ตอนที่ 6 : ต่างความคิด“ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติผม” ผมถอดสร้อยที่สวมอยู่ที่คอออก ก่อนส่งให้กับหมอวินทันทีที่เราขึ้นรถ
ผมอาจจะซื่อแต่ไม่โง่พอที่จะดูไม่ออกว่าเพราะอะไรหมอวินถึงให้สร้อยเส้นนี้กับผมมา
“ใครสั่งให้ถอด” มือของผมที่กำลังยื่นออกไปชะงัก หมอวินหันมาทำตาดุ สีหน้าไม่พอใจ
“มันไม่ใช่ของผมครับ ผมรับไว้ไม่ได้” สร้อยเส้นนี้หมอวินใส่ติดคอเสมอ ผมไม่รู้ความสำคัญของมันแต่คิดว่าต้องมี
เพราะคนอย่างหมอวินจะเปลี่ยนสร้อยกี่เส้นก็ย่อมได้ เหมือนที่เปลี่ยนนาฬิกา เปลี่ยนร้องเท้าและอื่นๆ เป็นว่าเล่น
แต่ผมไม่เคยเห็นหมอวินเปลี่ยนสร้อยเลย
“ไม่ดื้อสักเรื่องจะได้ไหม ถึงนายคืนฉันก็ใส่ไม่ได้ ใครเห็นจะคิดยังไง ให้ไปแล้วถูกส่งคืน อยากให้ฉันหน้าแตกเหรอหมานิว”
ผมมองสร้อยในมือเริ่มคิดหนัก ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นของแพงแน่ๆ รับไว้ก็ไม่ดี ไม่รับหมอวินก็จะโกรธ
“งั้นผมรับฝากไว้ให้นะครับ อีกสักพักพอคนลืมๆ ผมจะถอดคืนให้” ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะดีที่สุด ใส่ให้เพื่อนหมอวินเห็นสักพัก
แค่นี้คุณชายหมอคงพอใจ
“ไม่เข้าใจตรงไหน มันเป็นปลอกคอของนาย หมามีเจ้าของต้องสวมปลอกคอไม่รู้หรือ”
ผมยกสร้อยขึ้นมาดูอีกครั้ง ต้องเป็นหมาพันธุ์อะไรถึงจะได้ใส่ปลอกคอแพงขนาดนี้ แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าจะใช่หมาวัดอย่างผม
“เท่าไหร่ครับ”
“อะไร”
“สร้อยเส้นนี้เท่าไหร่ครับ”
“ถามไปทำไม”
“เผื่อผมเอาไปขายจะได้ไม่ถูกโกง” ผมตอบไปคนละทางกับที่คิด ผมแค่อยากรู้ว่าผมมีกำลังพอจะหาเงินมาคืนไหม
ถ้าทำมันหลุดหรือหายไหม และถ้าโชคดีหมอวินอาจรีบขอคืน
“หึ” นอกจากเสียงหัวเราะในลำคอ หมอวินไม่ตอบอะไรเลย ดูเหมือนจะไม่โกรธด้วยที่ผมคิดจะขายสร้อย ทำเอาผม
ชักไม่แน่ใจว่าตกลงสร้อยเส้นนี้สำคัญหรือไม่สำคัญกันแน่
“เมื่อไหร่จะออกรถจะนั่งมันยันเช้าเหรอ”
“ออกรถได้แล้ว ไปได้แล้ว” ผมพูดขึ้นมาบ้าง ทำเอาคนที่กอดอก หลับตาเอนหลังพิงเบาะ ต้องลืมตามามองหน้าผม
“สั่งใคร?”
“ไม่ได้สั่งครับ แต่คิดว่าถ้าหมอวินพูดแบบนั้นคงดี พูดสั้นกว่าตั้งเยอะแถมฟังเพราะกว่าด้วย”
“หมานิว!!”
