ตอนที่ 21ถ้าคิดว่าเช้าวันใหม่ของผมจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วล่ะก็คุณคิดผิดครับ
พี่ปั้นโทรมากระชากหัวผมตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ผมต้องรีบขอลางานแบบด่วนๆ
อ้างว่าพ่อมาหาจากต่างจังหวัดเพราะทราบเรื่องจากพี่ชาย คุณวีร์ไม่ออยากให้มาแต่ผมอ้างพ่อเลยขัดไม่ได้
ได้แต่บอกให้พี่สนิมส่งคนตามมาคุ้มครองผมด้วย
ผมไปหาพี่ปั้นที่บริษัท ก้นยังไม่ทันแตะเก้าอี้ดี พี่ปั้นก็จับผมสอบหนักเรื่องรถเมื่อคืน
ผมทั้งโกรธทั้งงอนพี่สนิมกับพี่โชคที่ไม่ว่าผมจะขอร้องยังไงก็ยังรายงานให้พี่ปั้นรู้อยู่ดี
พี่ปั้นยื่นคำขาดให้ผมลาออก สั่งให้เลิกยุ่ง ให้เหตุผลว่านี่ไม่ใช่การกีดกันทางความรัก แต่เป็นเรื่องของ
ชีวิตและความปลอดภัย
ผมลงทุนไม่กินข้าวกลางวัน นั่งไม่พูดจาไม่จากับใคร ทำหน้าเศร้าเหมือนมีใครตายเป็นบางโอกาสโดยเฉพาะตอนพี่ปั้น
เดินผ่าน เมื่อไม่ได้ผล ผมเริ่มบ่นพึมพำคุยกับแม่บนสวรรค์ว่าพี่ปั้นไม่รักผมแล้ว ผมเกลียดพี่ปั้น
พี่ปั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงหาว่าผมรักผู้ชายจนไม่รักตัวเอง ขู่จะฟ้องพ่อบ้างล่ะ ขู่จะดักเตะคุณวีร์บ้างล่ะ
แต่สุดท้ายเมื่อผมไม่ยอมกินข้าวเย็นเพิ่มอีกหนึ่งมื้อ พี่ปั้นก็ใจอ่อน
(คุณวีร์ต้องรักผมให้มากนะ ชีวิตนี้ผมไม่เคยต้องอดข้าว พอพี่ปั้นอนุญาตให้กลับไปอยู่กับคุณวีร์ได้
ผมแทบจะคลานเข้าห้องครัว หิวจนหมดแรง)
ผมตัดสินใจค้างที่บ้านพี่ปั้นไม่ได้กลับไปหาคุณรองประธาน อยู่เอาใจพี่มันหน่อย ผมโทรไปรายงานตัวว่าจะค้างกับพ่อ
ปลายสายบ่นอุบ ถามผมว่าแล้วคืนนี้จะนอนยังไง ไม่มีหมอนข้างนุ่มๆ ให้กอด ผมหน้าแดงแป๊ด
แต่คุยกันได้ไม่นานก็ต้องรีบวางสาย พี่ปั้นเล่นเดินวนไปเวียนมาแถมทำเป็นพูดเสียงดัง ผมต้องคอยเอามือปิด
ไม่ให้คุณวีร์ได้ยิน ร้ายจริงๆ พี่ชายผม
ไหนๆ ก็มีเวลาได้กลับมาคุยกันเต็มที่ ผมเลยขอให้พี่ปั้นเล่าความคืบหน้าของงานให้ฟัง
พี่ปั้นเล่าทุกอย่างที่พอสืบหาได้ พร้อมกับบอกว่าได้ให้พี่สนิมแนะนำให้คุณวีร์ติดต่อทางตำรวจเข้ามาดูแล
(จริงอยู่ว่าตอนได้รับจดหมายขู่ใหม่ๆได้มีการติดต่อไปแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นมันไม่ชัดเจนว่าเป็นจดหมายขู่เล่นหรือลงมือจริง
ตำรวจจึงยังไม่สามารถเข้ามาดูแลได้ ได้แต่รับเรื่องลงบันทึกประจำวันไว้แค่นั้น)
