( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 485795 ครั้ง)

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนจบละมุนเกิน  :hao7:

ออฟไลน์ kiszy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ในชีวิตเมดนี้จะมรสุมอะไรขนาดน้านนนนนนนนน สุดๆ ดีที่อาฟเข้ามา

เราอ่านไปอ่านมาละรู้สึกจิ้นบุคลิกอาฟเปลี่ยนไปอ่ะ ทั้งๆที่อาฟอาจเตี้ยกว่าเมด 5555

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมาก ๆ ค่ะ

ออฟไลน์ phunpk

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นนิยายที่ยาวมากแต่ก็รู้สึกไม่เบื่อเลย ได้จ้อคิดเยอะด้วย ขอบคุณนะคะที่เขียนนิยายเรื่องนี้ออกมาให้ได้อ่าน เเละขอเป็นกำลังใจให้สำหรับการสร้างสรรค์นิยายเรื่องต่อๆไปคะ

ออฟไลน์ littlepink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุก ตลก อบอุ่น ได้ข้อคิด ชอบค่ะ

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

ตอนพิเศษ
 1

ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศชวนให้ผมซุกตัวเข้ากับผ้าห่มหนาผืนใหญ่และความไออุ่นจากคนข้างกาย ที่เพียงแค่ขยับตัวเข้าไปใกล้เสียหน่อยก็เอื้อมมือมากอดเอวกันไว้แน่นอย่างอัตโนมัติ คนเรานั้นมักเปลี่ยนแปลงอริยาบทไปมาบนเตียงเพื่อหามุมนอนสบาย เช่นเดียวกับผมที่ตอนนี้กำลังพลิกตัวไปมาเพื่อหามุมที่จะนอนสบายที่สุดในอ้อมกอดของคนรัก

“ เลือกสักท่า ” เสียงทุ่มติดแหบเอ่ยบอกกัน แต่ผมก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาสนใจแต่อย่างใด ทำได้แค่พลิกตัวไปมาอยู่อย่างงั้นจนสุดท้าย ท่าที่หน้าซุกเข้าตรงซอกคอของอาฟก็เป็นท่าทางที่สบายที่สุด

วันนี้ผมเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการโดนปลุกแบบอีกฝ่ายหอมแก้มแรงๆจนต้องรู้สึกตัวเหมือนอย่างเดิม และประโยคคุ้นหูที่ได้ยินก็ไม่เคยเปลี่ยน  ‘ หมวย ตื่นขึ้นไปช่วยป๊าขายซาลาเปา ’ ทุกอย่างยังคงเป็นแบบนั้น แม้กระทั้งตัวผมที่พลิกตัวหันหนีไปอีกทางก็เช่นกัน

“ นี่เที่ยงแล้วเหรอวะ ” เอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดดูเวลาก่อนจะกดล็อคหน้าจอแล้วคว่ำมันลงข้างตัว ผมหันไปกอดอาฟที่กำลังนอนเล่นมือถืออยู่อีกครั้งก่อนจะลืมตาสู้แสงขึ้นมองหน้าจอมือถือที่อีกฝ่ายกำลังเล่นในนั้นปรากฏโปรแกรมอินสตาแกรมที่อีกคนกำลังเลื่อนดู นิ้วโป้งเลื่อนภาพขึ้นไปเรื่อยๆกดไลค์ในภาพรถคันที่ชอบ ไม่ก็ภาพเพื่อนพ้องที่ติดตามกันอยู่ และมาหยุดนิ้วที่ภาพของผมที่เพิ่งอัพก่อนจะนอนเมื่อคืน

มันเป็นภาพถ่ายเซลฟี่ของผมในรถตอนขากลับจากผับมาคอนโดโดยที่พื้นหลังนั้นก็เป็นคนขับที่กำลังตั้งใจขับไปตามทางเลยเห็นแค่เสี้ยวหน้า ในนั้นผมเขียนสเตตัสสั้นๆเป็น ภาพอีโมจิคนขับรถ กับหัวใจหนึ่งดวง และในตอนนั้นคนที่กำลังดูก็ทำทีเป็นจะเลื่อนผ่านไป

“ เดี๋ยวๆ มึงไม่กดไลค์ภาพกูหน่อยเหรออารยะ ”

“ กดไลค์เหี้ยไร กูไม่ได้ถูกใจ ” หันมาบอกกันด้วยหางตา ผมก็ทำได้แค่จ้องมันกลับไป เราเงียบให้กันไปชั่วขณะหนึ่งจนผมต้องถามต่อด้วยความสงสัย

“ ทำไมไม่ถูกใจวะ หน้ามึงหน้าเกลียดเหรอ ไหนมาดู ” ดึงตัวเองเข้าไปดูภาพนั้นใกล้ๆแต่ก็โดนคนที่ถือมือถืออยู่เอามือถือนั้นเข้ามาเคาะกันที่หัวเบาๆ “ ก็ไม่เห็นจะหน้าเกลียด มุมข้างมึงดูดีนะกูว่า อีกอย่าง.. ”

“ ไม่ถูกใจเพราะแฟนกูน่ารัก แล้วกูไม่ชอบให้มันไปเสนอหน้าน่ารักแบบนั้นให้คนอื่นเห็น ” คนข้างกันหันมาบอกด้วยสีหน้าจริงจังทำทีเป็นไม่ได้รู้สึกเขินอะไร ทั้งที่หูยังแดงจัดและไม่นับท่าทางประหม่าที่ต้องกลืนน้ำลายก่อนจะเก็กหน้าบอกกันแบบหาเรื่อง “ จบมั้ยครับ ”

“ จบก็ได้ครับผม ” กลั้นยิ้มตอนที่พูดออกมาแบบนั้นก่อนจะซุกตัวเข้าไปกอดกันแน่นขึ้น “ มึงแม่ง เล่นกูตั้งแต่เช้าเลยนะ ”

“ เล่นไร กูพูดถึงแฟนกู ใช่มึงที่ไหน ”

“ มุกนี้อีกละ ” ว่าเซ็งๆพลางถอนหายใจก่อนจะบอกเสียงดัง “ ก็กูนี่แหละแฟนมึง ”

“ พูดเหมือนเบื่อแต่กูก็รับมุกกูทุกที ” เสียงล็อคหน้าจอดังขึ้นหลังจากพูดคำนั้น ก่อนสองแขนของคนที่ผมกอดไว้จะเอื้อมมากอดเอวผมเช่นกัน แล้วในตอนนั้นผมก็บอก

“ ใครบอกว่ากูเบื่อ กูไม่เคยเบื่อเลย ” ท้ายประโยคนั้นเสียงเบา แต่ทว่าความรู้สึกสุขมันกลับล้นออกมาราวกับน้ำที่ล้นแก้ว และถึงใครจะบอกว่าหวานเลี่ยนยังไง ผมก็ยังยืนยันว่าช่วงเวลาแบบนี้คือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดและไม่เคยเบื่อเลยสักครั้ง

ผมชอบที่จะได้สูดกลิ่นอุ่นๆของคนที่นอนข้างกันในตอนเช้า อาฟมีกลิ่นตัวอุ่นๆที่ผมก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่ามันคือกลิ่นที่คล้ายกับอะไร แต่มันเป็นกลิ่นที่ดมแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก  แล้วถ้าใครบอกว่าเตียงมีพลังดึงดูดในตอนเช้า ผมว่าอาฟเองก็ไม่ต่างกับอะไรแบบนั้นในความรู้สึกผม มีอ้อมกอดที่ดึงดูดกันไว้ จนอยากจะนอนกอดกันอยู่แบบนั้นไม่ไปไหนแม้จะปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปเป็นครึ่งค่อนวัน

“ เที่ยงนี้กินอะไรกันดี ” ผมคำถามที่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของอีกคน สมองที่กำลังประมวลคำตอบแต่ทว่าก็ไม่มีอะไรอย่างที่รู้สึกอยากกินเลยในเที่ยงวันนี้

“ ไม่รู้เลยว่ะ ”

“ เหมือนกูเพิ่งเคยได้ยินประโยคนี้เป็นครั้งแรก ” เสียงแซวที่มาพร้อมการยกยิ้มที่หอมลงไปตรงข้างแก้มของผม ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นจากเตียงมานั่งขยับคอไปมา ก่อนจะหันมามองกัน “ ข้าวหน้าปาไหลมั้ยละ เมื่อวานมึงบ่นว่าอยากกินไม่ใช่หรือไง ”

“ เออ อยากกิน ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันไปหยิบมือถือที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา จำได้ว่ามันเป็นรีวิวที่ผมเห็นผ่านในเพจแนะนำอาหารของเฟสบุ๊คเลยบอกอาฟไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพราะตอนนั้นเรานั่งกินข้าวกันอยู่แล้ว ก็เลยต้องยกยอดมันไปไว้วันอื่น “ ดีนะที่มึงจำได้ กูลืมไปด้วยนะ ”

“ แปลกจัง มึงลืมของที่อยากแดกได้ด้วย ”

“ หมายความว่าไงวะ ” เหลือบตามองอีกคนที่ก็แค่ยกยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าลงหอมแก้มผม “ ลองส่องกระจกดูสิ ไอ้แก้มอ้วน ”

“ K ” สบถออกมาแบบไม่ออกเสียง ก่อนจะบ่นต่ออยู่ในใจ ‘ ว่ากูอ้วนอีกแล้วนะไอ้เหี้ย ’ ทั้งๆที่ผมไม่เห็นรู้สึกว่าตัวเองจะอ้วนขึ้นตรงไหน ออกจากจะผอมลงไปด้วยซ้ำ เพราะช่วงที่อาฟเข้าโรงพยาบาล ผมกินไม่ค่อยได้นอนก็ไม่ค่อยหลับ กางเกงที่เคยใส่ไม่ได้เพราะคับ ช่วงนี้ก็เลยใส่ได้หมดทุกตัว แต่ที่สงสัยคือทำไมทุกส่วนในร่างกายลดหมด แต่แก้มไม่เห็นลดเลย ทำไมก็ไม่รู้

กรรมพันธุ์แน่ๆ ไม่ใช่ความผิดของผมหรอก

มหาวิทยาลัยเอกชนในช่วงบ่ายโมงดูครึกครื้นกว่าทุกครั้งที่ผมมา ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าวันนี้ต่างจากทุกครั้งที่มา เพราะมองไปทางไหนก็เหมือนแต่จะมีนักศึกษาจับกลุ่มเดินไปมา ทั้งที่ปกติมันจะเงียบกว่านี้

“ วันนี้ที่มหาลัยมึงเหมือนมีงานอะไรเลย ”

“ เหรอ ”

“ คนมันเยอะแปลกๆ ”

“ ช่วงเวลาพักพอดีมั้ง ” อาฟว่าแบบนั้นก่อนจะกดล็อครถแล้วเดินออกไปตามทางเดิน ผมเปิดประตูเข้าไปในคาเฟ่ตามปกติอย่างทุกที แล้วก็เป็นอย่างที่คิดในใจ โต๊ะด้านในวันนี้เต็มทั้งหมด

“ พี่เมด ” เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกชื่อผมในตอนที่กำลังจะหันหลังเดินออก แล้วตอนที่หันไปตามเสียงนั่นตรงมุมร้านที่โต๊ะโซฟาตัวนั้น ผมก็พบคู่หูตัวป่วนอย่างบาร์เทนเดอร์ของ throw up นั่งอยู่ด้วยกันสองคน ‘ ลืมไปเลยว่าน้องเดย์น้องอัยย์เรียนที่นี่ ’ คิดแบบนั้นอยู่ในใจก่อนจะเดินตรงไปหาแล้วนั่งลงข้างน้องเดย์ที่เป็นเก้าอี้ว่าง

“ ปกติมีเรียนวันนี้กันด้วยเหรอวะ ”

“ มีสิครับผม ” น้องตอบผมก็ขมวดคิ้ว เพราะมาที่นี่ในวันนี้ก็หลายครั้งแต่ไม่เห็นจะเคยเห็นทั้งคู่มานั่งอยู่แบบนี้เลย

“ ปกติน้องอัยย์กับไอ้เดย์จะกลับก่อนเพราะว่าชอบกลับไปนอนเอาแรง แต่วันนี้น้องอัยย์เห็นว่าที่คาเฟ่คนเยอะ ก็เลยชวนไอ้เดย์มานั่งจองโต๊ะให้พี่เมดไง เพราะไม่ว่ายังไงเฮียก็ต้องหนีบพี่เมดมาอยู่แล้วละ จริงมั้ย ”

“ นี่คิดถึงพี่เมดขนาดนี้เลยเหรอวะ ” ผมแอบภูมิใจแต่ในขณะนั้นเองคนที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ผมก็หัวเราะหึในคอออกมา อาฟยกยิ้ม

“ ถ้าเพื่อนไม่นัดทำรายงาน พวกมึงก็คงต้องนัดใครไว้สักคน กูพูดถูกมั้ย ” สายตาเลิ่กลั่กที่มองกันของเจ้าตัวแสบที่โกหก ผม ชวนให้ถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้า

“ ไอ้เราก็คิดว่าคิดถึงเรา ”

“ มึงฝันไปเถอะ อะไรแบบนั้นในโลกใบนี้มันมีแค่กูเท่านั้นละที่ทำได้ ” คำพูดที่พูดออกมาพลางเอามือล้วงกระเป๋าดูเหมือนไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่ แต่เพราะในร้านเงียบมันเลยทำให้เราได้ยินคำพูดนั้นชัดเจน แล้วตัวเองผมก็ทำทีเป็นเอียงตัวแซวมัน

“ มึงว่าไงนะ  อะไรมีแต่มึงเท่านั้นที่ทำได้นะ ”

“ กวนตีน ” อาฟหันมาบอกกันก่อนจะเชิดหน้าไปที่เค้าท์เตอร์ของร้านคาเฟ่ด้วยหูแดงๆอย่างเปลี่ยนเรื่องคุย “ เค้กมะพร้าวของโปรดมึงชิ้นสุดท้ายแล้วนะ ไม่ลุกไปตอนนี้อาจจะไม่ได้แดกนะ  ”

“ เชี้ย ” ผมที่หันมองตามสบถออกมาอย่างงั้นก่อนจะผุดลุกขึ้นทันที แต่ก็ไม่ลืมถามอีกคน “ มึงเอาคาราเมลมัคคิอาโต้ด้วยนะ ”

“ อื้ม ”

“ เด็กๆเอาไรมั้ย ”

“ ไม่ละคร้าบ ” ทั้งน้องเดย์น้องอัยย์เขย่าแก้วที่ตัวเองกินอยู่ใส่ผม เพื่อบอกใบ้ว่าของตัวเองมีแล้ว

“ งั้นเดี๋ยวมานะ ”

“ ไปเร็วๆนะจ๊ะ ทางนี้คิดถึง ”

“ เอาตีนกูก่อนมั้ย ”  แล้วคำถามของคนเป็นพี่ทำให้คนพูดอย่างน้องอัยย์ถึงกับปิดปากก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ อันนี้ไม่เอาจ้า น้องเกรงใจ ”

เค้กมะพร้าวสีขาวถูกยกมาตั้งไว้ตรงหน้าพร้อมกับช็อคโกเล็ตเย็นหนึ่งแก้วแล้วก็คาราเมลมัคคิอาโต้ ที่อาฟบอกบ่อยๆว่าไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ผมชงอร่อยกว่าเยอะ แต่ก็เห็นด้วยว่ามันเป็นอย่างงั้นอย่างคนไม่หลงตัวเอง แต่เพราะชอบกินเค้กมะพร้าวของที่นี่มาก ครั้นจะกินแค่เค้กมะพร้าวก็กลัวจะติดคอ เลยจำใจสั่งช็อกโกแลตเย็นไปอีกแก้ว ทั้งๆที่ร้านน้ำปั่นหลังมหาลัยอร่อยกว่าเป็นกองแถมถูกกว่าด้วย

“ แล้วนี่พวกมึงมานั่งทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ ” อาฟเอ่ยถามน้องที่ก็ช่วยกันกินเค้กในจานผมคนละคำสองคำแบบที่ไม่ได้ร้องขอ น้องเดย์ที่ตอนนั้นตักเค้กเข้าไปคำโตด้วยความอร่อยหันไปตอบพี่ชาย

“ นัดทำรายการกลุ่มอะ แต่เสร็จละ นี่ว่าจะนัดกันไปหาอะไรกิน ”

“ กูว่าไปกินชาบูดีกว่า นางในๆ ” น้องอัยย์บอกผมก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงไปในคอ คิดจินตนาการไปถึงสามชั้นสไลค์ที่ถูกคีบเอาลงไปแกว่งเบาๆในน้ำสุกี้สีดำแล้วจิ้มน้ำจิ้มสูตรเด็ดก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอไปด้วยความอยากอาหาร

“ รู้สึกเหมือนมีคนอยากกินว่ะ ” ทำทีเป็นหันไปมองรอบๆตอนที่น้องเดย์พูดแบบนั้นก่อนจะที่น้องอัยย์จะตะโกนเสียงดัง
“ พี่เมดนั่นแหละ! ”

“ ไปกินด้วยกันมั้ยละ ”  น้องเดย์หันมาถาม ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า

“ เพิ่งกินข้าวหน้าปลาไหลมา ”

“ ถ้าแดกอีกพวกมึงก็ไม่ได้เอามาส่งกูนะ ” อาฟที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันพูดขึ้นเสียงเรียบๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมแบบยิ้มๆ “ เอาไปส่งโรงเชือดได้เลย ”

“ ไอ้สัด ”

“ เนื้อแก้มตอนนี้คือแบบสไลค์ให้บางเหวี่ยงสามทีคงกินได้เลย ” น้องเดย์ที่หันมามองหน้าผมพูดเสริม ในตอนนั้นทุกคนก็หันมามองจนผมต้องเอามือปิดหน้า

“ คือพวกมึงจะหิวก็ได้ แต่พวกมึจะหิวจนอยากจะแดกแก้มกูไม่ได้ ”

“ ก็น่าบีบจังเลยยยยยย ” ไม่พูดเปล่าแต่มือหนาของน้องเดย์กลับยื่นมาบีบแก้มผมด้วย แต่ทว่ายังไม่ทันจะพูดเย้าอะไรสายตาของคนพี่ที่มองมาก็เหมือนจะเป็นคำสั่งที่บอกให้คนเป็นน้องปล่อยมือลง

“ พี่เมดบอกสัดพี่สิว่าไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว ”

“ เจ็บอะ โอ้ย เจ็บ เจ็บมากๆ จะตายแล้ว เรียกรถโรงพยาบาลให้ที เนื้อแก้มจะหลุดออกมาแล้ว โอ้ยยย ” ทรุดหน้าลงกับเข่า ตอนที่ร้องโอดโอยออกมาก็ส่งเสียงโอเว่อร์เสียจนนักแสดงเจ้าบทบาทยังยอมแพ้

“ ออสก้ามากพี่สะใภ้กู ” แล้วคำพูดเบาๆพลางส่ายหน้าไปมานั้นก็ทำให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างห้ามไม่อยู่

“ อ้าว ไอ้อาฟ ” เสียงทักดังขัดเสียงหัวเราะของเราหรือแม้แต่การพูดคุยนั่นให้หยุดชะงัก ชายร่างสูงที่เดินเข้ามาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีฟอกที่ดูธรรมดาแต่กลับดูดี อาจเพราะทรงผมที่เช็ตมาอย่างดีนั่นมันเข้ากันกับหน้าตาหล่อเหลาที่แค่พูดก็รู้สึกว่าต้องเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมีเสน่ห์ในระดับหนึ่ง

“ พี่กิต หวัดดีพี่ ” คนตรงหน้าผมยกมือขึ้นไหว้คนที่ทักด้วยรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงอย่างยินดี มือที่เอื้อมจับมือของอีกคนที่เอื้อมมือมาจับกันในตอนนั้นน้องเดย์ก็กระซิบผม

“ รุ่นพี่ของสัดพี่ตั้งแต่สมัยม.ปลาย แล้วก็เป็นคนในแก้งค์แข่งรถด้วย ”

“ แก้งค์แข่งรถ ? ” หันไปถามน้องแต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบอะไร น้องเดย์ก็จับไหล่ผมให้หันไปมองคนสองคนที่ก็หันมามองกันพอดี

“ เมด นี่พี่กิต ” อาฟแนะนำอีกฝ่าย ผมก็ยกมือไหว้“ พี่กิต นี่เมดแฟนผม ”

“ อ๋อ แฟนมึง ”  พี่เค้าบอกก่อนจะพยักหน้ารับให้ผมแบบยิ้มๆ ในแววตาที่มีแต่คำแซวนั้นชวนให้มันหูแดงก่อนจะหันไปทางอื่น “ สวัสดีครับ ”

“ ไม่เจอพี่กิตนาน หล่อขึ้นเลยว่ะ ออร่าของความเป็นเจ้าของรีสอร์ทมันเปล่งประกายสุดๆ ”

“ มึงนี่นะไอ้สัดเดย์ ” พี่กิตชี้หน้าน้องชายข้างผมอย่างคาดโทษ ก่อนอาฟจะเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่อง

“ แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่วะ เรียนจบไปเป็นปีแล้วไม่ใช่เหรอ จะกลับมาต่อโทหรือไง ”

“ มึงถามคนที่แค่ตรียังไม่ค่อยจะรอดเหรอไอ้สัด ” พี่เค้าบอกก่อนจะหัวเราะ “ กูมารับเมียกู ”

“ มั่นใจเลยดิคนนี้ ” น้องอัยย์ถามคนตอบก็หันซ้ายดูขวา ก่อนจะยักคิ้วเป็นคำตอบโดบไม่พูดอะไร แต่นั่นก็เรียกรอยยิ้มแล้วก็เสียงโห่ของพวกเราขึ้นมาทันที

“ ว่าแต่กู กูก็ไม่เจอพวกมึงนานเหมือนกัน โดยเฉพาะมึงไอ้สัดอาฟหายหัวไปเลยนะ ปกติเดือนนึงต้องเจอที่สนามแข่งรถสักครั้ง ไม่ก็สองสามครั้งไม่ใช่เหรอวะ ”

“ ไม่ค่อยว่างพี่ ”

“ ติดแฟนก็สารภาพมาไอ้สัด ” เชิดหน้ามาทางผม แต่คนโดนถามก็ไม่ได้พูดปฎิเสธอะไร เหมือนจะบอกเป็นนัยว่ามันก็รู้สึกแบบนั้น “ กิจการผับมึงเป็นยังไงบ้าง กูไม่ได้ไปนาน โทษทีนะ แม่งโคตรยุ่งกับรีสอร์ทเลยว่ะ พ่อกูก็ขยันเปิดใหม่ชิบหาย ”

“ คนรวยพูดยาก ” อาฟบอกยิ้มๆ “ แต่กิจการดีพี่ เลขาผมเก่ง ”

“ มึงจะชมเมียมึงก็ได้นะสัดพี่ แต่มึงจะข้ามหน้าข้ามตาคนชงเหล้าที่นั่งอยู่ตรงนี้อย่างพวกกูสองคนกับการตลาดอย่างพี่เจ รวมถึงผู้จัดการและคนเสิร์ฟอื่นๆไม่ได้ เข้าใจมั้ย”

“ เสือก ” อาฟตอบ

“ ไม่ใช่เมียมันก็ยากหน่อยละสัดเดย์ที่มันจะใส่ใจ ” พี่กิตบอกก่อนจะยิ้มให้ผมที่ก็ทำได้แค่ยิ้มรับ เค้าก็หันไปมองอาฟ “ หลงน่าดูนะสัด ”

“ พูดมากว่ะ ”

“ ยังไงถ้าวันนี้มึงว่างไปจอยกันหน่อยมั้ยละ ไม่ได้ขับแข่งกันนานแล้วนะ ”

“ ว่ามา สนามไหน ”

“ พีระเซอร์กิตพัทยา ”

“ เอาสิ ” อาฟพยักหน้ารับก่อนจะเหล่มองผม “ ติดหนี้ต้องพาเด็กไปเที่ยวทะเลอยู่พอดี ”

“ โอเค ”

“ ว่าแต่เช่าสนามชล นัดพวกพี่บาสเหรอวะ ”

“ เออ มึงไปก็ดีนะ พวกมันอยากเจอมึงหลายครั้งแล้ว ไม่ได้วัดฝีเท้ากันนาน ”

“ จัดไปครับพี่ ”

“ เจอกันมึง ” พี่กิตพูดตอบรับพลางตบไหล่อาฟ ก่อนจะหันมาก้มหน้าลงเราที่ก็ยกมือไหว้ลาคนเป็นพี่เช่นกัน ในตอนนั้นผมเห็นอาฟมองคนที่เดินออกไปสุดสายตา มันยิ้มแบบที่บอกกันว่ากำลังมีความสุขอย่างที่สุดเพราะฉายชัดออกมาแบบไม่ต้องให้ผมเดาว่าอีกฝ่ายคงกำลังจินตนาการถึงช่วงเวลาที่กำลังมาถึงในไม่ช้า แล้วนั่นก็คือการขับรถในสนามแข่งนั่นเอง

“ กูไปเรียนก่อน เดี๋ยวเจอกัน ”

“ ตั้งใจเรียน ” ผมบอกแบบนั้นอีกคนก็ยกยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากร้านทันที  เผลอถอนหายใจออกมาตอนที่มองอีกคนเดินไปจนน้องอัยย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าต้องเอ่ยถามกับสีหน้าหนักใจของผม

“ พี่เมดไม่สบายใจอะไรเปล่า ”

“ เปล่า ” ผมส่ายหน้าแต่เด็กสองคนข้างกันก็แค่ยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้า

“ เป็นห่วงก็บอก ” น้องเดย์แซว “ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ การขับรถแม่งเป็นงานอดิเรกของไอ้สัดพี่ตั้งแต่มันทำใบขับขี่ได้แล้ว มันเป็นสายชอบแข่งรถ ”

“ แต่ดูจากรถที่เฮียซื้อพี่เมดก็น่าจะรู้นะ GTR มันรถสำหรับสายพวกรักความเร็ว ไม่ก็พวกแข่งอยู่แล้วอะ ”

“ เหรอ ” คือจะสารภาพยังไงดีว่ากูไม่รู้อะไรพวกนั้นหรอก ขนาดครั้งแรกที่คุยกันยังบอกอีกคนไปหน้าตาเฉยว่าแค่รถนิสสัน แล้วพออีกคนบอกว่านี่คือ GTR ผมยังงงอยู่เลยว่าทำไมรถนิสสันราคาตั้งเกือบสิบล้าน

“ ไม่ต้องคิดมากน่า ตอนสัดพี่แข่งรถมันเท่ห์มากเลยนะเว้ย แล้วมันต้องเอาที่หนึ่งมาให้พี่เมดแน่นอน เชื่อน้องเดย์ได้เลย ” ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้น้องทั้งๆที่ในใจอยากตะโกนว่า มึงมีงานอดิเรกเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรือไง หุ่นยนต์ ฟิกเกอร์ ทำไมไม่สะสม เกมส์หัดเล่นบ้างก็ได้ หรือจะถ่ายรูป ดูหนัง มีอีกเป็นร้อยอย่าง ทำไมต้องแข่งรถ แล้วเอาชีวิตไปเสี่ยงแบบนั้น 

ผมเผลอนั่งคิดไปถึงฉากที่อีกคนแข่งรถเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง แม้คำพูดที่พูดว่า ‘ ชัยชนะครั้งนี้กูให้มึง ’ จะไม่หลุดออกจากปากคุณอารยะ แต่ก็อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริง คนที่รับบทแฟนอย่างผมจะทำหน้ายังไงดี ‘ ขอบคุณนะ ’ พร้อมทำหน้าเขินๆ แต่ในใจก็พูดว่า ‘ แต่ช่วยกลับไปนั่งแดกเหล้าที่ throw up เถอะ ไอ้สัด ’

บนถนนเส้นทางหลวงที่มุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี หลังเลิกเรียนเรากลับเข้าคอนโดไปเก็บเสื้อผ้าแล้วรีบออกมาอย่างรวดเร็วแบบชนิดที่ว่า ผมหวนคิดลังเลว่าเมื่อครู่หยิบกางเกงในมาครบแล้วหรือยัง พลางหันไปมองคนขับที่กำลังเหยียบคันเร่งของเครื่องยนต์ให้เร็วกว่าทุกครั้งที่นั่งรถด้วยกัน  สายตามีความสุขของอาฟชวนให้ผมยิ้มตาม จนเผลอคิดละเลยความห่วงใยในตัวอีกคนไปจนหมด

ก็ดูท่าว่าความเร็วในตอนขับรถจะเป็นความสุขของมันจริงๆ แม้ผมจะไม่เข้าใจว่า การเสี่ยงอันตรายด้วยการเหยียบคันเร่งให้สุดเท้า มันจะเป็นความสุขแบบไหนได้ แต่ว่า มันคงจริงอย่างที่ใครบอก  ‘ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลของความสุข เพราะความสุขมักไม่ใช่สิ่งที่ซับซ้อน ’

“ ขับช้าลงหน่อยดีมั้ย ” ผมบอกอาฟที่ก็เหลือบมามองกันพลางยกยิ้ม

“ กลัวเหรอ ” คำถามที่มาพร้อมกับตัวรถที่เริ่มชะลอความเร็วลง “ ก็นะปกติกูไม่เคยขับรถเร็วขนาดนี้ ”

“ เปล่า ไม่ได้กลัว คนขับเป็นมึงกูไม่กลัวหรอก แต่กูหมายถึงคนอื่นต่างหาก ” คนขับขมวดคิ้วมองกันตอนที่ผมพูดแบบนั้น “ ถนนทางตรง มันว่างก็จริง มึงเองก็รู้ว่าความเร็วแค่ไหนที่มึงควบคุมได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นเค้าจะรู้เหมือนมึงสักหน่อย คนบางคนมีใบขับขี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะขับรถเก่งนะ ”

“ เหมือนมึง ” อาฟบอก “ พวกขับรถได้ แต่ไม่ใช่พวกขับรถเป็น ”

“ ยังไง ”

“ พวกขับรถได้ก็คือขับแบบที่มึงขับ ขับไปบนถนนได้ รู้ว่าถ้าจะเลี้ยวก็ต้องกดไฟบอกสัญญาณ เถ้าไฟแดงก้ต้องเบรคจอด สามารถขับให้อยู่ในเลนส์ถนนได้ แต่ว่า ถ้ารถยางระเบิดจะทำยังไง ” คำถามที่ถามทำให้ผมนิ่ง แล้วตอนนั้นในใจของผมมันพูดขึ้น

‘ เออ ทำไงวะ ’

“ ไม่รู้ใช่มั้ย ”

“ รู้ ” ผมพยักหน้ารับมันยิ้มๆ “ ก่อนอื่นก็หยิบมือถือ กดเบอร์โทรหามึงแล้วบอก ‘ อาฟ รถกูยางแตก มาช่วยที ’

“ ก็ถ้ามึงไม่ชนเข้ากับเสาไฟฟ้าสักต้นหรือหลักกิโลไปก่อนละก็นะ ”

“ แล้วเค้าทำยังไงเวลายางรถแตก ”

“ ตั้งสติ ”