“ครับๆ ไปแล้วครับ ออกรถแล้วครับ” ผมสตาร์ทรถก่อนขับออกจากลานจอด ปล่อยให้หมอวินนอนพักไปเงียบๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมดับเครื่องยนต์หลังจากขับรถเข้าที่จอดของคอนโดเรียบร้อย ดูเหมือนหมอวินจะหลับสนิท เรียนก็หนักยังไปนั่งดื่มเหล้า
เป็นหมอทำไมไม่รู้จักรักษาสุขภาพของตัวเอง
“หมอวินครับ หมอวิน” ผมเรียกหมอวินสองสามครั้งติด แต่เจ้าตัวไม่ขยับสักนิด ยังคงกอดอกนอนนิ่งอยู่ท่าเดิม
ผมเอนเบาะของตัวเองลง หันข้างตะแคงหน้าไปทางหมอวิน
ไม่อยากเชื่อว่าผมจะได้อยู่ใกล้หมอวินขนาดนี้ ใกล้จนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของหมอวิน ใกล้จนถ้าผมเอื้อมมือไป
อีกนิดก็สัมผัสใบหน้าคมเข้มนี้ได้แล้ว
ผมนอนมองหน้าหมอวิน ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย ผมสามารถนอนมองได้ทั้งคืน ถ้าตาผมจะไม่ปรือลงเสียก่อน อืม ง่วงชะมัด
“นิว หมานิว” ผมได้ยินบางเสียงดังมาจากที่ไกลๆ
“หมานิว”
“ครับ” ผมตอบรับในลำคอ ขยับซุกหน้าลงกับหมอน
ปัง เสียงเหมือนใครปิดประตู จุกจะออกไปไหน ได้เวลาไปบิณฑบาตแล้วเหรอ แต่ผมยังไม่อยากตื่นเลย เหมือนตัวเอง
เพิ่งได้นอนไปนิดเดียว
ผมรู้สึกตัวเองลอยขึ้นแต่แค่ครู่เดียว ตามมาด้วยเสียงปิดประตูอีกครั้งแต่ครั้งนี้ดังกว่าเก่า ผมพยายามลืมตาขึ้นดู
แต่เปลือกตามันหนัก หลังจากพยายามอยู่สองสามครั้งผมก็ยอมแพ้ ซุกหน้าเข้ากับอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวได้
มันขยับขึ้นลงช้าๆ เป็นจังหวะ ยิ่งทำให้ผมง่วงเข้าไปใหญ่ มันไม่ถึงกับสบาย แต่มันทำให้ผมรู้สึกอุ่น สงบและปลอดภัย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บางอย่างในกางเกงผมสั่นไม่เลิกจนต้องสะดุ้งตื่น ผมใช้เวลาชั่วครู่ก่อนจะตั้งสติได้ว่ามันคือโทรศัพท์ที่ผมปิดเสียงเอาไว้
ผมควานมือลงไปในกระเป๋า ก่อนหยิบออกมากดรับสาย
“สวัสดีครับ” ผมพูดทั้งที่ตายังหลับสนิท
“พี่นิวอยู่ไหน”
“จุกเหรอ”
“ใช่ พี่นิวอยู่ไหน ทำไมไม่กลับวัด ผมตื่นขึ้นมาไม่เจอตกใจหมด”
“วัด?” ผมสะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้นนั่งก่อนหันไปมองรอบๆ ตาค่อยๆ ปรับให้ชินกับความมืด จนเห็นว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“จุกพี่อยู่ห้องหมอวิน เมื่อคืนมันดึกมากเลยไม่ได้กลับ ฝากขอโทษหลวงลุงด้วย แล้วพี่จะรีบกลับไปอธิบาย”
“ถ้าอยู่ห้องหมอวินก็ไม่เป็นไร จุกเป็นห่วงเฉยๆ เดี๋ยวบอกหลวงลุงให้ ไม่ต้องรีบกลับหรอก” ผมฝากจุกเรียนหลวงลุง
ไว้แล้วว่าเมื่อคืนอาจกลับดึกมาก เพราะต้องรอไปรับไปส่งคุณชายหมอ แต่ไม่ได้เรียนว่าจะไม่กลับวัด
“ขอบใจ พี่ฝากด้วยนะ”
“พี่นิวไปนอนต่อเถอะ ผมจะออกไปกับหลวงลุงแล้ว”
“โอเค” ผมกดวางสาย นาฬิกาในโทรศัพท์บอกเวลาตีห้ากว่า ผมรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ในห้องหมอวิน แต่ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง
ผมชะโงกตัวไปมองคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง หมอวินไม่ใส่เสื้อมีเพียงผ้าห่มที่คลุมอยู่บนเอว ผมกลัวจะหนาว
เลยขยับไปดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ ก่อนลงมานั่งบนที่นอนของตัวเอง มันคือพรมข้างเตียงของหมอวิน
บนพรมเนื้อนุ่มมีหมอนกับผ้าห่มกองอยู่ ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ในหัวพยายามคิดว่าผมมานอนตรงนี้ได้ยังไง
เสื้อผ้าก็ยังเป็นชุดเก่า มีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่เต็มไปหมด ผมเริ่มกังวลว่าจะทำให้พรมกับข้าวของของหมอวินสกปรก
จึงตัดสินใจลุกขึ้น ก่อนค่อยๆ ย่องออกไปจากห้องนอน
คอนโดของหมอวินเป็นห้องชุด นอกจากห้องน้ำใหญ่ในห้องนอนแล้ว ด้านนอกยังมีห้องน้ำอีกหนึ่งห้อง ผมถอดเสื้อผ้าออก
สะบัด จัดการผึ่งไว้เผื่อจะช่วยเรื่องกลิ่นได้บ้าง
ผมเดินเข้าห้องน้ำ เปิดตู้หยิบผ้าขนหนูออกมา หวังว่าหมอวินจะไม่ว่าอะไรที่ผมหยิบของมาใช้โดยพละการ
ในตู้มีแปรงสีฟันใหม่วางไว้หลายอัน ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบขึ้นมาใช้ เดี๋ยวค่อยซื้อแบบเดียวกันมาคืน
เจ็ดโมงเช้า หลังจากผมนั่งเอ้อระเหยอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก ผมลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้กับหมอวิน
ผมตัดสินใจอยู่รอเจอคุณชายหมอ อย่างน้อยก็ควรอยู่รอขอบคุณถึงแม้ว่าผมจะจำอะไรไม่ได้ก็ตาม
ข้าวต้มกุ้งร้อนๆ เพิ่งเสร็จ ตอนหมอวินเดินออกมาจากท้องนอนพอดี
หมอวินหยุดยืนมองผมแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนใหม่โดยไม่พูดอะไร ผมออกจะงงๆ แต่ไม่ได้เดินตามเข้าไปซักถาม
จัดการตักข้าวต้มกุ้งใส่ชาม รินน้ำส้ม น้ำเปล่า แล้วยกไปเตรียมไว้ให้บนโต๊ะอาหาร
หมอวินเดินออกมาอีกครั้ง ในมือถือเสื้อผ้าก่อนโยนมันมาให้ผม
“เปลี่ยนซะ”
ผมตะครุบไว้ได้แค่เสื้อ ส่วนกางเกงหล่นลงบนพื้น แต่ที่ทำให้ผมหน้าแดงสุดๆ คือ กางเกงในสีน้ำเงินเข้มที่กระเด็นไป
ตกอยู่ห่างๆ
“เอ่อ..” ผมถึงกับพูดไม่ออก ไม่แม้แต่จะกล้าเดินเข้าไปเก็บ
“ของใหม่ ไม่ต้องทำท่ารังเกียจขนาดนั้น”
“ผมไม่ได้รังเกียจ” ผมรีบพูดแทรกขึ้นมา ผมไม่ได้รังเกียจเลยสักนิด ผมแค่เขินเมื่อคิดว่ามันเป็นของที่หมอวินเคยใส่
“ฉันไม่ชอบคนสกปรก” แค่ประโยคเดียวทำเอาผมรีบก้มลงเก็บทุกอย่างขึ้นมากอดไว้ เดินจนเกือบกลายเป็นวิ่ง
เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
ผมออกมาเห็นคุณชายหมอกำลังนั่งตักข้าวต้มทาน พอสายตาสบกัน นัยน์ตาคู่นั้นก็เต้นระริก
“หึหึ”
ผมแอบส่งค้อนให้คุณชายหมอ รู้หรอกครับว่ามันน่าเกลียด คุณชายหมอตัวใหญ่กว่าผม สูงกว่าผม
เสื้อผ้าเลยคนละไซส์ ผมใส่ออกมาได้น่าเกลียดมาก เหมือนเด็กที่ขโมยเสื้อผ้าผู้ใหญ่มาใส่ ดีว่ามีเข็มขัดรัดเอาไว้
ไม่อย่างนั้นไม่มีทางใส่ได้แน่ๆ
“ตักข้าวต้มมาทาน” คำสั่งสั้นๆ ทำให้ผมเปลี่ยนทิศทาง เดินไปตักข้าวต้มในหม้อ ก่อนถือกลับมานั่งฝั่งตรงข้าม
กับคุณชายหมอ
“เมื่อคืนทำไมผมมานอนห้องหมอวินได้ครับ” ผมรอถามคำถามนี้มาตั้งแต่ตื่น พอมีโอกาสเลยรีบถามทันที
“จำไม่ได้?”
