————• ร้อยองศา •———— EP.6 | 180761
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ————• ร้อยองศา •———— EP.6 | 180761  (อ่าน 6478 ครั้ง)

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


ร้อยองศา
(100°C)
เข่งสะพานปลา


โรแมนติก ดราม่า


อุบัติเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับสมาชิกของ อพอลโล วงดนตรีร็อกชื่อดังระดับประเทศ
ส่งผลให้มือกีตาร์ สิบทิศ เสียชีวิตลงท่ามกลางความเศร้าเสียใจของทุกคน
ส่วน อาณา นักร้องนำซึ่งรอดมาได้กลับมีบาดแผลทางใจอย่างใหญ่หลวง
เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้แฝงเงื่อนงำอย่างไร
หลักฐานในที่เกิดเหตุถูกทำลายจนหมดสิ้น การตายของสิบทิศคือฆาตกรรม!

ในขณะเดียวกัน ทางค่ายเพลงก็ตัดสินใจรับ องศา เข้าเป็นมือกีตาร์คนใหม่ของวง
อีกฝ่ายเป็นถึงน้องชายต่างมารดากับสิบทิศ หากนิสัยกลับต่างกันลิบลับ
สำหรับอาณาแล้ว องศาแปลก มิหนำซ้ำยังทำตัวมีลับลมคมในจนชวนให้สงสัยในหลายเรื่อง
อันตรายเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ -- ทั้งกับชีวิตและหัวใจ

เรื่องน้ำเน่าของครอบครัว วงดนตรีร็อกระดับประเทศ ฆาตกรรมอำพราง
และองศาร้อนระอุที่พร้อมจะแผดเผาเขาให้อยู่ใต้อาณา.


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2018 21:31:33 โดย เข่งสะพานปลา »

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
ร้อยองศา
(100°C)
เข่งสะพานปลา



( 0 )
บทนำ



‘เมื่อเวลาสองนาฬิกา สี่สิบนาทีของคืนที่ผ่านมา กองกำกับการที่หนึ่ง กองบังคับการตำรวจจราจรได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถยนต์ยี่ห้อ H รุ่นซีทีแอล สีดำ เลขทะเบียนกอไก่ ห้าศูนย์ศูนย์เก้า กรุงเทพมหานคร ถูกรถคันหลังชนเสียหลักจนพุ่งเข้าปะทะขอบทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี สภาพพังยับเยิน จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตหนึ่งรายคือ นายสิบทิศ พิชญเดชา ซึ่งเป็นผู้ขับ และบาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งรายคือ นายอาณา ปารกุล เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เบื้องต้นนายอาณายังมีอาการน่าเป็นห่วง ทางโรงพยาบาลกำลังให้การรักษาอย่างเต็มที่เพื่อพ้นขีดอันตราย โดยทั้งสองเป็นสมาชิกของวงดนตรีชื่อดัง อพอลโล ทั้งนี้ทางตำรวจกำลังสืบสวนเจ้าของรถคู่กรณีและจะแถลงให้ทราบอีกครั้งค่ะ มาต่อกันที่...’


ทั้งร้านตกอยู่ในความเงียบสงัดเมื่อทุกช่องโทรทัศน์ต่างพากันฉายภาพข่าวใหญ่ของวัน เสียงเดียวที่ยังดังไม่ขาดช่วงคือเสียงเครื่องบดกาแฟ ช้อนคนกระทบบีกเกอร์และเสียงตักน้ำแข็งใส่แก้วราวกับไม่ทุกข์ไม่ร้อนว่าสองนักร้องดังในข่าวจะอยู่หรือตาย ผ้ากันเปื้อนสีดำมีคราบเปียกจากเครื่องดื่มเล็กน้อย มือแข็งแรงคว้าเอาถาดกลมมาวางเรียงแก้วกาแฟ ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้สองนิสิตซึ่งคล้ายจะอยากร้องไห้เต็มแก่ ในดวงตามีน้ำใสค่อยๆ คลอรื้น เป็นความรู้สึกที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม


“ลาเต้ร้อนกับมอคค่าเย็นหวานน้อยได้แล้วครับ”


ชายหนุ่มไม่ได้รับการตอบกลับ ซึ่งมันอาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในชีวิตการทำงานของเขาสักเท่าไรนัก ทว่ากับนิสิตสาวสองคนนี้ พวกหล่อนเคยเป็นตัวสร้างความน่าอึดอัดระดับต้นๆ ด้วยการส่งสายตาหยาดเยิ้มให้ไม่เว้นวัน ขอไอดีไลน์ ชวนไปเที่ยว รวมถึงเคยมาสมัครงานในตำแหน่งพนักงานชั่วคราวด้วยเหตุผลเพียงว่าอยากอยู่ใกล้ๆ คงสรุปได้อีกอย่างแล้วว่าการคงอยู่ของเขามีความสำคัญน้อยกว่าวงอพอลโลจริงๆ


เขากลับมาถึงบ้านเช่าในตอนสี่โมงครึ่ง เห็นแม่กับพิมพ์จันทร์ หญิงสาวอายุแก่กว่าหนึ่งปีกำลังช่วยกันตัดเย็บเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยงสองร้อยตัวตามที่ช่างในตลาดว่าจ้างมาอีกที ทั้งสองคนรับจ้างตัดเย็บผ้าโหลสำหรับงานจำนวนไม่มาก พิมพ์จันทร์เป็นลูกมือคอยช่วยตัดผ้าตามแพทเทิร์นโดยมีนางอังกาบนั่งอยู่หน้าจักรแบบเท้าเหยียบเพื่อรับหน้าที่ประกอบผ้าแต่ละชิ้น


เมื่อเห็นเขา พิมพ์จันทร์ก็ยิ้มกว้าง รีบหยุดงานที่ทำอยู่ไปรินน้ำจากตู้เย็นใส่แก้วมาเสิร์ฟทันที


“เหนื่อยไหม” เธอถาม แต่ลับมีเสียงกระแอมไอค่อนแคะขึ้นมาแทนที่เสียงจักรที่เงียบไปตั้งแต่เมื่อครู่ เขารับแก้วจากหญิงสาวมายกดื่ม ขายาวก้าวไปทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังเก่าๆ ประเมินเวลาที่เหลือก่อนจะต้องอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านอีกรอบ


“โอ้โห บ้านหลังนี้มีคุณชายด้วยเรอะ กลับมาถึงต้องมีคนคอยเทน้ำเทท่าบริการให้”


“แหมป้า ก็เมื่อคืนองศาได้นอนไปแค่นิดเดียวแล้วต้องออกไปทำงานกะเช้าต่อนี่นา” พิมเถียงแทน ผิดกับเขาที่ถึงแม้จะเป็นเป้าให้โดนเหน็บแนมโดยตรงแต่ก็ไม่ค่อยอยากจะเถียงสู้เท่าไรนัก


“เข้าข้างกันเข้าไป ระวังเถอะ ลูกออกมาฉันไม่ช่วยเลี้ยงหรอกนะ”


ไม่รู้ว่าไปเข้าเรื่องลูกเต้าได้อย่างไร ถึงอย่างนั้นพิมพ์จันทร์กลับหน้าแดง รีบกลับไปอยู่หน้าโต๊ะตัดผ้า ปากบ่นอุบอิบเพราะอายแทบมุดดินที่เรื่องนี้ถูกพูดขึ้น


“ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องเลี้ยงอยู่แล้ว”


พอเห็นเขาลุกขึ้นเดินเอาแก้วไปล้างเก็บ พิมพ์จันทร์ก็เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่ ตื่นตัวขึ้นมาอีกรอบ


“จะขึ้นไปอาบน้ำแล้วเหรอ วันนี้ต้องออกไปร้านกี่โมง”


เขานึก “อาจจะสักสองทุ่ม”


เธอมองชายหนุ่มสลับกับหญิงวัยกลางคนละล้าละลัง สุดท้ายแล้วก็รีบยกผ้าสำหรับเย็บวางให้ที่ข้างจักร จากนั้นจึงวิ่งมาเกาะชายเสื้อเขา ทำท่าจะเดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน


“องศา”


เจ้าของชื่อหันกลับไปมองมารดาบังเกิดเกล้า จะว่ารู้เรื่องที่เธอกำลังจะพูดอยู่แก่ใจแล้วก็คงไม่ผิดนัก


“สิบทิศมันตายแล้ว แกรู้เรื่องหรือยัง”


“อืม เห็นข่าวในทีวีเมื่อเช้า” เขาตอบเสียงเรียบ ผิดกับพิมพ์จันทร์ซึ่งก้มหน้าสลด เป็นคนเดียวในบ้านที่ทำตัวได้เหมาะสมกับข่าวความสูญเสียครั้งนี้


ดวงตาของนางอังกาบสั่นไหวราวกับเก็บอาการไม่อยู่ แต่ที่รุนแรงยิ่งกว่าคงเป็นอีกนัยหนึ่ง นัยที่องศาเคยกล่าวว่าไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งเพราะชีวิตแสนรันทดของเขาคงจะยุ่งยากขึ้นอีกมาก เรื่องความรักความชังน้ำเน่าพวกนั้นให้จบไปพร้อมกับชีวิตเก่าของมารดาก็ดีอยู่แล้ว สองแม่ลูกไม่ได้พูดเรื่องนี้กันมาหลายปี หากครั้งนี้ก็เหมือนเป็นโอกาสหายากที่หล่อนจะได้พูดมันต่อหน้าลูกชายอีกครั้ง


“เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้แกอยากได้อยากมีขึ้นบ้างเลยหรือไง”


“...” สายตาที่องศามีให้หญิงวัยกลางคนช่างเฉยชา


“สิ่งที่มันควรเป็นของของแก คนที่ยึดเอาไว้ก็ไม่อยู่แล้ว”


เขาให้คำตอบแม่เป็นการถอนหายใจ ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไปบนห้องโดยมีพิมพ์จันทร์คอยจับชายเสื้อเอาไว้ไม่ห่าง ประตูไม้อัดติดโปสเตอร์วงเรดฮอต ชิลลี เปปเปอร์สถูกกระแทกปิด เครื่องเล่นซีดีรุ่นเก่าต่อกับลำโพงเล่นเพลงสวีตไชล์ด โอ มายน์ลั่นห้อง พิมพ์จันทร์ยอมปล่อยมือจากเสื้อเขา ตากลมโตของหญิงสาวฉายแววเขินอายเล็กน้อยเมื่อองศาถอดเสื้อเขวี้ยงลงตะกร้า หยิบซองถุงยางในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือขึ้นมาวางเตรียมไว้แล้วจึงเริ่มถอดกางเกง


ชายหนุ่มนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรอจนเธอรวบรวมความกล้าเข้ามาใกล้ ค่อยๆ ก้มลงจูบเขา ถอดเสื้อผ้า จากนั้นทั้งคู่จึงเริ่มต้นมีเพศสัมพันธ์กันโดยที่องศาเป็นฝ่ายป้องกันทุกอย่าง เห็นสายตาของอีกฝ่ายยามที่เขากำลังสวมถุงยาง พอนึกย้อนไปถึงคำพูดที่เธอบอกแม่ตอนอยู่ด้านล่างแล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่าพิมพ์จันทร์คงอยากปล่อยให้ตัวเองท้องโดยมีเขาเป็นพ่อของเด็ก


“นี่ ฉันไม่อยากมีลูกกับเธอหรอกนะ” เขาตัดบท ทำเอาหญิงสาวหน้าเสียจนต้องบีบต้นแขนแกร่งเบาๆ เป็นการประท้วง


“ทำไมล่ะ...”


“อยากลำบากกว่านี้หรือไง ฉันเพิ่งยี่สิบ ส่วนเธอก็ยี่สิบเอ็ด ทำไมต้องพยายามหาภาระเพิ่มทั้งที่ยังเอาตัวเองไม่รอดด้วย”


“แต่ว่า” พิมพ์จันทร์พยายามเถียง “พิมพ์อยากอยู่กับองศาเป็นครอบครัว ถ้าขยันขึ้นอีกจะต้องอยู่ได้แน่”


“ไร้สาระ”


องศารำคาญความเพ้อฝันของผู้หญิง ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ แล้ว เขากับเธอจะว่าเป็นคนรักกันก็ไม่ใช่ มันเริ่มที่เธอซึ่งเป็นลูกจ้างของแม่เข้ามาเสนอและเขาสนองตามประสาผู้ชาย ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นอย่างที่อีกฝ่ายพยายามให้เป็น ถ้าจะเอาเรื่องมีอะไรกันแล้วมาอ้าง เขาคงยิ่งไม่ลำบากใจที่จะตอกกลับด้วยคำพูดเจ็บแสบและหวังดีบอกให้เธอเก็บร่างกายเอาไว้ให้ผู้ชายที่พร้อมอยู่กับเธอดีกว่า


เขาไม่ใช่พวกใส่สีขาวหรือสีดำให้ความคิดของตัวเอง หรือต่อให้กลายเป็นคนเลวร้ายในสายตาใครก็ช่าง อย่างไรชีวิตของนายองศาก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นกับใคร


‘เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้แกอยากได้อยากมีขึ้นบ้างเลยหรือไง สิ่งที่มันควรเป็นของของแก คนที่ยึดเอาไว้ก็ไม่อยู่แล้ว’


พิมพ์จันทร์กลับออกไปแล้ว เหลือเพียงชายหนุ่มที่สูบบุหรี่อยู่ริมหน้าต่าง มองหลังคาบ้านหลังอื่นและป่าละเมาะท่ามกลางกลิ่นเค็มอ่อนๆ ของทะเล เรื่องที่แม่พูดเริ่มเด่นชัดขึ้นมาในใจอย่างไรก็ไม่ทันคิด หรืออาจเพราะตอนนี้เจ้าของทรัพย์สินพวกนั้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้วจริงๆ เขาที่ไม่เคยสนใจอะไรถึงเกิดอยากได้อยากมีขึ้นมาตามคำยุยง


องศาเผลอแค่นหัวเราะกับตัวเอง “ตลกดี”


หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยในตอนหนึ่งทุ่มครึ่ง ก็หยิบกระเป๋ากีตาร์สไควเออร์รุ่นแบล็กแอนด์โครมมาสะพายบ่า จัดตั้งหนังหนังสือที่ยืมมาจากมหาวิทยาลัยใส่กระเป๋าผ้า กะเวลาว่าแวะคืนที่หอสมุด แวะกินข้าว เสร็จแล้วค่อยไปร้านเหล้าคงทันเวลานัดพอดิบพอดี


อาชีพหลักของเขาคือเป็นพนักงานร้านกาแฟในมหาวิทยาลัย ส่วนอาชีพเสริมที่ได้เงินดีพอจะถอยกีตาร์ไฟฟ้ามือสองดีๆ สักตัวคือการเป็นนักดนตรีกลางคืนแล้วรับเล่นให้วงประจำย่านนี้ทั้งสองวง มีงานสัปดาห์ละสี่ถึงห้าวัน ส่วนวันที่เหลือได้นอนพัก อ่านหนังสือทบทวนบทเรียนก่อนถึงช่วงสอบของมหาวิทยาลัยเปิดที่ลงหน่วยกิตเอาไว้


ร่างสูงโปร่งขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์เวฟรุ่นเก่ากึกที่ได้มาเมื่อสามปีก่อน พยายามนึกถึงบทเรียนวิชาวารสารศาสตร์เบื้องต้นแทนที่เรื่องของสิบทิศ พิชญเดชาอย่างที่แม่อยากให้เป็น เพราะถึงเขาจะเป็นนายองศา พิชญเดชา หากก็ไม่มีความต้องการที่จะกลับเข้าสู่วังวนการแก่งแย่งชิงดีพวกนั้นมาแต่ไหนแต่ไร


แม้ว่าลึกๆ แล้ว องศาจะรู้ดีแก่ใจว่าชีวิตแบบนั้นเป็นชีวิตที่เขาอยากได้คืนมาตลอดก็ตาม


TBC

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
ร้อยองศา
(100°C)
เข่งสะพานปลา



( 1 )
หลังจากฝันร้าย



เสียงเคาะประตูห้องปลุกคนบนเตียงให้ตื่นจากภวังค์ความคิด ละสายตาจากวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างเพื่อหันไปมองสามชีวิตซึ่งมาใหม่ในชุดสูทสีดำเต็มยศ ถุงของเยี่ยมถูกแยกไปวางไว้บนโต๊ะถุงหนึ่ง จัดแจงเข้าตู้เย็นอีกถุงหนึ่ง หน้าที่นั้นเป็นของผู้จัดการวงอย่างกสิน ส่วนอีกสองสมาชิกเดินไปนั่งบนโซฟา จัดแจงปลดเสื้อผ้าแสนอึดอัดให้สบายตัวขึ้น


“แถลงข่าวเสร็จแล้วหรือ”


คนบนเตียงผู้ป่วยถาม หลังมือยังมีเข็มให้น้ำเกลือสอดเอาไว้ และถาดอาหารเช้าบนโต๊ะข้างๆ ก็ไม่ถูกแตะเลยแม้แต่คำเดียว เรือนผมซอยสีน้ำตาลสว่างตกลงปรกหน้าเพราะไม่ได้ถูกเซ็ต ดวงตาทรงอัลมอนด์ทั้งบวมเป่งและแดงก่ำ ริมฝีปากได้รูปแห้งผาก ซีดจนแทบกลืนไปกับผิวขาวๆ ของอาณา นักร้องนำแห่งอพอลโล วงป็อปร็อกที่ขึ้นชื่อว่ามาแรงและมีชื่อเสียงที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้


“เสร็จแล้ว ทำไมไม่เปิดทีวีดูล่ะ” พายุ เจ้าของตำแหน่งมือกลองซึ่งมีผิวสีแทนและผมยาวมัดครึ่งหัวเป็นฝ่ายถามกลับ


“ไม่จำเป็นต้องดูหรอก ก็อย่างที่เราคุยกันไปก่อนหน้านี้นั่นแหละ” เผ่าเพชรตัดบท มือเบสหนุ่มดูคล้ายกับซิด วิเชียสจากวงเซ็กซ์พิสทอลที่หลุดออกมาจากโปสเตอร์ ทั้งผมสีดำสั้น ใบหน้าทะเล้นคมคาย และนิสัยทรงเสน่ห์หรือเกือบจะสุดโต่งจนเกินไปในบางครั้ง


“อาการเป็นยังไงบ้าง” พายุถามด้วยความเป็นห่วง “วันนี้หมอตรวจไปแล้วใช่ไหม”


“อืม” อาณาลูบบริเวณซี่โครงเบาๆ “เวลาหายใจก็ยังเจ็บอยู่ แต่ดีขึ้นมากแล้ว”


กสินรินน้ำเปล่ามาเสิร์ฟสำหรับทุกคน สายตาดุๆ มองทั้งสองสมาชิกราวกับจะปรามไม่ให้พูดเรื่องเครียดต่อหน้าคนเจ็บ จากการประชุมของผู้ใหญ่ อย่างไรก็คงไม่ยอมให้อพอลโลถูกยุบลงง่ายๆ ถึงแม้สิบทิศเป็นมือกีตาร์ที่ได้รับความนิยมสูง แต่ก็ใช่ว่าสมาชิกที่เหลือจะน้อยหน้า ทุกคนล้วนมีบทบาทและความสามารถเป็นของตนเอง ถ้าปล่อยระยะไว้ทุกข์สักหน่อยแล้วหามือกีตาร์คนใหม่เข้ามาแทนที่ ก็ใช่ว่าอพอลโลจะไม่มีโอกาสกลับมาทวงคืนบัลลังก์ที่เสียไปโดยไม่คาดฝัน


เพียงแต่... ถ้าอาณาไม่ทำตัวเป็นปัญหา


“ฉันรู้ว่าพูดแบบนี้อาจจะเร็วไปหน่อย” เผ่าเพชรเมินสายตาของผู้จัดการวง เขาไม่อยากหยุดทั้งที่อัลบั้มสามสำเร็จไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว “แต่ฉันยังอยากอยู่ในฐานะอพอลโลต่อไปนะ”


ทั้งพายุและกสินรู้ดีว่าคำนี้ถูกส่งถึงนักร้องนำโดยตรง พวกเขาไม่อาจทำใจกล้าเสริมทัพไปกับคำพูดของเผ่าเพชรได้ในตอนนี้ แล้วก็ไม่กล้าแม้แต่จะพยายามชักนำอาณาที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงผู้ป่วยให้คล้อยไปตามความต้องการของคนที่เหลือ มือประสานกันแน่นบนหน้าตัก ศีรษะยังมีผ้าพันแผลพันรอบ เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยกระจกบาด อีกทั้งการจะพูดตอบคำถามในแต่ละครั้งก็แลกมาด้วยอาการเจ็บปวดจากกระดูกซี่โครงที่แตก นักร้องนำของอพอลโลในตอนนี้ช่างน่าสงสารเหลือเกิน แต่สิ่งที่อาณาจำต้องรับผิดชอบเอาไว้ก็สำคัญกับคนอื่นๆ เช่นกัน


จะว่าการตัดสินใจอยู่ที่ผู้ชายคนนี้ก็คงไม่ผิด ใช่ว่าใครในที่นี้ไม่ผูกพันกับสิบทิศ แต่ความเสียใจก็เรื่องหนึ่ง ความฝันและผลประโยชน์ที่ต้องก้าวหน้าต่อไปก็อีกเรื่องหนึ่ง พวกเขาพร้อมจะใช้เวลาเป็นปีๆ หายไปเพื่อไว้ทุกข์ให้อดีตสมาชิก แต่ไม่ยอมแพ้ที่จะยุบอพอลโลตราบใดที่นักร้องนำไม่ออกปากมาว่าขอลาออก ถึงตอนนั้นก็คงต้องทางใครทางมัน เผ่าเพชรและพายุจะหาทางตั้งวงของตัวเองขึ้นมาอีกจนได้อยู่ดี


สิบทิศเสียชีวิตไปแล้วสองสัปดาห์ พิธีศพจบลงแล้ว แต่ข่าวและทิศทางของอพอลโลยังคงเป็นสิ่งที่สังคมให้ความสนใจว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร ทุกครั้งที่นึกถึงคืนนั้น อาณายังจำความตื่นตระหนก แรงสั่นสะเทือน รวมถึงความเจ็บปวดที่เหมือนตายไปแล้วได้อย่างกับเป็นเรื่องของเมื่อวานนี้  สิ่งที่ยังคงเหลือคือใบหน้าของผู้ชายที่เป็นทั้งเพื่อนตอนเรียนมหาวิทยาลัยและเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดในชีวิตของเขา


ดังนั้นต้องเป็นการตัดสินใจแบบไหน ที่จะไม่ทรยศทั้งกับเพื่อนร่วมวงและต่อสิบทิศที่ไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว


“ฉัน... ขอคิดดูก่อนแล้วกัน”


“ช่างเถอะ” พายุถอนหายใจ ก่อนระบายรอยยิ้มเพื่อปลอบใจนักร้องนำที่คงยังไม่หายช็อกจากอุบัติเหตุ มันเร็วเกินกว่าที่ใครจะกล้าตัดสินใจหลังเหตุการณ์นี้ แม้แต่ทางค่ายเพลงยังไม่กล้าเร่งรัดกับอาณาด้วยซ้ำ ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคต ต่อให้อพอลโลต้องหายไป แม้แต่เผ่าเพชรก็คงโกรธไม่ลงอยู่ดี


อย่างน้อยหากมีคนที่สามารถขึ้นมาเป็นสิบทิศเบอร์สองได้จริงๆ ทั้งอาณาและอพอลโลก็คงฟื้นฟูขึ้นได้พร้อมๆ กัน เป็นความหวังเพียงน้อยนิดของสมาชิกที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้


ผู้กอบกู้อพอลโล – สิบทิศคนที่สอง


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ


“พายุ”


เจ้าของชื่อหันไปโบกมือขอเวลาจากผู้จัดการวงชั่วครู่ ส่วนเผ่าเพชรเดินไปถึงหน้าลิฟท์แล้ว ต่อให้มือเบสของวงจะหนีกลับไปก่อนก็ไม่เดือดร้อนอาณาเท่าไรนัก ชายหนุ่มผิวสีแทนก้าวขากลับมายืนข้างเตียง รู้ว่าอาณาคงมีอะไรอยากพูดก่อนเขากลับไป


“รถคันนั้น... ตำรวจจะไม่ตามหาจริงๆ หรือ”


พายุมองตอบนักร้องนำ ตั้งแต่วันแรกที่พอจะเปล่งเสียงพูดได้ นอกจากร้องห่มร้องไห้เรื่องสิบทิศแล้ว สิ่งที่อาณาพูดถึงก็มีแต่เรื่องเกี่ยวกับคดีและรถฟอร์ดสีขาว แต่พอถามถึงเหตุผล อีกฝ่ายกลับไม่ยอมตอบ พายุไม่รู้ว่าคนคนนี้คิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ “ถึงจะตามหารถคันนั้นเจอ แต่รูปคดีก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี ตำรวจคุยกับนายแล้วนี่”


“ไม่ใช่ มันสำคัญกว่านั้น”


อาณาตอบ ก่อนจะหยิบเอาหนังสือที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นมายื่นให้แทน


“เล่มนี้อ่านจบแล้ว คราวหน้าฝากหยิบเมฆาสัญจรมาหน่อยสิ”


พายุแปลกใจที่เพื่อนร่วมวงยอมเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ อาณาคล้ายจะมีความคิดมากมายอัดแน่นอยู่ภายในหัวโดยไม่ยอมให้ใครเข้าถึง แต่มือกลองหนุ่มรู้ว่าสักวันเจ้าตัวคงยอมพูดออกมา จึงไม่อยากเซ้าซี้อะไรนัก


“อ่านเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้งเรื่องนี้ ชอบขนาดนั้นเลยหรือ”


คนถูกถามแค่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ช่างว่างเปล่าเหมือนกับว่า อาณา ปารกุล ได้ตายไปพร้อมสิบทิศในคืนนั้นไม่มีผิด











แก้วเหล้าถูกหยิบออกจากมือแกร่ง หน้าอกบดเบียดเข้ามาจนหนีบท่อนแขน ชายหนุ่มเจ้าของตำแหน่งมือกีตาร์ชั่วคราวประจำวงดนตรีสดแห่งร้านเม้าท์ทูเม้าท์ได้แต่กลอกตา พ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิดท่ามกลางบรรยากาศกระอักกระอ่วนปนขำขันของคนที่เหลือ จนเชอรี่ สาวน้อยมาดเซอร์ซึ่งเป็นนักร้องนำของวงอดไม่ได้ ลุกย้ายตัวเองมานั่งอีกฝั่งของหนุ่มเนื้อหอม ยอมเล่นบทเมียหลวงไล่ต้อนเมียน้อยอย่างในละครหลังข่าวเพื่อนำไปใช้เป็นข้ออ้างขอกาแฟฟรีก่อนไปเรียนในวันพรุ่งนี้


“องศา ทำไมไม่ตอบไลน์เราเลยล่ะ”


“มาส่งไลน์ตื๊อผัวชาวบ้านเขาเนี่ย ไม่อายบ้างหรือไง” เชอรี่แกล้งแหวเสียงสูง ทำเอาทั้งพนักงานและเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว ส่วนคนต้นเรื่องอย่างองศากลับไม่ทำอะไรมากไปกว่ายกแก้วเหล้าดื่มรวดเดียวจนหมดแล้ววางส่งๆ ลงบนโต๊ะเพื่อหาคนช่วยชงแก้วต่อไป


“ผัวอะไร! องศาไม่มีแฟนปะ” สาวนักเที่ยวเถียงเชอรี่ฉอดๆ


“เออ ก็ไม่มีแฟนไง มีแต่เมียมันนั่งหัวโด่เนี่ย”


“จริงหรือเปล่าองศา ตัวเป็นแฟนกับอีนี่เหรอ”


“...” สารภาพตามตรงว่าความคิดเดียวในหัวของเขาคืออยากลุกหนี ผู้หญิงทะเลาะกันไม่ใช่อะไรที่น่าอภิรมย์เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอาเขามาเป็นเสาหลักนั่งตรงกลางแล้วด่ากันแว้ดๆ อย่างนี้ น่ารำคาญชะมัด


เชอรี่ถองศอกเบาๆ ใส่คนที่ไม่ยอมเล่นตามบท “ก็บอกเขาไปสิองศา ว่าตัวเองเอากับเค้าบ่อยกว่าที่ตอบไลน์มันอีก”


“โอ้โห...”


คนที่เหลือบนโต๊ะอ้าปากค้าง แทบจะพักยกดื่มเหล้ามาปรบมือ มอบรางวัลออสการ์ให้นักร้องสาวที่เล่นละครตบตาจนผู้หญิงทรงโตเมื่อครู่ยอมลุกหนีไปได้ พอภารกิจสำเร็จเท่านั้นแหละ สาวเจ้าก็ปล่อยมือที่กอดรัดฟัดกับแขนคนข้างๆ หยิบเหล้าขึ้นมาดื่มสบายใจเฉิบพร้อมรับคำชมจากผู้เห็นเหตุการณ์


“โธ่อีรี่! บอกเลยว่าถ้าไม่ใช่ไอ้องศา ขี้คร้านคงรีบจับมึงปล้ำรับบทเมียหลวงไปแล้ว”


“ที่พูดเมื่อกี้แม่งแรงว่ะ... เขินแทนเลยอะ”


เชอรี่หัวเราะ เพราะเป็นผู้ชายอย่างองศานี่แหละเธอถึงกล้าเล่น ถึงจะรู้ว่าเจ้าตัวไม่ใช่ตุ๊ดใช่เกย์แถมยังไม่รังเกียจผู้หญิงที่เข้าหาก็เถอะ แต่ถ้าแค่ทีเล่นทีจริงระดับเมื่อครู่ อย่างไรองศาก็แยกแยะออกอยู่แล้ว


หลังจากนิ่งไปชั่วขณะ ชายหนุ่มจึงดึงแก้วเหล้าที่กำลังจะถูกหยิบไปชงใหม่เข้ามาใกล้ เป็นสัญญาณว่าพอแล้วสำหรับคืนนี้ ถึงพรุ่งนี้ไม่มีกะที่ร้านกาแฟแต่เขาก็ตั้งใจว่าจะตื่นเช้ามาอ่านหนังสือ มะรืนเป็นวันสอบมิดเทอม องศาไม่อยากเสียค่าหน่วยกิตซ้ำๆ ซากๆ ไปกับวิชาที่เขาได้ลงเรียนไว้แล้ว ไหนจะต้องเก็บเสื้อผ้าสำหรับนอนในกรุงเทพฯ จนหมดช่วงสอบอีก เหล้าแก้วเมื่อครู่นี้จึงเป็นแก้วสุดท้ายในรอบสัปดาห์ก่อนการหายไปจากค่ำคืนริมทะเลเป็นระยะสั้นๆ


เชอรี่ออกมาส่งเขาที่รถมอเตอร์ไซค์หน้าร้านโดยไม่จำเป็น เธอบ่นเสียดายนิดหน่อยเรื่องกาแฟฟรีเพราะลืมไปว่าพรุ่งนี้เขาไม่เข้า องศายอมรับว่าบางทีเชอรี่ก็ดูเหมือนคิดอะไรกับเขาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากจะเก็บมาคิดให้มากเพราะกลัวกระทบกับเรื่องงานนักดนตรี คนที่ทำงานด้วยกันไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันนั่นเป็นสิ่งถูกต้องแล้ว


ใช้เวลาแค่สิบนาทีก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้าน องศาหยิบบุหรี่ซองใหม่ออกมาจากถุงร้านสะดวกซื้อ ตั้งใจจะสูบให้เสร็จสักสองมวนแล้วค่อยเข้าไปในบ้าน เสื้อยืดสีดำติดมาทั้งกลิ่นเหล้าและกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าหากว่าพิมพ์จันทร์ไม่ได้กำลังรอเจอเขาข้างบนนั้นแล้วมางี่เง่าใส่เพราะความหึงหวงอย่างเช่นหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา


ซึ่งเป็นอย่างที่คิด พอเปิดประตูห้องมา พิมพ์จันทร์ก็นั่งรออยู่บนเตียงทั้งชุดนอนแล้ว


“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าเข้าห้องคนอื่นตามใจชอบ”


“พิมพ์มารอ...”


“ห้องตัวเองก็มี”


เขาดุเสียงแข็ง วางกระเป๋ากีตาร์พิงกับผนังก่อนจะเปิดฝาขวดน้ำเปล่ายกขึ้นดื่ม พิมพ์จันทร์ทำสีหน้าราวกับยอมรับความผิดที่ถือวิสาสะเข้ามารอในห้องแต่โดยดี กระนั้นองศาก็รู้ว่าเธอคงมีเรื่องอยากพูดกับเขานอกเหนือจากการมารอเจอเฉยๆ แน่


“วันมะรืนไปสอบที่กรุงเทพฯ ใช่ไหม พิมพ์ขอไปด้วยนะ”


“ไม่ได้” คนถูกขอปฏิเสธทันควัน “ไปอาศัยบ้านคนรู้จัก”


“คนรู้จักที่ไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย” เธอเม้มริมฝีปากจนบางเฉียบ ถึงกล้าๆ กลัวๆ ที่จะถามแต่ก็พูดมันออกมาจนได้


ตั้งแต่วันที่มีเรื่องท้องเข้ามาเกี่ยว เขาก็ไม่ได้แตะต้องตัวผู้หญิงคนนี้อีกเลยแม้แต่ปลายนิ้ว จนถึงตอนนี้ที่พิมพ์จันทร์พยายามผูกมัดเขามากขึ้น องศาก็เริ่มแน่ใจว่าเขาควรตัดสินใจให้เด็ดขาดกับความสัมพันธ์นี้สักที แค่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันในฐานะที่เธอเป็นผู้อาศัยก็มากพอแล้ว หากปล่อยให้ถลำลึกมากขึ้น น่ากลัวว่าชีวิตสันโดษที่เขาพยายามรักษามันมาตลอดคงได้พังครืนในเร็วๆ นี้แน่


ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก วางขวดน้ำไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วจึงยืนกอดอกสงบนิ่ง “พิมพ์ ฉันว่าเราคุยกันชัดเจนหลายครั้งแล้วนะ”


จากแค่เม้ม ริมฝีปากของพิมพ์จันทร์กลับยิ่งแดงจัดเพราะแรงกัด เธอลุกขึ้นมาดึงแขนเขาไปนั่งที่เตียง ก่อนจะคุกเข่าลงระหว่างขาทั้งสองข้าง ใช้มือปลดกระดุมกางเกงยีนแล้วรูดซิปลงจนเห็นชั้นในสีเทา ทว่าเจ้าของร่างอย่างองศากลับถอนหายใจ จับมือหญิงสาวออกจากตัวเพื่อหยุดการกระทำทุกอย่างตามที่ได้พูดไว้ก่อนหน้านี้


“ทำไมล่ะ...” เธอเริ่มร้องไห้ “พิมพ์เลิกกับองศาไม่ได้ อย่าทิ้งพิมพ์ไปเลย ให้เป็นอะไรขององศาก็ได้ แต่อย่าทิ้งพิมพ์เลย”


“แบบนี้เหรอจะให้ฉันคุยกับเธอเหมือนเดิม”


เขาเองก็มีส่วนผิดที่ยอมให้ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้น พิมพ์จันทร์ไม่ใช่อย่างผู้หญิงคนอื่นๆ ในชีวิตของเขา ไม่ใช่ผู้หญิงที่พอทำเลวร้ายด้วยแล้วจะโกรธจนยอมหนีหายไป ยิ่งเฉยชาเธอยิ่งผูกมัด ยิ่งพูดแย่ๆ เธอยิ่งเอาใจ ยิ่งหนีห่างเธอก็รังแต่จะเอาตัวเข้ามาใกล้ๆ เป็นประเภทที่น่าเหนื่อยใจมากที่สุด


“ออกไป”


“องศา...”


“ไม่อย่างนั้นฉันจะไปเอง”


เรื่องคืนนั้นทำให้องศาเริ่มคิดอย่างจริงจังว่าเขาควรออกไปอยู่ที่อื่นสักพัก










“ถ้ารู้ว่าป๋าจะชวนดื่ม คงไม่เอารถมาแต่แรกแล้ว”


อาณาหัวเราะใส่คนข้างๆ มีแค่เขาฝ่ายเดียวที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ส่วนผู้ชายที่ทำหน้าที่สารถีมีสิทธิ์ดื่มไปแค่สองสามแก้วให้พอหายอยากไปตามระเบียบ แค่นี้ยังไม่รู้เลยว่าถ้าเจอด่านจะเป่าแล้วมาตรวัดขึ้นเกินเกณฑ์ไหม แบบนั้นคงเป็นข่าวใหญ่รับวันรุ่งขึ้นของคุณชายสิบทิศ พิชญเดชา นักดนตรีไฮโซแห่งวงอพอลโลแน่


“เสียดายล่ะสิ” นักร้องนำกระเซ้า “ไม่ต้องห่วง พี่อาณาดื่มแทนน้องสิบทิศเต็มคราบเลยครับผม”


พูดจบก็โดนยื่นมือมาผลักศีรษะเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ ทั้งคู่ชื่นชอบในความสัมพันธ์เสมอต้นเสมอปลายอย่างที่เป็นอยู่ ราบเรียบ หวานซึ้ง วาบหวาม และหยอกเย้ากันโดยไม่มีเก้อเขิน ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติที่เริ่มจากศูนย์ ค่อยๆ ก่อตัวเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเพื่อนร่วมวงซึ่งพิเศษกว่าใคร


“รู้สึกเหมือนไม่ได้นั่งรถนายเลยแฮะ”


“ทำไม”


“มันสะอาด”
พูดจบอาณาก็หัวเราะอีกรอบ ส่วนคนถูกแซวได้แต่แยกเขี้ยวใส่แบบไม่จริงจังนัก “ล้อเล่นน่า แล้วลูกชายจะได้ออกจากอู่เมื่อไร”


“น่าจะวันจันทร์มั้ง อุตส่าห์ขอให้เขาช่วยเร่งมือแล้วเชียว”
สิบทิศตอบ สัมผัสของรถญี่ปุ่นนี่อย่างไรก็สู้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องนั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหน


รถยนต์สีขาวแล่นมาขนาบข้าง แต่อาณาก็ไม่ได้สนใจมันมากไปกว่าการพูดคุยหยอกล้อกับสิบทิศถึงเรื่องในวงเหล้าเมื่อสักครู่ ทั้งคู่ขำเกือบตายพอนึกได้ว่าเผ่าเพชรเมาหัวราน้ำจนทำอะไรตลกๆ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามถอดกางเกงตามคำท้าหรืออยากปีนขึ้นไปเต้นบนโต๊ะ ถ้าโดนนักข่าวถ่ายภาพตอนทำเรื่องน่าอายแบบนี้ไว้ได้ มีหวังมือเบสของวงคงได้หอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอยู่ประเทศอื่นเมื่อสร่างเมาแน่ๆ


“วันนี้ฉันค้างคอนโดนายแล้วกัน อยากตื่นมากินมาม่าร้อนๆ ฝีมือน้องสิบทิศมากเลย” อาณาอ้อล้อ ทำเอาคนฟังอดไม่ได้ต้องเอื้อมมือมายีศีรษะจนยุ่งเหยิง


“ฉันก็ว่าจะไม่ปล่อยให้นาย —”


ยังพูดไม่ทันจบ สิบทิศก็จำต้องเหยียบเบรกสุดแรงพลางหักรถไปทางขวาด้วยสัญชาตญาณ เบื้องหน้าคือรถยนต์คันสีขาวที่ขับปาดมาดักหน้าอย่างไม่มีสาเหตุ คนขับพยายามควบคุมแรงเสียดของรถเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ยังไม่ทันจะได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แรงกระแทกรุนแรงก็ปะทะเข้ามาจากทางฝั่งขวา อัดจนโครงรถฝั่งที่นั่งคนขับบุบยับเยิน


อาณารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นร้าวไปทั่วทั้งร่าง นัยน์ตาพร่าเลือนเห็นเพียงสีแดงจากโลหิต เขาพยายามประคองสติเอาไว้เท่าที่จะทำได้ ริมฝีปากแห้งผากพยายามเอ่ยเรียกชื่อของคนข้างๆ แต่ก็พบว่าสติสัมปชัญญะของตนเองชักวิกฤตเข้าไปทุกที


“สิบทิศ…”


เขาพยายามเรียก แต่ก็ไม่รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวใดนอกจากเงาตะคุ่มๆ ของคนที่ชะโงกตัวเข้ามาทางหน้าต่างรถ และกลิ่นน้ำหอมฉุนจมูกซึ่งไม่คุ้นเคย





“...!!!”



อาณาลืมตาตื่นขึ้นมาพบความมืดครึ้มตอนกลางดึก เสียงนาฬิกาติดผนังยังคงดังสม่ำเสมอ แอร์เย็นทำงานปกติ บนตัวมีผ้าห่มคอยปกป้องจากความหนาว หากขมับชื้นของชายหนุ่มกลับเปียกชุ่ม ทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อโทรมกาย ลมหายใจหอบถี่เพราะภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นย้อนกลับมาทุกฉากทุกตอน


เขารู้สึกเหมือนจะอาเจียน แต่ในท้องก็มีแค่น้ำย่อยเท่านั้น ชายหนุ่มงอตัวลงพลางขยับขาเข้ามาชิดร่าง ลำคอแห้งผากโขลกไอจนปวดไปทั้งหน้าอกและซี่โครง


“สิบทิศ...”


เสียงแหบพร่าพึมพำอย่างไร้จุดหมายเมื่อฝันร้ายถึงคืนนั้นอีกครั้ง


TBC

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
ร้อยองศา
(100°C)
เข่งสะพานปลา



( 2 )
สร้างเงา



หลังจากอุบัติเหตุบนบนทางคู่ขนานลอยฟ้าแล้วสามเดือน เสียงรถของพายุอาจเป็นการมาเยือนเพียงหนึ่งเดียวที่อาณาไม่ต้องรู้สึกแย่นัก


เขาพักฟื้นที่โรงพยาบาลนานเกินจำเป็นเพราะใช้เป็นข้ออ้างหลีกหนีหลายต่อหลายสิ่งที่ต้องเผชิญนับจากนี้ หนึ่งคือพวกนักข่าวที่สร้างกระแสให้เรื่องอุบัติเหตุไม่เว้นวันตลอดเดือนแรก สองคือแรงกดดันจากต้นสังกัดว่าไม่ต้องการให้อพอลโลถูกยุบ หรือแม้แต่เพื่อนร่วมวงก็คาดหวังกับคำตอบของเขาไม่ต่างจากสื่ออื่น เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาทุกครั้งที่เจอกันก็เท่านั้น


อาณายังไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง เขายังนึกภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่าอพอลโลที่ไม่มีสิบทิศจะเป็นอย่างไร


ชายหนุ่มหันไปปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย จากนั้นจึงก้าวขึ้นรถของมือกลองประจำวงแต่โดยดี มือยกขึ้นขยับแว่นสายตา วันนี้เป็นวันแรกในรอบสามเดือนที่นักร้องนำอพอลโลถูกสั่งให้เข้าบริษัท ทั้งคอนเสิร์ตและงานแสดงซึ่งมีคิวยาวไปจนถึงช่วงต้นปีถูกยกเลิก อพอลโลเป็นวงที่งานชุกที่สุดในค่าย เมื่อเกิดผลกระทบขึ้นจึงสร้างความเสียหายให้บริษัทได้มากเช่นเดียวกัน


“เรื่องวง... ตัดสินใจหรือยัง” พายุถามเสียงเรียบ ส่วนอาณาส่ายศีรษะตอบตามความจริง


“ขอโทษนะ”


“ก็พอเข้าใจอยู่ แต่บริษัทคงอยากเร่งรัดเอาคำตอบจากนาย”


“อืม” อาณาครางตอบ รู้ดีว่ามนุษยธรรมกับธุรกิจ บางครั้งก็ถูกแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง “พายุ”


“ว่าไง”


“ฉันสงสัยว่า การตายของสิบทิศจะเป็นฆาตกรรมจริงๆ”


พายุหักรถเข้าข้างทางแทบจะในทันที หันมองเพื่อนร่วมวงที่ปั้นหน้าเครียดแล้วหลุดพูดอะไรแปลกๆ เรื่องอุบัติเหตุออกมา อีกไม่ถึงสองกิโลเมตรข้างหน้าก็จะถึงบริษัทแล้ว พายุไม่อยากให้อาณาแสดงความหมกมุ่นกับเรื่องนี้ต่อหน้าป๋าเกียงหรือผู้บริหารคนไหนอีก ไหนๆ ตอนนี้คดีก็ใกล้จะจบแล้ว ฝั่งญาติผู้เสียชีวิตอย่างตระกูลพิชญเดชายอมรับข้อหาของสิบทิศและยินดีจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์อย่างไม่มีอิดออด


“นายพูดแบบนี้อีกแล้ว รู้ไหมว่าบริษัทหงุดหงิดกับการที่ต้องพยายามปิดปากนักข่าวมากแค่ไหน เรื่องที่นายเมาหัวราน้ำในคืนเกิดเหตุแล้วยังพูดเรื่องรถสีขาวอะไรนั่น”


“คืนนั้นฉันไม่ได้เมา”


“อาณา” พายุว่าเสียงเข้ม “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเชื่อนะ แต่สิ่งที่นายพูดมันไม่มีหลักฐาน ขืนเอาแต่พูดลอยๆ แบบนี้มันจะเป็นผลเสียกับตัวนายเองแล้วก็อพอลโล”


“ถ้าสิ่งที่ฉันพูดไม่มีหลักฐาน อย่างนั้นสิ่งที่นายประวิทย์พูดก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันไม่ใช่หรือ”


เขาพยายามจะพูดแบบนี้ในชั้นศาล แต่ก็พบว่ามันฟังไม่ขึ้นเลยเมื่อฝั่งสิบทิศตกอยู่ในสถานะจำเลย และเขาก็เป็นเพียงพยานฝั่งจำเลยเท่านั้น คำให้การของอาณาช่วยสร้างความชอบธรรมให้การตายของสิบทิศไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว


อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขาหมดสติไปสี่วัน พอเข้าวันที่ห้าก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหาถึงห้องพักฟื้น การสอบปากคำในครั้งแรกเต็มไปด้วยความสับสนจากอาการช็อกและฤทธิ์ยากล่อมประสาท อาณาจึงไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีได้เท่าที่ควร หากพอสัปดาห์ต่อมาเมื่ออาการคงที่ขึ้น ชายหนุ่มก็ได้รู้ถึงความหนักหนาสาหัสของรูปคดีในตอนนี้ดีกว่าใคร


คำให้การของเขาถูกลดความน่าเชื่อถือลงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ อาณายอมรับว่าเขาดื่มไปเยอะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสติรับรู้ทุกอย่างดีพอจะบอกได้ว่ามีรถยนต์ในที่เกิดเหตุถึงสามคัน หนึ่งคือคันสีขาวปริศนาที่ขับตัดหน้า ส่งผลให้สิบทิศจำต้องเบี่ยงหลบอย่างกะทันหัน ก่อนจะถูกรถของนายประวิทย์ซึ่งขับตามมาพุ่งเข้าชนทางด้านขวาในเวลาต่อมา


บนทางคู่ขนานลอยฟ้าไม่มีกล้องตรวจจับความเร็ว จึงทำให้ไม่มีภาพในที่เกิดเหตุมาประกอบสำนวนคดีของพนักงานสอบสวน กอปรกับคำให้การของนายประวิทย์ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ยืนยันว่าบนถนนไม่มีรถคันอื่นอยู่อีก รูปคดีถึงออกมาว่า สิบทิศขับรถโดยประมาทจึงเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บ


เจ้าหน้าที่อยากให้คดีสิ้นสุด บริษัทอยากให้คดีสิ้นสุด ทุกคนอยากให้คดีสิ้นสุด


เว้นแต่นายอาณา ปารกุล


“ขอยืนยันคำเดิมว่าฉันอยากจะเชื่อนาย” คนตรงหน้ากล่าวตอบ อาณาแน่ใจว่าพายุรู้จักเขาดี “แต่แค่นี้มันไม่มีน้ำหนักอะไรเลย อะไรที่ทำให้นายคิดว่ามันเป็นการฆาตกรรม”


เขากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ จนถึงตอนนี้ก็ยังจำกลิ่นน้ำหอมได้ราวกับมันติดอยู่ปลายจมูก แต่พอให้การกับทางตำรวจไปว่าเห็นเงาตะคุ่มชะโงกหน้าเข้ามาในรถ สิ่งที่ออกมาจากปากคนเมาเช่นเขาก็ถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์กันแน่


อาณายอมสงบปากสงบคำจนกระทั่งพายุพามาถึงบริษัทในที่สุด ชายหนุ่มผิวแทนกดลิฟต์ไปยังชั้นสามสิบสาม ระหว่างนั้นยังพะวงอยู่กับนักร้องนำซึ่งปิดปากเงียบเหมือนอย่างสามเดือนที่ผ่านมา ทุกคนที่ไปศาลรู้ดีว่าอาณาไม่ยอมสลัดฝันร้ายคืนนั้นออกจากหัว และการจากไปพร้อมกับความผิดของมือกีตาร์ก็ไม่ใช่จุดจบที่สวยงามนัก ส่วนทางบริษัทได้พยายามเป็นอย่างยิ่งไม่ให้คำพูดไร้มูลของอาณาถูกเผยแพร่ออกไป


ผลการชันสูตรศพของสิบทิศพบว่ามีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แม้จะแค่เล็กน้อยแต่ก็บิดเบือนความรู้สึกของประชาชนได้มากพอสมควร มิหนำซ้ำทุกคนที่อยู่ในนัดคืนนั้นก็ยืนยันได้ว่าคะยั้นคะยอให้สิบทิศดื่มจริงๆ พยานหลักฐานจึงเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนบนชั้นศาลจนแม้แต่อาณายังต้องยอมจำนน


ประตูลิฟต์เปิดออก พาสองหนุ่มมาถึงชั้นสามสิบสามอันเป็นที่ตั้งของ มอร์มิวสิกเรคอร์ดส ค่ายเพลงใหญ่ในเครือบริษัทจีอีเอ็ม ซึ่งครองตลาดใหญ่ที่สุดในวงการเพลงภายในประเทศ แนวเพลงส่วนใหญ่ของมอร์มิวสิกนั้นเป็นร็อกและป็อปร็อก ทั้งยังมีศิลปินอันดับต้นๆ อยู่ในสังกัดมากมายจนจัดคอนเสิร์ตเฉพาะของค่ายได้ถึงปีละครั้ง ส่วนเจ้าของรายได้อันดับหนึ่งในช่วงสามปีหลังมานี้ย่อมเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกเสียจาก อพอลโล วงป็อปร็อกชื่อดังซึ่งมีความหมายถึงเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และศิลปะการดนตรีนั่นเอง


เผ่าเพชรและกสินมาถึงก่อนแล้ว ทั้งสองกำลังนั่งคุยกับทีมงานหลักคนอื่นๆ อยู่ในห้องประชุมที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับการพูดคุยครั้งนี้ จากสีหน้าเคร่งเครียดของเผ่าเพชร อาณารู้ดีว่าอีกฝ่ายกังวลเรื่องที่เขาอาจจะขอยุติบทบาทการเป็นนักร้องนำของอพอลโล เพราะตั้งแต่ที่ได้เจอกันในโรงพยาบาลครั้งล่าสุด บทสนทนากับมือเบสของวงก็จบลงด้วยท่าทีผิดหวังและไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย


“หายดีแล้วนะ?” เผ่าเพชรทักเขาคำแรก ส่วนฝั่งนักร้องนำแค่ยิ้มตอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ท่ามกลางสายตาของทุกคนในห้องประชุม


ไม่นานนัก คุณพงษ์พัฒน์ ผู้บริหารค่ายมอร์มิวสิกเรคอร์ดส ควบด้วยตำแหน่งลูกชายคนโตของ พงษธร หรือ ป๋าเกียง ประธานบริษัทจีอีเอ็มก็มาถึง อาณาถูกถามไถ่เรื่องอาการแค่พอเป็นมารยาทเท่านั้น ทุกคนเห็นด้วยตาว่าเขาหายแล้ว ไม่มีเฝือกอ่อน บาดแผลตามเนื้อตัวหายเกือบสนิท รวมถึงท่าทางการเดินเหินก็ปกติดี


“ไม่รู้ว่าเร็วไปหรือเปล่า แต่เรื่องที่เราจะคุยกันหลักๆ ในวันนี้ก็คือทิศทางของอพอลโล... พายุ เผ่าเพชร อาณา ถึงทางค่ายจะลงความเห็นว่าควรหามือกีตาร์คนใหม่มาแทนสิบทิศแล้วทำวงต่อไป แต่การตัดสินใจหลักก็ขอยกให้เป็นของพวกคุณ” พงษ์พัฒน์ว่า ประสานสองมือไว้บนโต๊ะขณะไล่สายตามองศิลปินทั้งสามคนอย่างคาดหวัง หุ้นของจีอีเอ็มไม่ควรดิ่งลงไปมากกว่านี้


การเสียสมาชิกคนสำคัญเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากสูญเสียความสมบูรณ์ของวงแล้วยังก่อให้เกิดผลกระทบทางใจอย่างใหญ่หลวงกับคนที่ยังอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาณา เพราะหากการคงอยู่ของสิบทิศเปรียบเสมือนเสาหลัก นักร้องนำก็คงเหมือนลายสลักที่เป็นภาพลักษณ์ของวง ต่อให้อีกสองคนดึงดันจะทำอพอลโลต่อก็ไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แล้วยังต้องใช้เวลาค้นหานักร้องนำอีกหนึ่งปี สองปี หรือว่าหลายต่อหลายปีอย่างที่วงอื่นๆ ต้องเผชิญ


“ถ้าหากพวกคุณเลือกที่จะทำต่อ เราจะมาคุยเรื่องหาสมาชิกกัน แต่ถ้าผลออกมาว่าไม่ ก็คงต้องคุยเรื่องสัญญาที่เพิ่งต่อไปเมื่อปีที่แล้วว่าจะมีทางออกกับทั้งสองฝ่ายยังไงบ้าง”


อพอลโลทั้งสามยังนิ่งเงียบ ถึงแม้จะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่พายุและเผ่าเพชรกลับไม่กล้าตอบออกมาทันที แน่นอนว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของการตัดสินใจครั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลักอย่างอาณา ถ้านักร้องนำบอกว่าไม่ สิ่งที่พวกเขาตั้งความหวังไว้ก็คงพังไม่เป็นท่า


“ทำต่อครับ”


“ไม่ทำครับ”


ทุกคนมองอาณาและเผ่าเพชรซึ่งโพล่งขึ้นพร้อมกัน พายุอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าคนที่ตอบไม่จะกลายเป็นมือเบสของวงไปได้ เผ่าเพชรเองก็เช่นเดียวกัน เขาหันมองอาณา นึกตกใจที่อีกคนตอบตรงกันข้ามกับความกลัวของคนอื่นๆ หน้าตาเฉย


“นายไม่อยากทำแล้วหรือ” ดวงตาใต้กรอบแว่นหันมองอีกหนึ่งสมาชิก เมื่อสองเดือนก่อน เผ่าเพชรยังยืนกรานว่าอยากจะทำอพอลโลต่อไปอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ปฏิเสธต่อหน้าคุณพงษ์พัฒน์กันเล่า


“เพราะฉันคิดว่านายจะไม่ทำน่ะซี” เผ่าเพชรหัวเราะเหมือนคนน้ำตาจะไหล รีบหันไปแก้คำกับผู้บริหารทั้งเสียงลนลาน “สรุปว่าผมเอาด้วยครับ! อพอลโลจะยังทำเพลงต่อไป”


พายุถอนหายใจอย่างโล่งอก ทั้งที่เมื่อเกือบชั่วโมงก่อนหน้านี้อาณาเพิ่งจะตอบว่ายังไม่ได้ตัดสินใจแท้ๆ แถมเผ่าเพชรเองก็เครียดกับเรื่องนี้มานับตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุ อาจฟังดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อยที่ทุกคนยอมทิ้งสิบทิศ แต่อพอลโลก็เป็นชีวิตของพายุ เป็นชีวิตของเผ่าเพชร แล้วก็คงจะเป็นชีวิตของอาณาเหมือนกัน


“ผมไม่อยากให้สิ่งที่สิบทิศสร้างมาเสียเปล่า” อาณาอธิบายเหตุผล หรืออันที่จริงคงเป็นเพราะเขาพ่ายแพ้ต่อความมุ่งมั่นที่พร้อมเดินหน้าต่อของทุกคนในที่นี้ก็ได้


หากมีมือกีตาร์คนใหม่เข้ามา สิบทิศจะถูกลืมเลือนหรือเปล่า?


บรรดาคนในห้องประชุมต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก พอดีกับที่เด็กฝึกงานนำกาแฟจากร้านในตึกชั้นล่างมาส่ง ทั้งเผ่าเพชรและพายุจึงดื่มมันราวกับนี่เป็นเครื่องดื่มแก้วที่อร่อยที่สุดในรอบหลายเดือน ผิดกับอาณาซึ่งยกคาปูชิโนร้อนขึ้นจิบ ตาสีเข้มฉายแววของสิ่งที่ครุ่นคิดในใจเพียงลำพัง


หากเสียสถานะของอพอลโล อาณาก็จะสูญเสียทุกสิ่ง แม้ว่าการร้องเพลงโดยไม่มีสิบทิศแล้วเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็ยังฝืนทำต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย


บาดแผลในใจของเขาไม่มีทางหาย -- ไม่มีวัน


ตราบใดที่ทุกคนยังเชื่อว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ







-------------------------------------------

‘THE NEXT APOLLO’
ตามหาสมาชิกคนใหม่ของ อพอลโล

คุณสมบัติของผู้สมัคร
1. อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2. เพศชาย
3. ไม่มีสัญญาผูกมัดกับสังกัดเพลงอื่น
4. อ่านเขียนภาษาไทยชัดเจน
5. ทักษะการเล่นกีตาร์ดีเยี่ยม

ขั้นตอนการสมัคร
1.เลือกเพลงที่ต้องการส่งออดิชั่นจากรายชื่อเพลงที่กำหนด โดยเป็นเพลงเร็ว 1 เพลง และเพลงช้า 1 เพลง
2. บันทึกวิดีโอการเล่นกีตาร์ พร้อมแนะนำตัวเองในแบบของคุณ ความยาวไม่เกิน 3 นาที

ช่องทางการส่ง ทางออนไลน์ อัพโหลดคลิปของคุณ ตั้งชื่อ AP และตามด้วยชื่อของคุณ แล้วส่งมาที่ http://faceboost.com/apolloband

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-345-6789
ระยะเวลาการรับสมัคร 8 ต.ค. - 8 ธ.ค. 2560

โดยหลังจากหมดเขตการรับสมัครแล้ว ทางมอร์มิวสิกเรคอร์ดสจะทำการคัดเลือกผู้ผ่านรอบแรกจำนวน 10 คน เพื่อไปแข่งขันในรอบสุดท้าย ติดตามรายละเอียดได้ในเร็วๆ นี้

-------------------------------------------










“เฮ้ย อพอลโลหามือกีตาร์คนใหม่จริงๆ ด้วยว่ะ”


เสียงของแจ้โพล่งขึ้นระหว่างที่ทุกคนในวงทะเลดำกำลังพักเบรกหลังซ้อมมาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม องศาชะงักมือที่กำลังเกากีตาร์ เหลือบสายตาขึ้นมองสมาชิกจริงๆ ของวงซึ่งกำลังนั่งออดูหน้าจอแมคบุ๊กอยู่ตรงมุมห้องซ้อมดนตรี


อพอลโลจัดการประกวดหามือกีตาร์คนใหม่ในลักษณะเกมแข่งขัน ท่ามกลางการโปรโมตและแรงสนับสนุนจากทางค่ายและแฟนคลับที่ไม่อยากสูญเสียศิลปินวงโปรดไป โดยการประกวดจะกินระยะเวลาทั้งสิ้นสี่เดือน คัดเลือกจากคนที่มีทักษะทางดนตรีดีพร้อมอยู่แล้ว การหามือกีตาร์ไม่ยากเหมือนอย่างฟรอนต์แมน ดังนั้นใครต่อใครจึงเชื่อว่าอัลบั้มที่ทำค้างไว้ของวงป็อปร็อกอันดับหนึ่งคงถูกปล่อยออกมาภายในปีหน้าอย่างแน่นอน


“โห โคตรโล่งเลยอะ คิดว่าจะยุบวงแล้วนะเนี่ย” เชอรี่แทบร้องกรี๊ด เธอเป็นแฟนคลับตัวยงของอาณา นักร้องนำเสียงทุ้มนุ่มที่มีภาพลักษณ์น่าหลงใหลคนนั้น และสิบทิศ มือกีตาร์ขวัญใจหญิงสาวครึ่งค่อนประเทศด้วยรูปลักษณ์นักดนตรีไฮโซ ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าสัวแห่งพิชญเดชา ควบตำแหน่งเจ้าสัวน้อยของธุรกิจในเครือพิชญากรุ๊ปไปพร้อมกัน


จากข่าวการเสียชีวิตของสิบทิศในช่วงก่อน องศาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เชื่อว่าอาจถึงคราวจบสิ้นของอพอลโลแล้วจริงๆ ก็ได้ แต่แล้วอย่างไรทุนนิยมก็มาก่อนเสมอ อะไรที่ยังขายได้ ขาดอะไหล่ไปตัวหนึ่งก็แค่หาตัวใหม่เข้ามาเสียบ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร


“ถ้าคนใหม่หล่อไม่ได้ครึ่งพี่สิบทิศนี่ฉันคงช้ำอะ” ผู้หญิงเพียงคนเดียวในที่นี้หัวเราะร่า ส่วนแจ้และบอย อีกสองสมาชิกของวงทะเลดำทำเป็นกลอกตาหมั่นไส้


“ก็เชียร์ไอ้องศาไปประกวดดิ จะได้สมใจมึงไง หล่อค่า เล่นกีตาร์เก่งค่า”


แจ้แกล้งแซวเสียงแหลม ได้ยินอย่างนั้นเชอรี่ก็ฟาดแขนเพื่อนร่วมวงเรียงตัวโทษฐานพูดจาไม่เข้าเรื่อง เธอหันมาทำท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ใส่องศา พยายามคิดหาคำแก้ตัวดีๆ ไม่ให้ถูกมองแปลกประหลาดไปเสียก่อน


“พูดอะไรไร้สาระ จะเชียร์องศาทำไมล่ะ ถ้าไปจริงเดี๋ยวพี่แจ้ก็ต้องหามือกีตาร์ใหม่อีก” เชอรี่เถียงเสียงสูง


“โอ๊ย เรื่องเล็ก ถ้าองศามันไปจริงๆ กูจะเกณฑ์คนทั้งมหา’ลัยมาโหวตเลย”


“ว้าย เห็นเส้นนี้ไหม เฟรนด์โซนจ้า”


สองหนุ่มรุมแกล้งนักร้องสาว ถึงแรกๆ นั้นเชอรี่จะดูทีเล่นทีจริงเรื่ององศา แต่จับสังเกตดีๆ ก็พบว่าเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ พอถูกจับได้ก็ยืนกรานว่าไม่อยากให้หนุ่มในฝันรู้ เพราะเธอรู้ดีว่าองศาไม่ได้คิดลงหลักปักหัวใจกับใครหน้าไหน ผู้ชายคนนี้แสดงออกว่าอยากสนใจแค่เรื่องตนเองเท่านั้น


“ถ้าจะมีใครเข้าไปแทนที่สิบทิศได้ กูว่าต้องหล่อก่อนเลยอันดับแรก” บอยเสริม


“นี่ไง กูเชียร์ไอ้องศาแล้วเนี่ย อีรี่จะได้ไม่โวยวายว่าใครจะมาแทนพี่สิบทิศของมัน”


ทั้งสองคนยังเอาแต่พูดหยอกเชอรี่กันไม่เลิก องศาชะงักกับคำพูดนั้นราวถูกตั้งระบบอัตโนมัติเอาไว้ เขารู้ว่าพี่แจ้กับบอยแค่ล้อเล่น และใครๆ ก็พูดกันเรื่องที่มือกีตาร์คนใหม่ของอพอลโลจะต้องกลายเป็นสิบทิศเบอร์สองอย่างช่วยไม่ได้ คนอื่นคงดีใจกับสถานะที่ถูกยกยอว่าเป็นอดีตมือกีตาร์คนนั้น แต่ไม่ใช่เขา -- ไม่ใช่แน่ๆ


ถ้าจะมีใครที่รู้ดีว่าการอยู่ใต้เงาของสิบทิศ พิชญเดชาเป็นอย่างไรแล้วล่ะก็...


“จะซ้อมต่อหรือยัง” องศาพูดขัดบรรยากาศที่มีแต่เรื่องของอพอลโล มือจัดการรวบผมหน้าม้าขึ้นมัดเป็นจุกเพื่อไม่ให้เปียกเหงื่อตรงหน้าผาก เขาอยากให้ชื่อของสิบทิศเงียบไปจากห้องนี้เสียที


พอได้ยินเสียงกีตาร์บ้าคลั่งของอีกฝั่ง แจ้ก็รีบลุกมาประจำที่หลังกลองชุด ส่วนบอยยกเบสขึ้นคล้องตัวอย่างงุนงง ไม่มีใครรู้ว่าองศาเป็นอะไร อาจจะอารมณ์เสียที่เชอรี่ชอบ หรือไม่ก็เกลียดอพอลโลเข้าไส้เพราะต้องเล่นเพลงของวงนี้แทบทุกคืน


วงทะเลดำซ้อมถึงสี่ทุ่มตามเวลาที่เช่าห้องซ้อมเอาไว้ องศาลาทุกคนแล้วขี่มอเตอร์ไซด์กลับบ้าน แวะซื้อข้าวไข่เจียวพริกซึ่งขายอยู่หลังมหาวิทยาลัย ตั้งใจว่าท้องอิ่มแล้วจะอาบน้ำเข้านอน เก็บแรงสำหรับงานที่ร้านกาแฟกะเช้า


ป่านนี้พิมพ์จันทร์คงเข้านอนไปแล้วซึ่งเป็นเรื่องดี เขาจงใจไม่ข้องเกี่ยวกับเธอมาตลอดสามเดือนนับตั้งแต่ที่ทำท่าว่าอยากปล่อยให้ตั้งครรภ์ ยิ่งวอแวเขาก็ยิ่งไม่อยู่บ้าน จนช่วงหลังมานี้เธอคงรู้ตัว ถึงได้ระวังท่าทีมากขึ้นเพราะกลัวว่าตนเองจะเป็นสาเหตุให้ผู้ชายที่รักหนีไปจริงๆ ใช่ ถ้าไม่ติดว่ามีแม่อยู่ที่นี่ องศาคงทำแบบนั้นไปแล้ว


เขาจอดมอเตอร์ไซด์อย่างคล่องแคล่ว จุดบุหรี่สูบมวนหนึ่งก่อนจะเดินหมุนกุญแจด้วยนิ้วแล้วใช้มันเปิดประตูบ้าน ตั้งแต่เล็กจนโต องศาไม่ชอบประตูเหล็กยืดฝืดๆ ของบ้านหลังนี้สักเท่าไรนัก เขาต้องออกแรงนิดหน่อยเพื่อขยับให้เลื่อนได้ ทว่า ชายหนุ่มกลับแทบล้มทั้งยืนเมื่อพบว่าไฟทุกดวงยังเปิดสว่าง ข้าวของทุกอย่างระเนระนาด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ ม้วนผ้า หรือแม้แต่จักรเย็บก็ยังมีร่องรอยถูกทำลาย


“นี่มันอะไร”


นางอังกาบสะดุ้งเมื่อเห็นลูกชายเพียงคนเดียว ส่วนพิมพ์จันทร์กำลังปาดน้ำตาอย่างเสียขวัญแต่ไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านั้น ทั้งหมดนี้ชัดเจนว่ามีผู้บุกรุก แต่กับบ้านโทรมๆ แบบนี้ เชื่อได้ว่าคงไม่ใช่โจรป่าเถื่อนที่ไหนหรอก ยิ่งนางอังกาบจงใจปิดปากเงียบ ก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของให้เข้าที่โดยไม่ยอมตอบคำถามของเขาก็ยิ่งมีพิรุธ


“แม่ นี่มันอะไร” องศาขึ้นเสียงดังกว่าเดิม แน่ใจว่าคงมีเรื่องที่ตนไม่รู้อีกเป็นแน่


“ไม่มีอะไร” หญิงวัยกลางคนปดซึ่งๆ หน้า ทำเอาเขาหงุดหงิดยิ่งกว่าเก่า


“บ้านเละขนาดนี้ ทำไมยังบอกว่าไม่มีอะไรอีก” ชายหนุ่มตรงเข้าไปดึงร่างมารดาบังเกิดเกล้าขึ้น ก่อนจะพยุงกึ่งบังคับให้ไปนั่งบนเก้าอี้แล้วก้มลงช่วยพิมพ์จันทร์เก็บข้าวของเสียเอง


“เจ้าหนี้...” พิมพ์จันทร์กระซิบบอกทั้งน้ำตา “พวกมันมากันสามคน ทวงเงินจากน้าอังกาบ พอไม่มีให้ก็พังบ้านเป็นค่าเสียเวลาแล้วขู่ว่าจะมาอีก”


ได้ยินอย่างนั้นองศาก็หยัดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง ลูบหน้าลูบตาแรงๆ เพื่อสกัดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ดวงตาสีเข้มหันไปถลึงใส่ผู้เป็นมารดาจนนางอังกาบต้องเบือนหน้าหนี


“นี่แม่ไปกู้เงินมาอีกแล้วหรอ” เขาพยายามใจเย็น “เท่าไร”


“หกหมื่น”


องศาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก หกหมื่นไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยสำหรับฐานะของสองแม่ลูก “กู้มาทำอะไรนักหนา”


“ก็เอามาหมุน”


กล่องไม้ในมือถูกเขวี้ยงลงพื้นจนเกิดเสียงดัง องศาเสยเรือนผมสีดำขึ้นอย่างลวกๆ เดินงุ่นง่านไปมารอบบ้านจนแม้แต่พิมพ์จันทร์ก็ยังหวาดกลัว ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า “แล้วนี่กู้มาตั้งแต่เมื่อไร มันถึงได้มาพังบ้านเอาแบบนี้”


“เมื่อเดือนมีนา ตอนนั้นไอ้เล้งมันทวงเงินของมันสามหมื่น ก็เลยต้องเอาตรงนี้ไปใช้ก่อน ไม่งั้นมันจะแจ้งความ” นางอังกาบสารภาพ ตาที่เหม่อมองข้าวของบนพื้นเริ่มสั่นไหวด้วยน้ำตารื้นๆ


“หนี้ตรงนั้นมันแค่สามหมื่น แต่นี่แม่กู้มาตั้งหกหมื่น แล้วค่าเลี้ยงดูของบ้านใหญ่ที่เขาให้แม่ทุกเดือนๆ มันไม่พอใช้หรือไง ทำไมยังจะต้องไปกู้เพิ่มเรื่อยๆ แม่คิดบ้างไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน” องศาเสียงอ่อนลงนิดหน่อยเมื่อเห็นน้ำตาของแม่ แต่เขาก็โกรธ -- โกรธจริงๆ ที่มีปัญหาเข้ามาในชีวิตสับปะรังเคไม่จบไม่สิ้น


“ค่าเลี้ยงดูมันมีที่ไหนกันล่ะ!” หญิงวัยกลางคนตวาดเสียงสั่น ราวกับท้อแท้ในชีวิตยากจนข้นแค้นแบบนี้เต็มทีแล้วเหมือนกัน “ตั้งแต่เจ้าสัวตาย พวกมันก็ไม่ได้ให้เงินฉันมานานแล้ว!”


