บทที่ 25
คืนงานเลี้ยง (2)
เจ้าของที่ดินรุ่นปัจจุบันนั่งจิบเครื่องดื่มในมือขณะมองไปรอบ ๆ บริเวณนั้น บรรดาสมาชิกหมู่บ้านแต่ละคนล้วนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้คนมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“เป็นหมู่บ้านที่ดีจังเลยนะครับคุณเวธน์”
ปาลินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ บอกกับชายหนุ่ม ซึ่งเวธน์ก็หันมายิ้มหวานให้แทนคำตอบ แต่นั่นกลับทำให้คนที่มองอยู่ชะงัก เจ้าตัวกลืนน้ำลายลงคอ พลางชะโงกหน้าไปกระซิบบอกบางอย่างแผ่วเบา แต่นั่นกลับทำให้คนฟังหน้าแดงวาบ พร้อมกับผลักคนพูดออกไปทันที
“ไปนั่งห่าง ๆ ฉันเลยไป!”
ทางด้านกรกฎเหลือบมองนายจ้างกับลูกพี่ลูกน้องของเขา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะพอจะคาดเดาได้ว่าระหว่างทั้งคู่นั้นเกิดอะไรขึ้น
“ปาล...มานี่สักครู่ซิ”
กรกฎเรียกญาติของเขาให้มาหา ซึ่งปาลินก็เดินหน้ามุ่ยเข้ามา เนื่องจากเวธน์นั้นงอนจนไม่ยอมให้เขานั่งใกล้ แม้ว่าเขาจะง้องอนขอโทษเจ้าตัวสักเพียงใดก็ตาม
“นายก็น่าจะรู้นิสัยเขาดีไม่ใช่หรือ ยิ่งมีคนอื่นนั่งกันเต็มหมู่บ้านแบบนี้ เขาไม่ต่อยหน้านายเข้าให้ก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ”
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา...นาน ๆ คุณเวธน์จะยอมยิ้มแบบนั้นให้ฉันสักทีนี่”
ปาลินแก้ตัวเขิน ๆ เมื่อเห็นว่ากรกฎคาดเดาในสิ่งที่เขาบอกกับเวธน์ได้ง่ายดายแบบนี้
“...ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกล่ะนะ แต่ก็ต้องดูกาลเทศะด้วยสิ”
กรกฎย้ำด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย แล้วก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากใครบางคนด้านหลังตน
“หมอเพชร...”
หมอหนุ่มยิ้มให้คนที่เรียกชื่อเขา แล้วเอ่ยทักทายตอบกลับไป
“สวัสดีครับ เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะครับคุณกรกฎ ขนาดงานเลี้ยงต้อนรับคุณเรนคราวก่อน ผมก็ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวเท่าไหร่เลย”
“เอ่อ...ครับ”
กรกฎตอบรับสั้น ๆ แล้วก้มหน้าไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย ทำเอาปาลินนึกประหลาดใจ เพราะไม่เคยเห็นลูกพี่ลูกน้องของเขามีท่าทางเช่นนี้กับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่ารู้จักกันมาก่อน
หมอเพชรอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาตอบรับจากอีกฝ่ายที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด จากนั้นหมอหนุ่มจึงหันไปทักทายปาลินแทน
“สวัสดีครับ คุณปาลิน งวดนี้เห็นทีคงจะกลับมาอยู่เมืองไทยนานเลยสินะครับ”
“เอ่อ...ครับ ก็คิดว่าจะอยู่ต่ออีกสักสองสามเดือนถึงกลับไปช่วยงานที่ฝรั่งเศสสักรอบ ขืนไม่กลับไปเลยทางนั้นจะบ่นเอาได้”
ปาลินทักตอบ แม้จริง ๆ แล้วตัวเขานั้นจะไม่ค่อยสนิทหรือได้พูดคุยกับอีกฝ่ายเท่าใดนัก เนื่องจากหมอหนุ่มนั้นส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในบ้านพักตลอดเวลา ไม่ค่อยออกมาสุงสิงกับใคร ยกเว้นก็แต่จะมีงานสังสรรค์รวมผู้คนเช่นนี้ จึงจะยอมออกมาให้เห็นหน้ากันบ้าง
“อืม... แล้วปล่อยคุณเวธน์เอาไว้ที่นี่แบบนี้ ไม่กลัวใครบางคน จะฉกไปเสียก่อนหรือครับ”
ปาลินขมวดคิ้วยุ่งกับคำพูดนั้น ซึ่งหมอหนุ่มก็ซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า ก่อนจะแสร้งทำเป็นนึกขึ้นได้ตามมา
“อ๊ะ! ผมลืมไปเสียสนิท คุณกับคุณเวธน์ลงเอยกันด้วยดีแล้วนี่นะครับ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก ...ใช่ไหมครับคุณกรกฎ”
กรกฎชะงักเล็กน้อย ส่วนปาลินรู้สึกสะกิดใจต่อคำพูดของหมอหนุ่ม จึงหันขวับมามองญาติของเขาพร้อมตั้งคำถาม
“หมายความว่ายังไงกาย มีใครนอกจากฉันมาจีบคุณเวธน์ด้วยอย่างนั้นรึ!”
