ตอนที่ 10
กว่าจะใช้เวลาเดินทางกลับถึงห้องก็ปาไปบ่ายโมงกว่าแล้ว... อากาศในฤดูร้อนก่อนจะย่างเข้าฤดูฝนนี่มันช่างร้อนอบอ้าวเสียจริง และนั่นทำให้ไม้ต้องถอดเสื้อออกทันทีที่มาถึงห้อง
“เจ้านาย...” มิวส์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระเส่า พอเห็นร่องกล้ามและเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นอยู่บนร่างบึกบึนนั้นอาการหื่นกามมันก็กำเริบขึ้นมาทันที
“อะไร" ไม้ขานรับอย่างไม่สนใจเท่าไรนัก เพราะสิ่งที่เขาสนใจมากยิ่งกว่าตอนนี้คือเทปบันทึกภาพฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษคู่ระหว่างทีมโปรดของเขาเชลซีกำลังปะทะกับทีมที่มีขวัญใจทั่วโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้จะรู้ผลแล้วว่าเสมอกันไปสองประตูต่อสอง แต่เลือดเชลซีมันอยู่ใจนี่นายังไงก็ขอดูย้อนหลังหน่อยละกัน
“ผมขอทวงสัญญา...” มิวส์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“สัญญาอะไร" ไม้เอ่ยขึ้นเรียบ ๆ พอหันไปพบกับสายตาที่เร่าร้อนของดวงวิญญาณเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเจ้านี่มันกำลังหมายถึงเรื่องอะไร “เออ! มึงอยากทำไรกับกูก็ทำไปเถอะ ขออย่างเดียว เงียบ ๆ อย่าพูดอะไรขึ้นมาอีกจนกว่าฟุตบอลจะจบ"
สิ้นเสียงของไม้ สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่จอโทรทัศน์ ผิดกับมิวส์ที่คลี่ยิ้มสุดหื่นออกมา แล้วปฏิบัติการลูบไล้อวัยวะต่าง ๆ ของเจ้านายสุดหล่อก็พร้อมที่จะเริ่มขึ้น
แต่ทว่าก่อนที่จะทำอะไร เสียงของโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ขัดจังหวะของวิญญาณสุดหื่นเอาซะก่อน
“ว่าไงที่รัก" ไม้ทักทายด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ส่วนมิวส์ได้แต่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ว่ามารผจญจะโทรมาขัดจังหวะทำไม
“อยู่ไหน" ปลายสายเอ่ยถาม
“ห้อง" ไม้ตอบกลับ
“มาหาหน่อยได้ไหม" ปลายสายเอ่ยถามอีกครั้ง
“ที่ไหน" ไม้ถามกลับ หลังจากที่ได้ยินคำตอบของแม็กกี้เสร็จสรรพเขาก็ตอยตกลงทันที "ได้ ๆ เดี๋ยวกูจะรีบไป"
หลังจากที่วางโทรศัพท์ ไม้ก็หยิบเสื้อตัวที่เพิ่งถอดมาใส่อีกครั้งก่อนจะปิดทีวีทันที
“เจ้านายจะไปไหน" มิวส์เอ่ยถามอย่างขัดใจ ก็ไหนเมื่อกี้บอกให้ไม่ต้องพูดมากจะได้มีสมาธิดูบอล แต่พอแม็กกี้โทรมาเท่านั้นแหละ ทำไมถึงได้รีบร้อนออกไปข้างนอกขนาดนี้
“ไปข้างนอก" ไม้ตอบปัด ๆ
“ไปทำอะไร" มิวส์เอ่ยถามอีกรอบ แต่คราวนี้ไม้ไม่ได้ตอบเขาเพียงเดินจ้ำอ้าวลงลิฟท์และตัดสินใจก้าวออกจากรั้วประตูหอพักทันทีโดยที่ไม่สนใจคำถามต่าง ๆ นานาที่มิวส์พยายามถามอีกเลย อย่างเช่น ไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร จะกลับกี่โมง ฯลฯ
เจ้านายสุดโหดของเขาเพียงตะโกนให้หลังว่า "อยู่ที่หอก็เป็นเด็กดีล่ะ อย่าไปเที่ยวหลอกหลอนใคร"
