแล้วรีบเดินออกจากห้อง หนอย…คนอุตส่าห์เอาขนมมาเสิร์ฟให้ถึงที่ จะพูดชวนให้อยู่กินด้วยกันหน่อยก็ไม่ได้ จำไว้เลย!
ผมวิ่งลงบันไดตรงไปห้องอาหาร พี่เนสกับเพื่อนนั่งรอผมอยู่ที่โต๊ะแล้ว ผมเดินฉีกยิ้มกว้างให้พวกเขา เข้าไปนั่งเก้าอี้หัวแถวตรงข้ามกับพี่ควินซึ่งนั่งข้างๆพี่แซต ส่วนพี่เนสนั่งอยู่หัวโต๊ะ อาหารหลากหลายอย่างตรงหน้าเรียกให้ผมที่หิวจัดหลังจากทำการบ้านเสร็จรีบหยิบช้อนกับซ้อมตักข้าวเข้าปากทันที ผมตักกับข้าวหลายๆอย่างมากองรวมกันในจานข้าว ก้มหน้าก้มตากินจนได้ยินเสียงฮึมฮัมจากฝั่งตรงข้ามถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง
“มีอะไรเหรอฮะ”
ผมถามหน้าซื่อ มองหน้าพี่ควินกับพี่แซตสลับกันไปมา
“กินมูมมามเหมือนเด็ก จะรีบไปไหน”
น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายของพี่เนสเรียกให้ผมหันไปมอง ผมยิ้มแหยหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ขอโทษครับ ผมหิวไปหน่อย”
ผมผงกหัว วางซ้อม ยกมือขึ้นเช็ดปาก หันไปมองพี่ควินกับพี่แซทก็เห็นว่าพวกเขายังมองผมด้วยสีหน้านิ่งๆแต่มุมปากกลับยกยิ้มแปลกๆ ผมยู่ปากไม่สนใจ จับซ้อมยื้อแขนออกไปหมายจะตักเอาไข่พะโล้แต่เหมือนว่าไข่ที่ผมหมายตาจะทรยศ เพราะมันไม่ยอมให้ผมตักได้สักที ในขณะที่ผมกำลังหงุดหงิดจู่ๆก็มีช้อนจากอีกฝั่งยื่นเข้ามาช่วยตักไข่พะโล่ใส่ช้อนให้ผม ผมมองหน้าคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ยิ้มกว้างให้เขา
“ขอบคุณฮะพี่แซท”
“น้องกูมีมือ มันตักกินเองได้”
เสียงแข็งดังมาจากหัวโต๊ะ ผมรีบเอาไข่พะโล้เจ้าปัญหามาไว้ที่จานตัวเอง ก้มหน้าทานต่อไปจนข้าวหมดจาน หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“อิ่มแล้วเหรอ”
“ครับ อิ่มแล้ว อิ่มมากเลย”
ผมยิ้มตอบพี่เนส เอามือลูบท้องไปด้วย
“ข้าวติดแก้ม”
เสียงราบเรียบของพี่ควินเอ่ยขึ้นลอยๆ ผมขมวดคิ้วมองหน้าเขา ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างจะถามเขาว่าที่พูดไปเมื้อกี้ หมายถึงผมเหรอ เขาไม่ตอบ แต่ชี้นิ้วจิ้มแก้มตัวเองคล้ายจะบอกให้ผมรู้ถึงตำแหน่งที่ข้าวติดแก้ม ผมลูบมือไปตามตำแหน่งที่เขาบอกก็เจอเม็ดข้าวติดอยู่ ผมยิ้มเจื่อน รู้สึกอายที่ทำตัวซุ่มซ่ามต่อหน้าแขกที่เป็นถึงเพื่อนของพี่ชาย
“ขึ้นไปเอาหมอนกับผ้าห่มลงมาให้หน่อย คืนนี้พี่จะนอนที่ห้องนั่งเล่น”
พี่เนสทำหน้าดุใส่ผม ผมพยักหน้ารับรู้ลุกออกจากเก้าอี้ เดินเอื่อยๆออกจากห้องอาหาร เหลียวกลับไปมองก็เห็นว่าพี่ควินกับพี่แซทมองมาที่ผม ผมยิ้มบางๆให้พวกเขา หันกลับเดินต่อไป ผมหอบหมอนกับผ้าห่มสามชุดลงมาจากห้องรับรอง เดินไปห้องนั่งเล่นที่เปิดประตูไว้
“วางไว้บนโซฟาแล้วขึ้นไปอาบน้ำนอน ห้ามเล่นเกมส์เกินสามทุ่ม เข้าใจไหม”
พี่เนสหันมาสั่งทันทีที่เห็นว่าผมเดินเข้ามาในห้อง ผมเอาของที่หอบลงมาวางไว้บนโซฟา หันไปมองพี่ชายก็เห็นว่าเขาหันไปสนใจหน้าจอโน๊ตบุ๊คแล้ว หันไปมองอีกด้านก็เห็นพี่ควินกับพี่แซทกำลังรัวนิ้วลงบนคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คแต่ตากลับมองมาที่ผม
“ต้องการอะไรอีกไหมฮะ”
ผมถาม รอฟังเพื่อพวกเขาต้องการเรียกใช้อะไรเพิ่มอีก
“ขึ้นห้องไป”
พี่เนสหันมาสั่งผมเสียงเข้ม ผมหน้ามุ่ยมองค้อนเขากลับไปก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง ทำหน้าดุใส่ตั้งแต่ตอนทานข้าวแล้วนะ คอยดูเถอะ จะเล่นเกมส์ให้ถึงเที่ยงคืนเลย!
เลยเที่ยงคืน ผมเดินลงมาข้างล่าง ห้องนั่งเล่นไม่ได้ล็อค ผมเปิดประตูเข้าไป ตั้งใจจะแวะเข้ามาส่องดูพี่เนสกับเพื่อนๆว่าทำโปรเจคไปถึงไหนแล้ว แต่ปรากฏว่าคนในห้องพร้อมใจกันหลับอยู่บนพื้นทั้งๆที่โน๊ตบุ๊คทั้งสามเครื่องยังเปิดค้างไว้อยู่ ผมส่ายหน้ากับสภาพของพวกเขา นอนหลับทั้งชุดนิสิต น้ำก็ยังไม่ได้อาบ เชื่อพวกเขาเลย นอนหลับลงได้ยังไง ผมเดินย่องเข้าไปใกล้พี่เนสที่นอนคว่ำหน้าแนบอยู่กับหมอน จับผ้าห่มอยู่ปลายเท้าขึ้นห่มให้เขา เดินไปอีกด้านเห็นพี่ควินนอนหงายขาข้างนึงวางทับกับกองฟิวเจอร์บอร์ดข้างๆเขามีผ้าห่มวางกองอยู่ ห่างออกไปเกือบสองช่วงตัวพี่แซตนอนตะแคงหันหลัง ผมส่ายหน้าหยิบผ้าห่มผืนนึงออกมาคลี่ออกนั่งคุกเข่าห่มผ้าให้เขา กำลังจะผละออกห่างแต่จู่ๆคนที่นอนนิ่งอยู่ก็ลืมตาโพล่งดึงแขนผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจนตัวผมโน้มไปชนเขา สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆริดรดอยู่ที่ใบหน้า
“พี่ควิน”
ผมเรียกเขาเสียงเบา มองสบนัยน์ตาสีเฮเซลของเขานิ่งงัน ยังตกใจที่จู่ๆเขาก็ตื่นขึ้นมา
“ทำอะไร”
เขาถามผมเสียงเรียบ มือยังจับแขนผมอยู่
“ผมเห็นพี่ควินนอนไม่ได้ห่มผ้า เลยห่มผ้าให้ครับ”
ผมตอบ เขาค่อยๆคลายมือออกจนปล่อยในที่สุด ผมผละออกมา เขาเองก็ลุกขึ้นนั่ง ผมยิ้มเจื่อน ในใจก็กลัวว่าเขาจะด่าว่าผมเข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับเขา
“ทำไมยังไม่นอน”
ผมเลิกคิ้วกับคำถามของเขา จะให้บอกเขาว่านอนไม่หลับเพราะนั่งเล่นเกมส์ยันเที่ยงคืนก็กลัวว่าเขาจะปากโป้งไปเล่าให้พี่เนสฟัง แล้วผมก็จะโดนพี่เนสดุ เรื่องอะไรล่ะ ผมไม่บอกหรอก
“เล่นเกมส์โต้รุ่ง”
ผมหันไปมองตามเสียงที่โผล่เข้ามาแทรกราวกับอ่านใจผมออก พี่แซทตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ไม่ใช่นะฮะ ผม…ผมเล่นถึงสามทุ่มก็เข้านอนเลย แต่…พอดีว่าผม…ผมนอนไม่หลับเลยลงมาดูว่าพวกพี่ทำโปรเจคไปถึงไหนแล้ว”
ผมปฎิเสธเสียงตะกุกตะกัก
“โกหก”
“ผมไม่ได้โกหกนะ”
ผมเถียงพี่แซท ชะเง้อมองไปอีกฝั่งกลัวว่าพี่เนสจะตื่น
“เนส”
“อย่านะฮะ อย่าเรียก”
ผมหันไปบอกพี่ควิน ยกมือจุ๊ปากให้เขาเงียบไว้ แต่เขาไม่ฟังผมเลยทำท่าจะหันไปเรียกพี่เนสอีก ด้วยความกลัวว่าพี่เนสจะตื่นขึ้นมา ผมรีบถลาเข้าไปเอามือปิดปากพี่ควินไว้
“ผมขอร้อง อย่าปลุกพี่เนสเลยนะฮะ”
ผมบอกเขาเสียงเบา ถ้าพี่เนสตื่นขึ้นมาเห็นผมอยู่ที่นี้ เขาต้องต่อว่าผมแน่ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ผมร้อนรนกังวลใจเท่าความจริงที่ว่า พี่เนสต้องลงโทษผมโดยการตัดเงินค่าขนมและงดไม่ให้ผมเล่นเกมส์เป็นอาทิตย์ ซึ่งผมทนไม่ได้!
“ไม่ได้โกหกแล้วจะกลัวอะไร”
“เอ่อ…ผม”
ผมก้มหน้าคิดหาคำพูดมาโต้เถียงพี่แซท แต่สมองผมมันประมวลผลช้าเกินไป มือที่ปิดปากพี่ควินไว้จึงถูกจับดึงออก ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา เพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ใกล้ชิดเขาเกินไปจนจมูกแทบชนกัน ผมรีบผละออกแต่มือยังถูกพี่ควินจับดึงไว้ นัยน์ตาสีเฮเซลมองผมนิ่งคล้ายว่าเขามีเรื่องอยากจะต่อรองกับผม
“ยอมรับมาว่าโกหก”
เรื่องอะไรล่ะ!
“ไม่บอกหรอก”
ผมหันขวับไปมองคนพูด ตกใจที่จู่ๆพี่แซทก็มาโผล่อยู่ข้างหลังในระยะประชิด
“ไม่บอก? หมายถึง พวกพี่จะไม่บอกพี่เนสใช่ไหมครับ”
ผมถามเพื่อความแน่ใจว่าผมเข้าใจความหมายที่เขาพูดไม่ผิด พี่แซทพยักหน้า ผมยิ้มออกแต่ก็ยังไม่ไว้ใจพวกเขา ถ้าเกิดพวกเขาตลบหลังผมขึ้นมาล่ะ ผมก็แย่น่ะสิ!
“ผมจะรู้ได้ไงว่าพวกพี่พูดจริง ไม่ได้โกหกผม”
ผมพูดขึ้น มองหน้าเขาสองคนสลับกันไปมา
“ไม่เชื่อก็ตามใจ”
“เนส”
“ก็ได้ๆ ยอมแล้ว ผมยอมรับว่าผมโกหก ผมเล่นเกมส์ถึงเที่ยงคืน”
ผมรีบพูดรัวเร็ว พวกเขาแกล้งกดดันผมชัดๆเลย
“หิว”
“ห๊ะ”
ผมร้อง งุนงงกับปฎิกิริยาของพี่แซท เขาพูดว่าหิวแล้วก็ลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องไป ผมหันกลับมามองพี่ควิน เขาปล่อยมือผม ลุกขึ้นยืน
“หิว”
พูดเสร็จเขาก็เดินออกจากห้องตามพี่แซทไป ทิ้งให้ผมนั่งเอ๋อคิดทบทวนท่าทางและคำพูดของพวกเขา หรือว่า พวกเขาต้องการให้ผมหาอะไรให้พวกเขาทานเพื่อเป็นการปิดปากไม่ให้พวกเขาเอาเรื่องที่ผมเล่นเกมส์ถึงเที่ยงคืนไปบอกพี่เนส ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ ผมรีบลุกขึ้นเดินเร็วออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปห้องครัว พี่ควินกับพี่แซทยืนกอดอกรอผมอยู่ก่อนแล้ว แสดงว่าผมเข้าใจถูกต้อง
“อยากทานอะไรดีฮะ เดี๋ยวผมทำให้”
ผมยิ้มบอก เดินไปเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรเหลือบ้าง
“มีผลไม้กับขนมปัง โจ๊กซองก็มีนะครับ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็มี”
ผมหันไปบอกพวกเขา รอฟังว่าพวกเขาอยากทานอะไร
“อะไรก็ได้”
ผมพยักหน้าให้พี่แซท หยิบของออกมาจากตู้เย็นเอามาไว้บนโต๊ะ
“งั้นก็ ต้มบะหมี่ กับขนมปังทาแยมแล้วกันนะฮะ”
ผมพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ไม่รอให้พวกเขาได้ท้วงติงอะไร ลงมือทำให้พวกเขาทาน แกะซองบะหมี่ใส่ชามตามด้วยเครื่องปรุงรสแล้วเอาไปใส่ในไมโครเวฟตั้งเวลา หันกลับมาแกะขนมปังใส่จานเตรียมไว้ทาแยม
“คล่องดี”
ผมเงยหน้ามองคนพูด พี่ควินเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผม จะคิดว่าคำพูดเมื่อกี้เป็นคำชมได้รึเปล่านะ
“ผมชอบลงมาหาอะไรทานตอนดึกๆนะฮะ”
ผมบอกพลางตักแยมทาบนขนมปัง
“เนสรู้รึเปล่า”
“รู้ฮะ แต่ผมบอกเขาว่าลงมาทานนม เขาเลยไม่ว่าอะไร”
ผมตอบพี่แซท ได้ยินเสียงฮึมฮัมฟังไม่ได้ศัพท์ตามมา จะว่าอะไรผมก็ช่างเถอะ ขอแค่พวกเขาไม่แพร่งพรายเรื่องวันนี้ให้พี่เนสรู้เป็นพอ ผมไม่อยากถูกหักเงินค่าขนมกับถูกงดไม่ให้เล่นเกมส์
“เสร็จแล้ว นั่งเลยฮะ”
ผมเลื่อนจานขนมปังไปตรงกลางโต๊ะ หันกลับไปสวมถุงมือไมโครเวฟเปิดเอาชามบะหมี่ออกมาเสิร์ฟให้พวกเขาที่นั่งรอทานด้วยใบหน้านิ่งๆ
“ผมทำให้ทานแล้ว อย่าเอาเรื่องวันนี้ไปบอกพี่เนสนะฮะ”
ผมบอกพร้อมกับวางช้อนกับตะเกียบใส่ชามให้พวกเขา พี่แซทพยักหน้า ผมยิ้มออก หันไปมองพี่ควิน เขาคีบบะหมี่เข้าปากแทนคำตอบ ผมยิ้มกับท่าทีนิ่งๆของพวกเขา หันไปหยิบแก้วน้ำมากดน้ำจากตู้เย็นเสิร์ฟให้พวกเขา ยืนมองพวกเขาทาน เวลาแค่แป็ปเดียวเท่านั้นพวกเขาก็จัดการกับของตรงหน้าหมดไม่มีเหลือแม้กระทั่งน้ำเปล่า ท่าจะหิวจริงแฮะ
“เอาอะไรเพิ่มอีกไหมฮะ”
ผมถาม ในใจภาวนาขอให้พวกเขาพอแค่นี้เถอะ ผมไม่อยากเสี่ยงอยู่ในห้องครัวนานจนพี่เนสตื่นขึ้นมาเจอ
“พอแล้ว”
ผมยิ้มให้พี่แซท
“พี่ควินล่ะฮะ เอาอะไรเพิ่มไหม”
เขาส่ายหน้า ผมยิ้มกว้าง รีบเข้าไปเก็บจานชามไปวางไว้ในซิงค์ล้างจาน จัดการล้าง
“ขึ้นไปนอน”
ผมเลิกคิ้ว รู้สึกแปลกใจกับคำพูดของพี่ควิน เขากำลังสั่งผมเหรอ?
“จะเสร็จแล้วฮะ”
ผมบอกพร้อมกับคว่ำจานชามไว้กับที่พักด้านข้าง เช็ดมือจนแห้ง หันกลับไปยิ้มให้พวกเขาที่ยืนมองผมอยู่
“เสร็จแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะฮะ สู้ๆกับโปรเจคครับ”
ผมยิ้มกว้าง ยกมือขึ้นชูสองนิ้วให้พวกเขา ผมเดินผ่านพวกเขาไปใกล้จะถึงหน้าประตูแล้ว แต่เสียงที่เอ่ยขึ้นพร้อมกันทำให้ผมหยุดชะงัก หันกลับไปมองพวกเขา
“นอนดีดี”
ผมหลุดขำกับสีหน้าเรียบเฉยและท่าทางนิ่งๆดูเย็นชาของพวกเขา แต่คำพูดเมื่อครู่นี้กลับสวนทาง นอนดีดี ในความหมายของพวกเขา หมายความว่า ฝันดีรึเปล่า
“ฮะ ผมจะนอนดีดี”
ผมยิ้มบอกก่อนหันกลับเดินออกจากห้องครัวไป ถ้ามีพี่ชายอย่างพวกเขา ผมคงปวดหัวน่าดู เพราะผมไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไร ต้องการอะไร ผิดกับพี่เนสลิบลับ รายนั้น ถ้าไม่พอใจอะไรก็โวยวาย ต้องการอะไรก็ร้องสั่งจะเอาให้ได้ คิดอะไรก็อ่านออกทางสายตาหมด เฮ้อ…หวังว่าผมคงไม่ถูกพี่ควินกับพี่แซทหักหลังนะ ผมไม่อยากถูกหักค่าขนม ที่สำคัญงดเล่นเกมส์ ผมต้องลงแดงตายแน่ถ้าไม่ได้เล่นมัน!
----------------------------------------------------------------------------------------------------
กลับมาอัพแล้วค่าาาา
ตอนนี้ยังมีต่อนะ แต่อัพฉากซอฟท์ๆให้อ่านกันก่อน
เห็นมีคนรีเควสบอกตอนนี้ขอยาวๆ เก๋จัดให้ค่ะ แต่ต้องรอหน่อยนะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็น ขอบคุณที่ยังรออ่านกัน ขอบคุณมากๆๆๆๆๆค่ะ
ตอนนี้โน็ตบุ๊คกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแบตเตอรี่
ไปสอบถามราคาแล้วอึ้ง แพงใช้ได้เลยทีเดียวเชียว
รอเงินออกก่อนค่อยซื้อ
ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เงินจะออก กร้ากกกก ช่างมันเถอะ ข้ามประเด็นนี้ไป
ทีเหลือจะเข้ามาอัพเมื่อแต่งเสร็จนะ ตอนนี้คนแต่งเป็นหวัดลงคอด้วย บ้าบอมาก
เอาฉากซอฟท์มาลงให้อ่านแล้วก็อยากเครียดกันนะ
ยังยืนยันว่าเรื่องนี้ชิวค่ะ
ก่อนไป ขอเสนอศัพท์เฉพาะหนุ่มซึน คำว่า "นอนดีดี" ความหมายคือ "ฝันดี"
(เครดิตโดย : คุณควินตัสและคุณแซทเทิร์น@Heartbreaker)