“...จะแปลกอะไรเล่า ก็คุณเวธน์เค้าทั้งหล่อทั้งรวยทั้งเก่งเรื่องการงาน ใคร ๆ ก็อยากยกลูกสาวใส่พานให้เจ้าตัวทั้งนั้น...นายเองก็รู้เรื่องนี้ดีไม่ใช่หรือไง”
กรกฎเปรยบอกคล้ายกับเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ยังคงตวัดสายตามองหมอหนุ่มอย่างขุ่นเคืองแวบหนึ่ง ซึ่งคนถูกมองเองก็รู้ตัวดี จึงส่งยิ้มติดเจ้าเล่ห์นิด ๆ กลับไป ทำให้กรกฎต้องเม้มปากน้อย ๆ อย่างหงุดหงิด แล้วจึงหันกลับมามองญาติของเขาที่ยังคงมีสีหน้าคลางแคลงใจอยู่ไม่น้อย
“ปาล ...แทนที่นายจะมาหึงหวงกับเรื่องราวในอดีตไร้สาระพวกนี้ นายควรจะกลับไปง้อคุณเวธน์ต่อจะดีกว่า แค่นายบอกขอโทษเขา แล้วก็ทำตัวเงียบ ๆ สงบเสงี่ยมเจียมตัวเอาไว้ไม่ต้องตื๊อมาก เดี๋ยวเขาก็ใจอ่อนเองนั่นล่ะ... และถ้าขืนนายยังคงใส่ใจเรื่องอดีตของเขา มากกว่าเรื่องปัจจุบันและอนาคตที่นายกับเขาจะมีร่วมกัน ฉันว่านายก็ควรจะพิจารณาเรื่องระหว่างนายกับเขาเสียใหม่ดีกว่านะ”
ปาลินนิ่งอึ้งต่อคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา แล้วยิ้มน้อย ๆ ให้คนตรงหน้า
“ขอบใจนายมากเลยนะกาย ที่ช่วยเตือนสติฉันน่ะ”
“อย่าให้ต้องเตือนบ่อยก็แล้วกัน บ่นมาก ๆ บางทีมันก็น่าเบื่อ”
กรกฎบอกอย่างไม่ถือสาอะไรนัก ซึ่งปาลินก็ยิ้มตอบ แล้วขอตัวไปง้อเวธน์ต่อ โดยที่กรกฎได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา เมื่อเห็นเวธน์ยอมให้ปาลินนั่งใกล้ได้ดังเดิม
“ทำไมไม่บอกญาติของคุณไปล่ะครับ ว่าคนที่เขาสงสัย ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเขาสักเท่าไรน่ะ”
หมอเพชรที่เดินมายืนอยู่ด้านหลังกรกฎโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว ชะโงกหน้ามากระซิบข้างหู ทำเอาเลขาหนุ่มสะดุ้งโหยง แล้วรีบหันขวับไปมองคนข้างหลังเขาทันที
“คุณไปพูดแบบนั้นกับปาลเขาได้ยังไง! ทั้ง ๆ ที่คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณเวธน์แบบนั้นสักหน่อย!”
กรกฎเค้นเสียงตำหนิอีกฝ่ายไม่ดังมากนัก ซึ่งหมอเพชรก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอก่อนจะตอบออกไป
“หึ ๆ ไม่คิดแน่หรือครับ ..แล้วคืนนั้นใครกันที่...”
“คุณหมอ!”