แต่คราวนี้มันจะต่างออกไป เพราะเหตุการณ์รถพุ่งชน ถือว่าเป็นกรณีเจตนาทำร้ายร่างกาย
พี่ปั้นอยากให้ติดต่อตำรวจเข้ามาทำการสืบสวน เพราะเราเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัย เรื่องสืบหาตัวคนร้ายความจริง
ไม่อยู่ในสัญญาจ้างงาน เพียงแต่พี่ปั้นถือคติทำงานแล้วอะไรที่ทำได้ก็ควรทำให้เต็มที่
ผมพยักหน้าเห็นด้วย เดี๋ยวต้องลองช่วยคุยกับคุณวีร์ดู
ผมหยิบสมุดเล่มเล็กประจำตัวออมา เริ่มเขียนรายชื่อลงไปใหม่อีกครั้ง จากเดิมที่เคยทำเอาไว้เมื่อนานแล้ว
คุณวิกา ผมยังสงสัยคนนี้ แอบคิดว่าข้อความบนกระจกจะเขียนเองหรือเปล่า คุณวิกาเป็นนางเอกดัง แสดงออกแค่นั้นไม่
เกินความสามารถหรอก
(ผมไม่ได้อคติเป็นการส่วนตัวนะครับ ไม่เกี่ยวกับคุณวีร์เลย แต่คิดแล้วนึกถึงตอนกอดกัน แง่ม)
คุณจักร ผมไม่ไว้ใจเอาเสียเลย ต่อให้ไม่ใช่คนร้ายผมก็คิดว่าเป็นศัตรูกับคุณวีร์อยู่ดี หน้าตาไม่น่าไว้ใจสายตาหลุกหลิก
แล้วหลังๆ ชอบมองผมแปลกๆ อึ๋ย คิดแล้วขนลุก
คุณลลิตา ผมว่าผู้หญิงคนนี้ทะเยอทะยาน หวังสูง ถ้าไม่ร่วมมือกับคุณจักร ก็อาจทำเพื่อหวังให้ตัวเองขึ้นมาเป็นผู้หญิง
ของคุณวีร์ ก็ดูแต่ละครั้งที่เจอกันสิครับ อ่อยจนใครๆ ก็ดูออก พูดแล้วอยากกระโดดกัดหูคุณรองประธาน ข้อหาหมั่นไส้
ทำตัวดูดีเกินไป
คุณซัน ผมอยากตัดออกเพราะไม่น่าจะฉลาดพอทำได้ โทษฐานที่โง่ขนาดดูคุณลินไม่ออกแล้วยังโง่ซ้ำซากที่ไปชอบคุณวิกา
แต่ความรักไม่เข้าใครออกใคร เขาว่ามันมีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ทำให้คนทำอะไรบ้าๆ ก็ได้
คุณซันอาจอยากให้คุณวิกามีความสุข ถึงทำทุกอย่างเพื่อให้คุณวีร์หันไปมองคุณวิกา และช่วยกำจัดคู่แข่งให้
ว่าแต่ ผมไม่ได้ดูละครเยอะไปใช่ไหม แหะๆ
ผมมองลิสต์รายชื่อที่เขียน ความจริงเหมือนไม่ได้อะไรจากการเข้าไปอยู่ใกล้คุณวีร์ แต่การได้ทำความรู้จักกับทุกคน
ด้วยตัวเองมีประโยชน์กว่าที่ผมคิด อย่างน้อยรายชื่อที่ผมเขียนล่าสุดก็เหลือแค่ 4คนเท่านั้น
ผมตัดพ่อคุณริว คุณริว คุณเรย์ออก ไม่คิดว่าจะใช่ ครอบครัวใหญ่นี้รักกันมาก น้องๆ ก็ดูติดพี่ชาย ชื่นชมบูชาอยู่ไม่น้อย
(ส่วนที่ว่าทำไมพ่อคุณริวถึงห้ามไม่ให้ไปงานเปิดตัวร้าน ก็เพราะพ่อคุณวีร์สั่งห้ามอีกที เนื่องจากทราบเรื่องดอกกุหลาบ
เลือดที่มีคนส่งมา)