“ไม่ได้ครับ” ผมพยายามนึกแล้วนึกอีก แต่ก็จำได้แค่ผมนอนมองหมอวินในรถแล้วคงเผลอหลับไป
“นายเป็นโรคนอนละเมอเหรอ”
“โรคนอนละเมอหรือครับ” ผมมองหน้าหมอวินงงๆ ผมว่าผมไม่เป็นนะครับ ไม่เห็นเคยมีใครบอก ไม่ว่าจะเป็นพ่อกับแม่หรือจุก
“ไม่เป็นนะครับ”
“แต่เมื่อคืนนายเดินตามฉันขึ้นมาเอง หลังจากถูกฉันปลุกในรถ”
“ผม?!!”
“ใช่ ฉันเห็นมันดึกมากแล้ว นายก็เหมือนจะขับรถไม่ไหว ฉันเลยบอกให้ค้างที่นี่”
“เหรอครับ” ผมพยักหน้ารับงงๆ ไม่รู้สึกคุ้นเลยสักนิด
“ขอบคุณมากนะครับ สงสัยผมเหนื่อยไปหน่อยครับ ปกติผมตื่นตีห้าทุกวัน อาทิตย์นี้นอนดึกบ่อยเลยเพลียๆ”
“ทำไมตื่นเช้า”
“ผมต้องเตรียมตัวออกไปกับหลวงลุงครับ ไปช่วยถือของให้ท่านตอนบิณฑบาต”
“แล้วทำไมถึงไม่บอกฉัน” อ้าว ดุผมอีก
“ผมไม่เห็นความจำเป็นต้องบอกนี่ครับ หมอวินก็ไม่ได้ใช้งานผมหนักอะไร สบายเกินเงินเดือนด้วยซ้ำ”
“หมาวิน” โกรธอีกแล้ว โกรธอะไรนักหนา
“เรื่องสำคัญพวกนี้ต้องบอกให้ฉันรู้ จำเอาไว้”
เรื่องสำคัญเหรอครับ ผมไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน ผมไม่เข้าใจหมอวินแต่ก็พยักหน้ารับ ไม่อยากให้คุณชายหมอ
อารมณ์เสียแต่เช้า
“จะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือจะไปชุดนี้”
ผมก้มลงมองตัวเอง ชุดนักศึกษาดูตัวใหญ่ไปสักนิดแต่ก็สะอาดเรียบร้อยดี(มาก)
“ไปชุดนี้ครับ” ผมตัดสินใจว่าจะไปมหาลัยพร้อมคุณชายหมอจะได้ขับรถให้ เมื่อคืนนอนน้อยแถมมีเรียนเช้า
ผมรู้ว่าคุณชายหมอเรียนหนัก พักได้ก็อยากให้พัก
“งั้นกินให้เสร็จ ฉันมีเรียนเช้า”
“ครับ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นครับคุณพู่” คุณพู่ทำหน้ามุ่ย หน้าตาเหนื่อยล้าและเหนื่อยหน่าย
“กูจะเป็นโรคตามโรคพืชที่เรียนแล้วมึง”
“คุณพู่ไม่ได้เป็นโรค คุณพู่แค่ขี้เกียจ”
“เออกูขี้เกียจ ใครจะขยันอย่างมึง งานหลวงงานราษฎร์งานพิเศษไม่ขาดตกบกพร่อง ขาดเรื่องเดียว”
“เรื่องไหนครับ”
“เรื่องเพื่อนที่ดี หายหัวไปเลยนะมึง เพื่อนฝูงไม่สนใจ”
“ทำไมผมไม่สนใจครับ ผมอยู่กับคุณพู่เกือบทุกวัน เลือกเรียนคุณพู่ก็ไปกับภรรยา ไม่เห็นเคยเรียกหาผม”
“ทำไม กูหมั่นไส้คุณชายหมอ มีปัญหาไหม”
“ไม่มีครับ”
“มหามึงทำอะไรก็คิดดีๆ นะ หลังจากที่กูไปงานของบริษัทพ่อหมอมา กูบอกได้คำเดียว บ้านนั้นน่ากลัวสัส”
“พ่อกับแม่หมอวินหรือครับ” ผมยอมรับว่าผมสนใจเรื่องนี้มาก ไม่ใช่เพราะคิดจะไปมีส่วนร่วมในครอบครัว
แต่ตั้งแต่ได้ใกล้ชิดกับหมอวิน ผมว่าหมอวินเหมือนคนที่มีอะไรอยู่ในใจ จะเรียกว่าปมก็ไม่เต็มปาก มันดูไม่มากขนาดนั้น
