15
เมื่อพ่อว่ายังไงแม่ก็ว่าตามนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เราคุยกันเสร็จ พ่อของชริณก็โทรมาอีกครั้ง เพื่อบอกว่าจะสามารถหยุดยาวมาญี่ปุ่นได้อีกตอนไหน
หลังจากคุยกับคนพ่อเสร็จ ชริณก็นอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง เขาทวนถามตัวเองในใจอีกครั้งว่าคิดดีหรือยังที่โกหกพ่อแม่ไปอย่างนั้น เขาไม่อยากโกหก...แต่หากบอกความจริงก็ต้องมีปัญหาตามมาอีก แค่การที่ชริณคบกับผู้ชาย ยังเป็นเรื่องยากเลย เขาก็โชคดีที่มีพ่อแม่พยายามเข้าใจแค่นั้น
แม้โลกจะค่อย ๆ เปิดกว้าง ให้เสรีในสิ่งที่เป็นแล้ว แต่ลึก ๆ เราเองก็ต้องยอมรับว่าคนที่เกิดก่อนยุคสมัยที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา ลำพังบอกแค่เท่านี้ เรื่องยังยุ่งยาก ชริณไม่รู้ว่าหากพ่อแม่ของเขารับรู้สิ่งที่เจ้าจิ้งจอกเป็น ทุกอย่างจะเป็นอย่างไรต่อไปและยอมรับลึก ๆ ว่าเขาเองก็ไม่กล้าเสี่ยงด้วย
“ชาริน....”
“.....”
“ชาริน ซัง!”
“....!!” คนที่ถูกเรียกถึงกับสะดุ้ง เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกเจ้าจิ้งจอกน้อยเรียกพร้อมเขย่าตัวหลังเขานอนเหม่ออยู่นานสองนาน
“ว่าไง มีอะไร”
“วันนี้ชาริน ซังไม่ได้ไปทำงานใช่ไหม?” คุณแม่ลูกสี่ถามด้วยน้ำเสียงนึกสนุก ก่อนจะปีนขึ้นเตียงคลานมาหาสามีพร้อมกับโบรชัวร์สินค้าใบหนึ่ง ตอนนี้น้องกำลังมีที่ ๆ อยากไป แต่จะไปคนเดียวก็ไม่ไปเป็นอีก สุดท้ายจึงตัดสินใจกำโบรชัวร์จากหน้าห้างสรรพสินค้ากลับมาให้สามีดู เผื่อชาริน ซังจะใจดีพาน้องกับบรรดาลูก ๆ ของเราออกไปข้างนอกด้วย
เดี๋ยวนี้คุณแม่ลูกสี่เริ่มมีการพัฒนาแล้ว จากที่ทุกครั้งต้องออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้ากับชาริน ซัง เดี๋ยวนี้สามารถไปซื้อคนเดียวโดยที่สามีไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว
ฝั่งชริณเองก็รับเอาใบโบชัวร์จากเจ้าจิ้งจอกมาดู มันเป็นโบชัวร์ของสวนสนุกแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านใหม่ของเราเท่าไรนัก ตอนนี้กำลังจัดโปรโมชั่นเชิญชวนให้คนไปเที่ยวสวนสนุกกัน
“อยากไปเหรอ” เขาถามเจ้าจิ้งจอกและดูเหมือนอีกฝ่ายก็กำลังมองชริณอย่างมีความหวังเช่นกัน
“อื้อ! ขอไปได้ไหม เอาลูกไปเที่ยวด้วย” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ หมายจะอ้อนสามี ใจอ่อนยอมพาแก๊งก้อนขนของเราไปเที่ยว
“ก็ดีเหมือนกัน ไม่เคยได้ออกไปไหนเลยนี่” ชริณว่า อนุมัติอย่างไม่ต้องคิด
เขาเองก็สงสารบรรดาลูก ๆ เหมือนกัน ตั้งแต่เกิดมาก็อยู่แต่ในบ้าน มีงานหลักคือป่วนคุณแม่ ให้คุณแม่มาฟ้องพ่อ กิน ๆ แล้วก็นอนตามประสาเด็ก ออกไปเปิดหูเปิดตา สัมผัสกับโลกภายนอกก็น่าจะดีอยู่ไม่น้อย
“เย้! ชาริน ซังน่ารักที่สุด จุ๊บ!” เจ้าจิ้งจอกน้อยโผกอดสามีด้วยท่าทางสุดดีใจก่อนจะจุ๊บแก้มของสามีเพื่อเป็นรางวัล ดีใจมาก ๆ ที่ชาริน ซังอนุมัติ น้องจะได้ไปเที่ยวแล้ว!