ผมตัดคุณลินออก ทำไมน่ะเหรอครับ เพราะผมเชื่อว่าถ้าคุณลินลงมือคงจะน่ากลัวกว่านี้ เชื่อผมเถอะ
มันต้องสยองมากแน่ๆ
ตอนนี้ในรายชื่อผมเหลือผู้ต้องสงสัย 4 คน ตัดออกได้อีก 4 คน ถือว่าทำงานได้ไม่เลว (หรือเปล่า)
หลังจากสรุปรายชื่อแล้ว ผมเขียนลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลงไป
ส่งจดหมายขู่ ► ฉีกรูปส่งมา ► โดนวางยา ► กุหลาบเปื้อนเลือด ► ข้อความบนกระจก► รถพุ่งชน
ผมตัดคุณวิกาถูกผลักล้มที่งานออก ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวไหมตัดออกไว้ก่อน
ผมเคาะปากกากับสมุด ก่อนหน้านี้ผมพุ่งประเด็นไปที่คุณลินว่าอาจจะเป็นคนวางยาผม กล้องวงจรปิดไม่เห็นภาพคนน่า
สงสัย แต่ตอนนั้นผมไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวพี่ปั้นรู้แล้วให้ลาออก (ถ้ารู้ว่าสุดท้ายพี่มันก็รู้อยู่ดีคงบอกไปตั้งแต่วันนั้น
จะได้ช่วยกันคิด ขืนบอกตอนนี้คงโดนด่าแล้วยิ่งพี่ปั้นมันเพิ่งอนุญาตให้กลับไปอยู่กับคุณวีร์ได้ ไปสุมเชื้อไฟอีกคงไม่ดี)
พรุ่งนี้ลองถามคุณลินดีกว่า เผื่อจะพอได้เรื่องอะไรบ้าง
“คุณลินจำแชมเปญที่ให้ผมดื่มตอนงานวันเกิดน้องริวได้ไหมครับ”
ผมเดินมาเกาะเคาน์เตอร์คุยกับคุณลินที่ก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่ ช่วงนี้คุณลินยังเข้าร้านบ่อยเพราะร้านเพิ่งเปิด
“แชมเปญเหรอ อืม..พอจำได้ มีอะไรปุ่น”
ผมมองซ้ายมองขวา ตัดสินใจว่าจะบอกคุณลินตรงๆ
“ถ้าผมบอกคุณลินห้ามคุณลินบอกใครนะครับ” คุณลินไม่ยอมตอบผม มองหน้าก่อนขมวดคิ้วมุ่น
“บอกมาก่อนว่าเรื่องอะไร” งะ ไม่ให้ความร่วมมือเลย แต่บอกก็บอก
“ผมคิดว่าผมถูกวางยาครับ ผมดื่มแชมเปญไปแค่แก้วกับอีกครึ่ง แต่อาการวันนั้นมันแปลกๆ
ผมเวียนหัว มึนงง แต่ไม่ได้เมา แล้วหลังจากผมตกน้ำ ผมหลับไปอีก4-5ชั่วโมง โดยไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดเดียว
ตอนตกน้ำผมคิดว่ามีคนผลัก แต่ไปดูในเทปวงจรปิด คนมันเยอะยืนบังๆ กัน ไม่เห็นว่ามีมือใครผลักผมหรือเปล่า"
“ทำไมไม่บอกวีร์” คุณลินเลิกทำงานเงยหน้าขึ้นมาคุยกับผมจริงจัง
“อย่าเลยครับ ผมไม่แน่ใจด้วยอาจเมาจริงก็ได้ เลยลองมาถามคณลินนี่แหล่ะ” ผมแบ่งรับแบ่งสู้
คุณลินทำหน้าครุ่นคิด คงพยายามนึกย้อนเหตุการณ์อยู่
“วันนั้นเห็นปุ่นอยากทานไวน์แต่วีร์ไม่ยอมบอกว่าเดี๋ยวเมา ฉันเลยสั่งพนักงานให้เอาแชมเปญมาให้ก็แค่นั้น”
“รู้แล้ว” คุณลินเหมือนนึกอะไรดีๆ ได้ หันไปเรียกพนักงาน
“เอาMoet & Chandon มาขวดนึง”
พนักงานรินใส่แก้วทรงสูงส่งให้ผมกับคุณลิน
“ที่งานเป็นยี่ห้อนี้ ปุ่นลองดูว่าตกลงเมาเพราะแชมเปญหรือเปล่า”
ผมพยักหน้ารับมาดื่ม วันนี้ทางสะดวกครับ เพราะคุณวีร์มีนัดประชุมสำคัญกับผู้บริหารและต่อด้วยงานเลี้ยง
ผมไม่ได้ไปเพราะงานนี้ต้องเป็นพี่พรเท่านั้น
ผมกับคุณลินนั่งดื่มกันไปเรื่อยๆ สองแก้วแล้วแต่ผมไม่มีอาการเหมือนคืนนั้น แค่เคลิ้มๆ กึ่มๆ รู้สึกดี ไม่มึนงงสักนิด
เราเลยสรุปกันว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ผมจะถูกวางยา
แต่ไหนๆ ก็เปิดมาแล้ว คุณลินเลยชวนผมดื่มเป็นเพื่อน คุยกันไปเรื่อยๆ ขึ้นขวดสองไม่รู้ตัว ผมมารู้ว่าตัวเองเริ่มเมา
ตอนจะเดินไปเข้าห้องน้ำแต่คอนโทรลขาไม่ได้ คุณลินเลยเรียกพี่โชคมาพาผมกลับบ้าน
กว่าจะถึงบ้าน ผมก็ตัวเห่อไปหมด ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำเอาร้อน เหงื่อออก แต่จะอาบน้ำก็ไม่ไหว โงหัวไม่ค่อยขึ้น
ผมเลยเดินสะเปะสะปะพาตัวเองไปจนถึงห้องนอน ขอหลับก่อนแล้วกันครับ อย่างอื่นค่อยคิดกันอีกที
......................................................................................
-สิทธวีร์-
ผมโทรหาปุ่นแต่ไม่มีคนรับ เกือบยกเลิกงานเลี้ยง ดีที่ติดต่อคุณโชคได้ ถึงรู้ว่าตัวดีเมามาจากร้านของลิน
ผมกลับมาบ้านไม่เห็นแม้แต่เงา เดินหาเจอสลบอยู่บนเตียง เสื้อผ้าไม่เปลี่ยน อยากจะฟาดให้เข็ด
ปุ่นกับแอลกอฮอล์ไว้ใจไม่ได้จริงๆ
ผมอุ้มปุ่นกลับมาที่ห้องนอน ตัวก็ไม่ใช่เบาๆ ขยันหมดสติเหลือเกินนะอ้วนเอ๊ย
ผมวางปุ่นลงบนเตียง ขยับตัวให้นอนสบายขึ้น ดึงเนคไทออก ปลดกระดุมคอกับกระดุมแขน ดึงเสื้อออกจากกางเกง
ก่อนปลดเข็มขัดให้เป็นอย่างสุดท้าย ทำให้ได้แค่นี้ครับกลัวใจตัวเอง จะเช็ดตัวให้ปุ่นเหมือนตอนนั้นก็คงไม่ไหว
อะไรๆ มันไม่เหมือนเดิมแล้ว โดยเฉพาะใจผม รอให้รู้สึกตัวก่อนแล้วกันค่อยไล่ไปอาบน้ำ
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ มองไปที่เตียงแล้วแทบก้าวขาไม่ออก ปุ่นลุกขึ้นมานั่งทำตาปรือมองมาทางผม
ถ้าแค่ปุ่นตื่นแล้วคงไม่เท่าไหร่ครับ แต่นี่ปุ่นเกือบเปลือย เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนหลุดหายไปแล้ว กางเกงคาอยู่ที่ต้นขา
