EP.5 วาเลนไทน์ดีเพราะมีเธอ
หลังจากผมได้เป็นเพื่อนสาว? กับสโนว์ในวันนั้นก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วครับที่เราทั้งคู่คบกัน...แม้จะในฐานะเพื่อนก็ตามที -*- แต่ผมนี่มีความสุขม๊ากมาก การตื่นแต่เช้าเพื่อรีบไปอยู่เป็นเพื่อนสโนว์ที่มหาลัยกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ผมเต็มใจทำ การเล่นละครเป็นอีแอบก็เริ่มเนียนขึ้นเรื่อยๆไม่รู้สึกเหนื่อยที่ต้องแกล้งแสดงแล้ว ป๊าบอกเคล็ดลับว่าให้คิดว่าตัวผมเป็นตุ๊ดจริงๆไปเลยจะได้เหมือนจริงมากที่สุดผมนี่ถึงกับไปจ้องกระจกสะกดจิตตัวเองว่า กูเป็นตุ๊ด กูเป็นตุ๊ด กูเป็นตุ๊ด ทุกวันตอนเช้า ไอ้โปก็เล่นละครเป็นแฟนปลอมๆกับผมที่สตอรี่คือเพื่อนกูรักมึงว่ะ! เพราะมันเมาผมเมาเราเลยได้กันแล้วมันก็สัญญาจะรับผิดชอบผมไปชั่วชีวิต 5555+ ผมขำกับความคิดอาหลิงจนท้องแข็งส่วนไอ้โปนี่แทบจะโก่งคออ้วกออกมา แต่ถึงกระนั้นมันก็แสดงได้ดีมากคุ้มค่าจ้างสุดๆ จนถึงขั้นสโนว์บอกว่า “โปนี่โรแมนติกสุดๆเลย” ไม่รู้ว่ามันไปติวมาจากไหนเหมือนกัน
แต่ถึงสโนว์จะชมอย่างนั้นก็เป็นการชมจากระยะห่าง 2 เมตร เช่นเคย เหอๆ ดูเหมือนว่าอาการกลัวผู้ชายจะไม่ได้ห่างหายไปไหนเลยสักนิดแต่ก็ยังดีที่สโนว์เริ่มคุยกับโปมากขึ้นกว่าเดิม และแน่นอนว่าสโนว์นั้นคุยกับผมเยอะที่สุด และใกล้ชิดกันมากที่สุด โฮะๆๆ
จากระยะห่าง 2 เมตรในวันนั้น สู่ระยะห่าง 50 เซนติเมตรในวันนี้
จากคนที่ทำได้เพียงมองอยู่ไกลๆ แต่ในวันนี้กลับได้มานั่งมองหน้าใกล้ๆเสียจนได้กลิ่นกายหอม
ได้ทำทุกอย่างให้เขามีความสุขและยิ้มหัวเราะได้เพราะผม
โคตรรู้สึกเหมือนชนะคนทั้งโลกเลย
“วันนี้จะไปฉลองวันวาเลนไทน์ที่ไหนหรอโอ้เอ้” สโนว์ถามเสียงใส ตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่ตรงม้านั่งใต้ตึกเรียนครับ สโนว์กำลังขีดเน้นเนื้อหาที่จะมีสอนวันนี้เหมือนอย่างทุกวัน ผมเองก็พลอยทำไปด้วย ช่วงนี้เลยเหมือนจะฉลาดขึ้นอีกหน่อย เนี่ยะ มีคู่ชีวิตดีก็งี้ พากันไปในทางที่ดีอนาคตจะได้รุ่งโรจน์ด้วยกัน เอิ้กๆๆๆ มโนอีกแล้วผม
“เอ่อ ยังไม่รู้เลยอ่าห์ ว่าโปเขาจะว่างหรือเปล่า บางทีอาจจะติดสอนพิเศษเด็กนักเรียนน่ะสโนวี่” ผมตอบกลับไปพร้อมเรียกฉายาใหม่ที่ผมตั้งให้เอง แล้วก็มีไว้แค่ให้ผมคนเดียวเท่านั้นที่เรียกชื่อนี้ ตอนแรกสโนว์ดูจะแปลกๆใจว่าทำไมผมเรียกเขาแบบนั้น แต่พอผมบอกเหตุผลไปว่าชื่อสโนว์มันดูธรรมดาไปเรียกสโนวี่ดูมีความฟรุ้งฟริ้งขึ้นมาหน่อยนึง น่ารักดี สโนว์ก็ขำๆแล้วก็ยอมให้ผมเรียกแบบนี้มาตลอด ไม่เสียแรงที่ใช้เวลาคิดชื่อนี้ให้ตั้ง 3 วัน!