“อะไรนะ...” เขานิ่งอึ้งไปเมื่อได้รู้ความจริง


“สิบทิศมันตัดเราทิ้งเหมือนหมูเหมือนหมา” นางอังกาบพูดทั้งน้ำตา “พอเจ้าสัวตายก็ไม่มีใครทำเหมือนว่าฉันกับแกยังอยู่ ขนาดโทรไปหา ทนายของมันยังไม่รับสายเลย แล้วแบบนี้แกคิดว่าแค่เงินค่าเย็บเสื้อผ้าพวกนี้จะพอกินหรือไง เดือนเดือนหนึ่งจ่ายค่าเช่าบ้านก็ไม่เหลือแล้ว”


หลังต้องเก็บข้าวของออกจากบ้านพิชญเดชาเมื่อสิบกว่าปีก่อนพร้อมเงินก้อนหนึ่ง เจ้าสัวจะคอยส่งค่าเลี้ยงดูมาให้เป็นประจำทุกเดือนเพื่อเป็นค่ากินอยู่และค่าเล่าเรียนขององศา นานทีปีหนก็จะยอมมาพบหน้าลูกในไส้คนนี้บ้างแล้วพาไปกินของอร่อยๆ ถึงเขาไม่รู้สึกว่ามีความผูกพันระหว่างตนเองกับพ่อบังเกิดเกล้ามากนัก แต่องศาก็เคยชอบการที่ตนเองถูกปฏิบัติเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในพิชญเดชาอยู่บ้างเหมือนกัน


และถ้ามารดาบอกว่าไม่ได้ค่าเลี้ยงดูเหล่านั้นนับตั้งแต่เจ้าสัวตาย หมายความว่าบ้านของเขาถูกตัดขาดจากตระกูลใหญ่มาถึงห้าปีแล้วอย่างนั้นหรือ


ความจริงเหมือนค้อนหนักๆ ที่ทุบลงบนหัวอย่างไรอย่างนั้น


“แม่เรียกร้องอะไรกับพวกมันไม่ได้เพราะเราไม่มีหนังสงหนังสืออะไรเป็นหลักฐานว่าเจ้าสัวเคยให้”


นี่มันไม่ถูกต้อง ต่อให้ปฏิบัติกับเขาและแม่แย่แค่ไหน แต่พิชญเดชาก็ควรจะรับผิดชอบอะไรบ้างไม่ใช่หรือไง อย่างไรแม่ก็เคยเป็นเมียของเจ้าสัว อย่างไรเขาก็ใช้นามสกุลนี้อยู่แท้ๆ


“สิบทิศไม่ได้ให้อะไรเราเลย มันฉวยโอกาสตัดเราสองแม่ลูกทิ้งตั้งแต่ตอนนั้นยังไงล่ะ”


องศายังคงนิ่งเงียบ อยู่ดีๆ ก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาที่เป็นเพียงเด็กตัวน้อยวัยเจ็ดขวบ ก่อนหน้าจะถูกเฉดหัวออกจากบ้านพิชญเดชาถึงสองปี





“ไปเอามาจากไหน”


สิบทิศ พิชญเดชา ในวัยสิบสองปีหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะแย่งเอาหุ่นยนต์โมเดลไปถือไว้ในมือด้วยสายตาเย็นชา เขาจำได้ดีว่าตนเองช่างไม่รู้ประสีประสาอะไรเลยถึงได้เอ่ยตอบไปตามตรงว่าสาวใช้เอามาให้ ด้วยเหตุผลว่าเป็นของที่คุณหนูสิบทิศโละทิ้งแล้ว


องศายินดีที่จะรับของเก่านั้นไว้ แล้วสิบทิศก็เขวี้ยงมันออกไปต่อหน้าต่อตาเขา


“ฉันไม่ได้ให้นายสักหน่อย” คุณชายของบ้านว่า “ทำไมถึงชอบแย่ง”


“ผมไม่ได้แย่งนะ ก็พี่อ้อยบอกว่าพี่สิบทิศจะทิ้งอยู่แล้ว” เด็กน้อยเถียงขาดใจ เขาเองก็เป็นลูกของพ่อ แต่นอกจากคนรับใช้ที่พอเกรงอกเกรงใจกันอยู่บ้างแล้ว กลับไม่มีสมาชิกคนไหนในพิชญเดชาเห็นหัวกันสักคน โดยเฉพาะคนคนนี้ที่ทำเหมือนจงเกลียดจงชังกันอย่างกับอะไรดี


“ถ้าไม่ได้แย่ง มันก็ต้องไปอยู่ในถังขยะสิ”


ถ้าไม่ได้แย่ง มันก็ต้องไปอยู่ในถังขยะสิ
ถ้าไม่ได้แย่ง มันก็ต้องไปอยู่ในถังขยะสิ
ถ้าไม่ได้แย่ง มันก็ต้องไปอยู่ในถังขยะสิ



องศากำหมัดแน่น ผ่านมาสิบสามปีแล้ว แต่ไม่มีวันใดที่เขาจะลืมเรื่องหุ่นยนต์ในวันนั้นได้เลย ในความทรงจำของชายหนุ่มนั้น สิบทิศในช่วงวัยเด็กจนถึงสิบสี่ปีช่างเลวร้าย เป็นคนสุดท้ายบนโลกที่เขาอยากจะเข้าใกล้ก็ว่าได้ เป็นคนที่ทำให้องศาไม่อยากกลับไปเหยียบพิชญเดชา ต่อให้ต้องตกระกำลำบากอยู่ข้างนอกนี้ในฐานะลูกไร้พ่อก็ตามที


‘สิ่งที่มันควรเป็นของของแก คนที่ยึดเอาไว้ก็ไม่อยู่แล้ว’


ไม่ใช่ว่าองศาไม่รู้สถานะของตนเอง ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเข้าใจดีมาตลอดว่าถ้าไม่แย่งก็ไม่มีวันได้มา ต่อให้จะอยากได้สิ่งเหล่านั้นมากแค่ไหน ต่อให้ร้องขอก็ตาม แต่คนคนนั้นก็จงใจให้มันไปอยู่ในถังขยะดีกว่าอยู่ในมือของลูกเมียน้อยอยู่ดี


ทว่าตอนนี้


คนที่ยังอยู่บนโลกคือ องศา พิชญเดชา -- ไม่ใช่นายสิบทิศ


TBC

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
ร้อยองศา
(100°C)
เข่งสะพานปลา



( 3 )
การตัดสินใจขององศา



“อ่านอะไรอยู่”


สิบทิศนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ในมือมีหนังสือปกสีขาวเล่มหนึ่งถูกยกให้คนมาใหม่ดูแทนคำตอบ


“เมฆาสัญจร” อาณาอ่านออกเสียง “เดวิด มิทเชล? เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร”


เมื่อถูกถามดังนั้น มือกีตาร์ของอพอลโลก็ทำเป็นเลิกคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหลุดยิ้มออกมา “เล่าไม่ถูก ไว้นายลองเอาไปอ่านดูสิ”


“จากตารางงานแล้วคงจะมีเวลาอ่านหรอก” อาณาบ่นกระปอดกระแปด หลังได้ตารางงานใหม่จากกสินมาเมื่อช่วงสาย ก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่ามันกินเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตเขาไปนานครึ่งปี แบบนี้สิที่เรียกว่าทำงานอย่างกับใช้หนี้ร้อยล้าน สงสัยต่อสัญญารอบหน้าต้องต่อรองขอขึ้นเปอร์เซนต์เป็นค่าเสื่อมสภาพของกล่องเสียงเสียแล้ว


“แค่ข้ออ้าง ถ้าคิดจะอ่านล่ะก็ อ่านตอนไหนก็ได้อยู่แล้ว”


สิบทิศพับหนังสือปิดแล้วยีศีรษะเขาขณะเดินเลยไปวางหนังสือไว้บนโต๊ะ คอนโดมิเนียมที่เจ้าสัวน้อยแห่งพิชญเดชาเช่าอยู่ไม่ใหญ่มากนัก อาณาเคยถามว่ามีเงินตั้งมากมาย ทำไมไม่ซื้อห้องหับส่วนตัวให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่กลับได้คำตอบว่าคงอยู่แค่ไม่กี่ปี พอเป็นนักดนตรีจนเต็มอิ่มกับชีวิตก็จะกลับไปอยู่บ้านเพื่อดูแลธุรกิจเต็มตัว


เจ้าของตำแหน่งหัวหน้าวงหยิบกีตาร์โปร่งวอลเดนขึ้นมาวางบนตัก โซฟาหนังกลับสีน้ำตาลขนาดสองที่นั่งเป็นอีกหนึ่งอย่างที่อาณาชอบมากในห้องนี้ สิบทิศตบลงบนที่นั่งว่างข้างๆ เรียกให้เขาไปทิ้งตัวลง ส่งสมุดจดเล่มหนึ่งมาให้ก่อนจะเริ่มเล่นเพลงไม่คุ้นหู เมื่อมองไล่ตามตัวโน้ตที่ถูกเขียนลงบนกระดาษ อาณาก็รู้ได้ในทันทีว่าเพลงนี้จะต้องถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้มใหม่แน่ๆ


“ซาวน์ไม่เหมือนทุกที” เขาพูดถึงเพลงที่สิบทิศเพิ่งเล่นไกด์จบ ได้ยินอย่างนั้นคนถือกีตาร์ก็ยิ้ม พอใจที่นักร้องนำคนโปรดพอจะจับทางของแนวเพลงในอัลบั้มได้บ้างแล้ว


“เปลี่ยนมาลองโพสต์ร็อกมั่งไหม”


“เอาไงก็เอากันอยู่แล้ว” อาณาไหวไหล่ “จะเริ่มซ้อมเมื่อไร แล้วคุยกับพายุกับเผ่าเพชรหรือยัง”


“ยัง ถึงเรียกนายมาลองอัดไกด์ให้สองคนนั้นฟังนี่ไง”


นักร้องนำอยากห้ามตนเองไม่ให้ยิ้มไปด้วย เขาควรจะเก็บอาการกว่านี้ แต่สิบทิศที่อยู่คู่กับกีตาร์นั้นช่างดีเหลือเกิน


“ยิ้มอะไร” หัวหน้าวงถาม


“นายนั่นแหละยิ้มอะไร” ส่วนอีกคนแกล้งทำเป็นย้อน


“ที่ถามเนี่ย เตรียมใจให้ตอบแล้วเหรอ” สิบทิศแก้เผ็ดเขาด้วยเสียงหวานๆ แบบที่อาณาคงหนีไม่ได้ เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ทำไมถึงได้ถนัดเรื่องการจี้จุดอ่อนกันนัก


“ถ้ากล้าตอบก็ลองดู จะอ้วกโชว์ตรงนี้เลย” พอถูกท้าเจ้าสัวน้อยแห่งพิชญเดชาก็เลิกคิ้ว ทำหน้าล้อเลียนเขาจนอาณาเผลอหัวเราะเสียงดัง “กวนตีน”


“กลัวคนแถวนี้เขิน ยังกลางวันแสกๆ อยู่เลย เดี๋ยวงานไม่เสร็จ”


อาณาทนให้สิบทิศปากดีอย่างนี้ไม่ได้ เขาจับหน้าอีกฝ่ายให้หันมาหา เสนอตัวว่านักร้องนำแห่งอพอลโลน่าสนใจว่ากีตาร์โปร่งตัวที่ถืออยู่เพียงไร สิบทิศไม่ได้ปฏิเสธเมื่อริมฝีปากถูกคนตรงหน้าทาบทับ ก่อกวนไม่ให้งานทำเพลงในอัลบั้มใหม่เสร็จลงง่ายๆ เช่นที่ตั้งใจเอาไว้ ใช่ อาณา ปารกุลก็แสบอย่างนี้แหละ


กลีบปากผละออกจากกันผะแผ่ว กลิ่นหอมเย็นๆ ที่คุ้นเคยทำให้เขาอยากสูดดมมันต่อไปอีกสักหน่อย ถ้าไม่เพียงแต่สิบทิศจะหยุดทุกอย่างไว้ ก่อนขยับปากพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งซึ่งกระตุกใจคนฟังให้ดิ่งวูบ


“อาณา... ฉันตายไปแล้วนะ”





เปลือกตาบางเบิกโพลงขึ้น ก่อนจะรีบปิดลงเพราะโดนแสงแดดในยามเช้าสาดใส่จนแสบตาไปหมด อาณายกแขนขึ้นก่ายหน้าผากเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวตุบ ที่พื้นมีกระป๋องเบียร์วางระเกะระกะ นึกเสียดายว่าตื่นจากความฝันไวเกินไป เขายังไม่หายคิดถึงคนคนนั้นเลยด้วยซ้ำ ตลอดระยะเวลาห้าเดือนที่ไม่มีแสงคอยส่องนำทางในชีวิตมันทรมานเกินกว่าที่คิดเอาไว้มากทีเดียว


ในความทรงจำของอาณา สิบทิศช่างดีงามและเจิดจ้าเหมือนกับแสงแดดอุ่นๆ ในยามเช้าตรู่ เมื่อยามที่มือคู่นั้นโอบกอดเขาเอาไว้ ปลอบประโลมด้วยคำพูดและสัมผัสอบอุ่น อาณาก็แน่ใจว่าพร้อมลืมสิ้นแล้วทุกสิ่งอย่าง ถึงบางครั้งจะสิบทิศเด็ดขาดและแข็งกร้าว แต่นั่นก็เป็นส่วนผสมกลมกล่อมเท่าที่ผู้ชายดีๆ คนหนึ่งจะสามารถเป็นได้


หากตอนนี้เขาผิดหวังกับตนเองเหลือเกิน ผิดหวังในความสัมพันธ์ที่สิบทิศไม่เคยพูดถึงความยากลำบากหรือปัญหาของเจ้าตัวมากไปกว่าคำว่าไม่มีอะไร อุบัติเหตุในคืนนั้นเป็นดังแผลสดซึ่งไม่ยอมหาย เขาจะรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดว่าการตายของสิบทิศช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย เมาแล้วขับ? ไม่มีทาง สิบทิศไม่ใช่คนคออ่อน เหล้าแค่นั้นไม่มีทางทำให้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปได้หรอก


ผ่านไปห้าเดือนแล้วอาณาก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นสืบสาวปริศนานี้จากตรงไหน เขาจับมือใครดมไม่ได้ มิหนำซ้ำหลักฐานที่ควรจะมีก็กลับไม่เหลือร่องรอยใดๆ มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน คิดเป็นรอบที่ร้อยว่าถ้าตอนนั้น เป็นเขาที่ตายไปแทนเสียยังจะดีกว่า


ตระกูลพิชญเดชาเองก็แปลก ถึงต่อหน้าสื่อมวลชนจะเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ แต่กลับยอมรับทุกอย่างง่ายดายเสียจนเขายังนึกแปลกใจ อีกทั้งยังไม่เชื่อเรื่องรถคันที่สามแบบหัวเด็ดตีนขาด อย่าหาว่าอาณามองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยเลย แต่เป็นไปได้หรือว่าญาติสนิทที่รักและหวังดีกับสิบทิศจะไม่คิดเอะใจอะไรเลย


นั่นสินะ เพราะแม้แต่พายุกับเผ่าเพชรยังไม่เชื่อคนเมาอย่างเขาเลย


โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่แผดเสียงลั่น ร้องเรียกให้ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมากดรับอย่างเสียไม่ได้ อาณารู้ดีว่าพายุจะพูดอะไร


‘นายอยู่ที่ไหนเนี่ย?’


“บ้าน” เขาตอบเสียงเรียบ ค่อยๆ พาร่างลุกจากเตียงแล้วถอดเสื้อนอนออกโยนลงตะกร้า


‘บ้าน! ให้ตายเถอะอาณา เรานัดกันสิบเอ็ดโมงไม่ใช่หรือไง นี่มันเลยเวลามาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ’


“พวกนายเลือกกันไปก่อนเลย ฉันไม่ติดอะไรหรอก”


‘พูดบ้าๆ นี่เรากำลังคัดเลือกมือกีตาร์คนใหม่เข้าวงนะ ช่วยกระตือรือร้นหน่อยสิ’


ปลายสายถอนหายใจเสียงดังจนเขาได้ยินชัดเจน เผ่าเพชรแย่งโทรศัพท์ไปคุยต่อ เร่งให้นักร้องนำรีบมาไวๆ ก่อนที่การคัดเลือกรอบแรกจะเริ่ม ทว่าอาณาตัดสายทิ้ง ยิ่งคุยกันอยู่อย่างนี้ก็ยิ่งช้า ถ้าปล่อยให้เขาอาบน้ำแต่งตัวแล้วบึ่งรถไปเงียบๆ อีกแค่ชั่วโมงเดียวก็เรียบร้อยแล้ว


อาณามาถึงอาคารจีอีเอ็มตอนเที่ยงครึ่ง เขาอยู่ในชุดแจ็กเก็ตสีน้ำเงินและสวมแว่นกันแดดทรงกลมใหญ่ เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมก็พบว่าเพื่อนร่วมวงและทีมการตลาดกำลังดูคลิปวีดีโอของผู้เข้าประกวดจนผ่านไปถึงยี่สิบกว่าคนแล้ว พายุกระซิบบอกว่าเพิ่งจะมีเข้าตาจริงๆ ก็แค่คนหรือสองคนเท่านั้นเอง


มีคนส่งคลิปโซโล่กีตาร์เข้าร่วมคัดเลือกทั้งสิ้นสองร้อยสี่สิบเอ็ดคน จากจำนวนนี้ พวกเขาต้องคัดให้เหลือสิบคนเพื่อไปประกวดในรอบสุดท้าย อันที่จริงอาณาไม่คิดว่าจะมีใครโดดเด่นถึงขนาดมาแทนที่สิบทิศได้เช่นที่คนอื่นพูดกัน และเขาก็ยอมรับว่าไม่ได้กระตือรือร้นกับกิจกรรมนี้มากนัก ถ้าแค่ต้องหาตัวเลือกที่ดีที่สุดจากบรรดาคนทั้งหมด ลำพังพายุกับเผ่าเพชรก็ตัดสินใจกันเองได้อยู่แล้ว


เขาติ๊กถูกในช่องหมายเลขที่คิดว่าใช้ได้ และหาวหวอดให้คลิปที่ไม่คิดว่าจะฟังได้จนจบ ดูไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วอาณาก็ยังได้จรดปลายปากกาไปไม่ถึงห้าครั้ง ส่วนเผ่าเพชรคัดไปแล้วสิบกว่าคน จนกระทั่งมาถึง AP_127_ONGSA นัชชาซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดก็เริ่มเคลื่อนไหว


“คนนี้แหละที่ฉันว่าน่าสนใจ” เธอบอกอย่างกระตือรือร้น “เดี๋ยวฟังนามสกุลเขาสิ”


สายตาใต้กรอบแว่นมองไปยังจอโปรเจ็กเตอร์เช่นเดียวกับทุกคน คลิปนี้ถูกถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่น่าจะใช้เครื่องอัดเสียงแยกแล้วมาตัดต่อซิงก์กับคลิปอีกทีหนึ่ง ภาพฉากหลังเป็นห้องซ้อมดนตรีธรรมดา  ชายหนุ่มในคลิปสวมเสื้อยืดสีดำและกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไร้พนัก หน้าตาดีแบบพิมพ์นิยมวัยรุ่นชาย ผมสีดำซอยสั้น บ่ากว้าง แล้วท่าทางการจับกีตาร์ก็ดูทะมัดทแมงทีเดียว


‘สวัสดีครับ ผมชื่อองศา พิชญเดชา อายุยี่สิบปี’


แค่ได้ยินนามสกุลของคนในคลิปวีดีโอ อาณาก็ขยับนั่งหลังตรงท่ามกลางความเงียบของห้องประชุม มีบ้างที่ยังงุนงงเพราะว่าตามไม่ทัน แต่ก็ได้รับคำแถลงให้หายสงสัยแทบจะทันทีทันใด


“พิชญเดชาก็นามสกุลของสิบทิศไงเล่า”


อาณานิ่งฟังเจ้าของนามสกุลพิชญเดชาผู้เป็นปริศนาเริ่มเล่นกีตาร์เพลง ไกล ซึ่งเป็นเพลงสร้างชื่อของอพอลโล หัวใจเขาเต้นโครมคราม นอกจากจากเรื่องของนามสกุลและรูปลักษณ์ที่เตะตาทีมงานแล้ว ทั้งหมดยังพบว่าทักษะที่อีกฝ่ายแสดงออกผ่านบทเพลงยังดีกว่าอีกหลายๆ คนอีกด้วย


“รู้จักเขาไหม อาณา” พายุถาม อาณาจึงส่ายศีรษะตอบแทบจะทันที


“สิบทิศมีพี่น้องหรือเปล่า” คราวนี้เป็นเผ่าเพชร จะว่าไปทั้งตา จมูก ปากของผู้ชายคนนี้ก็ดูละม้ายคล้ายอดีตมือกีตาร์พอสมควร แต่กลับให้ความรู้สึกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะทรงผม การแต่งตัว หรือแววตาที่แสดงใส่กล้อง


“ไม่ สิบทิศบอกว่าฉันว่าเขาเป็นลูกคนเดียว” พายุตอบแทน


อาณาเคยไปบ้านของสิบทิศไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็ไม่พบว่าจะมีใครรุ่นราวคราวเดียวกับตนเองเลย เว้นแต่ สิทธา ลูกพี่ลูกน้องซึ่งอายุมากกว่าเขาและสิบทิศแค่สามปี นอกเหนือจากนั้นก็เป็นคุณอาทั้งสามและบรรดาคนรับใช้


หรือว่าจะเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้อง?


นายองศาได้รับการคัดเลือกให้เข้ารอบถึงแม้จะไม่มองถึงนามสกุลเลยก็ตาม ปาเข้าไปสองทุ่ม กว่าทีมคัดเลือกจะได้เริ่มคัดผู้เข้าแข่งขันที่เลือกเข้ามาในรอบแรกให้เหลือเพียงแค่สิบคนอย่างที่ตั้งใจไว้ และแน่นอนว่าองศา พิชญเดชาแซงขึ้นมาเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งด้วยเหตุผลที่คนอื่นเทียบไม่ได้ อาณาแทบอดใจรอวันแข่งรอบสุดท้ายไม่ไหว แค่คิดว่านี่จะเป็นหนึ่งในเบาะแสของเรื่องสิบทิศ เขาก็อยู่ไม่สุขเสียแล้ว


โชคชะตามีจังหวะจะโคนของมัน ทุกอย่างค่อยๆ ลงล็อกทีละขั้น










การแข่งขันรอบสุดท้ายของเดอะเน็กซ์อพอลโลถูกจัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองในลักษณะงานเปิด ทีมงานคิดว่าคงไม่มีผู้ให้ความสนใจมากนักในเมื่อเป็นการแข่งโซโล่กีตาร์ตลอดทั้งงาน แต่ผิดคาดว่ามีทั้งกลุ่มแฟนคลับและผู้ให้ความสนใจมาเข้าชมจนแน่นขนัด อาจด้วยเพราะจะมีการแสดงสดในรอบห้าเดือนของอพอลโลในช่วงท้ายรายการ และจะเป็นการเปิดตัวผู้ชนะในฐานะสมาชิกวงเป็นครั้งแรก สื่อจึงให้ความสนใจกันมากด้วยเพราะกระแสของสิบทิศถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง


อพอลโลประกาศหาสมาชิกใหม่ภายในเวลาครึ่งปีท่ามกลางกระแสที่แบ่งออกเป็นสองฝั่ง หนึ่งก็ว่าพวกเขายังให้เกียรติอดีตหัวหน้าวงไม่พอ แต่สองคือดีอกดีใจที่วงร็อกคุณภาพของประเทศสามารถก้าวเดินได้อีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยปัจจัยมหาศาลทำให้อพอลโลไม่อาจหยุดนิ่งได้ พวกเขายอมทิ้งรางวัลใหญ่ปลายปีไปครั้งหนึ่ง แต่ในปีต่อๆ ไปจะกลับมาแย่งชิงพื้นที่บนเวทีคืนให้จงได้ นี่คือคำปรามาสของพายุ ผู้ถูกสมาชิกอีกสองคนเลือกให้เป็นหัวหน้าวงคนใหม่


อาณาคั่นหน้าไว้ที่บท จดหมายจากเซเดลเกม ก่อนจะปิดหนังสือเมฆาสัญจรแล้วเสียบกลับลงไปในกระเป๋า ศีรษะถูกรั้งให้เอียงซ้ายทีขวาทีตามแรงมือของช่างทำผม เขาหันไปเห็นพายุกำลังนั่งพิมพ์โทรศัพท์มือถือยุกยิกอยู่ตรงโซฟา ส่วนเผ่าเพชรขอตัวออกไปสูบบุหรี่ที่ลานจอดรถ


ประตูห้องถูกเปิดออก หนึ่งในทีมงานออแกไนซ์โผล่หน้าเข้ามาก่อนจะว่า “ได้เวลาแล้วนะคะ”


เขาพยักหน้าให้ช่างที่จัดผมช่อสุดท้ายเสร็จพอดิบพอดี มือคว้าเอาแจ็กเก็ตหนังซึ่งพาดไว้กับพนักเก้าอี้มาสวม แล้วจึงหยุดยืนรอพายุเพื่อเดินออกไปด้วยกัน ทันทีที่ออกมาถึงฮอลล์จัดงาน เสียงกรี๊ดจากบรรดาผู้ชมร้องดังสนั่น ใจของอาณาวูบไหวไปเล็กน้อยเมื่อเห็นป้ายไฟและภาพของสิบทิศ ชายหนุ่มฝืนฉีกยิ้ม ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งกรรมการของตน รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยยามถูกแสงแฟลชจากสื่อและกลุ่มแฟนคลับสาดใส่เพราะห่างหายจากสิ่งเหล่านี้มานานนับครึ่งปี


ไม่นานนักเผ่าเพชรก็ตามมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ หน้าตาตื่นเต้นเหมือนเพิ่งได้พบเจออะไรใหม่ อีกฝ่ายดูอยากสนทนาด้วยเต็มทีแต่ก็สู้เสียงรอบข้างไม่ไหว จนกระทั่งเสียงกรี๊ดเบาลงเมื่อพิธีกรเดินขึ้นเวที เจ้าของตำแหน่งมือเบสก็รีบสุมหัวกับเพื่อนร่วมวงสองคนเพื่อแจ้งข่าวใหม่ทันที


“นายสองคนจำหมอนั่นได้ไหม”


“ใคร?” พายุขมวดคิ้วพลางตั้งใจฟังสิ่งที่พิธีกรพูดดำเนินงานไปด้วย


“ก็คนที่ชื่อ --”


ยังไม่ทันจะได้พูดจบ ทั้งสามก็ต้องลุกขึ้นยืนโบไม้โบกมือให้แฟนคลับเมื่อถึงคิวแนะนำกรรมการ นอกจากอพอลโลแล้วยังมีผู้ร่วมตัดสินอีกถึงสามคน สองเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในวงการเพลง ส่วนอีกหนึ่งคือนัชชา หัวหน้าฝ่ายการตลาดแห่งมอร์มิวสิกเรคอร์ดส


หลังจากนั้นเผ่าเพชรก็ลืมเรื่องที่พูดค้างไว้ไปเสียสนิท เนื่องจากพวกเขาต้องมีส่วนร่วมกับการแข่งขันไปอีกตลอดทั้งรายการ ผู้เข้าแข่งขันคนแรกขึ้นบนเวทีเพื่อแสดงฝีไม้ลายมือในการเล่นกีตาร์ของตนอย่างเต็มที่ ตามด้วยลำดับที่สอง สาม จนกระทั่งแปด


ทุกคนเก่ง อาณายอมรับ บางคนถึงกับเก่งทัดเทียมสิบทิศที่มีฝีไว้ลายมือเป็นที่ยอมรับในวงการด้วยซ้ำ ทว่าสำหรับนักร้องนำแล้วคงทำได้แค่ตัดสินไปตามผลคะแนนเท่านั้น ให้ยอมรับแบบเห็นแก่ตัวก็คือเขายังไม่สามารถมอบตำแหน่งของอดีตมือกีตาร์ให้กับใครได้เต็มหัวใจ เพราะนอกเหนือจากตำแหน่งทางรูปธรรมที่ทุกคนเห็นแล้ว สิบทิศยังเป็นทั้งแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้เขาอีกด้วย


อาณาพลิกดูใบรายชื่อ ก่อนจะพบว่าผู้เข้าแข่งขันลำดับที่เก้าคือคนที่รอพบอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มในชุดแจ็กเก็ตยีนเดินขึ้นเวทีมาพร้อมด้วยกีตาร์สไควเออร์รุ่นแบล็กแอนด์โครม รูปร่างที่เห็นไม่ต่างจากในคลิปวีดีโอสำหรับคัดเลือกรอบแรกมากนัก คือผอมโปร่ง บ่ากว้าง แต่ตัวจริงทั้งสูงและหุ่นดีกว่าที่คิด อาจด้วยการแต่งองค์ทรงเครื่องหรือท่วงท่าการยืนก็ว่าได้ แฟนคลับผู้หญิงบางคนเริ่มส่งเสียงเชียร์ เพราะถึงแม้คนก่อนๆ หน้านี้จะมีบ้างที่หน้าตาดี แต่ทว่าเบอร์เก้านั้นชนะขาดที่สุดในด้านรูปลักษณ์


“ผู้เข้าแข่งขันลำดับที่เก้า นายองศา พิช --” พิธีกรชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงรีบพูดนามสกุลต่อให้จบ “พิชญเดชา”


เสียงฮือฮาดังขั้นแทนเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดก่อนหน้านี้ ในฐานะแฟนคลับอพอลโล แค่นามสกุลของมือกีตาร์ไฮโซซึ่งร่ำรวยติดอันดับของประเทศย่อมทำให้จำได้แทบจะทันที ก่อนหน้าจะเริ่มการแสดง พิธีกรจึงตัดสินใจช่วยไขข้อข้องใจของผู้ชมในที่นี้ นั่นรวมถึงอพอลโลและอาณาที่กำลังตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ


“หมอนี่แหละที่ฉันว่าจะคุยกับพวกนายตั้งแต่งานเริ่ม” เผ่าเพชรกระซิบกระซาบ แต่พอเห็นพิธีกรกำลังจะยื่นไมโครโฟนหาผู้เข้าแข่งขัน จึงพยักเพยิดให้เพื่อนร่วมวงทั้งสองรอฟังคำตอบเอาเอง


“เอ๊ะ นามสกุลพิชญเดชานี่มันคุ้นๆ นะครับ เบอร์เก้าครับ คุณเป็นอะไรกับสิบทิศหรือเปล่าเนี่ย”


นายองศา พิชญเดชา ตั้งท่ากับกีตาร์ด้วยสีหน้าราบเรียบ ตาสีเข้มกวาดมองไปโดยรอบเพื่อดูท่าทีของผู้คนที่กำลังให้ความสนใจตนเอง  ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ก่อนจะส่งเสียงทุ้มผ่านไมโครโฟนจนก้องกังวานไปทั้งบริเวณถึงคำตอบที่ทุกคนอยากรู้


“ผมเป็นน้องชายของสิบทิศ พิชญเดชาครับ”


อาณาขมวดคิ้ว น้องชายที่สิบทิศไม่เคยพูดถึงอย่างนั้นหรือ?


TBC

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
ร้อยองศา
(100°C)
เข่งสะพานปลา



( 4 )
น้องชายที่ไม่เคยมีอยู่จริง



หลังจากรายงานตัวในฐานะผู้เข้าแข่งขันเรียบร้อยแล้ว องศามีเวลาว่างอีกเป็นชั่วโมง


ชายหนุ่มขอตัวออกมาบริเวณลานจอดรถ ก่อนจะล้วงบุหรี่ขึ้นจุดสูบเพื่อคลายอาการประหม่า จริงอยู่ที่แรกเริ่มเดิมที องศาไม่ได้ตื่นเต้นกระสันอยากจะเป็นศิลปินจริงๆ สักเท่าไรนัก แต่กระนั้น จุดมุ่งหมายของเขาก็คือการเป็นเงาที่มีตัวตนขึ้นมาให้ได้ ดังนั้นทุกคนในงานแข่งขันนี้ รวมถึงกล้องจากสื่อมวลชนล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างยิ่งยวด


การเข้าสู่บ้านพิชญเดชาไม่ใช่เรื่องง่าย หากเป็นนายองศาที่เดินดุ่มๆ เข้าไปเพื่อเรียกร้องทุกอย่างแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องถูกเฉดหัวออกมาแล้วฝังกลบดินแบบไม่ได้เชิดหน้าชูตาอีก แต่กลับกัน ถ้าหากว่าสามารถทำตนเองให้อยู่ในการจับตามองของทุกคนได้ ถึงตอนนั้นแม้แต่พิชญเดชาก็จำต้องอ้าแขนรับเด็กผู้ชายไม่มีตัวตนคนนี้เท่านั้น


แล้วที่ยืนแบบไหนเล่าจะเหมาะสมไปกว่าตำแหน่งซึ่งเคยเป็นของสิบทิศ


เขาพ่นควันสีเทาให้ลอยคลุ้งออกไปในอากาศ ฆ่าเวลาโดยการคิดท่าทางระหว่างการแสดงไปเรื่อยเปื่อย เป็นครั้งแรกที่องศาพยายามมองหาความฉูดฉาดในตนเอง แต่เขาก็ต้องยอมแพ้ เพราะการเล่นกีตาร์จะต้องออกมาตลกแน่ๆ ถ้ามัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง แค่ที่เตรียมตัวมาก็คงพอแล้ว


เขาอัดควันเข้าจนเต็มปอด ก่อนจะปล่อยให้ความฟุ้งซ่านล่องลอยออกไปอย่างไร้จุดหมาย


“ขอยืมไฟแช็กได้ไหมครับ”


องศาหันไปมองคนที่โผล่มายืนข้างๆ แบบไม่ให้สุ้มให้เสียง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย แน่ใจว่าคุ้นหน้าตาอีกฝ่ายอย่างไรแปลกๆ


“หืม คุ้นหน้าคุณจัง” อ้อ ซิด วิเชียส*นั่นเอง

* ซิด วิเชียส นักดนตรีแนวพังก์ร็อกชาวอังกฤษ มีชื่อเสียงในฐานะอดีตสมาชิกคนสำคัญในตำแหน่งมือเบสและนักร้องนำของวงเซ็กซ์ พิสทอลส์


เขาให้คำตอบตนเองในหัว ส่วนซิดกำลังพยายามนึกว่าเคยเห็นเจ้าของไฟแช็กรูปร่างสูงโปร่งคนนี้จากที่ไหน องศากระเทาะแอลเอ็มสีแดงออกจากซองอีกมวนหนึ่ง แล้วปล่อยควันออกทางจมูกให้ไปผสมกับกลิ่นเย็นๆ ของมาร์ลโบโรแบล็กในมืออีกฝ่ายอย่างช้าๆ


“คุณ... มาแข่งกีตาร์ของอพอลโลใช่ไหมครับ” ซิดยังไม่ล้มเลิกการหาคำตอบ องศาจึงพยักหน้ารับ ได้ยินดังนั้นคนตรงหน้าก็ค่อยๆ จุดยิ้มมุมปาก “ผมนึกออกแล้ว คุณที่นามสกุลพิชญเดชานี่เอง”


ส่วนเขาก็นึกออกแล้วเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้คือมือเบสของวงอพอลโล แต่ชื่ออะไรนั้นจำไม่ได้


“บังเอิญจริง” ซิดว่า “จะเสียมารยาทไหม ถ้าผมถามว่าคุณเกี่ยวข้องยังไงกับสิบทิศ”







“ผมเป็นน้องชายของสิบทิศ พิชญเดชาครับ”


องศาตัดสินใจพูดออกไปแล้ว


เขารู้ว่านับจากนี้ ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อสถานะบุตรชายของเจ้าสัวแห่งพิชญเดชาถูกเปิดเผยต่อสื่อมวลชน องศาไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ไม่แม้กระทั่งจะมีโอกาสได้ป่าวประกาศนามสกุลของตนเองออกไปอย่างภาคภูมิ เพียงเพราะเขาเป็นแค่วัยรุ่นชายคนหนึ่งที่ทำงานตัวเป็นเกลียว และไม่กล้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยปิดเพราะต้องหาเงินอยู่เรื่อยๆ เขาที่จมปลักอยู่กับความสิ้นหวัง หดหู่ เฉยชาต่อโชคชะตาและโลกใบนี้ตราบที่ทุกอย่างยังดำเนินไปได้ราบรื่น


เขาเคยหวังให้มีใครสักคนมาปลดปล่อยตนเองจากการเป็นเงาของพิชญเดชา แต่รอแล้วรอเล่า สิบกว่าปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีแสงแห่งความหวังเกิดขึ้นเลย แต่วันนี้เขาคิดปลดแอกตนเอง องศาควรจะมีทุกอย่างที่สิบทิศมี ได้รับทุกอย่างที่สิบทิศเคยรับ ใช่ ทุกอย่าง — ทุกอย่างเลยที่เขาอยากจะแย่งชิงกลับมาให้สมกับความไม่ยุติธรรมที่ได้รับ


“น้องชายของสิบทิศ?” พิธีกรมีน้ำเสียงตกใจไม่แพ้กัน ถึงอย่างนั้นก็จำเป็นต้องรักษาสถานการณ์เอาไว้ “ว้าว เซอร์ไพรส์มากๆ เลยครับที่เรามีน้องชายของสิบทิศมาร่วมแข่งขันในเวทีนี้ด้วย”


“ดูๆ ไปก็หน้าคล้ายสิบทิศจริงๆ ด้วย” นัชชาเอนตัวมากระซิบกระซาบกับเผ่าเพชร แต่พายุและอาณาก็ได้ยินเช่นกัน


“ไหนว่าสิบทิศมันไม่มีพี่น้อง” พายุอึ้งไปจริงๆ เพราะตอนที่สิบทิศตอบเต็มปากเต็มคำว่าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวนั้น เขาก็อยู่ฟังด้วย แต่คนอย่างหมอนั่นจะโกหกเรื่องแบบนี้ไปทำไมกัน


“...” อาณานิ่งเงียบ พินิจพิเคราะห์นายองศาซึ่งยืนอยู่บนเวทีอย่างแคลงใจ เขาไม่ชอบรอยยิ้มที่อีกฝ่ายแสดงออกมาสักเท่าไร มันดูเสแสร้ง ไม่จริงใจ เพราะแววตาของอีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย


หลังจากนั้น ฝีมือกีตาร์ของผู้เข้าแข่งขันเบอร์เก้าได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนในฮอลล์


เสร็จสิ้นการแข่งขันแล้ว ผลคะแนนถูกส่งไปรวบรวมที่ทีมงานของมอร์มิวสิกเรคอร์ดส ระหว่างนั้นบนเวทีจะมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินในค่ายชูโรงไว้ให้ขณะที่ทุกคนเข้าประชุมเพื่อสรุปผล เมื่อวัดจากคะแนนอย่างเดียวแล้ว ผู้ที่น่าจะได้เข้ามาแทนที่สิบทิศก็คือเบอร์ห้า ซึ่งมีฝีไม้ลายมือโดดเด่นระดับมืออาชีพ ทว่าความสนใจของทุกคนกลับเทไปให้องศา ผู้ที่ป่าวประกาศกลางเวทีว่าตนมีสถานะเกี่ยวข้องอย่างไรกับอดีตมือกีตาร์


“ถ้าเราเลือกองศา เราก็จะได้กระแสมา” นัชชาเสนอในฐานะหัวหน้าฝ่ายการตลาด


“อีกอย่าง องศาอะไรนี่ก็หล่อด้วย มันมีผลต่อกลุ่มแฟนคลับนะ” ทีมการตลาดคนอื่นๆ ว่า จริงอยู่ว่าองศา พิชญเดชาแพ้ผู้เข้าแข่งขันเบอร์ห้าไปสองคะแนนทางด้านทักษะ แต่องค์ประกอบที่เหลือของผู้ชายคนนั้นมีค่ามากกว่าสองคะแนนมากทีเดียว


อาณาเข้าใจวิธีคิดของทางค่าย ทั้งเขายังเข้าใจด้วยว่านี่ไม่ใช่การแข่งขันเพื่อหาเหรียญทองหรือโล่รางวัล ดังนั้นมันจึงไม่ขึ้นอยู่กับผลคะแนนอย่างซื่อตรงนัก สิ่งที่ทุกคนพูดมามีเหตุผล คนกว่าครึ่งลงคะแนนเสียงว่าให้ใช้น้องชายมาเป็นเงาของคนพี่ต่อไป องศามีมูลค่าทางการตลาดสูง อย่างไรเสียอพอลโลก็เป็นวงที่มีกลุ่มแฟนคลับเหนียวแน่น ดังนั้นการเสียสิบทิศซึ่งเป็นคะแนนนิยมอันดับต้นๆ ไปย่อมส่งผลกับยอดขายอย่างมหาศาล


‘ผมเป็นน้องชายของสิบทิศ พิชญเดชาครับ’


เขารู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ที่ได้ยินประโยคนั้น หัวใจพลันเต้นระรัวขึ้นมาอย่างหยุดไม่อยู่ อาณาถูกคุกคามด้วยแรงสั่นสะเทือนจากคืนอุบัติเหตุอีกครั้ง เขาหายใจไม่ทั่วท้อง ทั้งริมฝีปากและลำคอแห้งผาก พายุที่สังเกตเห็นจึงรีบยื่นขวดน้ำเปล่าให้ อพอลโลยังต้องขึ้นแสดงท้ายรายการอีกสี่เพลง และถ้าอาณาไม่พร้อมสำหรับการแสดงครั้งแรกในรอบครึ่งปี ทุกอย่างจะล่มไม่เป็นท่า


“นายโอเคไหม?” พายุกระซิบถาม ปล่อยให้ทุกคนลงความเห็นเรื่องมือกีตาร์คนใหม่ต่อไป


อาณาพยักหน้ารับแบบส่งๆ เขากระดกน้ำเปล่าลงคออึกใหญ่ พยายามสงบหัวใจที่เต้นครึกโครมให้สงบลงในเวลาอันสั้น การฝันร้ายทั้งที่ยังตื่นทำให้รู้สึกแย่ กรอบสายตานองไปด้วยสีแดงของเลือด แล้วก็คล้ายจะได้กลิ่นเครื่องยนต์ไหม้เต็มสองจมูกจนอยากสำลักออกมา


นักร้องนำผุดลุกขึ้นยืนจนเสียงเก้าอี้เลื่อนดังเสียดหู มือขาวยกขึ้นปรามพายุไม่ให้ตามมาด้วย ท้ายแล้วหัวหน้าวงคนใหม่จึงต้องทำหน้าที่ส่งยิ้มแห้งๆ ในที่ประชุม กลบเกลื่อนว่าการที่อาณาลุกหนีออกไปกลางครันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ


“เขาอยากเข้าห้องน้ำน่ะครับ”





อาณามาเข้าห้องน้ำจริงอย่างที่พายุอ้าง เพียงแต่ยังไม่ทันจะถึงจุดหมาย ชายหนุ่มก็ต้องยืนคว่ำหน้ากับกำแพง สูดลมหายใจลึกเท่าที่จะทำได้เพื่อลดทอนอาการซึ่งกลายเป็นผลกระทบจากฝันร้ายในคืนนั้น ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ มันถึงเกิดขึ้นอีก เพราะคนที่อ้างตัวว่าเป็นน้องชายของสิบทิศ หรือแค่เพราะนายองศานั้นให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับอดีตมือกีตาร์จนน่าขนลุกจริงๆ อย่างที่คนอื่นว่า


เขารู้สึกมวนท้อง ลมหายใจติดขัด แต่ก็ไม่รู้จะขจัดอาการเหล่านี้ออกไปอย่างไรดี ปล่อยไว้สักพักคงจะหายเองเหมือนอย่างที่ผ่านมากระมัง


บริเวณนี้ไม่มีทีมงานของออแกไนซ์อยู่เลย คงเป็นเพราะทุกคนกำลังง่วนอยู่กับมินิคอนเสิร์ตและดูแลผู้เข้าแข่งขันซึ่งรอผลการตัดสินอยู่หลังเวที นี่นับว่าเป็นความโชคดี การมีใครมาเห็นนักร้องนำของอพอลโลอยู่ในสภาพเช่นนี้คงไม่สู้ดีสักเท่าไรนัก


เขาพยายามยืนตรง แต่ร่างกายกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด ก่อนหน้าจะเซถลาไปอีกทาง ใครบางคนก็คว้าเข้าที่ต้นแขนและกลายเป็นหลักยึดของชายหนุ่มได้ทันท่วงที


“เป็นอะไรหรือเปล่า ผมเห็นคุณยืนโงนเงนมาสักพักแล้ว”


อาณาเบิกตาโพลงเมื่อหันไปเห็นผู้หยิบยื่นความช่วยเหลือ


“ขอบคุณครับ” นักร้องนำบอกปัด ดึงแขนออกจากการกอบกุมของคนแปลกหน้าอย่างสุภาพ ถึงแม้ว่าอาการมวนท้องจะยิ่งก่อตัวรุนแรงขึ้นกว่าเก่าก็ตาม “ผมไม่เป็นอะไร”


อีกฝ่ายหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อภาพที่เห็นช่างตรงกันข้ามกับคำตอบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อไปให้มากความ ร่างสูงโปร่งเดินสวนนักร้องนำแห่งวงอพอลโลไปทันทีที่ถูกปฏิเสธ การบังเอิญพบกันในคราวนี้คงผ่านเลยไปเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าไม่เพียงแต่เสียงทุ้มนุ่มของอาณาจะรั้งเรียกเอาไว้เสียก่อน


“เดี๋ยวครับ”


นายองศา พิชญเดชาชะงักฝีเท้า หันมาหาอาณาทั้งที่สองมือยังซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต ใบหน้าระยะใกล้ขององศายิ่งทำให้อาณาจุกเสียดในอก ถึงจะดูคล้ายสิบทิศราวถูกหล่อด้วยพิมพ์ที่ใกล้เคียง ทว่าทั้งสีหน้า แววตา แม้แต่สุ้มเสียงยามเปล่งผ่านริมฝีปากกลับแบ่งแยกได้ชัดเจนว่าเป็นคนละคน


“คุณ...” อาณากลืนน้ำลายลงคอ “เป็นน้องชายของสิบทิศจริงๆ หรือ”


“...”


“คือ... สิบทิศไม่เคยพูดถึงคุณมาก่อน” เขาพูดไปตามตรง หวังใจว่าสถานะของคนตรงหน้าจะช่วยชักนำตนเองเข้าสู่ปริศนาการตายของสิบทิศได้ไม่มากก็น้อย อาณาจำได้ว่าไม่เห็นองศาในงานศพ ทำไมคนคนนี้ถึงปรากฏตัวหลังจากผ่านมาแล้วถึงครึ่งปี มิหนำซ้ำยังเข้าร่วมแข่งขันชิงตำแหน่งมือกีตาร์ซึ่งเคยเป็นของพี่ชาย จะด้วยเหตุผลอะไรมันก็แปลกทั้งนั้น


“ครับ” องศาคลี่รอยยิ้มเป็นมิตร “พ่อของผมคือสิปภาค พิชญเดชา”


“ขอโทษครับ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” พอได้รับคำตอบชัดถ้อยชัดคำแล้ว อาณาก็รู้ตัวว่าเขาเสียมารยาทเกินไป “เพียงแต่สิบทิศไม่เคยบอกว่ามี—”


“มีเรื่องที่จะถามแค่นี้ใช่ไหมครับ”


คนตรงหน้าตัดบทเสียงเรียบ ทำให้สิ่งที่นักร้องนำตั้งใจจะพูดถูกกลืนหายลงลำคอทั้งอย่างนั้น อีกแล้ว... คนคนนี้เหยียดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มทั้งแววตาเหมือนตอนอยู่บนเวทีไม่มีผิด


“ผมขอตัวก่อนนะครับ”


อาณาจำต้องปล่อยให้อีกฝ่ายเดินจากไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้งคู่พูดกันน้อยมาก น้อยกว่าที่เขาหวังเอาไว้ระหว่างรอให้วันนี้มาถึงเสียอีก ใจอยากจะโพล่งถามให้รู้แล้วรู้รอดด้วยซ้ำว่าการตายของสิบทิศเป็นฆาตกรรมและองศารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง แต่มันก็เป็นแค่ความคิดชั่ววูบที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้


เหตุผลที่อาณายอมเก็บเงียบเรื่องนี้มาตลอดห้าเดือนก็เพราะรู้ว่ามันอันตราย การปากสว่างโดยไม่มีหลักฐานก็มีแต่จะชักนำภัยมาสู่ตัวเท่านั้น


ใครกัน — ใครที่อยากจะฆ่าสิบทิศใจแทบขาด






อาณาดื่มน้ำจากขวดก่อนจะวอร์มเสียงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินขึ้นเวที เขามีโอกาสได้ร้องเพลงแค่ไม่กี่ครั้งหลังจากอุบัติเหตุในคืนนั้น แต่วันนี้กลับต้องแสดงถึงสี่เพลง โดยเริ่มจากซิงเกิลล่าสุดของอพอลโลเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าแฟนคลับที่มารอดู และประกาศสิ่งที่เป็นนัยยะสำคัญอย่างการกลับมาของวงอันดับหนึ่งในประเทศตอนนี้


ตามคาดว่าตำแหน่งมือกีตาร์คนต่อไปตกเป็นขององศา พิชญเดชา สร้างเสียงฮือฮาและกระแสมากมายตามที่ฝ่ายการตลาดตั้งใจเอาไว้ หัวข้อข่าวถูกเขียนถึงการที่น้องชายสืบทอดความฝันของพี่ชาย รูปลักษณ์หล่อเหลา หรือแม้แต่อนาคตที่ถูกโรยกลีบกุหลาบเอาไว้ท่ามกลางการจับตามองของทุกคน


เขาเหลือบสายตามองคนที่ยืนแทนที่ตำแหน่งเดิมของสิบทิศ นายองศานี่รู้งานใช่ย่อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ออกจะดูขาดเกินแบบแปลกๆ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับฉีกยิ้มกว้าง โบกมือเบาๆ ให้กลุ่มผู้ชมแล้วค่อยตั้งท่ากับกีตาร์ รอจนกระทั่งเสียงเคาะไม้กลองให้จังหวะดังขึ้น คอร์ดเอไมเนอร์จึงเริ่มบรรเลง


บทเพลงแรกของอพอลโลรุ่นที่สอง


“เพียงได้มีเธอ ไม่สนใครคนอื่นแล้ว... ขอแค่มีเธอ อยู่ในใจก็พอแล้ว...”


ทั้งฮอลล์เงียบสนิท เป็นสิ่งยืนยันว่าสิ่งที่แฟนๆ คิดถึงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็คือเสียงร้องทรงสเน่ห์ของอาณา ปารกุล นักร้องนำผู้หลบซ่อนตนเองจากสื่อมาตลอดห้าเดือนเต็ม ไม่มีใครรู้ว่าอาณาเป็นอย่างไรบ้าง บาดแผลทางกายภาพหายดีหรือยัง แล้วบาดแผลทางใจเล่าถูกรักษาบ้างไหม เสียงร้องทุ้มนุ่มอาจจะแกว่งไปนิดหน่อยในช่วงต้นเพลง แต่แล้วมันก็กลับมาคงที่ ปีนบันไดของดนตรีขึ้นสู่ท่อนฮุคได้อย่างสง่างาม


“เศษส่วนแห่งความรักที่เธอแบ่งมาให้ฉัน ยังคงคิดดีใจถึงรู้ว่าไม่เต็ม
เศษส่วนแห่งความรักที่เธอมอบมาให้ฉัน แม้เธอไม่คิดไกลก็รักเธออยู่ดี...”



เริ่มมีเสียงร้องตามคลอๆ แล้ว อีกทั้งบรรยากาศด้านล่างเวทีก็มีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิมเมื่ออาณาทุ่มให้กับการแสดงอย่างเต็มที่เหมือนเมื่อก่อน เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้ว เวทีนี้คือของอพอลโล และไมค์ตัวนี้ก็คืออาวุธที่เทพเจ้าแห่งการดนตรีจะใช้กราดยิงใส่ทุกคน


“เท่านี้ฉันพอใจ อยู่กับรักที่ไม่เต็ม...”


โซโล่กีตาร์คือช่วงปล่อยของ แล้วก็เป็นบทพิสูจน์ว่ามือกีตาร์ของอพอลโลสามารถทำมันได้ดีสมตำแหน่งราชาคนใหม่แห่งวงการร็อกเมืองไทยแค่ไหน อาณาควงขาตั้งไมค์ เคาะเท้า มอบแอร์ไทม์ให้สมาชิกวงก่อนจะใช้สองมือจับไมค์ขึ้นทวงบัลลังก์อีกครั้ง ผู้ชมส่งเสียงเชียร์ไปกับเพลงดังสนั่น


“เศษส่วนแห่งความรักที่เธอมอบมาให้ฉัน แม้เธอไม่คิดไกลก็รักเธออยู่ดี
เท่านี้ฉันพอใจ อยู่กับรักที่ไม่เต็ม”



จบท่อนร้องสุดท้ายของเพลงแล้ว อาณาหันไปยังมือกีตาร์เพื่อชื่นชมสิบทิศในช่วงปิดบทเพลง


ทว่า เขากลับไม่พบมือกีตาร์ผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของตนอีกต่อไป


“...” นักร้องนำนิ่งค้าง ชั่วขณะที่ไม่สามารถประมวลผลได้ว่าเหตุใด สิบทิศ พิชญเดชาจึงไม่ปรากฏตัวอยู่บนเวทีของอพอลโล


หายไปไหน...?


สิบทิศ





เสียงดนตรีเงียบลงแล้ว องศาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากการดำดิ่งในอารมณ์ไปชั่วขณะ หากสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือสีหน้าแปลกๆ ของนักร้องนำซึ่งหันมามอง ดวงตากลมโตของอาณาราวกับสะท้อนภาพของบางสิ่งที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ คล้ายว่ามองไม่เห็นเขา ไม่เห็นนายองศาในฐานะมือกีตาร์คนใหม่ของวงอย่างที่เรียกมันว่าเพลงเปิดตัว


เหงื่อจากหน้าผากไหลลงจนเข้าดวงตา ทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลื่อนไปชั่วขณะ เมื่อนั้น เสียงทุ้มจากใครบางคนที่แสนคุ้นเคยก็ดังกระซิบข้างหู บอกเล่าสิ่งที่มีแค่องศา พิชญเดชาเท่านั้นจึงจะเข้าใจ


‘นายแทนที่ฉันไม่ได้หรอก ไม่มีวัน’


องศาหลับตาลง คล้ายลมหายใจขาดห้วงไปชั่วขณะ ครั้นเงยขึ้นอีกครั้งก็พบว่านักร้องนำได้หันไปพูดคุยกับผู้ชมถึงเพลงที่เพิ่งผ่านพ้นไปแล้ว แต่สายตาเมื่อครู่นี้คืออะไรกัน สายตาที่มองผ่านไปราวกับเขาเป็นเพียงแค่เงาตกทอดบนเวทีนี้เท่านั้น


ริมฝีปากได้รูปขององศาค่อยๆ ฉีกออกเป็นรอยยิ้มกว้าง บุคลิกแห่งผู้ชนะที่บรรจงสรรสร้างขึ้นมาสำหรับจุดยืนต่อหน้ามวลชนถูกแสดงออกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ฝูงชนส่งเสียงทักทายกลับอพอลโล รวมถึงองศาที่ถูกนับรวมเข้าไปใหม่ เขาถูกยอมรับอย่างง่ายดาย


— ทั้งในฐานะมือกีตาร์แห่งอพอลโล และในฐานะของพิชญเดชา


‘ฉันไม่ได้ให้นายสักหน่อย ทำไมถึงชอบแย่ง’


บางครั้ง ความชอบธรรมมันก็ต้องใช้การแย่งชิงมา


นายสอนฉันเอง สิบทิศ


TBC

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เป็นปมความสัมพันธ์ที่ดูหม่นๆ ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าองศาจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายของสิบทิศจริงๆ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook

ยินดีต้อนรับการกลับมานะคะ เดี๋ยวถ้าว่าง ๆ เราจะแวะเข้ามาอ่านเน่อ
เป็นกำลังใจให้คุณเข่งฯ เสมอค่ะ ^_^



ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :katai4: :katai4: ชอบแนวนี้

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
ร้อยองศา
(100°C)
เข่งสะพานปลา



( 5 )
คนที่ฆ่านาย



ปากกาจรดเซ็นชื่อลงบนหนังสือสัญญาในสามวันต่อมา อันเป็นการตกลงทางข้อกฎหมายแล้วว่า นับตั้งแต่นี้มือกีตาร์ของอพอลโลคือนายองศา พิชญเดชา และทำงานให้กับค่ายมอร์มิวสิกเรคอร์ดสเป็นระยะเวลาทั้งสิ้นห้าปี


อาณามององศาที่ค่อยๆ วางปากกาลงบนโต๊ะก่อนจะเลื่อนหนังสือสัญญาให้กับนัชชา หัวหน้าฝ่ายการตลาดของค่าย ทุกคนดูยินดีปรีดาที่อพอลโลจะได้ก้าวเดินต่อไปหลังต้องหยุดงานมาถึงครึ่งปี อันที่จริงจะใช้มือกีตาร์แบกอัพไปเรื่อยๆ ก็ย่อมได้ แต่นั่นคงไม่ดีกับวงที่มีตัวศิลปินเป็นจุดขายมาตั้งแต่เริ่มแรกเท่าไรนัก


“งานแถลงข่าวจะจัดวันศุกร์นี้นะคะ อย่าลืมนะ เจอกันที่นี่เจ็ดโมงเช้า” นัชชาทวนนัดหมายให้ศิลปินคนใหม่ในสังกัดฟังเป็นครั้งสุดท้าย องศาพยักหน้าทั้งรอยยิ้มพร้อมรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ยิ่งเห็นยิ้มแบบนั้นมากเท่าไร อาณาก็ยิ่งรู้สึกรู้สึกหงุดหงิดกับความไม่เป็นธรรมชาติของมันมากขึ้นเท่านั้น


“เสร็จธุระหมดแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับ” เขาหันไปถามหัวหน้าวงคนใหม่อย่างพายุ ถึงยังไม่ได้รับคำตอบ แต่นักร้องนำก็ทำท่าจะลุกหนีออกไปจริงๆ


“จะรีบไปไหน มีธุระอะไรหรือ”


“ก็เปล่า...” เขากลอกตา การโกหกพายุไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดสักเท่าไรนัก


“อย่างนั้นก็อยู่ด้วยกันก่อนสิ เผ่าเพชรว่าจะชวนทุกคนไปเลี้ยงต้อนรับองศาแน่ะ”


ได้ยินอย่างนั้นคนถูกชวนก็ขมวดคิ้ว มองเลยไปถึงเผ่าเพชรที่นั่งยิ้มพออกพอใจเพราะได้มือกีตาร์ใหม่ของวงอย่างเป็นทางการสักที แล้วงานเลี้ยงต้อนรับที่ว่าก็คงไม่พ้นผับหรือบาร์เจ้าประจำสักที่ของอพอลโล อันที่จริงเขาไม่ค่อยอยากไป สู้นั่งดื่มเบียร์แล้วนอนดูฟุตบอลอยู่ที่บ้านยังจะเป็นตัวเลือกที่ดีเสียกว่า


“อา ฉันขอบาย—”


“เดี๋ยวสิ”


พายุรั้งแขนเขาเอาไว้ เพราะบอกไปว่าไม่มีธุระ ถึงได้อยากให้ไปร่วมเลี้ยงฉลองด้วยอย่างนั้นสินะ สำหรับอาณาแล้วนี่ไม่ใช่ข่าวดีอะไร มันทำให้เขานึกถึงสิบทิศ สิบทิศที่ต้องเสียชีวิตลงพร้อมข้อหาเมาแล้วขับ สิบทิศที่เคยเป็นเสาหลักของวงอพอลโล แต่วันนี้กลับมีใครอีกคนเข้ามาแทนที่


หลังจากประชุมเรื่องงานแถลงข่าวและกำหนดการออกผลงานต่อไปเรียบร้อยดี ท้ายแล้วอาณาก็จำต้องมาร้านซัมติง บาร์เจ้าประจำที่ทีมงานของทางค่ายมักจะชวนกันมาเกือบทุกคืนวันศุกร์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงกระตือรือร้นกับปาร์ตี้แบบนี้เป็นที่สุด นักร้องนำของอพอลโลเคยเป็นเจ้าประจำของการสังสรรค์ แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกที่จะอยากทำความรู้จักองศาให้มากขึ้นเช่นที่ทุกคนกำลังยิงคำถามอยู่ตอนนี้


“แสดงว่าตอนนี้ก็กำลังเรียนที่มหา’ลัยเปิดหรือ” พายุถามอย่างสนอกสนใจ ชีวิตองศาผิดไปจากที่ทุกคนคิดมาก พูดได้ว่าตรงกันข้ามกับสิบทิศที่เป็นพี่ชายเลยทีเดียว


“ครับ เรียนนิเทศ”


“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่ทำไมเราไปอยู่ตั้งบางแสนล่ะ” กสินโพล่งถามออกไปแทนใจของทุกคน พายุโล่งใจที่ไม่ต้องเป็นคนถามเอง แต่อีกใจก็ไม่คิดว่าผู้จัดการวงจะได้รับคำตอบตรงๆ จากสมาชิกใหม่


อาณาลอบสังเกตท่าทีขององศาที่ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก แวบหนึ่งเขาเห็นว่าแววตาอีกฝ่ายสั่นไหว แล้วจึงค่อยกลับมาเป็นปกติพร้อมกับรอยยิ้มสบายๆ ซึ่งถูกวาดขึ้นอย่างเสแสร้ง


“ผมเป็นลูกเมียน้อยน่ะครับ” องศาตอบราวกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา “อยู่บ้านใหญ่แล้วมีปัญหา ก็เลยถูกแยกออกมา”


แค่นั้นเหตุผลในคำโกหกของอดีตมือกีตาร์ที่พูดว่าไม่มีพี่น้องก็คลี่คลาย กสินรู้ตัวว่าได้ถามสิ่งไม่สมควรออกไปเสียแล้ว เป็นธรรมดาที่ลูกเมียหลวงกับเมียน้อยจะไม่ถูกกัน ซึ่งเข้าใจได้ว่าเหตุใดจึงไม่มีใครเห็นพิชญเดชาคนน้องในงานศพเลย อีกทั้งยังไม่มีใครรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องในครอบครัวของสิบทิศมาก่อน แม้แต่อาณาที่ทำเป็นยกแก้วขึ้นดื่มอย่างไม่ยี่หระก็ตาม


“อ่า เปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า” พายุตัดสินใจตัดบทไม่ให้บรรยากาศน่าอึดอัดดำเนินไปนานกว่านี้


“แล้วแบบนี้ นายจะกลับไปอยู่บ้านพิชญเดชาหรือเปล่า”


แต่ผิดคาดว่านักร้องนำเลือกยิงคำถามเข้ากลางปล้อง อาณายิ้ม อยากรู้ว่าทีนี้อีกฝ่ายจะตอบอย่างไร หากคนถูกถามมองเขากลับโดยไม่แม้แต่จะหลบสายตา “ไม่รู้สิครับ ผมต้องตอบว่ายังไงหรือ”


“เฮ้ อาณา...” พายุถองศอกพลางกระซิบกระซาบ “นายเมาแล้วหรือไง คำถามนี้มัน...”


เขาจ้องนายองศาราวกับจะทะลุทะลวงสายตาเข้าไปภายในความคิดและตัวตนอีกฝ่าย รู้สึกได้ว่าการปรากฏตัวในโครงการประกวดครั้งนี้ออกจะมีลับลมคมในอย่างประหลาด แต่นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ยอมรับจากใจว่าเขากำลังคิดจับผิดหมอนี่ด้วยเหตุผลเรื่องสิบทิศและความรู้สึกส่วนตัว อย่างไรต่อจากนี้ก็ต้องใกล้ชิดกันมากขึ้น อาณาคิดว่าเขาต้องรีดประโยชน์จากคนคนนี้ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน


“ขอโทษที ฉันปากพล่อยไปหน่อย” นักร้องนำยกแก้วขึ้นเป็นการขอโทษคู่กรณี เป็นอย่างนั้นองศาจึงต้องชนแก้วด้วยอย่างช่วยไม่ได้


“ไม่เป็นไรครับ”


แทนที่จะไม่สบอารมณ์กับการสู่รู้ของเพื่อนร่วมวง ผิดคาดว่าองศากลับดูเฉยชาจนน่าแปลกใจ ในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นพิชญเดชานอกคอกแล้ว อาณาหวังว่าเขาจะมีโอกาสได้เห็นอะไรอีกสักหน่อย ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้ผิดสังเกต


องศาขอตัวออกไปจุดบุหรี่สูบ ส่วนเขาดื่มเหมือนเหล้าเป็นน้ำเปล่า


เป็นอย่างที่พายุห่วง หลังจากนั้นราวสี่สิบนาที นักร้องคนเก่งของอพอลโลก็เมาปลิ้นจนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ โชคดีว่าอาณาไม่ใช่พวกเมาแล้วทำอะไรบ้าๆ เหมือนเผ่าเพชร ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงปวดหัวน่าดู หลังหันไปกำชับมือเบสของวงให้ชะลอการดื่มลง พายุก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย เตรียมพร้อมสำหรับการแบกเจ้าตัวดีกลับไปส่งบ้านราวกับเป็นหน้าที่ประจำของตน


ชายหนุ่มผิวแทนเห็นมือกีตาร์คนใหม่ของวงยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าร้าน องศาลุกจากโต๊ะบ่อยพอสมควร ท่าทางจะสูบบุหรี่จัดเอาเรื่อง


“ผมช่วยครับ” องศาถลาเข้าช่วยหิ้วปีกอาณาทันทีที่หันมาเห็น พายุยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะพาเดินไปยังที่จอดรถอย่างทุลักทุเล


นัยน์ตาสีดำสนิทขององศาทอดมองคนที่ยืนโงนเงนอยู่ในวงแขน พายุกำลังจัดการเก็บของบนเบาะหลังให้อาณานอนได้ ในนั้นมีทั้งรองเท้า หนังสือ หรือแม้แต่กีตาร์โปร่งที่ตอนนี้ต่างถูกจับไปยัดไว้ท้ายกระโปรงรถทั้งหมด


แต่เขาคงจะไม่ถูกโฉลกกับนักร้องนำแห่งอพอลโลกระมัง อีกฝ่ายถึงได้ทำท่าพะอืดพะอมจนตัวงอ มือกีตาร์หนุ่มเบิกตาโพลง ตั้งใจจะโยนอาณาทิ้งลงกองกับพื้นแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว


“อ่อก —”


อาหารรองท้องที่ถูกย่อยจนไม่น่ามอง ตอนนี้เปรอะอยู่บนเสื้อยืดตัวเก่งขององศาเสียหมด พายุรีบหันมาทั้งอาการอ้าปากค้าง เข้ามาช่วยพยุงอาณาให้เดินไปอาเจียนใส่โคนต้นไม้ใกล้ๆ อีกถึงสองยก ส่วนเขาได้แต่พยายามสูดลมหายใจลึกๆ รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ซึมไปถึงแผ่นอก ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ด่าว่าและผลักนักร้องขี้เมาออกไปให้พ้นทาง


เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอดเสื้อและม้วนเก็บส่วนที่เปื้อนให้อยู่ด้านใน ก่อนจะวางพักมันไว้บนหลังคารถแล้วเข้าไปช่วยพายุซึ่งกำลังทุลักทุเลได้ที่


“ขอโทษทีนะองศา” มือกลองของวงยิ้มแห้ง


“ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่ความผิดคุณสักหน่อย”


“เอายังไงดี ฉันก็ไม่มีเสื้อเสียด้วย” พายุเอามือแตะคาง ถ้าเป็นทุกทียังจะพอมีเสื้อผ้าสำรองติดรถเอาไว้บ้าง แต่เพราะวันนี้ตั้งใจแค่จะเข้ามาประชุมเรื่องงานแถลงข่าวเท่านั้น เมื่อเช้าเลยจัดการเคลียร์ของออกจากรถไปเสียเยอะ “นายพักอยู่แถวไหนล่ะ”


“บ้านคนรู้จักน่ะครับ แถวเลียบด่วน”


“งั้นก็ไม่ไกลจากบ้านอาณาเท่าไร อยากกลับหรือยัง เดี๋ยวฉันแวะไปส่ง”


องศาไม่เสียดายถ้าจะต้องกลับไวกว่าที่คิด อีกทั้งให้เดินกลับเข้าไปในร้านทั้งที่เปลือยท่อนบนก็คงจะดูไม่ดีนัก ลงท้ายเขาจึงติดรถไปกับพายุซึ่งเพิ่งจะได้เจอกันเป็นครั้งที่สอง แต่แทนที่จะได้นั่งเบาะหน้าสบายๆ กลับถูกขอให้ช่วยดูแลคนเมาซึ่งทำเหมือนจะอาเจียนออกมาตลอดเวลา ผู้ชายคนนี้ดื่มไปเยอะแค่ไหนถึงได้ปล่อยให้ตนเองอยู่ในสภาพนี้กัน แต่ไหนแต่ไรองศาไม่เคยต้องดูแลใคร หากสถานะในตอนนี้จะทำตัวอย่างที่เคยเป็นมาก็คงไม่ได้


แรงเลี้ยวรถทำให้นักร้องนำเซมาพิงเขาเหมือนคนไร้กระดูก ตอนยังมีสติดีก็เอาแต่พูดจาสู่รู้แปลกๆ แล้วดูตอนนี้เถอะ สนิทกันหรือก็เปล่า แต่นอนซบไหล่คนอื่นได้ง่ายๆ เสียอย่างนั้น


“พี่พายุ” เขาเอ่ยเรียกคนขับ “ไปส่งเขาก่อนก็ได้นะครับ ไม่อย่างนั้นคงได้อ้วกใส่รถคุณแน่”


ได้ยินอย่างนั้นพายุก็ขับรถเลยซอยที่พักของเขาในเวลาต่อมา บ้านอาณาอยู่ไกลออกไปอีกไม่เท่าไรอย่างที่เจ้าของรถเคยว่า ถึงอย่างนั้นองศากลับไม่คุ้นชินที่ทางในแถบนี้สักเท่าไร เดิมทีเขาก็อยู่ชลบุรีมาตั้งเด็ก ดังนั้นเรื่องถนนหนทางจึงพอจะเดินทางถูกแค่สถานที่ที่ไปบ่อยๆ เท่านั้น


องศามาพักอยู่บ้านพี่บาส ซึ่งเคยรู้จักกันตอนที่อีกฝ่ายเรียนอยู่บางแสนและเล่นดนตรีกลางคืนด้วยกันพักหนึ่ง เขาเองตั้งใจจะมาขอค้างด้วยแค่สามสี่วันแล้วจะไปหางานพิเศษทำในกรณีที่จำเป็นต้องอยู่กรุงเทพฯ ต่อ ผ่านมาสามวันแล้ว บ้านพิชญเดชายังคงไม่มีความเคลื่อนไหวถึงเรื่องของเขาจะออกสื่อไปบ้างแล้วก็ตาม องศาพยายามอดทน — อดทนเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ผลีผลามทำอะไรให้ตระกูลงี่เง่านั่นรู้สึกอับอายบ้าง ตั้งแต่สิบทิศตายไป คนในบ้านนั้นก็ทำตัวเงียบเป็นเป่าสาก อยากรู้จริงๆ ว่าจะทำอย่างไรถ้าหากได้เจอกันอีกครั้ง ตั้งแง่รังเกียจ? ผลักไสไล่ส่ง? หรือยึดสมบัติไปหน้าด้านๆ แล้วหาข้ออ้างอะไรสักอย่างมาบีบเค้นให้เขากับแม่ติดอยู่ในนรกแบบนี้ต่อไป


โชคดีว่าพายุหยุดรถลงในที่สุด ก่อนหน้าที่ชายหนุ่มจะจมลงไปในภวังค์ความคิดอันแสนดำมืด ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการเข้าร่วมประกวดหาสมาชิกวงอพอลโลคนใหม่ ตลกดีที่สุดท้ายแล้วโชคชะตาก็ผลักดันให้เขามาอยู่ใต้เงาของสิบทิศอีกจนได้


พายุเดินมาเปิดประตูหลัง ก่อนจะค่อยๆ ช้อนร่างนักร้องนำซึ่งเมาไม่ได้สติออกจากตัวรถ เห็นอย่างนั้นองศาก็รีบอ้อมไปช่วยประคองอาณาเอาไว้แทนในระหว่างที่อีกฝ่ายพยายามล้วงหากุญแจจากกางเกงเจ้าของบ้าน


เขาเงยขึ้นมองที่พักอาศัยของศิลปินดังระดับประเทศ ถึงแม้จะไม่ได้โอ่อ่าเหมือนอย่างในละคร แต่ก็ใหญ่กว่าบ้านที่บางแสนถึงสองสามเท่าอยู่ดี เอาเข้าจริงแล้วองศาไม่กล้าคิดไปถึงการมีบ้านเดี่ยวอยู่ในหมู่บ้านหรูๆ อย่างนี้ด้วยซ้ำ ลำพังจะตกแต่งบ้านตนเองให้น่าอยู่ยังทำไม่ได้เลย


ข้างในบ้านของอาณาถูกตกแต่งเป็นสไตล์ลอฟท์ตามความชอบของเจ้าตัว นี่แทบจะเป็นบ้านในฝันขององศาเลยก็ว่าได้ ทั้งผนังปูนปาดสีเทาเข้ม ตัดด้วยโซฟาบุหนังสีน้ำตาลและเฟอร์นิเจอร์ลายไม้สลับกับลูกเล่นโลหะสีดำ บ้านที่เคยเห็นในคอนเทนต์อินทีเรียเป็นอย่างไร ที่นี่ก็ถอดแบบออกมาแทบจะไม่ผิดเพี้ยน


“ทางนี้”


พายุนำขึ้นไปด้านบนบ้าน ถือวิสาสะเปิดประตูห้องหนึ่งอย่างคุ้นเคยแล้วตรงเข้ามาช่วยพยุงอาณาอีกแรง ในที่สุดทั้งคู่ก็ทิ้งร่างคนเมาลงบนที่นอนสีเทาขนาดห้าฟุตได้สำเร็จ องศาเบนสายตาไปทางผนังกระจกซึ่งเป็นวิวสวน นึกสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าถ้าเป็นตอนกลางวัน วิวตรงนี้จะสวยงามสักเท่าไรกัน


“เดี๋ยวขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่นะ” มือกลองของวงล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารของตนแล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ ตอนนี้จึงเหลือเพียงคนแปลกหน้าเช่นเขา เจ้าบ้าน และเสื้อเลอะคราบอาเจียนหนึ่งตัว


คนพวกนี้คือคนใกล้ชิดของสิบทิศ


เขาหันไปมองอาณาซึ่งกำลังนอนกระสับกระส่าย ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ ดูแล้วคงจะยังอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น ทำให้นึกถึงสายตาตอนที่จงใจถามเขาเรื่องบ้านพิชญเดชาตอนยังอยู่ที่ร้านขึ้นมาเสียฉิบ องศาแน่ใจว่าคนคนนี้คงไม่ใช่แค่ปากพล่อยเพราะดื่มเหล้า เชื่อมกับเหตุการณ์เมื่อวันประกวดแล้ว อาณาคงจะมีความคิดในใจเกี่ยวกับสิบทิศอยู่พอสมควร


เดี๋ยวพายุคุยโทรศัพท์เสร็จ เขาคงจะได้กลับไปนอนพัก นึกตื่นเต้นอยู่เหมือนกันว่าชีวิตหลังเซ็นสัญญาศิลปินอาชีพจะเป็นอย่างไร และอะไรในชีวิตบ้างที่จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ


เขาล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อตรวจเช็กโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ว่ายังอยู่ดี จะแย่ก็ตรงที่กุญแจบ้านสำรองซึ่งบาสให้เอาไว้เกิดหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ได้ อาจเป็นตอนที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ หรือตอนที่ยุ่งวุ่นวายกับการพานักร้องของวงกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนๆ องศาก็คิดว่าเขาควรดูแลกุญแจบ้านคนอื่นได้ดีกว่านี้


แย่ยิ่งกว่าที่พอเปิดแอปพลิเคชั่นไลน์ในโทรศัพท์มือถือขึ้นดูก็พบว่าบาสส่งข้อความบางอย่างมาตั้งแต่เมื่อสองชั่วโมงก่อน ใจความว่าคืนนี้คงไม่อยู่บ้าน และให้เขาอย่าลืมล็อกประตูบ้านด้วยหลังจากกลับเข้าไป


พอดีกับที่พายุกลับเข้ามาในท่าใช้นิ้วควงพวงกุญแจรถ เขาจำเป็นต้องบอกปัญหาของตนเองออกไป องศาไม่มีเงินสำรองถึงขนาดจะนำไปเช่าห้องพักถูกๆ ได้ทั้งที่ยังไม่เข้าตาจน


“คือ... ผมทำกุญแจบ้านหายครับ แล้วคืนนี้เจ้าของบ้านเขาไม่อยู่ จะเข้าบ้านได้ก็คงพรุ่งนี้เลย”


“อ้าว” พายุเลิกคิ้ว จากนั้นจึงเกาคอแก้เก้อระหว่างที่กำลังคิดหาทางออกดีๆ มาช่วยน้องเล็กสุด “ฉันก็อยู่คอนโดกับแฟน คงไม่สะดวกให้นายมานอนค้างสักเท่าไร”


องศาไม่รู้จะตอบอะไร เขาแค่อยากได้ที่ซุกหัวนอนแค่เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเงินให้กับความโง่ของตนเองเท่านั้น และดูเหมือนเขาคงออกอาการมากเกินไป พายุถึงได้ถอนหายใจแล้วว่า


“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็ค้างที่นี่ เดี๋ยวฉันไลน์บอกอาณามันไว้เอง”


“ที่นี่” องศาทวนคำ ถึงอย่างไรเจ้าของบ้านก็หลับอยู่ อีกทั้งอาณายังเหมือนจะไม่ชอบขี้หน้าเขาสักเท่าไรนัก ขืนตื่นมาแล้วหาเรื่องด่าทอกันจะว่าอย่างไร


“หมอนี่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย แล้วทั้งบ้านนี้ก็ไม่มีใครอีก ไว้ฉันช่วยคุยคงไม่เป็นไรหรอก”


ในเมื่อพายุยืนยันอย่างนี้แล้วก็จะไม่กังวลอีก องศาไม่ใช่คนขี้เกรงใจถึงขั้นที่กล้าปฏิเสธผลประโยชน์ของตน อย่างดีที่สุดเขาคงลงไปนอนโซฟาข้างล่าง เอาไว้บาสกลับมาแล้วจะได้ออกจากที่นี่ทันที


หลังตกลงกันเรียบร้อยดีแล้วพายุก็ขอตัวกลับ ถ้าไม่ใช่ว่าหัวหน้าวงมีแฟนสาวอยู่แล้ว องศาคงนึกสงสัยว่าการดูแลที่มากเกินกว่าเพื่อนชายเหล่านี้คงมีอะไรซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ แต่ก็สรุปได้ว่านายพายุคงเป็นคนอย่างนี้มาตลอด แล้วในสายตาคนนอก อาณาก็ทำตัวให้น่าเป็นห่วงจริงๆ


เขาใช้ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาแล้วซักเสื้อยืดที่เลอะคราบอาเจียนด้วยน้ำเปล่า ก่อนจะนำออกไปตากตรงราวระเบียงโดยใช้ไม้หนีบยึดไว้ไม่ให้ปลิวไปกับลม อยู่ดีๆ ก็ต้องออกมาจากงานเลี้ยงต้อนรับทั้งที่ยังไม่ได้บอกใครเสียอย่างนั้น แต่ทุกคนก็กำลังกรึ่มจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครหายไปบ้าง องศาแน่ใจว่าเขาคงไม่โดนตำหนิในเรื่องนี้หรอก


เหลือบไปเห็นกีตาร์บูติกตัวหนึ่งตั้งอยู่บนแท่นวางไม่ห่างจากเตียงมากนัก เพียงแค่เห็นลายไม้ด้านหน้า หัวใจองศาก็เต้นตุบด้วยความตื่นเต้นขึ้นมา เขาลุกเดินไปหยุดยืนดูมันใกล้ๆ สัญลักษณ์ยี่ห้อของจิม เมอร์ริล ช่างทำกีตาร์ในช็อปเล็กๆ ของอเมริกาซึ่งขึ้นชื่อในการทำกีตาร์เกรดพรีเมียมมาสเตอร์ ปัจจุบันกีตาร์เมอร์ริลมีเพียงแค่ห้าร้อยกว่าตัวบนโลก อย่าว่าแต่นายองศา พิชญเดชาจะไม่เคยเห็นเลย ต่อให้เป็นนักสะสมกีตาร์ในประเทศไทย เจ้าเมอร์ริล ซี-ทเวนตี้เอทนี่ก็นับเป็นของหายากราคาหลักแสนอยู่ดี


ซึ่งหนึ่งในคนที่ถือครองกีตาร์หายากตัวนี้จะเป็นนักร้องวงร็อกชื่อดังของประเทศ มันก็คงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไรนัก


“สิบทิศ...?”


ชายหนุ่มผละมือออกจากกีตาร์ หันมองเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มซึ่งพยายามโงศีรษะขึ้นจากหมอน อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงเจ้าบ้านซึ่งถูกมัดมือชกให้เขาอาศัยค้างในคืนนี้ ดังนั้นการช่วยดูแลนิดๆ หน่อยๆ เป็นสิ่งตอบแทนก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่าไรนัก


“นอนเถอะ ที่นี่บ้านของคุณเอง” เขาดันอาณาให้ลงนอนกับเตียงแต่โดยดี เสียงสวบสาบจากแจ็กเกตที่สวมอยู่ทำให้ฉุกคิดได้ว่าเจ้าตัวคงจะนอนไม่สบายนัก ว่ากันตามตรงแล้ว องศาไม่เคยต้องดูแลใครมาก่อนนอกจากมารดา บางทีเขาอาจจะใจดีเกินกว่าที่ตนเองคิดก็ได้ ถึงได้กำลังช่วยถอดเสื้อนอกของคนเมาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อยู่ตอนนี้


“สิบทิศ”


มือนั้นคว้าเข้าที่แขนของเขาแล้วรั้งให้เข้าไปใกล้ องศาชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกแย่จับใจเพียงแค่ถูกเข้าใจผิดเป็นใครอีกคนที่ตนเกลียดแสนเกลียด เขาอยากแกะมือของอาณาออก แต่ร่างกายก็เสียสมดุลจนต้องใช้แขนสองข้างยันตัวเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปทับอีกฝ่าย


“ผมไม่ใช่ ปล่อยได้แล้ว” เขาบอกอาณา แต่นักร้องนำคงเมาเกินกว่าจะเข้าใจคำพูดคนอื่นได้


องศาไม่เข้าใจว่าสุดท้ายแล้ว ทำไมเขาถึงเป็นฝ่ายที่นอนราบอยู่บนเตียงและถูกคนที่เพิ่งจะพบกันแค่สองครั้งคร่อมทับอยู่เหนือร่าง ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด แค่เอาตนเองเข้ามาเป็นเงาของสิบทิศอย่างออกหน้าออกตาก็น่าสมเพชพอแล้ว แต่ถึงขั้นถูกคนเมาเข้าใจผิดว่าเป็นหมอนั่น มันชักจะตลกร้ายเกินไป


“ขอร้อง... อย่าหายไปไหนเลย...” แต่ท่าทีของอาณาก็ทำให้เขานึกสนใจไม่ใช่น้อย ปกติพวกวงดนตรีอาชีพจะเสียใจขนาดนี้ถ้าเพื่อนร่วมวงตายไปหรืออย่างไร “ฉันอยู่ไม่ไหว”


อาณาเริ่มร้องไห้ ปล่อยให้ผมเผ้าระใบหน้าของเขาอย่างไม่อายในขณะที่กำลังสะอื้นอย่างนั้น ดูท่าองศาจะคิดผิดไป ไม่ใช่พายุกับอาณาที่ดูเป็นความสัมพันธ์เกินพอดี แต่น่าจะเป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาต่างหากที่หลบซ่อนความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักร้องนำของวงเอาไว้


ความลับข้อแรกของสิบทิศที่ได้รู้ทำให้ชายหนุ่มเย้ยหยันในใจ ถ้าหมอนั่นยังมีชีวิตอยู่และเรื่องนี้แดงออกไป บรรดาแฟนคลับคงจะปั้นหน้ากันไม่ถูกแน่ๆ


ถึงจะคิดร้ายกาจอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ขืนตัวออกจากการเป็นหลักยึดให้อาณาร้องไห้สะอื้นตัวโยน อันที่จริงเขาแค่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะหลุดอะไรออกมาอีกมากกว่า พร่ำคำหวานบอกรักหรืออาลัยอาวรณ์อะไรอย่างนั้น


“...ฆ่านาย”


“...” ได้ยินอย่างนั้นองศาก็ขมวดคิ้วมุ่น ใช้มือเสยเรือนผมสีน้ำตาลขึ้นเพื่อจะได้สบดวงตาคู่นั้นได้ชัดเจน “คุณว่าอะไรนะ”


หลังจากนั้นอาณาไม่ตอบ แต่กลับทำสิ่งเหนือคาดอย่างการเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ประกบริมฝีปากอุ่นๆ อย่างเชื่องช้าก่อนจะผละออกเพียงเล็กน้อย แต่แล้วก็จูบอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ไหนแต่ไรองศาไม่ได้มีรสนิยมรังเกียจหรือชอบผู้ชายด้วยกัน เขาเพียงแค่ไม่เคย แล้วก็คิดว่ารสสัมผัสในคราวนี้ไม่ได้แย่อะไรนัก ทันทีที่ชายหนุ่มเริ่มจูบตอบ คนข้างบนก็แทรกปลายลิ้นชื้นเข้ามา เชิญชวนให้เขาปรับเปลี่ยนองศาของใบหน้าเพื่อจะได้แลกลิ้นกันถนัดถนี่ขึ้น


จูบของอาณาเป็นรสน้ำตาเค็มๆ จากการที่เจ้าตัวร้องไห้จะเป็นจะตายเมื่อครู่ มือที่จับเข้าบนใบหน้าของเขาก็ทั้งนิ่มและอบอุ่น องศาไม่เคยจูบกับผู้หญิงอย่างลุ่มลึกเช่นนี้มาก่อน เขาไม่รู้ว่าตนเองจะมีอารมณ์ขึ้นมาหรือไม่ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชาย ถึงกระนั้นกลีบปากนุ่มๆ ของอาณาก็ทำให้รู้สึกดี ดีจนเขายินยอมปล่อยให้สถานการณ์แปลกประหลาดนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งอีกคนเป็นฝ่ายผละออกเพราะหมดแรง


รสจูบยังติดอยู่บนริมฝีปาก และแปลกประหลาดยิ่งกว่าที่องศานึกเสียดายไม่น้อย


อาณาทิ้งตัวลงทับเขาทั้งๆ อย่างนั้น


“คุณ...” องศาพยายามขยับตัว ขืนปล่อยให้หลับไปทั้งอย่างนี้คงจะไม่ดีกับคนถูกทับอย่างเขาแน่ ลมหายใจอุ่นร้อนของนักร้องนำรดลงบนซอกคอ อีกทั้งอุณหภูมิที่ทาบทับอยู่กับท่อนบนเปลือยเปล่าก็ช่วยให้ชายหนุ่มไม่รู้สึกหนาวแอร์อย่างที่คิด “อาณา”


เจ้าของชื่อพึมพำอะไรบางอย่าง — บางอย่างที่ทำให้องศาถึงกับเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยิน


“จะหาให้เจอนะ... คนที่ฆ่านาย...”


คนที่ฆ่าสิบทิศ พิชญเดชาอย่างนั้นหรือ...?


คนคนนี้หลุดพูดอะไรออกมา


TBC

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ————• 100°C | ร้อยองศา •———— EP.4 (UP 050761)
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-07-2018 19:13:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ใครฆ่าสิบทิศ เดาไม่ออกอ่า  :katai1:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ————• ร้อยองศา •———— EP.5 | 150761
«ตอบ #11 เมื่อ16-07-2018 21:13:04 »

โฮ จูบกันแล้ว ถึงจะไม่มีสติก็เหอะ

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
Re: ————• ร้อยองศา •———— EP.5 | 150761
«ตอบ #12 เมื่อ18-07-2018 21:30:05 »

ร้อยองศา
(100°C)
เข่งสะพานปลา



( 6 )
ทายาทโดยธรรม



เมื่อคืนนี้เขาฝันถึงสิบทิศ


ฝันว่าหมอนั่นอยู่บนเตียงเดียวกัน ยิ้มให้ แล้วยังยอมรับจูบหวานๆ ที่มอบให้ด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ เท่านี้เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว


อาณาทรมานเพราะอาการปวดเหมือนศีรษะจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้คือการนั่งดื่มในร้านซัมติงร่วมกับคนอื่นๆ แต่พอพยายามนึกให้มากกว่านั้นหน่อย ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าถูกพายุหิ้วออกมาจากร้าน อาเจียน แล้วภาพก็ตัดไปอีกครั้ง


สัมผัสหนึบๆ ของที่นอนทำให้นักร้องนำขมวดคิ้วมุ่น อาณาพยายามลืมตาขึ้น แต่เปลือกตาก็หนักเกินกว่าจะสามารถเบิกขึ้นได้ในครั้งเดียว เขาขยับตัวด้วยความกระสับกระส่าย นึกอยากจะปัดผ้าห่มที่คลุมอยู่ออกไปให้พ้นตัว


สิ่งแรกที่อาณาเห็นคือสีเนื้อ อาจจะเป็นแขนของพายุ เผ่าเพชร หรือว่ากสินที่หิ้วเขากลับมานอนด้วย แต่พอปรับสายตาให้มองเห็นได้ชัดขึ้น เขาก็สะดุ้งสุดตัว แทบลืมอาการปวดหัวก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ใบหน้าด้านข้างของใครบางคนปรากฏอยู่ตรงหน้า อาณาหนุนไหล่อีกฝ่ายแทนหมอน มิหนำซ้ำขายังพาดก่ายกันไว้ราวกับคู่รักหลังคืนฮันนีมูนไม่มีผิด


เขารีบแกะมือที่วางอยู่ตรงช่วงเอวออกทันที อาการปวดหัวตุบเข้าเล่นงานในขณะที่พยายามผละตัวออกแล้วกลิ้งมาอีกฝั่งของเตียง อาณาหันมองเจ้าของร่างที่ใช้หนุนแทนหมอนเมื่อคืนนี้ให้เต็มตาอีกครั้ง ก่อนจะตกใจซ้ำราวกับหัวใจตกดิ่งลงไปอยู่ตาตุ่ม

นายองศา พิชญเดชาลืมตาตื่นขึ้นเพราะการเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่ เจ้าตัวดูจะหงุดหงิดตามประสาคนนอนไม่พอ ครั้นหันมาเห็นเขาที่ยันตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วก็ทิ้งศีรษะจมหมอนต่อ ท่าทีเฉยเมยแบบนั้นมันอะไรกัน แล้วทำไมมือกีตาร์คนใหม่ถึงมานอนร่วมเตียงกับเขาได้ อาณานึกอะไรแทบไม่ออกเลยด้วยซ้ำ


“องศา” เขากุมศีรษะแล้วนั่งตัวงอเพราะทรมานกับอาการแฮงค์ ถึงอย่างนั้นก็ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์นี้ให้ได้ก่อน “ทำไมนายถึงมาอยู่นี่”


“ผมกับพี่พายุช่วยหิ้วคุณกลับมา” องศาตอบทั้งที่ไม่ลืมตา


“แล้วมันเกี่ยวอะไร” สุดท้ายแล้วเขาก็ทนไม่ไหว จำต้องงอตัวลงไปนอนจมกับเตียงอีกครั้งด้วยรู้สึกปวดหัวจนทนไม่ไหว คราวนี้องศาลืมตาขึ้นมามองสบกันในที่สุด


“ผมทำกุญแจบ้านหาย พี่พายุเลยบอกให้นอนค้างที่นี่ได้”

อาณาขมวดคิ้ว พยายามควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนที่สวมอยู่แล้วเปิดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ในทันที อย่างที่คิดเอาไว้ พายุส่งข้อความเข้ามาในแชตส่วนตัวว่าเป็นคนอนุญาตให้องศาค้างที่นี่ ทั้งยังไม่ลืมทิ้งท้ายให้เขารู้สึกเห็นใจเจ้าลูกหมาตาดำๆ ซึ่งไม่มีที่ไป เท่านั้นอาณาก็แค่นหัวเราะ เจ้าหมอนี่มันเหมือนลูกหมาตรงไหนเล่า


เขาหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน รู้อย่างนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี


“อา ช่างเถอะ ขอบคุณนะที่ช่วยแบกกลับมา” แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตนเองตื่นขึ้นมาในสภาพใด อาณาก็จำต้องลืมตาขึ้นอีกรอบ “เมื่อคืนนี้ฉันทำอะไรแปลกๆ หรือเปล่า”


คนอายุน้อยกว่ามองเขานิ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบออกมาทั้งสีหน้าราบเรียบ “คุณอ้วกใส่ผม”


อยากจะบ้า... เพราะอย่างนั้นหมอนี่ถึงได้นอนไม่ใส่เสื้อสินะ


“ขอโทษที”


องศาไม่ได้พูดเรื่องที่ทั้งคู่จูบกัน ไม่ได้พูดว่าอาณาร้องห่มร้องไห้ใส่เขา และยังหลุดเรื่องที่จะตามหาคนฆ่าสิบทิศออกมาโดยไม่รู้ตัว เขามองนักร้องนำของวงคว่ำใบหน้าเหยเกลงกับหมอน ดูท่าคงจะแฮงค์ไม่น้อย อาการแบบนี้ต้องปล่อยให้นอนพักอีกสักตื่นแล้วค่อยหาอาหารเบาๆ ใส่ท้องถึงจะดีขึ้น


ร่างสูงโปร่งผุดลุกขึ้นจากเตียง องศาชั่งใจว่าเขาควรจะช่วยดูแลอีกฝ่ายหรือหนีกลับบ้านไปทั้งอย่างนี้ แต่ท้ายแล้วก็ทนสงสารไม่ไหว ถ้าหากว่าพายุไม่เข้ามา คนคนนี้คงได้นอนตายไปทั้งอย่างนี้แน่


“บ้านคุณมีของสดหรือเปล่า” อาณาเหลือบตามองเขา ไม่รู้ว่าที่ขมวดคิ้วอย่างนั้นเป็นเพราะอาการปวดหรือไม่เข้าใจคำถามกันแน่ “หมายถึงข้าวสาร หมู ไก่ หรืออะไรก็ได้”


“มีมาม่ากับโจ๊กซอง”


อาณาตอบเสียงอู้อี้ ได้ยินอย่างนั้นองศาก็ก้าวเท้าออกจากห้อง ตั้งใจว่าจะต้มโจ๊กสำเร็จรูปให้กินรองท้องอย่างง่ายๆ พออาการดีขึ้นแล้วคงพอดูแลตัวเองได้ ถึงตอนนั้นเขาจะได้กลับไปขอโทษพี่บาสสักที


ใช้เวลาราวสิบนาที องศาก็ได้โจ๊กร้อนๆ มาหนึ่งชามถ้วน บ้านหลังนี้ไม่มีแม้แต่ข้าวสารหรือไข่ไก่ด้วยซ้ำ อย่างกับพวกเด็กหอที่มหาวิทยาลัยไม่มีผิด ในเมื่อมีแค่อาหารกึ่งสำเร็จรูปเขาก็ทำให้กินได้แค่นี้ ถือเป็นคำขอบคุณสำหรับที่ซุกหัวนอนฟรีๆ หนึ่งคืนก็แล้วกัน


กลับขึ้นมาก็เห็นคนแฮงค์กำลังนอนคว่ำหน้านิ่งกับหมอน ดูแล้วเหมือนศพอย่างไรอย่างนั้น ชายหนุ่มจัดการวางโจ๊กไว้ให้พี่โต๊ะข้างเตียง ก่อนส่งเสียงเรียกเพื่อให้อีกคนรับรู้ว่าอาหารรองท้องร้อนๆ มาเสิร์ฟถึงที่แล้ว


“อาณา”


เจ้าของชื่อผงกศีรษะรับรู้แต่ยังไม่ยอมขยับตัว เท่านี้ก็หมดหน้าที่ที่เขาได้รับฝากฝังจากพายุทางอ้อมแล้ว องศาเดินไปเปิดประตูระเบียงแล้วเก็บเสื้อที่ตากทิ้งไว้มาสวมใส่ มันยังชื้นๆ อยู่นิดหน่อย ท่าจะมาเริ่มแห้งเอาตอนที่แดดเช้าสาดส่องลงมากระมัง


ลึกๆ แล้วเขาก็ยังคาใจในสิ่งที่เจ้าของบ้านหลุดพูดเมื่อคืนนี้ ระหว่างใส่เสื้อ องศาลอบสังเกตอาณาที่กำลังพยายามหยัดตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เรือนผมสีน้ำตาลถูกเสยขึ้นลวกๆ จนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แขนที่โผล่พ้นเสื้อยืดก็มีกล้ามเนื้อแต่พอดี และถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ใบหน้าของนักร้องวงอพอลโลก็ดูจะเป็นแบบที่ผู้ชายด้วยกันรู้สึกชื่นชอบได้ไม่ยาก อย่างน้อยๆ สิบทิศก็คงชอบแบบนี้ แล้วจากการจูบแบบไร้ความเก้อเขินเมื่อคืน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าทั้งสองคนคงสานสัมพันธ์กันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว


ดูเหมือนอาณาจะรู้สึกตัวว่าถูกมอง ถึงได้เหลือบดวงตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “มีอะไร”


“เปล่า” องศาไหวไหล่ ตัดสินใจว่าไม่ต้องบอกเล่าสถานการณ์เมื่อคืนน่าจะดีกว่าพูดแล้วทำให้สถานะเพื่อนร่วมวงเกิดความอึดอัด คนคนนี้ก็แค่เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นสิบทิศเท่านั้น “ได้ยินว่าคุณอยู่ในคืนที่เกิดอุบัติเหตุด้วย”


ในเมื่ออาณากล้าปากพล่อยเรื่องบ้านพิชญเดชา แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่กล้าปากพล่อยเรื่องสิบทิศบ้าง แน่นอนว่าทันทีที่ถามออกไป มือซึ่งกำลังจะส่งโจ๊กเข้าปากก็ชะงักกึก คราวนี้อาณาเก็บอารมณ์ตนเองเอาไว้ไม่มิด นัยน์ตาสีน้ำตาลธรรมชาติคู่นั้นจ้องเขาเขม็ง


“ใช่”


“มันเกิดอะไรขึ้นหรือ”


คนถูกถามวางช้อนลงเพื่อแสดงออกว่ากินอาหารมื้อนี้ไม่ลงอีกต่อไปแล้ว “ก็ตามเนื้อข่าว”


แค่ดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าโกหก


อีกฝ่ายเลือกหนีบทสนทนาครั้งนี้ด้วยการทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง จะว่าเป็นการไล่คนแปลกหน้าอย่างเขากลายๆ ก็คงไม่ผิด องศาคิดอยู่แล้วว่าอาณาคงไม่พูดเรื่องสิบทิศออกมาพร่ำเพรื่อ ปล่อยให้ความสงสัยตกตะกอนอยู่ในใจดวงนี้ไปอีกพักใหญ่


“ขอโทษที่ถามนะครับ” องศายอมแพ้ เดินไปคว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือยัดลงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น


เขาจุดบุหรี่สูบ แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นบริเวณบ้าน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ทีแรกเขาเข้าใจว่าเป็นบาสที่โทรหา หากเบอร์ปลายสายกลับไม่ใช่เบอร์ที่คุ้นเคย ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ใช้เวลาตัดสินใจมากนัก เขาเลือกกดรับ ก่อนจะเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดาผิดจากการตอบกลับมาของอีกฝั่ง


“ฮัลโหล”


“คุณองศา พิชญเดชาใช่ไหมครับ”


องศาขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงเป็นของชายวัยกลางคน ถ้าเกี่ยวกับเรื่องที่เขาชนะการประกวดหามือกีตาร์คนใหม่ของอพอลโล น่าจะต้องเป็นการติดต่อผ่านทางมอร์มิวสิกไม่ใช่เบอร์ส่วนตัว


“ครับ”


“ผมชื่อชลธร เป็นทนายประจำตระกูลพิชญเดชาครับ”


เท่านั้น เขาก็รู้ว่าเวลาที่รอคอยได้ใกล้เข้ามาแล้ว










“ต้องขอโทษที่ติดต่อมาป่านนี้นะครับ ทางเราต้องใช้เวลาตรวจเช็กข้อมูลก่อน ถึงจะสามารถโทรหาคุณได้”


องศามาถึงที่นี่หลังจากรับสายของชลธรแค่หนึ่งชั่วโมง เขายังอยู่ในเสื้อตัวเดียวกับที่ถูกอาณาอาเจียนใส่เมื่อคืนนี้ด้วยซ้ำ ส่วนนายชลธรปรากฏตัวขึ้นในชุดสูทสีดำสุภาพ อีกฝ่ายเป็นชายอายุราวๆ ห้าสิบ บุคลิกกระฉับกระเฉงแต่ไม่ได้ดูกระโชกโฮกฮาก สวมแว่นกรอบสีเงินเลนส์หนาเตอะ แล้วยังพูดจาช้าๆ ชัดๆ จนฟังทุกอย่างเข้าใจได้ในครั้งเดียว ทันทีที่มาถึงร้านกาแฟตามที่นัดกันไว้ ชลธรก็แสดงบัตรประจำตัวทนายความรวมถึงหนังสือสัญญาการทำงานให้ตระกูลพิชญเดชาโดยมีลายเซ็นของเจ้าสิปภาคกำกับไว้ กล่าวถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเขาแค่สองสามประโยค จากนั้นจึงล้วงหยิบเอกสารจำนวนหนึ่งออกมากางไว้บนโต๊ะแล้วค่อยๆ อธิบายว่าเอกสารแต่ละอย่างเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร


ทนายชลธรแจงว่าสิบทิศไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ ทรัพย์สินจึงตกเป็นของทายาทโดยธรรมตามกฎหมาย ซึ่งในที่นี้เจ้าตัวไม่มีทั้งบุตรและคู่สมรสตามกฎหมาย ดังนั้นมรดกจึงตกเป็นของพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันซึ่งก็คือองศา ส่วนญาติคนอื่นจะได้ทรัพย์สินส่วนแบ่งใดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความยินยอมของเขาเท่านั้น


ถึงตรงนี้องศาลอบยิ้มกว้างในใจ ผิดกับสีหน้าที่ยังคงสงบนิ่งขณะใช้สมาธิอ่านทำความเข้าใจเรื่องลำดับทายาทโดยธรรม ตามกฎหมายแล้ว ทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิ์ได้รับมรดกจะแบ่งทั้งสิ้นหกลำดับ อันได้แก่ ผู้สืบสันดาน บิดามารดา พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน พี่น้องรวมบิดาหรือมารดาเดียวกัน ปู่ย่าตายาย และสุดท้ายคือลุงป้าน้าอา ตามกฎหมายแล้วทายาทที่อยู่ลำดับถัดลงไปไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย


หมายความว่าจากนี้ไป นายองศา พิชญเดชา คือทายาทโดยชอบธรรมเพียงหนึ่งเดียวของพิชญเดชา


“การแบ่งมรดกจะแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกินหนึ่งปี หากคุณปรากฏตัวช้าขึ้นกว่านี้ห้าเดือน ทรัพย์สินจะถูกแบ่งให้คุณอาทั้งสามและต้องทำเรื่องฟ้องกันยาวทีเดียวครับ” ชลธรกล่าว แล้วจึงยื่นเอกสารมาให้เขาเซ็นลงชื่อเอาไว้


“แล้ว... ผมต้องทำยังไงต่อครับ”


ได้ยินคำถามเช่นนี้ ทนายชลธรก็ยิ้มอย่างใจดี “ขึ้นอยู่กับคุณเลยครับคุณองศา หากต้องการย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพิชญเดชาก็ขอให้แจ้งผมได้เลย”


หลังจากสองแม่ลูกต้องทนใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ได้รับส่วนแบ่งมรดกเนื่องจากพินัยกรรมของเจ้าสัว จะมีก็แต่การโอนชื่อบ้านที่บางแสนไว้ให้เป็นชื่อของนางอังกาบเท่านั้น ในตอนนั้นพวกเขาไม่มีกำลังถึงขนาดจะไปทำเรื่องฟ้องร้องบ้านใหญ่ให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ทั้งยังให้สิทธิและอำนาจแก่องศามากเสียยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้


ทุกสิ่งที่เคยเป็นของสิบทิศกำลังตกมาถึงมือของเขาในที่สุด


“ครับ ผมจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพิชญเดชา”


หากนี่เป็นเกมชีวิต องศาคิดว่าแต้มต่อที่เขามีนั้นไม่ใกล้เคียงคำว่าพ่ายแพ้เลยสักนิดเดียว










ทันทีที่นางอังกาบได้รู้เรื่องราวทั้งหมดผ่านทางโทรศัพท์ หล่อนก็ดีใจและรีบตะโกนสั่งให้พิมพ์จันทร์เก็บข้าวของทั้งที่ยังไม่วางสายจากเขาด้วยซ้ำ องศาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงของมารดาตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็ตั้งใจว่าจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นหลังจบงานแถลงข่าวในฐานะสมาชิกใหม่ของอพอลโล คงพอดีกับที่แม่และพิมพ์จันทร์จะจัดการอะไรๆ ที่นู่นเสร็จและเดินทางมาถึงกรุงเทพ


เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใส่เสื้อผ้าราคาแพงจากแบรนด์ชั้นนำระดับประเทศ แจ็กเกตหนังไบค์เกอร์ราคาสามหมื่นถูกส่งให้มือกีตาร์หนุ่มสวมใส่ออกงานเพื่อสร้างภาพจำใหม่ให้กับแฟนเพลง หากสิบทิศเคยอยู่ในสถานะเจ้าชายไฮโซที่มักจะโดนจับแต่งกายด้วยสีขาว องศาก็คงเป็นน้องชายที่เปรียบดังปีศาจร้าย สีดำทำให้ตัวตนของเขาดูเข้าท่า แล้วก็หวังว่าจะไม่มีใครจำผิดว่าเขาเป็นอดีตมือกีตาร์อีก


อาณาไม่ได้ใส่ใจเขาเท่าที่พายุหรือเผ่าเพชรให้ความสนใจ องศาเข้าใจทะลุปรุโปร่งแล้วว่าเหตุใดอาณาถึงได้ไม่ยินดีต้อนรับเขานัก ถ้านักร้องนำได้รู้ว่าคืนนั้นเจ้าตัวจูบกับเขาดูดดื่มแค่ไหนจะยังกล้าทำตัวต่อต้านแบบนี้อยู่หรือเปล่า แค่คิดก็สนุกพิลึก


“แล้วหลังจากนี้นายจะเอายังไง เห็นว่าอาศัยอยู่บ้านคนรู้จัก ถ้าไม่รังเกียจฉันให้ยืมเงินไปเช่าหอพักอยู่ชั่วคราวดีไหม” เผ่าเพชรถามไถ่ขึ้นมาในขณะที่ทั้งหมดกำลังรอสแตนด์บายอยู่ด้านหลังเวที พายุที่พอได้ยินประเด็นนี้ก็ปรี่เข้ามาให้ความสนใจด้วย


“ฉันพอจะมีเพื่อนที่ทำหอพักอยู่แถวๆ รัชดาฯ ไว้จะลองคุยกับทางนั้นให้”


ส่วนอาณายืนให้สไตลิสต์ช่วยจัดแต่งทรงผมโดยไม่พูดไม่จา


“ถ้าเรื่องนี้ ผมไม่เดือดร้อนแล้วล่ะครับ” องศายิ้มตอบน้ำใจของเพื่อนร่วมวง ถึงแม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างเสแสร้งไปสักหน่อย หากมันก็ทำให้เขาสร้างตัวตนเป็นมิตรขึ้นได้หลายต่อหลายครั้ง “ภายในอาทิตย์หน้า ผมก็จะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพิชญเดชาแล้ว”


เขาไม่รู้ว่าพายุกับเผ่าเพชรทำสีหน้าอย่างไร เพราะเกิดนึกสนใจมากกว่าว่านักร้องนำของวงจะแสดงทีท่าแบบไหนเมื่อได้รู้ว่าจุดยืนของคนรักกำลังถูกน้องชายต่างมารดาเข้าแทนที่อีกครั้ง


“ขอบคุณครับ” อาณาเบี่ยงศีรษะออกจากการจัดแต่งทรงผมด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางทีคงจะอยากรีบขึ้นเวทีไวๆ เพื่อหนีให้พ้นจากบทสนทนาเรื่องทายาทพิชญเดชาคนใหม่ก็เป็นได้ “ยังเหลือเวลาอีกเท่าไร ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ”


หลังได้รับการยินยอม นักร้องนำก็พาตนเองออกจากบริเวณนั้นทันที เขาตรงมายังห้องน้ำเช่นที่ได้แจ้งทีมงานเอาไว้ ขืนต้องยืนฟังเรื่องของนายองศาต่อไปก็มีแต่จะรู้สึกแย่จนรักษาสีหน้าบนเวทีไม่ไหวเท่านั้น อาณาไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง ไม่อยากจะเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว น้องชายที่ไม่เคยมีอยู่จริงของสิบทิศก็เข้ามาแทนที่ทุกอย่างเหมือนที่เขาเคยนึกระแวงเอาไว้


อาณาไม่อยากปรักปรำใครว่าเป็นผู้ต้องสงสัย แต่เขาก็อดไม่ได้... อดคิดเช่นนั้นไม่ได้จริงๆ ในเมื่อผลประโยชน์ทุกอย่างมันเข้าทางนายองศาเหมือนถูกจับวางไว้แต่แรก


เป็นไปได้หรือไม่ที่เบื้องหลังอุบัติเหตุในครั้งนั้นจะเป็น —


‘ได้ยินว่าคุณอยู่ในคืนที่เกิดอุบัติเหตุด้วย’
‘มันเกิดอะไรขึ้นหรือ’



เสียงนั้นราวกับปีศาจร้าย พอนึกย้อนกลับไปอีกที เขาจำไม่ได้ว่าสีหน้าขององศาในยามที่ถามเรื่องนี้ดูเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยแสดงความอาลัยอาวรณ์ต่อพี่ชายต่างมารดาของตนเลยสักครั้ง


TBC

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
Re: ————• ร้อยองศา •———— EP.6 | 180761
«ตอบ #13 เมื่อ19-07-2018 00:00:43 »

รอตอนต่อไปจ้า  :L2:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ————• ร้อยองศา •———— EP.6 | 180761
«ตอบ #14 เมื่อ19-07-2018 11:11:55 »

ทุกอย่างมันดูจงใจให้เข้าใจว่าองศาอาจจะเป็นคนฆ่าสิบทิศ  อาณาจะสงสัยองศาก็คงไม่แปลก
แต่ถ้าองศาทำจริงมันจะดูง่ายไปหน่อย
 เราเลยคิดว่าคงไม่ใช่ 555 แต่ไม่แน่ใจว่าองศารู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนทำ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ————• ร้อยองศา •———— EP.6 | 180761
«ตอบ #15 เมื่อ24-07-2018 20:26:33 »

เดินเรื่องแบบเรื่อย ๆ ทึม ๆ ให้เราได้ลุ้นระทึกทุกย่อหน้า


ชอบมากกกกกกกกก

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: ————• ร้อยองศา •———— EP.6 | 180761
«ตอบ #16 เมื่อ25-07-2018 17:34:26 »

มันต้องมีอะไรแน่ๆที่เราไม่รู้5555

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ————• ร้อยองศา •———— EP.6 | 180761
«ตอบ #17 เมื่อ06-08-2018 19:16:05 »

เข้ามารอ
ใครจะเป็นนักสืบหนอ

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: ————• ร้อยองศา •———— EP.6 | 180761
«ตอบ #18 เมื่อ06-08-2018 21:12:18 »

รอตอนต่อไปจ้า มาต่อไวๆนะคะ หน่วงใจมากเลย
ปกติเราไม่อ่านดราม่า แต่เรื่องนี้มันวางไม่ลงจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด