รัก...ไม่ได้ออกแบบ by zero - 37 -
ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว สนามบินเชียงใหม่จึงคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว บ้านพักบางแห่งคิวยาวไปยันต้นปีหน้าแล้ว พวกเพื่อนผมก็ตั้งใจจะขึ้นมาเที่ยวเหนือช่วงปีใหม่ วางแผนไว้คร่าวๆแล้วแต่ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะขับรถมากันเรื่อยๆหรือจะนั่งเครื่องมาลงที่เชียงใหม่แล้วใช้รถที่บ้านผมตระเวนเที่ยวดี ซึ่งอย่างหลังจะช่วยประหยัดเวลาและสะดวกสบายมากกว่า การขับรถไกลๆมันเหนื่อยมาก ขนาดนั่งเฉยๆยังรู้สึกเหนื่อยเลย แต่ถ้าหากมีเพื่อนร่วมเดินทางด้วยมันก็คงจะสนุกจนลืมเหนื่อยไปเลยก็ได้
ผมเดินเลี่ยงนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มใหญ่ที่เห็นได้ทั่วไปในเมืองเชียงใหม่ระยะหลังมีมากกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่นเท่าตัว กว่าจะไปถึงทางออกก็ใช้เวลาพอดู พอออกมาก็เจอลุงปันที่อาฝนให้มารับ แกทำงานกับพ่อมาหลายปี เมียกับลูกแกก็ทำงานที่ไร่ อยู่กันเหมือนญาติ แกเอ็นดูผมเหมือนลูกเหมือนหลาน
“พ่อเลี้ยงครับ”
“ลุงปัน ผมบอกแล้วว่าอย่าเรียกแบบนี้”ได้ยินทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแก่พุงพลุ้ยทุกทีและผมก็ยังไม่อยากได้ตำแหน่งทางสังคมแบบนี้ ยังรู้สึกว่ามันควรเป็นของพ่ออยู่
“ครับๆ นายน้อย”แกยิ้มซื่อๆมาให้ ผมก็จนใจนายน้อยก็ยังดีกว่าพ่อเลี้ยงละนะ
“จะปิ๊กไฮ่เลย ก๊ะว่าไปแวะไหนก่อนก่อนายน้อย”
“กลับไร่เลยดีกว่า”คิดถึงอาฝนจะแย่แล้ว...คิดถึงบ้าน
ผมกำลังจะกลับบ้าน สถานที่ที่ทำให้ผมเป็นสุขที่สุด อาณาจักรของผมที่พ่อสร้างขึ้นมาด้วยแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีเพื่อให้ลูกชายและน้องสาวได้อยู่สุขสบาย ไม่ให้ใครมาดูถูกเราได้แต่พอมีเงินก็มีคนเข้าหวังผลประโยชน์ ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงมาตลอดหลายปี จนเอียนและชาชินกับพวกที่มองแค่เปลือก
ถ้าจะถามถึงเหตุผลที่ทำให้ผมไม่ค่อยจริงจังกับการคบหาผู้หญิงสักคนก็คงเป็นเพราะผมเห็นผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้าหาพ่อผม ปากบอกว่ารักอย่างนั้นอย่างนี้สุดท้ายก็หวังแค่เงิน ความรักมันไม่มีจริง ใครจะมาทนอยู่กับคนแก่ที่บ้างานได้นาน พอสมใจอยากก็จากไป ได้บ้านบ้าง ได้รถบ้าง บางคนพ่อก็ส่งเสียให้เรียนจนจบ