“โป ขยันมากเลยเนาะ เรียนก็เก่ง หาเงินก็เก่ง ทำงานตัวเป็นเกลียวแบบนี้สงสัยจะเก็บตังค์ไว้ขอโอ้เอ้แต่งงานแน่เลย”
“แค่กๆๆ ห่ะ..ฮา.ฮ๊าๆๆ ก็คงแบบนั่นแหละแก เราก็ไม่รู้เหมือนกันอ่าห์ ไม่พูดแหละๆ เขินนน” ผมทำเป็นเนียมอายดุจสาวน้อยแรกแย้มที่ไม่ประสีประสาเรื่องแบบนี้ ทั้งที่ตอนแรกน้ำแดงแทบพุ่งออกจากปากเพราะความคิดของสโนว์
“กิ๊วๆ เขินหรอครับน้องโอ้เอ้ พี่หยอกเล่นนิดเดียวเอง” ไอ้ตอนแรกก็แกล้งเขินไปงั้น แต่พอเห็นคนหน้าสวยตรงหน้ายิ้มสดใสทำแววตาขี้เล่นใส่ มือขาวๆก็ทำท่าโอ๋เอ๋ๆไปด้วย แม่ง...โคตรน่าจับฟัดอ่ะ บอกเลยแค่สโนว์ทำแค่นี้กระผมก็แทบหน้ามืดจับน้องกลืนลงท้องแล้วอ่ะ หึ่มมมม น่ารักจังโว้ยยยยยยย
“แหน่ะๆ แก้มแดงใหญ่เลยน้า คนมีความรักนี้ออร่าเปล่งประกายจริงๆเนาะ” สโนว์ยิ้มขำจนตาหยี แล้วใช้นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมเป็นลอนที่ตกมาไปทัดไว้ที่หูเหมือนเดิมโชว์โครงสร้างของใบหน้าที่งดงามราวจับปั้นให้เห็นได้เด่นชัดขึ้น ส่วนที่สโนว์ทักว่าแก้มแดงได้นั่นทุกคนไม่ต้องงงนะครับว่าดำๆแบบผมจะเห็นสีแดงบนหน้าได้หรอ? เห็นได้ครับเพราะว่าหลังจากที่ตัดสินใจเล่นเป็นเพื่อนสาวสโนว์แล้วผมเลยเลิกไปอาบแดดบนดาดฟ้า แถมอาหลิงยังซื้อยากลูต้า คอลลาเจน วิตามินซีมาให้ผมกินอีก แบบว่าดันสุดฤทธ์ ก็ฝืนกินมาได้หลายเดือนแล้ว กรอปกับเนื้อแท้ผมก็เป็นคนขาวแบบจีนๆอยู่แล้ว ผิวเลยฟื้นฟูเร็วมาก ขาวขึ้นมา 3 เฉดสีแล้วครับ โคตรเสียดายผิวสีแทนอ่ะ แต่เพื่อสโนว์ ผมเลยยอม
“บร้าๆๆ สโนวี่หยุดล้อเราเถอะ เราอายน้า” อายสโนว์นี่แหละครับ ช๊อตเอานิ้วเกี่ยวผมนี่ทำใจผมสั่นไปหมด ผมว่าไม่วันใดก็วันนึงผมคงหัวใจวายตายเพราะรับความน่ารักของสโนว์ไม่ไหว จริงๆนะ
“ว่าแต่สโนว์เถอะ มีนัดที่ไหนหรือเปล่าวันนี้น่ะ” ผมเปลี่ยนเรื่องถามสิ่งที่อยากรู้แทน กะว่าถ้าไม่มีนัด ผมจะชวนสโนว์ไปเอเชียทีคไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ชมบรรยากาศกรุงเทพกันน่าจะโรแมนติกดี
“มีสิ” สโนว์พยักหน้ายิ้มๆ เล่นเอาผมใจแป้ว มีนัดงั้นหรอ กับใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย แฟนหรือเพื่อน หลากหลายคำถามพุ่งเข้ามาในหัวของผมเต็มไปหมด