“ ยากตั้งแต่อันที่หนึ่งแล้วมั้ยละ มันโบ้มขึ้นมาใครๆก็ต้องตกใจ ”

“ ก็เลยบอกไงว่าให้ตั้งสติ ”

“ แล้วไงต่อ ”

“ จับพวงมาลัยรถ ควบคุมให้ดีอย่าให้ตกไหล่ทาง แล้วก็อย่าให้เบี่ยงไปชนคันข้างๆ ที่สำคัญอย่าเหยียบเบรค ”

“ แล้วถ้าตกใจเผลอเหยียบละ ”

“ รถมึงก็จะหมุนไง เพราะงั้นก็แค่ชะลอความเร็วรถให้ต่ำลง ตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง แล้วก็ค่อยๆเบรค ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากู ”

“ จะว่าไปมันก็น่ากลัวนะ ” คิดจินตนาการไปว่าถ้าตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ผมจะประคองสติทำอย่างที่อีกคนพูดได้มั้ย “ ไม่รู้ว่าถ้าเกิดขึ้นจริงๆ กูจะจำที่มึงสอนได้มั้ย ”

“ แต่กูมีวิธีที่มึงจะไม่ต้องเจอเรื่องแบบนั้น ” คำพูดที่ทำให้ผมหันไปมองอีกคนอย่างสนใจ ในตอนนั้นอาฟก็บอก “ มึงก็ไม่ต้องขับรถสิ ”

“ K ” ผมสบถออกมาก่อนจะถอนหายใจ “ อันนั้นใครๆก็รู้ไอ้สัด ”  เบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่างที่รถกำลังเคลื่อนผ่านไปเรื่อย ผมสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดอย่างผ่อนคลายทั้งๆที่อยู่ในรถ คงเพราะแค่คิดว่าได้มาพักผ่อน หัวใจมันก็บินไปรออยู่ที่โรงแรมแล้วก็ชายหาดแล้ว

“ เดี๋ยวเราจะไปไหนกันก่อนวะ ”

“  ไปสนามแข่งก่อน ” ผมพยักหน้ารับกับคนขับก่อนจะหยิบมือถือที่กำลังเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเพลงในรถขึ้นมากดค้นหาเพลงที่อยากฟัง

“ ฟ้งเพลงอะไรกันดี ” ผมถาม “ มึงอยากฟังเพลงอะไร ”

“ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เพลงพี่ส้มฉุน ”

“ ฮ่าๆ ” หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะตั้งแต่ที่เราขับรถมาเพลงที่ฟังก็มีแค่เพลงพี่ส้มฉุนเพราะมันเชื่อมต่อมาจากเพลย์ลิลต์ในมือถือของผม “ พี่อาฟหึงก็บอกสิครับ ” เอียงไหล่เข้าไปชนไหล่มันสายตาคมก็หันมาเหล่มองกัน ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มกว้าง “ เรามาเลือกเพลงให้กันมั้ย ”

“ ยังไง ”

“ ก็มึงเลือกเพลงให้กู ส่วนกูก็จะเลือกเพลงให้มึง ”

“ เพลงอะไร ”

“ ก็เพลงที่เหมาะกับกูไง เพลงที่มึงอยากให้กูอะไรแบบนั้น ”

“ ไม่มี ” อาฟบอกผมก็ถอนหายใจออกมาพลางกดเข้าไปในโปรแกรมฟังเพลงนั้น เลื่อนนิ้วหาเพลงฮิตที่กำลังดังในช่วงนี้ แต่ยังไม่ทันจะตัดสินใจเลือกเพลงอะไรแล้วในตอนนั้นคนที่กำลังขับรถก็พูดขึ้น “ เปิดเพลงนั้นสิ ”

“ เพลงอะไร ”

“ เพลงของพี่ส้มฉุน เพลงใหม่ล่าสุด ” ผมทำท่าคิด ในตอนนั้นรถก็ชะลอความเร็วลงเพราะสัญญาณไฟจราจรสีแดงที่ปรากฏขึ้นพอดี อาฟดึงมือถือที่ผมถืออยู่ไป ก่อนจะกดลงบนหน้าจออยู่สักพักแล้วยื่นคืนมาให้ แล้วตอนนั้นเสียงดนตรีทำนองคุ้นหูก็ดังขึ้นมา

เพลงที่ทำให้ผมต้องกัดฟันตัวเองแน่นอยู่ด้านในเพราะไม่อยากจะยิ้มกว้างออกไปให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังเขินอยู่มากแค่ไหนกับเพลงที่อีกคนเลือก ‘ เพลงภูเขาบังเส้นผม ’

“ ไม่ต้องยิ้ม กูไม่ได้เปิดเพลงนี้ให้มึง ไม่ได้ฟังมันแล้วจะนึกถึงมึงด้วย ” พูดแบบนั้นพร้อมกับวางมือลงบนตักของผมก่อนจะคว้าเอามือที่ว่างอยู่มากุมกันไว้หลวมๆ ด้วยนิสัยตามฉบับของคนที่ชอบพูดไม่ตรงกับใจ อาฟย้ำประโยคที่ตรงกันข้ามออกมา ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามฉบับ  “ ตั้งแต่ขึ้นต้นจนจบเพลงกูไม่ได้ฟังแล้วรู้สึกถึงมึงนะ ”

“ ทำไมต้องพูดยาวๆ พูดว่าฟังแล้วคิดถึงกู ไม่ง่ายกว่าเหรอวะ ”

“ งั้นเหรอ ” ดึงมือที่กุมกันไว้ขึ้นมาจูบเบาๆโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้โต้เถียงอะไร

ช่วงเวลานั้นเราปล่อยให้เสียงของตัวเองเงียบลง และจดจ่ออยู่กับท่วงทำนวงและเนื้อเพลงที่มีความหมายนั่น ใจของผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ความตื่นเต้นเองก็แล่นเข้าจุกที่คอจนทำได้แค่กลืนน้ำลายเหนียวลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหูหรือแม้แต่แก้มก็แดงจัดจนควบคุมไม่ได้ของตัวผม ทั้งที่อยากจะหันไปมองนอกหน้าต่างรถก็ยังไม่กล้า เพราะรู้ว่าแค่เงาสะท้อนของคนจ้องมองกันก็คงทำให้เขินยิ่งไปกว่าเก่า  จนสุดท้ายเลยทำได้แค่ก้มหน้างุดจนคางชิดกับคอ

ส่วนคนขับที่คิดว่าจะนั่งกุมมือกันอยู่เฉยๆกลับดึงตัวเองเข้ามาใกล้ อาฟชกชิงความหอมจากผิวแก้มของผมไปเต็มฟอดก่อนจะกระซิบคำพูดที่เป็นประโยคเดียวกันกำลังในเพลงที่กำลังดังอยู่ในขณะนั้น

“ อยากจะเอาภูเขามาบังเส้นผม ไม่ให้ใครชื่นชม แม้เส้นเดียว ”

“ มึงแม่ง ” เบือนหน้าหนีออกไปทางอื่นเพราะทัดทานความหวานที่ชวนวาบวามในหัวใจไม่ไหว ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่น แล้วในตอนนั้นอาฟก็ยกยิ้มบอกกัน

“ แต่ไม่คิดว่าจะมิดหรอก ” ผมหันไปมองคนที่พูดแบบนั้นด้วยใบหน้าสงสัย ก่อนมือที่จับกันอยู่จะถูกย้ายขึ้นมาจับที่แก้ม อาฟบีบมันก่อนจะดึง “ แก้มมึงย้อยขนาดนี้ ภูเขาต้องบังไม่มิดแน่ๆ ”

“ ไอ้เหี้ย ” พูดแบบไม่ออกเสียงพร้อมกับใช้สายตามองมันแบบคาดโทษอย่างไม่คิดจะให้อภัย แต่ถึงอย่างงั้นคุณอารยะก็แค่หัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะขับรถต่อไปในตอนที่สัญญาณไฟเขียวปรากฎขึ้น ในตอนนั้นผมเองก็เลยทำได้แค่พิงตัวเองลงกับเบาะรถแล้วถอนหายใจออกมาเซ็งๆ อย่างทุกที “ แกล้งกูอีกแล้วไอ้สัดอาฟ ”


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
สนามแข่งรถขนาดใหญ่ที่เราเดินทางมาถึงไม่ได้ดูครึกครื้นอย่างที่ผมคิดว่ามันจะเหมือนในหนังฝรั่งสักเรื่องที่เคยดู ฉากที่มีผู้คนมากมายที่กำลังโห่ร้องกับการแข่งขัน แม้แต่รถที่กำลังกดคันเร่งเพื่อเร่งเครื่องยนต์แข่งกันเพื่อข่มขวัญ หรือโชว์สมรรถภาพของรถแบบเสียงดังจนต้องอุดหูก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบเชียบและมีคนน้อยกว่าที่ผมคิดไว้มาก แถมรถที่กำลังจอดเรียงรายอยู่ในตอนนี้ ก็เหมือนจะเป็นรถยุโรป ไม่ก็รถสำหรับการแข่งขันที่ไม่ได้ตกแต่งกันแบบสีจัดจ้านอะไร

“ เดี๋ยวกูจะแนะนำพวกพี่ๆให้มึงรู้จัก ” อาฟหันมาบอกกันตอนที่ดึงเบรคมือขึ้นแล้วดับครื่องยนต์ของรถลงเรียบร้อย ผมพยักหน้ารับในตอนนั้น ก่อนจะเปิดประตูออกไปแล้วยิ้มให้กับคนหลายคนที่มองมา

“ มาถึงเร็วกว่าที่กูคิดนะ ” พี่กิตคนที่เราเจอกันที่มหาลัยเอ่ยทักกัน ผมก็ยกมือไหว้พี่เค้าที่ก็ยกมือขึ้นทักกลับก่อนจะเชิดไปทางกลุ่มเพื่อนที่ก็ยิ้มแย้มอย่างยินดีที่เห็นอาฟยกมือไหว้

“ หวัดดีพี่ ”

“ ตั้งแต่เป็นเจ้าของผับดังก็กิจการรุ่งเรืองแบบไม่แวะมาเจอกันเลยนะมึงไอ้สัดอาฟ ” ผู้ชายรูปร่างท้วมเอ่ยทักมันก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือตบไหล่อีกคนที่ก็ยิ้มรับอย่างไม่พูดอะไรมากตามนิสัย ผมมองดูผู้คนมากมายที่เดินเข้ามาทักทายมันด้วยความยินดีอยู่นานก่อนผู้หญิงคนนึงจะพูดขึ้น

“ แล้วนี่ไม่คิดจะแนะนำ คนที่พามาหน่อยเหรออาฟ ” คำพูดของเธอทำให้ทุกคนหยุดชะงักแม้แต่ผมเองก็ทำได้แต่ยิ้มเจื่อนๆเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงหมายถึงกัน สาวสวยหน้าตามีเสน่ห์คนนั้นคงเป็นแฟนพี่กิตไม่ผิดแน่นอน เธอสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงเข้ารูปสีดำ ปล่อยผมยาวตรงสีน้ำตาลสวยไปข้างหลัง ท่าทางที่ดูคุ้นเคยกับทุกคนเป็นอย่างดี ชวนให้รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ทั้งสวยก็แล้วเท่ห์ในเวลาเดียวกันเลย

“ นี่เมด แฟนผม ” อาฟพูดแค่นั้นสั้นๆ ผมก็ได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทุกคน ก่อนชื่อของกลุ่มนักแข่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะถูกแนะนำให้รู้จัก และข้อมูลใหม่ที่ผมได้รู้หลังจากที่ได้รู้จักชื่อทุกคนก็คือ อาฟเป็นหนึ่งในทีมแข่งรถที่ชื่อว่า singha blue ซึ่งทุกคนก็เป็นรุ่นพี่ของมันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วและรู้จักกันได้ก็เพราะว่าเจแนะนำให้รู้จักอีกที หมดข้อสงสัยที่ว่า คนที่ผูกความสัมพันธ์กับใครแบบติดลบอย่างมันจะเข้าไปทักทายก่อน

“ งั้นมาเริ่มแข่งเลยมั้ย อย่าเสียเวลา ” พี่กิตบอกทุกคนก็พยักหน้ารับ “ แบ่งกลุ่มกันก่อนแล้วกัน ”

“ ของรางวัลรอบนี้เป็นอะไรวะ ” อาฟถามขึ้นทุกคนก็ยกยิ้ม ก่อนที่พี่ผู้ชายคนนึงจะพูดขึ้น

“ ชนะก็เอาไปเลยห้าหมื่น เรามีสิบคนพอดี ก็คนละห้าพันให้คนชนะมันไป ตกลงมั้ย ” ทุกคนหันมองหน้ากัน ผมที่ได้ฟังตอนนั้นก็ได้แต่สบถในใจตัวเอง ‘ ของเล่นพวกมีเงินมันก็ประมานนี้นี่เองสินะ ’

“ ได้สิ ” ไม่ใช่ใครที่ไหน แฟนผมนี่แหละ ตกลงคนแรกเลย ไม่ได้หันมามองคนทำควบคุมบัญชีอย่างผมสักนิดด้วยซ้ำ

“ น้อยไปเปล่าวะ มึงให้ที่สองที่สามด้วยสิ ” พี่กิตท้วง ในตอนนั้นอาฟก็ยิ้มบอก

“ สนามนี้ไม่เคยมีที่สอง ไม่ใช่เหรอวะ ” ทุกคนหันมองหน้ามันในตอนนั้น “ พวกเราจดจำแค่ที่หนึ่งเท่านั้น ”

“ เฉียบสัด กูชักกลัวไอ้อาฟแล้วเนี้ย ” พี่ผู้ชายคนหนึ่งบอกในตอนนั้น พี่กิตเองก็ก้มหน้าลงพูดอะไรกับแฟนตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะส่งสายตามาทางผม แล้ววินาทีต่อมานั้นเธอก็เดินตรงเข้ามาหากัน

“ เมด ไปนั่งข้างบนกันมั้ย ตรงนั้นน่ะ ” ชี้ไปบนอัฒจรรย์ของสนามแข่ง อาฟที่ได้ยินก็หันมามองกันพอดี

“ มึงไปนั่งกับจอยนะ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ อาฟก็หันไปบอกสาวคนที่เข้ามาทักกัน

“ ฝากด้วยนะจอย ”

“ เดี๋ยวชวนคุยให้เองไม่ต้องห่วงว่าจะเงหา ” เธอว่าแบบนั้นอาฟก็ยิ้มก่อนจะหันมามองกันอีกครั้ง  ในช่วงวินาทีสั้นๆนั้นผมรู้สึกทุกอย่างมันเงียบเชียบลงแต่ก็คงเพราะความเป็นห่วงของผมมันเริ่มเพิ่มระดับขึ้นเหลือความรู้สึกอื่น รถหรูหลายคันที่จอดเรียงกันอยู่ หนึ่งในนั้นมีรถคันหนึ่งถูกเร่งเครื่องยนต์เพื่อประกอบการพูดคุยอะไรสักอย่างเหมือนกำลังโชว์เครื่องยนต์เต็มสูบของตัวเอง ผมหันมองภาพนั้นด้วยสายตาที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าคนตรงหน้าจะจับความรู้สึกกันได้ อาฟก็เลยส่งยิ้มมาให้กัน

“ ไม่เป็นไร ” มันพูดแค่นั้น “ กูจะไม่ผิดสัญญากับมึงรอบสองแน่นอน ”