ผมเคยถามพ่อว่าทำไมถึงไม่หยุดสักทีทั้งที่รู้ว่าไม่เคยมีใครจริงใจ และคำตอบที่ได้กลับมาก็คือพ่อไม่ได้มองว่าเป็นการถูกหลอกหรือปอกลอก แต่มันคือการแลกเปลี่ยน พ่อก็ได้ในสิ่งที่พ่ออยากได้ เขาก็ได้ในสิ่งที่เขาอยากได้จากพ่อ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อีกฝ่ายล้ำเส้นก็คือจบกันไป เช่นการมาแสดงตัวที่บ้านต่อหน้าผมและทุกคนว่าเป็นอะไรกับพ่อ พยายามจะเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการทั้งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์ ซึ่งทุกรายที่ทำแบบนี้ก็กระเด็นหายไปจากชีวิตพ่อทันที
ทิวทัศน์ด้านนอกค่อยๆเปลี่ยนจากเมืองเข้าสู่เขตเขา ใช้เวลาไม่นานก็ออกจากเชียงใหม่เข้าสู่ลำพูน ผมนั่งมองข้างทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นป้ายตรงปากทางเข้า ‘ไร่น่านนที’ สองข้างทางเป็นต้นไม้ใหญ่สลับกับนางพญาเสือโคร่ง พอปลายปีก็จะแข่งกันบานสะพรั่ง ขับเข้ามาประมาณ 100 เมตรจะเจอร้านที่จำหน่ายของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ของไร่ เพิ่งเปิดมาได้สองปี อาฝนคิดว่าถ้าหากเปิดไร่โซนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมและมีเพิ่มส่วนร้านอาหารเข้าไปด้วยน่าจะเพิ่มรายได้ให้กับไร่ได้ แต่โซนผักปลอดสารพิษก็เพิ่งเป็นรูปเป็นร่าง ผมอยากให้อะไรๆมันเข้าระบบไปก่อน จากนั้นค่อยเริ่มโครงการที่อาฝนเสนอไอเดียมา รายได้หลักของไร่ยังเป็นการส่งออกดอกไม้ ลำไยและน้ำผึ้งจากเกสรลำไยที่เป็นที่นิยม
ผมสูดอากศเข้าเต็มปอด ถึงจะใกล้เที่ยงแล้วแต่ก็ยังรู้สึกเย็นๆนิดหน่อย อากาศก็ปลอดโปร่งต่างจากกรุงเทพ บ้านไร่ผมอยู่ลึกจากถนนสายหลัก เข้ามาจนเกือบจะติดเขา กลางคืนอากาศเย็นแบบไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ ร่างท้วมของแม่บ้านเดินตรงเข้ามาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะสวมกอดผมเอาไว้
“นายน้อย กึ๊ดเติงหาขนาด ยะหยังมาผอมจะอี้ล่ะเจ้า”
“ผอมตี้ไหนครับ ก็ปกตินะ”
“ผอมก่ะ แก้มก่ะตอบ บ่มีน้ำมีนวลเลย ปิ๊กมาอยู่บ้านปี้แก้วจะขุนหื้ออ้วนเลยเจ้า”
พี่แก้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงผมใหญ่เลย สงสัยจะได้อ้วนขึ้นจริงๆ เพราะฝีมือการทำอาหารของพี่แก้วเนี่ยสุดยอดในแดนเหนือเลย ก่อนกลับก็คงมีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปเพียบ หวานหมูไอ้พวกนั้นแน่ๆ
“เอ้าๆ จะกอดกันอีกนานมั้ย ไม่ขึ้นบ้านหรือไง”
ผมขึ้นเรือนไปหาอาฝนที่ยืนรออยู่ตรงชานบ้าน ก่อนจะโถมตัวเข้ากอด ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้เป็นที่พักพิงใจ และมีอ้อมกอดที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่
“ไปพักก่อนไป เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงอาให้คนไปเรียกมาทานกลางวันกัน”