เหมือนเจ้าตัวถอดไม่สำเร็จ ใส่กางเกงในตัวเดียว ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอ ภาพนี้มันยั่วกันเกินไปแล้ว
“ถอดให้พี่ปุ่นหน่อย” ตัวอ้วนทำเสียงโยเย สีหน้าติดรำคาญ
“ร้อนนน” ปุ่นเร่งเมื่อผมเอาแต่ยืนเฉยไม่ทำอะไร
ผมวางผ้าเช็ดผมลงบนพนักเก้าอี้ เดินมานั่งบนเตียง พยายามไม่เข้าไปใกล้ปุ่นมาก ใช้สองมือดึงกางเกงออกให้
“ไปอาบน้ำไป๊” ผมออกปากไล่ แต่ตัวดีมันเอาแต่ยิ้มจนตาหยี
“กอดหน่อยจิ มาๆ มากอดพี่ปุ่นหน่อย” ปุ่นกวักมือเรียกผม ก่อนอ้าแขนสองข้างออกกว้าง
“พี่ปุ่นร้ากกกคุณรองประธานที่ซู้ดดดเลย”
ได้ยินแบบนี้ใครจะไปใจแข็งครับ ผมเอื้อมแขนไปกอดตัวยุ่งเอาไว้ แต่พออกนิ่ม ๆ ผิวลื่นๆ มาโดนตัว
ผมรีบเด้งตัวออกแทบไม่ทัน ไม่อยากเอาเปรียบตอนมันเมา
“ลุกไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้” ผมสั่งปุ่นเสียงดุ พยายามทำหน้าบึ้งแต่ไม่รู้ว่าตัวยุ่งมันรับรู้หรือเปล่า
เพราะเอาแต่ส่งยิ้มตาหยีมาให้ แถมไม่ยอมขยับลงจากเตียง
ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดานถอนใจยาว หันกลับมามองอีกทีแทบช็อก
“ปุ่น!! จะทำอะไร” ผมเรียกมันเสียงหลง ก็ไอ้ตัวดีมันใช้นิ้วเกี่ยวกางเกงในปลิวหวือไปตกอยู่ข้างเตียงโน้น
“อาบน้ำงายยย” ปุ่นคลานมาทางผมที่นั่งอยู่ปลายเตียง ตัวมันขาว แก้มมันแดง ตามันเยิ้มไปหมด
ท่าคลานของปุ่นทำเอาสติผมเกือบขาด
ผมรีบหันหน้าไปทางอื่น กะว่าเดี๋ยวปุ่นคงลงจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
แต่นานสองนานก็ไม่ได้ยินเสียงเดินหรือเสียงอะไรเพิ่มเติม ผมหันกลับมาเจอปุ่นนอนกองอยู่ตรงหน้า
ร่างกลมนอนตะแคงหันมาทางผม แก้มยุ้ยแนบอยู่กับผ้าห่ม หน้าอกกับพุงน้อยๆ ขยับขึ้นลงตามจังหวะหายใจ
ผมมองต่ำลงไปเรื่อยๆ ขาข้างนึงของปุ่นปิดบังส่วนกลางลำตัวเอาไว้ แต่ไม่ทั้งหมด
ผมเอื้อมมือไปแตะต้นขาก่อนผลักออกเบาๆ ปุ่นพลิกตัวเปลี่ยนเป็นนอนหงาย เม็ดสีชมพูเรื่อบนอกปรากฎแก่สายตา
แก่นกายน่ารักนอนหลับอยู่กลางลำตัว
ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าออก แต่บางอย่างไม่เป็นใจ มันตื่นเต็มตัวโดยไม่ต้องปลุกเร้า
ผมไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องลักหลับใครมาก่อน แต่ตอนนี้ในหัวไม่รู้จักคำว่าถูกผิดแล้ว
ผมช้อนตัวปุ่นอุ้มขึ้นไปวางบนหมอน ใช้มือแตะไล้ผิวกายนุ่มนิ่ม ปุ่นครางอืออา แต่ไม่ยอมตื่น