การที่สามีอนุมัติ จะไปสวนสนุกด้วยกัน ทำให้คุณแม่ลูกสี่อารมณ์ดีแทบทั้งวัน พรุ่งนี้น้องจะได้ออกไปเที่ยวแล้ว น้องรอให้ถึงเวลานั้นอย่างใจจดใจจ่อ เหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ล่อด้วยขนม
นับเป็นครั้งแรกที่ครอบครัวก้อนขนได้ออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่เจ้าจิ้งจอกเชื่อว่าแม้จะเป็นครั้งแรกของลูก ๆ ก็จะไม่สร้างปัญหาให้ใครแน่นอน เพราะวันว่าง ๆ น้องเองที่อยู่บ้านกับลูกตลอดเวลา ก็มักจะคอยสอนลูกเสมอ อย่างน้อยในตอนนี้แก๊งก้อนขนก็รู้การควบคุมวิธีการกลายร่างได้แล้ว
“ปายยยเที่ยวว เที่ยวไหนอ่า” ตะวันลูกคนที่สามเอียงคอมองแม่ตาแป๊ว หลังเห็นคุณแม่มาบอกข่าวดีด้วยท่าทางดีใจ ขณะที่ลูก ๆ ยังงุนงงอยู่
“เที่ยวสวนสนุกไง”
“แล้วมันคืออะไยหลอคะ” สายรุ้งพี่สาวคนโตถามแม่ต่อ
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ” เจ้าจิ้งจอกถึงกับห่อไหล่อย่างหงอย ๆ เมื่อให้คำตอบบรรดาลูก ๆ ไม่ได้ เพราะตัวเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน เติบโตมาแต่ในป่า คลุกคลีกับมนุษย์แค่ตอนหาเศษอาหาร จะไปรู้จักได้ยังไงว่าสวนสนุกคืออะไร จริง ๆ น้องเพิ่งมารู้จักสวนสนุกก็ตอนได้เป็นครึ่งชีวิตของชาริน ซังนี่แหละ
“อ้าว แล้วทำไมคุงแม่ดีใจอ่า” ดวงจันทร์ว่าด้วยความสงสัย
“งืม หนูว่าถ้าที่นั่งไม่มีขนง มังก็คงไม่นุกหลอก คุงแม่เชื่อหนู!” ดวงดาวลูกสาวคนสุดท้อง ผู้มีแนวโน้มจะเป็นตุ้ยนุ้ยยิ่งกว่าใครพูดต่อ ขณะเดียวกันก็จับจุกนมเปล่า ๆ ขึ้นมาดูดอีกหน พักหลังคุณแม่ไม่ค่อยยอมให้เธอกินนมเลย จะกินได้ต้องได้กินเท่าพี่น้อง ไม่มีสิทธิ์พิเศษอีกแล้ว สุดท้ายหนูน้อยก็ต้องดูดจุกนมเปล่า ๆ เล่นพอให้แก้อยาก
“มันต้องสนุกซี่ เชื่อแม่” คนเป็นแม่เถียงลูก ดูจากรูปภาพแล้วมันต้องสนุกแน่นอน น้องมั่นใจ!
ในที่สุดวันที่เราจะได้ไปสวนสนุกก็เวียนมาถึงเสียที จริง ๆ น้องก็ไม่ได้รอนานอะไร แต่เพราะน้องอยากไปมาก ทำให้ทุกนาทีรู้สึกเดินช้าเหลือเกิน
หลังจากที่ชาริน ซังอนุมัติเสร็จ วันรุ่งขึ้นเราก็จะไปกันเลย โดยที่มีชาริน ซังเป็นคนวางแผน จัดการอะไรให้เสร็จสรรพ ส่วนน้องเองก็มีหน้าที่โม้กับลูกว่าการออกไปท่องโลกกว้างครั้งนี้ มันต้องสนุกอย่างงั้นอย่างงี้ แต่เหมือนจะมีแค่คุณแม่ลูกสี่ที่ตื่นเต้นอยู่คนเดียว ส่วนลูก ๆ ก็ได้แต่ทำหน้างง เพราะไม่เคยออกไปข้างนอก
“เจ้าจิ้งจอก พร้อมยัง?”