ผมรับคำเบาๆก่อนแยกตัวออกมา ลงบันไดที่ด้านข้างของเรือนใหญ่ ผ่านสวนดอกไม้และต้นไม้หนาเพื่อตรงไปที่เรือนเล็กของตัวเอง พ่อเป็นคนสร้างให้ตอนผมขึ้นม.ปลาย ช่วงวันหยุดยาวหรือปิดเทอม พวกเพื่อนๆก็จะมาขลุกอยู่ที่นี่ เล่นเกมกันข้ามวัน หรือเมากันข้ามคืนก็ไม่มีใครว่า อาหารการกินมีพร้อมทุกมื้อเงินไม่เสียเงินสักบาท ดียิ่งกว่าโรงแรมห้าดาว
ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดโทรออก ได้ยินเสียงรอสายแค่ครั้งเดียวอีกฝ่ายก็กดรับ เหมือนกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ
“ถึงแล้วนะ”
“กำลังคิดถึงอยู่พอดี ถ้าถึงแล้วก็โอเค พักซะ พี่ต้องเข้าประชุมแล้วเดี๋ยวเลิกงานพี่โทรหาใหม่”
“อื้อ”
ต้องโทรรายงานพ่อคนที่สองก่อนไม่งั้นเดี๋ยวจะมีปัญหาได้ แค่ผมกลับบ้านกะทันหันพี่ท่านก็หน้าตึงแล้ว พี่เดียวมันเป็นคนติดแฟนครับ บางทีผมก็ส่องกระจกมองตัวเองว่ามีอะไรให้ผู้ชายตัวถึกๆแบบนั้นมารักมาหลงได้ หวงเว่อร์ ที่จริงผมก็ชวนพี่เดียวมาด้วย แต่รายนั้นเขางานยุ่งมากเห็นว่ามีประชุมสำคัญ พรุ่งนี้ต้องไปฮ่องกงด้วย แต่ก็จะตามมาตอนสุดสัปดาห์ เพื่อมารับผมกลับ
ความจริงผมวางแผนที่จะกลับบ้านตอนสองสัปดาห์ก่อนจะเปิดเทอม แต่เพราะมีเหตุบางอย่างทำให้ต้องเปลี่ยนแผน และเพื่อไม่ให้ชนกับแพลนเที่ยวที่พวกไอ้เต้วางไว้ผมเลยมีเวลาอยู่กับอาฝนแค่สัปดาห์เดียว
ส่วนไอ้พายผู้อยู่ร่วมบ้านแต่ก็เหมือนไม่ได้อยู่ มันโทรมาเม้งใส่ตอนที่ผมกำลังจะขึ้นเครื่องหาว่าผมกลับบ้านแล้วไม่ชวนมัน จะให้ผมชวนได้ยังไง ช่วงนี้มันหายตัวไปไหนบ่อยๆก็ไม่รู้ โทรไปก็ไม่ค่อยจะรับ จะว่าติดงานก็ไม่น่าใช่เพราะช่วงสอบมันบอกพี่บีว่าไม่รับงาน แต่ผมก็ขี้เกียจจะถาม เพราะวุ่นๆกับเรื่องของตัวเองอยู่เหมือนกัน ด้านไอ้ธันว์กับไอ้คิมมันไม่กลับบ้าน ไอ้ธันว์ไปค่ายอะไรก็ไม่รู้ ส่วนไอ้คิมมีเรียนต่อได้พักแค่อาทิตย์เดียวเองมั้ง น่าสงสาร
“ทำไมจู่ๆก็เปลี่ยนใจกลับมาก่อนล่ะ”
“่น่านคิดถึงอาไงเลยกลับมาก่อน”
“จ้า พ่อคนปากหวาน เฉไฉไปเรื่อยนะเรา”อาหรี่ตามองอย่างรู้ทัน
“หึหึ ทานข้าวก่อนดีกว่า น่านมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”
ที่กลับบ้านมาก็เพราะอยากเล่าให้อาฝนฟังว่าผมไปเจอใครมา อยากเล่าแบบต่อหน้าไม่ใช่ทางโทรศัพท์ อีกอย่างผมอยากกลับมาหาพ่อด้วย
“ท่าทางจะเรื่องสำคัญ ทำเอาอาตื่นเต้นไปด้วย”อาฝนว่ายิ้มๆ แต่ถ้ารู้เรื่องที่ผมเล่าอาจจะยิ้มไม่ออก ผมไม่อยากทำลายบรรยากาศและรสชาติอาหารแสนอร่อยฝีมือพี่แก้ว เลยเลือกที่เงียบไว้ก่อน
X
พอทานข้าวเสร็จเราก็ย้ายกันมาที่ห้องนั่งเล่น พี่แก้วตามเอาขนมนมเนยมาบริการถึงที่ก่อนจะเลี่ยงออกไปเปิดโอกาสให้ผมกับอาฝนได้คุยกันตามลำพัง
“ไหนมีอะไรจะเล่าให้อาฟัง”
“น่านเจอแม่มา”ผมไม่อ้อมค้อม อาฝนชะงักไปเล็กน้อยก่อนมองมาที่ผมด้วยสายตาเป็นห่วง
“น่านก็โอเคนะ ไม่ได้อะไร”
“โอเคจริงๆใช่มั้ยน่าน”
“ก็คิดว่าอย่างนั้นนะครับ”มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ที่ผ่านมาผมภาวนาว่าขออย่าให้ได้เจอกับคนที่ให้กำเนิดผมอีกเลย แต่ลึกๆในใจมันก็มีเศษเสี้ยวหนึ่งของความคิดว่าอยากจะเจออีกสักครั้ง
ในความทรงจำของผมมีเรื่องดีๆเกี่ยวกับแม่น้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ตอนเด็กๆแม่ไม่ค่อยกอดหรืออุ้มผม จะมีแต่พ่อที่จับผมขี่คอแล้วพาไปเที่ยวเล่น แต่พ่อบอกว่าผมติดแม่ไม่รู้ทำไมถึงได้ติดทั้งๆที่แม่ก็ไม่ได้ใจดีกับผมมากนัก ผมเองก็จำไม่ได้เพราะเด็กมาก ทุกอย่างมันดูเลือนลางไปหมด แต่สิ่งที่จำได้ขึ้นใจคือวันที่แม่ทิ้งพวกเราไป ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องไปได้แต่ร้องไห้โวยวาย แต่พ่อบอกให้ผมไม่ร้อง อย่าเสียน้ำตาให้กับคนที่ไม่รักเรา ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่เด็กอย่างผมไม่เข้าใจอยู่ดี ความรักคืออะไร
พอโตขึ้นมาจนรู้ความมากขึ้นผมได้รู้และเข้าใจว่า ที่แม่ทิ้งไปเพราะทนกัดก้อนเกลือกินกับพ่อไม่ไหว แม่เป็นลูกคนรวยเจ้าของห้างทองใหญ่ เจอกับพ่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย พ่อผมเรียนเกษตร แม่ผมเรียนบัญชี เพราะพ่อเป็นคนหน้าตาดี เก่งทุกอย่างจึงเป็นที่ชื่นชมของสาวๆ ติดตรงที่ว่าไม่รวย แต่ตอนนั้นความรักมันบังตาทำให้แม่ตัดสินใจพาผมที่อยู่ในท้องหนีตามพ่อมาหลังจากเรียนจบ และคิดว่ารักจะช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปได้
พ่อผมมีที่ดินที่ได้มาจากปู่ก่อนท่านสิ้นใจแค่สามไร่ที่ลำพูนและเงินอีกไม่มาก แต่เพราะที่มันกันดารปลูกอะไรก็ไม่ค่อยได้ผลจึงทำให้เงินเก็บที่มีค่อยๆร่อยหรอ ในตอนนั้นก็เกิดเรื่องกับอาฝนที่ถูกย่าพาไปอยู่กรุงเทพตั้งแต่เลิกกับปู่ไป อาฝนถูกแฟนที่คบกันมาหลายปีหลอกเอาเงินไปแล้วที่ทิ้งไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ ซ้ำร้ายยังถูกทำร้ายจนแท้ง ย่าอับอายและไล่อาฝนออกจากบ้าน พ่อจึงไปรับอาฝนมาอยู่ด้วย ตอนนั้นสภาพการเงินเริ่มไม่ดี แต่พ่อก็ไม่ละความพยายาม อดทนสู้มาเรื่อย พ่อทำงานหนัก กู้หนี้ยืมสินมาไม่น้อย ทำให้ครอบครัวเราเริ่มลำบากเพราะมีคนมาทวงหนี้บ่อยๆ ทำลายข้าวของทำร้ายร่างกายบ้าง ในที่สุดแม่ทนไม่ไหวจึงทิ้งพวกเราไป กลับไปใช้ชีวิตสุขสบายที่กรุงเทพและแต่งงานใหม่กับเศรษฐีเจ้าของธุรกิจส่งออกที่ตอนนี้เอยชื่อไปใครๆก็รู้จัก
“อาก็กะไว้แล้วว่าสักวันน่านต้องได้เผชิญหน้ากับเขาหลังจากที่เราไปช่วยน้องไว้”
“หึ นั่นสินะครับ”ผมไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ผมช่วยไว้จะกลายเป็นคนที่ผมไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทั้งๆที่รู้ว่าตั้งแต่ครั้งแรกตอนไปส่งที่บ้านนั้นแล้ว แต่เหมือนโชชะตาจะเล่นตลกทำให้ผมได้เจอกับน้ำปายอีกและอดไม่ได้ที่จะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทำให้มีเรื่องให้เราต้องพัวพันกัน
“แล้วได้คุยกับเขามั้ย”
“นิดหน่อยครับ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน่านเป็นใคร”แม่จำผมไม่ได้ ถ้าที่ร้านอาหารวันนั้นผมไม่บอกชื่อไปเขาก็คงนึกไม่ออกว่าเคยมีลูกชายอีกคนที่เขาทิ้งไป
“แล้วได้บอกมั้ยว่าน่านเป็นลูก”
“แค่บอกชื่อ เผื่อว่าเขาจะจำได้ก็แค่นั้น แต่ถึงเขาจะจำไม่ได้มันก็ใช่เรื่องใหญ่นี่ครับ ยอมรับว่าแอบผิดหวัง แต่ก็นั่นแหละ เขากับเราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมาตั้งนานแล้ว จะให้ไปบอกว่าน่านเป็นลูกเขานะ ถ้าเขาปฏิเสธว่าไม่ใช่น่านจะต้องทำยังไง”
“น่าน”
ผมผิดหวังที่เขาเป็นยิ่งกว่าที่ผมเคยรับรู้ ผมเคยแอบคิดว่าบางทีพ่ออาจจะเข้าใจผิดเรื่องที่แม่ทิ้งไป มันอาจจะมีความจำเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่เพราะทนลำบากไม่ไหว ไม่ใช่เพราะพ่อจน มันเป็นความคิดที่หลบอยู่ในซอกมุมเล็กๆ แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้จากเขาในการพูดคุยเพียงแค่ครั้งเดียวมันทำให้ผมรู้ว่า ที่พ่อบอกที่ผมเข้าใจมันมาตลอดนั้นถูกต้องแล้ว เขามีชีวิตที่ดีสุขสบายบนกองเงินกองทองกับครอบครัวใหม่ ทิ้งผู้ชายที่มีแต่ความรักกับลูกชายเพียงแค่ห้าขวบไปให้อยู่กับความลำบากเพียงลำพัง
“อยากรู้จังตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีความสุขได้ยังไง ไม่รู้สึกอะไรกับการที่ต้องทิ้งพ่อกับน่านไปเลยใช่มั้ย”ผมไม่เชื่อหรอกว่าคนเราจะลืมคนที่เคยอยู่ด้วยกัน จะลืมลูกที่คลอดออกมาเองได้ลง
“น้ำน่าน ฟังอานะ”อาฝนนั่งลงข้างผมและคว้ามือที่กำกันแน่นของผมไปกุมไว้
“คนเราย่อมมีเหตุผลของตัวเอง แม้ว่าเหตุผลนั้นจะไม่ถูกใจคนอื่น คนเราย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง และพี่ทิพย์ได้เลือกทางเดินของเขาแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่น่านจะต้องมานั่งคิดนั่งหาเหตุผลให้กับการกระทำในอดีตนะลูก ทิ้งมันไปแล้วเดินไปข้างหน้า ใครที่เขาไม่รักเราไม่ต้องการเราก็ปล่อยเขาไป ให้มองคนที่รักเราและอยู่เคียงข้างเราก็พอ”
“.......”