เลขาหนุ่มตวาดใส่อีกฝ่ายเสียงดังอย่างลืมตัว ทำให้คนอื่น ๆ หันมามองอย่างประหลาดใจ กรกฎชะงักนิ่งพยายามนึกหาคำพูดแก้ตัว แต่พอเห็นสายตาสงสัยของเวธน์และปาลิน เขาก็ยิ่งคิดอะไรไม่ออก
“ฮะ ๆ ขอโทษทีครับ พอดีเผลอไปแซวเรื่องส่วนตัวของคุณเลขาเขาเข้า ก็เลยโดนดุเอาเลย ...ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ ที่เผลอไปถามเรื่องแบบนั้นเข้าให้”
หมอเพชรบอกกับกรกฎ พลางแสร้งโค้งศีรษะเล็กน้อยทำทีเป็นขอโทษ ทำเอาหลายคนที่ได้ยินคำพูดนั้นถึงกับนิ่งอึ้ง ก่อนจะเริ่มมีรอยยิ้มแปลก ๆ ตามมา สักพักแต่ละคนจึงต่างหันกลับไปพูดคุยจับกลุ่มกันต่อ ซึ่งพอเห็นดังนั้นหมอหนุ่มก็อมยิ้มน้อย ๆ พลางตัดสินใจปลีกตัวกลับไปพักผ่อนที่บ้านของตนแทน
“เดี๋ยวครับหมอ!”
กรกฎเรียกรั้งคนที่กำลังเดินไปให้หยุดฝีเท้า ซึ่งอีกฝ่ายก็หันกลับมามองอย่างแปลกใจ
“เอ่อ...ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอไปนั่งดื่มกาแฟที่บ้านของคุณจะได้ไหม...”
หมอเพชรแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงพยักหน้าตอบรับพร้อมกับยื่นมือส่งให้อีกฝ่าย
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”
“ผมเดินเองได้หรอก...”
กรกฎบอกอย่างไม่ค่อยพอใจที่เหมือนจะถูกแกล้งเข้าให้อีกครั้ง ซึ่งหมอหนุ่มเองก็ยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้ถือสาอะไรที่อีกฝ่ายเดินผ่านหน้าไปโดยไม่ยอมจับมือของตน จากนั้นเจ้าตัวจึงเดินตามหลังของกรกฎไปเงียบ ๆ ไม่ได้พูดแซวหรือชวนคุยอันใดเช่นเดียวกับคนที่เดินนำหน้าเขาไปแล้วก่อนนั้น
“สองคนนั่นสนิทกันดีนะ แปลกจริง ทั้ง ๆ ที่เจอหน้าพูดคุยกันแค่ไม่กี่หนแท้ ๆ”
เวธน์มองตามไล่หลังเลขาของเขาไปอย่างประหลาดใจ เช่นเดียวกับปาลินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“นั่นน่ะสิครับ ไม่ค่อยได้เห็นกายเล่าอะไรเกี่ยวกับหมอเพชรให้ฟังสักเท่าไหร่เลย แต่ถ้าลองพวกเขาแยกไปคุยส่วนตัวกันได้แบบนี้ ก็ดูน่าจะสนิทสนมคุ้นเคยกันพอสมควรนะครับ”
เวธน์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะจากที่รู้จักคุ้นเคยกันมาหลายปี แม้กรกฎจะมีท่าทางสุภาพกับทุกคน แต่หากไม่ใช่คนที่เจ้าตัวยอมรับ กรกฎก็มักจะทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่ายเสมอ การที่ชายหนุ่มตามหมอเพชรไปที่บ้านพักเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลก สำหรับคนที่เคยพูดคุยกันไม่กี่ครั้งอย่างทั้งคู่
“อืม...ไม่แน่ว่าบางทีพวกเขาอาจจะคุยถูกคอกันในงานเลี้ยงของหมู่บ้านงานใดงานหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวทีหลังก็ได้ล่ะมั้ง”
เวธน์ลองคาดเดา เพราะจะว่าไปก่อนหน้านั้นเขาก็อู้งานอยู่บ่อยครั้ง ถ้าเกิดหมอเพชรจะมาพูดคุยกับกรกฎ โดยเขาไม่ล่วงรู้ก็คงไม่น่าแปลกอะไรนัก
“อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะครับ เพราะก่อนหน้านั้นคุณก็โดดงานไม่เข้าหมู่บ้านออกจะบ่อยนี่ครับ...อ๊ะ! อย่ามองแบบนั้นสิครับ! กายเขาเล่าให้ผมฟังต่างหาก ผมไม่ได้ว่าคุณสักหน่อยนะครับ!”
ปาลินรีบแก้ตัวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหลุดปากเผลอพูดบางอย่างที่ทำให้คนข้าง ๆ ไม่พอใจออกไป
“ฮึ! เล่ากันแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้นล่ะนะพวกนายน่ะ!”
