อวสาน
ชีวิตของผจญศึก คงจะไปได้ดีกว่านี้ หากเขาตอบรับทุนของรัฐบาลญี่ปุ่นที่คัดเลือกเขาเข้าศึกษาต่อด้านฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว เมื่อ10ปีก่อน
แน่นอน มันผ่านมา10ปี ผจญศึกคงจะกลับไปแก้ไขอะไรตอนนี้คงไม่ทัน
ต่อให้ย้อนกลับไปได้เขาก็คงจะทำแบบนี้ล่ะ เลือกมาทำในสิ่งที่เขารัก…
10 ปีเต็ม จากเด็กมัธยมอายุ17 ไม่ต้องบอกก็รู้ถ้าคุณไม่บวกเลขผิดอ่ะนะ ว่าตอนนี้นายผจญศึกอายุ 27 วัยกำลังทำงานดีเชียวล่ะ และเป็นที่รู้กันว่าเขาใช้ร่างกายที่พ่อแม่ให้มาคุ้มค่าขนาดไหน ในการทำงานตามสิ่งที่เขารัก และต้องการ
เสื้อสูทที่นานทีจะได้หยิบมาใส่ จำได้ว่าเป็นตัวเก่งที่แม่เป็นคนตัดให้วันที่เค้าสำเร็จการศึกษาเมื่อ4ปีก่อน มันไม่เคยเก่าเลยเพราะมีคนดูแลมันตลอด
“ คุณผจญศึกเชิญครับ”
------------------------------------
จุดเริ่มต้นเหรอ…
จำไม่ได้แล้วแหะ รู้ตัวอีกทีก็คบกันมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องให้ตอบยังไง คนอื่นถึงจะเข้าใจ ขนาดตัวเองยังไม่เข้าใจเลย
“ ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นค่ะ พูดเรื่องอะไรก็ได้ แค่พอสังเขป นิดๆหน่อยๆ ให้รู้สึกอิจฉาเบาๆ ”
ไอ้น้องนักข่าวคนนี้ก็ช่างพูดไป ก็ไอ้คำว่าพูดเรื่องอะไรก็ได้เนี่ยนะซิ ทำเอาภีมวัจน์หน้าแดงซ่าน ทำราวกับเพิ่งเขินอาย
ก็คำว่า พูดเรื่องอะไรก็ได้อ่ะนะ…มันเป็นเหตุ
ตอนนั้น ผจญศึกคนเก่งถูกรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ไปขอถ่ายรูปและสัมภาษณ์ เรื่องที่ผจญศึกสละสิทธิทุนรัฐบาลญี่ปุ่น แต่เลือกไปศึกษาต่อทางแพทย์ที่อเมริกาด้วยทุนตัวเอง นั้นแหละตอนนั้นเอง ความรู้สึกของคุณหมอภีมก็ตีกันสับสนวุ่นวายทั้งในสมองและ …หัวใจ
จะบอกว่าเขากำลังสับสนว่าไอ้เด็กคนนั้น มันชอบเขาหรือแค่หาเรื่องแกล้งกันแน่ แต่เจอหน้าที่ไรก็ไม่ได้ถามใจมันสั่นๆกลัวคำตอบที่จะได้รับจากไอ้เด็กเหมือนวานซืนนั่น
ไม่ใช่กลัวว่าเด็กนั้นจะชอบเขา
แต่กลัวว่าเด็กนั้นจะไม่เคยรักเขาเลยต่างหาก
ภีมวัจน์เองก็งงกับตัวเองเหมือนกัน ว่าเป็นบ้าบออะไรที่มันรู้สึกแปลกแบบนี้ จนเมื่อนายผจญศึกลูกศิษย์คนแรกในชีวิต ใกล้จะเรียนจบม.6 นั่นแหละ ต่อแรกที่เห็นผจญศึกได้ทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ภีมวัจน์ก็รู้แล้วว่า ความจริง ในใจตนคิดอย่างไร
ตลอดเวลาหลายเดือนที่คอยอยู่ใกล้ๆ ผจญศึก แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจบ้าง เวลาถูกปืนเกียวจากเด็กอายุน้อยกว่า แต่ก็ไม่เคยคิดจะเกลียดเจ้าเด็กคนนี้สักครั้ง
เป็นคนอื่นภีมวัจน์คงนับ 1-10 ในใจแล้วกระโดดถีบยอดหน้าไปแล้วก็ได้ ใครจะรู้…
อ่อ..พูดถึงไหนแล้ว อ่าๆ หลังจากนั้นความรู้สึกของภีมวัจน์ก็ทั้งดีใจ ที่ผจญศึกได้ดี แต่ทั้งเสียใจที่อาจจะไม่ได้เจอกันอีก อย่างน้อยก็สิบปี
ในวันที่พาผจญศึกไปฉลองเนื่องจากสอบได้คะแนนชีวะ เต็มของช่วงปลายภาคที่ผ่านมา รวมทั้งฉลองที่ได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ทั้งสองก็ไม่ได้ไปไหนไกลเลย
แค่ ภูเก็ตเอ ง… ไม่เห็นไกลเลย ถ้าเทียบกับ ญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งทางแม่ก็ผจญศึกก็ไม่ว่าอะไรด้วย
หลังจากเที่ยวทั้งวันจนเหนื่อย ผจญศึกนึกคึกอยากมีบรรยากาศโรแมนซ์ จึงลากคุณครูนางฟ้าลงมานอนดูดาวด้วยกันที่ชายหาด เรื่องต่างๆตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน ถูกขุดออกมาประจานตัวเองอย่างไม่อาย ต่างฝ่ายต่างคิดว่าอยากให้อีกฝ่ายรู้จักตนมากกว่านี้
คุยไปเรื่อย … เหมือนมีแต่น้ำไม่มีเนื้อ ที่จริงแล้วเหมือนเรื่องที่คุยทั้งหมดมันยังไม่ใช่ สาระสำคัญเท่าไร
พอบรรยากาศเริ่มเงียบ เริ่มดึก เริ่มมืดกว่าเดิม ทั้งสองต่างไม่รู้จะคุยอะไรกันแล้ว จนเมื่อคนตัวเล็กกว่าแต่เป็นพี่ต้องหันไปหาคนตัวโตกว่าแต่เป็นน้อง ชวนกันกลับไปนอน เพราะดึกแล้ว คนน้องไม่ว่าอะไรแต่ดึงมือคนพี่ที่กำลังจะลุกไปให้กลับมาน้อยแผ่ที่หาดทรายเป็นเพื่อนอีกครั้ง น้ำเสียงทุ้มอ้อนวอนราวกับว่าอยากจะอยู่ตรงนี้ตลอด ขอร้องภีมวัจน์อย่างอ่อนโยน ว่า ‘อยู่เป็นเพื่อนจลก่อน’
พี่ชายตัวเล็ก ยิ้มนิดๆแต่ก็ยอมนอนลงเช่นเดิม ลมแรงนะ แต่ไม่หนาวเลย ไม่รู้เพราะอะไร ทั้งสองถึงอุ่น อาจจะเป็นเพราะมือคู่นั้น ที่เกาะกุมกับอยู่รึเปล่า
“ เงียบว่ะ พูดอะไรหน่อย”
ภีมวัจน์ที่รู้สึกตัวก็เขินจนจะเอาหัวมุดทราย เลยต้องหาอะไรพูดแก่เขิน
คนข้างๆยิ้มน้อยก่อนจะถามว่า จะให้พูดเรื่องอะไร คนที่เขินอายก็ตอบไปอย่างไม่คิด
“ พูดเรื่องอะไรก็ได้”
“ ผมรักพี่”
รวดเร็วจนคนที่อาย อึ้งไปเลย แน่ล่ะ ตอนแรกเขาไม่แน่ใจว่าเด็กนี้ชอบเขาไหมแต่ตอนนี้ อะไรมันก็ดูง่ายไปหมด
ตลกดี … ที่ตอนนั้น ต่างคนต่างเงียบแต่ก็หน้าแดงแบบเงียบๆกันทั้งคู่
มันเลยเป็นที่มาที่ทำให้ทั้งสองคบกันแบบงงๆ
แต่ถึงตอนนี้ เป็น 10 ปีแล้ว ใช่… ฟังไม่ผิด นี่คือปีที่สิบ
ผจญศึกแม้จะจบนอกแต่ก็มาเป็นแพทย์ในหน่วยแพทย์อาสา…..เหมือนกับเขาในตอนนี้
จะบอกว่าทั้งสองรักกันดี ถูกเพราะทั้งสอง ทั้งเหมาะสมกันในทุกๆเรื่อง ขนาดคนในสังคมยังมองเลยว่า สมแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อแม่
ภีมวัจน์ไม่เคยปิดว่าคบกับเด็กนี่ แต่ก็ไม่เคยไปประกาศว่าเป็นแฟนกัน
ก็นะ…มันเขินๆ มีแฟนเป็นเด็กรุ่นน้อง เป็นผู้ชาย แถมหล่อกว่า สูงกว่า หนากว่า
เหอะ..ถึงจะไม่ไปประกาศเองแต่วันนี้ ก็คงจะมีรายการโทรทัศน์ที่เชิญ เขากับผจญศึกมาถ่าย ประกาศให้แทน ถึงสถานะของทั้งคู่
“คิดนานจังค่ะ หมอภีม.. สรุปว่ามันเริ่มต้นยังไง”
ภีมวัจน์หันไปมองหน้าผจญศึกเล็กน้อยก่อนจะยิ้มจากใจแล้วหันไปทางพิธีกรคนนั้น
“ ไม่รู้สึกครับ…มันเริ่มตอนไหนไม่รู้ แต่รู้อีกที เราก็รักกันมาก..แล้ว”
“ แล้วคุณจลล่ะค่ะ”
“ ผมเหรอครับ… ผมคิดว่า ผมรักภีม ตั้งแต่วันแรกที่เจอ ตอนนั้นคิดไปต่างๆนานา ว่าคงเป็นแค่ความหลง ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ด้วยซ้ำ คงเหมือนเพลงของ คุณดามั้งครับ ยิ่งรู้จัก…ยิ่งรักเธอ”
END.
---------------
ขอโทษค่ะ นึกว่าลงตอนจบไปเเล้ว ฮือออออออออออออออออออออ มากระทู้เพื่อจะย้าย ก็เลยรู้ว่ายังไม่จบ
ขอโทษจริงๆๆๆๆๆๆๆๆ