“ที่พูดก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้น่านเกลียดแม่เขา มันจะเป็นบาป อาอยากให้น่านปล่อยวางและรู้สึกเฉยๆกับเรื่องที่ผ่านมาเพราะมันจะทำให้น่านไม่ทุกข์ เราอยู่ส่วนเราเขาอยู่ส่วนเขา หากเจอกันอาก็ทักทายในฐานะที่เขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง พูดจากับเขาดีๆ เราเป็นเด็ก เราเป็นลูกต้องนอบน้อม ต้องเคารพ อย่าให้เขามาว่าได้ว่าพ่อกับอาเลี้ยงเรามาไม่ดี”
“น่านจะพยายาม”ผมก็ไม่เคยคิดที่จะพูดจาไม่ดีกับเขา แต่บางครั้งในอารมณ์ชั่ววูบผมก็อยากจะพูดอะไรแรงๆ ให้เขาได้รับรู้ว่าผมกับพ่อเสียใจแค่ไหนกับสิ่งที่เขาทำ
“ดีมาก พยายามทำให้ได้แล้วมันจะดีกับตัวน่านเองนะลูก”
“แต่มันทำยากจัง ในหัวผมมีแต่คำถามว่าทำไมๆเต็มไปหมด”
“คิดแล้วมันจะไดอะไรขึ้นมา ก็มีแต่เราเองที่ต้องแบบความรู้สึกแย่ๆเอาไว้ ในขณะที่เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ถ้ามันจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ก็คิดเสียว่าการที่แม่เขาทิ้งไปมันก็ทำให้พวกเรามีวันนี้นะลูก เขาถือเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ของพี่นที และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ตรงนี้น่านเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไปใช่มั้ย หรือว่าแค่มีพ่อกับอามันไม่พอ”
“พอสิครับ เกินพอด้วยซ้ำ อาฝนก็เหมือนเป็นแม่น่าน”
“ดีมาก ไหนมาให้อากอดหน่อยสิสุดหล่อของอา”ผมขยับเข้าไปกอดอาไว้แน่น อ้อมกอดของอาเยียวยาผมได้ดีจริงๆ คำพูดขออาเย็นฉ่ำเหมือนสายฝนที่ชะล้างความขุ่นหมองออกไปจากใจ
X
หลังจากที่ได้คุยกับอาฝนจนสบายใจแล้ววันต่อมาผมก็ไปหาพ่อที่วัด ที่เก็บกระดูกของพ่อสะอาดสะอ้านและมีดอกไม้มาวางไว้ใหม่ๆ ผมไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนมาทำความสะอาดและมาไหว้พ่อ คงจะเป็นคนที่รู้จักกัน เพื่อนหรือใครที่พ่อเคยช่วยเหลือไว้ ผมรู้สึกดีที่ยังมีคนระลึกถึงพ่ออยู่ พอกลับจากวัดผมก็ไม่เคยได้ว่างอีกเลย เรพาะมีงานหลายอย่างรอผมอยู่ จริงๆแล้วก็มีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ผมที่รับช่วงต่อมาก็ต้องดูแลเองทุกอย่าง ถึงแม้จะไม่ได้ลงลึกไปจนถึงการปักชำกับมือทุกต้นแต่ก็ต้องรู้รายละเอียดทุกอย่าง ต้องไปเห็นด้วยตาตนเอง ไปให้คนงานเห็นหน้า พบป่ะพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบบ้าง ผักปลอดสารพิษที่เพิ่งเริ่มทำให้ผลตอบรับดี มีคนมาติดต่อขอซื้อเพิ่มขึ้น จากโรงแรมดังในเชียงใหม่ก็มี แต่เพราะผลผลิตยังไม่มากและไม่คงที่เท่าไหร่ จึงไม่สามารถตอบรับทุกเจ้าได้
“ลุงเสริมครับ ผมว่าถ้าเราขยายแปลงอีกก็น่าจะดีนะ แต่ต้องหาคนงานเพิ่มด้วย”
“ลุงก็คิดว่าดีครับ แต่เราต้องปรับพื้นที่หน้าดินใหม่ด้วย”
“ครับ ถ้ายังไงลุงลองวางแผนมาให้ผมดูก่อนก็ได้ครับ ยังมีพื้นที่ของเราที่ว่างอยู่ ผมไม่อยากให้มันเสียประโยชน์ไป”
“ได้ครับ เห็นว่าไร่ข้างๆเขาก็อยากจะขายที่ให้เรานะครับ”
“อ้าว ทำไมละครับ”
“ตาคำแกแก่แล้ว ทำเองก็ไม่ค่อยไหว ลูกแกก็ไปได้ผัวอยู่เมืองนอกคงไม่คิดจะกลับมา ได้แต่ส่งเงินมาให้ แค่อยากจะแบ่งขายที่ส่วนหนึ่ง เหลือไว้อยู่กับปลูกอะไรเล็กๆน้อยๆไว้กินก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้นก้น่าสนใจนะผมว่า ถ้าแกจะขายผมก็ยินดีซื้อ แล้วถ้าแกเหงาก็ให้แกมาทำงานกับเราก็ได้นะ”คนที่ทำงานมาตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าตอนแก่ควรจะพักสบายๆ แต่ผมเข้าใจว่าแกก็คงอยากทำอะไรบ้างไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวันๆ
“เห็นว่าแกมีความรู้เรื่องปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวิภาพดี ผมว่าให้แกมาช่วยดูแลส่วนนี้น่าจะดี”
“ครับ ยังไงเดี๋ยวลุงไปลองคุยดูให้นะ คุณฝนเองก็เคยเปรยๆไว้เหมือนกัน แต่ก็บอกว่ารอให้คุณน่านมาตัดสินใจเองดีกว่า”
ผมอยากทำให้ได้เหมือนพ่อจุนเจือชาวบ้านในละแวกนี้ด้วยการให้งานทำและให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อที่พวกเขาจะได้เลี้ยงครอบครัวได้สบาย ไม่ต้องดิ้นรนไปหางานต่างถิ่นหรือทำงานในโรงงานให้เสียสุขภาพ ที่สำคัญสามารถใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้เต็มที่ มีสวัสดิการเผื่อแผ่ไปถึงลูกหลานของคนงานในไร่
“ว่าไงจ๊ะ ไม่เห็นหน้าค่าตาเลยนะ ไหนว่าจะมาอยู่กับอาให้หายคิดถึง เช้ามาก็เข้าไร่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง กว่าจะกลับอาก็จะนอนแล้วเนี่ย”
“นี่ก็กลับมาให้เจอแล้วไงครับ วันนี้กลับมาทานข้าวเย็นด้วยนี่ไง”ผมยิ้มแล้วเข้าไปกอดอาฝนอย่างเอาใจ
“ไม่ต้องมากอดอาเลย ไปทำอะไรมาเนื้อตัวมอมแมมไปหมด”
“ไปช่วยเขาขนกล้าเก็บครับ คนงานลาไปสองคน เลยทำกันไม่ทันเลยต้องไปช่วย หิวมากเลยมีอะไรให้น่านกินมั่ง”
“เปอเลอะเปอเต๋อเลยเจ้า ของซ่อบของนายน้อยตึงฮั้นเลย”พี่แก้วรายงาน ผมไปล้างมือล้างหน้าแล้วมานั่งทานข้าวกับอาฝน
“เดียวเขาจะมาพรุ่งนี้ใช่มั้ย?”
“ครับ เดี๋ยวน่านขับรถไปรับ”ตอนแรกพี่เดียวมันจะขับรถมาแต่ผมห้ามไว้ หยุดแค่สามวันจะมัวขับรถไปกลับให้เสียเวลาทำไม ผมเลยให้นั่งเครื่องมาแล้วจะขับรถไปรับที่สนามบินเอง ผมอยากให้พี่เดียวมาเพื่อจะได้พาไปหาพ่อและผมจะเล่าเรื่องแม่ให้เขาฟังด้วย ผมรู้ว่าเขาข้องใจตั้งแต่ที่ร้านอาหารแล้ว ที่จริงก็คงสงสัยมาตั้งแต่ที่งานแต่งพี่แชมป์และรอให้ผมเล่าอยู่