“ อื้ม ” คำตอบสั้นๆของผมที่ยิ้มให้คนตรงหน้า สารภาพว่าคำพูดนั้นไม่ได้ทำให้สบายใจขึ้นมาหรอก แต่มันก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า นี่คือความชอบและโลกอีกใบหนึ่งของอาฟที่แนะนำให้ผมรู้จัก ตอนนั้นก็เลยได้แต่พูดสิ่งที่ควรพูดที่สุดออกไป “ สู้ๆนะ ถ้าชนะ เอาเงินมาเลี้ยงข้าวกูด้วยนะ ”

“ ดินเนอร์มื้อดึกนี้เลยแล้วกัน ”

“ จัดไปครับ คุณอารยะ ” 

เดินตามสาวสวยขึ้นมานั่งลงบนอัฒจรรย์ที่สูงพอจะเห็นภาพของสนามแข่งทั้งหมดในมุมกว้าง เท่าที่ความรู้พอติดตัวจะมีสนามแข่งรถที่นี่เป็นสนามมาตรฐานสำหรับการแข่งรถแห่งแรกในประเทศ ซึ่งคนทั่วไปก็สามารถจองเข้ามาใช้บริการกันได้ แต่ค่าเช่าต่อวันก็จัดว่าราคาสูงต้องรวมกลุ่มกันมาแข่งแบบนี้ถึงจะคุ้ม โดยส่วนตัวมันก็เหมาะดีนะผมว่า อย่างน้อยก็สามารถเร่งความเร็วรถในแบบที่ชอบได้โดยไม่ต้องทำให้คนในท้องถนนคนอื่นต้องเดือดร้อน แถมยังมีสัญญาณไฟให้ออกตัวอีก

“ ตื่นเต้นเหรอ ” คำพูดของคนข้างๆเอ่ยทักผมตอนที่เห็นว่าเอาแต่มองลงไปที่สนามด้านล่างแบบไม่ละสายตา “ แต่ครั้งแรกที่จอยมาก็เป็นแบบนี้แหละ ตื่นเต้นมาก แต่พอดูไปดูมาก็สนุกนะ ”

“ จอยคบกับพี่กิตมานานแล้วเหรอ ” ผมหันไปชวนเธอคุยบ้าง อีกคนก็พยักหน้ารับก่อนจะยิ้ม

“ นานแล้ว ตั้งแต่เรียนอยู่ปีสองมั้ง ก็สักสามปีแล้วละนะ แล้วเมดละ ”

“ เพิ่งคบเอง ไม่ถึงครึ่งปีเลย ” เธอยิ้มให้กัน ก่อนจะชี้ไปที่สนาม “ เริ่มแข่งละนั่น ”

“ เค้าดูกันยังไงวะ ”

“ ก็แบ่งทีมกันก่อน เป็นสองทีม เค้าก็จะแข่งกันมาเรื่อยๆ จนได้ผู้ชนะของแต่ละทีม แล้วก็มาแข่งแชมป์กันอีกทีหนึ่งครั้ง ก็ประมานนี้ ”

“ จอยคงมาดูบ่อยเลยสินะ ”

“ ตั้งแต่คบกับพี่กิตมาก็มาดูทุกครั้งเลย ” เธอว่า “ ตอนแรกๆก็เป็นห่วงแบบที่เมดเป็นนั่นแหละ กังวลมากนั่งไม่ติดที่เลย ก็นะ คำพูดที่บอกว่า กูไม่เป็นอะไรหรอกน่า ก็ไมได้การันตีว่ามันจะไม่เป็นอะไรจริงๆสักหน่อย ”

“ ก็จริงนะ ” ผมยิ้มให้เธอที่ก็มองออกไปบนสนาม ก่อนจะโบกมือไปมาให้กับพี่กิตที่อยู่ด้านล่างสนามที่ก็โบกมือกลับมาเช่นกัน

“ จอยเคยคิดด้วยนะว่าทำไมแม่งไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นว่ะ ถ้าชอบรถมาก ก็แต่งรถมั้ย สะสมรถก็ได้ แต่เสือกมาชอบแข่งรถซะงั้น ”

“ คิดเหมือนกันเลยว่ะ ”

“ เมดเคยทะเลาะกับอาฟเรื่องนี้มั้ย ” ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้อีกคนก่อนจะพิงหลังลงกับที่นั่ง

“ จะทะเลาะได้ไง ก็เพิ่งรู้ว่าแม่งชอบแข่งรถก็วันนี้แหละ ยังไม่ทันได้ทะเลาะหรอก”

“ ฮ่าๆ ” เธอหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะหันมองผม

“ แล้วจอยเคยทะเลาะกับพี่กิตเรื่องนี้เหรอ ”

“ บ่อยไป ” อีกคนบอก “ เคยทะเลาะกันหนักมากๆด้วยถึงขั้นขู่เลิกก็มี ตอนนั้นจำได้ว่าเค้าไปแข่งรถกับอีกกลุ่มนึง แล้วบังเอิญว่าเค้าชนะ เพื่อนๆก็ชวนไปกินเลี้ยงกันต่อเพื่อฉลอง พี่กิตน่ะเป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูง ”

“ เหมือนอาฟเลย ”

“ อื้ม แต่มากไปก็ไม่ดีหรอก เพราะวันนั้นเค้าขับรถออกจากร้านทั้งๆที่ตัวเองก็เมา แล้วก็เพราะความมั่นใจมากเกินไปที่คิดว่า กูไม่เป็นไร กูควบคุมได้ ไม่ได้เมาหรอกนั่นแหละ ที่ทำให้เค้าชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทาง ”

“ น่ากลัวว่ะ ”

“ คนพวกนี้มันคะนองตัวเมด มันคิดว่าตัวมันเองเก่ง แล้วก็เจ๋งมากพอ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็ควบคุมได้ แต่มันก็คงลืมคิดไปแหละว่า ความหมายของคำว่าอุบัติเหตุก็คือ สิ่งที่เราไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ”

“ แล้วตอนนั้นเป็นยังไง ”

“ ก็นอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน ใส่เฝือกด้วยนะ หายซ่าส์ไปหลายวัน ” คนข้างผมพูดยิ้มๆก่อนจะมองออกไปบนสนามอีกครั้ง “ ตอนนั้นด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะให้เค้าแข่งรถอยู่แล้ว จอยก็เลยยื่นคำขาดไปว่า ถ้าเค้าแข่งรถอีกก็เลิกกันไปเลย เพราะเราทนรับสภาพที่ต้องคอยเป็นห่วงไม่ไหวแล้ว มันทรมานนะ พอเค้าโทรมาบอกว่าจะไปแข่งรถ เราก้คอยแต่มองนาฬิกาว่าเมื่อไหร่กลับ คอยเป็นห่วงว่าที่ช้าๆ เพราะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า โทรศัพท์จากเพื่อนเค้า จอยไม่อยากรับเลย กลัวเป็นข่าวร้าย แล้วที่ต้องเห็นเค้าอยู่ในห้องไอซียูโดยที่ไม่รู้จะได้ออกมาหรือเปล่า แล้วทุกครั้งที่แข่งก็ไม่ได้มีระบบเซฟตี้ขนาดนั้น ก็แค่เข็มขัดนิรภัยเส้นเดียวเอง ”

“ แล้วตอนนั้นพี่กิตยอมเหรอ ”

“ ก็ยอมนะ เค้ารับปากว่าจะไม่แข่งรถอีก จะห่างออกมาจากสนาม แต่สุดท้ายมันกลายเป็นว่าจอยไปพรากความสุขของเค้ามากกว่า  ”

“ ยังไงละ ”

“ พี่กิตชอบแข่งรถมาก เป็นชีวิตจิตใจเลยก็ว่าได้ เค้าไปดูแข่งรถในต่างประเทศบ่อยมากๆ แล้ววันหนึ่งคนที่ชอบแข่งรถคนนั้น กลับต้องมานั่งอยู่เฉยๆ เวลามาสนามกับเพื่อนก็ได้แต่นั่งมองรถผ่านไปมา ไม่ได้ขับอย่างที่เคยเป็น ต้องคอยปฎิเสธเพื่อนทุกคนว่าจะไม่แข่งรถแล้วเพราะเบื่อ ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ดีว่า คนเราไม่มีวันเบื่อสิ่งที่เป็นความสุขของตัวเองหรอก ” เธอยิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ว่างเปล่า “ มันแย่มากนะ กับการที่เราเห็นคนที่เรารักไม่มีความสุขเลย ทั้งๆที่เค้ายังยิ้มให้เราเหมือนเดิม แต่เราก็รู้สึกว่าเหมือนเค้าขาดอะไรไป ”

“ พอเข้าใจอยู่ ”

“ มันทรมานนะ การไม่ได้ทำให้สิ่งที่รักน่ะ ตอนนั้นจอยคิดนะว่ามันดีจริงๆเหรอ ที่เราเอาความรักของเค้าที่ให้เราไปผูกเค้าไว้กับตัวเราด้วยคำว่าเป็นห่วง ทั้งๆที่ว่านั่นมันก็คือความสุขของเค้า ”

“ เรื่องนี้มันพูดยากนะ ” ผมบอกเธอ “ มันเหมือนต้องเข้าใจอย่างเดียวเลยว่ะ ”

“ อื้ม ต้องทำความเข้าใจกับมัน ”

“ อาฟเองมันชอบกินเหล้ามาก กินแบบไม่ผสมด้วยนะ เวลาลงไปนั่งที่บาร์ของผับบางคืนก็กินตั้งหลายแก้ว เมดน่ะ อยากให้มันอยู่กับเมดนานๆ แต่คนที่มันกินเหล้า มันก็ยากที่จะเลิกอยู่ดี ”

“ ก็จริง แล้วเคยคุยกันมั้ยเรื่องกินเหล้า ”

“ เคย แต่ก็แค่บอกว่าลดลงหน่อยมั้นเท่านั้นแหละ ปกติกินสามสี่แก้วต่อคืนก็ให้ลดเหลือแก้วสองแก้ว หลังๆเลยน้อยลงหน่อยละ บางวันไม่กินก็มี บางทีไม่กินทั้งอาทิตย์ก็ทำได้แล้วตอนนี้ ”

“ ดีแล้ว พี่กิตเองก็ไม่กินเหล้าเลยตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น เบียร์ยังไม่แตะเลย ”

“ ดีแล้วละ ” ผมบอก “ ของแบบนี้กินเข้าไปเยอะๆมันไม่ดีหรอก ”

“ จอยกับเค้าทำสัญญากันไว้ว่า ถ้าอยากแข่งรถก็ได้ แต่ให้แข่งในความเร็วที่ตัวเองไหวอย่าเกินตัว แพ้ชนะอย่าเอามาสำคัญให้คิดถึงตัวเองเป็นหลัก คิดถึงเรา ถ้าเค้าเป็นอะไรไป เราจะอยู่ยังไง ”

“ จอยดูมีความเป็นผู้ใหญ่จังว่ะ ” อดชื่นชมความคิดของคนที่นั่งข้างกันไม่ได้ ผมชอบผู้หญิงมีเหตุผลแบบนี้ รู้สึกว่าไม่เอาแต่ใจมากเกินไป มีมุมที่ลดหย่อนให้ความรู้สึกของคนรัก แต่ก็ไม่มากเกินไปจนลืมความต้องการของตัวเองไปหมด

“ อีกความหมายนึงคือ แก่ปะ ”

“ ไม่ใช่เว้ย ” ผมบอกปัดเธอ อีกคนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ ก็ความรักมันต้องเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราต้องเข้าใจเค้า แล้วเค้าก็ต้องเข้าใจเรา เพราะถ้าคนสองคนเข้าใจกันและกันได้ ทุกอย่างมันก็ไปกันได้ ความรักน่ะ ยึดหลักแค่เรื่องเอาใจเค้ามาใส่เราให้มากๆ มันก็ไปกันรอดแล้ว ”

“ อื้ม ก็จริง ”

“ แต่การแข่งรถมันก็มีเรื่องดีๆนะ ” เธอหันมาบอกกันด้วยแววตาขี้เล่น “ เพราะเราจะเห็นเด็กสามขวบอวดของเล่นทุกครั้งที่แข่งเสร็จ ”

“ ไม่เข้าใจ ” ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้อีกคน ในตอนนั้นผมไม่ได้รับคำตอบอะไรจากจอยอีก มีพียงแค่รอยยิ้มกว้างก่อนที่เธอจะชี้ชวนให้ไปดูที่สนามแข่งรถ

“ ดูนั่น อาฟจะแข่งแล้วเมด ”

“ ไหนๆ ”

บนสนามที่ผมมองไปมีรถ GTR สีดำคันคุ้นตาที่กำลังเร่งเครื่องยนต์เสียงดังแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ส่วนคู่แข่งเป็นรถยนต์ยี่ห้อเดียวกันแต่คันสีส้ม และวินาทีที่สัญญาณไฟออกตัวฉายขึ้น รถที่ถูกเร่งความเร็วอยู่นานก็เคลื่อนตัวออกไปข้างหน้าด้วยความเร้วแบบชนิดที่ผมมองตามแทบไม่ทัน ทั้งทางตรงหรือทางโค้งรถสองคันก็เหมือนจะผลัดกันขึ้นนำไม่ก็ตามอย่างไม่มีใครยอมกัน ก่อนจะมาถึงทางตรงสุดท้าย รถคันที่กำลังนำก็เข้าเส้นชัยอย่างขาดลอย แล้วนั่นก็ไปไม่ใช่ระใครที่ไหน เป็น GTR สีดำของคุณอารยะแฟนผมเอง

“ สุดยอด ” เผลอพูดออกมาก่อนจะปรบมือเสียงดัง จนจอยถึงกับหลุดหัวเราะ “ นี่มันเก่งขนาดนี้เลยเหรอวะ ”

“ เก่งสิ ไอ้อาฟมันระดับคิงของสนามเลยนะ ”

“ แบบว่าเก่งมากน่ะเหรอ ” หันไปถามแบบตาโต อีกคนก็พยักหน้ารับอย่างแข่งขัน

“ ช่ายยย ” เธอพูดลากเสียง “ ประมานว่าสถิติแพ้มันน้อยน่ะ ส่วนใหญ่มันจะชนะ ”

“ แบบนี้นี่เอง ” พยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืนเพราะตอนนั้นผมเห็นอาฟเดินออกมาจากรถพอดี แล้วด้วยความดีใจก็เลยตะโกนเรียกมันไป “ อาฟ!!! มึงสุดยอดมากเลย ”  ไม่มีเสียงตอบรับอะไรมาจากคนด้านล่าง มีเพียงแค่รอยยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจของมันที่ทำทีเป็นเก็กด้วยการเอามือล้วงเข้าไปใส่ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาพี่ๆร่วมกลุ่มที่ก็คงเอ่ยชมมันไม่ต่างอะไรกับผม “ จอยแล้วแบบนี้เค้าต้องแข่งกันกี่รอบวะ ”

“ ก็สองถึงสามรอบ แล้วก็บวกรอบชิงไปอีกหนึ่งรอบ ” เธอพูดแบบนั้นก่อนจะชี้ไปที่สนาม “ อย่างตอนนี้ทีมอาฟมันมีห้าคนใช่มั้ยละ ก็จับคู่กัน ส่วนเศษหนึ่งก็ไปรอเลยไม่ต้องแข่ง เมื่อกี้อาฟชนะพี่นัทแล้ว อาฟก็ไปรอ แล้วเดี๋ยวพอพี่โก้กับพี่มิลแข่งกัน ใครชนะก็ไปเป่ายิ้งฉุบกับอาฟ ใครที่แพ้ก็ต้องไปแข่งกับคนที่เป็นเศษ นั่นก็คือพี่ม่อนคนที่ยังไม่แข่ง แล้วสุดท้ายใครชนะก็ไปแข่งกับคนที่เป่ายิ้งฉุบชนะเมื่อกี้ เพื่อหาแชมป์ของทีม ซึ่งสุดท้าย แชมป์ของทั้งสองทีมก็จะมาแข่งกัน เพื่อหาที่หนึ่งครับผม ”

