บัลลังก์รักใต้เงาแค้น
บทที่ 13/2
“ขอประทานอภัย หม่อมฉันไม่ทราบว่าชายปิดหน้าปิดตาผู้นั้นคือพระองค์”
โกมุทเอ่ยเสียงเรียบ เขาเชิดหน้าขึ้นด้วยความทรนงในศักดิ์ศรี
“ใครจะคาดคิดว่าองค์รัชทายาทแห่งอุดรรังษีจะสอดแนมกองกำลังของข้าศึกด้วยองค์เอง”
กล้าหาญและกำแหงนัก!
เจ้าชายวัชรศรจ้องมองชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างถูกพระทัย อันที่จริงก็ถูกพระทัยตั้งแต่กลางป่าแล้วและยิ่งเมื่อเห็นพิษสง
ฝีปากกล้าก็ยิ่งทำให้ต้องการเอาชนะ
“คิดการใหญ่ใจต้องนิ่ง ท่านเสนาบดีก็น่าจะรู้มิเช่นนั้นคงไม่กล้ามาเยือนถิ่นเราด้วยตัวท่านเองหรอก”
ทรงก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นจนโกมุทต้องลอบกลืนน้ำลาย ทีท่าของเจ้าชายวัชรศรช่างไม่น่าไว้วางใจยิ่งนัก
“หม่อมฉันถือเป็นเกียรติที่ได้มาเยือนอุดรรังษี”
“หากถือเป็นเกียรติท่านเสนาบดีก็ควรคิดพำนักที่นี่เป็นการถาวร”
“พระองค์ทรงหมายถึงเช่นไรพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเขลาเกินกว่าจะเข้าใจ”
ริมฝีปากของโกมุทสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเจ้าชายวัชรศรขยับเข้าใกล้จนแทบไม่เหลือช่องว่าง ทรงวางหัตถ์บนไหล่
ของโกมุทและจ้องมองด้วยดวงเนตรวาววับ
“ท่านเป็นถึงพระมาตุลามิใช่หรือ คงจะเป็นการดีกว่านี้มากหากทั้งสองเมืองจะเจริญสัมพันธไมตรีแน่นแฟ้นด้วยการผูกญาติกัน
เสีย”
“ผูกญาติ”
โกมุทก้าวถอยหลังด้วยความกลัวแต่แล้วแขนของเขาก็ถูกกระชากด้วยแรงจากหัตถ์แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าและดึงเข้าหา
พระองค์
“คนฉลาดอย่างท่านอย่าได้เสแสร้งแกล้งโง่ไปหน่อยเลยโกมุท ท่านรู้อยู่แก่ใจว่าเราพึงใจในตัวท่านตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตา
กันกลางป่า”
“ปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้!”
ดิ้นรนสุดแรงเกิดหากแต่เจ้าชายวัชรศรกลับไม่ยอมปล่อย ทรงก้มพักตร์เข้าใกล้หวังล่วงเกินใบหน้างามของโกมุทที่หลบเลี่ยง
หนี
“เจ้าจะดิ้นรนเพื่ออะไรโกมุท เจ้าควรจะยินยอมให้เราได้เชยชมให้สมใจที่ตั้งตารอคอยเจ้า”
รอคอยงั้นหรือ?
แม้จะอยู่ในความหวาดหวั่นแต่สมองของโกมุทก็ยังแล่นปราด เหตุใดเจ้าชายวัชรศรจึงตรัสราวกับรู้ว่าต้องเป็นโกมุทที่เดินทาง
มายังอุดรรังษี
“ไม่มีทาง ปล่อยนะ”
เค้นแรงสุดตัวผลักร่างหนาของเจ้าชายวัชรศรออกไป เจ้าชายรัชทายาทสบถอย่างหงุดหงิดและขยับเข้าหาอีกครั้ง ทันใดนั้น
โกมุทจึงดึงมีดพกเล่มเล็กจากเอวที่เขาแอบซ่อนไว้ขึ้นมาสะบัดคมและจ่อเข้ากับคอตนเอง
“หากพระองค์เข้ามาก็จะได้แต่ศพของหม่อมฉันเท่านั้น”
“ร้ายกาจนักโกมุท รู้ว่าเราต้องการเจ้าถึงกับใช้ตนเองเป็นตัวประกัน”
เจ้าชายวัชรศรกดยิ้มลึกน่าพรั่นพรึง
“อยู่บ้านเมืองอื่น เราก็อยากจะรู้นักว่าหากเหลือเพียงตัวคนเดียวเจ้าจะมีปัญญาทำอะไรได้”
ไม่ได้การ!