“ไม่เชิง พ่อหมอวินดูนิ่งๆ ดุๆ แม่ดูใจดีน่าจะใจดีเกินไป ที่เหลือปอบล้วนๆ”
“ปอบ”
“อืม ก็อย่างคนที่แนะนำให้หมอวินมาเดทกับกูไง รู้สึกจะเป็นป้าของหมอวิน ทำตัวใหญ่โตคับงาน ดูพ่อของหมอวิน
จะไม่ชอบใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรคงเกรงใจเมีย”
“เออ กูเจอพี่หมอวินด้วยนะ รู้สึกจะชื่อลม นิสัยถูกใจกูมาก ดูเหมือนพวกคุณชายลอยไปลอยมาแต่กูว่าไม่ใช่”
“ยังไงครับ” ผมเคยเจอพี่ลมครั้งหนึ่ง เคยนั่งคุยกันมาในรถ ผมคิดเหมือนกันว่าพี่ลมนิสัยดี”
“ไม่รู้สิ กูว่าใต้ท่าทางเพลย์บอยนั่นมันมีอะไรมากกว่าที่เห็นเยอะ ยิ่งตอนทำหน้ายิ้มๆ แต่ตอกกลับป้าตัวเองซะหน้าหงาย
กูโคตรสะใจ หญิงป้าจะด่าก็ด่าไม่ออก หลานกอดเอวยิ้มแย้มด้วยอย่างดี เลยไม่รู้ว่าถูกหลอกด่าอยู่หรือเปล่า”
“ฟังดูพี่ลมร้ายไม่ใช่เล่นนะครับ” ผมไม่ได้เรียกคุณลม เพราะพี่ลมบอกให้ผมเรียกแบบนี้
“กูว่าร้ายมาก ร้ายพอๆ กับคุณชายหมอ สมเป็นพี่น้องกัน เพียงแต่ร้ายคนละแบบ หมอวินนี่ตรงๆ ตอกแบบหน้าหงาย
ไม่แคร์ ไม่สนใจ ส่วนพี่ชายยิ้มๆ ใจดีแต่ด่าไม่รู้ตัว สรุปโชคดีแล้วที่กูเป็นทอม”
“คุณพู่” ผมเหนื่อยกับบทสรุปคุณพู่มาก ไม่รู้วนมาเข้าเรื่องนี้ได้ยังไง
“มึงก็ระวังตัวไว้ กูเป็นห่วงจริงๆ นะ”
“ครับคุณพู่ ผมจะดูแลตัวเองอย่างดี”
“ดีแล้ว มีอะไรก็บอกกู มึงเพื่อนกู”
“ขอบคุณครับ” ผมยังคิดไม่ออกว่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณพู่ต้องกังวล เพราะผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลนี้สักนิด
นอกจากเป็นลูกจ้างหมอวินก็เท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ทานได้แล้วครับ” ผมเคาะประตูห้องนอนเพื่อบอกให้คนในห้องรับทราบ ก่อนเดินกลับมานั่งรอที่โต๊ะอาหาร
หมอวินเดินหน้ายุ่งออกมา สงสัยว่างานคงไม่เสร็จตามแผน
“วันนี้มี หมูมะนาว ต้มจืดผักกาดขาวหมูเด้ง กับผัดผงกระหรี่กุ้งครับ” ผมรายงานเมนูอาหารให้หมอวินทราบ
“เห็นแล้ว”
ผมไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ ถ้าไม่พูดแบบนี้สิผมถึงจะแปลกใจ
“นิว”
“ครับ” ผมชะงักช้อนที่กำลังตักอาหารเข้าปาก เงยหน้ามองคนเรียก
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ถ้าทุ่มนึงฉันยังไม่กลับมา นายทานข้าวก่อนแล้วกลับไปได้เลย จัดอาหารไว้ให้ฉันก็พอ หรือถ้าวันไหน
ฉันทานข้างนอกก็จะบอกให้รู้ก่อนเหมือนทุกครั้ง”
“แต่อาหารมันจะเย็น”
“ฉันรู้จักวิธีใช้ไมโครเวฟ”
“แต่ผมต้องล้างจาน”
“ไม่ต้องกลัวฉันไม่ล้างแน่ จะแช่ไว้ให้ นายค่อยมาล้างวันถัดไป”
“แต่..”