“ แข่งหลายรอบเหมือนกันนะ ”

“ ก็นั่งจนเซ็งอะ ” เธอบอกก่อนจะหัวเราะออกมา “ ถ้ากำลังท้องก็รอจนลูกคลอดเลยละมั้งนานเกิ๊น ”

ในตอนนั้นผมได้แต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะให้กับมุกเปรียบเทียบที่เกินจริงของเธอ แต่สุดท้ายผมก็ตะหนักได้ว่าสิ่งที่พูดไม่มีอะไรเกินจริงทั้งนั้น เพราะหลังจากที่ผมเอางานขึ้นมาทำและอัพเดทสต๊อกสินค้าเรียบร้อย  การแข่งขันด้านล่างนั้นก็ยังไม่ถึงช่วงเวลาเข้าชิงเสียที

“ สุดยอดเลย ” เสียงจอยที่พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น ทำให้ผมเงยหน้าจากหน้าจอไอแพตที่กำลังทำงาน เบื้องหน้านั้นเป็นสนามที่การแข่งขันเพิ่งจบไป เสียงโห่ร้องดีใจที่แว่วได้ยินจากผู้เข้าแข่งขันด้านล่าง “ รอบชิงเป็นพี่บาสแข่งกับอาฟแหละเมด ”

“ เหรอ ” ผมมองไปที่สนามอีกครั้ง “ เค้าเก่งมากมั้ยคนนั้นน่ะ ”

“ เก่งสิ แต่ก็สูสีคู่คี่มากับอาฟละนะ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอดเลยคู่นี้ ”

“ แล้วจอยคิดว่าใครจะชนะ ”

“ พี่บาสละมั้ง ” เธอบอก “ ก็พี่บาสเจนสนามมากกว่าอาฟ เค้าแข่งเกือบทุกอาทิตย์เลย แต่ก็ไม่แน่หรอก อาฟมันก็แข่งมาหลายรอบแล้ว ไอ้นั่นมันเจ้าวางแผนซะด้วย ”

“ ถ้าเรื่องเจ้าวางแผนไม่เถียงหรอก ” ผมบอกก่อนจะปิดหน้าจองานที่ทำเสร็จทันที

ในที่สุดเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง ช่วงแข่งรอบชิงของรถสองคันที่ตอนนี้กำลังเตรียมตัวอยู่กันบนสนาม เสียงเร่งเครื่องยนต์ที่ดังจนปวดหู ผมลุกขึ้นจากที่นั่งไปยืนอยู่ในมุมที่ใกล้ที่สุด สัญญาณของการแข่งขันถูกปล่อยตัว ควันสีขาวที่ถูกเร่งเครื่องคุ้งไปหมด รถยนต์คันหรูสองคันไล่บี้สู่สีไปบนถนนเรียบยาวผ่านทางโค้งของสนามที่ผลัดกันแซงและตามกันแบบไม่มีใครยอมใคร มีช่วงเวลาอาฟโดนขับแบบดักหน้าไม่ให้แซง แต่ก็แก้เกมส์ขึ้นมาแซงได้จนมาถึงทางตรงสุดท้ายที่แทบจะมองไม่ออกว่าใครเป็นผ่านชนะ จนต้องตัดสินกันด้วยภาพช้า และผมสรุปสุดท้ายรถคันที่เข้าเส้นชัยไปก็เป็นรถของพี่บาส ไม่ใช่อาฟแต่อย่างใด

“ โอ้ยยยยยยยย เสียดาย นิดเดียวเองงงงง ” จอยที่อยู่ข้างกันตะโกนออกมาเสียงดัง ผมในตอนนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเซ็งออกมา “ ล้อรถพี่บาสเข้าก่อนแค่ไม่กี่เซ็นเอง แม่งเอ้ย ”

“ เสียดาย ” ผมพูดเบาๆ เธอก็เอื้อมมือมาจับไหล่

“ สนุกสุดๆไปเลยรอบสุดท้ายนี้ แต่ก็มีแพ้มีชนะน่า ไปข้างล่างกันเถอะ ”

เสียงพูดคุยและหัวเราะสนุกสนานของคนชนะ ช่างแตกต่างจากคนแพ้โดยสิ้นเชิง ใบหน้าที่เรียกได้ว่าเซ็งสุดๆของอาฟชวนให้ผมหลุดยิ้มออกมาในตอนที่เดินไปยืนอยู่ข้างมัน

“ ไหนอะ ดินเนอร์สุดหรูของกู ”

“ แดกตีนกูก่อนมั้ย มีให้เลยตอนนี้ ” หลุดยิ้มกว้างกับคำพูดนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเชิงปลอบ

“ ไม่เป็นไรน่า ไม่เป็นที่หนึ่งในสนามก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ เพราะยังไงพี่อาฟก็เป็นที่หนึ่งในใจน้องเมดอยู่แล้วละนะ ” ยักคิ้วให้มัน สายตาคมก็ทำทีเป็นมองไปทางอื่นทันที อาฟหลุดยิ้มออกมาในตอนนั้นมันพยักหน้ารับ ผมก็เอียงหน้าไปย้ำ “ ที่หนึ่งเหมือนกันแหละจริงมั้ย ”

“ อื้ม ” ตอบแค่นั้นสั้นๆก่อนจะเอียงหน้าเข้ามาหอมแก้มกันแบบไม่สนใจเลยว่าใครจะมองมา ในตอนนั้นผมเอียงตัวหลบก่อนจะมองไปรอบๆแล้วถอนหายใจโล่งออกมาเพราะไม่มีใครหันมามองเพราะเหมือนทุกคนจะเอาแต่สนใจแชมป์ของการแข่งขันนี้กันอยู่

“ ส้นตีนจริงไอ้สัด ”

“ เดี๋ยวโอนเงินให้พี่บาสด้วย ” อาฟยกยิ้มก่อนจะบอก มันเชิดหน้าไปที่พี่เค้าก่อนจะเอ่ยเรียก “ ขอเลขที่บัญชีด้วยครับแชมป์ ”

“ ไอ้สัด ” คนโดนเรียนสบถออกมาก่อนจะส่ายหน้า “ ตอนแรกว่าจะไม่เก็บพวกมึง เพราะนานๆทีมึงมาแข่งก็อยากจะให้สนุกๆกันสักหน่อย แต่พูดแซวกูแบบนี้ชักอยากจะเปลี่ยนใจ ”

“ เอาจริงอะ ” พี่กิตพูดเย้าเพื่อน “ เสี่ยบาสคนจริงว่ะ ”

“ เออ ไม่ต้องจ่ายหรอก หารค่าสนามก็พอ มาสนุกๆกัน ”

“ ขอบคุณนะครับเพื่อน ” เพื่อนทุกคนยกมือไหว้พี่บาสพร้อมกับวางนิ้วไปบนตามตัวพี่แกแบบกวนๆ ก่อนพี่กิตจะพูดขึ้น “ ดีนะที่มึงชนะ นี่ถ้าเป็นไอ้อาฟ กูต้องจ่ายแล้วห้าพัน ”

“ ค่าดินเนอร์ไง ” คนโดนพาดพิงเชิดหน้ามาทางผม “  สัญญากับกระเป๋าตังค์ไว้ ”

“ น้องเมดคือกระเป๋าตังค์มึงเหรอวะ ไอ้สัดเอ้ย เข้าใจผิดตั้งนาน กูคิดว่าเมียมึง ”

“ พี่มึงไม่ฝากตังค์ไว้กับเมียเหรอ ” อาฟถามก่อนจะเหล่มองด้วยสายตากวนตีนตามฉบับ “ ปกติต่อวันจอยให้ใช้แค่ ยี่สิบบาทไม่ใช่เหรอวะ ”

“ มึงกวนตีนกูละไอ้น้อง ”

“ ไอ้อาฟบ้า! ” จอยเถียงขึ้น ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ทั้งกลุ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง “ พูดความจริงทำไมวะ ”

เสียงพูดคุยของกลุ่มแข่งรถดังอยู่แบบนั้นสักพัก ผมที่ได้แต่นั่งเงียบๆมีพูดคุยบ้าง ตอบบ้าง ตามคำถามที่พี่ๆถาม แต่ก็ไมได้เยอะแยะอะไร ไม่ต่างอะไรกับจอยที่ก็ทำได้แค่ฟังเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่เรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับรถและสมรรถภาพของมันในการแข่งขันวันนี้ ทุกคนที่กำลังเล่าถึงช่วงที่ตัวเองขับอย่างมันส์เมา ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่

“ งั้นกลับก่อนนะพี่ ไว้เจอกันครับ ” อาฟบอกลาพี่ๆทุกคนที่ก็ทยอยขึ้นรถของตัวเองไป ผมเองก็ยกมือไหว้แต่ก็ไม่วายโดนแซว

“ แฟนน่ารักจังเลย ทีหลังพามาอีกบ่อยๆนะครับน้องอาฟ ”

“ K ” มันพูดแบบไม่ออกเสียงใส่พี่กิต ที่ก็ทำได้แค่หลุดหัวเราะเสียงดังออกมา ผมเดินไปเปิดประตูรถตอนที่เข้าไปนั่งด้านในผมได้ยินเสียงถอนหายใจโล่งของคนขับที่มาพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็น

“ มึงชอบแข่งรถมากเลยเหรอวะ ”

“ ก็นะ ” มันพูดแบบบอกปัดแต่สายตากลับมองไปที่สนามด้านหน้า “ ชอบสิวะ ชอบมากๆเลย ”

“ ความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นยังไงวะ กูอยากรู้ ”

“ มันส์ ” คำตอบสั้นๆของคนที่สตาร์ทรถก่อนจะขยับเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า บนถนนที่เรากำลังเดินทางไปยังโรงแรมที่อาฟจองไว้ เวลาเย็นที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ทำไมให้ท้องฟ้าสีครามเจือปนด้วยสีส้มอ่อนๆดูสบายตาไปอีกแบบ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างในตอนนั้นอาฟก็พูดขึ้น “ ตอนที่กูยังไม่เข้าเกียร์แล้วได้แต่กดคันเร่งนะ มึงรู้มั้ยว่ามันโคตรมันส์ สะใจชิบหาย ช่วงแข่งแรกคิดว่าจะแพ้แล้ว เพราะกูห่างสนามนาน แต่โชคดีที่กูแซงตรงโค้งสุดท้ายได้ ตรงทางตรงกูเลยเหยียบมิดเลย ”

“ กูดูอยู่ ตอนนั้นมึงโคตรเท่ห์ รถนี่ขับไปเสียงดังฟิ้ว เหมือนในหนังเลย ”

“ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะของคนขับหันมามองกัน ผมรู้สึกเหมือนมีคนนึงยังคงติดอยู่ในสนามแข่งรถที่นั่น อย่างไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่อง “ การแข่งรถแม่งสนุกตรงไหนรู้มั้ย ”

“ ตรงไหนวะ ”

“ ก็ตอนที่มึงต้องเร็วในทุกช่วงเวลา ตอนเปลี่ยนเกียร์ก็ต้องเร็วกว่ารถคันข้างๆ แต่ช่วงที่ต้องระวังคือช่วงเข้าโค้งของสนาม เพราะตรงนั้นมันเป็นช่วงที่คู่แข่งจะแซงมึงได้มากที่สุด แต่ถ้ามึงตามมันอยู่ ตอนเข้าโค้งคือจุดที่มึงต้องเร่งความเร็วแล้วแซงมันให้ได้ อย่างตอนที่กูแข่งกับพี่บาส กูแม่งก็ตามมันอยู่นิดนึงเหมือนกัน เลยมาอาศัยแซงช่วงโค้ง ”

“ แต่กูว่ามึงกับพี่บาสก็เข้าเส้นชัยพร้อมๆกันนะ นิดเดียวจริงๆ ถ้าไม่กล้องจับภาพช้า ไม่มีทางรู้หรอกว่ามึงแพ้ ”

“ มึงคิดอย่างงั้นเหรอ ” แววตามีความสุขแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นหันมาถามกันอย่างสนใจ ผมที่หลุดยิ้มออกมาอัตโนมัติก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างแข่งขัน

“ แน่นอน เพราะอารยะของกูต้องเจ๋งที่สุดในพีระเซอร์กิต ”

“ ฮ่าๆ แต่การแข่งรถแม่งมันส์จริงๆนะ ตอนกูเหยียบคันเร่งจนมิดแล้วพุ่งตรงไปข้างหน้าความรู้สึกมันสุดยอดมาก เป็นอะไรที่ GTR นี่แหละที่ให้รู้สึกอย่างงั้นได้ การออกตัว การเปลี่ยนเกียร์ของมัน ทำมาเพื่อการแข่งแบบนี้จริงๆ ”

“ กูก็ว่างั้น ”

“ แต่มันมีอยู่ช่วงนึงที่รถกูเกือบเกี่ยวกับรถพี่บาสด้วยนะ ช่วงโค้งที่กูแซงมันอะ แต่กูประคองรัถดีเลยไม่เกี่ยว ไม่งั้นต้องซ่อมรถอีกแน่นอน ”

“ งั้นก็ดีแล้วที่ไม่เกี่ยว แต่มึงก็โคตรเก่งเลยนะรู้มั้ย กูไม่คิดว่ามึงจะเก่งขนาดนี้ โคตรเท่ห์ ”

“ แน่นอน กูของมึงเท่ห็อยู่แล้วเมด ” คำตอบรับอย่างมั่นใจของคนขับที่ยิ้มกว้างออกมา แค่พูดเอาใจเข้าหน่อย กูพูดตอบกลับมาเป็นต่อยหอยอย่างไม่เคยเป็น ผมว่า ผมเข้าใจคำพูดของจอยที่พูดไว้ก่อนหน้าแล้วละ คำที่บอกว่า ‘ เพราะเราจะเห็นเด็กสามขวบอวดของเล่นทุกครั้งที่แข่งเสร็จ ’ ก็ตอนนี้เหมือนเด็กสามขวบคนนั้นกำลังนั่งอยู่ข้างผมเหมือนกัน

ตรงลานจอดรถของโรงแรมหรูติดริมชายหาด ผมเริ่มชะงักพลางหันมองโดยรอบด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจจนไม่กล้าลงไปจากรถ เพราะกลัวคนที่มีความสุขมากเกินไปอย่างอาฟจะแกล้งกัน เลยต้องรอให้คนขับรถที่อย่างมันลงไปก่อน ถึงจะเปิดประตูรถเดินตามออกไป แล้วในตอนที่อาฟเปิดประตูหลังเพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาแต่ยังไม่ทันจะเอื้อมมือหยิบ  พนักงานต้อนรับชายก็วิ่งเข้ามาทักทายแล้วบริการอย่างดี

“ สวัสดีครับ ” อาฟพยักหน้ารับพนักงานที่ก็ก้มรับแล้วก็หยิบกระเป๋าไปถือไว้ให้ “ คุณผู้ชายมีกระเป๋าแค่ใบเดียวใช่มั้ยครับ ”

“ ครับ ”

“ เชิญทางด้านนี้เลยครับ ” ผายมือออกเพื่อบอกเส้นทางให้เราเดินตามไป ในตอนนั้นผมก็คว้าเข้าที่แขนของคนที่เดินอยู่ข้างกันก่อนจะหันไปกระซิบ

“ เราจะพักที่นี่เหรอวะ ”

“ ทำไม ไม่ชอบเหรอ ”

