ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
SUMMER KISSED THE SEA ☀ ฤดูร้อนของทะเล
[/size]
ดวงดาวสีฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลตั้งแต่ผืนฟ้าจรดผืนดินไม่มีส่วนใดที่เครื่องมือของมนุษย์สำรวจไม่ถึง
แต่ทว่าทะเลคือพื้นที่เดียวที่มนุษย์ไม่เคยสำรวจว่าจุดลึกที่สุดอยู่ที่ไหน
ความลึกน่าที่ฉงนไม่มีใครรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ตรงนั้น ลึกเทียบเท่ากับหัวใจของคนที่ยากจะหยั่งถึง
กระนั้นความสวยงามของผืนน้ำบนท้องทะเลก็ยังล่อลวงชวนให้คนมาสัมผัส
ความทุกข์ที่ใครต่างก็เอามาทิ้งไว้ที่นี่ ทะเลจะรับไว้และส่งคืนความสบายใจกลับไปให้แค่เพียงหายใจทิ้งไว้
หยินและหยางคือขั้วตรงข้าม
ทะเลก็มีทั้งสุขและทุกข์อยู่ในตัวของมัน
และทะเลไม่เคยใจร้าย
#ฤดูร้อนของทะเล
สารบัญ
Prologue (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69394.msg4024636#msg4024636)
ร้อนลาเต้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4023233#msg4023233)
ร้อนเลคเชอร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4023973#msg4023973)
ร้อนติวเตอร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4024863#msg4024863)
ทะเลไม่เคยบอกอะไร (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4025682#msg4025682)
ทะเลไม่ใช่เขา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4026487#msg4026487)
ทะเลมีแต่คลื่น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4027132#msg4027132)
ร้อนไออุ่น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4027892#msg4027892)
ร้อนจนแผดเผาไปทั้งใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4028592#msg4028592)
ร้อนนี้ไม่มีเธอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4029272#msg4029272)
ร้อนที่คิดถึง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4030165#msg4030165)
ที่รอมาตลอด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4031158#msg4031158)
ตัวละครลับ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4032268#msg4032268)
นุ่มนิ่ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4034219#msg4034219)
ปกป้อง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4035115#msg4035115)
ไม่เป็นไรนะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4036071#msg4036071)
เจอพ่อ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4038879#msg4038879)
เปิดเรื่องใหม่นะคะ ฝากด้วยค่าาา
[/b]
-----------------------------------------
นิยายของ mifengbee
เรื่องยาว you are my day 1◑│กาลครั้งที่รักคุณ (จบแล้ว) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66867.0)
เรื่องยาว Thank you, Next มาทีหลังรบกวนต่อคิว (in process) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69394.msg3933937#msg3933937)
เรื่องสั้น OPEN RELATIONSHIT : ไม่ใช่รัก (จบแล้ว) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69097.0)
เรื่องสั้น SUMMER KISSED THE SEA | ฤดูร้อนของทะเล (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71351.0)
SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 1
ร้อนลาเต้
[/size]
“อันนี้รวมกันเรียกพันธะอะไรนะลูก”
“ไอออนิกค่า คร้าบ”
“ถูกค่ะ ถูกค่ะ ไปข้อต่อไปค่ะ”
อะไรอะ ยังอ่านโจทย์ไม่ทันจบเลยทำไมรีบตอบกันจัง คนนั่งหน้านี่มีแต่คนเก่ง ๆ หรือไง หรือควรย้ายที่ดี แต่ไม่เอาดีกว่า ไม่ใช่คนเรียนเก่งอยู่แล้ว นั่งตรงไหนก็เหมือนกันแหละ เนอะ
“มึงยิ้มอะไรวะคิม”
“ป่าวนี่”
“เรียนจนบ้านะมึง” เมธาวินเพื่อนสนิทตัวติดกันยิ่งกว่าเหาฉลามถามขึ้น ทั้งที่มันก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนไปกว่าผม
“ใช่ แต่ก็ไม่เห็นได้อะไรนะ ฮ่า ๆ ๆ”
รู้ตัวว่าเรียนไม่เก่ง และไม่เก่งอะไรเลย เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาที่โชคดีเกิดในบ้านพรั่งพร้อม และให้โอกาสชีวิตผมดีกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในประเทศนี้ ถ้ามีคนถามว่ามีโอกาสทำไมไม่ทำให้ดี ก็ถามตัวเองมาหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็รู้ตัวว่าทำให้ดีกว่านี้ก็ยากเหลือเกิน
‘คิมหันต์’ มาจากฤดูร้อนของฮาวายที่พ่อและแม่ไปให้กำเนิดเขาที่นั่น พวกท่านรักกลิ่นอายแดดและคลื่นทะเล ความร้อนแรงที่สดใสมันช่างเป็นรสสัมผัสที่พอเหมาะ ท้องฟ้าสีฟ้าที่สุดในห้วงเวลาแค่ไม่กี่เดือน เป็นที่มาของชื่อที่เต็มไปด้วยความรัก
อ้อ แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้ว่าถนัดอย่างเต็มปากคือวาดรูป
พันธะเคมียุ่งเหยิงกำลังแปรเปลี่ยนเป็นรูปการ์ตูนสุดแสนจะเป็นเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ทางเคมีถูกเติมหู ตา จมูก และร่างกายส่วนอื่น จนกลายเป็นเรื่องราวลายกราฟิตี้ที่ใครเห็นก็ต้องว้าว และนั่นถูกบรรจงจรดด้วยดินสอกดแท่งสีชมพูแทบทุกหน้ากระดาษ
แม่เห็นต้องภูมิใจในตัวเขาแน่!
“สวยนะคะน้องคิม”
“ฮะ คะ ครับ”
งานเข้าแล้วมั้ยทำไมเพื่อนตัวดีข้าง ๆ ไม่บอกวะเนี่ย เขาน่ะโดนอาจารย์อุ้มจ่อไมค์หลายคาบแล้ว คราวนี้เดินมาถึงโต๊ะเลย ไม่อยากโดนล้อว่าเป็นคนดังห้องสดแล้วนะ
“กล้องตามครูมาหน่อยค่ะ นี่มาดูสิ ทุกคนมันสวยมากเลยว่ามั้ยคะ”
“...” ใบหน้าขาวหน้าเจื่อน หนังสือเคมีถูกยกขึ้นที่กล้อง ทุกคนในห้องจดจ้องไปที่มัน เสียงฮือฮาทำเอาห้องเรียนไม่สงบ
“ถ้ามีอะไรสวย ๆ แบบนี้นักเรียนคงตั้งใจเรียนน่าดูเลยนะคะ”
“เอามาซีร็อกหน่อย จะเอาไประบายสี” เสียงใครบางคนตะโกนจากหลังห้องอีกฟากมา และทุกคนพากันหัวเราะขำขัน
“...” เจ้าของผลงานก้มหน้ากว่าเดิม เพราะอับอายกับสิ่งที่ทำลงไปในหนังสือเรียน รู้งี้วาดในสมุดสเก็ชก็ดี
“หนังสือเรียนปีหน้า ครูขอให้น้องคิมมาวาดให้หน่อยนะคะ”
“คะ ครับ”
“เดี๋ยวไว้ว่ากันเนอะ มาค่ะเด็ก ๆ เราถึงไหนกันแล้ว”
“มิว ครูว่าไงนะเมื่อกี้”
“ให้มึงวาดปกหนังสือเรียนปีหน้า”
“จริงป่ะ!! หื้อออ ไม่ได้หูฝาดใช่ป่ะ”
“เออ”
---------------------------------------
คนที่โดนทาบทามให้มาเป็นคนวาดรูปหน้าปกหนังสือเรียนปีหน้าดูจะตื่นเต้นจนไม่เป็นอันเรียน รอยยิ้มกว้างประทับลงบนใบหน้า ที่ผมนิยามให้ว่า ‘นุ่มนิ่ม’ เขาเหมือนมาร์ชเมลโลสีขาวเนียน และจินตนาการได้ไม่ยากว่าถ้ากัดลงไปจะละมุนลิ้นแค่ไหน
คิมเด็กห้องสดผู้โด่งดัง
ได้เจอตัวจริงสักที
ลงทุนย้ายจากห้องวิดีโอแถวโรงเรียน มาเรียนใจกลางเมืองเพื่อที่จะได้เจอนุ่มนิ่มตัวจริงเสียงจริง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันยังหานิยามให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำแบบนี้ทำไม
รู้แค่ถูกชะตา
เวลาเห็นเจ้าของรอยยิ้มสดใสในห้องสดที่ตัวเองกำลังดูอยู่ก็ยิ้มตามออกมาดื้อ ๆ ทั้งที่บางทีเขาก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากควงปากกา แอบหลับในห้อง หรือตั้งใจเขียนอะไรยุกยิกในหนังสือเรียน
“นี่มึงชวนกูมาเรียนที่นี่แต่กูยังไม่เห็นมึงเขียนอะไรเลยไอ้เล”
“เออกูตั้งใจฟังอยู่ไง ถ้าสำคัญก็จำได้เองอะ”
“จ้า พ่อทะเล พ่อคนเก่ง พ่อจีเนียส”
“มึงเงียบ ๆ ดิ๊เตี๋ยว กูตั้งใจฟังอยู่”
ไอ้ที่ตั้งใจฟังน่ะ คือฟังว่านุ่มนิ่มคุยอะไรกับเพื่อนเขาต่างหาก
‘ทะเล’ ใช่ ทะเลน้ำเค็มนั่นแหละ ชื่อผมเท่อะดิ ก็เหมาะกับคนเท่ ๆ แบบผมนะ ไม่ได้จะอวยตัวเองแต่ผมเป็นคนเท่จริง ๆ เรียนชายล้วนมีแฟนคลับเป็นแก๊งค์นางฟ้า และรุ่นน้องแฟนบอยเต็มโรงเรียน แม้จะไม่ได้พิศมัยขนาดนั้นก็ตามที
ถ้าจะให้ถ่อมตัวหน่อยก็ต้องบอกว่าจริง ๆ เป็นเด็กกิจกรรมเลยเสนอหน้าทำมันทุกอย่างที่โรงเรียนให้เข้าร่วม ทั้งสภานักเรียน นักฟุตบอล นักร้องประจำโรงเรียน ทำมันทั้งหมด การได้ทำกิจกรรมคือการได้เพื่อน ได้พี่ ได้น้อง การถูกรายล้อมด้วยผู้คนทำให้เราได้เจอประสบการณ์อะไรหลายอย่าง
จะชมว่าเท่ก็ได้นะ
“มึงกลับไงวันนี้”
“เดี๋ยวว่าจะกลับเอง ขี้เกียจรอพี่สม”
“ได้ไงวะ วันนี้คุณหนูทะเลจะกลับบ้านเอง”
“คุณหนูก็เหี้ยละ กูไม่ได้เป็นง่อยมั้ยก็กลับเองได้”
“งั้นเดี๋ยวกูกลับก่อนละกัน พี่เจจะมารับ”
“พี่ชายข้างบ้านมึง? บางนาสยามใกล้ดี”
“นี่มึงทำไมชอบแซวเรื่องนี้วะ”
“ก็เปล่า เขาดูห่วงมึงดี”
“แน่ดิก็กูน่ารัก”
ทะเลยกยิ้มมุมปากกับการยอมรับว่าตัวเองน่ารักของกนกกรหรือก๋วยเตี๋ยว มันเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน เด็กผู้ชายตัวเล็กกว่าเด็กหนุ่มทั่วไป ที่แน่ ๆ ตัวเล็กกว่าทะเลที่สูงได้มาตรฐานนักกีฬาร้อยแปดสิบต้น ๆ แต่เพื่อนตัวเล็กดันหยุดโตตั้งแต่ร้อยหกสิบห้า ผิวดี ขาวจั๊วเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว สุดท้ายก็เลยยอมรับว่าตัวเองน่ารักได้ตอนมอห้า
และก็ทำตัวน่ารักมาก ๆ กับพี่เจของมัน
คนเขามองออกทั้งโลก ยกเว้นเจ้าชื่อที่ชวนหิวนั่น
หลังจากที่โบกมือลาก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็มายืนเต๊ะท่าที่หน้าโรงเรียน ใส่หูฟังทั้งที่ไม่ได้ฟังเพลงอะไร สายตาจับจดไปที่ประตูรอให้คนที่อยากเห็นหน้าเดินออกมา
“มึงเลิกยิ้มได้ละคิม”
“ก็กูดีใจนี่”
นั่นไงเดินออกมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเขาชัด ๆ ไม่ใช่ผ่านจอสี่เหลี่ยมในห้องเรียนพิเศษหรือจอมือถือที่แอบฟอลไอจีเขามาสักพัก และมันยิ่งกว่าที่คิดไว้ มาก…
ผู้ชายตัวสูงสมส่วน ผิวขาวเนียนอมชมพู ดวงหน้าแต้มยิ้มตลอดเวลา ตากลมโตเป็นประกาย รับกับแพขนตาหนายิ่งขลับให้ภาพรวมใบหน้าหวานเกินกว่าผู้ชายทั่วไป อาจจะผอมบางไปหน่อยแต่ก็สมสัดส่วนดี เสื้อรีดเรียบคมกริบ และกางเกงสีน้ำเงินสั้นเลยเข่า เข็มกลัดเอกลักษณ์และกระเป๋าบ่งบอกถึงสถาบันที่ไม่ใช่เด็กธรรมดาจะเข้าได้ ถ้าไม่ใช่อัจฉริยะ ก็บ้านมีเงินระดับเศรษฐี เหมาะกับเขาดีไม่ใช่หรือไง
ยกมือกุมหน้าอกจากใจที่เต้นแรงจนจะทะลุออกจากอก
เกินจินตนาการไปมาก
จังหวะการเดิน กระชับกระเป๋า หรือกระทั่งยิ้มให้เพื่อนเขามันเป็นธรรมชาติที่ใครก็ไม่เหมือน เวลาเขายิ้มตาโตของเขาจะยิ้มไปด้วย รอยเล็ก ๆ ที่แก้มสามขีดเหมือนหนวดแมวไม่ผิดเพี้ยน ไม่เคยชมผู้ชาว่าน่ารัก นี่จะเป็นครั้งแรกในชีวิต
น่ารักจนเจียนจะบ้า
------------------------------
วันเสาร์ที่ต้องไปเรียนพิเศษนี่มันช่างหดหู่จริง ๆ แกล้งไม่สบายแต่แม่ก็จับได้อยู่ดี ทำไมคนเราต้องเรียนเยอะขนาดนี้ด้วยนะ แค่ที่โรงเรียนก็จะแย่แล้ว นี่เสาร์อาทิตย์ยังต้องไปเรียนอีก เฮ้อ คนอื่นเขาจะขี้เกียจแบบนี้มั้ยนะ
“ไปเลยตัวดี วันนี้ขับรถไปแล้วกัน แม่ขี้เกียจไปรับ”
“เนี่ยแม่อ่า คิมก็ขี้เกียจ”
“ขี้เกียจเรียนอะสิ”
“รู้ทันอะ” ผมย่นจมูกใส่ผู้หญิงที่ผมรักที่สุด และรู้ทันผมที่สุดอีกคนเหมือนกัน
“รีบไปได้แล้ว จะสายแล้วเนี่ย” คุณนิภาพรรณยื่นกุญแจรถให้ และก็ต้องจำใจยอมรับมาแต่โดยดี กดกุญแจปลดล็อก BMW series 5 ก่อนจะขับออกมาจากหมู่บ้าน คิมหันต์ขับรถเป็นตั้งแต่ช่วงมอต้น แต่เพิ่งได้ขับจริงจังหลังจากทำใบขับขี่ ก็ชอบขับรถนะ ได้พาที่บ้านไปนู้นไปนี่ ได้พาเพื่อนไปในที่ ๆ อยากได้ ยกเว้นขับไปเรียนนี่แหละ
ค่อนวันที่ต้องใช้เวลาไปกับสูตรคณิตศาสตร์อะไรไม่รู้ ตีกันยุ่งเหยิง เว็กเตอร์คืออะไรยังไม่เข้าใจเลย แล้วเอาไปใช้ทำอะไร เหอะ ๆ
“มึงจะกลับเลยป่ะคิม”
“ทำไมอะ เหมือนมึงจะชวนไปไหน”
“แหม่ก็มึงเอารถมาทั้งที ไปกินขนมกันป่ะ” เมธาวินจอแจทุกทีที่เขาเอารถมา
“นั่นดิ ไปป่ะ กูอยากไปร้านที่เขารีวิวกันอะ” พิสิษฐ์ก็อีกคน
“นะคิมนะ น้าาา”
“กูไม่ใช่ผัวมึงมั้ยมาอ้อนอยู่ได้ เออไปก็ไปจ้า”
“เนี่ยทำเป็นเล่นตัว คิมของกูแม่งใจดีอยู่ละ ป่ะ ๆ เร็ว ๆ สิมิว มึงรอพ่อมาตัดริบบิ้นหรือไง”
เมธาวินและพิษฐ์เป็นเพื่อนสนิทที่กวนประสาทตลอดเวลา เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนอนุบาล เขาเป็นคนมีเพื่อนเยอะ แต่เพื่อนสนิทจริง ๆ ที่โรงเรียนคงมีแค่สองคนนี้แหละ
เมธาวินอยู่ห้องเดียวกันตอนมอปลาย ส่วนพิสิษฐ์เพิ่งมาแยกกันตอนมอหกนี่แหละ เพราะเกรดดีจนได้ย้ายหนีไปห้อง Gifted ไม่รั้งรอเราสองคนอีกต่อไป อนาคตหมอรั้วสีชมพูคงไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเขา ส่วนนายคิมหันห์กับนายพิสิษฐ์แล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิตละแล้วกัน
ขับรถมาไม่ไกลจากที่เรียนพิเศษเท่าไหร่ ผู้โดยสารสองคนนั่งเถียงกันเรื่องซอยที่จะต้องเข้าไปจอดรถอยู่นาน จนสารถีสังเกตเห็นว่ารถคันหนึ่งออกจากที่จอดหน้าร้านพอดี เลยได้โอกาสเข้าไปจอดแทน พวกมันเลยเลิกเถียงกันให้หนวกหู
“มึงกินอะไรคิม” พิสิษฐ์ดูจะตื่นเต้นกับการตกแต่งร้านจนเดินไปถ่ายรูปมาแล้วรอบหนึ่ง เพื่อนตัวสูงคนนี้ถ่ายรูปสวยมาก เก่งไปหมดทุกอย่าง จนนึกอิจฉา
“โกโก้แล้วกัน กูขอหวานน้อยนะ”
“ส่วนกูขออเมริกาโน่ผสมน้ำส้มแล้วกัน”
“โหหหห สะเออะแดกของดีด้วย แล้วกินกาแฟเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“กินเป็นวันนี้แหละ เดี๋ยวจะเป็นเฟรชชี่ละต้องทำตัวคูล ๆ ไว้”
“แน่ใจว่าจะสอบเข้าได้?” พีททำสีหน้าล้อเลียน
“เชี่ย ไอ้เหี้ยพีทกูโกรธมึงแล้ว” ส่วนมิวไม่เล่นด้วยซะแล้ว
การเป็นเด็กมอหกที่ต้องมารับแรงกดดันจากการสอบหฤโหด นี่เปิดเทอมมาเดือนเดียวต้องสมัครสอบไปแล้วสองสนาม ยังไม่รวมสนามกลางที่จะต้องลงทะเบียนอีกเร็ว ๆ นี้ ทำไมเด็กอายุแค่ 18 ปีต้องมาเลือกทางเดินทั้งชีวิตด้วยวัยแค่นี้ด้วย
และก็ไม่ใช่แค่เมธาวินที่เครียด คิมหันต์เองก็ด้วย
พ่อและแม่บอกแล้วว่าสอบไม่ติดก็เรียนเอกชนได้ แต่เขาจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจไม่ได้เลยสักครั้งหรือไง ค่าเทอมที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่ตั้งแต่เด็กไม่ใช่ถูก ๆ แต่ก็ยังไม่ตั้งใจให้สมกับความทุ่มเทของพ่อและแม่
“เห้ยกูล้อเล่น” พิสิษฐ์หน้าเจื่อนเพราะไม่คิดว่าคำพูดธรรมดา ๆ จะกระทบใจคนฟังขนาดนี้ “มิว กูขอโทษ”
คนกลางได้แต่ส่ายหัวให้กับความบ้าบอของพวกมัน วางสิบบาทเลยเดี๋ยวคนปากพล่อยก็จะเดินไปสั่งชีทเค้กบลูเบอร์รี่มาง้อเพื่อนสนิทของมัน นั่นไงคิดผิดที่ไหนมันดุม ๆ ไปหน้าเคาน์เตอร์เรียบร้อย เมธาวินที่นั่งฟังเพลงด้วยแอร์พอดเสียงดังตาโตขึ้นทันทีที่เห็นของโปรดวางตรงหน้าด้วยพนักงานจำเป็นของร้านที่หน้าตาสุดคุ้น
เห้อ
นี่มีเพื่อนยังไม่จบปอสี่หรือไง
ร้านนี้ค่อนข้างเงียบสงบ แม้จะมีคนจับจองเต็มร้านก็ตาม มีป้ายงดใช้เสียงสีเหลืองพร้อมรูปยิ้มติดตามโต๊ะ ค่อนข้างเล็กแต่ก็มองเห็นชัดเจน ทุกคนจึงต่างนั่งเงียบ ๆ ทำงาน อ่านหนังสือ จิบกาแฟ และคุยกันด้วยเสียงกระซิบ ท่ามกลางดอกไม้และต้นไม้หลากหลายชนิดที่ประดับรายล้อมร้าน ทั้งดอกไม้สดและดอกไม้แห้ง กระทั่งต้นไม้ในกระถ่างน้อยใหญ่ก็ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบและเข้ากันดี
ดอกไฮเดรนเยียในตู้กระจกข้างหลังเคาน์เตอร์คือจุดดึงดูดให้ใครต่างมุ่งหน้ามาที่นี่ เพราะไม่ใช่ที่ไทยจะได้เห็นดอกสีม่วงช่อใหญ่นี่ได้ตามรั้วเมื่อไหร่ มันต้องถูกนำเข้าและเลี้ยงดูอย่างดี แต่ที่นี่ไม่ได้ให้เข้าไปจับหรือถ่ายรูปใกล้ ๆ ต้องสร้างคอนเท็นต์ผ่านกระจกเท่านั้น
“ไหน ๆ ก็ว่างแล้ว กูจะถามเรื่องค่ายบริหารของพี่ไอ้อ้นมันอะ คือถ้าเราจะไปมันจะได้บอกพี่มันให้กั๊กที่ให้” เมธาวินถามเพื่อนหลังจากที่เขาจัดการดูดนมชมพูหมดแล้ว อเมริกาโน่ผสมน้ำส้มอะไรนั่น ดูดคำแรกก็แทบหาน้ำล้างปากไม่ทัน เท่แดกไม่ได้จริง ๆ ครับ
“ทำไมเราไม่สมัครกันเองอะ งี้จะไม่กันที่คนอื่นหรอ” คิมหันต์ไม่ชอบความ privileged เท่าไหร่นัก เพราะคนอื่นอาจจะอยากไปมากกว่า เขาพยายามแต่สุดท้ายก็ดันมีคนแบบนี้ตัดหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกน่าาา คนกันเอง”
“แต่ไม่เคารพสิทธิคนอื่น”
“เป็นไงโดนน้องคิมด่าเลย สมหน้ามึงไอ้พีท” เพื่อนเจ้าของลักยิ้มทำหน้าล้อเลียน หายโกรธเพราะเค้กชิ้นเดียว นี่ก็กำลังจะตีกันใหม่อีกรอบ
“งั้นพวกมึงจะไปมั้ย จะได้สมัครพร้อมกัน”
“ทำไมมาค่ายบริหาร ไม่ไปหมออะ”
“หญิงเยอะ”
“ควาย”
มีต่อ
SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 2
ร้อนเลคเชอร์
[/size]
คิมหันต์ไลน์ไปหาเจ้าของสมุดเล่มสีเหลืองตั้งแต่วันก่อน วันนี้ก็ยังเงียบ ไม่แน่ใจว่าไอดีไลน์ที่เขาเขียนไว้ผิดหรือโทรศัพท์พัง ทั้งที่คิดว่าน่าจะสำคัญขนาดเขียนคอนแท็กไว้คงเผื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ก็ดันติดต่อไม่ได้ซะนี่ คงต้องพึ่งคนที่พอช่วยได้อย่างราเชนทร์ แต่รายนี้ก็ติดต่อยากยิ่งกว่าดาราตัวท็อป ไลน์ไปก็ไม่ค่อนอ่าน แถมโทรไปก็ไม่เคยรับ
แต่ดันอัพไอจีสตอรี่
เอ้อ คนยุคนี้เป็นยังไงกัน
ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด
นั่นไงคิดผิดที่ไหน
ไว้ก่อนแล้วกัน ถ้ามีโอกาสคงได้คืน
“คิมสมุดอะไรวะ กูเห็นมึงหยิบเอามาดูตั้งแต่วันก่อนแล้วว่าจะถาม”
“ของทะเลอะ จำได้มั้ยทีเจอกันที่ร้านกาแฟ” เมธาวินถามขึ้นหลังจากคาบเรียนที่สามจบลงและกำลังจะลงไปพักกลางวัน คงสงสัยตามประสาคนช่างเผือก
“อ๋อออ เด็กเซนต์ แม่งคนอะไรตัวอย่างกะยักษ์”
“ไปว่าเขาอย่างกับมึงตัวเล็ก”
“ไหนเอามาดูดิ๊สมุดอะไรวะ”
“เห้ย อย่าไปเปิดของขาดูเสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า มันไม่รู้หรอก”
“แต่ระ เรา รู้…”
ไม่ทัน ไม่เคยทัน ทำไมไม่สูงกว่านี้สักหน่อย เพื่อนไซส์หมีขั้วโลกแย่งไปจนได้ มารยาทมันสวนทางกับครอบครัวผู้ดีเก่าเหลือเกิน
“เชี่ยยยย มึง ไอ้คิม ขุมทรัพย์ว่ะ”
“พอเลยมิว มึงแม่งนิสัยไม่ดี” คิมหันต์พยายามจะเข้าไปแย่งสุดจากมิวที่กำลังตาโตเพราะอะไรสักอย่างที่เห็นในสมุดของคนอื่น
“มึงมาดูก่อน เชี่ยยยย” คนตัวเล็กกว่าหลับตาเพราะไม่อยากเป็นคนเสียมารยาทแบบเพื่อน “มึงงง ขอร้องดูก่อน ไม่งั้นมึงเสียใจแน่ ๆ”
“ไอ้คิม” เมธาวินเขย่าตัวเพื่อนที่หลับตาปี๋เบา ๆ เป็นสัญญาณขอร้อง ถามว่าไม่อยากรู้หรอว่าในสมุดเขียนอะไร ทำไมจะไม่อยากรู้ ตัดใจไม่เปิดอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่อยากเสียมารยาทไปมากกว่านี้
เออเอาก็เอาวะ อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมีอะไรที่ทำให้เพื่อนไซซ์ยักษ์ตื่นเต้นขนาดนี้
“มึงดูดิ นี่ และนี่ นี่อีก”
“...” คิมหันต์กำลังอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น
“ใช่ป่ะ นี่แม่งขุมทรัพย์อะ”
“เขาเป็นอัจฉริยะแน่ ๆ”
“หรือไม่ก็พวกเราโง่เอง”
เจ้าของลักยิ้มพยักหน้ารับกับสิ่งที่เพื่อนสนิทพูด ตัวเลขที่ปรากฏต่อสายตา ไม่ใช่แค่เลคเชอร์หลังจากเรียน แต่นี่สามารถเรียกว่าเป็นตำราได้เลย สูตรลัดในการทำโจทย์ ทริคเล็ก ๆ จดประกอบแทบทุกตัวอย่าง เจ้าของส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบเจ็ดรู้สึกมาตลอดว่าคณิตศาสตร์คือยาขม แต่สำหรับคน ๆ นี้มันน่าจะเป็นเกมที่เขาอยากเล่นให้ไปจนถึงด่านบอส
ไม่ใช่คน
ไม่ใช่คนแน่ ๆ
“มึงว่าเราเอาไปซีร็อกส์ดีป่ะ”
“มันเหี้ยมิว พอได้แล้ว กูจะฝากพี่เชนไปคืนเขา”
“เห้ยคิม นี่อาจจะเป็นความหวังเดียวที่เราจะสอบติดมหาลัยที่เราอยากเข้านะเว้ย”
“...”
“...”
“เราไม่ติดมหายลัยเพราะวิชาเลขตัวเดียวป่ะ”
“ข้างหลังกูเห็นมีฟิสิกส์กับเคมี และแกทเชื่อมโยง”
“ไอ้มิว นี่มึงเปิดดูถึงไหนเนี่ย!” แม้จะตัวสูงน้อยกว่า แต่ก็แย่งสมุดคืนมาได้ และเอาสันคม ๆ ตีตัวมันไปที
“น่าคิม กูอยากสอบติด กูไปเรียนไม่เคยเข้าใจเลย แต่กูเข้าใจโจทย์ข้อเมื่อกี้เพราะอ่านที่ทะเลเขียน”
“แต่มันไม่ต่างจากขโมย มึงจะภูมิใจหรือไงที่สอบติดเพราะขโมยเลคเชอร์คนอื่น”
คิมหันต์รู้ว่าเพื่อนเครียด เขาก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ จะสอบอีกไม่กี่อาทิตย์ยังรู้สึกกลวงแทบจะไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย จับใจความอะไรไม่ได้สักอย่าง ไม่รู้วิชานี้ต้องอ่านอะไร เน้นตรงไหน มันเคว้งคว้างไปหมด นี่เป็นประกายความหวังแรกเลยที่มองเห็น
แต่ถ้าทำแบบที่เมธาวินบอกมันก็จะไม่ถูกต้อง และจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด มันจะต้องมีวิธีที่ดีกว่านั้นสิ
[Sea : นี่ใครหรอ เก็บได้ที่ไหน]
[Sea : สะดวกให้ไปรับคืนได้มั้ยครับ พอดีมันสำคัญมาก]
“มันต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้มิว”
———————————————-
รู้ไหมว่ารู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนแอดไลน์มา ด้วยรูปดิสเพลย์เป็นคนที่เพิ่งจะหนีเขามาเมื่อไม่กี่ชั่วโมง
หนีมาแบบผู้ชายห่วย ๆ เขาทำกัน
มือสั่นเหมือนคนเป็นพากินสันจนต้องเดินออกมาจากคณะสถาปัตย์ของสายลม ทะเลจะหนีไปไหนได้นอกจากจะมาหาพี่ชายที่คณะ เพราะต้องการที่พักใจก่อนจะกลับบ้าน ตอนสายลมเห็นหน้ายังสงสัยว่าไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดเหมือนกำลังช็อคกับอะไรสักอย่าง แต่ก็ทำได้แค่บอกปัดว่าเดินมาอากาศร้อน พี่ชายพยายามถามอะไรต่อแต่ไม่ได้ฟังเดินไปนั่งที่โต๊ะใต้คณะไม่ไกลจากที่มันทำงานเท่าไหร่
แล้วก็ช็อคอีกระลอกที่หาสมุดเลคเชอร์ของตัวเองที่เพียรเขียนมันมาหลายปีไม่เจอ กระวนกระวายเจียนจะร้องไห้ เพราะนั่งคือสิ่งที่พกติดตัวตลอดสองปี เป็นสิ่งที่เขียนสรุปด้วยตัวเอง ทำความเข้าใจเอง และบางเรื่องก็ได้ทริคจากคลิปติวต่างประเทศ ซึ่งถ้ามันหายไปก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปเอาเรื่องพวกนั้นมาเรียบเรียงใหม่ยังไง
แล้วจู่ ๆ ก็มีคนแอดไลน์มา
และใช่ ผู้ชายคนเดียวกันกับที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นระส่ำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
[Summer : ทะเลลืมสมุดไว้ที่ร้านกาแฟ จะให้เอาไปคืนยังไง]
[Summer : sent a photo]
ซัมเมอร์หรอ โคตรจะน่ารัก แสงแดดอุ่น ๆ ตอนเช้าน่ะ ใช่ เขานั่นแหละ
ว่าแต่ทำไมถึงต้องเป็นซัมเมอร์?
ช่างไปก่อน เรื่องสมุดโดนัลดักสำคัญกว่าเห็น ๆ แต่ประเด็นพอเป็นคน ๆ นี้เก็บได้ก็คิดหนักว่าจะตอบกลับไปว่ายังไง
ควรไปเจอเขาแล้วให้เขาคืนสมุด?
หรือให้เขาเอาสมุดมาคืน?
วนคิดแบบนี้มาสองวัน
เป็นคนอื่นคงทิ้งสมุดไปแล้วแหละ แต่นุ่มนิ่มไม่ใช่คนแบบนั้น มีแต่ผู้ชายที่ชื่อทะเลที่ขี้ป๊อดเอง แค่ตอบไปง่าย ๆ ก็จบ
เอาวะ
[Sea : ขอโทษทีพอดีเราเพิ่งเห็น เดี๋ยวเราไปเอาเอง สะดวกที่ไหนหรอ] โอเคใจเย็นทะเลคนคูลค่อย ๆ นะ ค่อย ๆ
[Summer : หน้าโรงเรียนเคได้มั้ย พอดีวันนี้เราเรียนตอนเย็น]
[Sea : ได้ ๆ เราก็เรียนที่นั่นเหมือนกัน] ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องถ้ำมองเหมือนก่อนแล้ว
[Summer : จริงดิ]
[Summer : พอดีเรามีเรื่องอยากคุยด้วยอะ เลิกเรียนว่างหรือเปล่า]
เขาขอนัด…
แค่หายใจหายใจผิดจังหวะเลย แค่เขาขอนัดเจอ ความรู้สึกไม่ต่างจากเด็กอนุบาลที่ต้องขึ้นเวทีแสดงทั้งที่ตัวเองก็มีแต่ความประหม่าและกลัว พอเป็นเรื่องของเขาทำไมมันอ่อนไหวขนาดนี้
[Sea : อ๋อได้ ๆ ขอบคุณนะที่เก็บสมุดไว้ให้]
[Sea : sent a sticker]
เหมือนคนไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลประมาณสิบรอบ เหงื่อซึม เหนื่อยหอบไม่รู้มาจากไหนทั้งที่ขยับแค่นิ้วโป้ง อยากให้ถึงตอนเย็นเร็ว ๆ อยากรู้ว่าเขาจะคุยเรื่องอะไร แค่คิดถึงลักยิ้มจาง ๆ ที่แก้มข้างขวาก็ยิ้มตามอีกแล้ว
“ทะเลมึงเป็นไรเนี่ย กูเห็นมองมือถือมาเป็นสิบนาทีละ มีอะไรน่าสนใจกว่าคาบฟิสิกส์สุดโปรดของมึงด้วยหรอ”
“ยุ่ง ได้ทีไม่เรียนอะดิ”
“ควาย อาจารย์ปล่อยแล้วโว้ย ไปแดกข้าว”
ได้ทีกนกรบ้างสินะ เราเรียนสายวิทย์ห้อง Gifted อยู่ห้องนี้มาตั้งแต่มอต้น ก็บอกแล้วว่าทำทุกอย่างที่โรงเรียนมีให้ทำ รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์เรื่องเรียนก็ตอนประถม เพราะแม่พาไปเช็กไอคิวแล้วมันดันสูงกว่าเด็กปกติ ทางสถาบันนั้นแนะนำให้พ่อแม่ส่งผลไปเรียนต่างประเทศเพราะที่นั่นสามารถสนับสนุนเด็กพิเศษได้ แต่พ่อแม่ผมท่านไม่ได้เชื่อสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ดีแล้วไม่งั้นผมก็ต้องไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศคนเดียวทั้งที่ยังเด็กมาก คงทำให้ชีวิตวัยรุ่นเงียบเหงาน่าดู การได้ใช้ชีวิตปกติธรรมดาเป็นเส้นทางที่พ่อแม่เลือกให้ดีที่สุดแล้ว
“แล้วสรุปมึงมีไรวะ”
“ไม่มีอะไร เออเย็นนี้กูไปเรียนนะ”
“เดี๋ยว วันนี้มึงมีซ้อมร้องเพลงไม่ใช่หรอวะ ไหนว่าจะไม่โดด” กนกกรถามขึ้นทั้งที่กำลังตักเส้นใหญ่ราดหน้าเข้าปาก
“เออกำลังจะไปบอกจารย์ป๊อกนี่แหละว่าไม่ว่างแล้ว”
“ไหงงั้น ปกติกูเห็นมึงเลือกร้องเพลงก่อนเรียนตลอด”
“อย่าเสือกน่า”
“ไอ้เหี้ยทะเล แม่ง ทำไมต้องว่ากูด้วย” คนตรงข้ามยู่ปากทำแก้มพอง คือมันก็น่ารักแหละ แต่ดันมาทำใส่คนที่ไม่ใช่พี่เจ ก็เก็ทป่ะน่าถีบมากกว่า
“เห้ยทะเล แดกข้าวเร็ว ๆ กูขาดปีกขวา” อะตอมเพื่อนห้องซี ตะโกนเข้าจากสนามบอลเข้ามาที่โรงอาหาร เจ้าตัวอยู่ทีมฟุตบอลของโรงเรียนเหมือนกัน และมีอีกหลายคน นักรบ แทนไท และอีกหลายคน
ไม่ได้มีเพื่อนแค่ไอ้ก๋วยเตี๋ยวเมื่อไหร่
และการไม่บอกเรื่องนุ่มนิ่มตอนนี้น่าจะเป็นทางที่ปลอดภัยมากที่สุด ไม่งั้นโดนล้อจนยับแน่นอน จินตนาการออกมั้ยเด็กผู้ชายโรงเรียนชายล้วนไม่เคยปราณีปราศรัยเวลามีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นหรอก
@K tutor
ทะเลไม่ได้จดจ่ออยู่กับโจทย์เคมีตรงหน้าสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่นั่งจ้องนาฬิกาโรเล็กซ์ที่ข้อมือว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกเรียน มันนับถอยหลังจนเหลืออีกแค่สิบนาที สิบนาทีเท่านั้น ช่วงเวลาที่รอคอยกำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว แผ่นหลังของผู้ชายที่นั่งมองยังคงสงบนิ่งและไม่ได้ทำอะไรนอกจากมองไปที่กระดานหน้าห้อง วันนี้คนตัวขาวรวมเสื้อกันหนาวของ givongchy สีขาวสปริงคอลเล็กชั่นเมื่อปีที่แล้ว และนั่นยิ่งทำให้เขาโดดเด่นสู่สายตาของทุกคนที่นี่ แต่คิมหันต์ไม่เคยรู้ตัวเอาเสียเลย
“น้องทะเลคะ CH3COOCH3 อ่านว่าอะไรนะคะ” ครูอุ้มเรียกชื่อและพลางเขียนโจทย์บนกระดานไปด้วย
“ครับ” ฉิบหายแล้วมาเรียนได้ 2 คาบ โดนเรียกเฉยเลย แล้วทำไมครูอุ้มจำชื่อนักเรียนเก่งนัก
“เอ่อ เมทิลเอทาโนเอต ครับ”
“เรายังเรียนไปไม่ถึงเลยนะคะ” ทั้งห้องเงียบกริบทันที
“...”
“นาฬิกาไม่หายหรอกเนอะ มองมาที่ครูบ้างก็ได้ค่ะ” เธอพูดจบแล้วยิ้มหวานให้ที
คนในห้องมองมาที่ทะเลเป็นสายตาเดียว รู้เลยว่าเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ครูอุ้มสอนเลยสักนิด โป๊ะแตกเพราะดันตอบโจทย์ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนได้ทั้งที่คนหน้าห้องยังสอนไม่ถึง ทำไงก็มันจำได้เอง เคยอ่านผ่าน ๆ ที่ไหนสักที่เนี่ยแหละ จู่ ๆ สายตาก็ปะทะเข้ากับดวงตากลมโตที่เอี้ยวตัวมามองผม เขายิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะหันกลับไป
เพราะคุณเลยนุ่มนิ่ม
เลิกเรียนทะเลยืนรอที่หน้าประตูทางออก ไลน์ไปบอกคนที่นัดเจอว่าจะรอตรงนี้ เขาอ่านแล้วส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับมา รอไม่นานเขาก็เดินออกมา แล้วโบกมือลาเพื่อนที่เจอกันครั้งที่แล้ว สงสัยว่าทำไมเขาไม่ชวนเพื่อนไปด้วย จะไปกันแค่สองคนจริง ๆ หรอ ไม่ค่อยปลอดภัยเอาเสียเลย
หมายถึงไม่ปลอดภัยสำหรับใจเท่าไหร่
“ดีทะเล”
“ดีคิม”
เรายกมือทักทายกันแบบที่คิดว่าเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่มีเก้กัง เงอะงะ หรือตื่นเต้นเลยสักนิด ไม่มีเลย...
“พอดีเราหิวข้าว ไปหาร้านกินข้าวแล้วคุยได้เปล่า” เขาเอ่ยปากชวนก่อน เราเดินขนาบข้างกันไปยังห้างที่คุ้นเคย
“อ่อได้ดิ เราไม่รีบไปไหน”
“ดีล!”
คิมหันต์เดินขึ้นบันไดห้างไปยังชั้นที่มีร้านอาหารขาย เขาเดินดุ่มเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งที่คนไม่เยอะมาก สงสัยคงหิวจริง ๆ อย่างที่ว่าสังเกตเห็นว่าเขาอ่านแจ้งเตือนจากหน้าจอมือถือแล้วส่ายหัวเบา ๆ แต่กลับไม่กดเข้าไปอ่าน นิสัยเหมือนกันเลย
“อะนี่ คืนให้” หลังจากได้โต๊ะคนตงข้ามก็รีบเปิดกระเป๋าแล้วหยิบสมุดโดนัลดักสีเหลืองคืนให้ พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ “ทำไมถึงซื้อลายนี้ทัน ตอนนั้นเราเข้าไปในเว็บก็หมดแล้ว”
“สมุดนี่หรอ ตอนนั้นเราอยู่ญี่ปุ่นพอดี เลยหาไม่ยากเท่าไหร่” ไม่คิดว่าเขาจะชอบเป็ดเสียงน่าเกลียดเหมือนกัน
“คือ...เรื่องที่เราจะคุยน่ะ”
“คุณลูกค้ารับอะไรดีคะ”
เรามองหน้ากันทันทีที่ได้ยินเสียงบริกรสาวมารับออเดอร์ “สั่งข้าวก่อนก็ได้ เราไม่รีบ”
คิมหันต์พยักหน้าแล้วสั่งอาหารที่อยากกิน ทะเลเองก็ด้วย คงไม่หิ้วท้องกลับไปกินที่บ้าน
“ไม่รู้ว่าจะกินด้วยอะ เลยไม่ได้ถามว่ากินอะไร”
“ไม่เป็นไร กินได้”
คิมหันต์ขบริมฝีปากก่อนจะยกมือขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วกุมไว้หลวม ๆ “คือเราขอโทษนะที่เสียมารยาท”
“แค่ไม่ถามว่ากินข้าวหรือเปล่าไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น คือ...เราเปิดดูสมุดของทะเลอะ” คนตรงหน้ายกมือไหว้เหมือนอยากจะขอโทษจริง ๆ จนแอบตกใจ ยกมือไหว้คนรุ่นเดียวกันเพื่อที่จะขอโทษ อยากจะขำก็ขำ แต่ก็เอ็นดูมากกว่า
“ไม่ต้องไหว้ ไม่เป็นไร” ทะเลยกมือปัดป่าย
“คือมันเป็นไรแน่ ๆ เพราะเราดูหมดเลยอะ”
“ห้ะ!” ทะเลถึงกับต้องอุทาน เพราะหน้าท้าย ๆ มันมีชื่อของเขาและลายเส้นห่วย ๆ ที่วาดรูปเขาไว้ด้วย
“เราขอโทษ ขอโทษจริง ๆ นะ”
“มะ ไม่ ๆ แล้ว เห็นอะไรบ้าง” พยายามควบคุมน้ำเสียงให้ดูปกติที่สุด แต่มันยากเพราะถ้าเขารู้เขาอาจจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ คิดดูว่ามีคนวาดรูปตัวเองให้หนังสือเลคเชอร์ คือโคตรโรคจิต
“ก็คลังขุมทรัพย์ เฮ้ย ไม่ใช่ ๆ หมายถึงคลังความรู้”
“...” ทะเลคล้ายจะเป็นใบเพราะไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไง ขุมทรัพย์...อะไร?
“ทะเล ติวให้เราได้มั้ย!”
มีต่อ
SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 3
ร้อนติวเตอร์
[/size]
วันเสาร์ที่รอคอยก็มาถึง คิมหันต์นัดแนะทะเลเรียบร้อย ไม่กี่วันก่อนติวเตอร์เฉพาะกิจไลน์มาถามว่าอยากให้ติววิชาไหนเป็นพิเศษ เขาจะได้เตรียมตัว และหาข้อสอบมาให้ลองทำดู คนเก่งเป็นแบบนี้นี่เอง ทำไมนะทำไมไม่ตั้งใจเรียนตั้งแต่เนิ่น ๆ
แต่ถ้าให้ย้อนกลับไป เชื่อไหมว่าก็คงทำแบบเดิมอยู่ดี
มีความเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วมันดีเสมอ
และคิมหันต์ก็เลือกแล้ว
“คิมมึงแน่ใจนะว่าไม่เป็นไร”
“เออกู...ก็ไม่รู้”
ไม่ได้บอกทะเลหรอกว่าเมธาวินจะขอมาติวด้วย แต่คงไม่ใช่ทุกวีค เพราะเพื่อนตัวดีคงโดดเรียนมาไม่ได้ตลอด ไม่งั้นโรงเรียนสอนพิเศษยกหูโทรไปหาหม่อมแม่แน่ ๆ เห็นเพื่อนคนนี้เซ่อ ๆ ซ่า ๆ ก็มีแม่เป็นถึงหม่อมหลวงนะแต่เพราะพ่อไม่ได้มีเชื้อเจ้า ก็เลยได้เป็นแค่นายเมธาวินเท่านั้น
ส่วนนายคิมหันต์กำลังเหงื่อตกเพราะกำลังเดินเข้าไปใกล้จุดหมายปลายทางที่นัดทะเลไว้ทุกที นอกจากจะเสียมารยาทเปิดดูสมุดเขาแล้ว ขอร้องให้เขาติวให้ด้วยท่าทางประหลาด แถมยังกล้าพาเพื่อนมาด้วยทั้งที่ไม่แม้แต่ปริปากบอกสักคำ
“เฮ้อ”
“น้องคิมมึงอย่าถอนหายใจแบบนี้ กูใจไม่ดี ทะเลจะต่อยกูมั้ยวะ”
“เงียบมิว เงียบ!”
“ไอ้คิม! ไอ้มิว!”
ราเชนทร์ตะโกนทักเขาเสียงดังลั่น…จบกัน คนจังหวะนรก
“มาทำไรที่นี่ มาติวหรอ กับคณะไหนวะ”
สายตาของคิมหันต์มองผ่านไปยังใต้คณะตามที่ทะเลบอก สังเกตเห็นแผ่นหลังกว้างของผู้ชายนั่งหันหลังทางมาทางนี้ และเพราะเสียงดังของราเชนทร์ทำให้เขาหันมาเห็นเหตุการณ์นี้พอดิบพอดี
“พอดีมาให้ทะเลติวอะ”
ยกมือทักทายคนตัวสูงที่กำลังเดินออกจากโต๊ะที่เขานั่ง เมธาวินก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่หน้าแหยเหมือนทำความผิดแล้ววิ่งหนีไม้เรียวแม่ออกมาจากบ้าน
“เออพวกมึงนี่น้องที่โรงเรียนกู” คนถูกแนะนำตัวยกมือไหว้พี่ ๆ ประมาณ 5 คนที่นั่งล้อมวงกันทำอะไรสักอย่าง กระดาษลังและอุปกรณ์รายล้อมจนแทบไม่มีที่นั่ง พอมองไปโต๊ะอื่น ๆ ก็มีคนจับจองและมีสภาพไม่ต่างกัน
“พี่เต พี่พราว พี่น้อยหนึ่ง พี่คุณ และนั่นพี่สายลม พี่ไอ้ทะเลมัน”
“น้องหรอที่ทะเลจะติวให้ ลำบากหน่อยนะมันเรียนเก่งแต่สอนคนอื่นไม่ได้เรื่องหรอก”
“ลมเงียบน่า”
ทะเลในชุดเสื้อแขนยาวสีกรมลายมิกกี้เมาส์ที่คิมหันต์เองก็มีเหมือนกันอีกแล้ว เป็นคอลเล็กชั่นซาร่าที่ชอบมากจนซื้อมาทุกแบบเลย คนตัวโตก็คงชอบดิสนีย์เหมือนกันสินะ
“คือทะเล พอดีถ้ามีเพื่อนเราอีกคนมาติวด้วยได้หรือเปล่า มันไม่ได้มาบ่อยหรอก...นะ” เจ้าของลักยิ้มเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ
“สวัสดี จำเราได้มั้ย” เมธาวินยกมือทักทายทะเลอีกครั้ง
“ได้ดิ แต่ไม่ได้ปริ้นท์ชีทมาเผื่อนะ เดี๋ยวดูในไอแพดก็ได้”
“จริงหรอ ได้จริง ๆ หรอ!” เพื่อนหัวเกรียนดีใจจนออกนอกหน้า ทะเลยิ้มมุมปากกับอาการบ้าบอและโอเวอร์ของคนประสาทเสียคนนี้ คิมหันต์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทะเลใจดีกว่าที่คิดไว้เยอะเหมือนกัน แม้ภายนอกเขาจะดูเป็นคนนิ่ง ๆ และไม่ใช่คนช่างพูดสักเท่าไหร่
“แพทหนึ่งปีนี้น่าจะออกเรื่องนี้เยอะ เพราะจากที่ไปดูข้อสอบเก่า ๆ ย้อนหลังแล้วเขาจนวนออกเรื่องตามหลักสูตร”
“...”
“...”
“ทำไมมองแบบนั้น?”
“คะ คือนาย เอ่อ ทะเลอ่านข้อสอบแพทย้อนหลังหมดเลยหรอ”
เมธาวินอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่ต่างจากคิมหันต์เท่าไหร่ คนอะไรจะย้อนไปอ่านข้อสอบทั้งหมด แถมยังวิเคราะห์ได้อีกว่าจะออกอะไร คือต้องทำสถิติเลยนะนั่น
“มึงกูก็ได้ไม่ติดหรอก กระดากปากเหมือนกัน” ทะเลพูดขึ้น เขาคงอึดอัดไม่ต่างจากเพื่อนที่นั่งถัดไปเท่าไหร่
“เฮ้ย เกรงใจน่า”
“มึงอึดอัดมิวกูรู้”
“แฮะ ๆ เออก็ได้ กูอึดอัดจะตายห่าละเนี่ย แต่ที่มึงบอกคือยังไงนะ มึงไปดูข้อสอบมาหมดแล้วหรอวะ แล้วคือทำสถิติไว้หรอ”
“...” คิมหันต์เองไม่รู้จะพูดอะไร กำลังทึ่งกับสิ่งที่คาดคิดว่าทะเลทำแบบนั้นได้จริง ๆ คงไม่ใช่คน กำลังคุยอยู่กับลูกหลานไอน์สไตล์หรือไง
“ใครจะว่างขนาดนั้น มาสเซอร์ฝึกสอนบอกมา ตอนแรกก็ไม่เชื่อแต่ลองไปรื้อข้อสอบเก่า ๆ มาดูก็เป็นงั้น” นี่คงเป็นประโยคยาวที่สุดที่คนตรงหน้าพูดให้ได้ยิน คงไม่อยากให้เข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“อ๋อออออ” คิมหันต์และเมธาวินถึงบางอ้อ
ค่อยโล่งใจที่ไม่ได้คุยอัจฉริยะ ไม่งั้นคงดูโง่มากกว่านี้ ทั้งที่ก็โง่ปกติอยู่แล้ว
“ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก”
“ฮ่า ๆ พอทะเลพูดงี้กูยิ่งดูเป็นขี้ว่ะ เชื่อป่ะที่มึงพูดมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วอะ จำได้แค่ว่าเรียนแล้ว แต่ไม่เคยเข้าใจอะไรสักอย่างเลย” เมธาวินมองทะเลด้วยดวงตาเปล่งประกาย ตอนนี้ทะเลไม่ต่างจากพระเจ้า คล้ายกับเห็นแสงมะลังมะเลืองเป็นลำแสงราศีพุ่งออกมาจากตัวของทะเล อีกนิดน่าจะลงไปกราบ
แต่ยอมรับเลยว่าทะเลนอกจากจะเป็นคนรับความรู้ที่ดีแล้ว ยังเป็นคนถ่ายทอดได้ดีอีกต่างด้วย โจทย์ที่เขาหามาให้มันไม่ได้ง่ายหรือยากจนเกินไป ทริคต่าง ๆ ที่บอกแม้มันอาจจะงงช่วงแรก แต่พอเขาลองแก้โจทย์ให้ดูก็กลับเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยตลอดชีวิตการเรียนของคิมหันต์
น่าแปลกใจเหมือนกัน
อาจจะเป็นเรื่องการไว้วางใจหรืออะไรไม่แน่ใจ แต่พอมันเป็นคนที่เราคิดว่าเขาไม่ได้มีศักดิ์หรือเกียรติที่มากกว่าเรา แม้จะมีภูมิที่เราเอื้อมไม่ถึง แต่เขาไม่เคยยกตนเหนือคิมหันต์และเพื่อนข้าง ๆ เลยสักคำที่ถ่ายทอดออกมา มันทำลายกำแพงอะไรบางอย่างในใจสลายสิ้นไปหมด
ภูเขาเอเวอร์เรสที่ไม่เคยคิดจะปีนขึ้นไป วันนี้มองเห็นยอดเขาแล้วไม่ถอดใจเหมือนที่เคยแล้ว
“วันนี้มิวไม่ได้มานะ” นี่ก็สัปดาห์ที่สามแล้วตั้งแต่ที่ติวมา เมธาวินอยากมาด้วยใจจะขาดแต่ดันขาดเรียนฟิสิกส์ไปสองคาบแล้ว ถ้าขาดติดต่อกันอีกคาบโรงเรียนคงโทรไปหาหม่อมแม่แน่ การลาโดยบอกว่าไม่สบายสามสัปดาห์ก็คงเหลือแค่มะเร็ง
“ครับ เริ่มเลยมั้ย” ทะเลหยิบชีทออกจากกระเป๋าเป้สีน้ำเงินสด วันนี้เขาใส่เสื้อยืดลายไดโนเสาร์จากทอยสตอรี่ คิมหันเริ่มสงสัยว่าคนตัวโตตรงหน้ามีเสื้อลายการ์ตูนดิสนีย์กี่ตัว อย่าว่าแต่ทะเลวันนี้ตัวเองก็ใส่เสื้อลายดัมโบ้
“นี่...ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมไม่ใช่กูมึงกับเราเหมือนที่ใช้กับมิวอะ” ตอนแรกก็ว่าจะเพิกเฉย แต่มันก็ตะขิดตะขวงใจอยู่นั่น
“ทำไมล่ะ”
“ก็ไม่รู้สิ มันดูเราไม่สนิทกันมั้ง”
“คืออยากสนิทกันหรอ”
“แล้วทำไมเราจะต้องไม่สนิทกันอะ”
ทะเลอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเลื่อนชีทที่จะเรียนวันนี้มาให้ ก่อนจะเปิดไอแพดให้ตัวเองและลูกศิษย์ในนามดูไปด้วย วันนี้จะมาว่าด้วยเรื่องของชีววิทยา ซึ่งเป็นวิชาที่คิดว่าถนัดที่สุดในบรรดาวิทย์ทั้งหมด เพราะไม่มีตัวเลขใช้ความจำล้วน ๆ เลยพอจะเข้าใจอยู่บ้าง แต่พอเรียนมาสามปีมันก็เลยหลงลืมไปเยอะ ทะเลเลยหาข้อสอบยาก ๆ ที่ออกบ่อย ๆ มาให้
ว่าแต่ลืมเรื่องกูมึงอะไรนั่นไปก่อนแล้วกัน ปลุกพลังสมองสักหน่อย สู้มัน!
---------------------------------
นักเรียนของทะเลพึมพำกับตัวเองในขณะกาข้อสอบที่หามาให้ เขาคงกำลังสับสนว่าข้อนี้ควรจะตอบอะไร เพราะมันก็ดูเหมือนจะถูกไปหมดเลย “ถ้าไม่แน่ใจทำข้ออื่นก่อนดีกว่า มันน่าจะเสียเวลา”
“อ่อ อื้อ”
เชื่อฟังดีมาก ๆ
การเจอกันอาทิตย์ที่สามพัฒนาไปมาก พัฒนาในทีนี้คือไม่มีมานั่งประหม่า เงอะงะ มีพิรุธอะไรอีกต่อไป ทะเลคนคูลกลับมาแล้ว
ทะเลคิดว่าตัวเองสามารถรับมือกับตาโต ๆ ที่มองมาอย่างใจจ่อใจจ่อกับสิ่งที่พูด...ไม่หลบสายตาคู่นี้อีกแล้ว
ไม่ชักมือหนีตอนที่เราสัมผัสตัวกันเล็ก ๆ น้อยบนโต๊ะคับแคบตัวนี้
ยิ้มรับกับอาการงอแงของคิมหันต์ที่ไม่เข้าใจกับสิ่งที่พยายามจะบอก
และรู้สึกว่ามีภูมิต้านทานรอยยิ้มกว้างเวลาที่เขาทำโจทย์ถูก
แม้มันจะน่ารักเท่าโลกเหมือนเดิม และเพิ่มพูนในความรู้สึกมากขึ้น แต่จะไม่ทำให้เขาอึดอัดเวลาที่ต้องมาเจอกัน
การค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปน่าจะเหมาะมากกว่า
คิมหันต์และเมธาวินไม่ใช่เป็นคนที่โง่แบบที่พวกเขาชอบบอกตัวเอง เพียงแต่จับประเด็นเรื่องที่เรียนหรือ main idea ของแต่ละเรื่องไม่ได้ ทีนี้มันเลยตีสลับกันมั่วไปหมด พอได้ทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาก็เข้าใจทำโจทย์ได้เกือบทั้งหมดเลย การไปเรียนพิเศษ ครูที่หน้าห้องหรือในวิดีโอไม่ได้มารู้หรอกว่าเด็กแต่ละคนเข้าใจมาแบบไหน ก็เลยคิดว่าเด็กทุกคนเข้าใจในแบบที่ตัวเองสอนได้หมด ทั้งที่จริง ๆ ไม่ใช่เลย พ่อแม่ที่ส่งไปเรียนก็ไม่ได้มารับรู้หรอกว่าเงินที่จ่ายไปไม่ได้คุ้มค่าขนาดนั้น
แล้วคิดดูเด็ก ๆ ที่เขาไม่ได้มีโอกาสสิ ว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน
นี่แหละปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบการศึกษาไทย
จ๊อกก จ๊อกกก
“อ่า โทษทีเรายังไม่ได้กินข้าวกลางวัน พอดีมัวแต่แวะไปซื้อสมุดเล่มใหม่เลยกลัวมาไม่ทัน”
“ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้น ถ้าจะมาสายก็ไลน์มาบอกได้”
“ที่นี่มีเซเว่นมั้ย เดี๋ยวเราไปซื้ออะไรเร็ว ๆ แล้วจะรีบมานะ”
“ไปกินข้าวดี ๆ ที่ร้านอาหารใต้หอในก็มี”
“มันช้าไง เดี๋ยวเราไปแป๊บเดียวนะ”
คิมหันต์คว้ากระเป๋าสตางค์และมือถือเตรียมจะรีบลุกเดินออกไปอย่างที่เขาบอก ทะเลเลยคว้าข้อมือขาวไว้แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมถือกระเป๋าสตางค์เหมือนกัน “ป่ะ ไปกินข้าว”
ทะเลลากแขนคนหิวข้าวออกมาผ่านโต๊ะที่พี่ชายนั่งอยู่ แต่แล้วก็จำใจปล่อยเพราะพี่ชายตัวดีกำลังมองมาทางนี้อย่างจับผิด ตาคมหรี่มองอย่างกับทำอะไรไม่ดี ทั้งที่มันก็ไม่ได้มีอะไร เกลียดที่มันรู้ทัน
“ทะเลจะผ่านเซเว่นมั้ย กูฝากซื้อนมชมพูหน่อยสิ”
“มันมีขายด้วยหรอวะ”
“อ้าวมึงไม่ได้มองเห็นนมสีขาวเป็นสีชมพูแล้วหรอวะ”
“กวนตีน”
ดีที่วันนี้ราเชนทร์ไม่ได้มาไม่งั้นได้ลูกคู่อีกคน ยิ่งเป็นคนขี้เผือกด้วยแล้ว อีกอย่างดูสนิทกับคิมหันต์พอสมควร ไม่รู้ว่าถ้าเคลือบแคลงจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ อาจจะไม่ได้รู้สึกดีก็ได้ เรื่องนี้ไม่ได้ปกติเลยสักนิด
“ถามอะไรหน่อยสิ”
คิมหันต์เอียงคอ พร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย “คือปกติจะเป็นเราที่ถามทะเล แต่วันนี้ทะเลถามเราแฮะ”
“แปลกอีกแล้วหรอ”
“ไม่ใช่ ๆ ถามได้”
“ทำไมถึงใช้ชื่อไลน์ว่าซัมเมอร์”
“อ๋อออ คำถามนี้เอง ตอบบ่อยแต่ก็อยากตอบนะ ชอบ”
“...”
“คิม มาจากคิมหันต์ แปลว่าฤดูร้อนไง จริง ๆ เราอยากชื่อเล่นว่าซัมเมอร์แต่แม่บอกว่ามันมีตัวกาลกิณีไม่เหมาะที่จะเอามาตั้งชื่อเราอะ ก็เลยเอามาใช้เป็นชื่อในไลน์แทน จริง ๆ ก็ใช้ชื่อนี้ทุกชื่อในโซเชียลเลยนะ”
“มีที่มา”
“มาแลกไอจีกันมั้ย เดี๋ยวเราฟอลทะเลไปก็ได้ ชื่ออะไรหรอ”
ทะเลเหงื่อตก ถ้าคนตรงเห็นไอจีเขาต้องรู้สิว่าทางนี้ฟอลเขาอยู่แล้ว เพราะดันตั้งไอจี privated
“เดี๋ยวฟอลไป” รีบกดมือถือแล้วอันฟอลคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว กดออกมาหน้าเสิร์จชื่อไอจีแล้วยื่นให้เขา
“ทะเลรู้จักไอจีเราอยู่แล้วนี่ ตรงช่องเสิร์จมันขึ้นชื่อเราอะ”
ฉิบหาย....ตอนนี้ใจเต้นไม่เป็นระส่ำเลย เพราะแอบส่องไอจีเขาทุกวัน ดูรูปเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ดูสตอรี่ที่เขาทำเป็นไฮไลท์วนไปวนมา แถมยังมีไอจีตัวเองกดไลก์เขาแทบทุกรูปอีกต่าง ไม่เนียน ถ้าโกหกต่อต้องเป็นการโกหกต่อไปเรื่อย ๆ แน่นอน
“ฟอลไอจีมาสักพักแล้ว...คิมเป็นคนดังนะ...” พยายามพูดแบบให้เป็นธรรมชาติ ดูปกติที่สุด พลางพลิกเมนูร้านอาหารไปด้วย ทั้งที่สายตาไม่ได้จับจดที่ตัวหนังสือแม้แต่นิด
“คนดัง?” เขาทำหน้างงหนัก เพราะในรุ่นเดียวกันก็มีผู้ชายที่มียอด followers ประมาณนี้นับไม่ถ้วน ไม่รู้จะแถไปทางไหน เพราะน่าจะโป๊ะไปซะหมด
“แล้วทำไมอันฟอลแล้วล่ะ”
“มันจะแปลกมั้ยที่ฟอลไอจีคิม แล้วทำเป็นไม่รู้จัก”
“ก็อืมมม แปลกล่ะมั้ง แต่ไม่เป็นไรต่อไปนี้เราก็ฟอลไอจีกัน แบบที่รู้จักกันจริง ๆ”
ทะเลพยักหน้ารับ แล้วรับมือถือคืนมาพร้อมกดฟอลโล่วคนที่กำลังยิ้มตาหยีเหมือนเดิม ทำไมเป็นคนที่คิดอะไรไม่ซับซ้อนแบบนี้นะ ก็เพราะเขาเป็นคนดีไง ถ้าวันหนึ่งรู้เขาคงโดนมองไม่ต่างจากสโตกเกอร์
“สั่งอาหารด้วยค้าบบบ”
คิมหันต์ทำลายบรรยากาศชวนอึดอัด ด้วยการสั่งอาหารง่าย ๆ อย่างข้าวผัด และนักเก็ตไก่ทอด ทะลเองก็สั่งคะน้าหมูมานั่งกินเป็นเพื่อน ทั้งที่กินข้าวไปแล้วเมื่อกลางวัน แต่ถ้าไม่กินด้วยก็คงรีบกินตามนิสัยขี้เกรงใจ จากสังเกต คิมหันต์ชอบซื้อของหรืออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือมาให้เสมอ อย่างวันนี้ก็ซื้อเคสแอร์พอดมาให้ เพราะเห็นอันที่ใช้อยู่ดำเป็นถ่าน
“ไม่กินผัก?”
“ไม่กินบางอย่างน่ะ จริง ๆ กินได้แค่บางอย่างจะดีกว่า” คนที่กำลงเขี่ยผักออกจากจานยักไหล่ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง ๆ โตไปเด็กหลายคนก็ผักได้เอง
“ตักมาดิ เรากิน” เหมือนที่อยู่ ๆ ทะเลก็ชอบกินผักในวัยสิบแปดขึ้นมาเฉย
“ไม่รังเกียจใช่มั้ยเนี่ย”
“ต่อไปนี้ถ้าไม่กินผักก็ตักมา”
คนตัวขาวอมยิ้มแล้วค่อย ๆ ตักนานาผักที่เขี่ยไว้ข้างจานใส่จานของคนที่อาสากินมันเอง
“นี่...จริง ๆ แล้วเราก็ไม่ค่อยถนัดที่จะใช้เรา ๆ อะไรแบบนี้เท่าไหร่หรอก” ทะเลเปิดประเด็น เพราะอยากให้รู้สึกว่าสนิทกันได้กว่านี้ ไม่ได้หวังสูงอะไรหรอก แค่ได้เป็นเพื่อนกับเขาก็ดีมากแล้ว
ที่สำคัญไม่รู้เลยด้วยว่าเขาจะสามารถชอบกันได้ในแบบที่ผู้ชายสองคนรู้สึกเหมือนกัน
ถ้าสุดท้ายแล้วมันเป็นไปไม่ได้
เป็นเพื่อนก็ยังดีไม่ใช่หรอ
“ก็ว่าอยู่นะ โรงเรียนชายล้วนปลูกฝังอะไรให้เราเยอะแยะเลยแหละ ตามสบายเลยนะจริง ๆ เราไงก็ได้อะ”
“โอเคแน่นะ”
เขายักไหล่เล็กน้อยแล้วตักข้าวเข้าปากไปเรื่อย ๆ เหมือนมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร จริง ๆ มันควรจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือไง เหมือนกับเพื่อนของเขา
แต่เพราะอะไรไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง
ว่าลึก ๆ เขาจะรู้ว่านี่คือความพิเศษที่อยากให้เขารับไว้
มีต่อ
SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 4
ทะเลไม่เคยบอกอะไร
หลังจากที่เราเฟซไทม์กันครั้งแรก และมันก็มีอีกหลายครั้งตามมา คิมหันต์เกรงใจเพราะไม่อยากกวนเวลาพักผ่อน แต่แน่นอนการได้เห็นหน้าเขาก่อนนอนมันยิ่งกว่าการได้ไปนอนตากอากาศบนยอดเขาที่ดอยซะอีก
ไม่ใช่แค่เฟซไทม์แต่เรายังมีพูดคุยถามเรื่องทั่วไปกันในทุกวัน
‘กินข้าวหรือยัง
วันนี้กว่าจะได้พักเที่ยง
ห้องสมุดเหม็นกลิ่นถุงเท้าอีกแล้ว
มาสเซอร์สอนสังคมพูดเหมือนยุงเลย
วันหลังมากินร้านนี้ดิอร่อยดี’
กลายเป็นเราแชร์หลายเรื่องในชีวิตประจำวันกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ถ้าหวังให้มันไปได้ไกลกว่านี้ได้หรือเปล่านะ
หรือนี่ก็แค่เรื่องปกติที่ใครก็ทำกัน
“เฮ้ยทะเล ประชุมสภาพรุ่งนี้มึงห้ามโดดนะเว้ย ครั้งสุดท้ายก่อนส่งงานให้น้องแล้ว” พิภพประธานสภานักเรียนของปีที่แล้วตะโกนดังเข้ามาให้สนามบอล
“เออไม่เบี้ยวหรอกน่า กูอยากให้น้องมารับตำแหน่งวันนี้ด้วยซ้ำ” ทะเลตะโกนบอกกลับไป ก่อนคนฟังจะยกมือให้แล้วเดินสะพายกระเป๋าออกจากโรงเรียน
“ไงวันนี้เป๋เลยไอ้ห่า ก็บอกแล้วอย่าทุ่มเทไม่ได้ไปแข่ง ไอ้ห่าเล่นแถแถดเลย”
“แพลงเฉย ๆ น่ากูไม่เป็นไร”
นักรบกัปตันทีมพูดขึ้นหลังจากทำหน้าตาสมเพสปนสงสารทีไปที ก็เล่นเอาตัวเองไถสนามเพราะจะรีบจะเข้าไปทำประตู แต่หญ้าตรงนั้นไม่เรียบก็เลยเจ็บที่ข้อเท้า ตอนแรกคิดว่าไม่หนักมาก แต่ตอนนี้เริ่มปวด กนกกรที่เอาน้ำแข็งมาประคบให้ก็ยังไม่ได้รู้สึกดีขึ้นัก
ก๋วยเตี๋ยวไม่ได้เป็นนักฟุตบอลหรอกสบายใจได้ เขาไม่ถนัดเล่นกีฬาอะไรทั้งนั้น ที่มานั่งเจ๋อในสนามเพราะมารอพี่เจมารับต่างหาก
เหม็นความรักว่ะ
“เห้ยนั่นพี่นนท์ป่ะวะ” แทนไทที่นั่งเป็นหมาหอบแหกใต้สแตนด์ชี้โบ้ชี้เบ้ออกไปที่ลานจอดรถมาสเซอร์ในโรงเรียน
“พี่นนท์ไหนวะ” เป็นคนขาเจ็บถามขึ้น เพราะไม่คุ้นหน้าคนที่ใส่ชุดนักศึกษาปลดกระดุมสามเม็ด และใบหน้าหล่อจัดคนนี้เอาซะเลย
“เออกูไม่แปลกที่มึงจะไม่รู้จัก เขาเคยเรียนที่นี่แหละ แต่ย้ายไปตอนมอปลายเพราะได้ทุนไฮสคูลที่อังกฤษอะไรนี่แหละ กลับมาแล้วหรอวะ เหี้ยหล่อฉิบหาย เห้ยละนั่นพี่เอยป่ะ ดาวแมรี่อะ” ทะเลไม่รู้จักเพราะเข้ามาเรียนที่นี่ตอนมอปลาย
“เชี่ยยย คนหล่อสวยนี่โลกเขาดึงดูดกันหรือไงวะ พี่เอยโคตรสวย หัวใจนะครับ” แทนไทแทบจะเลื้อยกับหญ้าสนามให้กับผู้หญิงผมยาวถึงกลางหลัง ดัดลอนธรรมชาติ และใบหน้าสวยหยาดหยด พี่นนท์ประคองแผ่นหลังของเธอก่อนจะเปิดประตูออดี้ให้ขึ้นไปนั่ง
“เขามาทำไรวะ” นักรบถามขึ้นแทนใจผม
“มาหาลุงเขามั้ง มาสเซอร์ณรงค์”
“สัส นั่นผอ.มั้ย”
โปรไฟล์ดีขนาดนี้ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ทุกคนจำได้ ทะเลไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะคนนวดมันเอาแต่มองนาฬิกาข้อมือ ว่าทำไมคนที่จะมารับไม่โทรมาสักที เลยแอบกรอกตาให้มันเป็นที
—————————————-
“ทำไมเดินเป๋ ๆ อะ” เวลาสามทุ่มตรงของทุกวันกลายเป็นรูทีนของชีวิตประจำวันไปเสียแล้วที่จะต้องได้รับสายเฟซไทม์จากทะเล หรือบางครั้งก็เป็นตัวเองที่โทรไป
[Sea : เตะบอลวันนี้อะดิ ลื่น ไถแถด ๆ เลย]
“ฮ่า ๆ เจ็บมั้ยล่ะนั่น”
[Sea : ไกลหัวใจว่ะ สบายมาก เดี๋ยวก็หายช่วงนี้ก็โดนล้อว่าเป๋ไปก่อน]
“เห้ย กูไม่ได้ล้อซะหน่อย”
[Sea : เอาเลยครับย้ำยีกันให้พอ]
“เว่อร์ ๆ เมื่อไหร่จะเช็ดผมเสร็จอะ อยากรู้เรื่องที่ถามไว้เมื่อกลางวัน”
[Sea : ใจเย็นดิ ไม่เกรงใจกันแล้วหรือไงวะช่วงนี้]
“ไม่ละ เพราะทะเลบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ ฮ่า ๆ ๆ”
จะว่าไปนี่ก็เกือบเดือนแล้วเหมือนกันตั้งแต่วันที่เริ่มกิจวัตรนี้ แรก ๆ ก็มีเขิน กันบ้างที่เด็กผู้ชายตัวโตสองคนต้องมามองหน้าตากันผ่านจอคอมพิวเตอร์
แต่ตอนนี้ดันเริ่มรู้สึกว่าวันไหนถ้าไม่ได้ทำก็คงรู้สึกแปลก ๆ
แต่มันเป็นความแปลกที่มีความหมายนะ
ความรู้สึกที่มันค่อย ๆ เกิดขึ้น
ทำไมจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ไม่ใช่เด็กอนุบาลที่จะต้องมานั่งอธิบายทุกการกระทำเหล่านี้ เพียงแต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะพูดหรือแสดงออกไปได้ง่ายขนาดนั้น
ไม่ใช่หรือไง
[Sea : พอจะเข้าใจมั้ยวะ คือเรื่องนี้กูก็ว่ามันยากถ้าพื้นฐานแกรมมาร์ยังไม่แน่นพอ]
“ที่อังกฤษข้อสอบยังไม่ยากขนาดนี้เลยเหอะ”
[Sea : ก็นี่คนออกข้อสอบเขาไม่ได้วัดภูมิเด็ก เขาวัดภูมิครูด้วยกัน]
“ร้ายว่ะ”
ทะเลเป็นคนสุภาพพอสมควร เขาจะใช้คำหยาบแค่กับเพื่อนหรือคนสนิท พอพูดถึงเรื่องอื่น เช่น การสอบหรือการเมือง เขาจะกลายเป็นคนสุภาพที่พูดตรงแต่เจ็บแสบที่สุด เราเคยนั่งคุยเรื่องปัญหาการศึกษาไทยกันได้เป็นชั่วโมง เพราะเราทั้งคู่เคยไปแลกเปลี่ยนกับประเทศที่เจริญแล้ว ที่นู้นกลับมองการศึกษาไม่เหมือนบ้านเรา
อย่างน้อย ๆ ก็ไม่เหลื่อมล้ำขนาดที่ค่าสอบเข้ามหาลัยแพงจนเด็กที่ไม่มีโอกาสอยู่แล้ว กลับโดนตัดโอกาสทั้งที่ยังไม่ลงสนาม
ถ้าทะเลได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ไม่แน่ว่าการศึกษาไทยคงพัฒนาขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็คงดีกว่าตอนนี้
“จริงทั้งหมดแหละที่พูด ถ้าระบบมันดีกว่านี้ มึงก็ไม่ต้องขวนขวายขนาดนี้หรอกจริงป่ะ”
“จริงจ้าพ่อ นี่ถ้าเรื่องที่เราพูดออกสู่สาธารณะก็บอกลาชีวิตมหาวิทยาลัยเลยนะ นอนคุกแน่ ๆ”
“ประเทศแห่งความกลัว”
“พอแล้วจ้าพ่อ ฮ่า ๆ ๆ”
“ไปนอนเหอะ พรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิม”
“เฮ้ยจะบอกว่าพรุ่งนี้อะเรามีธุระแหละ เลยจะไปไม่ได้นะ”
“อ่อ ได้ ๆ โอเค แล้วจะเฟซไทม์มั้ย”
“เดี๋ยวบอกได้เปล่า ไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง”
“อ่าฮะ ได้เสมอครับคุณคิม”
“กวนตีนอีกละ ไปนอนละนะ กู๊ดไนท์”
“บาย ฝันดี”
ความรู้สึกเหมือนได้ละเลียดสายไหมในวัยเด็ก มันไม่มีอะไรนอกจากหวาน แต่เป็นหวานที่ได้ชิมเมื่อไหร่ก็ตื่นเต้น มันคือความสุขที่ไม่ว่าจะได้สัมผัสเมื่อไหร่ก็รู้สึกไม่ต่างจกครั้งแรกที่ได้ลอง และทะเลกำลังทำให้คิมหันต์รู้สึกแบบนั้น
ผู้ชายตัวโตผิวแทนจากการกรำแดดด้วยเพราะเล่นกีฬาหลายอย่างจากที่ฟังเขาเล่าเวลาพูดถึงกิจกรรมออกแรงที่เขาชอบ ดวงตาคมเป็นประกายขึ้นมาทุกครั้งที่ได้เอ่ยถึงมัน สันจมูกคมรับกับปากกระจับสีแดงเข้ม
การจดจำรายละเอียดของติวเตอร์จำเป็นได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องดีเอาเสีย
เพราะกำลังทำผิดอย่างมหันต์
ครืด ครืด
“ฮะโหยว”
(ไงเราจะนอนหรืยัง)
“ยังเยย ว่าจะโทรหาคุณพอดี”
(ให้มันจริงเหอะเด็กแสบ ผมเพิ่งกลับมาก็ไม่มีเวลาให้กันเลยสักวัน)
“พรุ่งนี้ไงงับ เดี๋ยวก็จะได้เจอกันแล้ว ให้เวลาคุณหมดเลย”
(เพราะมันเป็นของผมหมดตั้งนานอยู่แล้วครับ)
อยู่ ๆ ก็รู้สึกแปล๊บในอก หลังจากวางสายจากคนสำคัญ และเขาก็ยังเป็นมาตลอด ไม่เคยจะไม่รู้สึกกับคน ๆ นี้ ความลุ่มหลง คลั่งไคล้ และปลาบปลื้มให้เขายังคงชัดเจนมันไม่เคยเป็นอื่นเสมอมา ตั้งแต่วันนี้ที่เจ็บในอกก็เพราะมันกลับมีภาพอีกคนเลือนลางในห้วงความรู้สึก แม้มันจะคลุมเครือเหมือนหมอกยามเช้า แต่หลอกตัวเองไม่ได้เลยว่าไม่ใช่
ทำไมถึงเป็นคนไม่ดีแบบนี้คิมหันต์
ใจคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วเหมือนจิ้งจกเปลี่ยนสีได้ขนาดนั้นหรือไง เป็นไม่ได้หรอก ก็แค่จะต้องห้ามใจ อาจจะเป็นเพียงคลื่นความเหงาและโหยหาตัวแทนใครคนสำคัญ เป็นความมืดดำส่วนลึกในใจก็เท่านั้น ทางที่ดีคือต้องหาทางออกมา
และยุติมันให้ได้ก่อนที่เขาจะทำให้ใครเสียใจ
กระทั่งตัวเอง
แดดก่อนเที่ยงในประเทศกรุงเทพฯ ร้อนแรงละเลียดผิวของคิมหันต์ยามที่เขาต้องเดินออกจากลานจอดรถของห้างชื่อดังของโรงแรมแห่งหนึ่ง ‘คนสำคัญ’ ของเขาชอบร้านอาหารญี่ปุ่นที่นี่มาก และมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับจองคิว แต่เป็นเพราะ ‘คุณธนนท์ ภูษิตาลัย’ ไม่เคยทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นจริงไม่ได้
“ไงคุณ”
“งายคุณ”
คิมหันต์ไม่รีรอที่จะกอดผู้ชายคนนี้แม้นี่จะอยู่หน้าห้างและคนค่อนข้างพลุกพล่าน การแสดงออกถึงความรักเป็นเรื่องที่เขาคิดว่าไม่ควรจะกักเก็บไว้ เพราะไม่งั้นคนรักของเราก็อาจจะไม่รับรู้ก็ได้ ซึ่งเขาก็รักที่ธนนท์กอดเขากลับเช่นกัน
“คิดถึงจัง”
“ผมไปแค่สองเดือนเองครับ”
“ก็คิดถึงตลอดแหละ”
“ปากหวาน จะเอาอะไร”
คิมหันต์ส่ายหัวรับ เพราะไม่ได้อยากได้อะไรจากคนรักเท่ากับการได้ทำให้เขารู้ว่ายังคงรักเขาไม่เปลี่ยนแปลง “อยากอยู่กับคุณ”
“หึ เดี๋ยวจะไม่ได้กลับบ้าน”
ธนนท์ผู้ชายที่ทำให้ใจเต้นเสมอเวลามองตากัน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมักจะมองกันด้วยความรักและเอ็นดูเสมอ แม้เราอายุห่างกันปีเดียวแต่เขากลับเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่เห็น ความสุขุม สุภาพ และความซื่อสัตย์ มันแสดงออกผ่านทุกการกระทำมาตลอดหนึ่งปีที่เราคบกัน
และเด็กมอหกคนนี้ก็รักเขามาก
อาจจะมากกว่าที่เขารู้
โอมากะเสะชิ้นพอดีคำถูกส่งจากเชฟดินแดนอาทิตย์อุทัย จนตอนนี้คิมหันต์อิ่มแปล้เหมือนกินช้างเข้าไปทั้งตัว สองคำสุดท้ายต้องยกให้ผู้ชายข้าง ๆ ที่ยังสามารถกินอาหารญี่ปุ่นฝีมือปราณีตได้อย่างเรื่อย ๆ ราวกับว่าจะไม่มีวันอิ่มอย่างนั้น
“คุณยังกินเยอะเหมือนเดิม”
“คุณก็ยังกินเหมือนแมวดม ผมว่าคุณผอมลงไปอีกแล้วนะ”
“ก็ช่วงนี้อ่านหนังสือเยอะ ขยันมากกกก บอกเลย”
“ชักอยากจะเห็นติวเตอร์คนนั้นแล้วดิ มีอะไรดีให้แฟนผมขยันขนาดนี้”
“มีเวลาสักสามวันไหม จะเล่าให้ฟัง”
“คุณจะชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผมหรอวะ”
“ล้อเล่นคร้าบบบ ทะเลเก่งจริง ๆ แบบอัจฉิยะเลย คนอะไรได้ไอคิวตั้ง 180 แหนะ จริง ๆ เขาไปสอบเขาฮาวาร์ดได้ด้วยซ้ำหรือเปล่านะ”
ธนนท์เบ้ปากให้คนตรงข้ามเล็กน้อย ก่อนจะหยิบซูชิหน้าอูหนิเข้าปากแล้วเคี้ยวแรง ๆ เหมือนไม่ชอบใจที่พูดถึงทะเลสักเท่าไหร่ ได้แต่หัวเราะกับท่าทีประชดประชันแบบตลก ๆ ของเขา เสียงหัวเราะและรอยยิ้มเกิดขึ้นง่ายเสมอถ้ามีผู้ชายคนนี้อยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องไม่ยากใช่ไหมล่ะที่จะเลิกคิดในแง่นั้นกับทะเลได้ง่ายขึ้น
ธนนท์น่ารักที่สุดในโลกของคิมหันต์แล้วล่ะ
เราเดินเล่นให้ห้างนิดหน่อยเพราะอ้อนเขาให้พาไปดูไอแพด เห็นทะเลใช้แล้วก็ดูสะดวกดี แถมตอนนี้ก็คิดได้แล้วว่าจะเอามาทำอะไรนอกจากเล่นเกม จุดมุ่งหมายที่อยากจะลองทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จมันพลุ่งพล่านอยู่ในทุกเซลล์ของเขา ยิ่งพอมาเจอทะเลมันก็ยิ่งเหมือนได้แรงขับเคลื่อนที่มีไฟร้อนพร้อมลุกโชนได้เสมอ
อ่า ควรเลิกคิดถึงทะเลได้แล้ว
ธนนท์เรียกให้คนขับรถที่บ้านมาขับรถของคนรักกลับไปที่บ้านของเขา เพราะอย่างไรวันนี้ก็จะดึงดันไม่ให้เขากลับบ้านง่าย ๆ เลยตกลงกันว่าจะมาหาอย่างอื่นทำ ด้วยการดูหนังเรื่องที่เคยคุยกันว่าจะต้องมาดูพร้อมกัน ธนน์ขับรถมาสยามที่ที่เราเจอกันครั้งแรก และเดทแรกด้วยการดูการ์ตูนอนิเมชั่นที่คิมหันต์ชอบ ธนนท์มักจะชอบจับมือหรือกอดคอคนรักในที่สาธารณะ และเพิกเฉยต่อสายตาใครก็ตามที่มองมา ไม่เคยขอให้ใครมาเข้าใจหรือสนใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปอธิบายให้ใครฟัง มีปัญหาก็คือปัญหาของคนนั้น ไม่ใช่ที่เรา
และเขายังเป็นธนนท์คนเดิมมาโดยตลอดไม่เปลี่ยนแปลง
คอนโดหรูริมโค้งน้ำเจ้าพระยาเป็นอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงแต่ถูกจับจองเต็มตั้งแต่เปิดขายไม่กี่ยูนิต บางทีสิ่งขอราคาสูงก็ถูกสร้างและคิดว่าเพื่อกลุ่มทาร์เก็ตที่มีกำลังซื้อ ดังนั้นการไม่ไปวุ่นวายกับการใช้เงินของใครน่าจะเป็นเรื่องดี อย่างเช่นทายาทเจ้าของหุ้นส่วนคอนโดหลังนี้ ครั้งแรกที่มาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคนเราต้องมีคอนโดราคาแพงทั้งที่จะเป็นทรัพย์ของเราแค่ครึ่งชีวิต แต่พอได้รับรู้ความจริงที่ชวนขนลุกกว่านั้นก็ตอนที่นนท์บอกว่าที่นี่เป็นของเขา ไม่ใช่แค่ห้องนี้แต่เป็นทั้งหลัง
กลิ่นห้องคุ้นเคยบอกได้ดีว่าเขาไม่เคยเปลี่ยนนน้ำหอมที่ใช้สำหรับปรับอากาศภายในห้องเลย ยังคงเป็นกลิ่น English oak ที่คิมหันต์ชอบ ครั้งแรกที่เจอกันฉีดน้ำหอมกลิ่นนี้จนเขาจำและไปตามหามัน ก่อนจะซื้อและลองฉีดตัว และมาบ่นมาทำไมไม่เหมือนกับที่อยู่บนตัวเด็กมอห้าคนนั้น เจ้าตัวหงุดหงิดก็เลยเอามาฉีดที่ห้องทั้งที่ราคาของมันไม่ควรจะเอามาฉีดห้องกว้างขนาดนี้ด้วยซ้ำ สุดท้ายเขาเลยเลือกที่จะมาคลอเคลียเวลาที่คิมหันต์ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้แทน
“หอม” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาสะดุ้งนิดหน่อย ปลายจมูกคมสัมผัสเบา ๆ ที่ต้นคอ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกให้ได้ยิน และประทับลงที่ซอกคอ แขนกว้างโอบกอดคนตัวเล็กกว่าจนจมเข้าไปในอก ใช้ความสูงและร่างกายกำยำกักเก็บไว้ไม่ให้ขยับตัวได้อีก
“กำลังสำรวจหรือไงว่าผมพาใครมาที่นี่หรือเปล่า” เสียงทุ้มกระซิบชิดข้างหู
“ไม่ใช่เหอะ กำลังหาของฝากต่างหาก” ใช้มืออุ่นกว่าของตัวเองลูบเบา ๆ ที่มือเย็นที่โอบเอวตัวเองอยู่
“ไม่มี แต่จะมาขอของขวัญจากคุณ ผมไปเรียนอย่างหนักหน่วง จะไม่มีอะไรให้หน่อยหรอ”
ยู่ปากให้เขาไปที คนตัวโตใช้ลำคอที่พาดไหล่จากด้านหลังส่งสายตาออดอ้อน ความหมายเดียวที่เขาจะสื่อทำไมจะไม่รู้ คบกันมานานก็พอจะแปลความหมายภาษากายเหล่านี้ออก “อยากได้อะไรเล่า ไม่ได้เตรียมอะไรมา”
“คุณไง”
คนถูกกอดหลับตาด้วยความขวยเขิน ฟังประโยคพวกนี้ทีไรก็ไม่เคยชิน ความวาบหวามแผ่กระจายอบอวนไปทั่วห้องรับแขกขนาดใหญ่ หมู่มวลแห่งความต้องการปกปิดไม่มิด ธนนท์ดึงแขนคนรักเขาไปห้องนอน ความร้อนแรงของคนตรงหน้ายังทำให้เขาใจหวิว ทุกครั้งที่เห็นร่างกายกำยำและเรือนร่างอันสมส่วน กล้ามเนื้อที่ถูกปั้นแต่งด้วยการออกกำลังกาย วีไลน์ตรงสะโพกยิ่งทำให้อีกคนเซ็กซี่จนแทบตาพร่า ไม่นานร่างปลือยเปล่าของคนตรงหน้าก็จัดการกับคนที่โดนผลักล้มลงไปที่เตียง
โคมไฟสีส้มสร้างบรรยากาศชวนฝันให้ทุกอย่างลงตัว จุมพิตที่ได้รับเมื่อไหร่ก็ชวนให้ใจเต้นระรัวราวกับมีคนรัวกลองอยู่ในนั้น เขาละเลียดฉกฉวยทุกอย่างไปจากคนน่ารักได้ไม่อยาก ถ้ากลืนวิญญาณได้ก็คงทำไปแล้ว มันไม่เคยเร่งเร้า แต่กลับค่อย ๆ บรรเลงด้วยจังหวะจะโคนที่เป็นของสองเรา
ไม่ว่าครั้งแรก หรือครั้งไหน
ธนนท์ก็มักจะทำให้เขาลืมไม่ลง
และยิ่งจมดิ่งไปกับความเป็นเขาในทุกเวอร์ชั่น
เซ็กซ์ทำให้คนรู้จักกันมากขึ้น
คงเป็นยิ่งอย่างว่า
—————————————
มีต่อ
SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 5
ทะเลมีแต่คลื่น
[/size]
ผู้ชายรูปร่างสมส่วนกระชับกระเป๋าเป้สีดำก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ เพราะรู้ตัวว่าสายแล้ว ในตารางกำหนดการบอกว่าควรมาไม่เกิน 8 โมง และตอนนี้อีก 5 นาทีจะถึงเวลานัด ก็นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมดันไม่ทำงานในวันหยุดเป็นปกติ แปลกใจที่ตัวเองไม่ได้เอะใจอะไรเลยต่างหากเมื่อคืน
น่าโมโหชะมัด
ระหว่างที่กำลังวิ่งไปที่นัดหมายหางตาก็เห็นผู้ชายอีกคนกำลังวิ่งอยู่อีกฝั่งของถนนในมหาวิทยาลัย เขาสายตาสั้นแต่ท่าทางและรูปร่างที่คุ้นตาทำให้เขารู้ได้ทันทีว่านั่นคือผู้ชายที่เขาเฟซไทม์ด้วยเกือบทุกคืน
ทะเลมาค่ายบริหารเหมือนกันหรอ
“ทะเล!” คิมหันต์ตะโกนแข่งกับอาการหอบ
“อ้าว!” อีกฝ่ายตกใจไม่แพ้กัน เขายิ้มกว้างให้ ไม่บ่อยนักหรอกที่ทะเลจะยิ้มแบบนี้ ครั้งล่าสุดคงเป็นตอนที่บอกว่าสอบเคมีครั้งล่าสุดได้เกือบเต็มนั่นแหละ
รอยยิ้มของทะเลเป็นเหมือนความเวิ้งว้างที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา คือแหล่งพักกายพักใจและละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้ในเวลาอันสั้น สมกับที่ชื่อทะเล
“มาด้วยหรอ”
“รีบไปเถอะอีก 2 นาที” คนขายาวกกว่ายกนาฬิกาขึ้นมาดูและรีบวิ่งผ่านถนนมาเพื่อสาวเท้าขนาบข้างกันไปให้ทัน
รถบัสติดชื่อมหาวิทยาลัยจุคนในรถร่วม 50 คน มีที่ว่างข้างหน้าเหลือแค่หนึ่งคู่เท่านั้น ทำให้ผู้ชายสองคนที่เหนื่อยหอบทิ้งกายลงบนเบาะอย่างไม่มีสิทธิ์เลือก เสียงลมหายใจประสานกันก่อนที่จะขำเบา ๆ ช่างเป็นเช้าที่ทั้งคู่คาดไม่ถึงกับการต้องออกแรงตั้งแต่ยังไม่ถึงค่าย
เสียงโทรโข่งจากพี่สาวหน้ารถบอกถึงกำหนดการและสถานที่ที่เรากำลังจะเดินทางไป เป็นวิทยาเขตของมหาวิทยาที่รถบัสกำลังเคลื่อนตัวออกจากรั้ว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่ แต่ที่นั่นกว้างและมีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมได้มากกว่า และเราจะค้างที่นั่นหนึ่งคืน
“น้ำมั้ย”
พี่ผู้ชายหน้าตาดีใส่เสื้อสีแดงสดยื่นขวดน้ำที่แกะจากแพ็คให้ ทะเลรับก่อนจะส่งให้อีกคนที่นั่งด้านใน เขาคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอคิมหันต์ที่นี่ ตั้งแต่วันนั้นก็พยายามตัดใจและพาตัวองออกมาจากวงจรชีวิตประจำวันของอีกฝ่าย และทะเลเองก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายก็พยายามที่จะทำแบบนั้นเช่นกัน
หรือเป็นเรื่องที่คิดไปเอง
ตอนนี้ไม่มั่นใจอะไรเลย
“ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมาค่ายนี้ด้วย อยากเข้าบริหารหรอ” คิมหันต์กระซิบ คงเพราะไม่อยากให้พี่ที่พูดหน้ารถรู้สึกว่าเราไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่
“ก็ดู ๆ อยู่ มึงก็ไม่เคยบอกว่าจะเข้าป่ะ”
“เออเนอะ แล้วมีเพื่อนคนอื่นมาป่ะ”
“มันนั่งอยู่หลัง ๆ ปนกับพี่ ๆ เขานั่นแหละ”
“วงไพ่อะนะ”
ทะเลหัวเราะเบา ๆ เพราะเพื่อนเขามันเป็นคนประเภทนั้นจริง ๆ โดยเฉพาะแทนไท วิชาเลขซ่อมจนเหนื่อย แต่นับเลขป๊อกนี่เกรดสี่ “แล้วเพื่อนมึงอะมาป่ะ”
“มา ๆ มิวกับพีท จำได้ป่ะ”
ทะเลพยักหน้าก่อนจะมองไปที่พี่สาวที่เพิ่งได้ยินว่าแทนตัวเองว่าแนน และเขาควรตั้งใจฟังให้มากกว่าการแอบมองหน้าจอแชทไลน์ของคนข้าง ๆ ที่ตอบคนในแชทด้วยสติ๊กเกอร์รูปหมีกระโดดกอด ไม่นานก็แกล้งหลับตาและใส่แอร์พ็อดเพื่อตัดตัวเองออกจากโลกโดยรอบ
ด้วยความที่ไม่ได้หลับจริง ๆ ทะเลรู้สึกว่าไหล่ข้างซ้ายตัวเองหนักขึ้นอย่างมีนัยยะ หรี่ตามองก็เป็นดั่งคิด คนตัวขาวหลับจนตัวเอียงมาเบียดเขาอย่างช่วยไม่ได้ ปากเล็กนั่นอ้าน้อย ๆ ราวกับหลับลึกนักหนา เขาโมโหตัวเองที่รู้สึกดีทั้งที่ควรพลักหัวทุยให้ไปพิงกระจกหน้าต่าง แต่ดันจับให้อีกคนนอนสบายขึ้น
ถ้านุ่มนิิ่มรู้ตัวก็คงไม่ทำแบบนี้ ให้มันเป็นนิทราที่ไร้ความจริงนั่นแหละดีแล้ว
รถบัสจอดเทียบที่หน้าคณะบริหารปลายทางของกิจกรรมครั้งนี้ พี่ ๆ แนะนำสถานที่เราจะใช้ชีวิตที่นี่หนึ่งคืนหนึ่งวัน อาทิ ห้องทำกิจกรรม ห้องน้ำ และบริเวณอาคารนอน ที่จัดเฉพาะจากห้องแล็กเชอร์แยกชายหญิง เก้าอี้พับถูกแทนที่ด้วยฟูกสีขาวน่านอน
“พี่ ๆ เตรียมป้ายชื่อที่อยากให้ทุกคนติดที่มุมซ้ายของเสื้อตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่นะคะ โดยสีของแต่ละคนจะบ่งบอกถึงพี่เลี้ยงขอแต่ละกรุ๊ป”
ทะเลและคิมหันต์แยกกันตั้งแต่ลงจากรถ เจ้าของลักยิ้มเดินไปรวมกับกลุ่มเพื่อน ส่วนทะเลก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน คิมหันต์จะไม่มีวันได้รู้ว่าทะเลมองตัวเองด้วยสายตาแบบไหนตลอดทางที่เดินทางมานี่ที่
“อ้าว ได้อยู่สีเดียวกันเลย” คิมหันต์ทักขึ้นก่อนหลังจากแบ่งแยกกันเป็นกลุ่มสีแล้ว ทะเลยังคิดว่ามันจะบังเอิญไปอีกกี่ครั้งกัน
“ดีค่ะน้อง ๆ พี่เอยนะคะ”
เสียงเล็กน่ารักแนะนำตัวจากด้านหลังของทะเล เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอแจ็คพ็อตขนาดนี้ เพราะคือเอยเดียวกันกับที่เคยเจอที่โรงเรียน และอยู่กับพี่นนท์ ผมสีดำขลับสลวยและใบหน้าเนียนใสที่ใครก็ต้องจำได้ปรากฏต่อหน้าเขา
ภาพวันที่พี่นนท์ประคองผู้หญิงคนนี้ขึ้นรถออดี้ยังอยู่ในความทรงจำ เขาไม่มั่นใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืออะไร มันไม่ได้ชัดเจนเท่ากับของคนที่เอ่ยทักเขาเมื่อครู่ แต่ที่แน่ชัดคือพี่นนท์อะไรนั่นไม่ค่อยน่าไว้วางใจ และยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะถ้ามันไม่มีอะไรจริง ๆ เขาก็เป็นคนนอกอยู่ดี
ที่แน่ ๆ คิมหันต์ไม่รู้จักพี่สาวคนนี้มาก่อน เพราะเขาไม่ได้เอ่ยทักทายกันอย่างคนรู้จักเลยสักนิด
กิจกรรมละลายพฤติกรรมมักถูกนำมาใช้เปิดค่ายเสมอ และพี่ ๆ ในค่ายก็เอ็นเตอร์เทนเก่งมาก ทะเลคนยิ้มยากหัวเราะกับท่าเต้นของพี่ที่ออกตัวว่าเป็นตุ๊ดไม่หยุด เพลงป๊อปชื่อดังถูกแปลงเนื้อสองแง่สองง่ามกับเสียงปรบมือ และลูกคู่ของพี่เลี้ยงในค่ายทำเอาทุกคนเอ็นจอยและผ่อนคลายมากขึ้น
“เอาล่ะค่ะ มาเล่นกิจกรรมสร้างความร้าวฉานกันเถอะ เอ้ยสร้างความสามัคคีค่ะ ขอตัวแทนแต่ละกลุ่ม 2 คนนะคะ มาเลยค่ะ ไป ไป ไป๊”
พี่ที่ชื่อต้นอ้อ คนเดิมกับที่เต้นเมื่อครู่เป็นคนนำกิจกรรมนี้ ในกลุ่มสีแดงของพี่เอยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะทั้งกลุ่มมีแต่ผู้หญิง มีผู้ชายสองคนนั่นคือทะเลและคิมหันต์ จนพี่เลี้ยงประจำกลุ่มต้องเดินมาของร้องให้ผู้ชายที่น้อยนิดออกไปร่วมกิจกรรม
“ไม่ต้องกลัวนะ ต้นอ้อไม่น่าจะทำกิจกรรมไม่น่าไว้ใจ...มั้ง”
ผู้หญิงหน้าหวานยิ้มเจื่อนเล็กน้อย เธอไม่แน่ใจเพราะเอาแน่นอนกับเพื่อนคนนี้ไม่ได้เท่าไหร่ ผู้ชายตัวแทนของกลุ่มออกไปด้านหน้า ดูท่าจะเป็นผู้ชายคู่เดียวที่ออกมาทำกิจกรรมนี้
“น้องทะเลลลล ลูกกกก กินข้าวกับอะไรทำไมหล่อขนาดนี้ละคะ”
“อิต้นอ้อ อย่าเต๊าะน้อง เดี๋ยวกูจะแจ้งงงง”
พี่ผู้ชายที่ยืนหลังห้องตะโกนข้ามมา ทุกคนในห้องขำกับสิ่งนี้ ผู้หญิงที่มีจำนวนมากกว่าผู้ชายในห้องซุบซิบกันใหญ่ เจ้าตัวได้แต่ยิ้มรับแบบเจื่อน ๆ เขาไม่ค่อยชินกับการถูกแซวในที่สาธารณะสักเท่าไหร่ ปกติแก๊งค์นางฟ้าที่โรงเรียนแซวก็ยังไม่ชินเลย คนข้าง ๆ ก็ยิ้มไปกับเขาด้วย
“อย่ายิ้มดิ”
“เขินหรอ หล่อก็ต้องโดนแซวเป็นธรรมดาแหละ”
“น้องคิมลูก พกหลอดไฟมาด้วยหรอคะ พี่แสบตาไปหมดแล้ว ค่ายปีนี้ได้แสงสว่างเหมือนบรรลุธรรมเลยว่ามั้ยคะพี่ ๆ”
คนโดนแซวยิ้มรับ ทะเลเลยได้ส่งสายตาแกมล้อเลียนมาให้ เหมือนเดจาวูในชั่ววินาที
“เอาล่ะค่ะ พี่จะแจกกระดาษให้หนึ่งใบนะคะ คู่ไหนสามารถทำตามโจทย์ครบจะได้รับการ์ดวิเศษ ซึ่งพี่จะอธิบายว่ามันพิเศษยังไงหลังจบเกมนี้ เพราะเรามาค่ายทั้งทีจะมาฟังแต่อะไรที่เป็นวิชาการได้ไง เราต้องได้เรื่องไร้สาระกลับบ้านไปด้วย ฮ่า ๆ ๆ”
“โจทย์แรกนะคะ ทำยังไงก็ได้ห้ามให้กระดาษใบนี้ตกพื้น และห้ามใช้มือจับ”
ทะเลมองหน้าคนข้าง ๆ อย่างงง ๆ เกมอะไรวะเนี่ยคือคำพูดที่คู่ของเขาคงอ่านออกจากใบหน้า จู่ ๆ คิมหันต์ก็จับมือทะเลแล้วค่อย ๆ วางกระดาษเอสี่เรียบ ๆ ลงที่แขนของเรา และจับมือกันไว้ เพียงเท่านี้กระดาษก็ค้างเติ่งไม่หล่นพื้นแล้ว
“ได้อะไรไม่รู้แต่อยากชนะอะ” คิมหันต์หัวเราะเบา ๆ เขาดูจะสนุกกับเกมและการเอาชนะคงจะเป็นเรื่องที่เขาถนัดพอดู
ทีมอื่นก็มีท่าทางหลายอย่าง มีกระทั่งเอาแก้มแนบกันโดยที่มีกระดาษบาง ๆ ขั้นอยู่ จู่ ๆ ทะเลก็คิดว่าเมื่อครู่คิมหันต์คิดท่านี้เขาคงได้ทำหน้าประหลาดให้ทุกคนเห็น ใครจะมันจะทำอะไรแบบนั้นทั้งที่ใจคิดไม่ซื่อกับเขาขนาดนี้ได้วะครับ
“อุ้ย ๆ กระดาษหล่นนะคะ ตกรอบไปค่าทีมสีเขียวและสีเหลืองแหม่ท่ายากขนาดนี้เนาะลูก คิดได้ไงเอาไปวางบนไหล่ หื้มมม”
“มาค่ะ โจทย์ต่อไป คราวนี้จะขอตัดกระดาษออกครึ่งหนึ่งนะคะ โจทย์ง่ายมากค่ะ ห้ามให้กระดาษแผ่นนี้อยู่ต่ำกว่าไหล่ และห้ามใช้มือจับนะคะ”
คิมหันต์อุทานด้ายคำหยาบเบา ๆ เขาลังเลเล็กน้อย แต่เพราะอยากชนะเขาเลยเรียบเอากระดาษแปะที่หน้าผากของตัวเองและดันตัวคนตัวโตให้ก้มลงมาโดยใช้ส่วนเดียวกันประคองกระดาษไว้ ด้วยที่กระดาษแผ่นเล็กลงทำให้มันกั้นแค่ช่วงใบหน้าได้เท่านั้น
เสียงอื้ออึงในห้องดังขึ้น แต่คนเล่นเกมไม่สามารถหันไปมองได้ และทะเลก็ภาวนาในใจให้โจทย์นี้ผ่านพ้นไปสักที ลมหายใจจากคนตรงข้ามทำเอาเขาใจระส่ำ เพราะนี่คือความใกล้ชิดมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกัน
กระดาษสีขาวเมื่อแสงลอดผ่านมันทำให้เห็นเงาคนตรงข้าม ดวงตากลมโตกำลังมองมาที่เขาเหมือนกัน ทะเลจ้องทะลุกระดาษบางแผ่นนี้ไป เขาจะรู้ไหมว่าสายตาที่มองจากตรงนี้มันไม่เคยมองเขาเป็นเพียงเพื่อนธรรมดา
“เอาล่ะค่ะ ก่อนที่ทุกคนในห้องจะหัวใจวาย ตอนนี้เราได้ผู้ชนะแล้วค่ะ! น้องทะเลและน้องคิมค่า ให้เขาไปเลยค่ะ อยากจะให้การ์ดอีกใบ ประทับใจพี่มาก สาววายอย่างชั้นใจมันสั่นนน”
อย่าว่าแต่พี่ต้นอ้อใจสั่นเลย ทะเลที่ไม่เคยสะทกสะท้านแม้พายุลูกใหญ่จะก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์ ก็ไม่เคยถาโถมเท่าเหตุการณ์เมื่อครู่แม้แต่น้อย ราวกับว่ามันพังทลายการหักห้ามใจทั้งหมดทั้งมวลที่คิดจะทำ
แม้จะรู้ว่าการแอบรักแฟนคนอื่นมันผิด แต่ถ้ามีแค่เขารู้คนเดียว
เขาก็จะขอให้ความผิดบาปติดตัวเขาไปตลอดก็แล้วกัน
“มึงรู้จักเด็กปรินซ์หรอวะ” กนกกรถามขณะเรานั่งแยกกลุ่มกันกินข้าวกลางวัน
แทนไทก็คงทดความสงสัยตั้งแต่เช้าเหมือนกัน “เออกูเห็นมึงคุยกับเขาตั้งแต่ขึ้นรถละ”
“ก็รู้จักกัน” ทะเลตอบไปเรียบ ๆ เขาไม่ได้อยากบอกว่าที่จริงมันมากกว่าแค่รู้จักผิวเผิน เพราะไม่ได้อยากจะผูกมัดอะไร และไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะยินดีหรือไม่ที่ตัวเขาจะบอกความสัมพันธ์ที่ไม่น่าโคจรมาพบกันได้ และอีกอย่างทะเลก็ขี้เกียจอธิบายซ้ำไปอีก
เพื่อนสองคนพยักหน้าและตักข้าวผัดกุ้งแห้ง ๆ เข้าปาก แทนไทเหมือนอยากจะถามต่อ ก๋วยเตี๋ยวสะกิดเพื่อนผมเกรียนเลยไม่ได้เอ่ยปากถ คงเพราะอารมณ์ที่ไม่ค่อยคงที่ของทะเลที่มันค่อนข้างชัดเจน
ตกบ่ายมีคลาสเวิร์คช้อปและการเตรียมตัวเข้าเรียนคณะบริหาร บอกไปถึงหลักสูตรและการคำนวนหน่วยกิตในการเรียน ที่สำคัญความเข้าใจในภาพรวมของศาสตร์การบริหารที่หลายคนมักเข้าใจผิด อาทิ คิดอะไรไม่ออกก็มาเรียนบริหาร ทุกคนก็จะขำเพราะถ้าคิดออกจากไม่เรียนนบริหารแต่แรก เพราะหลักสูตรภาคอินเตอร์ของที่นี่จะต้องไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศอย่างน้อย 2 ครั้งกับการสะสม GPA รวมให้ถึงเกณฑ์ หลายคนที่มาค่ายเริ่มเลิกลั่กเมื่อรู้ข้อจำกัดของเรื่องนี้
ทะเลอยากเรียนบริหารเพราะเขามีเป้าหมายที่อยากจะสร้างธุรกิจของตัวเองให้ได้เหมือนที่พ่อทำ งานที่บ้านพี่เหนือฟ้าและสายลมคงรับผิดชอบ ส่วนเขาอยากให้เริ่มทุกอย่างด้วยตัวเอง แม้มันจะดูยิ่งใหญ่ แต่ในเมื่อเกิดมาพิเศษกว่าคนอื่นแล้วก็ขอทำให้สมกับที่พรสวรรค์ที่ได้มา
พอเห็นทุกคนเครียดพี่ ๆ ก็รีบแก้ต่างว่ามันไม่ได้เกินกว่าความตั้งใจและรู้จักแบ่งเวลา และที่นี่พร้อมจะช่วยเหลือกระทั่งอาจารย์ ไม่มีใครเคยเรียนครบโควต้า 8 ปีแน่นอน
[อยากกลับบ้านว่ะ] หน้าจอมือถือแจ้งเตือนเป็นคนที่นั่งถัดไปไม่ไกล เราไม่ได้คุยกันด้วยท็อปปิกอื่นนอกจากเรื่องเรียนสักเท่าไหร่ ก็ตั้งแต่วันนั้นนั่นแหละ
“ทำไมล่ะ?”
[ยาก ทำไม่ได้หรอก คงได้ไปเรียนที่อื่นแน่เลย 5555 ]
“มันมีอะไรยากถ้ามึงพยายามมากพอด้วยหรือไง”
[มึงพูดได้เพราะมึงเก่งไง]
“กูจะทำให้มึงเข้าใจ ว่าคนอย่างมึงทำได้มากกว่าที่ตัวเองคิด”
สบสายตากับคนที่เพิ่งคุยในไลน์ เขายิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วไปตั้งใจฟังต่อ ก็ในเมื่อตัดใจไม่ได้แล้วก็เดินหน้าทำตามใจตัวเองแล้วกัน อย่างน้อย ๆ ถ้ามันจะจบก็จะเป็นความทรงจำของช่วงสำคัญของชีวิต ที่เราทั้งคู่คงไม่ลืมมันง่าย ๆ
มีต่อ
ตอนที่ 8
ร้อนแผดเผาไปทั้งใจ
[/size]
เช้าวันหยุดที่ต่างไปจากเดิม ทะเลตื่นตั้งแต่เช้าทั้งที่ปกติก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าสักเท่าไหร่ แต่เพราะไออุ่นจากคนข้าง ๆ ที่เบียดทำให้รู้สึกร้อนจนต้องเขยิบตัวออกห่างมา หมอนข้างเจ้ากรรมโดนเขี่ยกระเด็นตกขอบเตียงไปเมื่อไหร่เขาเองก็ไม่มั่นใจ รู้แค่คนตัวบางที่หลับสนิทนอนดิ้นในระดับสูงกว่ามารตรฐานใช้ได้ทีเดียว
นั่นก็แปลว่าเขาหลับสนิทดี และไม่ฝันร้าย
อย่างน้อย ๆ ก็เป็นช่วงเวลาที่เขาไม่ต้องเสียใจ
แสงยามอาทิตย์อรุณไม่สามารถทะลุผ่านม่านสีทึมที่พี่เหนือเลือกมาไว้ที่ห้องนอนได้ เจ้าตัวรักการนอนและไม่ยินยอมให้อะไรมาปลุกทั้งนั้นนอกจากเสียงนาฬิกา และเขาก็รู้สึกดีที่มันสร้างบรรยากาศการนอนได้อย่างมีคุณภาพ จนได้ยินเสียงหายใจแรงของคิมหันต์
ทะเลลอบมองใบหน้าเนียนของคนที่หายใจเข้าออกเป็นจังหวะม่ำเสมอบนหมอนข้างกัน ระยะห่างของใบหน้าไม่กี่เซนติเมตร ทำให้เขามองเห็นขนตาแพหนา จมูกโด่งเป็นสันโค้งมน รับกับปากกระจับสีสด ทะเลไม่มั่นใจว่าอะไรที่ทำให้เขาสามารถมองสิ่งมีชีวิตนี้ได้นานร่วมครึ่งชั่วโมงตั้งแต่ตื่น
เป็นความรู้สึกหลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สงบ อบอุ่น รู้สึกดี แค่อยากได้อยู่ใกล้กับคน ๆ นี้เขาคิดว่าชีวิตมันก็แค่นี้แหละ แค่ได้มีคนที่อยู่ด้วยแล้วได้วางใจแบบนี้
แต่คงไม่ใช่ตอนนี้หรอกนะ
ต้องรอหน่อย
เก้าโมงกว่าหนุ่มนักกีฬาเดินออกมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งอาหารผ่านแอพง่าย ๆ เป็นอาหารเช้าสำหรับสองคน เขาไม่ได้ปลุกคิมหันต์เพราะคิดว่าควรปล่อยให้คนที่ใช้พลังจนไม่เหลือแบตได้ชาร์จพลังอย่างเต็มหลอด ก่อนจะต้องตื่นมาเจออีกหลายเรื่องให้ต้องขบคิด
ทะเลออกมาดูสวนกระบองเพรชเล็ก ๆ ริมระเบียง เขาเป็นคนซื้อเป็นของขวัญย้ายเข้าคอนโดของพี่ชายวันแรก คิดว่าน่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบดูแลใคร แต่ดูออกว่าเหงาตัวเท่าบ้าน ให้พี่ชายยิ้มยากได้พอจะมีเพื่อนที่ไม่ต้องแวะเวียนมาหาบ่อย ๆ แค่ไม่ลืมเจ้าพวกหนามเขียวนี่ก็พอ
“ทำไมตื่นเช้าจัง ห้าววว”
เสียงคนเอ่ยทักงัวเงียตายังไม่ลืมดี แสงแดดยามเช้าจากริมระเบียงพาดขนาบไปที่ใบหน้าขาว ผมฟู เสื้อยืดไหล่ตกไซซ์ใหญ่กว่าตัว คือความรู้สึกที่หลากหลายจนทะเลไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นภาพนี้ แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานะที่ชวนฝันได้ขนาดนั้น แต่ขอตักตวงมันไว้หน่อยเถอะ
“โดนเบียด ร้อน”
“เฮ้ย ก็ไม่ได้นอนดิ้นขนาดนั้นป่าว”
“มึงตื่นมาเห็นหมอนข้างป่ะล่ะ”
“...” คนถูกถามส่ายหัว
“อืม มันตกข้างเตียง”
มือขาวยกมือขึ้นลูบหน้าและถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ขอโทษนะ นอนหลับสบายใช่ป่าววะ ไม่ได้กวนอะไรใช่มั้ย”
“ก็ไม่นะ” ยกเว้นกวนให้หัวใจของหนุ่มนักกีฬาเต้นไม่เป็นจังหวะหลายต่อหลายครั้งตลอดคืนที่ผ่านมา
ทะเลและผู้มาเยือนนั่งกินโจ๊กเจ้าอร่อยและปาท่องโก๋กันเงียบ ๆ คิมหันต์อาบน้ำแล้วใส่เสื้อยืดสีพื้นที่ทะเลพอจะหาเจอจากตู้พี่เหนือ กับกางเกงมีเชือกรูดพับขา ส่วนเสื้อผ้าที่เปียกฝนเขาส่งแม่บ้านของที่นี่ซักไปเรียบร้อย คงบ่าย ๆ กว่าจะมาส่งคืน นั่นแปลว่าคนตัวขาวจะต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อยผ้ามาส่ง
น้องชายเจ้าของห้องลอบมองคนที่กำลังเคี้ยวอาหารเช้าด้วยอาการเริ่มเหม่อลอย พอหายงุนงงจากการตื่นนอนภาพในหัวคงแฟลชแบ็คกลับมาไม่หยุด
“อร่อยมั้ย”
“อะ อ่อ อื้อ อร่อยดี”
“กูไม่รู้ว่ามึงไม่ชอบกินอะไรนอกจากผัก ก็เลยสั่งแค่ไม่ใส่ผักให้”
“ไม่เป็นไรกินได้หมด ยกเว้นผักนั่นแหละ ขอบใจนะมึง”
ทะเลพยักหน้ารับ เขาอยากชวนคุย อยากหาเรื่องพูดให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ตัวเองก็ดันไม่ใช่คนช่างพูดช่างเจรจาสักเท่าไหร่ ยากจังแฮะ ทะเลคิด
“มึงอยากทำอะไรหรือเปล่า ระหว่างรอผ้ามาส่ง ไม่เอาอ่านหนังสือนะ” คนถามดักทาง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเครียดกับเรื่องสอบจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร เขาอยากให้คิมหันต์ผ่อนคลาย ทั้งจากเรื่องเรียนและเรื่องที่เพิ่งประสบเจอมาเมื่อคืน มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาคิดว่ามันก็คงไม่อยากเกินถ้าเขาจะเป็นคนเริ่ม
“อืมมม ไม่รู้สิ นอนมั้ง” คิมหันต์ตอบพลางเขี่ยโจ๊กในถ้วยที่เหลือเศษข้าวติดนิดหน่อย
“ดูหนังกันมั้ย”
“ออกไปดูในโรงหรอ”
“ดูที่นี่แหละ ห้องเรามี Netflix”
“เหยยย ชวนผู้ชายดูเน็ตฟลิกซ์ว่ะ” สายตาคนพูดเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ทั้งที่แววตาไม่ได้รู้สึกขี้เล่นสักเท่าไหร่ มันยังฉาบไปด้วยความหม่นหมองจนปิดไม่มิด
“เออชวนผู้ชาย จะไปมั้ยล่ะครับ”
“ครับ ๆ เอาไงเอากันครับ”
“กวนตีน”
พี่เหนือมีห้องเล็ก ๆ ข้างห้องนอนที่เอาไว้ดูหนัง ทำงาน และอ่านหนังสือ มีโซฟาตัวยาวและพรมสีขาวนุ่มปูด้านหน้า กับจอโทรทัศน์ 52 นิ้วตั้งตระหง่านติดกำแพงฝั่งตรงข้าม คิมหันต์จองโซฟาตัวยาว เขานอนเหยียดขาจนสุด เพราะน้องเจ้าของห้องอาสานั่งที่พรมให้เอง ด้วยเหตุผลนอนที่โซฟานี้แล้วปวดหลังทุกที ทั้งที่ราคาของมันเกือบจะซื้อมอเตอร์ไซค์ได้หนึ่งคัน และคนนอนเอาแขนเท้าหัวข้างหนึ่งยังสงสัย โซฟานุ่มขนาดนี้เอาอะไรมาปวดหลัง เหตุผลนานาที่บอกไปจะเทียบอะไรกับการที่ทะเลอยากให้คิมหันต์ได้นอนสบาย ๆ และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็เท่านั้น
เรานั่งดูหนังเยอรมันที่ดูทีเซอร์แล้วน่าสนใจดี เป็นเรื่องราวของหนุ่มนักธุรกิจที่จู่ ๆ ก็ต้องไปเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรม ที่ตัวเองดันไปอยู่จุดเกิดเหตุ แต่เจ้าตัวปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว หนังเล่าย้อนรอยเรื่องที่เกิดขึ้น และมันมีแต่ปมที่น่าสงสัย
“ทนายนี้แปลก ๆ ว่าป่ะ” คนบนโซฟาถามขึ้นมา
“ทำไมคิดงั้น”
“ไม่รู้อะ รู้แค่แปลก ๆ หนังหลอกเราไปแล้วรอบนึงนะ” ทะเลไม่ได้หันไปมองคนพูด เขานั่งกอดตุ๊กตาหมูตัวใหญ่ จะว่าไปก็คล้าย ๆ กับคนพูดเหมือนกัน นุ่มนิ่ม
“ไม่อยากเดาอะไร เดี๋ยวหนังจะหลอกอีก”
“เนี่ยอย่าให้หนังหลอกเราดิ ต้องจับผิด กูชอบจับผิดเวลาดูอะไรพวกนี้ตลอดเลย พอหนังจบก็จะรู้สึกชนะ”
หนุ่มนักกีฬากอดตุ๊กตาหมูแน่นขึ้น เขาคิดถูกที่หากิจกรรมนี้ให้คนโหมดเศร้าทำ อย่างน้อย ๆ ก็มีเวลาคิดเรื่องอื่น นอกจากเรื่องนั้นบ้าง การที่เป็นคนความจำดีมันมักจะเป็นตัวช่วยในหลายเรื่องได้จริง ๆ คิมหันต์เคยพูดว่าชอบดูหนังแนวสืบสวนพอ ๆ กับอะนิเมชั่น เป็นการพูดผ่าน ๆ ครั้งเดียว แต่นั่นแหละทะเลจำได้ขึ้นใจ
อะไรที่เกี่ยวกับนุ่มนิ่มแค่ได้ยินผ่าน ๆ เขาจำได้ทุกรายละเอียด
หนังดำเนินเรื่องมาใกล้ถึงจุดจบ คนบนโซฟาลุ้นตัวโก่งจนลุกขึ้นมานั่งก่อนจะหย่อนข้างลงข้าง ๆ คนที่นั่งบนพรม แววตาลุ้นระทึกและเอาจริงเอาจังฉายชัดบนดวงตากลมโตคู่นี้ ทะเลลอบมองจากด้านล่าง เขายิ้มกับท่าทีจริงจังของอีกฝ่าย และเขาก็ได้เรียนรู้อีกสิ่งหนึ่งคือคิมหันต์รักการดูหนังมาก เขาวิเคราห์ เข้าใจในมุมกล้องและเรื่องภาพได้ลึกซึ้ง
“นั่นไง! กูว่าแล้ว”
จุดจบของหนังทำเอาคนลุ้นตัวโก่งฟาดมือลงที่หน้าขาตัวเองเบา ๆ เขาคิดถูกที่ทนายในเรื่องคือแม่ของผู้ชายวัยรุ่นที่ถูกฆ่า และกำลังมาทวงความยุติธรรมให้ลูกชายด้วยการปลอมตัวมา หนังเล่าเรื่องได้ดีจริง ๆ ทำเอาคนดูแทบจะตามเกมไม่ทัน แต่คงใช้ไม่ได้กับคิมหันต์ เขายิ้มที่มองออกตั้งแต่กลางเรื่อง
“เนี่ยเห็นป่ะ ป้าคนนี้ไม่ใช่ทนาย กูทายถูกอะ” มือขาวจับที่ไหล่ของทะเลพร้อมเขย่าเบา ๆ เขาทำได้แค่ยิ้มรับกับปฏิกิริยาของคิมหันต์ที่ไม่เคยเห็น เสื้อสีพื้นคอกว้างจนตกไปที่ไหล่อีกฝั่งทำเอาคนมองต้องเสหลบสายตา ขนาดห้องที่แสงน้อยยังมองรู้ว่าคนตัวบางขาวขนาดไหน และนั่นทำเอาทะเลทนไม่ไหวจนต้องขยับไปดึงคอเสื้ออีกฝ่ายให้อยู่ในระดับปกติ
“อะ เออ กูว่ากูเย็น ๆ”
“ไซซ์นี้เล็กสุดแล้วที่พี่เหนือมี เขาสูงกว่ากูและตัวใหญ่กว่า”
“นี่บ้านมึงเรียกกันสรรพนามคนหรือหมี”
“มึงจะเรียกเป็นตัวก็ได้ ไม่กัดหรอก”
“แง่ม ๆ” คิมหันต์ทำมือเป็นกรงเล็บแล้วขย้ำเบา ๆ ลงบนไหล่กล้างของเจ้าของหุ่นนักกีฬา ไวกว่าความคิดเจ้าของมือใหญ่คว้ามือและกอบกุมเอาไว้ เขาไม่มั่นใจว่าสัญชาตญาณอะไรบอกให้ทำ รู้แค่ถ้ายังทำเฉยหรือเลี่ยงการพูดกันตรง ๆ ก็คงไม่มีโอกาสพูดอีกเลย
“กูเสียใจที่มึงเสียใจนะ”
“...”
“แต่กูไม่ได้จะฉวยโอกาส แม้จะเคยคิด แค่อยากให้มึงสบายใจ ไม่ต้องร้องไห้ให้เขาอีก”
“...”
“กูจะอยู่กับมึงแบบนี้ เหมือนเดิม ที่เคยเป็นมา”
“กะ กูยังมูฟออนไม่ได้”
“กูไม่ได้ขอให้มึงมูฟออนจากเขาวันนี้ พรุ่งนี้ แต่มันต้องมีสักวันที่มึงจะใช้ชีวิตได้โดยที่ไม่ได้เขา”
“ทะเล…”
“ให้กูอยู่ตรงนี้ในฐานะอะไรก็ได้”
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ของคนที่กำลังตั้งใจฟังสั่นขึ้น เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะขยับมือบางออกจากการเกาะกุม แล้วมองหน้าจอมือถือชื่อคนที่ไม่อยากเห็นและไม่อยากรับรู้ก็ปรากฏหราที่หน้าจอ คิมหันต์กดตัดสายก่อนจะเห็นว่าธนนท์โทรมาหาเขาหลายสิบสายแต่ไม่ได้รับ อาจจะเพราะเสียงจากหนังที่กำลังตั้งใจดู
ความเงียบก่อตัวขึ้นจนได้ยินเสียงแอร์ดังชัดเจน ทะเลลุกขึ้นกำลังจะเดินออกจานอกห้อง เขาแค่อยากเปิดโอกาสให้คนข้างหลังได้เคลียร์ในสิ่งที่ค้างคา และเขายินดีจะรอฟังคำตอบข้างนอก โดยไม่อิดออด
“กูรอข้างนอกแล้วกัน”
มือบางจับข้อมือใหญ่ อุณหภูมิอุ่นแผ่ซ่านให้กับคนมือเย็น “ขอบคุณนะสำหรับทุกอย่างเลย”
มือบางจับข้อมือใหญ่ อุณหภูมิอุ่นแผ่ซ่านให้กับคนมือเย็น “ขอบคุณนะสำหรับทุกอย่างเลย”
ทะเลไม่ตอบอะไร แค่พยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องมาเงียบ ๆ มืออุ่นไม่ได้รั้งอะไร เขาหวังว่าคงไม่ได้ยินเสียงใครก็ตามร้องไห้จากห้องนั้นออกมา ทะเลใช้เวลารอด้วยการอ่านหนังสือที่ที่พี่เหนืออ่านค้างไว้ เขาเห็นมันจากโต๊ะกินข้าวตั้งแต่เมื่อเช้า เป็นนวนิยายของฝรั่งเศสที่แปลเป็นอังกฤษ
ความรักที่สวยงามเกิดขึ้นได้แม้กระทั่งชีวิตไร้ความหวังที่สุดอย่างในคุก
กว่าชั่วโมงที่ทะเลพยายามใช้สมาธิกับเรื่องราวของชายหนุ่มอดีตนักแสดงโอเปร่ากับหนุ่มฉกรรจ์เจ้าของภัตราคารทั้งคู่เป็นแพะในคดีของนายทุนกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวพันกัน นอกจากชะตาจะพาทั้งคู่มาเจอกันแล้ว ยังพบเจอเรื่องราวโหดร้ายจากคนชนชั้นนำที่ทำให้ต้องมาอยู่ในเรือนจำเดียวกัน การต่อสู้ท่ามกลางความยากลำบากในคุกที่โหดร้าย กับการทวงถามความยุติธรรมของตนเอง กลายเป็นสายใยความรักที่จุดติดในสถานการณ์ที่ดับมืดที่สุด
สายตาของหนุ่มนักเรียนมอปลายจ้องมองไปยังห้องเล็กข้างห้องนอนทุกสิบนาที ก็ยังไร้รี่วี่แววความเคลื่อนไหว จนเขาอ่านหนังสือมาได้ครึ่งเรื่อง ประตูห้องนั้นก็ถูกเปิดออกจากคนด้านใน ตาโตแดงและบวมเล็กน้อย ร้องไห้อีกแล้วสินะ ภาพที่ทะเลไม่อยากเห็นก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เขาลุกเดินขึ้นไปหาจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีดำสนิท ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบเบา ๆ ที่แก้มที่ยังเปียกชื้นหยาดน้ำ
“เราต้องไปก่อน เขาจะมารับ”
“ตัดสินใจแล้วหรอ” แม้จะกลัวคำตอบ แต่ก็ต้องถาม ไม่อย่างนั้นก็คงคาราคาซัง
“ยัง ยังไม่ตัดสินใจ คุยกันทางโทรศัพท์มันไม่เหมือนเห็นหน้านี่ จริงมั้ย” ตากลมโตที่แดงก่ำมองลึกเข้ามาที่ดวงตาของคนตัวสูง ไม่รู้ความหมายของมันคืออะไรกันแน่ ขอโทษ อาวรณ์ หรือแค่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้เลย
เสียงกดออดที่ประตู ทำให้การประจันสายตาต้องหยุดลง ทะเลมองที่นาฬิกาก่อนจะพบว่าล่วงเลยมาจนบ่ายโมงเข้าแล้ว แม่บ้านของคอนโดคงเอาเสื้อที่ฝากซักมาส่ง เขาเดินไปรับก่อนจะกลับมาส่งคืนให้เจ้าของ “แต่งตัวเถอะ เดี๋ยวลงไปส่ง”
บรรยากาศในลิฟต์เงียบเชียบราวกับไม่ได้บรรจุผู้โดยสารทั้งสองคนในนั้น คิมหันต์และทะเลยืนข้างกันแบบเว้นระยะห่าง สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้มีหลายอย่างที่อธิบายมไม่ได้ เป็นความรู้สึกที่เขาทั้งคู่เหมือนจะเข้าใจ แต่แล้วพอพยายามหาคำตอบก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี แน่นอนทะเลชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเอง แต่เขาก็ไม่อาจก้าวล่วงเลยคำว่าเพื่อนที่ให้กับคนข้าง ๆ ได้ ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่แน่ใจว่าคนตัวสูงเลยไหล่ของเขาจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราสองคน
แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอน คือ เขากำกลังกลับไปหาผู้ชายคนที่ทำให้เขาร้องไห้
มีต่อ
ตอนที่ 10
ร้อนนี้ที่คิดถึง
[/size]
เสียงไฟจากหลอดนีออนหลายดวงติดหลังคารถเข็นบะหมี่เฟรนไชน์กลางเก่ากลางใหม่ ให้แสงสว่างกับลูกค้าที่มายืนรอซื้ออาหาเย็น และลูกค้าที่จับจองโต๊ะสำหรับดินเนอร์มื้อนี้ ผู้ชายในชุดเสื้อนักศึกษาไร้เนกไทด์ ตรงข้ามมีหนุ่มนักศึกษาแต่งกายถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า เดาไม่ยากว่าอยู่รั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน มีโต๊ะสีแดง ตะกร้าเครื่องปรุง และกล่องใส่กะเกียบกั้นระหว่างพวกเขา
ทว่าความรู้สึกไม่ได้ถูกกั้นขวางอีกต่อไป
จะบอกว่าจบสิ้นระยะแห่งการรอคอยก็คงไม่ผิดนัก
เพระมันสิ้นสุดแล้วในความรู้สึกของทะเล
สิ้นสุดเสียงเรียกของทะเลในลานจอดรถ แม้คนถูกเรียกจะดูตกใจ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีหลีกหนีการพบเจอโดยบังเอิญครั้งนี้ คิมหันต์เป็นฝ่ายปิดประตูรถที่เปิดค้างไว้ก่อนจะเดินอ้อมมาหา เขาเดินตรงมาด้วยใบหน้าไร้อาการตื่นตระหนก ไม่มีความกังวล ไม่มีกระทั่งความสับสนในนั้น กลายเป็นทะเลที่รู้สึกแทนไปซะทุกอย่าง
คิมหันต์ไม่ได้พูดอะไร พอกันกับคนที่ยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับไปไหน สายตาคมประสานรับกับดวงตากลมโตที่นานแล้วที่ไม่ได้จ้องมองเข้าไปในนั้น ทะเลพยายามหความหมายที่ปรากฏในนั้น เขาไม่กล้าคิดว่าอีกฝ่ายก็ดีใจที่ได้เจอกันในวันนี้ มันช่างต่างจากวันที่เราต้องบอกลากันอย่างไม่ยินดี
ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของอีกคิมหันต์และธนนท์เป็นอย่างไรจากวันนั้น แต่คนตรงหน้าตัดสินใจเลือกแล้ว ก็คงดีอย่างที่ทะเลคาดไม่ถึงเลยล่ะมั้ง
“จ๊อกกก จ๊อกกก”
เราทั้งคู่ย้มให้กัน เสียงร้องทักราวกับระฆังเวลาลั่น ทว่าเป็นเสียงท้องร้องจากคนตรงหน้านี้เอง “กินข้าวกันมั้ย
ประโยคแรกที่หลุดจากปากผู้ชายร่างสูง ก่อนจะหลุดหัวเราะน้อย ๆ กลัวจะเสียมารยาท แค่นี้ก็ประดักประเดิดพอแล้วกับการได้กลับมาเจอกันในลาดจอดรถอากาศอบอ้าวแบบนี้
“อื้ม ไปกินข้าวกัน”
ทั้งที่มันควรเป็นคำว่าสวัสดีหรือสบายดีไหม กับกลายเป็นประโยคชวนกินข้าวได้ยังไง แต่พอมองเห็นคิมหันต์กำมือก่อนจะป้องปากหัวเราะออกมา ก็คิดว่าดีแล้วที่มันเป็นประโยคนี้ ไม่งั้นภาพความทรงจำสุดท้ายคงทำเราทั้งคู่มวนท้อง ตระหนก และสิ้นสุดคำทักทายก็ต่างแยกย้าย ซึ่งมันควรพอสักที
เสียงกิจกรรมสุดคึกครื้นของยามเย็นในมหาวิทยาลัยทำให้ทั้งคู่เดินข้างกันอย่างไม่อึดอัดนัก จุดมุ่งหมายคือร้านก๋วยเตี๋ยวข้างรั้วมหาวิทยาลัยที่เปิดขายเฉพาะตอนเย็น เป็นร้านยอดฮิตของนักศึกษาและคนทำงานแถบนี้ ทั้งที่ไม่ได้มีการตกลงว่าจะกินร้านไหนแต่ก็เดินมาถึงจุดมุ่งหมายเดียวกันราวกับอ่านใจออก
“เล็กน้ำไม่งอกครับ”
“ใหญ่โฟต้มยำครับ”
จากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่นั่งรอก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไปเงียบ ๆ จุดเริ่มต้นที่ต้องถามไถ่มันต้องเริ่มจากอะไร ทะเลไม่ถนัดจริง ๆ หากจะรอให้คนตรงถามเปิดประเด็นก็ดูจะขี้ขลาดเกินไปหน่อย
“เล็กน้ำไม่งอก ใหญ่โฟต้มยำจ้าหนุ่ม ๆ”
“ขอบคุณครับ/ขอบคุณครับ”
เจ้าของร้านวัยเลยสี่สิบยกก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟขัดความประดักประเดิดพอดี นั่นเลยทำให้เราทั้งคู่เงยหน้ามาสบตากันขณะที่กำลังแจกจ่ายตะเกียบและช้อน ทะเลหาตะเกียบคู่ที่พอดีส่งให้ เช่นเดียวกับคิมหันต์ที่หยิบช้อนให้
“ไม่ปรุงหรอ” เจ้าของผมสีน้ำตาลถามขึ้น
“ร้านนี้ไม่ต้องปรุงก็อร่อย ลองดูดิ”
คิมหันต์ตักน้ำซุปใสขึ้นซดตากลมโตเบิกขึ้นราวกับไม่ได้ลิ้มลองรสชาติอะไรแบบนี้มาก่อน “เหย อร่อยอะ ถึงว่าคนเยอะมากเลย”
ทะเลพยักหน้าและเริ่มกินของตัวเองบ้าง ทั้ง ๆ ที่มันควรมีความประหม่รกว่านี้สักหน่อย แต่กลายเป็นทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เนิบนาบ และธรรมชาติอย่างคาดไม่ถึง อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวของคิมหันต์มักเปล่งประกายความสะบายใจ และพลังบวกให้คนรอบข้างเสมอก็ได้
หนุ่มประธานชมรมวิชาการมองผู้ชายตรงหน้าที่กำลังก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวด้วยความหิวโหย ราวกับว่าไม่ได้กินอาหารมานานอย่างนั้น “กินข้าวครั้งล่าสุดเมื่อไหร่”
“อ๋อ เอื้อเอ้า (อ๋อ เมื่อเช้า)”
“เคี้ยวก่อนค่อยตอบ”
“อื้อ เมื่อเช้า ก็ยุ่ง ๆ ทั้งวันเลย โดนเรียกตัวไปคัดหลีดคณะ แล้วก็เดือนคณะอะไรไม่รู้วุ่นวายไปหมด ไม่รู้ต้องทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ตอนกลางวันจะแอบออกไปซื้อขนมก็ไม่ทัน โดนเรียกไปก่อน นี่ก็เลยรวบเป็นมื้อกลางวันกับเย็นไปเลย” คนที่เคี้ยวก๋วยเตี๋ยวหมดปากพูดยาวเหมือนอัดอั้น
“แล้วตกปากรับคำพวกรุ่นพี่หมดเลยดิ”
“อ่าฮะ ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงอะ อีกอย่าง...เป็นแค่ปีหนึ่งไม่ทำจะโดนเพ่งเล็งมั้ยอะ” หลังจากพูดจบคิมหันต์คีบลูกชิ้นกุ้งเข้าปาก
“ไหวก็ทำไป แต่ถ้ามันรบกวนชีวิตการเรียนก็บอก จะคุยให้”
“จริงอะ ไหนบอกมาหน่อยซิ ว่าคุณทะเลจะพูดยังไง”
“ก็เอาตำแหน่งป๊อปปูลาร์โหวตปีที่แล้วไปคุย”
“เหยดดดดดดดดด อย่างขิงเหอะ”
นี่ไงทะเลไม่ได้คิดไปเองคนเองที่บรรยากาศมันดูสบายเกินไปแล้ว จนเขาแอบดีใจที่มันเป็นแบบนี้ ถ้าหากมันจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อสองปีก่อนเร็วกว่าที่คิด ไม่กล้าคิดไปไกลกว่านั้น และไม่กล้าให้เขารู้ว่ายังไม่ลืม ไม่มีทางลืม ไม่มีวันลืม คนตรงหน้าได้แม้แต่วินาทีเดียว
“คิม...สบายดีนะ” สุดท้ายมันเหมือนถึงจุดที่ต้องคุยกันอย่างจริงจังบ้าง ไม่เช่นนั้นก็คงมีมวลที่ทำให้มวลท้องไม่หายไปสักที
“อื้ม สบายดีนะ ทะเลอะ” คนถูกถามอมยิ้ม และแน่นอนมันสื่อออกมาถึงดวงตาของเขา ว่าหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่หลงเหลือคิมหันต์คนล่าสุดที่เจอกันอีกแล้ว
“ก็ดี” ทะเลพยักหน้ารับ พร้อมเขี่ยลูกชิ้นปลาในถ้วยไปด้วย การไม่สบตาคิมหันต์ถือว่าผิดมหันต์เลยล่ะ เพราะเจ้าตัวไม่เชื่อทันทีที่ทำแบบนั้น
“หรอ ทำไมสบายดีต้องหลบตากันด้วยอะ”
“กินเหอะ เส้นจะอืดหมดแล้ว”
คนถามหรี่ตาเพราะแทนที่จะได้รับคำตอบ คนถูกถามกลับเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องอื่น แน่นอนคนเฉไฉมีท่าทีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร นอกจากจับตะเกียบแล้วกินก๋วยเตี๋ยวที่เหลือในชามต่อไป มันน่าจะไม่ใช่จังหวะที่มาอธิบายความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่นัก ทะเลคิด
ไม่จบแค่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว คนที่หิวยังสามารถกินของหวานตามได้อีก จึงชักชวนคนตัวโตที่กินก๋วยเตี๋ยวไปสองชามนั่งกินขนมหวานกันต่อ “เอาซาหริ่ม ขนุน แล้วก็ทับทิมกรอบครับ น้ำกะทิ ทะเลกินด้วยกันสิ”
“เอาอะไรก็ได้ครับที่กินกับน้ำลำใยอร่อย”
“ทำไมถึงสั่งน้ำลำใยอะ”
“ดูอ้วนน้อยสุดแล้ว”
“เฮ้ย นี่ว่าเราอ้วนหรอ!” คิมหันต์ใช้กำปั้นกระแทกไหล่ของทะเลไม่แรงมาก เจ้าตัวยกยิ้มขำที่โดนล้อว่ากินอาหารอ้วน ๆ ส่วนทะเลก็ทำได้แค่ยิ้มเหมือนกันเท่านั้น
เราทั้งคู่ไม่ได้นั่งกินที่ร้านแต่เลือกที่จะเดินกลับมาที่อาคารจอดรถ เพราะระยะทางไกลพอสมควร อีกอย่างท้องฟ้าก็ดูไม่ปกติ ดูเหมือนฝันกำลังตั้งเค้าและทำท่าจะตกลงมาในไม่ช้า เปิดเทอมในช่วงฤดูฝนก็แบบนี้แค่วันแรก็เหมือนจะเปียกชุ่มต้อนรับกันแล้ว
“ครืด ครืด”
“ครับม้า กำลังจะกลับครับ มีอะไรหรือเปล่า...ลมน่าจะอยู่คณะ งั้นเดี๋ยวแวะไปให้ครับ ครับ”
“...”
“เดี๋ยวต้องแวะไปหาลมก่อนนะ กลับก่อนเลยก็ได้”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเดินไปด้วย” ทะเลพยักหน้ารับ และเคี้ยวขนมต่อ “นี่วอลเปเปอร์หน้าจอ ใช่รูปที่เราวาดให้หรือเปล่า”
“...”
คนช่างสังเกตอย่างคิมหันต์เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะมองไม่เห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว ทะเลตั้งรับไม่ทันไม่รู้จะตอบกลับยังไง ทำได้แค่ตักขนมเข้าปากแก้เก้อ และรีบเดินนำไปก่อน ขายาวสาวเท้าเร็ว ๆ เพื่อเดินไปคณะสถาปัตย์ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่
“อย่าเดินเร็วดิตามไม่ทันแล้ว!”
ทะเลไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งแต่ดันหยุดเดินเฉย ๆ “เฮ้ย! ฉิบหาย”
แต่ลืมคิดไปว่าอีกคนก็ถือถ้วยขนมหวานอยู่ และเป็นอย่างที่คิดว่ามันหกเลอะเทอะเสื้อนักศึกษาของทะเลเต็มไปหมด เศษเครื่องเคียงและน้ำกะทิราดลงบนเสื้อสีขาวเป็นวงกว้าง คนทำตกใจพอสมควร แต่คนหยุดเดินหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่า ๆ ๆ”
“ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก ซาหริ่มหกหมดเลยเนี่ย ยังไม่ได้กินเลยนะ”
“ก่อนห่วงขนมห่วงนี่ก่อนมั้ย เสื้อผมเลอะไปหมดแล้วนะครับ”
“ช่วยไม่ได้ป่ะวะ อยากแกล้งทำไม” มือขาวเก็บเศษขนมหลากสีที่หกเลอะหลังเสื้อลามไปถึงกางเกงลงถ้วยขนมที่เดิม ปากเล็กบ่นงึมงำที่ตัวเองไม่ได้กินขนมเลยแม้แต่นิด เพราะจะเก็บไว้กินทีหลังเพราะเป็นของโปรด “อยู่นิ่ง ๆ เลย แม่งยังจะมาหัวเราะอยู่ได้”
ทะเลเอี้ยวตัวมามองว่าอีกคนกำลังจะทำอะไร ก็เห็นว่าเขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงและกำลังจะเช็ดรอยเปื้อนออกให้
“ไม่เป็นไร ๆ ช่างมัน เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำล้างเอา”
“เฉย ๆ เหอะน่า”
“ผ้าเช็ดหน้าจะเปื้อน”
“แล้วจะให้ประธานชมรมวิชาการไปเจอคนอื่นสภาพนี้หรือไง”
“รู้? รู้ได้ไง”
“รู้แล้วกันน่า ยืนนิ่ง ๆ ดิ”
ทะเลคิดว่าการที่จะปล่อยให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำความรู้จักกันใหม่เริ่นต้นที่ฐานะเพื่อนไม่น่าจะแย่เท่าไหร่ แต่กลายเป็นว่ามันมีอะไรหลายอย่างที่ทะเลเริ่มไม่แน่ใจ และสับสน คนที่กำลังหลบสายตาขณะใช้ผ้าเช็ดหน้าสีพื้นเช็ดเสื้อของเขามันน่าจะมีคำตอบหลายอย่าง ถ้าไม่รีบคุยกันอย่างเปิดอก ทะเลน่าจะต้องอกแตกตายไปก่อน
สองปีที่อยู่ตรงนี้อย่างที่ไม่เคยรู้อะไรเลย
คิดว่ามันสบายหรือทรมานมากกว่ากัน
จินตนาการไม่ออกหรอกครับ ถ้าไม่เคยเจอ
-----------------------------------------
มีต่อ