เวธน์บอกพร้อมกับมีสีหน้าบึ้งตึงอีกรอบ ทำให้ปาลินต้องรีบง้อยกใหญ่ ซึ่งก็เพียงไม่นานชายหนุ่มก็ยอมอภัยให้ แล้วนั่งคุยกันต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนปาลินชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นโมโหเขาจริงหรือแกล้งทำกันแน่
อีกด้านหนึ่ง กีรติเองก็เหลือบมองคนที่นั่งพิงไหล่เขาพลางผงกหัวหงึก ๆ เคลิ้มหลับอยู่ครู่ใหญ่ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจปลุกน้องชายให้ไปนอนพักผ่อนเสียแทนที่จะมานั่งหลับอยู่เช่นนี้
“โนอา...ตื่นก่อน ไปนอนสบาย ๆ ในห้องดีกว่านะ”
“งืม...ง่วง...ขี้เกียจเดิน ... ขอนอนแถวนี้ก็แล้วกัน...”
โนอาบอกงึมงำทั้งที่ยังหลับตา ทำให้กีรติสั่นศีรษะน้อย ๆ แล้วจึงเหลือบไปมององครักษ์ของโนอาที่ต่างก็พากันสะดุ้งโหยงทันทีที่เห็นสายตา เจ้าชายรัชทายาทของพวกตน
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอฝากโนอา...”
“อย่าเลยกี เต็นท์ของพวกเขาเป็นเต็นท์นอนแบบสองคนไม่ใช่หรือ ถ้าโนอาไปเพิ่มอีกคนก็เบียดพวกเขาให้นอนลำบากแย่น่ะสิ”
ริวเอ่ยขัดอย่างพอจะคาดเดาจากสีหน้าลำบากใจขององครักษ์ทั้งสองได้ ซึ่งกีรติก็คิดตามแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย สร้างความโล่งอกให้กับคนฟังทั้งคู่ยิ่งนัก
“ถ้าอย่างนั้นก็เดินเอาหน่อยนะ ไม่ไกลหรอกโนอา”
กีรติหันมาบอกน้องชายที่ตอนนี้ง่วงจนหลับไปแล้วอีกรอบ ทางด้านริวเห็นเช่นนั้นจึงอาสาอุ้มอีกฝ่ายไปเองโดยที่องครักษ์ของโนอายังไม่ทันจะเสนอตัวด้วยซ้ำ
“เอ่อ ...ขอบคุณครับ พวกผมฝากเจ้าชายด้วยนะครับ”
หนึ่งในสองคนบอกกับริวเป็นภาษาไทย เพราะถึงแม้ริวจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกตน แต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักของกีรติ และโนอาเองก็มอบความไว้วางใจในระดับหนึ่งต่อชายหนุ่ม พวกเขาจึงยอมปล่อยให้ริวเข้าใกล้คนที่พวกเขาจะต้องคอยคุ้มครองดูแลใกล้ชิด อย่างไม่นึกลำบากใจอันใดนัก
“ครับ...ไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ พักผ่อนกันตามสบาย รับรองว่าพวกคุณและโนอาจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้น หากยังอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้”
ริวรับคำและพูดเสริมให้คนฟังสบายใจ ซึ่งกีรติก็พยักหน้ารับรองคำพูดของคนรัก จากนั้นริวจึงอุ้มโนอาที่ง่วงจนหลับไม่รู้เรื่องราวเดินไปพร้อมกับกีรติ ตรงไปยังสำนักงานหมู่บ้าน เพื่อให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนบนเตียงอย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อริวนำโนอามาส่งถึงห้องเรียบร้อย เขาและกีรติจึงออกมานั่งคุยกันที่ห้องรับแขกของสำนักงาน เพราะกีรตินั้นยังคงไม่รู้สึกง่วงนอนเท่าใดนัก
“ขอบคุณคุณริวมากนะครับ ที่ช่วยพาโนอามาส่งแบบนี้”
กีรติบอกกับอีกฝ่าย ซึ่งริวก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับไป
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก น้องของกีก็เหมือนกับเป็นน้องของผมด้วยนั่นล่ะ”
กีรติยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะหลุดอุทานแผ่วเบา เมื่อจู่ ๆ ริวก็รั้งร่างของเขามานั่งบนตักของเจ้าตัว พร้อมกับซบใบหน้าลงบนบ่าเล็กบอบบางนั่น
“คุณริว...มีอะไรไม่สบายใจหรือครับ”
กีรติถามอย่างสงสัยต่อพฤติกรรมที่แปลกไปของอีกฝ่าย ซึ่งริวพอได้ยินก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วขยับให้ชายหนุ่มหันมาเห็นหน้ากัน โดยยังคงโอบกอดร่างเล็กนั้นหลวม ๆ และบังคับให้นั่งบนตักของตนอยู่ตามเดิม
“ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่อยากใช้เวลาอยู่ร่วมกับกี แบบคนรักกันบ้างก็เท่านั้นเอง”
ริวบอกพร้อมก้มลงหอมแก้มอีกฝ่ายซ้ายขวา ทำเอากีรติหน้าแดงวาบ พยายามจะดันตัวออกห่างด้วยความเขิน ทว่าริวก็ไม่ยอมปล่อยให้หนีง่าย ๆ และเมื่อชายหนุ่มแกล้งจูบหลาย ๆ ครั้งจนใบหน้าและลำคอขาวเนียนนั่นแดงก่ำจนทั่วแล้ว เขาจึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กเป็นอิสระ โดยการคลายอ้อมกอดออก ทว่ากีรตินั้นกลับยังไม่ขยับไปไหน
“ทำไมหรือกี...ลุกไม่ไหวหรือไง...”