“แป๊บนึงน้า” หลังจากได้ยินเสียงสามีตะโกนถามมา คุณแม่ลูกสี่ก็รีบเร่งทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ในเร็วมากขึ้น นั่นก็คือการแต่งตัวให้ลูก ๆ ของเรา เรามีเสื้อผ้ามากมายด้วยเงินของชาริน ซังทั้งนั้น ซื้อทีก็ต้องซื้อสี่ชุด เพื่อให้ลูก ๆ ได้ใส่เหมือนกันอย่างเท่าเทียม
น้องรู้ดีว่าไม่ใช่แค่น้องที่หัวฟูเพราะเจ้าก้อนขน แต่ชาริน ซังเองก็เช่นกัน แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้คลุกคลี ให้เจ้าตัวป่วนให้เล่นงานเหมือนคุณแม่ แต่ชาริน ซังก็มีเรื่องเครียดเพราะต้องหาเงิน การเลี้ยงดูลูกหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องง่าย คราวนี้มาพร้อมกันถึงสี่คนก็ยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนี้กลายเป็นว่าอันไหนพอช่วยเหลือชาริน ซังได้ น้องก็จะช่วย อย่างน้อยก็ได้แบ่งเบาภาระในแบบของน้อง
“พร้อมยัง”
“พร้อมแล้ว”
“ฮะ เจ้าตัวเล็กของพ่อน่ารักจัง” ชริณที่เข้ามาดูความคืบหน้าการแต่งตัวของลูก ๆ ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ หลังเห็นเจ้าจิ้งจอกแต่งตัวให้บรรดาลูก ๆ ของเรา คล้ายกันหมดจนเหมือนร่างโคลนนิ่ง ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ตรงเข้าไปฟัดแก้มยุ้ยของลูก ๆ ทันที ฟัดคนเดียวไม่ได้ ต้องฟัดรวดถึงสี่คน เพื่อที่ทุกคนจะได้รับความรักเท่าเทียมกัน
“คุงพ่อ”
“แอ๊ะ ๆ”
“คุงป๊อของหนู”
ทันทีที่ถูกคนพ่อฟัด แก๊งก้อนขนทั้งหลายก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวด้วยความชอบใจ พากันหัวเราะเรียกหาพ่อชาริน ต่างชูมือขึ้นกลางอากาศหมายจะอ้อนขอกอด แต่น่าเสียดาย เราไม่ได้มีเวลาพอจะฟัดกันให้หนำใจ ควรรีบออกจากบ้าน ก่อนจะหมดวันไปเสียเปล่า ๆ
“พร้อมไปเที่ยวกันยัง” ชริณถามเด็ก ๆ
“พร้อมแย้ว แอ๊ะ ๆ!”
ชริณเลือกใช้การเดินทางด้วยรถไฟพาครอบครัวก้อนขนของเขาไปยังสวนสนุกที่คุยกันไว้ ระหว่างการเดินทางก็มีผู้คนเข้ามาทักทายพวกเราเป็นระยะ ด้วยความที่ลูก ๆ ทั้งสี่แต่งตัวเหมือนกันจนคล้ายร่างโคลนนิ่ง ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างให้ความเอ็นดูกันทั้งนั้น
เมื่อมาถึงสวนสนุกที่ว่า ดูเหมือนคุณแม่ลูกสี่จะตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าบรรดาลูก ๆ หันมองนั่นมองนี่ไม่หยุด จนเขาต้องปรามให้ดูลูกด้วย เชื่อเถอะว่าชริณแอบเห็นประกายในดวงตาของเจ้าจิ้งจอก ดูท่าคนแม่นี่แหละที่อยากมาสวนสนุกยิ่งกว่าใคร เมื่อมาถึงงเราก็แบ่งกันเข็นรถ รับผิดชอบลูก ๆ คนละสอง ตอนนี้บรรดาลูก ๆ ของชริณเริ่มหัดเดินได้แล้ว แต่ยังไม่แข็งเท่าไร มีล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
พัฒนาการของแก๊งก้อนขนเป็นที่น่าพอใจสำหรับชริณ ลูก ๆ มีพัฒนาขึ้นในทุก ๆ วัน ชริณสอนในการเป็นมนุษย์ ส่วนเจ้าจิ้งจอกก็ปลุกสัญชาตญาณจิ้งจอกในตัวลูก ๆ ให้เจ้าก้อนทั้งสี่ได้เรียนรู้การเป็นมนุษย์และมีสัญชาตญาณความเป็นจิ้งจอกตามเชื้อกำเนิดไม่ทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป
ชริณกำชับหมวกของลูก ๆ ให้เข้าที่ ก่อนจะพาเดินเข้าเขตสวนสนุกหลังซื้อบัตรมาแล้ว เขาเองก็ไม่ได้มาที่แบบนี้นานเหมือนกัน ครั้งล่าสุดเท่าที่จำได้น่าจะเป็นช่วงมัธยมต้น สวนสนุกเป็นสถานที่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ร่วมถึงเขาด้วย การพอเจ้าจิ้งจอกและลูก ๆ มา ชริณก็อยากให้ทุกคนได้ประทับใจเหมือนกับตอนที่เขาได้มาครั้งแรก
“ชาริน ซางงงงงง”
“หืม?” ชายหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับการดูแลลูก ๆ ให้อยู่ในกรอบสายตา หันมองตามเสียงของภรรยา ก่อนจะพบว่าเจ้าจิ้งจอกกำลังยิ้มแป้นแล้นยืนข้างโซนขายสายไหมสีสดใส เป็นอันรู้กันว่าคุณแม่ลูกสี่อยากกิน
“อร่อยจัง น้องให้ลูกกินได้ไหม” บัดนี้มือของคุณแม่ลูกสี่กำลังถือสายไม้สีสดใสไม้ใหญ่เอาไว้กับมือ เป็นครั้งแรกที่เจ้าจิ้งจอกได้กินสายไหม มันรสชาติดีไม่ต่างจากที่จินตนาการไว้เลย อร่อยจนอยากให้ลูก ๆ เจ้าก้อนขนของแม่ได้กินด้วย แต่ต้องถามความเห็นพ่อก่อน เพราะคนพ่อฉลาดกว่า
“ไม่ได้ ลูกยังไม่ควรกิน ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้นเลย” เมื่อชริณว่าเช่นนั้น คุณแม่ที่กำลังแบ่งสายไหมออกเป็นคำ ๆ เตรียมป้อนลูก ๆ ถึงกับหงอยเหมือนกำลังถูกเอ็ด ทั้ง ๆ ที่ชริณก็แค่ห้ามเอง
“เสียดายจัง....”