“ตอบไม่ตรงคำถามสักนิด" มิวส์ทำแก้มป่องอย่างขัดใจก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมา
หลังจากที่ร่างของเจ้านายสุดโหดลับสายตา ท่านเจ้าที่ที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์ความเป็นไปบริเวณศาลพระภูมิมนานก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของมิวส์
“เจ้านี่ชักจะยังไงแล้วนะ พ่อหนุ่มนั่นจะไปที่ไหนแล้วมันธุระกงการอะไรที่เจ้าต้องถามฮะ" ท่านเจ้าที่เอ่ยขึ้น
“ก็... เขาเป็นเจ้านายผมนี่ท่านลุง" มิวส์ตอบ
“แน่ใจนะว่าเป็นแค่เจ้านาย... ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น" ชายชราในชุดขาวเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เพราะเขาไม่เข้าใจว่าลูกน้องประสาอะไรทำไมต้องถามจู้จี้จุกจิกกับเจ้านายของตัวเองมากมายขนาดนี้ อีกอย่างหอพักแห่งนี้มีคู่รักชาย ๆ หรือหญิง ๆ เดินเข้า ๆ ออก ๆ บ่อยเลยทำให้ท่านเจ้าที่เห็นจนชินแล้วล่ะกับรสนิยมของเด็กสมัยนี้
“คิดอะไรล่ะท่านลุง ไม่ได้คิดหรอกน่า" มิวส์ตอบปัด ๆ ทำไมนะ... พอท่านเจ้าที่ถามคำถามนี้ขึ้นมามิวส์ถึงได้รู้สึกแปลก ๆ ถ้าจะถามว่าคิดอะไรไหม ถ้าตอบตรง ๆ เขาก็คงชอบกับความป่าเถื่อนและความจริงใจของเจ้านายอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ว่า...
“ก็ดีแล้ว เจ้าน่ะเป็นอะไร ส่วนพ่อหนุ่มนั่นน่ะเป็นอะไร ข้าหวังว่าเจ้าคงจะรู้สถานภาพตัวเองดี" พูดจบท่านเจ้าที่ก็หายวับกลับเข้าไปอยู่ในศาลพระภูมิตามเดิม
“ครัับ" มิวส์ยืนตอบบริเวณหน้าศาลด้วยเสียงเอื่อย ๆ
สำหรับเรื่องสถานภาพน่ะมิวส์รู้ดีเสมอว่าตัวเองเป็นแค่วิญญาณติดที่ แต่ความโดดเดี่ยวที่ไม่มีโอกาสได้พูดได้คุยกับใครมานานนับ 10 ปี จนกระทั่งวันหนึ่งมีใครบางคนยื่นมือเข้ามาแล้วทำให้เขาหลุดพ้นจกาความเหงา มันจะผิดไหมถ้าเขาจะรู้สึกดีกับคน ๆ นั้น
มิวส์ได้แต่ย้ำกับตัวเองหลังจากที่ได้ยินคำเตือนของท่านเจ้าที่ ...ใช่! เขาเป็นเพียงแค่วิญญาณ จะไปคิดอะไรเกินเลยกับสิ่งมีชีวิตที่มีลมหายใจอยู่ได้ยังไง มันไม่เหมาะสมกันสักนิด เมื่อคิดได้ดังนั้น มิวส์ก็หายตัววับไปนั่งหลบมุมอยู่บนห้อง
ทางด้านของไม้... หลังจากที่นั่งรถประจำทางเข้าสู่ตัวเมืองจนกระทั่งไปถึงสถานีขนส่ง พอเดินไปที่จุดนัดพบก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของคนที่นัดเขามาที่นี่
...ไหนบอกว่ารออยู่ที่นี่วะ... ไม้กดเบอร์โทรศัพท์ของคนที่นัดเขาออกมาที่นี่ทันที
“แม็กกี้ มึงอยู่ไหน" ไม้เอ่ยขึ้นทันที "กูมาถึงแล้วนะ"
เสียงลมพัดจากปากสายที่ดังขึ้นทำให้ไม้รู้สึกหงุดหงิดนิด ๆ สงสัยว่าหมอนั่นคงกำลังจะนั่งรถสามล้อเครื่องมาจากที่ไหนสักแห่งสินะ ความจริงไม้น่าจะเอะใจตั้งแต่แรกแล้ว เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็โดนแม็กกี้หลอกประจำเรื่องเวลานัด ทำไมถึงไม่จำสักทีนะว่าชอบหลอกให้มาก่อนเวลาเสมอ คอยดูนะถ้ามาถึงจะจับทำโทษเสียให้เข็ด