ริวชะโงกหน้าไปถามอย่างสงสัย ทว่าก็ต้องชะงักค้างเมื่อคนตัวเล็กหันมายกแขนโอบคล้องคอตน พร้อมกับรั้งศีรษะของเขาลงมาใกล้จนริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วเบา
“กี...”
ริวเรียกชื่ออีกฝ่ายพึมพำแทบไม่พ้นลำคออย่างไม่อยากเชื่อตัวเอง ทว่าพอเห็นนัยน์ตาปรือปรอยที่จ้องมองมา ชายหนุ่มก็สลัดความสงสัยทั้งปวงทิ้งไป แล้วจึงใช้มือรั้งศีรษะของร่างเล็กยึดเอาไว้ พวกเขาต่างกระชับริมฝีปากบดเบียดเข้าหากันอย่างหยอกเย้าสลับหนักแน่น จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ต่างฝ่ายจึงต่างถอนริมฝีปากผละออกมา พลางจ้องมองสบตากันอยู่สักพัก กีรติจึงเป็นฝ่ายหลุบตาหลบไปก่อน
“เอ่อ...ผมคิดว่า ผมน่าจะเข้านอนได้แล้ว...เดี๋ยวโนอาตื่นมาไม่เจอใครแล้วจะงอแงเอา”
กีรติที่รู้สึกตัวได้สติ พยายามหาข้ออ้างเพื่อปลีกตัวหนีไปด้วยความอับอาย ซึ่งพอริวได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่าย ก็ทำให้เขานึกอยากแกล้งให้คนรักได้อายยิ่งกว่าเดิม แต่ก็เกรงว่าหลังจากนี้อาจจะทำให้กีรติหลบหน้าเขาแทน จึงยอมตัดใจปล่อยให้อีกฝ่ายกลับเข้าห้องไปโดยไม่ขัดขวางอะไร ทว่าก็ยังคงเดินตามมาส่งหน้าห้องของเจ้าตัวอยู่ดี
“ราตรีสวัสดิ์...หลับฝันดีนะครับกี”
ริวบอกพร้อมกับก้มลงมาจูบหน้าผากอีกฝ่าย ซึ่งกีรติก็หน้าแดงวาบ แต่ก็ยังคงจับเสื้อของริวเอาไว้ แล้วก้มหน้าอุบอิบตอบแผ่วเบา
“คุณริวก็เหมือนกันนะครับ...”
ริวยิ้มน้อย ๆ ตอบรับ และเมื่อกีรติกลับเข้าห้องไปแล้ว ชายหนุ่มก็เดินออกจากสำนักงานไปด้วยอารมณ์อันแจ่มใสยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงกังวลถึงเรื่องสถานภาพและเรื่องที่สักวันกีรติจะต้องกลับประเทศอยู่ก็ตาม ทว่าความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นระหว่างพวกเขา ก็ทำให้ริวเกิดความหวังว่า คงจะมีหนทางที่จะช่วยทำให้ทั้งเขาและกีรติ สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในอนาคตข้างหน้าได้ รอคอยอยู่สักหนทางหนึ่งเป็นแน่
… TBC…
มีนักอ่านบางท่านคอมเมนต์บอกว่าอย่าเพิ่งรีบจบ ..เช่นนั้น ก็จัดหวานให้ต่ออีกสักตอนอย่างไม่รวบรัดก็แล้วกันค่ะ
ส่วนคู่คุณหมอกับคุณเลขา...ที่หลายท่านอาจจะสงสัยว่าคู่นี้เขามีความลับอะไรกัน ปัดตั้งใจว่าจะจับไปโยนในตอนพิเศษ เช่นเดียวกับคู่ คุณพ่อค้ากับข้าวและพ่อมดจอมป่วนประจำหมู่บ้าน ซึ่งก็เอาไว้รออ่านกันได้นะคะ สำหรับสองคู่นี้ ตั้งใจลงให้อ่านในบอร์ดแน่นอนค่ะ ^^