“ทำไมชอบขัดคำสั่ง ฉันบอกยังไงก็ทำตามเถอะ”
“ครับ” ผมรับคำหงอยๆ ก็ผมอยากอยู่ดูแลคุณชายหมอนี่ครับ อยากให้แน่ใจว่าทานข้าวอิ่มดีแล้ว ได้ทานผลไม้ ทานของหวาน
อยากเห็นว่ากินอิ่มนอนหลับ
และที่สำคัญ ผมรู้ว่าคุณชายหมอขี้เหงา ชอบให้มีคนนั่งเป็นเพื่อนตอนทานข้าว ไม่ต้องพูดอะไรแค่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็พอ
ทั้งมื้อเช้า มือเที่ยง(กับเพื่อน) และมือเย็น นี่มันผิดปกติ หรือคุณชายหมอเบื่อขี้หน้าผมแล้ว
“หมอวินเบื่อหน้าผมหรือเปล่าครับ”
“ถามทำไม”
“ผมแค่อยากรู้ จะได้ทำตัวถูก”
“หมานิวอย่ามาทำตัวเป็นเด็ก ถ้าเบื่อฉันจะบอกเอง” แบบนี้แปลว่าไม่เบื่อใช่ไหมครับ
“ถ้าไม่เบื่อแล้วทำไมไม่ให้ผมอยู่ช่วยครับ ผมอยากอยู่ กินเงินเดือนแต่ทำงานไม่คุ้ม มันไม่ดี”
“จะซักอีกนานไหม ฉันจะได้เลิกทานข้าวมาตอบคำถาม”
เจอมุกนี้เข้าไปใครจะกล้าซักต่อครับ ผมเลยได้แต่ก้มหน้าทานข้าวหงอยๆ กับข้าวไม่อร่อยเลย
“เอาเถอะฉันจะรีบกลับ”
“ครับ?” ผมเงยหน้าขึ้นมา ดีใจจนเผลอยิ้มกว้าง ตาเบิกโต
“เลิกทำหน้าเหมือนหมามองเจ้าของเสียที”
“ก็หมอวินบอกเองว่าผมเป็นหมา” ผมค้านอุบอิบอยู่ในคอ
“หมานิว” นั่นไงครับ ไม่ทันขาดคำ บอกผมให้เลิก ตัวเองยังเรียก
“ทานเร็วๆ มันดึกแล้ว”
“ครับ”
ผมรีบกลับมาตั้งใจทานข้าว ดีใจที่หมอวินบอกว่าจะรีบกลับมาให้ทันทานข้าวกับผม ไม่ต้องทุกวันก็ได้
แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้เป็นบางวัน ผมก็มีความสุขแล้ว
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
**ทายกันถูกไหม ทำไมคุณชายหมอต้องไล่ให้หมานิวกลับวัดเร็ว
ใครที่อ่านแล้วสงสารหมานิว คนเขียนสปอยเลยว่าไม่ต้องเป็นห่วงน้า เรื่องนี้หมานิวไม่น่าสงสาร น่าอิจฉามากกว่า ^^
Darin ♥ FANPAGE