ในขณะที่ไม้กำลังยืนหันหลังใหักับถนนตรงจุดพักรอญาติมารับสำหรับผู้โดยสารอยู่นั้น เสียงเรียกที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงมอเตอร์ไซค์ก็ทำให้ไม้ต้องหันหลังกลับไปมองทันที
“ไอ้ไม้ทางนี้" แม็กกี้โบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณ เขาสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสามส่วนเหมือนกับไม้เป๊ะ ๆ
ไม้ที่เห็นร่างที่เล็กกว่ากำลังส่งยิ้มแพรวพราวกพร้อมกับโบกไม้โบกมืออยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ก็รีบวิ่งเข้าไปหา รอยยิ้มแห่งความประหลายใจผุดขึ้นบนใบหน้าทันที
“เอารถใครมาขับ" ไม้เอ่ยถาม พอคิดไปถึงเหตุผลต่าง ๆ นานาใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ก็มีอันต้องถมึงทึงทันที "เฮ้ย! ไปหลอกเสี่ยที่ไหนมาหรือเปล่าวะ"
ไม่ว่าเปล่าคนสุดโหดยังเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อของคนที่ตัวเองเรียกว่า 'ที่รัก' นี่ถ้าไม่ใช่ที่รักมีหวังแม็กกี้คงโดนต่อยไปแล้วล่ะ
“จะบ้าเรอะ" แม็กกี้ตวาดกลับ "รถกูเนี่ยแหละ ตอนก่อนปิดเทอมกูบ่นให้แม่ฟังว่าหออยู่ไกลจากมหาลัยอยากได้มอเตอร์ไซค์ กูแค่พูดเล่น ๆ นะเว้ยแต่พอกลับไปถึงบ้านแม่กูดันเอาจริงซะงั้น"
“เออ! กูดีใจด้วย" ไม้เอ่ย มือที่เคยกระชากคอเสื้อก็ต้องชักกลับมา "แล้วมึงกลับมาที่นี่อีกทำไม ไหนว่าจะมาตอนเปิดเทอมวะ เอามอเตอร์ไซค์มาอวดกูว่างั้น"
พูดจบก็พ่นลมหายใจใส่ ตั้งแต่รู้จักกันมา 6 ปี ไม่ยักรู้ว่าหมอนี่เป็นคนขี้อวดตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไอ้เชี่ย มึงมองกูติดลบขนาดนั้นเลยเหรอวะ" แม็กกี้พูดก่อนจะยักคิ้วกวน ๆ หนึ่งทีแล้วประโยคถัดไปก็ทำเสียงอ้อนเสียจนคนฟังอยากจะโผกอดเข้าให้ "แม่กูโอนตังค์เข้าบัญชีแล้วให้กูมาซื้อรถที่นี่ กูก็เลยกลับมาซื้อและกะจะทิ้งไว้ให้มึงขับเล่นรอเปิดเทอมนั่นแหละ"
“เฮ้ย! จริงเหรอ" พูดจบก็ตาลุกวาว การมียานพาหนะเป็นของตัวเองเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ สำหรับเด็กมหาลัยที่มาเรียนไกลบ้าน
“จริงสิครับ" พูดจบก็ยิ้มให้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นที่สาธารณะไม้คงให้รางวัลหนัก ๆ ไปหนึ่งยกแล้ว "ซ้อนท้ายเร็วเข้า"
“ครับผม" ไม้ตอบรับด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ...ก็แหมคนจะได้มอเตอร์ไซค์ขับเล่นทั้งทีก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา เอาอกเอาใจเจ้าของมอเตอร์ไซค์หน่อยจะเป็นไรไป
ทันทีที่มือบิดคันเร่ง มือแกร่งทั้งสองข้างก็จับเข้าที่สีข้างของคนขับทันที จากนั้นไม้ก็เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับใบหูก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า... “มึงนี่น่ารักเสมอไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ มีไรมาเซอร์ไพรซ์กูตลอด"
“ก็กูรักมึงไง" แม็กกี้ตอบกลับ
หากจะเอ่ยถึงความสัมพันธ์ของไม้กับแม็กกี้ คนภายนอกคงไม่มีใครดูออกจริง ๆ ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันในฐานะแฟน เพราะการแสดงออกต่าง ๆ รวมทั้งการพูดจาที่ป่าเถื่อนของคนสองคนทำให้ใครต่อใครต่างคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ ก็เท่านั้น ซึ่งนั่นมันก็จริงสำหรับตอนที่ไม้กับแม็กกี้กำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลาย
...ย้อนกลับไปในสมัยมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในวันปิจฉิมนิเทศ... ในขณะที่นักเรียนหลายคนกำลังเริงร่าอยู่ในหอประชุมเพื่อรับฟังคำอวยพรสอนสั่งต่าง ๆ นานาของเหล่าอาจารย์ แต่ก็มีเด็กส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจไม่เข้าร่วมงานแล้วมานั่งรอเพื่อน ๆ ตามมุมต่าง ๆ ในโรงเรียน ซึ่งไม้กับแม็กกี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ไอ้ไม้" แม็กกี้เอ่ยขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังนั่งรอเพื่อน ๆ อยู่ที่ห้องโฮมรูม
“อะไร" ไม้ตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซึ่งเป็นปกติของหมอนี่ที่ไม่ค่อยจะแสดงอารมณ์ออกทางน้ำเสียงสักเท่าไหร่ยกเว้นเวลาไม่พอใจ
“คือกูไม่รู้นะว่าเราจะสอบติดมหาลัยไหนกัน... กูกลัวไม่มีโอกาสได้เจอกับมึงอีกแล้วว่ะ" แม็กกี้เอ่ย... ตลอดเวลาที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายก็มีแต่ไม้นี่แหละที่เป็นเพื่อนสนิทเขา ไม่ว่าเขาจะไปไหน ทำอะไร หรือมีงานอะไร ไม้ก็จะช่วยเสมอ ส่วนหมอนั่นน่ะเหรอ... ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก หน้าตาหล่อ ๆ นิสัยแบดบอยของมันแถมยังเล่นฟุตบอลเก่งอีกต่างหาก ใคร ๆ ต่างก็อยากคบมันเป็นเพื่อนกันทั้งนั้นแหละ
“แล้วไง" ไม้พูดโดยที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด
“ก็... มึงไม่กลัวที่จะต้องแยกกับกูบ้างเหรอวะ ไม่รู้สึกแปลก ๆ บางเหรอถ้าเราจะไม่ได้เรียนด้วยกัน" แม็กกี้เอ่ยถามตรง ๆ
“กลัวสิ" คราวนี้น้ำเสียงของไม้แผ่วเบาลง ไม่รู้ว่าแม็กกี้คิดไปเองหรือเปล่าว่าสีหน้าที่แข็งเป็นหินราวกับถูกฉาบด้วยปูนสิบชั้นของหมอนี่กำลังแสดงออกถึงความกังวลอะไรบางอย่าง
“แล้วถ้าเราสอบติดคนละที่ เราจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหมวะ เราจะยังสนิทกันอยู่หรือเปล่า แล้วมึงจะยังคอยโทรมาปลุกกูทุกเช้าเหมือนเดิมหรือเปล่า แล้วตกดึงมึงจะโทรมาถามกูว่ามีการบ้านอะไรที่ค้างอยู่เหมือนเดิมไหมวะ" พอคิดถึงระยะเวลาสามปีที่เรียนอยู่ด้วยกัน มันก็ทำให้แม็กกี้รู้สึกหวิวแปลก ๆ พอจะต้องแยกจากกันกับเพื่อนสนิท
“อืม" ไม้รับคำ "กูก็ไม่รู้ว่ะว่าจะเป็นเหมือนเดิมไหม แต่ยังไงมึงก็เป็นเพื่อนกู"
“เฮ้ย... ได้ไงวะ มึงต้องรู้อะไรบ้างดิ" ได้ยินคำตอบที่เหมือนไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไร แม็กกี้ก็เลยรีบประท้วงออกมาด้วยความฉับไว "มึงไม่รู้... แต่กูนี่สิจะลงแดงตายอยู่แล้ว"
“ก็กูไม่รู้จริง ๆ นี่หว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต" ไม้ตอบออกมาตรง ๆ เขาเป็นพวกใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่ค่อยคิดถึงอนาคตสักเท่าไหร่หรอก
“งั้นเอางี้...” แม็กกี้เอ่ยขึ้นก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ "มึงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคนยังวะ"
“ยัง!” ไม้ตอบออกมา "มึงก็รู้เรื่องกูดีที่สุดไม่ใช่เหรอว่ากูไม่เคยสนใจจะคบกับใครจริง ๆ จัง ๆ หรอก มันน่ารำคาญจะตายไปที่ต้องโดนตามจู้จี้จุกจิกถามว่าอยู่ไหนทำอะไรตลอดเวลา กูยังไม่พร้อมจะเป็นแบบนั้น"
“เหรอ" แม็กกี้พูด คราวนี้น้ำเสียงของเขาเริ่มแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด "แล้วถ้าเป็นกูล่ะ... มึงคบกับกูได้ไหม"
“เฮ้ย! ไอ้เชี่ย มึงพูดไรของมึงเนี่ย" พูดจบก็ทำท่าถอยห่างราวกับเพื่อนที่คบกันมาสามปีเป็นตัวอะไรที่น่ารังเกียจที่สุดในชีวิต
“ไอ่ห่า... กูก็ถามมึงว่าคบกับกูได้ไหมไง" แม้การแสดงออกจะเป็นปกติ แต่ความรู้สึกข้างในลึก ๆ กำลังวิตกกังวลสุดฤทธิ์ ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะคิดอย่างไรกับสิ่งที่เขาพูด "กูไม่รู้ว่ากูรู้สึกยังไงกับมึงกันแน่ แต่ถ้ากูได้คบกับมึงในฐานะแฟน มันจะทำให้กูมั่นใจได้ว่า... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มึงจะไม่ทิ้งกูแน่นอน"
“แต่มึงกับกูเป็นผู้ชายเหมือนกันนะโว้ย" ไม้ยังคงพยายามเลี่ยงคำตกลงต่อไป
“แล้วไงวะ" แม็กกี้ตบโต๊ะเสียงดัง 'ปั้ง' เพื่อแก้อาการขัดเขิน "สมัยนี้ผู้ชายคบกันมีถมเถไป"
“แต่มันต้องไม่ใช่มึงกับกู" ไม้ยังคงปฏิเสธ
“งั้นมาทดสอบกันไหม" มิวส์เอ่ยถาม
“ยังไง" ไม้ถามกลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“กอด" เป็นคำตอบสั้น ๆ ที่เล่นเอาทั้งคนฟังและคนพูดต่างต้องชะงักขึ้นมากะทันหัน
“เออ" แล้วคนที่พยายามปฏิเสธการขอคบมาตลอดก็ดันตอบตกลงเสียด้วย
จากนั้นทั้งไม้กับแม็กกี้ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วหมุนตัวหันหน้าเข้าหากัน สายตาที่จับจ้องกันอย่างไม่กะพริบทำให้ทั้งคู่รู้สึกแปลก ๆ แล้วน้ำลายของคนทั้งคู่ก็ถูกกลืนลงคออึกใหญ่สังเกตได้จากเสียงที่ดัง 'อึก ๆ' ไม่ขาดสาย
แทนที่จะเป็นคนขอคบอย่างแม็กกี้ที่เป็นฝ่ายจู่โจมโอบกอดกลับเป็นไม้ที่ยกมือขึ้นมาแล้วสวมกอดคนที่อยู่ตรงหน้าก่อน
“ไอ้หมาน้อย กอดแบบนี้ใช่ไหมวะ" ขณะกอด ไม้ก็พูดอะไรขึ้นมาเพื่อปิดบังอาการเขิน
“เออ" หลังจากที่ตอบรับ แม็กกี้ก็ยกมือขึ้นมากอดตอบบ้าง
และอ้อมกอดหลวม ๆ ในทีแรกก็ชักจะแน่นขึ้น ๆ จนกระทั่ง...