“ไว้ลูกโตค่อยให้กันนะ” ชริณว่าอย่างใจเย็น พลางเข็นลูกเข้าไปในโซนสวนสนุก ก่อนจะมีเหล่ามาสคอตทั้งหลายซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนสนุก ขวัญใจของเด็ก ๆ เข้ามารุมล้อมทันที
ทุกอย่างควรจะแฮปปี้แต่ทว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยกลับมองเจ้ามาสคอตรูปร่างสัตว์ ตัวใหญ่กว่ามนุษย์ปกติด้วยความตื่นกลัว เจ้าจิ้งจอกรีบเขย่าแขนชริณยกใหญ่ เมื่อเห็นสามียังคงยืนนิ่ง ก็ตั้งท่าจะเข็นรถลูก ๆ หนีจากตรงนั้นโดยไม่ฟังเสียงสามี
“ด—เดี๋ยว!” ชริณร้องห้ามภรรยาเสียงหลง ก่อนที่เราจะผลัดหลงกันในสวนสนุกขนาดใหญ่นี้ แต่ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น คว้ารถเข็นลูกได้ก็จะพาเดินหนีจากตรงนั้นลูกเดียว ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน ควรจะเป็นเด็กสิที่กลัว ทว่าลูก ๆ กลับหัวเราะด้วยความชอบใจ ยกเว้นคนแม่ที่เหมือนจะไม่สนุกด้วย
“น้อง!” ชริณเรียกภรรยาอีกครั้ง หากเป็นปกติเขาคงจะเรียกว่า เจ้าจิ้งจอก แต่เพราะเราไม่ได้อยู่กันในบ้าน เขาจึงไม่สามารถเรียกเช่นนั้นได้ นาน ๆ ทีชริณถึงเรียกเจ้าจิ้งจอกว่าน้อง ซึ่งเป็นชื่อเรียกจริง ๆ ของอีกฝ่าย การเรียกแบบนั้นได้ผลชะงัก มีใครเรียกชื่อก็ต้องหันอยู่แล้ว นั่นคุณแม่ลูกสี่หยุดยืนอยู่กับที่และหันกลับไปมองสามีตัวเอง
ดวงตากลมโตคลอด้วยน้ำใส แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเจ้าตัวการ์ตูนประจำสวนสนุกแห่งนี้ นั่นทำให้ชริณไม่มีทางเลือกมากนัก จากที่ตั้งใจว่าจะถ่ายรูปรวมกับครอบครัวโดยมีมาสคอตเป็นตัวประกอบเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก็ต้องยกเลิกไป เดินเลี่ยงไปอีกทาง ไม่ให้เราได้เจอกับมาสคอตอีกหน ก่อนที่เจ้าจิ้งจอกจะปล่อยโฮกลางสวนสนุก
เขาเข็นรถลูกอีกสองคนเดินมาทางเจ้าจิ้งจอก ตั้งใจว่าหลังจากนี้จะพาครอบครัวก้อนขนเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อที่จะได้ไม่ต้องพบเจอเจ้ามาสคอตอีก
“ชาริน ซังจะถ่ายรูปกับเจ้านั้นเหรอ จะถ่ายก็ได้นะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยที่เห็นว่าสามีอยากทำอะไร ก็รีบคว้าแขนไว้ก่อนที่ชาริน ซังจะเดินนำไปอีกทาง น้องรู้ว่าชาริน ซังอยากถ่ายรูปกับเจ้าตัวประหลาดพวกนั้น จริง ๆ น้องกลัว มันตัวใหญ่เกินไป แต่ถ้าชาริน ซังอยากพาลูก ๆ ของเราไปถ่ายรูปรวมกับเจ้าพวกนั้น น้องจะรวบรวมความกล้าไปถ่ายด้วยก็ได้
“ไม่เป็นไรหรอก กลัวไม่ใช่เรา” ชริณว่าด้วยความเสียงอ่อนโยน ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวคุณแม่ลูกสี่เพื่อปลอบโยน เห็นชัดว่าเจ้าจิ้งจอกกลัว ยิ่งจะพยายามเอาใจ เพื่อที่จะให้เราถ่ายรูปด้วยกันอีก
“แล้วชาริน ซังจะเสียใจไหม ถ้าเราไม่ได้ถ่ายรูปกับเจ้าพวกนั้น”
“เสียใจทำไม? ไม่ถ่ายรูปกับเจ้าพวกนั้น เราก็ไปถ่ายที่อื่นก็ได้ ไม่ต้องร้องไห้นะ...เรื่องแค่นี้เอง” ชริณว่า เพราะอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา ห่างกันแค่ตอนเขาไปทำงาน ทำให้ชริณรู้เลยว่าตอนนี้เจ้าจิ้งจอกกำลังกังวล เป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเองที่กลัวจนร้องไห้
คราวที่แล้วก็ปกป้องเขาด้วยชีวิตตัวเอง....คราวนี้ก็เป็นห่วงความรู้สึกเขามากกว่าความรู้สึกตัวเองอีก จะไม่ใช่ชริณหลงได้ยังไง
ถ้าเป็นอยู่บ้านเขาคงจูบหน้าผากเพื่อปลอบแล้ว แต่เพราะเราอยู่ที่สาธารณะ สุดท้ายชริณถึงทำได้แค่ลูบหัวปลอบ ก่อนจะพาไปเล่นโซนอื่น ๆ ในสวนสนุกเพื่อให้อาการหวาดกลัวของคุณแม่ลูกสี่หายไปแล้วค่อยไปให้รางวัลกันที่บ้าน
“แล้วน้องจะดูพวกการ์ตูนเหล่านี้ได้ที่ไหนอะ”
“ในโทรทัศน์”
“ไม่เห็นมีเลย”
“ก็ไม่เคยเปิดให้ดู”
“งั้นวันนี้เปิดให้น้องดูหน่อยนะ ให้ลูกเราดูด้วย”
“อือ...” ชริณขานรับส่ง ๆ ดูเหมือนการมาสวนสนุกตามคำขอของคุณแม่ลูกสี่ครั้งนี้ จะสร้างความปวดหัวให้เขาเสียแล้ว เพราะตั้งแต่ออกมาจากสวนสนุก เจ้าจิ้งจอกก็ถามจ้อไม่หยุด คอยพูดถึงเหล่าตัวการ์ตูน มาสคอตทั้งหลายแหล่ที่เดินขบวนพาเลตมาสร้างความสนุกกับเด็ก ๆ ที่มาชื่ออะไรกันบ้าง ทำไมตัวถึงสีนี้ มีลูกไหม สารพัดสิ่งสงสัย
ชริณว่าการมาสวนสนุกครั้งนี้ เจ้าจิ้งจอกคงมีความสุขมากกว่าใคร แม้จะเสียน้ำตาตอนเห็นมาสคอตของสวนสนุกในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ปิดฉากการมาเที่ยวครั้งแรกของเราด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่ลูกสี่ดี๊ด๊าเหมือนเด็กห้าขวบ ส่วนก็เจ้าก้อนขนทั้งหลายก็ได้แต่มองตัวการ์ตูนทั้งหลายอย่างมึนงง เพราะไม่เคยเห็น บ้างก็หัวเราะชอบใจ แต่คงไม่มีใครแฮปปี้เท่ากับคุณแม่แล้ว
“ชาริน ซัง ตัวนี้ชื่ออะไรนะ มินนี่ใช่ไหม?”
“ถามแต่เจ้าตัวการ์ตูน ชักจะน้อยใจแล้วนะ” เพราะดูเหมือนตัวเองกำลังถูกแย่งความสนใจ ชริณที่กำลังพาครอบครัวก้อนขนกลับบ้านของเราจึงหันไปพูดกับเจ้าจิ้งจอกด้วยท่าทีจริงจัง ปกติเจ้าจิ้งจอกก็มักจะให้ความสำคัญแต่เขาเสมอ ไม่เคยสนใจสิ่งใดนอกจากเขา พอเจอแบบนี้ ชริณก็ชักจะโมโหเหมือนกัน อะไรจะขนาดนั้น
จากตอนแรกที่ตั้งใจจะให้รางวัล น่าจะเปลี่ยนเป็นการลงโทษเสียให้เข็ด....
“ชาริน ซังโกรธเหรอ”
“.....”
“งั้นน้องไม่พูดถึงแล้วนะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่า พับความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเจ้าตัวการ์ตูทั้งหลายแหล่ลงไป ก่อนที่ชาริน ซังจะโกรธมากกว่านี้แล้วเราก็ขึ้นรถไฟกลับบ้านกันโดยที่น้องไม่พูดเรื่องเจ้าตัวการ์ตูนอีก
ชาริน ซังบอกน้องว่าไม่ได้โกรธ... แต่กลับไม่พูดกับน้อง แบบนี้มันหมายความว่ายังไง? เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณแม่ลูกสี่ก็กลับมาสวมบทเป็นแม่บ้านอีกครั้ง พ่อแม่แบ่งหน้าที่กันคนละส่วน ชาริน ซังอาบน้ำให้เจ้าก้อนขนที่เหมือนจะเพลีย เพราะออกไปเที่ยวเล่นโลกภายนอกทั้งวัน ส่วนน้องเองก็รับหน้าที่ชงนม เตรียมส่งลูก ๆ เข้านอนในคืนนี้
หลังจากชาริน ซังอาบน้ำแต่งตัว ใส่ชุดนอนให้ลูก ๆ แล้วพาเข้าเปลนอนเสร็จ ก็เดินตัวละลิ่วผ่านน้องที่กำลังถือขวดนมมาเสิร์ฟลูก ๆ โดยไม่พูดจา ทำเอาเจ้าจิ้งจอกถึงกับห่อไหล่ ทำมือสามีในรูปแบบนี้ไม่ถูก ชาริน ซังไม่ได้เมินเฉยกับน้องแบบนี้นานแล้ว ล่าสุดก็ก่อนที่เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน
ขณะที่น้องกำลังยืนถือขวดนมอย่างเหม่อลอย กำลังคิดจะทำยังไงดีให้ชาริน ซังหายโกรธตัวเอง ลูก ๆ ทั้งสี่ก็ร้องหานมร้อนส่งเข้านอน เจ้าจิ้งจอกน้อยจึงไม่มีทางเลือกมากนัก ยังไงเสียตอนนี้ก็ต้องดูแลลูกให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยไปง้อสามีทีหลัง
“ชาริน ซังงงงง น้องอาบน้ำด้วย”
“.....”
“อย่าเพิ่งปิดประตูซี่!”
“จะเข้ามาก็รีบมา”
หลังจากที่จัดการส่งลูก ๆ เข้านอนเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ลูกสี่ก็วิ่งแจ้นตรงเข้าห้องนอนตัวเอง หมายจะง้อสามีตามที่วางแผนเอาไว้ทันที
พอเข้ามาถึงห้องก็เห็นชาริน ซังคว้าผ้าเช็ดตัว เตรียมจะเข้าไปอาบน้ำ เจ้าจิ้งจอกก็ไม่รอช้า รีบเดินตามไปคว้าผ้าเช็ดตัวเช่นกัน ตั้งใจว่าจะขออาบน้ำด้วยคน เดี๋ยวน้องจะขัดหลังให้ชาริน ซังหายโกรธเอง ทว่าในตอนแรกทันทีที่ชาริน ซังได้ยิน อีกฝ่ายก็ตั้งท่าจะปิดประตูใส่ น้องต้องร้องห้ามเสียก่อน ชาริน ซังถึงยอมเปิดประตูให้ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
พอได้อยู่กับสามีเพียงลำพัง เจ้าจิ้งจอกลูกสี่ก็กลายร่างเป็นน้องเหมือนเดิม เพราะดูเหมือนชาริน ซังจะไม่เข้าเต็มใจให้น้องเข้ามาอาบน้ำด้วย เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มเบะปากบ้าง แต่น้อยใจมากไม่ได้เพราะชาริน ซังยังโกรธน้องอยู่ ถ้าน้องน้อยใจแล้วชาริน ซังรู้ ด้วยเรื่องจะบานปลาย
เราต่างแยกมุมปลดเปลื้องเสื้อผ้าเพื่อเตรียมอาบน้ำ บรรยากาศระหว่างมาคุจนเจ้าจิ้งจอกน้อยรู้สึกอึดอัดจึงถอนหายใจออกมา
“ถ้าไม่อยากอาบน้ำด้วยกัน ก็ไม่ต้องก็ได้นะ ไม่ได้บังคับ” ฝั่งชริณเอง เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจก็พูดออกมาด้วยน้ำเรียบนิ่ง
“เปล่าสักหน่อย” เจ้าจิ้งจอกเถียง
ชาริน ซังชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย น้องบอกตอนไหนว่าไม่อยากอาบน้ำด้วย!
หลังจากจัดการสลัดเสื้อผ้าออกให้พ้นตัวได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะได้อาบน้ำกันเสียที เจ้าจิ้งจอกน้อยค่อย ๆ เดินเลียบ ๆ เคียง ๆ เข้าไปหาชาริน ซัง บอกตามตรงว่าตอนนี้น้องเองก็ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ชาริน ซังเท่าไรนัก เพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ แต่กำลังโกรธน้องอยู่และดูเงียบมาก ๆ ด้วย
“ชาริน ซัง....” คุณแม่ลูกสี่เกริ่นนำโดยการเรียกชื่อสามีก่อน
“.....”
“ด—เดี๋ยวน้องขัดหลังให้นะ วันนี้เหนื่อยมากใช่ม้า จะนวดให้ด้วย” เจ้าจิ้งจอกว่าด้วยน้ำเสียงสดใส พยายามแสดงออกสุดฤทธิ์ว่าอยากปรนนิบัติสามี เมื่อเห็นว่าชาริน ซังไม่ได้พูดอะไร ก็เตรียมคว้าใยบวบหมายจะมาขัดหลังให้สามี ทว่าอีกฝ่ายกลับชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่เป็นไร...ไม่มีอารมณ์”
“อ๋อ...อือ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขานรับในลำคอ ก้อนน้อยใจเล็ก ๆ ในตอนแรกที่พยายามไม่สนใจ เพราะสามีกำลังโกรธอยู่ เริ่มขยายใหญ่มากขึ้น
น้องก็อยากง้อชาริน ซังนะ...แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้ง้อแล้วน้องจะทำยังไง
แผนที่วางไว้ถูกชาริน ซังทำพังอย่างไม่เป็นท่า กลายเป็นว่าเราต่างแยกย้ายกันอาบน้ำและแต่งตัว ไม่มีนัวเนียกันเหมือนเคย ชาริน ซังไม่ใช่ผู้ชายหวาน ไม่ค่อยแสดงความรักอย่างเปิดเผย แต่อย่างน้อย ๆ ก่อนนอนอีกฝ่ายต้องมีจูบหน้าผาก บอกฝันดีบ้าง แต่ครั้งนี้ไม่เลย
เราแยกย้ายกันนอนอีกแล้ว....
ดวงตากลมโตได้แต่มองตามทุกการกระทำของสามีตาละห้อย อีกฝ่ายเมินเฉยน้องอย่างตั้งใจ เมินเฉยจนกระทั่งเราจะเข้านอนกันแล้ว ไม่ต้องรอดูท่าที รู้เลยคืนนี้เรานอนหันหลังให้กันแน่
ฝั่งเจ้าจิ้งจอกที่อยากจะเดินหน้าง้อเต็มที่ก็ได้แต่ปิดปากเงียบ เพราะกลัวชาริน ซังจะปฏิเสธกลับมาให้เจ็บใจเล่นซ้ำสอง
“ชาริน ซังจะนอนแล้วเหรอ” เจ้าจิ้งจอกน้อยถาม อีกฝ่ายจะไม่จูบหน้าผากน้องก่อนนอนจริงเหรอ?
“อืม”
“งั้น...ลืมอะไรหรือเปล่า” เจ้าจิ้งจอกถามต่อ เอาน่า....อีกฝ่ายอยากลืมก็ได้ บอกใบ้นิด ๆ ก็คงไม่เป็นอะไร
“ไม่ลืม”
“อ๋อ งั้นฝันดีนะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่า ใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ ชาริน ซังลืมกิจวัตรที่เรามักจะทำกันจริง ๆ ก้อนน้อยใจเริ่มขยายใหญ่กว่าครั้งที่แล้ว คราวนี้มันจุก ๆ ในคอ คุณแม่ลูกสี่ต้องรีบเข้านอนก่อนที่จะได้ร้องไห้ต่อหน้าชาริน ซัง
เพราะน้องมีชาริน ซังเป็นโลกทั้งใบมาโดยตลอด พอมีสิ่งหนึ่งของโลกภายนอกที่ดูน่าสนใจ ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะให้ความสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันชาริน ซังก็ยังเป็นโลกทั้งใบของน้องเหมือนเดิม เพียงแค่ว่าโลกทั้งใบของน้องมีบางอย่างเพิ่มเติม นั่นก็คือการ์ตูน
การไปเที่ยวสวนสนุกครั้งนี้ของเรา เป็นครั้งแรกที่เจ้าจิ้งจอกน้อยได้รู้จักตัวการ์ตูน โลกในจินตนาการของมนุษย์ มันดูน่าสนุก ตัวการ์ตูนแต่ละตัวก็น่ารักน่าชัง ยกเว้นพวกเจ้ามาสคอตของสวนสนุก ทำให้น้องประทับใจอยากรู้จักมากกว่านี้ ชาริน ซังเท่านั้นที่สามารถไขความสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ของเจ้าตัวการ์ตูนให้น้องได้ น้องถึงเอ่ยปากถามไม่หยุด จนเป็นเหตุให้ชาริน ซังโกรธ กล่าวหาว่าน้องให้ความสนใจกับตัวการ์ตูนมากกว่าเจ้าตัว
มันไม่ใช่สักหน่อย ชาริน ซังยังเป็นที่หนึ่งในใจน้องอยู่ดี...
“งั้นน้องปิดไฟเลยนะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าต่อ ต้องรีบปิดไฟให้ห้องมันมืดก่อน น้องจะไม่ไหวอยู่แล้ว
“......” เมื่อเห็นชาริน ซังไม่พูดไม่จา น้องก็ไม่รอช้า รีบชิงปิดไฟ ล้มตัวนอนหันหลังให้ชาริน ซังโดยไม่คิดจะหันไปมองหน้าอีกฝ่ายอีก มือเล็กคว้าผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมถึงหัวไหล่ตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ ร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ ขนตายาวชุ่มไปด้วยน้ำตา ก้อนน้อยใจที่ว่ากำลังแผลงฤทธิ์อย่างช้า ๆ
เจ็บจัง....
ไหล่แคบสั่นเทิ้มไปตามแรงร้องไห้ กลีบปากบางเม้มแน่น ต้องการที่จะร้องไห้ให้เบาเสียงที่สุด ไม่อยากให้ชาริน ซังได้รับรู้ว่าก้อนน้อยใจขนาดใหญ่กำลังเล่นงานน้องอย่างช้า ๆ ชาริน ซังเป็นโลกทั้งใบของน้อง หากอีกฝ่ายเมินเฉย พยายามตีตัวออกห่างน้องแบบนี้น้องจะทำยังไง
“เจ้าจิ้งจอก”
“....!!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อชาริน ซังที่คิดว่าคงนอนหันหลังให้เช่นกันก็เรียกขานน้องขึ้นมา จะขานรับในทันทีก็ไม่ได้ อีกฝ่ายฉลาด หากตอบกลับไปในทันทีคงรู้แน่ว่าน้องกำลังร้องไห้อยู่
“น้อง....” คราวนี้ชาริน ซังไม่พูดเปล่า น้องรับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังเขยิบเข้ามาใกล้ มือหนาจับเข้าที่ไหล่ของน้อง ส่วนจิ้งจอกเองก็หยุดร้องไห้ชั่วขณะ รีบใช้ผ้าห่มเช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะทำลายหลักฐาน อีกอย่างตอนนี้เราอยู่ในความมืด ชาริน ซังคงไม่เห็นหรอกว่าน้องกำลังอยู่ในสภาพไหน
“ร้องไห้เหรอ?”
“ป—เปล่า!” เจ้าจิ้งจอกน้อยรีบปฏิเสธ แต่นั่นยิ่งเป็นหลักฐานมัดตัวว่าเจ้าตัวกำลังร้องไห้ เพราะน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ชาริน ซังนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้น้องยิ่งกว่าเดิม แล้วตวัดแขนกอดเอวน้องไว้อย่างหลวม ๆ
“แน่ใจ?” ชริณว่า งับใบหูเจ้าจิ้งจอกขี้แงเบา ๆ
“ฮือ!น้องไม่อยากคุยด้วยแล้ว” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ว่าหันไปตีไหล่ชาริน ซังทันควัน พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายอีกต่อไป รู้ทั้งรู้ว่าน้องกำลังร้องไห้ ยังมีหน้ามาถามกันอีก ชาริน ซังใจร้าย! ฝั่งชริณเองก็ถึงกับหัวเราะออกมา ไม่คิดว่าตัวเองจะทำให้เจ้าจิ้งจอกร้องไห้ การลงโทษของเขาได้ผล เขาปล่อยให้อีกคนตีครู่หนึ่งก่อนจะคว้ามือไว้ ไม่ให้ประทุษร้ายตัวเองอีกครั้ง
“อย่าตีแรง เจ็บ” เขาว่าเพียงสั้น ๆ
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องน้าเจ้าจิ้งจอก” เพราะยังเห็นดวงตาของเจ้าจิ้งจอกยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา ชริณจึงลูบหัวปลอบโยนอีกฝ่ายเหมือนเด็ก ๆ
“ไม่ต้องเลย ชาริน ซังใจร้าย” ตีเสร็จก็นอนซุกอกชาริน ซังกอดเอวไว้อย่างหลวม ๆ พร้อมกับสะอื้นไห้ อยากจะโมโหชาริน ซัง อยากจะหยิกให้เนื้อเขียว แต่ในขณะเดียวกันก็อยากกอดด้วย เมื่อกี้ที่เมินเฉยน้องทุกอย่างเป็นแค่การแสดงงั้นเหรอ
“เมื่อกี้ ชาริน ซังโกรธน้องเหรอ” เจ้าจิ้งจอกน้อยถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“ไม่ได้โกรธ” ชริณเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง
“.....”
“แค่ต่อหน้าอย่ามาให้ความสนใจอะไร นอกจากฉันอีกไม่ชอบ เข้าใจไหม” ชริณว่า เขาไม่ชอบที่ตัวเองถูกลดความสำคัญ ไม่ชอบที่ตัวเองถูกเจ้าจิ้งจอกละเลย
“อือ...น้องก็ให้ชาริน ซังเป็นที่หนึ่งของน้องอยู่แล้วนี่นา” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าเสียงอ้อมแอ้ม ก้อนน้อยใจเริ่มดีขึ้น เมื่อได้รับคำตอบและฟังเหตุผลของชาริน ซัง
“....ก็ดี”
“แต่ว่าพรุ่งนี้เปิดการ์ตูนให้น้องหน่อยได้ไหม”
“เจ้าจิ้งจอก!”
__________________________
สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง