กดเป็ดคนละจึ้ก ก่อนอ่านนะเดี๋ยวลืม (แกไม่ค่อยหน้าด้านเลยอ่ะนิ) ตอนที่ 12 หนีเสือปะจระเข้...
“ปอนด์” พลขับเรียกด้วยน้ำเสียงแสดงความห่วงใย (ผมเดาเอานะว่ามันคงห่วง) ผมหันไปหามันด้วยหน้าซีดๆ ตาลอยๆ ซึ่งเป็นผลพวงจากได้ฟังเรื่องน่าสะเทือนใจครั้งยิ่งใหญ่จากปากไอ้เชี่ยตุลย์
“หือ?” ทำเสียงสูงกลับไป
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า หน้าซีดๆ นะ” ผมส่ายหน้าแม้ว่าใบหน้าจะบอกบุญไม่รับ
กูกำลังถูกคุกคามทางเพศ โดนขู่จะข่มขืนกระทำชำเรามิให้เห็นเดือนเห็นตะวัน จะให้ยิ้มแย้มร่าเริงอย่างไรไหว จากฟ้าเหลืองมันจะกลายเป็นตะวันแดงเดือดอ่ะดิ แค่คิดก็สยองแล้ว ใครก็ได้เอาระเบิดไปวางที่บีเอ็มทะเบียน xxyyz ทีเหอะแล้วคุณจะได้บุญมากที่ได้ช่วยเหลือพระจันทร์ดวงน้อยให้พ้นจากเคราะห์กรรม เอเมน...
“เฮ้ย!! ทำไมพามานี่” ผมเอ่ยปากถามโต้งเมื่อมันจอดรถที่หน้าร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง
“ทำไมล่ะ ไหนๆ ก็ว่างทั้งที เที่ยวที่อื่นที่ไม่ใช่ร้านตัวเองบ้างจะเป็นไร” โต้งตอบมาด้วยน้ำเสียงเรียบไม่สนใจมากนัก
“กูหิวข้าวไม่ได้หิวเหล้า” ผมตอบกลับไปเสียงเซ็งๆ ทำหน้าหงิกอย่างกับมะเหงก หิวจะแย่ขืนดื่มเหล้าเข้าไปตอนท้องว่างแบบนี้แสบท้องตายห่า
“เออน่า... ร้านอาหารเขาก็ต้องมีของกินขายอยู่แล้ว ลงมาเหอะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็เริ่มยิ้มออก ยอมเปิดประตูรถ
“เดี๋ยวโต้ง....” จับแขนมันดึงไว้จนมันหันขวับกลับมา
“ร้านหรูแบบนี้มึงยืนยันมาก่อนนะ” บอกด้วยเสียงจริงจัง
“ยืนยัน...ว่า?” มันเลิกคิ้วสูง
“ว่า.......มึงเลี้ยง” ทั้งหน้าทั้งเสียง....เครียด!!
“ฮ่าๆๆ โธ่ ทำเสียงซะเครียดก็นึกว่าอะไร ไอ้งกเอ๊ย เออ กูต้องเลี้ยงอยู่แล้วแหละ สิบบาทของมึงอ่ะ ซื้อข้าวยังไม่ได้ครึ่งจานเลย” ไอ้โต้งมันตอบรับและแซวกลับมา ผมก็พยักหน้าหงึกหงักเดินตามมันเข้าไปในร้าน
เมื่อเราสองคนนั่งลงที่โต๊ะและผมเปิดเมนูเตรียมสั่งอาหารไวว่อง
“เอา..... ซาบะนึ่งมะนาว ต้มยำทะเลไม่ใส่กุ้ง ปูผัดผงกะหรี่ ข้าวเปล่าสอง” สั่งอย่างคล่องแคล่วแล้วปิดเมนูทันที ไหนๆ ก็ไม่ใช่คนจ่ายตังค์อยากกินอะไรก็สั่ง ไม่สนใจเรื่องราคาและไม่สนใจว่าเจ้าภาพจะแดกอะไรให้เสียเวลาด้วย โต้งมันสั่งเหล้าเท่านั้น ไม่ได้สั่งของกินเพิ่ม
“เหมือนมาเดทเลยเนอะ” เสียงโต้งบอกยิ้มๆ
“เหรอ?” ผมทำเสียงไร้อารมณ์ ไม่ได้สนใจน้ำเสียงเริงร่าของอีกฝ่ายเท่าไรนัก
การที่ผู้ชายสองคน...เอ๊ยไม่สิ...เกย์รุกสองคนมาดินเนอร์ด้วยกันมันโรแมนติกตรงไหนวะบอกกูที ถ้ามากับเคลียร์สองต่อสองผมคงจะระริกระรี้หูตั้งหางกระดิกไปแล้ว แต่นี่มากับไอ้คนที่ร่างบางพอกัน แต่สูงกว่าตั้งสี่เซ็นต์แล้วก็ดันเป็นรุกเหมือนกันอีก... อืม....ช่างแม่ง... อย่างน้อยมันก็ใจดีจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเลี้ยงเหล้าผมในวันนี้ก็แล้วกัน....
หลังอาหารมาเสิร์ฟผมก็อิ่มหนำสำราญมีความสุข มีของรองท้องแล้ว หล้งเหล้าเมากระจายอย่าได้หวั่น...ส่วนไอ้โต้งน่ะ ไม่ค่อยดื่มเหล้าเท่าไรหรอก มันสั่งน้ำอะไรสักอย่างมาดื่มด้วย พอดื่มไปพักใหญ่ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำที่นี่เขาจะมีสองที่คือพอเดินเข้าห้องน้ำไป ด้านหลังจะมีประตูเปิดไปข้างนอกตึก เป็นที่โล่งๆ แล้วมีห้องน้ำตั้งอยู่ต่างหากเพิ่มอีก ซึ่งตรงที่โล่งกลางแจ้งระหว่างห้องน้ำนั้นจะเป็นที่สำหรับสูบบุหรี่และผู้มิมียางอายบางคู่ใช้พรอดรักกันอย่างโจ๋งครึ่ม ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเหล่มองคนนั้นคนนี้คลอเคลียกันด้วยความรู้สึกเฉยชามากกว่าที่เคยเป็น ไม่รู้สึกอยากหาคู่นอนแต่อย่างใด ถ้าไม่ใช่ตายด้านไปแล้วก็คงเพราะสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมผ่านศึกสงครามทางกามกิจมาเยอะเกินไปจนแอบเหนื่อยหน่ายละมัง สังขารก็ยังไม่หายดี ไม่มีอารมณ์จะไปโจ๊ะพรึมๆ หรอกนะ
โต้งเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันด้วยหน้าเซ็งๆ ผมไม่เคยเห็นโต้งสูบบุหรี่แต่มันอาจจะรู้ว่าผมเครียด มันเลยส่งมาโบโล่แดงมาให้ ผมก็รับมาจุดสูบพ่นควันผุยๆ ระบายความเครียด แม้ว่าปกติจะไม่ชอบสูบนักก็ตาม แต่วันนี้ไม่ปกติ...
“ต่อบุหรี่หน่อย” มันว่าแล้วคาบบุหรี่ที่ริมฝีปากก้มลงมาต่อบุหรี่ที่ผมคาบไว้โดยไม่รอให้ผมอนุญาต ด้วยความสูงที่ไม่ต่างกันมากนักทำให้สายตาของผมมองข้ามไหล่มันไปเห็นใครคนหนึ่งที่เดินออกจากห้องน้ำแรกมา ผมตาเบิกกว้างทันที ไม่คิดว่าจะเจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุดเข้าจนได้
ตายห่าแล้ว.... มาได้ไงวะ!!
ใบหน้าหล่อเหลาของผมหดเหลือสองนิ้วทันทีที่เห็นมัน นอกจากจะเป็นกระต่ายเซ็กส์จัดแล้ว มันยังเป็นขอมดำดินด้วยอีกอย่าง
เมื่อต่อบุหรี่ติด โต้งใช้สองนิ้วคีบบุหรี่ดึงออกจากปาก เคลื่อนกายออกอย่างอ้อยอิ่ง ผมตัดสินใจทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นแล้วขยี้ทันที ส่วนมือก็จับแขนข้างที่ว่างของโต้งเอาไว้ไม่ให้ถอยห่าง
“โต้ง...อย่าเพิ่งขยับ” ผมบอกมันด้วยเสียงจริงจังทำให้อีกฝ่ายนิ่งงันตามคำสั่ง แต่ผมไม่ได้สังเกตหรอกว่ามันทำสีหน้าแบบไหนเพราะตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้วครับนอกเสียจากวิธีเอาตัวรอดอย่างเดียว
ถ้ากูตามหามึงเจอ มึงไม่ต้องมาวิงวอนร้องขอชีวิต มึงไม่ได้ร้องเพลงไปถึงเดือนหน้าโน่น แมร่งเอ๊ยยยยยย.....ทำไงดีวะ!!
ผมได้แต่แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าโดยการเบียดกายเข้าไปใกล้ร่างสูงๆ ผอมๆ ของโต้งอีกครั้งเพื่อให้พ้นสายตาของตุลย์ที่มองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรสักอย่าง หรือใครสักคน ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นผม
“หนาวเหรอมึง.... เลยโหยหาความอบอุ่นจากอ้อมอกกู” ไอ้โต้งก้มลงมากระซิบถามด้วยเสียงหยอกเย้าขี้เล่น แต่ผมไม่มีแม้อารมณ์จะรับมุก ได้แต่ขมวดคิ้วเครียด
“อุ่นตายล่ะ ขี้ก้างชะมัด” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ เพราะถ้าเทียบกับอกของไอ้คนที่ผมพยายามหลบอยู่นั้นแล้วห่างไกลกันคนละโยชน์ ตุลย์มันบึกบึนกว่า แข็งแรงกว่า น่าเกรงขามกว่า คมคายกว่า อบอุ่นกว่าหลายเท่า...
เฮ้ย!! ไม่ใช่เวลามานั่งชมมันซะหน่อย....
ผมต้องระลึกไว้สิว่า....เหนือสิ่งอื่นใด ไอ้ตุลย์มันชั่วกว่าและหื่นกว่าอีกเท่าตัว
“ปอนด์ มึงไม่สบายหรือเปล่า หน้ามึงซีดมากเลยนะ” มันส่งเสียงอ่อนๆ มาถามยื่นมือมาแตะที่แก้มของผมเหมือนอยากจะวัดไข้ เอาอีกแล้วไม่บอกว่าเรียนวิทยากูคิดว่ามึงเรียนแพทย์แล้วเนี่ย ห่วงกูจริงๆ
“มึงยืนนิ่งๆ ได้ไหม” ผมตวาดแหวเพราะกลัวความสูงที่มากกว่าแค่สี่เซ็นต์จะช่วยปกปิดการมีตัวตนของผมไม่ได้...
“ทำไม? มึงหลบใคร?” มันคงเริ่มจับเค้ารางได้แล้วเพราะท่าทางผมลุกลี้ลุกคนเหมือนคนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง พร้อมกับหันหลังกลับไปมองยังทิศเดียวกัน
“อย่าหันไป” วืด.... ผมรีบจับใบหน้าของมันให้หันกลับมาอีกครั้งเดี๋ยวไม่ได้การณ์ ไอ้ตุลย์เดินผ่านเราสองคนเข้าไปยังห้องน้ำสำรองที่ตั้งอยู่นอกอาคารพอดี ขณะที่ผมรีบก้มหัวซุกอกโต้งเหมือนคนหนาว...พอร่างไอ้ตุลย์หายลับไปคราวนี้ผมรีบจับมือโต้งพาให้เดินออกมาจากตรงนั้นทันที...
“มึงหลบไอ้ตุลย์ทำไม” ระหว่างที่ผมจูงมือกึ่งลากโต้งหนีมา มันก็เอ่ยถามขึ้น....ตาดีกว่าที่คิดวุ้ย .... ผมคงไม่ต้องถามมันด้วยว่ารู้จักเหรอ คงไม่มีใครไม่รู้จักไอ้บ้านั่นหรอก มันกร่างจะตาย
“เปล่า...กูไม่ได้หลบมัน” ผมรีบปฏิเสธทันควัน ไม่ได้หลบนะ แต่ถ้าหายตัวได้นี่จะดีมากอ่ะ
“หน้าตากูเหมือนคนเชื่อคนง่าย?” มันกวนประสาทเก่งเหมือนใครวะเนี่ย
“โอเค ไม่เหมือน แต่ไม่เกี่ยวกับมึง” ผมตอนกวนๆ ไอ้เรื่องที่ไอ้ตุลย์มันเกิดติดใจอยากไปเที่ยวดวงจันทร์อะไรนั่นบ่อยๆ น่ะ ไม่น่าภูมิใจหรอกนะ
“งั้น มึงไปหามันกับกู” มันว่าแล้วจับข้อมือผมแน่นทำท่าว่าจะดึงออกไป ซึ่ง....วิธีนี้ได้ผล “อย่ามึง.... มัน....มัน....มันเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของกูเองอ่ะ อาทิตย์ก่อนกูทำเคเอชอาร์ของมันสีถลอก มันก็เลยตามหาเรื่องกู” ไม่ได้โกหกนะเนี่ย...แค่บอกไม่หมด โต้งเงียบไป ทำสีหน้าตกใจ เออ กูรู้ว่ากูน่าสงสารแต่ไม่ต้องทำสายตาสมเพชเวทนาในความซวยขนาดนั้นก็ได้
“มึงติดหนี้มันเท่าไร”
“ทำไม? มึงจะช่วยเหรอ?”
“ก็นะ ถ้าช่วยได้ มึงจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ยังไงมันก็ต้องตามหามึงจนเจออยู่ดี กูไม่อยากเห็นมึงนอนจมกองเลือด” พ่อพระสุดๆ จะหาคู่แข่งที่ไหนใจดี ใจปล้ำปานนี้วะเนี่ย ผมล่ะนับถือน้ำใจงามๆของมันนัก ผมน่าจะบอกมันเสียแต่แรก จะได้ไม่ต้องเอาตัวเข้าเสี่ยง เอาตูดเข้าแลกอย่างที่ผ่านมา แต่บังเอิญตอนนี้...มันสายไปแล้ว
“เรื่องเงินน่ะมันไม่ใช่สิ่งที่มันต้องการหรอก”
“แล้วต้องการอะไร” ตอนนี้ผมว่าตูดผมต่างหากที่มันต้องการ ซึ่งพูดไม่ได้หรอกนะเพราะมันอนาถใจว่ะ บั้นท้ายลีบๆ ของผมมันน่าพิศวาสตรงไหนครับช่วยบอกที
“ไม่รู้ดิ มันคงรักรถมันมากจนอะไรก็ทดแทนไม่ได้มั้ง นอกจากจะเอาเลือดหัวกูออกอะไรอย่างนั้น กูก็ขี้เกียจต่อรองเหมือนกัน มึงคงไม่เข้าใจจิตใจเด็กวิด-วะหรอก ถึงจะเป็นแค่ค่านิยมแปลกๆ แต่กูก็ทำใจมานานแล้วว่าคณะนี้อ่ะมันเถื่อน...แล้วมันก็กินศักดิ์ศรีเป็นอาหาร เด็กวิด-ยาแว่นหนาเตอะอย่างมึงคงไม่เข้าใจหรอก” ผมพล่ามอะไรไร้สาระออกมาจนได้เพียงเพื่อไม่ให้โต้งมันมาเข้ามายุ่ง
“กูแค่อยากช่วย” บอกด้วยเสียงสลด
“ช่วยอยู่เฉยๆ ก็พอ” ผมบอกเรียบๆ อย่างน้อยขอให้ผ่านคืนนี้ไปได้ก็ยังดี
ผมคงไม่ใจร้ายพอจะลากมันเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามบรรจถรณ์ อาภรณ์ไม่เกี่ยวของผมนักหรอกครับ ไอ้นัดล้างตาอะไรนั่น ผมควรจะต้องจัดการคนเดียว ถึงผมจะคิดว่าไอ้ตุลย์อาจจะไม่ได้รักชอบอะไรผมนักหนาแต่ก็เดาได้ว่า กระต่ายที่ไม่ได้ฉีดยารอบสะดือตัวนั้นน่าจะขี้หวงเอาการอยู่ อย่างโต้งน่ะหรือจะช่วยอะไรได้ ลองแหยมเข้ามาสิมีหวังโดนไอ้ตุลย์กระทืบคอหักกันพอดี
ระหว่างที่มัวแต่คุยกันเราสองคนยืนอยู่ไม่ไกลจากหน้าห้องน้ำ แล้วไอ้ตุลย์มันก็เดินออกมาพอดี
เชี่ยแล้ว.... ด้วยความตกใจผมรีบดึงโต้งเข้ามาหาเพื่อให้ช่วยบังผมจากสายตาของไอ้ตุลย์ให้ที แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะตัวเบาหวิวถึงขนาดเซมาทั้งตัวจนหัวมันก้มมาหา แล้วบังเอิญริมฝีปากของมันก็มาประกบปากผมพอดี
ตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้สะดีดสะดิ้งโวยวายอะไร เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่จูบกับมัน (โอเคเคยจูบกันครึ่งนึงเมื่อนานมาแล้ว ไว้ว่างๆ จะเล่าเหตุการณ์นั้นให้ฟัง) และผมไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสาจะได้ตาโตอ้าปากค้าง หรือแม้แต่รู้สึกเคลิบเคลิ้ม...ตอนที่มันแทรกเรียวลิ้นเข้ามา ...หา..ลิ้นเหรอ???
อ้าวเฮ้ย... แม่ง....ที่กูไม่ได้ผลักมึงออกเพราะกูกลัวว่าถ้ากูขยับตัวไอ้ตุลย์จะเห็นกู ไม่ได้แปลว่ากูเต็มใจให้มึงจูบหรือเรียกร้องดีพคิสไอ้สาดดดดดด แม่ง....หาเศษหาเลยกะกูเรื่อยเลย... ไว้ว่างๆ กูจะฟ้องเคลียร์ว่ามึงแม่งโคตรเพลย์บอย...
ไอ้ตุลย์เดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ค่อยโล่งอก
พลั่ก!! นั่นคือเสียงที่เกิดเมื่อผมถองใส่โต้งเบาๆ ทีหนึ่ง (เบาของผมนะ) มันเลยถอนจูบแล้วกุมท้องทำสีหน้าเหมื่อนเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบมิได้ ตอแหลจริงๆ
“โอ๊ย” มันร้องอย่างน่าเข้าไปกระทืบซ้ำ ผมแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากด้วยหน้านิ่งๆ ขมวดคิ้วนิดหนึ่งตอนที่พยายามนึกรสจูบของมันว่าเหมือนอะไร....ที่มากกว่าเหล้า...
“นี่มึง.......” ผมชี้หน้าเหมือนทำเรื่องร้ายแรงขึ้นแล้ว ก่อนจะใส่ประโยคถัดไป “นี่มึงแดกน้ำส้มเหรอ?” โอเคเรื่องจูบมันจิ๊บจ๊อยมากกว่าที่จะมานั่งพูดแล้วแหละผมไม่ใช่เด็กน้อย แต่สงสัยเรื่องน้ำส้มมากกว่า ฮา
“ใช่ ทำไมอ่ะ”
“โห แมนมากกกก”
“กินน้ำส้มแล้วมันไม่แมนตรงไหนวะ”
“ก็ตรงที่แดกน้ำส้มเนี่ยแหละ ไม่ต้องเถียง” มันทำสีหน้าเซ็งเล็กน้อยที่โดนห้ามไม่ให้เถียง
“กลับเหอะมึง เที่ยวไม่สนุกแล้วว่ะ” ผมชักชวนเมื่อเราเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองแล้ว ไม่อยากเสี่ยงชีวิตอยู่นี่ต่อ
“โห...เสียดายว่ะแม่ง.. เหล้าเหลืออีกตั้งครึ่งกลม” โต้งว่า ผมหันไปมองเหล้าที่เหลือแล้วก็เห็นด้วย เลยเทเหล้าที่เหลือใส่แก้วสองแก้ว
“งั้นแก้วสุดท้าย....ออนเดอะร็อก” ผมว่าแล้วกระดกพรวดหมดแก้ว....
......
...............
...............................
เอ่อ... ผมไม่เมา.... มั้งนะ....แค่มึนน้อยๆ
“กูไปส่งที่ห้องนะ” เสียงไอ้โต้งบอกตอนที่ผมสลึมสลืออยู่ในรถ
“ไม่ได้ๆ กูกลับห้องไม่ได้ มึงพากูไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช้ห้องกูนะ” ผมรีบร้องห้าม เผื่อไอ้ตุลย์กลับมาแล้ว... แย่แน่ไม่เอาหรอก
“มึงอย่ามาพูดแบบนั้น...มึงยิ่งเมาๆ อยู่ ถ้ากูพาเข้าโรงแรมขึ้นมาจะหนาว” เสียงไอ้โต้งตอบกลับมาอย่างร่าเริงขบขัน
“โรงแรมก็ได้...ถ้ามึงออกตังค์น่ะนะ” ผมตอบกลับ แบบไม่คิดอะไรมาก... ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีกระต่ายป่า..
“ปอนด์....” เสียงของมันเบาหวิว....แล้วก็เงียบไป.... เรียกทำเชี่ยไรวะ ฟังแล้วขนลุกชะมัด...
ท้ายที่สุด มันก็ไม่ได้พาผมเข้าโรงแรมหรือห้องผม แต่พามาที่.... ห้องมัน....
ผมคิดว่าผมไม่ได้เมานะ... แต่ไม่รู้ว่าทำไมทุกย่างก้าวถึงได้สั่นคลอนโยกเยกเหมือนอยู่บนเรือก็ไม่รู้ โชคยังดีที่ไอ้โต้ง...รู้เรื่องกว่าเยอะ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ดื่มออนเดอะร็อกแก้วสุดท้ายที่ผมรินนั่นแหละ มันบอกว่ามันกลัวตื่นมาอีกทีอยู่ในโรงพยาบาล ซีวีซของมันเละเป็นปุ๋ย
ทุลักทุเลกันมาถึงห้องนอนมันแล้ว... ผมปรือมาแล้วทิ้งกายลงนอนที่โซฟากลางห้องมันทันทีเหมือนเจอขุมทรัพท์
“เฮ้ย.... อย่าเพิ่งนอน....” เสียงไอ้โต้งโวยวาย เหมือนจะเอาเข่าเขี่ยขาของผมที่นอนแผ่ไปเรียบร้อยแล้ว
“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน.....” ง่วงขนาดนี้อย่าหวังจะตื่นขึ้นมาเลยมึง ฝันเหอะ!
“เฮ้ย...มึงเมาขนาดนั้นเลย....” ไม่เมาว่ะ แต่ไม่เหมือนเดิม....
“ปอนด์.... มึงนี่น้า.....” มันทำเสียงระอาใจ ตามด้วยเสียงถอนหายใจ...
แจ๊บๆ รู้สึกว่าใกล้จะหลับแล้วแหละ แต่ยังไม่สนิท รู้สึกถึงบางอย่างยวบลงข้างกาย ผมพลิกกายพยายามจะนอนให้สบายที่สุด บางอย่างทาบทับลงมาที่ฝ่ามือที่วางอยู่ข้างศีรษะ
บางอย่างที่อุ่นทาบลงมาที่ริมฝีปาก ก่อนจะละเลียดไปตามแก้ม แนวคาง แล้วเลยไปที่ซอกคอ....
“อือ....” ขี้เซาขนาดไหนก็หลับไม่ลงแล้วแบบนี้....
นี่กูถูกลวนลามอีกแล้วเรอะ?
กูคิดถูกหรือผิดวะที่มากับมัน
หนีเสือปะจระเข้ หนีกระต่ายมาเจอไก่ (เพิ่งรู้ว่าไก่แม่งก็หื่นเป็น)
ก็อยากจะดิ้นอยู่นะ...แต่ง่วงว่ะ ไหนจะเมา... แรงก็ไม่ค่อยมี
แล้วแบบนี้ก็เพลินดี.... เคลิ้มดี.... อ่อนโยนดี.....
ไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้ว.....หรือว่าจะเลยตามเลยดีน้า.... เฮ้ย!!! ไม่ใช่ดิ ....แล้วอย่างงี้.....กูจะยังเป็นเกย์รุกอยู่ไหม?.................................................
ถ้ามีแฟนคลับน้องฐามาอ่าน......
เราสัญญากันแล้วนะว่าจะไม่โวยวาย อิอิ
ก็ขนมปังโฮตวีตน่ะมันน่าอร่อยนี่นา....
จะไก่ หรือกระต่าย....ชอบกินหมด อิอิ ...............................
ค้างป่ะ? ไม่ค้างหรอกเนอะ อิอิ
...........................................