โกมุทเบิกตากว้าง เขาชิงหันหลังเปิดประตูหนาหนักกลับไปทางเดิมโดยไม่มีทหารคนใดขัดขวางแต่เมื่อวิ่งกลับไปถึงที่พัก
ของคณะทูตโกมุทก็ถึงกับทรุดเมื่อเหลือเพียงร่างที่ไร้วิญญาณของเหล่าทหารและเสนาบดี บัดนี้เหลือเพียงตัวเขาที่ยังมีชีวิต
“จับตัวเสนาบดีโกมุทไว้”
เสียงคำสั่งดังขึ้นเบื้องหลัง และเมื่อหันกลับไปโกมุทก็ต้องพบเจอกับทหารมากมายรายล้อมตัวอยู่ เขาถูกจับและมัดไว้ด้วย
เชือกเส้นใหญ่จนหมดทางดิ้นรน
“อุดรรังษีไม่เคยเลิกคิดที่จะช่วงชิงดินแดนจากรัตนปุระนคร”
เจ้าชายรัชทายาทตรัสด้วยเสียงเหี้ยมโหด
“เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสม และเวลานั้นมาถึงแล้ว เจ้าจะไม่ยอมเป็นของเราตอนนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะจัดการเจ้าในวันที่
รัตนปุระนครพังพินาศ สั่งการลงไป ให้เคลื่อนทัพมุ่งสู่รัตนปุระนครในเช้ามืดวันพรุ่งนี้”
โกมุทถูกควบคุมตัวไว้ในรถม้าคันหนึ่งในขบวนทัพใหญ่ของอุดรรังษีที่เจ้าชายวัชรศรคุมทัพมา เขาหมดสิ้นกำลังใจเมื่อรู้ว่า
บ้านเมืองกำลังจะมีภัยแต่เขากลับช่วยเหลือสิ่งใดมิได้ โกมุทมีชีวิตอยู่เพียงลมหายใจในการเดินทางกลับบ้านพร้อมข้าศึก และเมื่อถึง
ชายแดนติดต่อกับรัตนปุระนครทัพของอุดรรังษีก็เริ่มโจมตีทันที หัวเมืองพ่ายแพ้เพราะไม่ทันตั้งรับข้าศึก มินานนักเจ้าชายวัชรศรก็บุกเข้า
ใกล้ชั้นหัวเมืองเต็มที ในคืนนี้พระองค์พักผ่อนคลายอิริยาบทอยู่ในพลับพลาที่ประทับและทรงบังคับให้โกมุทเข้ามาอยู่ใกล้ๆ
“ใกล้ถึงบ้านเจ้าแล้วนะโกมุท เช้ามืดวันพรุ่งนี้เราก็จะพาเจ้ากลับวังพร้อมกับทัพของเรา”
เงยพักตร์สรวลดังลั่น โกมุทได้แต่มองด้วยความเกลียดชัง หลังจากนั้นไม่นานเขาถูกพาให้เข้ามาอยู่หลังม่านกั้นจากภายนอก
เมื่อมีผู้ขอเข้าเฝ้าเจ้าชายวัชรศร โกมุทลอบมองจากช่องว่างเมื่อเห็นผู้ที่ก้าวเข้ามาคิ้วของโกมุทก็ถึงกับขมวดเป็นปมในเมื่อเขาจำได้ว่าผู้
เข้าเฝ้านั้นคือนายทหารคนสนิทของเจ้านางปะวะหล่ำ
“เจ้านางรับสั่งให้หม่อมฉันมาต้อนรับเจ้าชายพะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ เจ้านางของเจ้าสบายดีใช่ไหม”
“พะย่ะค่ะ ทรงมีพระครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว”
โกมุทถึงกับแข้งขาสั่น น้ำตาพลันท่วมท้นทั้งดวงตาและหัวใจเมื่อรู้ว่าคนที่เคยสัญญารักมั่นได้มีความสัมพันธ์กับพระชายาจน
มีทายาท
“ฮ่าๆ มิเสียแรงที่ปะวะหล่ำเป็นน้องสาวของสหายเรา ในที่สุดก็ท้องกับเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์จนได้ ฝากยินดีและขอบใจปะวะ
หล่ำด้วย บอกนางว่าของขวัญที่ส่งไปให้นั้นถูกใจมาก เราจะจัดการตามที่นางต้องการ”
ครานี้โกมุทถึงกับทรุดตัวลงไปกองกับพื้น ดวงตาแดงก่ำด้วยทั้งโทมนัสและเคียดแค้น
ในที่สุดเขาก็รู้ความจริงแล้วว่าทุกอย่างมิใช่ความบังเอิญ แต่กลับเป็นเรื่องที่วางแผนไว้แล้วและเขาก็กลายเป็นเหยื่อของแผน
ร้ายนั้น
การศึกเข้มข้นขึ้น โกมุทแสนจะเป็นห่วงบ้านเมืองแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อมีทหารคุ้มกันแน่นหนา จนกระทั่งวันหนึ่งที่เจ้า
ชายวัชรศรก้าวกลับเข้ามาในพลับพลาในยามค่ำด้วยความหงุดหงิดและตรงเข้ามาหาและกระชากไหล่ของโกมุทเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยหม่อมฉัน”
“เล่นตัวนักนะโกมุท”
พลันดึงโกมุทเข้าไปกดจูบอย่างจาบจ้วงและกระหาย โกมุทดิ้นรนขัดขืนจนลืมตัวยกมือตบพระพักตร์เสียงดังสนั่น เจ้าชาย
วัชรศรทอดพระเนตรสายตาดุดัน
“บังอาจนัก หึหึ เย่อหยิ่งจองหองไปเถอะ รู้หรือไม่ว่าพรุ่งนี้เราจะทำยุทธหัตถีกับอาทิตยวงศ์ชู้รักของเจ้า”
“ไม่จริง!”
“และเมื่อนั้นทั้งรัตนปุระนครและตัวเจ้าก็จะกลายเป็นของเราทั้งหมด”
TBC