“ เปล่า ก็ชอบ ไม่ทำไมหรอก ” ผมที่ตอบอีกคนที่หันมามองกันด้วยสายตาที่ตั้งคำถามประมานว่า ‘ แปลกเหรอ ’ แต่ตอนนี้ถึงจะอยากแสดงความคิดเห็นว่า แพงเกินไป หรือย้ายที่พักเถอะ ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะตอนนี้พนักงานต้อนรับที่หิ้วกระเป๋าเราอยู่ ก็เดินตัวปลิวไปที่หน้าเค้าเตอร์เช็คอินแล้วเรียบร้อย

“ ปกติกูมาแข่งรถ กูก็พักที่นี่ตลอด ” ก็สมเป็นคนใช้เงินแบบคุณอารยะนั่นแหละครับ ผมพูดอยู่ในใจ ตอนนั้น อาฟก็ชี้ไปอีกฝั่งของโรงแรม “ ห้องอาหารริมทะเลตรงนั้น อาหารทะเลอร่อยมากเลยนะ ”

“ เหรอ ” ความคิดขัดแย้งของการใช้เงินสิ้นเปลืองเมื่อครู่ถูกกลืนลงไป หลงเหลือแค่ความอยากกินอาหารอร่อยเข้ามาแทนที่ ในตอนนั้นใจของผมมันคิด ‘ กุ้งเผาที่นี่จะตัวโตแล้วอร่อยมากขนาดไหนกันนะ ’

“ พอบอกของกินอร่อย เงียบกริบไปเลย ”

“ หมายความว่ากูห่วงแดกเหรอ ” หันไปถามอีกคนที่ก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น อาฟแค่ก้มหน้าลงในตอนนั้นมันยิ้มกว้างเหมือนกำลังจะกลั้นขำ


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ห้องพักสุดหรูสมราคาปรากฏสู่สายตาตอนที่เราเดินเข้าไปด้านใน ผมมองซ้ายดูขวาอย่างรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นเด็กๆในขณะที่ร่างสูงที่เดินตามหลังมา ก็ทำได้แค่ยิ้มกับท่าทีของผมก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินยื่นทิปไปให้พนักงานขนกระเป๋าที่บริการกันอย่างดี

“ โคตรสวย ” หลุดพูดออกมาตอนที่เห็นวิวยามค่ำคืนของพื้นที่โดยรอบผ่านกระจกบานสูงของห้อง ทะเลยามเย็นมีความเหงาไปอีกแบบ สีครามที่กำลังหม่นมืดลงชวนให้ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปมองรอบห้องในส่วนอื่น ความเจ๋งของห้องนี้คงเป็นห้องน้ำแบบที่อ่างน้ำสามารถแช่ตัวไปด้วยและชมวิวทะเลสุดลูกหูลูกตาได้ด้วย แถมยังแยกเป็นสัดส่วนกับห้องแต่งตัวชัดเจน “ ปกติที่มา มึงก็พักห้องแบบนี้เหรอ ”

“ เปล่า พักห้องธรรมดา ” อาฟบอกก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง

“ แล้วทำไมรอบนี้ไม่เลือกแบบธรรมดา ”

“ ก็ครั้งแรกของเราไม่ใช่เหรอ ” คนที่ทำเป็นหยิบมือถือขึ้นมาเล่นพูดแบบนั้นอย่างไม่สนใจ เราที่เงียบไปในตอนนั้น อาฟที่เห็นว่าผมไม่ถามอะไรต่อมันก็เงยหน้าขึ้นมองกัน ในช่วงเวลาที่เราสบตากันนั้น คนขี้เก็กของผมก็หันไปสนใจอย่างอื่นอีกครั้ง “ จะไม่ถามต่อหน่อยเหรอวะ ”

“ มึงแม่ง ” หลุดยิ้มออกมาจนได้ ผมหัวเราะ “ อะๆ ครั้งแรกอะไรเหรอครับพี่อาฟ ”

“ กวนตีน ” ว่าแบบนั้นทั้งๆที่หูแดงไปหมด อาฟลุกขึ้นมาจากโซฟาที่นั่ง มันเดินตรงเข้ามาใกล้กันก่อนจะคว้าเอาเอวผมเข้าไปกอดชิดตัวมันไว้ ผมที่ได้นิ่งไปอีกคนก็พูดชิดแก้ม “ ครั้งแรกที่เรามาเที่ยวทะเลด้วยกันไงครับน้องเมด ” ผมโดนช่วงชิงความหอมจากแก้มอีกครั้งแต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าหัวใจจะเสียหายหนักกว่าทุกครั้งที่โดนอีกคนพูดคำหวานใส่ ‘ บ้าจริง ผมแพ้ราบคาบกับคำว่าน้องเมดมาก ทำยังไงดี ’

“ น้องเมดอะไรวะ ” สุดท้ายก็ได้แต่พูดปัดแล้วหันเหสายตาไปทางอื่นแบบทุกที อาฟที่ตอนนั้นเอาแต่ยิ้มมันกอดผมแน่นขึ้นก่อนจะเอียงหน้าจูบกันบนริมฝีปากแล้วเชิดหน้าไปวิวฝั่งทะเล

“ มึงดูสิบรรยากาศดีมากเลย ”

“ อื้ม ดี ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองมันที่เหมือนจะพูดอะไรออกมาต่อ แต่ตอนนั้นผมก็พูดขัดขึ้นก่อน “ หิวแล้วอะ ไปกุ้งเผากันเถอะ ”

“ ส้นตีน ” อาฟสบถออกมาเบาๆ ราวกับว่าคำพูดของผมทำให้มันเสียอารมณ์ที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างไปหมด ก็ตอนนั้นท้องที่เริ่มปั่นป่วนเพราะความหิว ทำได้แค่จับที่แขนของมันที่กอดเอวกันไว้ก่อนจะเขย่าเบาๆ

“ นะๆ หิวแล้วอะมึง ไปหาของกินอร่อยๆกันเถอะ ”

“ อื้ม ” เสียงตอบสั้นๆแบบเซ็งๆนั่น ผมว่ามันคงอยากจะกอดผมต่อสักหน่อย แต่เสียใจด้วยนะอารยะ กองทัพต้องเดินด้วยท้องว่ะ

ห้องอาหารแบบติดริมทะเลบรรยากาศดีจนทำให้ผมยิ้มไม่หุบ พื้นไม้ระแนงกว้างขวางสีน้ำตาลเข้มถูกจัดวางด้วยโซฟาสีตัดกันสองตัวที่ตัวโต๊ะก็หันหน้าเข้ากับวิวทะเล โดยส่วนตัวผมชอบโซฟาที่จะทำให้เรานั่งติดกันมากกว่านั่งตรงกันข้ามเป็นกันไหนๆ แล้วยิ่งบรรยากาศแบบนี้ ก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความพิเศษของช่วงเวลา

“ เมนูอาหารครับ ”

“ ขอบคุณครับ ” คว้ามาเปิดดูด้วยความตื่นเต้น เมนูส่วนใหญ่ก็มีทั้งอาหารไทยแล้วก็ต่างชาติ ในสมองตอนนี้เลยแทบไม่รู้จะไปทางไหน สปาเก็ตตี้ก็อยากกิน สเต็กก็น่าสนใจ แต่เมนูต้มยำกุ้งกับข้าวผัดก็เป็นอะไรที่อยากลิ้มลอง

“ ในชีวิตคิดมากที่สุดก็คือเรื่องแดกถูกมั้ย ”

“ มึงช่วยคิดหน่อย คือสปาเก็ตตี้ซอสไข่กุ้งก็น่ากิน แต่ว่า ข้าวผัดก็อยากกิน ”

“ อยากกินก็สั่ง ”

“ มันไม่เข้ากันนะมึง ” หันไปเถียงคนข้างๆก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะหยิบเอาเมนูที่ผมถือปิดลงแล้วเคาะเข้าที่หัวเบาๆ

“ แดกเข้าไปมันก็รวมกันอยู่ในกระเพาะมึงอยู่ดีนั่นแหละ ”

“ นั่นก็จริง ” ยกมือขึ้นเรียกพนักงาน แต่สุดท้ายก็สั่งอาหารไทยไปแบบครบชุด แต่เมนูที่ผมรอที่สุดคงหนีไม่พ้น กุ้งถัง อยากกินมานานแล้วจำได้ว่าเคยกินครั้งหนึ่ง แต่คิดว่าพอมากินในสถานที่ที่ติดทะเลแบบนี้มันต้องได้บรรยากาศไปอีกแบบแน่นอน “ มึงจะกินน้ำอะไร ”

“ โฮการ์เด้น ”

“ งั้นกูเอาน้ำสัปปะรดปั่น ” จัดการสั่งเมนูเรียบร้อย ผมก็พิงหลังลงกับโซฟาที่นั่งก่อนจะโดนคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วยกมือขึ้นโอบไหล่ก่อนจะดึงให้เข้าไปใกล้กัน

ช่างเป็นช่วงเวลามีความสุขที่อดจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้ไม่ได้ ผมซบลงไปที่อกของคนข้างตัว ดูมุมภาพที่จะเห็นแค่ช่วงปากของอาฟลงมา เป็นมุมของอีกคนที่ผมถ่ายภาพคู่ด้วยบ่อยที่สุด แล้วตอนที่กำลังจะกดชัตเตอร์คนที่ดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไรในกล้องก็ดึงแก้มผมตรงข้างที่มันกอดไหล่กันอยู่

“ แก้มอ้วน ” มือกดชัตเตอร์ไปแล้วตอนที่ได้ยินคำนั้น ผมดึงตัวเองออกห่างอาฟก่อนจะมองมันด้วยหางหา แต่เหมือนว่าอีกคนจะไม่สนใจอะไรเหมือนอย่างที่แกล้งกันอยู่ประจำ ในตอนนั้นอาฟแค่ยิ้มก่อนจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปใบหน้าหงุดหงิดของผมไว้ ก่อนจะเอื้อมมือมากอดผมแล้วดึงเข้าไปใกล้อีกครั้ง “ ดูทะเลนู้น ”

“ ไม่ต้องมาง้อ ”

“ ง้อเหี้ยอะไร กูชวนมึงดูทะเล ” พูดแบบนั้นยิ้มๆ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะสุดท้ายไม่ว่าทำยังไงก็พ่ายแพ้คนกวนตีนอย่างมันอยู่ดี ผมซบลงที่ไหล่นั่นพลางมองดูทะเลตามที่อีกคนบอก ท้องฟ้าสีสวยตอนนี้มืดลงไปแล้ว เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังเว้นระยะ ไกลสุดตาที่ผมเห็นตอนนี้คงเป็นเรือประมงสองสามลำที่เปิดไฟสว่าง

“ ไม่รู้ที่ผับเป็นยังไงบ้างนะ ”

“ คนก็คงเยอะเหมือนทุกวัน ” เจ้าของผับว่าแบบนั้นผมก็ได้ยิ้มกับคำพูดอวดของมัน

“ กูถามอะไรหน่อยสิ ”

“ ว่า ”

“ มึงคิดจะปรับปรุง throw up มั้ย ” คำถามที่ทำให้อาฟก้มหน้าลงมามองกันเหมือนไม่เข้าใจคำถามที่ถาม ในตอนนั้นผมเองก็ดึงตัวเองขึ้นเพื่อจ้องหน้าอีกคนอย่างจริงจัง “ กูแค่คิดว่าเราควรปรับปรุงร้านมั้ย ”

“ แล้วในความหมายของการปรับปรุงคืออะไร จะเพิ่มอะไรเข้ามา ”

“ พื้นที่ข้างๆของเรามันว่าง ตึกเราสามชั้นก็จริงแต่มันก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ กูว่ามันดีกว่ามั้นถ้าเราต่อเติมจากส่วนที่ว่างนั้นออกไป ทำบันไดขึ้นด้านข้างเลียบตึกผับแล้วทำเป็นร้านอาหารเหมือนอยู่บนชั้นดาดฟ้าตึก ”

“ ร้านอาหาร ”

“ อื้ม กูคิดว่าเราควรเจาะกลุ่มลูกค้าหลายๆแบบ เรามีพื้นที่เหลือตั้งเยอะ จะเจาะแค่กลุ่มนักศึกษาแล้วก็วัยทำงานที่ชอบเต้น ชอบดื่ม อย่างเดียวมันไม่ได้หรอก เรามีลูกค้าในมืออยู่แล้ว ทำไมเราไม่ทำให้มันมีลูกค้าเพิ่มขึ้นละ ทำร้านอาหารสไตส์นั่งชิล มีดนตรีสด กูว่าก็ดีนะ น่าจะเพิ่มรายได้มากขึ้น ”

“ ก่อนที่มึงจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง ก่อนอื่นต้องคิดแบบไม่วาดฝัน ”

“ มึงพูดแบบนี้กับกู ทั้งๆที่มึงบ้าบิ่นขนาดเอาเงินสามล้านมาลงทุนผับอย่างวาดฝันว่ามันจะรุ่งเรืองน่ะเหรอ ”

“ นั่นมันกูตอนเด็ก ” อาฟบอก “ มึงต้องคิดด้วยว่า ถ้าเราต่อเติม มันกระทบผับหลักมั้ย ต้องหยุดผับมั้ย โครงการก่อสร้างละ จะยาวนานแค่ไหน จะมีผลได้ผลเสียอะไร เชฟละ เราจะไม่หามาจากไหน ร้านอาหารจะเป็นร้านสไตส์ยังไง ไทย ฝรั่ง จีน แขก มึงต้องคิดเยอะๆ ”

“ ก็พอรู้ ” ผมพูดเสียงอ่อน อีกคนก็ยิ้ม

“ งั้นก็ลองทำแผนการขึ้นมาสิ ”

“ ลองทำแผนเหรอ ”

“ ถ้ามึงอยากทำ กูก็อยากทำ แต่มึงต้องวางแผนการ ต้องรู้ว่าข้อดี ข้อเสียของมันว่าคืออะไร หาข้อมูลก่อน ดูว่าตลาดต้องการอะไร อย่างผับเรามันอยู่ใกล้ตลาดขายของกิน ถ้าเราขายแพงกว่าตลาด คนก็ออกไปนั่งกินที่ตลาดไม่ดีกว่าเหรอ มีข้อเสียของจุดนั้นด้วยถูกมั้ย แล้วดนตรีสดมันเสียงดังรบกวนคนอื่นมั้ย ถ้าจะทำแนวดาดฟ้าพ้อยของมันคือการเปิดโล่ง งั้นถ้าฝนตกละ ฝนตกหนักจะทำยังไง คิดดีๆ เพราะเราจะไม่เล่นกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เข้าใจมั้ย ”

“ ก็จริงของมึง ” ผมพยักหน้ารับกับอาฟ ยอมรับว่าความคิดมันง่ายแต่พอคิดให้ดีๆเหมือนมันจะไม่ง่ายเลย

“ ลองทำแผนมาก่อน แล้วกูจะช่วยว่ามึงควรเพิ่มตรงไหนลดตรงไหน ”

“ สนใจจะทำจริงๆเหรอวะ ”

“ สนใจ เพราะกูก็เคยคิดเหมือนมึง เราควรเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ด้วย ” อาฟบอกในตอนนั้นอาหารที่เราสั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟพอดี “ ที่นั่นมีคนหลายคน คนที่ภาระหน้าที่เป็นของตัวเอง ทั้งเรียน ทั้งทำงาน  แล้วบางคนก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล กูอยากสร้าง throw up ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พัฒนามันไว้ เพื่อให้คนพวกนี้ดูแลตัวเองได้ไง ”

“ โหย ไอ้เหี้ย ” ผมเอามืออุดปากก่อนจะนิ่งไป “ ไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้มาฟังคำพูดที่แสนอบอุ่นและเป็นห่วงเป็นใยทุกคนจากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวที่สุดในผับ ถ้าทุกคนที่ทำงานมาได้ยินคำนี้ เค้าต้องหลั่งน้ำ.. อ๊า ไอ้เชี้ย! ”ทอดมันกุ้งถูกยัดใส่ปากตอนที่ผมกำลังพูดมากแบบไม่หยุด  ความร้อนของมันทำให้ผมคายมันลงแต่เพราะว่ามันคือของกินปฎิกิริยาของร่างกายก็ยังตอบสนองด้วยการยื่นมือไปรองมันไว้อย่างเสียดาย ก่อนจะเคี้ยวเศษที่อยู่ในปากไปด้วย “ อื้ม อร่อยอะ ”

“ พูดมาก ”

“ เขินก็บอก ” ขยับไหล่ไปชนมัน อีกคนก็เหล่มองกันก่อนจะส่ายหน้าแล้วก็ตักอาหารรสชาติดีตรงหน้าขึ้นกิน ก่อนจะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องแข่งรถอีกครั้ง โดยมีผมที่ได้แต่พยักหน้ารับแล้วตอบรับมันคำสองคำเท่านั้น ก็นานๆทีอาฟจะพูดมาก เพราะงั้นผมจะไม่ขัดมันแต่อย่างใด

เดินขึ้นห้องพักด้วยสภาพที่แทบจะเรียกว่าคลาน อาหารสองสามอย่างหมดเกลี้ยงด้วยฝีมือเราสองคน ผมเสียบคีย์การ์ดเปิดประตูแล้ววินาทีที่เปิดประตูออก ผมก็วิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไปทันทีโดยไม่รอคนที่เดินตามหลังเข้ามา ข้าศึกออกมารอที่ประตูแล้ว ผมเป็นพวกท่อตรงอย่างที่สุดโดยเฉพาะตอนที่กินเยอะ

“ โอย กูแทบหมดแรงจะก้าวเดิน ”

“ เสียดายตังค์ชิบหาย ” อาฟบอกตอนที่เห็นผมเดินออกมาเพื่อหยิบกระเป๋าเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ

“ เสียดายงั้นมึงก็เก็บไว้ดิ ไม่ต้องขี้ ” ยักคิ้วบอกมันก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง จัดการอาบน้ำด้วยสบู่หอมๆเรียบร้อย ไม่ลืมทาแป้งเด็กกลิ่นโปรดที่เอาติดตัวมา ก่อนจะใส่ชุดนอนแล้วกระโจนลงบนเตียงทันที หน้าท้องแบนราบราวกับไมได้กินอะไรมาก่อน ผมมองคนที่ยังคงเล่นมือถืออยู่ที่โซฟา อาฟยังคงไม่ลุกไปไหน “ อาฟมึงไปอาบน้ำสิ ”

“ อื้ม ” เสียงแบบนี้รอไปเลยอีกหนึ่งชั่วโมงมันก็ไม่อาบ แต่เหมือนจะผิดคาดเพราะหลังจากพูดแค่สักห้านาที อาฟกลับเดินไปอาบน้ำแบบว่าง่ายก่อนจะใส่ชุดนอนเดินออกมา พร้อมกับยกรีโมตกดเปิดทีวีแล้วค้นหาช่องที่อยากดูจนสุดท้ายก็มาหยุดที่ช่องหนังเจ้าประจำที่ช่วงนี้มันติดเป็นพิเศษ

“ พรุ่งนี้ไปไหนกันดี ”

“ อยากไปไหนละ หรือว่ามึงจะไปหาเพื่อน ”

“ เพื่อนกูเหรอ ? ” ขมวดคิ้วถามมัน อาฟก็พยักหน้ารับ

“ สวนนงนุชห่างจากที่นี่ ไม่กี่กิโลเมตรเองนะ เดี๋ยวกูดูตารางเวลาโชว์ช้างให้ ”

“ ไปตายนะไอ้สัด ” โยนหมอนใส่อีกคนที่หัวเราะออกมาเสียงดัง อาฟเดินไปนั่งตรงที่โซฟาเหมือนเดิม ส่วนผมก็ได้แต่เซ็งอยู่คนเดียวก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บหมอนที่โยนไปมาไว้ที่เดิม แล้วตรงไปเปิดตู้เย็นพร้อมกับหยิบขวดน้ำขึ้นมา ผมยกมันขึ้นดื่มพลางเดินไปที่ประตูกระจกตรงระเบียงที่กำลังฉายวิวด้านนอกนั่น วิวสีดำที่เห็นแสงไฟเป็นจุดๆแล้วในตอนที่ละสายตากลับมา เงาสะท้อนของกระจกก็ฉายร่างสูงที่กำลังนั่งมองกันอยู่บนโซฟาแบบไม่ละสายตาไปไหน

“ มองอะไรวะ ” หันไปถามมันที่ก็ยกยิ้มให้กันแต่ไม่พูดอะไรออกมา อาฟลุกขึ้นเต็มความสูงหลังจากวินาทีนั้นก่อนจะดินมายืนซ้อนทับด้านหลังพลางเอื้อมมือมากอดเอวกันไว้ แล้วในตอนที่ก้มลงหอมแก้มกัน เสียงทุ้มก็เอ่ยถาม

“ มองแฟนไม่ได้เหรอวะ ”

“ มุกนี้อีกแล้วนะสัด ” ผมแซวก่อนพลิกตัวเองหันหลังไปกอดคออีกคนไว้หลวมๆราวกับจะตอบรับบางสิ่งที่ตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

ในแววตาของเราจดจ้อง โดยไม่ต้องหาคำอธิบายหรือคำตอบใดก็พอรู้ได้ ว่ากำลังรู้สึกอะอไรต่อกัน ความหวั่นไหวที่วูบวามนั้น เป็นความรู้สึกประหลาดที่มาจากความรัก มันที่ดึงดูดในเราแนบชิดและหลงใหลไปกับทั้งสัมผัสและความต้องการที่อยู่ลึกลงไป แล้วเราก็เพียงแค่ต้องยอมรับว่ารู้สึกอย่าง อย่างตรงไปตรงมา อย่างเช่นตอนนี้เองที่ทั้งผมและอาฟกำลังดึงใบหน้าเข้ากันแล้วและบรรจงมอบจูบดูดดื่มให้กันอย่างบรรจงและเชื่องช้าโดยไม่คิดปฎิเสธอะไร

ริมฝีปากไร้รส แม้แต่ลิ้นที่กอดเกี่ยวอย่างดูดดื่มจากได้ยินแต่เสียงน้ำลายก็ไม่ได้มีรสชาติอื่นใด ยกเว้นความเปล่งแปลก แต่ทว่ารสนั้นกลับทำให้หัวใจที่กำลังเต้นแรง รู้สึกชาราวกับจะหลุดหายไปที่ไหนสักแห่งอย่างล่องลอย

มือหนาของอาฟซุกซนและลดระดับจากการกอดเอวนิ่งๆมาเป็นสอดตัวเข้าไปในชายเสื้อนอนของผมอย่างไร้การห้ามปรามของฝ่ามือของผู้เป็นเจ้าของ มันลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ก่อนจะลดระดับลงมาเป็นขอบกางเกงยางยืด ในตอนนั้นอาฟสอดมือเข้าไปใต้ร่มผ้านั้นก่อนจะออกแรงบีบนวดก้นกลมของผมเบาๆจนต้องเผลอครางออกมาเสียงแผ่ว

“ อาฟ ” แล้วสุดท้ายผมก็โดนปลดกางเกงน่ารำคาญนั่นให้ตกลงไปกองที่ข้อเท้า ช่วงล่างเปลือยเปล่าไปแล้ว ต่อมามือนั่นก็เลื่อนขึ้นจัดการเสื้อตัวที่กำลังใส่ด้วยการร่อนมันขึ้นมาตามแนวผิวของเอวคอด ก่อนจะถอดมันทิ้งอย่างไม่ใยดีอะไร สุดท้ายร่างทั้งร่างก็มีแค่ความเปลือยเปล่าจผมอดคาดโทษคนกระทำไม่ได้  “ นิสัยไม่ดีแบบนี้ทุกที ”

ผละริมฝีปากบอกกัน แต่อีกฝ่ายก็แค่ยกยิ้มก่อนจะก้มจูบอีกกันครั้งอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมด้วยการลูบไล้ไปบนผิวของผมเสียทั่ว ตั้งแต่แผ่นหลัง ช่วงเอวแล้วไล่ร่อนลงต่ำมาถึงก้นกลม หรือแม้แต่ขาเรียวก็ไม่รอดพ้นจากสัมผัสนั้น ก่อนที่อาฟจะหยุดชะงักที่ข้อพับขาพลางดึงมันขึ้นมาแนบชิดกับข้างลำตัวสูงของตัวเองที่ก็ไม่หยุดมอบจูบดูดดื่มจนต้องเป็นผมเองที่ต้องดึงริมฝีปากของตัวเองออกมาเองอย่างไม่ไหวที่จะต่อกรด้วย

“ อาฟ ” เสียงเบาๆที่มาพร้อมกับลมหายใจแผ่วอ่อน ความอุ่นของริมฝีปากเริ่มซุกซนด้วยการจูบไล้ไปบนไหล่ แต่งแต้มจุดสีแดงจางของการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างพิจารณาไม่ต่างอะไรกับห้องเรียนวิชาศิลปะผิดแปลกก็ตรงที่ นี่ไม่ใช่ผืนผ้าใบ แต่เป็นผิวกายของผมที่ก็ไม่ต้องใช้พู่กันแต่อย่างใด เพราะใช้แค่ริมฝีปาก ส่วนมือที่ยึดขาให้แนบอยู่กับลำตัวก็จับไว้แน่นแล้วยกขึ้นสูงเพื่อเปิดช่องทางหลังให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างอีกข้าง ส่งนิ้วถูเบาๆที่ปากทางเข้านั้น จนผมต้องหดเกร็งกับความรู้สึกที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน

 “ อะ อาฟ อ๊า อย่าเล่นแบบนี้  ” แทบหมดแรงยืนจนต้องกอดรอบคอของอีกคนไว้แน่น ผมที่ซบหน้าไปบนลาดไหล่นั้น บรือตาขึ้นมองหน้าด้านของตัวเองก็เห็นเพียงแค่กระจกบานสูงที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่กำลังแดงจัดอ้าปากค้างและค่อยๆผ่อนลมหายใจด้วยแรงอารมณ์ของความต้องการออกมาอย่างปิดไม่มิด ช่วงเวลาน่าอายที่ชวนให้ต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างไม่อยากยอมรับว่าตัวเองจะกำลังต้องการมากมายขนาดนี้ ผมเอ่ยขอร้องกับอาฟ “ ช่วย ย้าย ที่ได้มั้ยวะ ”

“ ทำไมครับ ” คำถามที่มาพร้อมกับการหอมลงบนไหล่ ผมก็เลยบอกไปตามตรง

“ ข้างหน้ากูมันมีกระจก กู กูไม่ชอบเห็นหน้าตัวเองในเวลาแบบนี้ อ๊า ” มือที่เล่นอยู่ภายนอกสอดใส่เข้าไปด้วนิ้วทั้งสาม ก่อนจะหมุนวนอยู่ในนั้นจนผมต้องเด้งตัวแล้วขมิบช่องทางหวังไว้แน่น แต่เหมือนนิ้วพวกนั้นก็ยังไม่หยุด มันยังคงหมุนวนไปรอบๆเพื่อหาจุดกระสัน จนผมได้แต่ครางออกมาไม่เป็นภาษา ในตอนนั้นผมได้ยินเสียงอีกฝ่ายยกยิ้มก่อนที่อาฟจะจูบลงที่ไหล่แล้วกระซิบ

“ แบบนี้ คือแบบไหนกันนะ ” เอ่ยถามแบบนั้น “ อยากเห็นด้วยจัง ”

“ ไม่เอา ” ส่ายหน้าบอกปัดแต่เหมือนว่ายิ่งห้ามก็ยิ่งยุ อาฟดึงตัวเองไปยืนอยู่ข้างหลังทั้งที่ไม่ปล่อยให้นิ้วหลุดออกไปจากช่องทาง ร่างของเราทั้งสองคนในตอนนั้นปรากฏอยู่บนกระจกบานใหญ่นั่นอย่างเด่นชัด แต่เหมือนจะยังไม่ชัดเจน ร่างเพรียวที่อยู่ด้านหลังผมผมต้องขยับตัวให้ตัวผมเข้าไปใกล้กระจกนั้นมากขึ้น จนผมเห็นตัวเองอย่างชัดเจน เห้นแม้แต่นิ้วมมือของอีกคนที่กำลังสอดใส่อยู่ที่ด้านหลังของตัวเองในเงาสะท้อนของกระจกนั่น รวมทั้งเรือนร่างขาวที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยรักสีแดงจาง

ผมเผลอสบสายตากับแววตาคมที่กำลังจูบอยู่ที่ต้นคอ ในช่วงเวลาที่ไม่รู้จะหลบไปไหน แม้แต่มือเองสองข้างของเองก็ยังดูเกะกะจนต้องคว้าจับเข้าที่ชายเสื้อยืดของคนข้างหลังไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ยอดอกของผมกำลังแข็งชันแม้ไม่มีใครมาดูดดึงหรือบีบคลึงเคล้น อาฟที่ยกยิ้มอยากถูกใจ มันเบารดลมหายใจลงไปที่ต้นคอของผม พลางใช้มือที่สอดอยู่ในช่องทางหลังสอดเข้าออกเพื่อเคล้นความเขินอายของตัวเองให้แสดงออกมามาก

“ แบบนี้นี้เอง ไม่ชอบเห็นเวลาตัวเองมีอารมณ์งั้นเหรอ ” ผมไม่ตอบอะไรในตอนนั้นอาฟก็กระซิบ “ แต่กูชอบมากนะ ช่วงเวลามึงที่กำลังเป็นแบบนี้นะ ”

“ อ๊า อาฟ ตรงนั้นมัน ” ผมย่อเข่าลงเพื่อดึงตัวเองให้เปิดช่องทางรับนิ้วที่สอดเข้าย้ำตรงจุดกระสันด้วยความรู้สึกต้องการ หลับตาสนิทไม่มองอะไรเพราะเขินอายในตอนที่นิ้วสอดเข้าออกเริ่มเพิ่มอัตราการสอดใส่มากขึ้นจนผมได้แต่ครางออกมาเบาๆอย่างจับใจความคำพูดอะไรไม่ได้ “ อ๊ะ ตรงนั้น มัน ”

“ ตรงนี้เหรอ ” คำพูดที่พูดชิดริมหูมาพร้อมลมหายใจเป่ารดที่หมายจะแกล้งกัน อาฟเร่งจังหวะของนิ้วกดย้ำที่จุดซ้ำๆจนผมจะถึงจุดสุดยอดด้วยท่าทางที่ถึงกับต้องหุบขาตัวเองแล้วบิดตัวไปมา เสียงครางที่ดังออกมาไม่ขาดปาก แต่สุดท้ายก็โดยคนควบคุมแกล้งกันด้วยการดึงนิ้วนั่นออกมาจากช่องทางหลัง ในตอนที่ความต้องการขาดช่วงลงคนกระทำแค่ยิ้มก่อนจะขบเม้มเข้าที่ใบหูของผม “ เมดไม่ชอบเสร็จด้วยนิ้วจริงมั้ย ”

บนหน้ากระจกที่ถูกกอดรัดด้วยสองมือ ส่วนกลางของผมแข็งชันจนมีน้ำใสไหลออกมาจากปลายท่อ ลมหายใจที่กำลังหอบมอง สองแขนที่กำลังโอบกอดตัวเองอยู่แบบนั้นด้วยความรู้สึกในใจที่แสนจะวาบวาม สีผิวของอาฟตัดกับสีผิวของผมอย่างเด่นชัด สองแขนนั่นปรากฏเส้นเลือดเด่นชัดมันกอดรัดร่างของผมเอาไว้ ก่อนจะผละออกมือนึงแล้วเพื่อดึงกางเกงของตัวเองลงก่อนจะดึงให้ผมก้มลงจนต้องใช้มือจับค้ำผนังกำแพงด้านหน้า