“ไอ้เชี่ย มึงกะจะรัดกูให้ตายเลยรึไงวะ" ได้ยินคำบ่นของแม็กกี้ไม้ก็ผ่อนแรงลงทันที ไม้รู้ตัวเองดีว่าเป็นพวกชอบความรุนแรงมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถ้าได้กอดหรือได้โจมตีใครเขาจะเผลอออกแรงเต็มที่จนลืมยั้งมือเลยล่ะ
“ขอโทษ" ไม้กระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู "มึงรู้สึกยังไงล่ะที่กอดกับกู"
“กูชอบว่ะ... มั้ง... ก็คงจะอย่างงั้น" แม็กกี้ตอบเบา ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดว่าเขาจะชอบผู้ชายได้สักนิด แต่ในระหว่างที่อยู่โรงเรียนแห่งนี้... การที่มีหมอนี่มาวุ่นวายและคอยช่วยเหลือกันและกันในหลาย ๆ เรื่องจนกลายเป็นเพื่อนสนิท มันก็ทำให้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป และพอวันหนึ่ง วันที่ต้องแยกจากกันเพื่อไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ความกลัวว่าจะไม่เจอหน้า ไม่มีไอ้หมอนี่วุ่นวายอยู่ใกล้ ๆ มันทำให้แม็กกี้ต้องหาวิธีทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้วคามสัมพันธ์ระหว่างเขากับไม้ยังคงดำเนินต่อไป
“แล้วมึงล่ะรู้สึกยังไง" แม็กกี้เอ่ยถามขึ้นบ้าง
“เฉย ๆ" คำตอบของไม้แทบจะทำให้คนฟังใจสลาย และเพราะคำตอบนี้แหละที่ทำให้แม็กกี้ผละอ้อมกอดของไม้ออกไปแรง ๆ ทันที
“กูขอโทษละกันที่คุยเรื่องนี้กับมึง" แม็กกี้ก้มหน้าก้มตาตอบ ในเมื่อเขาสารภาพความจริงทุกอย่างให้ไม้ฟัง แต่คำตอบของการกระทำที่ได้กลับมากลับไม่เป็นอย่างที่คิด จะให้เขากล้าสู้หน้ากับหมอนี่อีกได้อย่างไร
“เชี่ย... ว่าที่แฟนกูขี้งอนเป็นบ้า" คำพูดของไม้ทำให้คนฟังดวงตาเบิกโพลง หน้าตาที่เคยเศร้าสร้อยกับมามีความหวังอีกครั้ง
“มึงว่าไงนะ" แม็กกี้เอ่ยถาม ใจของเขาตอนนี้กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับว่าคำพูดตรงหน้าคือคำพิพากษาอนาคตของเขาว่าจะอยู่หรือตายอย่างไรอย่างนั้น
“กูพูดยังไม่จบ เมื่อกี้กูจะบอกว่า ถ้ากูเฉย ๆ กูก็คงผลักมึงออกจากอ้อมกอดนานแล้วล่ะ" พูดจบก็ยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแรง ๆ "เข้าใจไหมไอ้หมาน้อย กูยินดีจะคบกับมึงนะ.. แต่..."
“แต่อะไร" แม็กกี้คาดคั้น แค่ได้ยินไม้ตอบตกลงมันก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดแล้วล่ะ
“แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดกูมีคนที่กูรู้สึกดีจริง ๆ กูอาจจะเลิกคบกับมึงในฐานะแฟนนะ... เพราะถึงยังไงตอนนี้กูก็ยังไม่มีใคร และมึงก็เป็นเพื่อนที่ดีของกูเสมอมา แต่ถ้ามึงทำให้กูรักมึงตลอดไปได้ กูก็อาจจะคบกับมึงตลอดไปได้เหมือนกัน...”
“เออ...” แม็กกี้ตอบ อนาคตความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไม้จะเป็นอย่างไรก็ช่างเถอะ แค่ตอนนี้ได้ความมั่นใจว่าไม้จะยังไม่หายไปจากชีวิตมันก็เป็นเรื่องที่วิเศษที่สุดแล้ว
หลังจากที่แวะทานข้าวเสร็จ แม็กกี้ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์กลับไปยังสถานีขนส่งจังหวัด
“อีกครึ่งชั่วโมงกูต้องกลับบ้านแล้วนะ" แม็กกี้บอก แม้ว่าเขาจะอยากอยู่ที่นี่ต่อแต่ทว่าเขาเป็นคนพูดเองนี่นาว่าจะกลับไปที่หอนั่นอีกครั้งตอนเปิดเทอม ถ้าเขากลับมาก่อนเดี๋ยวไม้ก็จะได้ใจและไม่กลัวคำขู่อะไรอีกต่อไป เขาเลยต้องทำแบบนี้
“ใจร้ายว่ะ" ไม้ต่อว่า และในวินาทีต่อมามือทั้งสองข้างที่จับแค่สีข้างของคนขับรถก็เปลี่ยนเป็นโอบกอดอย่างแนบแน่น โดยไม่อายสายตาผู้คนที่อยู่ข้างถนนสักนิด "กูขอโทษนะที่คืนนั้นทิ้งมึงไว้บนห้องคนเดียว"
“อืม ไม่เป็นไร" กำลังจะง้อให้กูอยู่ต่อล่ะสิ หึหึ ...แม็กกี้รับคำพลางแสยะยิ้มออกมา เขากำลังคิดว่าถ้าหมอนี่ขอร้องให้เขาอยู่ที่นี่ต่อเขาจกยกเลิกการเดินทางกลับบ้านและกลับไปที่หอพักกับหมอนี่ทันที แต่ทว่า... เขาก็คิดผิด
“กลับมาอีกทีก็ซื้อขนมมาฝากกูเยอะ ๆ ด้วยนะ เข้าใจไหม" สิ้นเสียงของไม้ ใบหน้าของคนที่เพิ่งแสยะยิ้มก็มีอันต้องเปลี่ยนเป็นขมวดมุ่นอย่างขัดใจ
...ทำไมหมอนี่ถึงไม่ง้อเขาสักนิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนแม้จะรู้ว่าคำตอบสุดท้ายว่าถึงอย่างไรก็จะต้องปฏิเสธอยู่ดี แต่ไม้ก็จะพยายามพูดเกลี้ยกล่อมและขอโทษจนวินาทีสุดท้ายที่เขาสามารถทำได้เลยล่ะ แต่ในครั้งนี้มันไม่ใช่
“ไอ้สัส ไอ้เชี่ย ไอ้ซื่อบื้อ ว้อยยยย....” คำต่อว่าที่ตะโกนก้องออกมาจากปากของแม็กกี้ทำให้ไม้ตกตะลึงและรีบผละอ้อมกอดออกจากร่างของหมอนั่นทันที
“มึงเป็นอะไรของมึงวะที่รัก...” ไม้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่หวาดระแวงสุดทน ไม่รู้เขาไปทำอะไรผิดใจอีกหรือเปล่า แม้ว่าไม้จะโหดร้ายป่าเถื่อนกับคนอื่น ๆ แค่ไหน แต่ก็มีคนหนึ่งที่เขาต้องยอมศิโรราบให้ซึ่งนั่นก็คือแม็กกี้คู่หูสุดที่รักของเขานั่นเอง
“หึ...” แม็กกี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะขับรถไปเงียบ ๆ ตลอดทางจนกระทั่งถึงจุดหมาย
และนี่... ก็เป็นการจากลาที่ไม่สวยงามของแม็กกี้อีกครั้ง แต่ทว่ากับไม้ มันคือการจากลาที่สวยงามเลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าแม็กกี้เป็นอะไร แต่การที่ได้มอเตอร์ไซค์มาขับมันทำให้เขาเดินทางสะดวกขึ้นเยอะเลย
จบตอน มีตัวเอก 3 คน มันก็ต้องมีคนที่เจ็บนั่นแหละ แต่จะเป็นใคร... หรือจะให้สุขทั้งสามดีน๊อ... ดูกระแสก่อน ไม้ถูกจิ้นกับใครมากกว่า >.<
-------------------
คุยกับนักอ่านที่น่ารักครับ
คุณ
ชะรอยน้อย ::
ความคิดเห็นน่าสนใจนะครับ แม่ตามไปฆ่าก้อง *0*
คุณ
Fujoshi :: ไม่กลับมาจ้า แม็กกี้รักไม้จะตาย... อิอิ ส่วนเรื่องแม่เป็นปริศนาต่อไป
คุณ
aloney :: เรื่องของแม่ยังถูกเก็บเอาไว่ต่อไปครับ T^T
คุณ
Lily teddy :: ^^ ขอบคุณนะครับที่หลงกดเข้ามาอ่าน ดีใจมากๆเลยที่อ่านตามทันและเม้นท์ให้ด้วย (ขอบคุณครับ) มีการวิเคราะห์ที่น่าสนใจเลยที่เดียวครับ แต่เรื่องกลิ่นตัว คิดว่าน่าจะเป็นความหื่น ความชอบของมิวส์เฉยๆมากกว่าครับ เอิ้กๆๆ แล้วก็เรื่องความสัมพันธ์ ^^ เป็นการวิเคราะห์ที่่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ คิคิ โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
คุณ
มยอนฮวา :: นั่นสิครับ แม่เป็นอะไร T^T ตอนล่าสุดก็ไม่กล่าวถึงเลย T^T
คุณ
iamnan :: >.< ครับผม ได้แต่หวังว่าฟิวส์จะไม่ทำอะไร พ่อก็ไม่อยู่แล้ว T^T เฮ้ออ ครอบครัวพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