ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะไปหรือไม่ไป รู้ตัวอีกที ชายหนุ่มก็มายืนหน้าทางเข้าผับแห่งนี้เสียแล้ว กว่าจะมาถึงก็เสียเวลานาน จ่ายค่าแท็กซี่ไปอีกบานเบอะ แต่ช่างเถอะ ยังไงก็มาถึงแล้ว ฉันทัชยกแขนขึ้นมาดูเวลา ใกล้จะสี่ทุ่ม ปาณัสม์คงยังไม่กลับหรอก จริงไหม
ฉันทัชเดินเข้าไปข้างใน มีคนไม่น้อยพากันมองเขาไม่วางตา ถึงเขาจะเดินผ่านไปแล้วแต่ก็ยังมองไล่หลัง ทว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจ สอดส่ายสายตามองหาโต๊ะที่คิดว่าอาจจะมีคนคุ้นหน้าอยู่มุมไหนสักแห่ง ฉันทัชมองหาไม่เจอหากช่วงเวลานั้นกลับมีคนมาแตะไหล่เบาๆ เขาตกใจรีบหันกลับไปจึงเห็นคนรู้จักยืนยิ้มให้
“จักร?”
“ใช่ เราเอง มาได้ไงเนี่ย ไอ้ปาลให้มาเหรอ” จักรีจับสังเกตภายในร้านได้ว่าต้องมีอะไรเด็ดๆ เข้ามาแน่ๆ ด้วยความเจ้าชู้เขาเลยออกมาดูเหยื่อ แต่ทำไมกลายเป็นคนของเพื่อนเขาไปได้
ฉันทัชส่ายหน้าเป็นคำตอบ จักรีพลางคิดว่าขนาดไม่ค่อยไปไหนมาไหน เดินเข้ามาในร้านทียังเรียกความสนใจไปเกือบหมด ถึงจะรู้จักมานาน ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าทำไมปาณัสม์มันถึงได้หวงนัก แต่ที่ขัดใจเขาก็คือไหนเพื่อนของเขาบอกว่าคนรักแต่งตัวเดิมๆ ไงวะ
เสื้อสเวตเตอร์สีครีมไม่หนาไม่บางจนเกินไป ตามสภาพอากาศเมืองไทย แต่ช่วยให้ความอบอุ่นเวลาอยู่ในห้องแอร์อุณหภูมิต่ำ ตามด้วยกางเกงผ้าฝ้ายสีดำเนื้อดีแบบลำลองและรองเท้าผ้าใบ แต่งตัวแบบนี้ นี่เรียกว่าเดิมๆ หรือเปล่า?แล้วแว่นดำที่เจ้าตัวคาดขึ้นไปบนศีรษะนั่นอีกล่ะ ให้ตายเถอะ แบบนี้แล้วปาณัสม์ยังบอกว่าเบื่ออีก เขาอยากจะบ้า
“ดึกขนาดนี้ยังจะใส่แว่นดำมาอีกเหรอ” จักรีทักพยักเพยิดหน้าไปบนศีรษะของฉันทัช
“กลางวันผมออกไปข้างนอกมาเลยลืมถอด” ฉันทัชจับแว่นที่คาดอยู่ก็ยิ้มแหย
“ถึงว่า แล้วนี่มาหาไอ้ปาลมันใช่ไหม”
“ใช่”
“มันจะไม่ว่าเอาเหรอ ออกมาข้างนอกเนี่ย” จักรีพูดเพราะรู้นิสัยเพื่อนดี
“ไม่เป็นไร ปาลคงไม่ว่าอะไรหรอก...เขาอยู่ไหนเหรอ” ฉันทัชยิ้ม หากในใจนึกหวั่นอยู่เหมือนกัน
“ไปแถวห้องน้ำอะ เห็นเลขามันเอาเอกสารมาให้บอกว่ามีเรื่องด่วน”
“เหรอ” ฉันทัชไม่อยากคิดไปไกล เลขาของปาณัสม์นี่ทำงานดีเกินเงินเดือนเหลือเกิน
“เดินไปหามันสิ ทางซ้ายนั่นอะ”
“ขอบคุณนะ”
“อืม โต๊ะเราอยู่ทางนั้น” จักรีชี้ไปยังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ ฉันทัชเห็นชัดเจนก็รู้ว่ามองไม่ผิดโต๊ะ “เห็นไหม”
“เห็น”
“โต๊ะนั้นแหละ ถ้าเจอไอ้ปาลแล้วก็บอกให้มันกลับมาที่โต๊ะได้แล้ว”
“อืม”
ฉันทัชเดินไปตามที่จักรีบอก แสงไฟสลัวทำให้เขามองทางไม่ค่อยชัด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่เพราะในร้านไม่ได้มีเส้นทางคดเคี้ยวให้เขาต้องหลง ซ้ำยังมีป้ายบอกทางมาห้องน้ำชัดเจน เขาคิดว่าเดินมาใกล้ถึงดังจุดที่ว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่เจอใคร ชายหนุ่มจึงเดินต่อไปอีกนิด มองเห็นโซฟาขนาดยาวกว่าปกติพิงผนังอยู่ใกล้ห้องน้ำ ฉันทัชยิ้ม ทางร้านก็เข้าใจคิดตั้งสิ่งนี้ไว้เป็นที่นั่งพักของคนเมา ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ๆ สายตาเห็นเงาตะคุ่มๆ ของคนสองคน
เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิด ใจเต้นระส่ำ ดังไม่เป็นจังหวะ หัวใจเหมือนจะหลุดออกมาจากอก บอกหน่อยสิว่า เขากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ ภาพชายคนรักยึดไหล่เลขาเอาไว้ พลางก้มหน้าเข้าไปใกล้ ทั้งคู่กำลังจะจูบกันใช่ไหม เขาควรจะเรียกชื่ออีกฝ่ายให้รู้ตัวหรือควรรอให้เขาจูบกันเสร็จก่อน
“ปาล” เสียงเรียกไม่ดังนัก แต่ก็ทำให้คนสองคนสะดุ้งรีบแยกออกจากกัน
“จันทร์?มาได้ไง”
“ไม่ต้องสนใจหรอกว่ามาได้ไง เรามาสนใจเรื่องนี้กันดีกว่าว่าปาลมาทำอะไรตรงนี้” ฉันทัชมองข้ามไหล่ของปาณัสม์ไปที่เกศสิรี ดวงตาของเขามองหญิงสาวคนนั้นอย่างไม่พอใจ กล้าดีอย่างไร ถึงอยากจะมาใช้ผู้ชายร่วมกับเขา เกศสิรีถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว
“มาเซ็นเอกสารน่ะ”
“เหรอ แต่เมื่อสักครู่นี้ จันทร์เหมือนจะไม่เห็นปาลเซ็นอะไรเลย” ฉันทัชพูดราบเรียบ
“เซ็นเสร็จแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่จันทร์คิด” ปาณัสม์พยายามอธิบาย
ฉันทัชแค่นยิ้ม ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แล้วอย่างไหนล่ะที่เขาควรคิด
“ออกไปคุยกันข้างนอก จันทร์ไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัวต่อหน้าคนนอก” ประโยคแรกเขาบอกปาณัสม์ ส่วนประโยคหลังเขาจงใจบอกเกศสิรี
ปาณัสม์เดินตามหลังฉันทัชไปห่างๆ ไม่ใช่เพราะกลัวอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มกำลังกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก เมื่อครู่นี้เขามาเซ็นเอกสารตามที่เกศสิรีบอกจริงๆ แต่จู่ๆ เลขาของเขาก็ล้มลงกับพื้น เธอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อย ปาณัสม์จึงประคองหญิงสาวไปนั่งตรงโซฟาตัวนั้น