“เพื่อนเราเขาเพิ่งเลิกกับแฟนน่ะ เราเลยจะไปเที่ยวเป็นเพื่อนปลอบใจสักหน่อย ผู้หญิงก็งี้แหละจิตใจเปราะบางเราเลยจะไปอยู่เป็นเพื่อนให้เขาเข้มแข็งขึ้นก่อนนะโอ้เอ้” พอได้ฟังเหตุผลผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นทันที ซ้ำยังชื่นชมไปกับความนางฟ้าของสโนว์อีกระลอก เพราะสโนว์นิสัยดีแบบนี้ไงครับผมถึงหลงนักหลงหนา ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้เขา
หลังจากนั้นพอไอ้โปมาสมทบก็พากันเข้าเรียนตามปกติจนเลิกเรียนสักที
“เดี๋ยวเค้าไปสอนพิเศษเด็กก่อนนะที่รัก ไว้เราไปฉลองวาเลนไทน์วันอื่นแทนนะครับ” ไอ้โปพูดเสียงหวานทำท่าเอามือหยิกแก้มแข็งๆของผมอย่างหมั่นเอ็นดูแต่แม่งเสือกบีบแรงสัสๆ ที่กล้าบีบแรงเพราะมันรู้ไงว่าถ้าต่อหน้าสโนว์ผมไม่มีทางเอาคืนมันแน่ๆ หึ่ยยยย ไว้เดี๋ยวกูทบต้นทบดอกทีเดียวไอ้เชี่ยโป
“จ้า เค้าเข้าใจเตงเสมอ สู้ๆนะคะ เพื่ออนาคตของเราสองคน” ผมทำหน้าเคลิ้มส่งไปทั้งที่มือนี่กำหมัดแน่นฉิบหาย ห่าโปแม่งบีบแรงกว่าเดิมอีก ดวงตามันดูสะใจไม่น้อยที่ได้แกล้งผม
“งั้นเค้าไปล่ะนะที่รักกก บ๊ายบาย” มันสะบัดตูดออกไปสักทีผมเลยได้แต่ลูบแก้มบรรเทาความเจ็บ
“โห โอ้เอ้แก้มแดงมากๆ เขินอะไรขนาดนั้นเนี่ยะ ดูสิแก้มแดงเป็นมะเขือเทศไปแล้ว” สิ้นเสียงใสปลายนิ้วเรียวก็จิ้มเข้ามาเบาๆที่แก้มด้านขวา ผมรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าหมื่นโวลว์ช๊อตเข้ามาที่ตัว มันรุนแรงจนแทบหยุดหายใจ แค่เพียงปลายนิ้วเดียวที่สัมผัสหน้า ใบหน้าหนาของผมก็ร้อนผ่าวไปหมดอย่างห้ามไม่ได้
“เอ้า แดงไปใหญ่เลยทีนี้” สโนว์ยิ้มขำอย่างชอบใจที่ผมหน้าแดง โดยไม่รู้เลยว่าต้นเหตุที่ผมหน้าแดงก็เพราะเขาคนเดียว
“เอ่อ..เออ แล้วสโนวี่จะไปหาเพื่อนหรือเพื่อนมาหาล่ะ นี่ก็เย็นแล้วนะเธอ” ผมสูดหายใจพยายามทำให้เป็นปกติ ก่อนจะทำเป็นถามเรื่องอื่นแทนกลบเกลื่อนอาการเขินขั้นรุนแรงนี่
“เดี๋ยวเพื่อนขับรถมารับน่ะ วันนี้เราไม่ได้เอารถมาเพื่อนมาส่งเพราะนัดไปเที่ยวด้วยกันตอนเย็น รถคันเดียวสะดวกกว่า เดี๋ยวหาที่จอดไม่ได้” สโนว์ให้เหตุผล ผมก็ทำเอออ่อไปด้วยแล้วมานั่งรอเพื่อนสโนว์ที่ใต้ตึกเหมือนเดิม
“โอ้เอ้จะกลับไปก่อนก็ได้นะ เราเกรงใจไม่รู้ว่าเพื่อนเราเลิกเรียนตอนไหนด้วย”
“โอ้ยยย ไม่เป็นไรเว้ยแก เราชอบเสียอีก นั่งส่องผู้ชายไปพลางๆเพลินดีนะ โฮะๆๆๆ”
“เอางั้นหรอ ก็ได้ๆ เราจะเก็บความลับไม่ให้โปรู้นะ” สโนว์ยิ้มใส ผมก็ทำเป็นยิ้มกริ่มทำนิ้วโอเคแรดๆไป และนั่งรอเป็นเพื่อนสโนว์ ใครมันจะบ้าปล่อยให้กวางน้อยนั่งอยู่คนเดียวใต้ตึกตอนเย็นกันล่ะครับ พวกเสือสิงห์กระทิงมันชุมจะตาย ขนาดผมนั่งอยู่ด้วยยังมีคนมาทำหวานใส่สโนว์อีก แต่พอมองเลยมาด้านหลังเห็นผมที่จ้องหน้ามันเหมือนยักษ์ทมิฬก็พากันสะดุ้งหลบไปหลายราย เหอะ! ให้มันรู้ซะมั้งว่าคนนี้อ่ะมีเจ้าของตามคุมอยู่โว้ยยยย
“สงสัยวันนี้เราคงได้กลับไปอยู่คนเดียวที่คอนโดแล้วล่ะโอ้เอ้” สโนว์เงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ ทำหน้าจ๋องๆ แต่ก็ยิ้มฝืนๆมาให้ผมที่เปลี่ยนจากทำหน้าโหดเป็นหน้าแบ๊วได้ทันท่วงทีที่สโนว์หันมามอง
“ทำไมล่ะสโนวี่ เพื่อนเธอไม่มาแล้วหรอ” ผมทำเป็นงงแต่ในใจนี่อย่างลิงโลด วะฮะฮ่า หาเรื่องชวนไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองดีกว่า^^
“แฟนนางกลับมาขอคืนดีด้วยกันแล้วน่ะ เราเลยไม่จำเป็นแล้ว เฮ้อออ” แม้ผมจะรู้สึกว่าเพื่อนสโนว์นั้นช่างเสียมารยาทในการเบี้ยวนัดแต่ก็ดีใจไม่น้อยเพราะผมจะได้หาเรื่องชวนสโนว์ไปเดทด้วยกันสองคนได้ในวันวาเลนไทน์ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากชวนสโนว์นั้น โทรศัพท์ก็มีสายเข้าเอามาดูก็เห็นม๊าโทรมา
“โหล ม๊า มีอะไรหรอคะ?” ผมจีบปากจีบคอคุยกับม๊า สกิลในการเป็นตุ๊ดของผมเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็กำลังนั่งไขว้ห้างอย่างแรดได้อีกไปด้วย
(กลับบ้านไหมวันนี้ พรุ่งนี้วันตรุษจีนน่าอาอันโทนิโอ้)
“กลับสิม๊ากลับ” ผมรีบบอกเมื่อประมวลผลได้พรุ่งนี้คือวันตรุษจีนวันที่สำคัญกว่าวันวาเลนไทน์ เพราะมันเป็นวันที่ผมจะได้อั่งเปา 555+ ปีเดียวมีครั้งไม่พลาดแน่นอน
(งั้นก็รีบๆกลับสิว๊า จะรอให้มืดดึกดื่นก่อนรึง๊ายห๊า) ม๊าแว๊ดบ่น ผมได้แต่อิดออดก็อยากไปเอาอั่งเอานะ แต่นี้ก็วันวาเลนไทน์ไงถึงปีอื่นจะไม่มีความสำคัญแต่ปีนี้ผมมีสโนว์นะเว้ย ก้ควรมีความทรงจำดีๆในวันวาเลนไทน์กับคนที่เรารักบ้างป่ะวะ
“ขอกลับดึกๆหน่อยไม่ได้หรอม๊า แบบว่าอั๊วะอยากไปเดินเที่ยวก่อนน่ะ ว่าจะไปส่งสโนว์ที่คอนโดก่อนด้วย” หากจะต้องกลับจริงๆก็ขอส่งสโนว์ให้ถึงที่พักให้เรียบร้อยก่อนเถอะ
(อ้าว อาสโนว์อยู่กับลื้อหรอตอนนี้)
“อื้อ”
(ลื้อชวนอีมาเที่ยวบ้านเราสิว๊า ม๊าอยากเจออีจะแย่แล้ว อามาเรียฟิเซนก็อยากเจอมากๆ เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายเดือนแล้วไม่ใช่หรอ ชวนอีมาบ้านเราเลยความสัมพันธ์จะได้คืบหน้าบ้าง)
“จะดีหรอม๊า” อยู่ๆม๊าให้ชวนสโนว์ไปบ้าน ผมกลัวว่าสโนว์จะอึดอัดใจหรือเปล่าเพราะที่บ้านก็มีป๊าและอาฟู่เป็นผู้ชาย
(ไม่ลองชวนจะรู้ไหมว๊า รีบๆเข้า ถามเดี๋ยวนี้เลยถ้าอีมีทีท่าไม่อยากมาเอาโทรศัพท์ให้อั๊วะคุยกับอีเลย เดี๋ยวอั๊วะชวนให้เอง) ม๊าผมก็ไม่ค่อยจะเร่งเลย
“สโนวี่ ม๊าเราชวนแกไปกินข้าวที่บ้านอ่ะ สนใจไปม่ะ บ้านเราใจดีทุกคนเลยนะ ยังไงวันนี้ก็ไม่มีนัดแล้วนิเนาะ” ผมผละจากโทรศัพท์โดยที่ยังค้างสายม๊าไว้ แล้วลองพูดหว่านล้อมสโนว์
“อืม...แล้วบ้านโอ้เอ้ไกลหรือเปล่า เราไม่อยากกลับดึกน่ะ” สโนว์ดูมีท่าทีคิดหนัก
“ไม่ไกลมากหรอกขับมอเตอร์ไซต์แป๊บเดียวก็ถึงแล้วล่ะ เดี๋ยวขากลับเรามาส่งสโนว์เองไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยนะ” ผมส่งยิ้มให้สโนว์ที่กำลังทำหน้าหนักใจก่อนที่แววตาจะเปลี่ยนไป
“เอ๊ะ นั่นแมวใครหรอ” สโนว์เพ่งตาใสมาทางหน้าจอโทรศัพท์ของผมที่ผมตั้งเป็นรูปนังเซ่นไหว้
“อ้อ แมวที่บ้านเราเองแหละแก....มันน่ารักมากเลยนะอยากไปเล่นกับมันไหมล่ะ” นังเซ่นไหว้ได้โปรดแสดงอิทธิฤทธิ์ทีเถิดดด ถ้าเอ็งทำให้สโนว์ไปบ้านได้ข้าสัญญาจะซื้อขนมซองแมวให้ 2 โหล!!!
“งั้น....ไปก็ได้โอ้เอ้ แต่เราคงอยู่ได้ไม่เกิน 2 ทุ่มนะ” สโนว์พยักหน้าตกลง ผมงี้แทบจะกรี้ดดดดดดด เฮ้ยไม่ดิ ต้องไชโยสิวะ แบบดีใจแบบลูกผู้ชายอ่ะ การต้องอยู่ในร่างตุ๊ดทุกวันบางทีผมก็เริ่มสับสนในตัวเองเสียเหลือเกิน เหอๆๆ แต่ยังไงก็ขอบคุณอิทธิฤทธิ์นังเซ่นไหว้มากจริงๆ บอกแล้วฉายานี้ไม่ได้ตั้งเล่นๆ
“โอเคจ้า โหล ม๊า ตกลงสโนว์ไปนะทำอาหารอร่อยๆไว้รอเลย”
(ดีมากๆอาอันโทนิโอ้ แล้วอีชอบกินอะไรถามซิ อั๊วะจะได้ทำอาหารถูก)
“สโนว์แกชอบกินอะไรนอกจากปลาอีกหรือเปล่า ม๊าจะได้ทำเพื่อ” ผมจำได้ครับว่าสโนว์ชอบกินปลากินได้แทบทุกวันไม่มีท่าทีว่าจะเบื่อ
“เรากินได้หมด ไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษหรอก” สโนว์บอกอย่างเกรงใจ ผมเลยพยักรับรู้แต่ก็ถามต่อไปอีกอย่าง
“แล้วสโนว์แพ้อาหารอะไรหรือเปล่า” ผมค่อนข้างใส่ใจเรื่องการแพ้อาหารหรือแพ้สิ่งต่างๆน่ะครับ เพราะเคยมีเพื่อนคนนึงมันแพ้ขนมปังกินทีผื่นขึ้นเต็มตัวเป็นผื่นแบบนูนขึ้นจากผิวหนังอ่ะครับผมก็อธิบายไม่ถูกแต่ถ้ามันกิน ผื่นจะนูนไปทั้งตัว หน้าก็ปูดไปหมด น่ากลัวมากๆ เพราะงั้นอะไรที่ระวังได้ผมก็จะกันไว้ก่อน ติดเป็นนิสัยแล้วล่ะครับ แบบถ้าจะไปกินอะไรผมก็ต้องถามก่อนว่าแพ้อาหารอะไรหรือเปล่าผมถามเพื่อนมาตลอดจนตอนนี้ก็ถามสโนว์ให้แน่ใจอีกที
“เราแพ้พวกถั่วน่ะ ถ้ากินแล้วมันหายใจไม่ออก ผื่นขึ้นตัวด้วย แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเราไม่กินก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้วล่ะ” สโนว์รีบบอก เขาคงรู้ว่าถั่วลิสงคั่วนี่ถือว่าเป็นของกินคู่ครอบครัวจีนเลย ผมเองก็ชอบกินเพลินๆกับข้าว
“ม๊า สโนว์แพ้พวกถั่วนะ อย่าลืมล่ะ ไม่ต้องทำอาหารที่มีถั่วผสมนะ ไอ้พวกเต้าเจี้ยว ซอสถั่วเหลืองก็อย่าเอามาปรุงกันไว้ก่อนเนาะม๊า” นี่ก็จะเป็นเรื่องที่ผมจะจำให้แม่นอีกเช่นกัน
(อ้าว ถั่วไม่เท่าไรแต่พวกซอสถั่วเหลือง เต้าเจี้ยวนี่ก็ส่วนผสมหลักเลยนะ...เออๆ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวอั๊วะหาเมนูทำให้กินจนได้แหละ ขับรถพาอีมาดีๆล่ะอาอันโทนิโอ้)
“ค่ะ ม๊า เออๆ ใช้กระทะแยกไปเลยก็ดีนะม๊าเพื่อความชัวร์”
(ได้ๆ แค่นี้แหละ รีบๆมาล่ะ)
ผมวางสายไปด้วยความสบายใจ เก็บใส่กระเป๋าสะพายพาดบ่าเตรียมตัวกลับบ้าน พาว่าที่ลูกสะใภ้ไปเจอพ่อแม่ซะหน่อย ฮิ้ววววว
“โอ้เอ้ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นะ เราแพ้แค่ถั่วลิสงอย่างเดียวเอง พาทำที่บ้านโอ้เอ้ลำบากเปล่าๆ”
“เห้ย แกไม่ต้องกังวลเลยเว้ย ที่บ้านเราเต็มใจทำเพื่อต้อนรับแกจริงๆ เชื่อเราดิ อีกอย่างเพื่อความปลอดภัยของตัวแกเองด้วยนะสโนวี่ เป็นห่วงนะรู้ไหม” ผมแอบหยอดคำหวานไปนิดนึงแล้วขยิบตาส่งท้ายเบาๆ แล้วก็ได้ผลสโนว์ยิ้มบางให้กับท่าทางของผม
“ขอบคุณมากนะโอ้เอ้ โอ้เอ้ใจดีกับเราตลอดเลย โชคดีจริงๆที่ได้คนแบบโอ้เอ้มาเป็นเพื่อน” ผมได้แต่ยิ้มรับคำเยินยอจากอีกฝ่าย แล้วพึมพำเบาๆกับตัวเองว่า
“ถ้าได้เป็นแฟนจะโชคดียิ่งกว่านี้อีก”
“ห่ะ โอ้เอ้พูดอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้ เราฟังไม่ถนัด”
“เปล่าจ้า ไม่มีอะไรนิ ไปๆรีบกลับบ้านกันเดี๋ยวเราพาแว๊นมอเตอร์ไซต์ ลองเป็นสก๊อยสักวันนึงนะจ๊ะสโนวี่” ผมเดินนำไปยังรถมอเตอร์ไซต์คู่ใจที่จอดไว้ เปิดเบาะเอาหมวกกันน็อคที่มีกล้องติดไว้บนหัวยื่นให้สโนว์ใส่เพื่อความปลอดภัย
“โอ้เอ้เป็นคนขับก็ต้องใส่หมวกกันน็อคสิ ให้เราได้ไง ไม่ต้องห่วงเราหรอกนะ” สโนว์ปฎิเสธ
“เอางั้นหรอ แต่มันอันตรายนะ” ผมยังเป็นกังวล ลำพังตัวผมน่ะไม่เป็นอะไรหรอก แต่พอมีอีกคนที่ผมรักเขามากเป็นธรรมดาที่จะห่วงใยเป็นพิเศษ
“งั้นโอ้เอ้ก็ขับช้าๆไม่ต้องรีบก็พอแล้ว เราก็ผู้ชายคนนึงนะโอ้เอ้อย่าลืมสิ รีบไปเถอะเดี๋ยวม่าม๊าจะรอนาน เราเกรงใจท่าน” เมื่อสโนว์ยืนยันแบบนี้ผมเลยสวมหมวกกันน็อคเอง สตาร์ทเครื่องเสร็จสโนว์ก็ขึ้นคล่อมแถมยัง....เอามือเกาะเอวผมด้วย อ๊ากกกกกกก โชคดีที่หมวกกันน็อคของผมเป็นแบบเต็มใบมันเลยปิดบังรอยยิ้มกว้างจนหน้าบานของผมได้อย่างมิดชิด มองกระจกข้างเห็นสโนว์ทำหน้าเหมือนตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้นั่งมอเตอร์ไซต์ก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู ความรู้สึกเหมือนหนังเรื่อง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ โคตรๆ นางเอกซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์พระเอกสุดหล่อกลับบ้าน ฮ่าๆๆ โคตรจะเท่เลย
แต่เพื่อความปลอดภัยของสโนว์ผมก็เลือกที่จะแวะร้านขายหมวกกันน็อคหน้ามหาวิทยาลัยแล้วรีบลงไปซื้อหมวกกันน็อคใบใหม่ให้สโนว์ โดยบอกพี่เจ้าของร้านว่า
“ขอซื้อหมวกกันน็อคที่แข็งแรงที่สุด เอาแบบสิบล้อเหยียบก็ไม่ยุบอ่ะพี่!”
“ถ้าแบบทนๆก็สี่พัน จ่ายไหวไหมน้อง”
“ร้านพี่มีที่รูดบัตรเครดิตไหมครับ!”
พอได้หมวกกันน็อคแข็งแรงสมใจ ผมก็รีบออกจากร้านเอาหมวกไปสวมหัวให้สโนว์เองกับมือ ตรวจว่าล็อคแน่นดีแล้วนั่นแหละ ผมจึงขึ้นรถแล้วผมก็บิดมอเตอร์ไซต์ไปอย่างเชื่องช้า ราวกับอยากจะถนอมเวลาที่เราสองคนได้ใกล้ชิดกับบนรถมอเตอร์ไซต์คู่ใจนี้ไว้นานๆ ความรักทำให้ผมอยากเป็นคนดี เคารพกฎจราจร ขับรถไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หยุดรถให้ทางรถคันอื่น คนข้ามถนน หมาข้ามถนน หรือแม้กระทั่งหอยทากคลานผ่านหน้า รู้สึกว่าวันนี้ผมมีน้ำใจต่อผู้อื่นเสียเหลือเกิน ไออุ่นจากฝ่ามือที่เอวทำผมอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ
วันวาเลนไทน์ที่เคยเป็นวันที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับผม กลับกลายเป็นวันที่แสนพิเศษไปแล้ว ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นวันวาเลนไทน์ แต่เพราะว่าในวันนี้ผมมีสโนว์อยู่ข้างกายต่างหาก เนี่ยแหละพิเศษที่สุดแล้วครับ
++++++++++++
รีบปั่นมากกกกกกกกกกก ขอโทษที่ไม่มีเวลามาต่อเลยนะคะ รออ่านพาร์ท 2 ด้วยน้า นังโอเอ้จะพาน้องสโนว์เข้าบ้านแล้ววววว เย้ๆๆๆ จะเป็นไปด้วยดีหรือไม่รอติดตามนะคะ
ส่วนวันวาเลนไทน์ขอให้ทุกคู่มีแต่ความรักความสุขชื่นชมสมหวังนะคะ รักกันมากขึ้นกว่าเดิมเลยน้า
ส่วนคนไม่มีคู่ก็ไม่ต้องเสียใจไปมานั่งบนคานเป็นเพื่อนลิงกันค่ะ 555555+ อ่ะล้อเล่น(แต่เจ็บจริงงาน ฮือออ) ขอให้เจอเนื้อคู่กันทุกคนน้า คนที่เข้ามาทำให้มีความสุขร่วมกัน จับมือเคียงข้างไปด้วยกันนะคะ จุ๊บๆ
ขอบคุณทุกคอมเม้นน่ารักค่ะ