ผมคร่อมร่างขาวนวลเอาไว้
"น่ารักเหลือเกิน"
ผมกลืนน้ำลาย จ้องมองร่างอวบอิ่มไม่วางตา ทาบทับฝ่ามือลงไปลูบไล้เบาๆ
ผมบีบคลึงตุ่มไตบนอกของปุ่น ใช้นิ้วเกี่ยวคีบเม็ดสีชมพูเรื่อจนปุ่นครางฮือ แอ่นอกเข้าหามือผม
กัดริมฝีปากน้อยๆ ดูยั่วยวนจนผมทนไม่ไหว ก้มลงจูบที่แก้มกลมสูดดมความหอมเข้าไปในอก
ริมฝีปากไล้พวงแก้มลากวนลงมาจนถึงริมฝีปากนุ่ม ผมดึงร่างกลมของปุ่นเข้ามากอดแนบแน่น เชยคางขึ้นรับรสจูบ
บดคลึงเรียวปากอย่างช้าๆ ใช้ปลายลิ้นตวัดบังคับให้ปุ่นเปิดริมฝีปากออก ผมแทรกลิ้นเข้าไปในปากนิ่ม
กวาดชิมน้ำหวานที่อยู่ภายใน ดูดตอดลิ้นน้อยๆ หยอกล้อไปมา จนปุ่นครางไม่ขาดปาก
ความนุ่มหยุ่นที่ได้สัมผัส รสหอมหวานที่ได้ลิ้มลอง ทำให้ผมลืมสิ้นทุกอย่าง
ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องที่ปุ่นเป็นผู้ชาย คิดแต่อยากจะกอด อยากจะรักปุ่นให้เต็มอิ่ม
"ปุ่น" ผมถอนริมฝีปากออกมาเรียกชื่อคนที่นอนหายใจรวยริน
ปุ่นปรือตาขึ้นมา ส่งยิ้มอายๆ ให้ผม ผมไม่แน่ใจว่าปุ่นรู้ตัวหรือไม่ แต่แค่นี้มันพอเพียงให้ผมทำสิ่งที่ค้างคาต่อไป
ผมค่อยๆ เล้าโล้ม ลูบไล้ปลายนิ้วไปทั่วเนื้อตัวนุ่มหยุ่น เสียดสีความแข็งแกร่งที่กำลังตื่นตัวลงเบื้องล่าง
ความร้อนรุ่มในกายผลักดันให้ผมอยากแทรกลึกในตัวปุ่นเสียเดี๋ยวนี้
ผมสะกดกั้นความต้องการ ก้มตัวลงใช้ลิ้นเลียไปที่อกนุ่ม หยอกล้อกับยอดอกสีสวย ดูดดุนสลับไปมาสองข้าง
"คุณวีร์ อา..อา.." ปุ่นดิ้นพล่าน พยายามผลักหน้าผมออก
"ชอบไหม" ผมถามเสียงแหบพร่า
"อื้อ อู้ว์ " เสียงครางตอบเหมือนละเมอ อกอวบแอ่นหยัดขึ้นเมื่อถูกเคล้นคลึงรุนแรง
ผมครางออกมา ตื่นเต้นไม่แพ้กันเมื่อเห็นปุ่นมีปฏิกิริยาตอบรับกับสัมผัสของผม
ผมเลื่อนมือต่ำลงไป แบะขาที่ปุ่นหนีบเอาไว้แน่นให้หลุดออกจากกัน
น้องชายของปุ่นที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อนตื่นตัวอยู่ตรงหน้า ผมยิ้มอย่างพอใจที่ปุ่นมีอารมณ์ร่วมกับผม
ปุ่นบิดตัวไปมาด้วยความอาย ยิ่งดูยิ่งเย้ายวน
ผมปล่อยให้อกของปุ่นเป็นอิสระ หันมาชื่นชมกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบ
ผมกำรอบส่วนกลางลำตัวใช้ปลายนิ้วไล้ทำความรู้จัก หยอกเอินจนมันแข็งตัวเต็มที่
ผมทำให้ปุ่นเหมือนกับที่ทำกับตัวเอง ขยับขึ้นลง สลับช้าเร็ว หมุนวน กดเน้นน้ำหนักเป็นจังหวะ
"อู้ว์....คุณวีร์...คุณวีร์" ปุ่นบิดตัวไปมา สะโพกลอยพ้นเตียง
ผมเร่งมือ เพียงไม่นานร่างกลมก็เกร็งกระตุกอย่างรุนแรง ส่งเสียงครางลั่นห้อง ผมรีดปุ่นน้อยพ่นพิษออกมาจนหมด
ผมเปลี่ยนเป้าหมาย สองมือจับต้นขาปุ่นแยกออกกว้าง ปุ่นพยายามหุบขาแต่สู้แรงของผมไม่ไหว
"พี่ขอนะครับ" ผมกระซิบเสียงอ่อนโยนที่ข้างหู ก่อนค่อยๆแทรกนิ้วผ่านช่องทางเล็กๆ ที่ไม่เคยต้องมือใครมาก่อน
ขยับเข้าออกช้าๆ ให้เวลาปุ่นทำความคุ้นเคยกับสิ่งแปลกปลอม
"ไม่เอาครับ อย่า"
ผมขยับตัวกลับขึ้นไป ใช้ริมฝีปากปิดกั้นเสียงห้าม แทรกลิ้นสอดเข้าไปปลุกเร้าอารมณ์
ผมเพิ่มนิ้วเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ ปุ่นเริ่มดิ้นพล่าน สะโพกกลมส่ายไปมา พยายามหลีกหนีจากมือของผม
"อา..ไม่.." ปุ่นพยายามร้องห้าม แต่มือกลับกอดก่ายผมไว้แน่น ใบหน้ากลมแดงจัด ปากบวมเจ่อเพราะฤทธิ์จูบ
ผมถอนนิ้วออกเมื่อคิดว่าปุ่นพร้อมแล้ว จับขาให้แยกออกกว้าง ยิ่งเห็นก็ยิ่งเร้าอารมณ์ดิบที่อยู่ภายในให้ครุกรุ่น
ผมซุกหน้าลงไปประกบปากนุ่มอีกครั้ง บดคลึง เรียกร้องจนเริ่มได้รับการตอบสนอง
มือปาดน้ำรักที่เลอะอยู่เต็มหน้าท้องของปุ่นใช้แทนสารหล่อลื่น
"ไว้ใจพี่นะครับ"
ดวงตาที่มองสบตาผมงุนงง ดูสับสนไร้เดียงสา
ผมประกบปากจูบลงไปเบาๆ กดซับที่ริมฝีปากได้รูปอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย ก่อนยกสะโพกกลมมนขึ้นน้อยๆ
จับแก่นกายของตนเองที่กำลังตื่นตัวเต็มที่จ่อเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่ม ที่เตรียมความพร้อมเอาไว้อย่างดี
ค่อยๆ กดสะโพกแนบชิดลงไปช้าๆ ไม่ผลีผลาม
ใบหน้ากลมเบ้ไปเพราะความเจ็บปวด แต่ปุ่นยังกัดฟันอย่างอดทน ผมสงสารจนต้องหยุดชะงักแช่เอาไว้อย่างนั้น
โน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากเข้ากับปากของปุ่น ปลายลิ้นเลียไล้ไปรอบๆ ก่อนแทรกผ่านเข้าเกี่ยวรัดตวัดหยอกล้อ
ควานหาความหอมหวานภายในปากนุ่ม
ปุ่นค่อยๆ ผ่อนคลาย ผมอาศัยจังหวะนี้ดันแก่นกายแทรกเข้าไปช้า พยายามให้นุ่มนวลที่สุด
"อา..." ปุ่นครางเสียงสั่นสะโพกเกร็ง ใบหน้าปุ่นแดงปลั่ง เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นริมหน้าผาก ตาปรือ
"ทนนิดนะคนดี" ผมกระซิบบอกเสียงแหบ ปุ่นอ้าปากกว้าง สูดลมหายใจแรงๆ