เขาถอดแว่นแล้วก้มหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะเหมือนหญิงสาวจะหน้าซีดเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าฉันทัชเห็นภาพนั้นแล้วตีความไปอย่างไร แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ขนาดคนรักของเขายังเดาได้ แล้วเขาล่ะจะไม่รู้ตัวได้อย่างไร ถ้าหากในตอนนั้นฉันทัชไม่เรียกเขาไว้ จะเกิดอะไรขึ้น
“จันทร์มาได้ไง” ประโยคแรกที่พวกเขาออกมายืนนอกร้าน
“นั่งแท็กซี่มา”
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“วันนี้จันทร์ไปหาที่บริษัท แต่ปาลไม่อยู่” ฉันทัชค่อยๆ ข่มใจแล้วพยายามพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นร้ายแรง
“ใช่ ปาลไปคุยกับลูกค้าอีกบริษัทหนึ่ง”
“เลขาปาล? คุณสิใช่ไหม บอกว่าคืนนี้ปาลจะมาที่นี่”
“ใช่ ปาลบอกเขาไว้เองเผื่อว่ามีปัญหาอะไร ร้านนี้เป็นร้านของลูกค้าที่เคยติดต่องานที่บริษัท” ปาณัสม์อธิบายเพิ่ม
“ไม่เป็นไร จันทร์ไม่อยากรู้หรอก”
“แล้วจันทร์มีอะไร ทำไมไม่รอที่บ้าน”
“พอดีจันทร์ได้งานมางานหนึ่ง จันทร์อยากทำก็เลยรีบมาหา จะมาถามว่าขอไปทำงานนี้ได้ไหม เสร็จแล้วเราจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน”
“อ่า...”
“ผิดแผนไปหมดเลย ว่าไหม” ฉันทัชทำเสียงเหมือนกำลังพูดเรื่องตลก
“งานอะไร”
“จันทร์คิดว่าไม่ต้องขอปาลแล้วล่ะ”
“ทำไม?”
“จำคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับจันทร์ได้ไหม”
...
‘จันทร์ ขออะไรจากปาลข้อหนึ่งได้ไหม’
‘ได้สิ กี่ข้อก็ได้’
‘ข้อเดียวก็พอ’ฉันทัชหัวเราะ
‘สัญญากับจันทร์นะ จะไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ถ้ามีคนนอกใจ’
‘หมายความว่าไง’
‘ก็หมายความว่า ถ้าปาลนอกใจเมื่อไหร่ แปลว่าเราจบกัน’
‘เชื่อปาลได้เลย จันทร์ไม่มีวันเลิกกับปาลหรอก’
...
ปาณัสม์กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น
“จำได้ แต่มันไม่ใช่อย่างที่จันทร์เห็น ปาลไม่ได้..” เขาพูดไม่จบก็ถูกฉันทัชแทรกขึ้นมาก่อน
“พอเถอะ จันทร์เหนื่อยแล้ว เหนื่อยแล้วจริงๆ” ชายหนุ่มพูดเสียงนิ่งดังเดิม สำหรับคนขี้โมโห ใจร้อน อย่างฉันทัชสงบนิ่งได้แบบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่ปาณัสม์กลัวที่สุด
“จันทร์เห็นภาพปลายทางของจันทร์จะมีปาลอยู่ข้างกัน จันทร์รู้ว่าเราต่างอดทน แต่ก็นะ” ฉันทัชถอนหายใจ
“คนอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปีแล้วนี่นา เราคงอดทนมันไม่มากพอ ก้าวข้ามผ่านมันไม่ได้ มันถึงได้เป็นแบบนี้ จันทร์จะไม่โทษใครหรือแม้กระทั่งปาลก็ตามที่ทำให้จันทร์อยู่ตรงนี้ การที่จันทร์เลือกอยู่กับปาล จันทร์คิดเสมอว่าจันทร์เลือกไม่ผิดและก็ไม่ผิดจริงๆ” ฉันทัชยิ้มให้แต่ทำไมมันดูเป็นรอยยิ้มที่เศร้าที่สุดที่ปาณัสม์เคยเห็น
“จันทร์คิดแบบนั้น โดยไม่สนใจจะฟังปาลพูดอะไรหน่อยเหรอ”
“ตอนนี้จันทร์ไม่อยากฟังอะไร ขอเชื่อสายตาตัวเองแทนได้ไหม” ฉันทัชยังพูดด้วยโทนเสียงเดิมไม่ผิดเพี้ยน
“แต่ปาลไม่ได้ทำ” เขาพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง
“จะไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ถ้ามีคนนอกใจ” ฉันทัชทวนสัญญาให้ปาณัสม์ฟังอีกครั้ง
“คืนนี้จันทร์จะไปค้างกับไทน์นะ แล้วจะเข้ามาเก็บของทีหลัง” ฉันทัชพูดจบก็โบกมือให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกมาจากบริเวณนั้น
“เดี๋ยว” ช่วงจังหวะที่ถูกเรียกฉันทัชรู้สึกดีใจแต่เขาจะไม่ยอมคืนคำ
“กลับดึกๆ แบบนี้ ปาลเป็นห่วง ให้ปาลไปส่งได้ไหม”
“จันทร์อยากกลับเอง” ฉันทัชตอบโดยไม่หันหลังกลับไป
“ปาลขอ ถ้าไม่ให้ปาลไปส่งก็ให้ไอ้ชัดไปส่งนะ รอมันตรงนี้ก่อนได้ไหม”
ฉันทัชสบตากับปาณัสม์นิ่ง
“นะ จันทร์นะ” เขาอยากจะใจแข็งกว่านี้ แต่ก็ทนเสียงอ้อนวอนของอีกฝ่ายไม่ได้
“อืม จะรอ” ฉันทัชรับคำให้อีกฝ่ายสบายใจ
ฉันทัชมองตามแผ่นหลังของปาณัสม์กับสถานะใหม่ที่เขาเลือกจะเปลี่ยนมัน‘อดีตคนรัก’ชายหนุ่มหลับตาแน่น ราวกับอยากจะลืมเหตุกาณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป
สุดท้ายเขาก็คิดไปเองคนเดียวว่าดีและหลอกตัวเองไปว่ามันดี ไปพร้อมๆ กัน เพราะแท้จริงแล้วใจของเขามันเปราะบางเหลือเกิน
ปาณัสม์มาส่งคนรักขึ้นรถเป็นครั้งสุดท้าย เขาย้ำชัดเจนว่าให้ขับรถดีๆ และระมัดระวังให้มากๆ ด้วย ย้ำนักหนาว่าต้องไปส่งอีกฝ่ายให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ชัดเจนรับคำแล้วขับรถออกไปด้วยความนุ่มนวล
ถ้าถามปาณัสม์ว่าอยากเลิกกับฉันทัชหรือไม่ เขาคงตอบว่าไม่อยาก แต่ครั้งล่าสุดที่ทะเลาะกัน คำพูดของฉันทัชตอนที่บอกว่าจะทนไม่ไหวแล้ว มันทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็ถึงจุดใกล้สิ้นสุดเหมือนกัน ใครต่อใครก็พากันด่าเขา ว่าเขาบังคับฉันทัชจนเกินเหตุในความบ้าบอของตัวเอง
ยอมรับว่าตัวเขาเองก็เริ่มเบื่อชีวิตคู่นี้แล้วเหมือนกัน เขาโลเล อยากมีอิสระแต่ไม่อยากปล่อยฉันทัชไป พออีกฝ่ายเป็นคนเสนอจะไปเอง ลึกๆ ก็ทำให้เขาแอบโล่งใจอยู่บ้างเหมือนกัน
ทั้งโล่งใจและโหวงใจ
เขาคงเป็นคนบ้าอย่างสมบูรณ์แบบ
.
.
ชัดเจนขับรถออกมาตามคำสั่งของปาณัสม์ อีกฝ่ายบอกเขาให้ไปส่งฉันทัชที่บ้านของอินทัช ไม่ใช่ที่คอนโด เขาแปลกใจแต่ไม่ใช่หน้าที่ที่จะถาม ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันทัชเข้าไปเจอปาณัสม์กับเกศสิรี
บรรยากาศภายในรถเงียบเชียบ ชัดเจนมองคนนั่งหลังผ่านทางกระจกก็ยิ่งปิดปากสนิทไม่กล้าแม้แต่จะชวนคุย
แว่นดำที่คาดผมมาแต่แรก บัดนี้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นประโยชน์ ฉันทัชดึงแว่นลงมาสวมปิดบังดวงตาที่เจ็บช้ำของตนเองเอาไว้ เขาไม่อยากให้ชัดเจนต้องตกใจว่าเกิดปัญหาอะไร
เมื่อไหร่จะถึงบ้าน
อยากให้น้องสาวคอยกอดเขาไว้ทั้งคืน
คำสัญญามันก็แค่ลมปาก คำพูดสวยหรูที่หลอกล่อให้คนติดกับ มันก็แค่นั้นเอง
ฉันทัชส่งข้อความไปบอกน้องสาวว่าคืนนี้เขาจะไปค้างที่บ้านด้วย
เมื่อถึงปลายทาง ฉันทัชเห็นประตูรั้วหน้าบ้านถูกเปิดรอเขาอยู่แล้ว มีร่างสูงของผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากในบ้านยามที่เห็นรถยนต์แล่นเข้ามาจอด
“ขอบใจที่มาส่งนะชัด”
“ไม่เป็นไรครับคุณเทมส์”
“ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป” ฉันทัชพยายามสูดหายใจเข้าก่อนจะพูดต่อ “ดูแลปาลให้หน่อยได้ไหม ให้กลับบ้านบ่อยๆ กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย”
“ครับ แล้วคุณเทมส์จะไปไหน”
“อยู่ที่นี่แหละ ไปนะ”
“คุณเทมส์..” ชัดเจนคิดว่าเขากำลังงง จึงเรียกรั้งอีกฝ่ายเอาไว้
“ไปนะ” ฉันทัชไม่อยากคุยต่อ เลยตัดบทแล้วลงจากรถไป
จังหวะที่กลับรถ เขาเห็นคนสองคนยืนกอดกันอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับหญิงสาวที่เช็ดหน้าของพี่ชายให้ด้วยความอ่อนโยน
ชัดเจนสงสารฉันทัชเหลือเกิน ไม่เข้าใจว่าปาณัสม์ทำอะไรลงไป สถานการณ์ถึงได้เป็นแบบนี้ ปาณัสม์จะมีโอกาสได้เห็นอย่างที่เขาเห็นหรือเปล่าว่าคนคนนั้น
ร้องไห้มาตลอดทาง โดยไม่มีเสียง =============================
ตอนนี้ยาวจนอยากจะแบ่งเป็นอีกพาร์ท แต่ก็กลัวจะค้างคา
และก็เป็นอีกตอนที่เขมคิดอยู่นานมากว่าจะใส่ nc หรือไม่ใส่ดี
คิดหัวแทบตลบ สุดท้ายก็ใส่มาอย่างที่ผู้อ่านได้อ่านค่ะ และหวังว่าผู้อ่านจะเข้าใจในสิ่งที่เขมสื่อ
ฮือ แต่ถ้าไม่เคลียร์ เขมจะมาอธิบายเพิ่มนะคะ ถือเป็นความผิดของเขมเอง ><
ขอบคุณค่ะ
** เจอกันอีกทีวันศุกร์นะคะ
HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า
ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ
Twitter และ
Facebook