“อาโอเคใช่มั้ยเรื่องน่านกับพี่เดียว”อยากถามให้หายข้องใจอีกครั้ง
“โอเคสิ อาเชื่อการตัดสินใจน่านนะ ถึงจะแปลกใจในตอนแรกแต่พอมาคิดดูแล้วเขาอาจจะเป็นคนที่เหมาะสมกับน่านมากกว่าใครๆก็ได้”
“อายังไม่รู้จักเขาดีเลย”
“อาถึงได้บอกว่าอาจจะไงจ๊ะ ของแบบนี้ต้องดูกันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าน่านตกลงเป็นแฟนกับเขาได้ อาก็ถือว่าผ่านในระดับหนึ่งแล้วล่ะ”อาฝนรู้จักผมดีที่สุด อาเลยมั่นใจแบบนี้ ผมก็อยากให้การตัดสินใจของผมนั้นไม่ผิดพลาดเหมือนกัน
X
“พรุ่งนี้พี่จะมาถึงกี่โมงนะ”
หลังทานข้าวเสร็จอยู่คุยกับอาอีกนิดหน่อยเราก็แยกย้ายกันไป ผมอาบน้ำแล้วเลยมานอนคุยโทรศัพท์กับพี่เดียวที่โทรมาพอดี
“ไปไฟล์ทเดียวกับน่านอ่ะ”
“อ่อ”ผมมองนาฬิกาแล้วกะเวลาเอาไว้ว่าจะต้องออกไปรับกี่โมงถึงจะพอดีกัน เหมือนที่ลุงปันไปรับผม
“เออ ไอ้ทักษ์กับกับไอ้ยอดมันมาด้วยนะ แต่มันจะไปนอนโรงแรมกัน อาจะต้องให้น่านขับรถไปส่งที่โรงแรมก่อน”
“ไม่มีปัญหาแล้วพี่เขามาทำไมกันอ่ะ”
“มันจะตามมาเฉยๆ ทีมเสือกเฉพาะกิจ”ผมขำ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งรู้ว่าพี่ทักษ์ชอบใส่ใจเรื่องชาวบ้านเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นคนฮาๆ ไม่มีพิษมีภัย ตลกดี
“จองโรงแรมไว้ยังอ่ะ ถ้ายังก็ไม่ต้องจองหรอกพี่ มานอนบ้านผมดิห้องว่างเยอะแยะ เดี๋ยวพาเที่ยวไร่”
“ปล่อยพวกมันไปตามยถากรรมดีกว่า อยากเสือกดีนัก”พี่เดียวมันว่างั้น ดูมันจะเคืองหรือหมั่นไส้เพื่อนตัวเองมาก ผมคุยเล่นกับพี่เดียวอีกแป๊บเดียวก็ง่วงตาจะปิดวันนี้ใช้แรงงานไปเยอะ
“ง่วงละอ่ะ”
“งั้นก็ไปนอนไป เดี๋ยวพี่ไปเคลียร์งานอีกนิดหน่อย”
“นิดหน่อยตลอดอ่ะ เดี๋ยวก็ตื่นไม่ทันมาขึ้นเครื่อง”
“หึ เป็ห่วงพี่ก็พูดมาตรงๆ”
“ขี้มโนว่ะ”
“เด็กปากแข็งเอ๊ย”
“วางไปได้เล่า คนจะนอน”
“ครับๆ ฝันดี”
“อือ ดีๆ”ผมกระดากปากเกินกว่าจะพูดฝันดี ราตรีสวัสดิ์ได้ เอาแค่นี้ก็พอ
“เจอกันพรุ่งนี้นะที่รัก”แต่เหมือนพี่เดียวมันจะขยันเสี่ยวใส่ผมเหลือเกิน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ทักษ์มาผมจะจับล็อกตัวนั่งเสวนาด้วยสักหน่อย ว่าตกลงแล้วพี่เดียวนี่มันเป็นคนยังไงกันแน่ อยากให้พรุ่งนี้มาถึงเร็วๆจัง
อย่าคิดเยอะนะ! ผมแค่อยากคุยกับพี่ทักษ์เท่านั้นเอง!
-------------------------------
เอาน้ำน่านกับพี่เดียวมาส่งค่าตอนนี้เครียดนิดหนึ่งเรื่องของคุณแม่ เฉลยออกมาแล้วนะคะ
หลายคนคงเดาได้ เราปูเรื่องไว้มาตั้งแต่ตอนที่น่านขับรถไปส่งปายแล้ว
อันที่จริงน่าจะเดาได้จากชื่อปายเนอะว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกัน น้ำน่าน และ น้ำปายค่ะ และมีอีกหนึ่งน้ำที่ยังไม่ออก 55555
ให้เดาๆ ว่าชื่ออะไร
เจอกันตอนหน้าค่ะ