ผมเริ่มขยับท่อนลำให้ลงลึกเข้าไปเรื่อยๆ ดันช้าๆ จนเข้าไปได้ทั้งหมด
กัดฟันแน่น ช่องทางคับแคบตอดรัดรุนแรงจนผมแทบจะปลดปล่อยออกมาในทันที
ได้แต่บอกตัวเองให้อยู่นิ่งๆ ผมใช้มือปากเล้าโลมปุ่น ปลุกอารมณ์หวามเพื่อให้คลายความเจ็บปวด
ปุ่นเริ่มบิดสะโพกไปมา ผมจับเอวไว้แน่น กดสะโพกเข้าหา ขยับตัวเข้าออกช้าๆ ค่อยๆสอดประสาน
ผมดุนดันท่อนเนื้อเข้าออกในโพรงที่ตอดรัดคับแน่น ก่อนจะเพิ่มความถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ปุ่นจิกเล็บลงมาที่ต้นแขนและกลางหลัง ร้องครวญครางไม่หยุด
ผมเข้ากอบกุมแท่งร้อนของปุ่น มือรูดรั้งลงไปตามความยาวอย่างหนักหน่วง ปลุกเร้าให้อีกฝ่ายอารมณ์เตลิด
เสียงเล็กครางกระเส่าออกมาฟังไม่เป็นภาษา ใบหน้ากลมแหงนเชิดไปทางด้านหลัง
"ไม่..ไม่ไหวแล้ว"
ร่างกลมเกร็งกระตุก น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาเลอะหน้าท้องขาว ภายในตอดรัดอย่างต่อเนื่อง ผมสูดปากระงับความเสียวซ่าน
โหมจังหวะรัวเร็ว ซอยบั้นเอวถี่ยิบ จับสะโยกกลมกดกระแทก เด้งเข้าออกอย่างรุนแรงเพื่อส่งตัวเองตามไปด้วยกัน
"อูว์ ข้างในของปุ่นสุดยอดเหลือเกิน ทำไมแน่นอย่างนี้”
แก่นกายอันรุ่มร้อนทะยานเข้าออกอีกสี่ถึงห้าครั้ง ผมครางดังลั่นพร้อมอาการเกร็งกระตุกอย่างรุนแรง
ก่อนทรุดตัวลงนอนทาบทับร่างนุ่มเอาไว้
"เหนื่อยไหมครับ" ผมลงมานอนข้างๆใช้ริมฝีปากจูบซับไปทั่วหน้าที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อ
"พี่มีความสุขที่สุด ปุ่นมีความสุขไหม"
ปุ่นพยักหน้าอายๆ หลบตาผม
ผมนอนกอดร่งนุ่มนิ่มของปุ่นเอาไว้ ตัวอ้วนขยับตัวหยุกหยิกก่อนจะมีเสียงเล็กๆ ถามขึ้น
“ผมเป็นของคุณวีร์แล้วเหรอครับ” ผมก้มลงไปมองคนในอ้อมแขน ปุ่นทำตาปรือสีหน้าดูสับสน
ผมอดยิ้มไม่ได้ ตัวอ้วนคงกึ่งเมากึ่งมีสติเลยถามอะไรประหลาดแบบนี้นผมคงต้องช่วยตอบเสียหน่อย
“พี่ก็ไม่แน่ใจครับ มาทำกันอีกทีให้แน่ใจดีกว่า”
ผมพลิกกายกลับมาอยู่ข้างบนอีกครั้ง จับตัวปุ่นให้นอนคว่ำ ยกสะโพกกลมลอยขึ้นสูง
อืมมมม
คืนนี้ยังอีกยาวไกล จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า ผมคงทำให้ปุ่นเชื่อได้ว่าปุ่นเป็นของผมแล้วจริงๆ
........................................................TBC............................................................
Darin ♥ FANPAGE