ตอนที่ 25
“ยิ้มให้คุณยะหน่อย”
เจ้าของหน้าคมเข้มที่อยู่ในหน้าจอสี่เหลี่ยมบอกให้ผมยิ้มให้เขา แต่ผมทำตามคำของเขาไม่ได้หรอก จะให้ผมยิ้มได้ยังไงในเมื่อคืนนี้เขาต้องไปเป็นของคนอื่น ทิ้งให้ผมนอนเหงาอยู่ที่บ้านเรือนไทยหลังใหญ่คนเดียว
“พีครับ ยิ้มหน่อย เร็ว... ยิ้มให้คุณยะหน่อยนะ” เสียงทุ้มยังผ่านลำโพงโทรศัพท์ออกมา เขาไม่เห็นใบหน้าบูดบึ้งหงิกงอของผมหรือไง หน้าแบบนี้จะยิ้มได้ยังเล่า
“ไม่อยากยิ้ม” ผมบอกเสียงขุ่นใส่คนในหน้าจอโทรศัพท์ ฉากหลังของเขาคือภายในรถคันหรูของเขานั่นเอง
“งอแงอีกแล้ว” เขาว่า ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเอ็นดูในความงอแงของผมมากกว่าจะตำหนิ ยิ่งทำให้ผมได้ใจ มั่นใจอีกด้วยว่าคุณยะ ‘หลงผม’ เอามากๆ เลย ผมไม่ได้คิดไปเองนะ สิ่งที่คุณยะทำมาตลอดตั้งแต่กลับจากต่างจังหวัดครั้งนั้นทำให้ผมมั่นใจ เขาแทบไม่ยอมห่างจากผมเลย
ตอนนี้ก็เจ็ดเดือนกับอีกสิบวันแล้วครับที่ผมกับคุณยะตกลงคบกัน...คบแบบแอบซ่อน ซ่อนความสัมพันธ์ของเราเอาไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ โดยเฉพาะคนที่คืนนี้ได้เป็นเจ้าของคุณยะแทนผม
“ทำไมน้องพีจะงอแงไม่ได้ ก็คืนนี้น้องพีต้องนอนคนเดียว ไม่เหมือนคุณยะสักหน่อยที่มีคนให้นอนกอด” ผมพูดประชดออกไป เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“อย่าพูดแบบนี้” เขาเอ่ยออกมาหลังจากเงียบไปหลายวิ “ในเมื่อเธอก็รู้ว่าฉันอยากกอดเธอมากกว่าใครทั้งนั้น”
“น้องพีขอโทษ”
ก็รู้ตัวนะว่าผมผิด ผมเป็นฝ่ายเรียกร้องความสัมพันธ์รูปแบบนี้ขึ้นมาเอง ขอให้เขาคบกับผม ซ่อนผมเอาไว้ไม่ให้พี่เลม่อนรู้ แต่พอเขาจะไปอยู่กับฝ่ายนั้น ผมก็งอแงทุกครั้ง ทั้งที่ตั้งแต่กลับจากต่างจังหวัดมา คุณยะก็กลับมานอนที่บ้านหลังนี้แทบจะทุกวัน ยกเว้นวันที่เขางานยุ่ง ต้องเคลียร์งานจนถึงตีหนึ่งตีสองเลยต้องนอนที่โรงแรม แต่ก็วิดีโอคอลกับผมทุกครั้ง ครั้งและสามสี่ชั่วโมงจนผมเผลอหลับไปเลยก็มี เพื่อให้ผมเห็นว่าเขาทำงานจริงๆ ไม่ได้หนีไปหาใคร หรือเอาใครมานอนกอดแทนผม
ส่วนคืนที่เขาต้องไปนอนกับพี่เลม่อน นับครั้งนี้ก็เป็นคืนที่แปดเอง ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเวลาที่เป็นของผม และทุกครั้งคุณยะจะวิดีโอคอลกับผมก่อนขึ้นไปหาพี่เลม่อนที่ห้อง เหมือนแบบที่กำลังทำอยู่ตอนนี้แหละ
“ฉันรักเธอมากนะพี” เขาจะมีคำพูดนี้ให้ผมมั่นใจเสมอว่า... หัวใจของเขาเป็นของผม คนที่เขารักคือผม แต่มันมีเหตุผลที่เขาต้องอยู่กับพี่เลม่อน เป็นเหตุผลที่เขาไม่ยอมบอกผมว่าเพราะอะไรทำไมพี่เลม่อนถึงมีความสำคัญกับเขามากขนาดนี้
...แต่ความ ‘สำคัญ’ ไม่ใช่ความรัก
“น้องพีก็รักคุณยะ” และก็เหมือนเดิมที่ผมจะตอบประโยคนี้กลับไปให้เขา คำที่แทนความรู้สึกของผมที่มีให้เขา แทนเสียงของหัวใจของผม... รัก
‘รัก’ ที่ทำให้ผมยอมทนทุกอย่างเพื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของเขาไปตลอดทั้งชีวิต
ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ความรู้สึก ‘รัก’ ฝังลึกอยู่ในหัวใจ รู้เพียงแต่ว่าคุณยะคือคนเดียวที่ผมต้องการ คนเดียวที่ผมอยากอยู่ด้วยไปจนวันตาย
“พี ฉันต้องไปแล้วนะ” เพราะเราคุยกันนานแล้ว เกือบชั่วโมงแล้วมั้ง และเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งของคุณยะก็ดังขึ้นเป็นรอบที่สอง
เมื่อก่อนคุณยะมีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องหนึ่งสำหรับเรื่องงาน อีกเครื่องสำหรับเรื่องส่วนตัว ทว่าตั้งแต่เริ่มความสัมพันธ์แอบซ่อนกับผม คุณยะเลยต้องมีโทรศัพท์เครื่องที่สามไว้คุยกับผมแค่คนเดียว และเพื่อไม่ให้พี่เลม่อนล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเราสองคน
“คุณยะ” จู่ๆ ผมก็รู้สึกจุกขึ้นมาในอก สิ่งที่ผมกับคุณยะทำร่วมกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันน่ารังเกียจ เพราะเราสองคนเหมือนคบชู้กันเลย บางทีเมื่อไรที่ผมตายไป ผมอาจจะไปอยู่ในนรกแบบที่ผู้ชายคนที่เป็นศัตรูกับคุณยะพูดไว้เมื่อตอนนั้นก็ได้
“อย่าทำหน้าแบบนั้น” หมายถึงใบหน้าที่เศร้าสลด หน่วยตาที่กำลังเอ่อล้นด้วยน้ำอุ่นร้อน พร้อมจะไหลในอีกไม่ช้า
“น้องพี...ไม่ได้ทำ มันเป็นเอง” ผมไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากให้คุณยะไม่สบายใจ แต่ผมก็ห้ามความรู้สึกที่เจ็บปวดที่เกิดอยู่ข้างในไม่ได้ ...เจ็บปวดที่ต้องแบ่งคุณยะให้คนอื่น
“ยิ้มให้คุณยะหน่อยนะครับ คืนนี้คุณยะจะได้นอนหลับฝันดี” น้ำเสียงทุ้มแสนอ่อนโยนของเขาทำให้ผมพยายามขยับริมฝีปากให้กลายเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุด
“...ฮึก” ผมฝืนยิ้มออกมา ยิ้มทั้งน้ำตาที่ไหลล้นออกมาจากหน่วยตา
“อย่าร้อง คุณยะไปเช็ดน้ำตาให้ไม่ได้”
“ไม่ร้องแล้ว” ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง ส่วนน้ำตาที่คลอในหน่วย ผมก็พยายามกลั้นเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา
“คนดี... เก็บน้ำตาไว้ให้คุณยะเช็ดตอนที่เราอยู่ด้วยกันนะ”
ผมรีบพยักหน้าให้คนในโทรศัพท์ ปลอบตัวเองว่าพรุ่งนี้คุณยะก็กลับมาเป็นของผมแล้ว
“คุณยะ...”
“ครับ”
“ห้ามกอดเขาเยอะนะ” ผมบอกเขาแบบนี้ทุกครั้ง แล้วก็ได้คำตอบแบบเดิมกลับมา
“ตอนนี้คุณยะอยากกอดแค่น้องพีคนเดียว ไม่กอดใครอีกแล้ว”
ไม่รู้หรอกว่าเขาทำอย่างที่รับปากผมได้จริงหรือเปล่า แต่ผมก็พยายามจะเชื่อนะว่าเขาทำตามที่รับปากผมไว้ได้
“คุณยะต้องไปแล้ว” ไม่อยากได้ยินคำพูดนี้เลย
“ครับ” ผมรับคำอย่างหงอยๆ
“ส่วนน้องพีก็เข้านอนเลยนะ มันดึกแล้ว อย่าเอาแต่เล่นน้ำ” ผมนั่งคุยกับคนในโทรศัพท์อยู่ข้างสระว่ายน้ำครับ พอเหงาๆ ไม่มีเขา ผมก็ได้น้ำในสระนี่แหละที่ทำให้หายเหงาไปได้บ้าง
“เพิ่งสองทุ่มเอง ขอน้องพีว่ายน้ำก่อนนะ” ไม่ดึกเลยสักนิด อยู่กับเขากว่าจะได้นอนก็ห้าทุ่มเที่ยงคืนนู่นแหละ บางคืนก็ตีหนึ่งตีสองเลยด้วยซ้ำ เพราะเอาแต่กอดกัน
“พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วไม่ใช่หรือไง” เสียงเขาเริ่มเข้มมานิดหนึ่ง
“ก็แค่เปิดเทอมวันแรกเองครับคุณยะ” วันแรกของการเป็นเด็กมอห้า
“แต่คุณยะอยากให้น้องพีเข้านอน”
“แต่น้องพีอยากว่ายน้ำ... นะๆๆๆ คุณยะ” ผมอ้อนเสียงหวาน พร้อมกับเอาตัวลงไปแช่น้ำในสระ ผมเกาะขอบสระเอาไว้ก่อน ยังไม่ได้แหวกว่ายไปในสายน้ำเพราะยังต้องถือโทรศัพท์คุยกับเขาอยู่
“ดื้อ” เขาส่ายหน้ายอมแพ้ เพราะไม่มีทางที่จะเอาผมขึ้นมาจากสระได้
“เด็กดื้อเป็นเด็กฉลาดครับ” อารมณ์ผมแจ่มใสขึ้นกว่าเดิมเพราะได้แช่ตัวอยู่ในน้ำ ราวกับว่าเมื่อหลายนาทีก่อนไม่ได้ร้องห่มร้องไห้อย่างนั้นแหละ
“คุณยะให้แค่สิบนาทีนะ”
“น้องพีขอครึ่งชั่วโมง” ผมต่อรอง
“เดี๋ยวไม่สบาย”
“คุณยะก็ห่วงเกิน น้องพีไม่ได้อ่อนแอซะหน่อย แข็งแรงจะตายไป คุณยะเคยเห็นน้องพีป่วยหรือไงครับ”
“เคยสิ” สีหน้าเขาดูเครียดขึ้น
“หือ? ตอนไหนครับ” เท่าที่ผมจำได้ ตั้งแต่ผมโตและเขากลับมาอยู่ไทยถาวร ผมก็ไม่เคยเจ็บป่วยหรือเป็นไข้อะไรเลยนะ
อ้อ...หรือว่าจะเป็นวันนั้น ก็วันนั้นที่ผมรู้ความจริงว่าเขาไม่ใช่พ่อ ผมเดินตากฝนกลับมาที่เรือนไทยหลังนี้ แล้วก็กระโดดลงสระกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
...แต่ก็ไม่ใช่วันที่เขาหมายถึง
“ตอนนั้นเธอยังเด็กมากพี ป่วยจนเกือบตายรู้ไหม”
“ผมไม่รู้” ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองเคยเฉียดความตายมาก่อน
เอ... หรือจะเป็นตอนนั้น ที่ผมป่วยจนต้องไปนอนโรงพยาบาล และเขาก็กลับมาเยี่ยมผม พร้อมกับมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นวางลงบนศีรษะผม
คำพูดเขาที่ผมจำได้เลือนรางในวันนั้นคือ...
‘หายไวๆ’
“ฉันไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนั้นอีกครั้งนะพี ฉันถึงห่วงเธอ กลัวเธอไม่สบาย ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันจะอยู่ยังไง...คุณยะจะอยู่ยังไงโดยไม่มีน้องพี”
“คุณยะ...” ขอบตาผมกลับมาร้อนผ่าวอีกแล้วจากคำพูดของเขา น้ำเสียงนุ่มนวลแสนอ่อนโยนของเขาที่แสดงออกมาว่าเขาทั้งรักและห่วงผมมากแค่ไหน ทำเอาหัวใจล้นทะลักด้วยความสุข
“ขึ้นได้หรือยัง” ถามมาแบบนี้ ผมจะดื้อทำให้เขาเป็นห่วงได้ยังไงกัน
“ขึ้นแล้วครับ” ผมรีบขึ้นจากสระ
“คุณยะต้องวางจริงๆ แล้วนะ”
เพราะเสียงโทรศัพท์อีกเครื่องกรีดร้องขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว ผมก็ไม่รู้เพราะไม่ได้นับ แต่มันดังตลอดเวลาที่ผมกับคุณยะคุยกัน เพียงแต่เราสองคนทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงของมันที่กรีดร้องออกมา แต่ครั้งนี้คงทำแบบที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว
“น้องพีคิดถึงคุณยะนะครับ” คิดถึงจริงๆ ผมชินไปเสียแล้วกับการที่มีเขาคอยโอบกอดเอาไว้ในยามค่ำคืนจนถึงรุ่งเช้า “...คิดถึงมาก”
“เหมือนกันครับคนดี” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความคิดถึงผม
สายลมอ่อนโยนคล้ายวนเวียนอยู่รอบตัวผม และราวกับว่าตอนนี้ผมสัมผัสความคิดถึงของเขาได้อย่างนั้นแหละ
“ฝันดีนะคนดีของคุณยะ”
“ฝันดีครับคุณยะของน้องพี”
เราสองคนจบค่ำคืนนี้ด้วยประโยคคุ้นเคยนี้ เป็นคำเอ่ยลายามที่เราต้องห่างกัน ก่อนที่เขาจะหายไปจากหน้าจอโทรศัพท์ของผม เพื่อใช้เวลาในคืนนี้กับคนที่ไม่ใช่ผม
.
.
.
ตึ้ง...
อาบน้ำเสร็จ สวมชุดนอนพร้อมเข้านอน แต่ยังเดินไปไม่ถึงเตียงนอน เสียงข้อความของโปรแกรมแชตก็ดังขึ้น ผมกระโดดขึ้นเตียง คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูว่าใครส่งข้อความไลน์มาหาผม แน่นอนว่าไม่ใช่คุณยะหรอก เขาไม่ชอบพิมพ์คุยกับผมเท่าไร เขาบอกว่ามันช้าเกินไป เมื่อไรที่เขาคิดถึงผม เขาจะโทรมาหา หรือไม่ก็วิดีโอคอลมามากกว่า
ตอนที่ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ผมคิดว่าไม่เป็นปาลินก็ดีนนั่นแหละที่เป็นเจ้าของข้อความ มีสองคนนี้เท่านั้นที่ชอบไลน์มาคุยกับผม ซึ่งก็ใช่ครับ เป็นสองคนนั้นจริงๆ แต่ก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่ผมคิดไว้แล้วว่าเขาต้องส่งข้อความไลน์มาหาผมในคืนนี้... ก็คือคนที่ได้อยู่กับคุณยะในคืนนี้ไง
ฝ่ายนั้นเริ่มต้นด้วยการอวดสิ่งที่ได้จากคนของผม
LemoN : ของขวัญวันเกิด
...รูปที่พี่เลม่อนส่งมาก่อนข้อความคือรูปกุญแจรถ ราคานี่ไม่ต้องถามถึงครับ ยี่ห้อหรูขนาดนั้น เผลอๆ อาจหลักสิบล้านเลยด้วยซ้ำ
LemoN : พี่ยะซื้อให้
...ไม่บอกผมก็รู้
P.Phirach : แล้วไงครับ ผมจำเป็นต้องรู้ ?
...คงอยากให้ผมฟูมฟายสินะ ขอโทษเถอะ ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว ตอนนี้ผมก็เข้มแข็งแล้วด้วยทั้งยังมั่นใจด้วยว่าผมคือคนที่คุณยะทั้งรักและหลง ส่วนคนที่ได้รถยี่ห้อหรูเป็นของขวัญวันเกิดก็เป็นแค่คนที่คุณยะทิ้งไม่ได้ก็เท่านั้นแหละ
LemoN : อวดเก่ง
LemoN : คงคิดสินะว่าพี่ยะรักมึงมาก
...ผมอยากพิมพ์เถียงกลับไปนักว่า ผมไม่ได้คิด แต่คุณยะเป็นคนที่บอกว่ารักผมออกมาเอง บอกทุกวันด้วย แต่ผมก็ห้ามมือตัวเองเอาไว้ จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังปรากฏข้อความใหม่ตามมาติดๆ
LemoN : อย่าโง่ไปหน่อยเลย พี่ยะไม่ได้รักมึง
LemoN : เขารักกูคนเดียว
...คนที่โง่คือเขามากกว่า และคนที่คุณยะรักคือผม ไม่ใช่เขา
P.Phirach : เขาจะรักใครก็ไม่เห็นเกี่ยวกับผม
...ทุกครั้งที่พี่เลม่อนมาอาละวาดใส่ผมในไลน์ ผมก็จะตอบแบบนี้ เพราะเรื่องของผมกับคุณยะเป็นความลับที่มีแค่เราสองคนที่รู้ และพี่เลม่อนต้องรู้ไม่ได้
LemoN : มึงคิดว่ากูโง่หรือไง!
P.Phirach : เปล่าครับ
LemoN : มึงมันหน้าด้าน
LemoN : อย่าคิดว่ามึงจะแย่งพี่ยะไปจากกูได้
LemoN : มึงไม่มีวันทำสำเร็จเพราะพี่ยะเป็นของกู
...เขาเป็นของผมต่างหาก
LemoN : เขาจะอยู่กับกูไปตลอดชีวิต มึงไม่มีวันเอาเขาไปจากกูได้
LemoN : จำเอาไว้!
P.Phirach : ครับ
LemoN : มึงกวนกูเหรอวะ!
P.Phirach : ผมเปล่า
P.Phirach : สุขสันต์วันเกิดนะครับ
P.Phirach : ขอให้คืนนี้พี่มีความสุข
...เพราะหลังจากคืนนี้พี่เลม่อนคงต้องนอนคนเดียวไปอีกนาน ผมจะทำทุกวิธีให้คุณยะอยู่กับผมแค่คนเดียว
LemoN : ไม่ต้องสะเออะมาอวยพรกู
LemoN : เพราะมันไม่ได้ทำให้สิ่งที่มึงกับกูเลวน้อยลงหรอก
...เพราะเขาทำผมก่อนไง ส่งทั้งภาพและคลิปมาให้ผม ทำร้ายจิตใจผมก่อน มีแต่คำหยาบคายมาด่าว่า แล้วยังใช้ให้เพื่อนตัวเองมอมยาผมอีก ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่ผมถูกวางยา ผมกับคุณยะอาจจะไม่ได้ลงเอยกันแบบนี้ก็ได้
LemoN : สักวันมึงก็จะโดนแบบกู จำไว้!
...ไม่มีวันนั้นหรอกเพราะคุณยะรักผม ส่วนเขาก็แค่คนที่คุณยะทิ้งไม่ได้เพราะเหตุผลบางอย่าง เป็นเหตุผลที่ผมยังไม่รู้ แต่สักวันผมจะรู้ให้ได้
P.Phirach : ขอบคุณที่เตือน ผมจะระวังละกัน
LemoN : อย่าอวดดีให้มาก
...เพราะผมมีดีให้อวดไง หัวใจคุณยะเป็นของผม พี่เลม่อนไม่มีวันได้ไปหรอก
LemoN : กูเตือนมึงเป็นครั้งสุดท้าย
LemoN : อย่ายุ่งกับผัวกู ไม่อย่างนั้นมึงโดนประจานทั่วโรงเรียนแน่
...เป็นคำขู่ที่ทำเอานิ้วที่จะพิมพ์ข้อความโต้กลับไปค้างเลยทีเดียว ยอมรับว่าผมกลัวคำขู่ แม้ว่าพี่เลม่อนจะขู่แบบนี้มาหลายครั้งแล้วก็ตาม
P.Phirach : ผมไม่ได้ยุ่งกับคนของพี่
...เพราะคุณยะไม่ใช่คนของพี่เลม่อน คุณยะเป็นของของผมต่างหาก
LemoN : โกหกหน้าด้านๆ
P.Phirach : ผมไม่ได้โกหก
LemoN : แล้วนี่มันอะไร
...รูปที่ตามมากับข้อความของพี่ม่อนคือรูปผมหอมแก้มคุณยะตอนอยู่ที่กาญจนบุรี
LemoN : ตอแหลเก่งยิ่งกว่าผู้หญิงอีกนะมึง
LemoN : ถ้ามึงไม่เลิกยุ่งกับผัวกู
LemoN : มึงเตรียมเห็นรูปต่ำๆ ของมึงทั่วโรงเรียนแน่
P.Phirach : มันรูปนานแล้ว
P.Phirach : ตอนนี้ผมไม่ได้ยุ่งกับคุณยะแล้ว
...ผมแก้ตัว กลัวพี่เลม่อนจะทำจริง
LemoN : คิดว่ากูโง่หรือไงที่ไม่รู้ว่ามึงเอาผัวกูไปกกนานเท่าไรแล้ว
P.Phirach : พี่ไม่เชื่อผมก็ตามใจ
LemoN : นี่มึงยังไม่ยอมรับอีกเหรอ หลักฐานขนาดนี้
LemoN : หน้าซื่อๆ แบบมึง ไม่คิดว่าจะตอแหลได้โล่
LemoN : มึงไม่อายเลยหรือไงที่ต้องมาใช้ผัวร่วมกับกู
LemoN : หรือว่าต้องให้กูเอารูปมึงไปประจานก่อน มึงถึงจะเลิกร่าน
...คำด่าของพี่เลม่อนแต่ละคำทำผมหมดความอดทนไปทีละนิด จนไม่อยากทนให้เขาขู่ผมอยู่ฝ่ายเดียว ในเมื่อผมมีสิ่งที่จะประจานเขาได้เหมือนกัน เด็ดกว่ารูปผมที่เขากล่าวหาว่าเป็นรูป ‘ต่ำๆ’ ซะอีก
P.Phirach : ถ้าพี่ทำได้ ผมก็ทำได้
LemoN : มึงจะทำอะไร
LemoN : หน้าอย่างมึงจะมีปัญญาทำอะไรได้ เก่งแต่แย่งผัวกูนั่นแหละ
P.Phirach : พี่เคยส่งอะไรอุบาทว์ๆ มาให้ผมบ้างล่ะ
P.Phirach : รูป
...ผมพิมพ์ไปสั้นๆ ก่อนกดส่งรูปโป๊เปลือยของเขาที่เต็มไปด้วยรอยดูดและกัด
P.Phirach : คลิป
...ผมส่งอีกข้อความหนึ่งไปให้อีกฝ่ายอ่าน แล้วก็ตามด้วยคลิป มันเป็นคลิปตอนที่เขามีอะไรกับคุณยะ
P.Phirach : แล้วก็คำพูดทุเรศๆ ของพี่
...ผมส่งหน้าจอแชตที่ผมเพิ่งแคปสดๆ ร้อนๆ เมื่อกี้นี้เองไปให้อีกฝ่าย
P.Phirach : กล้าไหมล่ะครับ
P.Phirach : แฟนคลับพี่คงดีใจที่ได้เห็น
P.Phirach : เอ... หรืออาจจะคนทั้งประเทศ
LemoN : มึง!
P.Phirach : ครับ
LemoN : ลองมึงเอาคลิปกูไปปล่อยสิ กูแจ้งตำรวจจับมึงแน่
P.Phirach : พี่ลืมหรือเปล่าว่าผมใช้นามสกุลอะไร
LemoN : มึงไม่ใช่ลูกหลานตรัยธาดา
P.Phirach : แต่ในใบเกิด ผมใช่
LemoN : หน้าด้าน!
LemoN : ไอ้กาฝาก
P.Phirach : ครับ
...ด่าไปเถอะ ผมเลิกเจ็บปวดกับความจริงเรื่องนี้แล้ว อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมกับคุณยะรักกันได้
LemoN : กูจะฟ้องพี่ยะว่ามึงเลวแค่ไหน
P.Phirach : เชิญครับ
...ผมไม่กลัวหรอก ผมมั่นใจว่าคุณยะจะไม่ทำอะไรผม เพราะคุณยะรักผม
LemoN : มึง!!
แล้วก็ไม่มีข้อความส่งมาให้ผมอีก เขาน่าจะรู้ตัวแล้วว่าไม่มีทางสู้ผมได้ ไม่ว่าจะเรื่องหัวใจของคุณยะ เรื่องที่ผมมีทั้งรูปและคลิปที่จะทำให้เขาอับอายคนทั้งประเทศ แต่พี่เลม่อนก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอก เพราะพอผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เจอกับข้อความไลน์ของพี่เลม่อนก่อนเลย
เขาส่งรูปตัวเองกับคุณยะมาให้ผม เป็นรูปที่คุณยะนอนหลับและมีเขาอยู่ในวงแขน หน้าตามีความสุขจนผมอยากจะปาโทรศัพท์ตัวเองทิ้งไปซะ แต่ผมก็เลือกพิมพ์ข้อความส่งไปแทน
P.Phirach : ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ
P.Phirach : ถ้าไม่อยากให้ผมมีข้อมูลเอาไว้ประจานพี่มากไปกว่านี้ก็อย่าส่งมาอีก
พี่เลม่อนอ่านแต่ไม่พิมพ์โต้ตอบกลับมา ก็ดีแล้วผมไม่อยากให้อารมณ์เสียแต่เช้า ส่วนอีกคนในรูปผมก็อยากจะตีเขาแรงๆ ให้สมกับที่เขานอนกอดพี่เลม่อนแบบนั้น
.
.
.
อ่านต่อด้านล่าง
.