มือหนาคว้าเอากล่องถุงยางที่อยู่ไม่ไกลฉีกแกะมันด้วยปากก่อนจะใส่ครอบส่วนกลางแข็งชันอย่างรวดเร็ว อาฟใช้นิ้วแตะน้ำลายในปากก่อนจะเอานิ้วนั้นมาถูลงที่ช่อทางหลังของผม ก่อนใช้ส่วนที่ใหญ่กว่าสอดเข้ามาในร่างช้าๆ แล้วนิ่งค้างมันไว้อย่างงั้นสักพัก ก่อนเปลี่ยนมือที่ทั้งสองข้างมาจับเข้าที่ยอดอกก่อนจะบีบมันเบาๆ ก้มจูบลงบนแผ่นหลังก่อนจะไล่ผละจากอกนั้นมาจับที่เอว แล้วเริ่มจังหวะ ควบคุมการสอดเข้าออกอย่างเชื่องช้าในเบื้องต้นนี้ แต่ทว่าก็กดเข้าไปลึกมิดด้ามจนผมกัดริมฝีปากแน่นแล้วครางออกมาไม่ขาดปากในตอนที่ถูกสอดใส่ 

“ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ”  เสียงเนื้อก้นกระทบเข้าไปลำตัวของอีกคนเป็นจังหวะและเริ่มดังขึ้น สลับกับเสียงครางของผมที่กำลังทรมานเพราะการสอดใส่  เสียงที่ดังซ้ำพวกนั้น ถูกเร่งจังหวะให้มากขึ้นและมากขึ้นจนผมทำได้แค่กัดริมฝีปากไว้แน่นกับแรงความต้องการที่โหมเข้ามาใส่อย่างต่อเนื่องและเร็วแรง

ในสมองที่หลุดเบลอไม่มีเสียงหรือแม้แต่ความรู้สึกใด ที่เข้ามากระสบโสตประสาททั้งนั้น ผมปล่อยทุกอย่างดำเนินไปตามจังหวะที่ถูกชักนำนั้นจนให้ที่สุด แรงกระแทกหนักรอบสุดท้ายก็กดย้ำลงมาพร้อมกับเสียงครางในคอของอาฟที่ประสานเข้ากับเสียงของผม พร้อมทั้งน้ำของกามอารมณ์ที่ฉีดพุ่งออกมาจากกายลงใส่กระจกเบื้องหน้าอย่างไร้การยับยั้งใด

ขาสั่นๆของผมทรุดลงกับพื้นพรมที่ยืนอยู่ในตอนที่อาฟดึงเอาส่วนกลางออกพร้อมทั้งดึงถุงยางอนามัยที่ใส่อยู่นั้นทิ้งไป มันที่ใส่ใบใหม่เข้ามา ฉุดผมให้ลุกขึ้นจากที่พื้นด้วยการดึงเข้าไปกอดจูบด้วยรอยยิ้ม

“ จะฆ่ากูใช่มั้ย หรือกูกินเยอะเกินไป มึงเลยจะเบิร์นให้ ”

“ ถามน่ารักอะไรอย่างงั้นวะเมด” คำชมที่ได้ยิน มาพร้อมกับการชักจูงไปที่โซฟา อาฟนั่งลงบนนั้นก่อนจะดึงผมให้ค่อมขึ้นมานั่งทับบนตัก โดยรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อมานั้น ก็คือการจับให้ส่วนกลางนั้นตั้งตรง ด้วยมือของตัวเอง แล้วค่อยๆกดมันให้สอดใส่เข้าไปในร่างของตัวเองที่ความลึกนั้นทำให้ต้องอ้าปากค้างกับท่านี้ “ อย่างงั้น เก่งจังครับ เด็กดี ”

“ อื้อ น้องเมดจะเป็นเด็กดีของแด๊ดดี้ ”

“ มึงแม่งท๊อปฟอร์มว่ะ ”  อาฟจูบลงบนปลายคางก่อนจะไล่ลงมาจูบกันที่ยอดอกของผมที่ก็เด้งรับริมฝีปากที่โลมเลียมันด้วยลิ้น พร้อมใช้มืออีกข้างบีบบี้มันกับอีกข้างอย่างเท่าเทียม ผมกอดรอบคอของอีกคนไว้ก่อนจะยกตัวเองขึ้นแล้วกดลงเป็นจังหวะเชี่ยงช้าเพราะความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในท้อง

โซฟาเป็นสถานที่ที่ช่วยพยุงร่างกายได้ดีที่สุดในท่าทางนี้ก็จริง แต่ถึงอย่างงั้นข้อเสียของมันก็คือ ส่วนกลางนั้นมันก็จะเข้ามาลึกกว่าทุกท่าที่เคยเป็น แล้วผมก็ไม่ถนัดเอาเสียเลยกับความปั่นป่วนที่ทั้งเสียวและเจ็บปวดนี้ จนทำได้แค่กระซิบอีกฝ่ายเสียงเบาๆ อย่างเอาแต่ใจ

“ แด๊ดดี้ ช่วยหน่อย ” พูดเสียงเบาๆข้างหูอีกคนก่อนจะจุบลงที่สันกรามของใบหน้าคมนั้นอย่างเอาใจ ผมรู้สึกความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเพราะส่วนกลางที่ฝังอยู่ในร่างของผมมันแข็งชันขึ้นกว่าที่เป็ม อีกฝ่ายที่เผลอยกยิ้มขึ้นมากับคำพูดนั้นก่อนจะสอดมือทั้งสองข้างเข้าที่ใต้ข้อพับขาอย่างตามใจ ก่อนจะยกตัวผมให้กดลงไปสอดใส่เข้ากับส่วนกลางของมันตามแรงของคนบังคับที่ก็เพิ่มอัตราขึ้นตามความต้องการที่ไม่มียั้งแรงกันเลยสักนิด

ผมเหมือนกับคนทำผิดที่โดนสั่งลุกนั่งอยู่แบบนั้นไม่มีหยุด และแม้จะส่งเสียงครางไม่หยุดหรือร้องขอให้เบาลงหน่อยก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นไปตามคำสั่งนั้น จนสุดท้ายร่างกายที่ทนไม่ไหว ก็ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมาอีกครั้งจนเลอะช่วงท้องไปหมด ผมที่ซบลงบนไหล่นั่นอย่างหมดแรงในตอนนั้น และเพียงแค่เอ่ยว่า “ แด๊ดดี๊ ” อีกครั้ง อาฟก็ประซิบลงข้างหู

“ คราวนี้บนเตียงนะ ” ผมไม่ได้ตอบอะไร ทำได้แค่เดินไปตามการกอดจูบที่ไม่ลดละของอีกฝ่าย เข้าใจถึงความรู้สึกเกี่ยวกับเซ็กส์ที่ใครชอบพูดว่า ‘ ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ’ เสียแล้ว เพราะดูเหมือนคืนนี้อาฟก็คงไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ ไม่ต่างอะไรกับคำพูดนั้นเลย

แสงแดดจากนอกห้องพักส่องเข้ามาในห้องเพื่อบอกว่าเวลาเช้าได้มาถึงแล้ว แต่สภาพร่างกายที่เจอศึกหนักมาเมื่อคืน ผมจำใจต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แม้ว่าบรรยากาศของทะเลให้ตอนเช้านี้จะน่าเดินเล่นขนาดไหนก็คงขอบายแล้วนอนต่อไปอย่างนี้ ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมร่างของตัวเองไว้ ก่อนจะซุกเข้าหาร่างสูงของคนข้างตัวอย่างรู้สึกอยากนอนต่อ เพราะร่างกายที่เหมือนจะระบมจนแทบจะเรียกว่าละเอียดกลายเป็นผง เพราะหลงกลคำว่า ‘ อีกรอบเดียวนะ ’ ทั้งๆที่มันเป็นแค่คำโกหก

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ที่กำลังทั้งสั่นและส่งเสียงอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงทำให้ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะจำใจยื่นมือออกไปจับมันมากดรับแบบไม่ทันได้ดูรายชื่อของคนโทรเข้า

“ ฮัลโหล ”

“ สายป่านี้ยังนอนอยู่อีกเหรอเมด ” เสียงคุ้นหูที่ทำให้ผมนิ่งไปสักพักเพราะกำลังประมวลถึงเสียงทุ้มคุ้นเคยนี้ว่าได้เคยยินมาจากไหน แล้วพอคิดขึ้นได้ก็รีบลดมือถือลงมาดูรายชื่อนั่นทันที แล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ต้องเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันทีราวกับนอนทับของร้อน เพราะมันเขียนว่า ‘ DAD ’

“ พ่อ โทรมามีอะไรครับ ”

“ คิดถึงไง ก็เราเล่นหายเงียบไปเลย ไม่ติดต่อมาหาพ่อบ้าง ”

“ เมดก็คิดถึงพ่อเหมือนกัน ” ผมพูดตอบกลับ อีกฝ่ายก็เหมือนยิ้มให้กับลคำพูดของปลายสายอย่างผม

“ ไม่จริงหรอกมั้ง คิดถึงก็ต้องมาหากันบ้างสิ ” เกิดสภาวะเงียบไปในตอนที่ได้ยิน ผมยิ้มแห้งๆอยู่กับตัวเอง “ แล้วนั่นทำไมยังนอนอยู่อีก จะสิบโมงแล้วนะ วันนี้ไม่มีเรียนหรอกเหรอไง ”

“ ไม่มีครับ ก็เลยตื่นสายนิดหน่อย แล้วนี่พ่อโทรมามีอะไรเปล่า ”

“ หลายเรื่องเลยละ แต่อยากคุยกับเมดแบบเห็นหน้ามากกว่า กลับบ้านหน่อยได้มั้ย เพราะพ่อสงสัยว่าทำไม เงินในบัญชีเรามันถึงไม่ค่อยเคลื่อนไหวเลย เหลือเยอะผิดปกติมาหลายเดือนแล้วนะ มีอะไรยังไม่บอกพ่อหรือเปล่า ”

“ ก็ มีนิดหน่อยครับ ” ผมบอกเสียงอ่อนๆเพราะไม่สามารถโกหกอีกคนได้อยู่แล้ว ก็จะไม่ให้เงินในบัญชีเหลือได้ยังไง ทุกวันนี้แทบไมได้ใช้อะไรเลย ค่าใช้ง่ายมากสุดก็เหมือนจะเป็นค่าเทอมของไอ้วิว ที่ผมคะยั้นคะยอให้มันไปเรียนพิเศษเอง ส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่น อาฟก็เป็นคนจ่ายให้แทบจะทั้งหมด

“ งั้นเราก็ควรคุยกันต่อหน้าจริงมั้ย ” ไม่ได้ตอบอะไรในตอนนั้น พ่อก็เลยย้ำแบบยื่นคำขาดออกมา “ ไม่เกินอาทิตย์นี้ หาวันว่างมาหาพ่อด้วยนะ ทั้งวิวแล้วก็เมดด้วย ”

“ ครับ แล้วเมดจะหาวันว่างไปนะ ”

“ ดีมาก งั้นพ่อก็ไม่กวนละ ”

“ ครับ รักพ่อนะ ดูแลสุขภาพด้วยละ ” ก่อนวางสายผมพูดไปแบบนั้น พ่อก็ตอบกลับมาตามปกติ

“ รักเหมือนกัน เราก็ดูแลตัวเองดีๆ แล้วอย่าลืมกลับมาบ้านตามที่นัดละ ”

“ ครับผม ” ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่วางสายลง ผมในตอนนั้นหันไปมองอาฟที่ยังคงหลับสนิทอยู่ข้างกัน วนสมองที่คิดถึงความน่ากังวลต่างๆที่คาดเดาไม่ได้พวกนั้น นี่ถึงเวลาแล้วเหรอวะ ที่กูต้องแนะนำมึงให้พ่อรู้จัก ในฐานะคนรักกัน “ เข้ากับคนอื่นได้ยากแบบนี้ ตอนคุยกับพ่อจะน่าอึดอัดขนาดไหน ไม่อยากจะคิดเลยกู ”

................................................................

แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อกับแด๊ดดี้ที่แปลว่าพ่อจริงๆมาเจอกัน จะเป็นยังไงนะ
นิยายเรื่องนี้ กำลังเปิดจองอยู่นะคะ สามารถหาอ่านข้อมูลกันได้ ในตอนที่แล้วค่ะ
ตอนพิเศษอันแน่นจุงใจแน่นอน
สุดท้ายนี้ หนมมีเรื่องที่จะแจ้งให้ทราบนะคะ
นิยายเรื่อง #ผับชั้นสาม จะยังคงอัพทุกวันศุกร์เฉกเช่นเดิมนะ แต่ตอนพิเศษนี้จะอัพแบบระบบ ศุกร์เว้นศุกร์
ยกตัวอย่างเช่น ศุกร์ที่ 11 นี้ลงตอนพิเศษที่ 1 ศุกร์ที่ 25 ก็จะลงตอนพิเศษที่สอง แบบนี้นะคะ
เพื่อช่วงเว้นศุกร์ตรงกลางหนมจะได้เอาไปปั่นตอนพิเสษเข้าเล่มฮับ

ท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

  :pig4:
 
อะแฮ่ม children 's day เจอแบบนี้ก็หวิวเกิ๊น ... แต่ชอบ

 

..คิดถึงเมดม๊ากมาก

  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
พาสองแด๊ดดี้มาจับเข่าคุยกันเลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
ตอนพิเศษ อ่านไปยิ้มแก้มแตกเลยค่ะ จริงๆแล้วอยากให้มีตอนพิเศษไปอีกเรื่อยๆ ไม่อยากให้จบเลยค่ะ ชอบอ่านที่อาฟเค้ารักเมด ไม่เน้นพูดแต่เน้นการกระทำ อบอุ่น นุ่มนวลอ่ะ ชอบมากกก อ่านแล้วมีความสุข คืนนี้นอนหลับฝันดีเลยค่ะ

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนพิเศษมาแบบจัดเต็ม จัดแน่นมากเลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ร้อนแรงมาก

ออฟไลน์ New_atcha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :-[หวานเวอร์มากกกก

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ตายไปเลยกะคำว่าแด๊ดดี๊ของเมด  :jul1:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เป็นตอนที่ได้รู้จักพี่อาฟเยอะขึ้นและได้เสียเลือดด้วย :pighaun: :haun4: แด๊ดดี้กับน้องเมด

ออฟไลน์ Namnamboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยาวและหวานจนจุใจ ขอบคุณค่ะ :m25:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
โอ๊ย ตาย~

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ทั้งหวานทั้งร้อน โอ้ยยยย...สุดยอด!!!

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตายๆๆๆๆๆๆ :pighaun: :pighaun: :pighaun:

แต่ตอนหน้าแด๊ดต้องมาเจอแด๊ดจะเป็นไงนี่

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อื้มมมม
ตอนพิเศษที่จัดเต็มของจริง

 อดใจรอตอนเจอพ่อแม่ไม่ไหวแล้วววว

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
 อาระยะนายมันหื่น

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เมดจะเปิดตัวลูกเขยให้พ่อแล้ว


 :L2: :L2:

ออฟไลน์ tangMa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนพิเศษ ยาว จุใจมากกกกก
ชอบประโยค "น้องเมดจะเป็นเด็กดีของแด๊ดดี้" ที่สุดอ่ะ
 :m25:

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
แปลว่ามีตอนพิเศษอีก  อร๊ากกกก ดีใจ

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :impress3: คิดถึงอาฟกับเมด

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 850
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด