นายเกียรติชัยถูกดำเนินคดีข้อหาจ้างวานฆ่า เจ้าตัวปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่ได้สั่งให้ทำร้ายถึงชีวิต แค่ต้องการให้ได้รับบาดเจ็บเพื่อที่ตัวเองจะได้เข้าไปดูแลงานในตำแหน่งประธานรามิลกรุ๊ปแทนเท่านั้น
คุณเชิดศักดิ์โกรธมาก นึกไม่ถึงว่าน้องเขยจะมีสันดานคดโกงและละโมบถึงขนาดคิดปองร้ายหลานเพื่อแย่งตำแหน่ง จึงสั่งให้กรรมการของบริษัทรวบรวมหลักฐานการฉ้อโกงทั้งหมดและแจ้งความดำเนินคดีไปพร้อมกันเลย
การกระทำของนายเกียรติชัยครั้งนี้เลวร้ายอย่างมหันต์จนคุณเครือวัลย์เองก็สิ้นสุดความอดทนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสามี จึงขอแยกทางจากนายเกียรติชัยเพื่อความสุขของครอบครัวพี่ชาย และเพื่อเธอกับลูกสาวอีกสองคนจะได้อยู่อย่างสงบสุขซะที
คุณเชิดศักดิ์ขอให้กานต์รวีกลับไปช่วยเตชิตทำงานที่บริษัท แต่เตชิตไม่เห็นด้วย อ้างกับบิดาว่าโมจิยังเล็กมากไม่อยากให้แม่บ้านเป็นพี่เลี้ยงและอยู่ตามลำพังกับลูกทั้งวัน คุณเชิดศักดิ์เห็นด้วยกับลูกชายจึงเสนอให้เอาโมจิไปฝากให้ปู่กับย่าเลี้ยงที่บ้านใหญ่ ส่วนป๊ะป๋ากับอาวีก็ไปทำงานด้วยกันซะ ตอนเย็นค่อยไปรับลูกกลับ แต่ถ้าย้ายไปอยู่ที่บ้านใหญ่ด้วยกันหมดเลยก็เป็นเรื่องที่ดี จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อย
ข้อเสนอของคุณเชิดศักดิ์ทำให้ครอบครัว พ่อ- พ่อ- ลูก ต้องนั่งปรึกษาหารือกัน
“ไม่ได้นะ!! คุณทาโร่.. ถ้าไม่ได้เลี้ยงน้องแล้วอ้อจะทำอะไร เธออุตส่าห์ลาออกจากบริษัทมาเป็นแม่บ้านและพี่เลี้ยงให้โมจิ ถ้าส่งโมจิไปอยู่กับปู่เธอก็ไม่มีงานทำน่ะซี...”
ปี๊ด!! .. ((จริงด้วยฮะ.. สงสารน้าอ้อ เดี๋ยวไม่มีงานทำ..)) โมจินั่งอยู่ระหว่างกานต์รวีและเตชิต ในมือถือตุ๊กตาลูกเป็ดสีเหลืองบีบเสียงดังปี๊ดๆ คอยสนับสนุนบทสนทนาของอาวีกับ ป๊ะป๋าทาโร่..
“ก็ให้ตามไปเลี้ยงที่บ้านโน้น หรือไม่ก็__”
เตชิตตอบยังไม่ทันขาดคำเสียงใสก็ขัดขึ้น
“แปลว่าคุณเห็นด้วยเหรอ.. ผมว่ามันไม่สะดวกนะ ที่จะเอาลูกไปฝากทุกๆ เช้าก่อนไปทำงาน แล้วผมก็เกรงใจท่านด้วย”
มือเล็กตบแปะบนตักป๊ะป๋า.. เงยหน้าขึ้นส่งเสียง
“อ๊า!..” (( ช่ายยยย~~ฮะ ไม่ดีหรอก ป๊ะป๋า.. )) “ฉันก็ไม่เห็นด้วย..”
เตชิตอุ้มโมจิยืนหันหน้าพิงกับพนักโซฟา ร่างเล็กออกอาการดีใจที่ได้ยืน พยายามทรงตัวด้วยท่อนขาเล็กแต่แข็งแรง สองมือเกาะพนักหันมายิ้มหวานให้กานต์รวี
“อ๊ะ!.. อ๊ะ!..” กานต์รวีจุ๊บแก้มลูกก่อนแหวใส่เตชิต เพราะนึกว่าอีกฝ่ายคิดจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านใหญ่
“ไม่เอานะ!!.. ถ้าคุณจะกลับไปอยู่บ้านโน้น ก็ไปคนเดียว ผมกับโมจิจะอยู่ที่นี่ ข้อตกลงของเรา คุณขออยู่ร่วมเป็นครอบครัวกับผมและโมจิ ไม่ใช่ให้ผมกับลูกไปอยู่ร่วมกับครอบครัวของคุณ..”
“เนอะ ลูก เนอะ” กานต์รวีกระซิบถามเจ้าตัวเล็กให้เป็นพวกด้วย
“อ๊ะ!..” (( ช่าย ~ช่าย~ อาวีพูดถูก )) โมจิพยักหน้าหงึก.. “นายไม่ชอบคนที่บ้านฉันเหรอ..”
“เอ่อ” เสียงใสอ่อนลงทันที “เปล่านะ ผมชอบทุกคนแต่ผมไปอยู่ร่วมเป็นครอบครัวด้วยไม่ได้หรอก ผมไม่ชินกับการอยู่กับครอบครัวใหญ่ๆ ตั้งแต่เล็กผมอยู่กับพี่ชายแค่สองคน โตขึ้นมาก็มีแค่พี่สะใภ้กับโมจิที่เป็นครอบครัวของผม”
ใบหน้าหวานหม่นเศร้าเมื่อพูดถึงพี่ชายและพี่สะใภ้ที่จากไป คว้าร่างเล็กที่ยืนพิงพนักสบายอารมณ์อยู่มาสวมกอด โมจิกอดอาวีหมับและซบไหล่เหมือนปลอบใจ
เตชิตขยับเข้าใกล้ร่างเพรียวและโอบกอดทั้งอาและหลานไว้
“รู้ได้ยังไงว่าฉันคิดจะกลับไปอยู่บ้านโน้น ฉันไม่เห็นด้วยกับทุกข้อเสนอของพ่อ ฉันจะปฏิเสธท่านว่าเราไม่ไป และยืนยันที่จะเลี้ยงลูกเอง”
“จริงๆ นะ” กานต์รวีดีใจเพราะอยากเลี้ยงลูกเอง ไม่อยากอยู่ห่างหรือเอาไปให้คนอื่นเลี้ยง..
“จริงซี.. ลูกกำลังน่าฟัดน่ากอดแบบนี้ นายไม่อยากให้คนอื่นเลี้ยงแน่”
ร่างสูงแนบชิดร่างเพรียวอย่างจงใจ จมูกโด่งอยู่ห่างแก้มกานต์รวีไม่ถึงคืบ อีกฝ่ายรู้ทันรีบขยับร่างเล็กให้มายืนเป็นกันชน มือเล็กตีแปะหน้าป๊ะป๋า..
“อ๊ะ อ๊ะ~~” (( แก้มนู๋ดีกว่าปะป๋า~~ แก๋มนู๋หอมกว่า นุ่มกว่าด้วย~~..))กานต์รวีหัวเราะ
“ใช่!!.. ผมอยากเลี้ยงเอง แกกำลังน่าฟัด น่าหมั่นเขี้ยวจะตาย”
“ช่าย~~ น่าหมั่นเขึ้ยวที่สุด รู้มากด้วย อย่างนี้ต้องฟัดให้ตายเลย ชอบเป็น กอ ขอ คอ ดีนัก ฮึ่ม!!..” เตชิตคว้าร่างเล็กฟัดที่ท้อง โมจิหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ
“แล้วท่านจะว่าผมเรื่องมากรึเปล่า อุตส่าห์ให้กลับไปช่วยงานที่บริษัทก็ไม่ไป ..”
“ท่านจะมาว่าได้ยังไง เป็นสิทธิของนายที่ต้องการเลี้ยงลูกเองและทำงานอยู่กับบ้าน ฉันจะเอาบัญชีของบริษัทย่อยในเครือรามิลบางตัวมาให้นายทำที่บ้านด้วย”
“จริงเหรอครับ ดีจังเลย.. แต่ว่า.. เรื่องงานของผม คุณไม่ต้องห่วงนะ คุณกรบอกว่าถ้าผมยังรับทำงานอยู่ที่บ้าน เขาจะช่วยหางานบัญชีมาให้ คุณกรว่าบางเดือนสำนักงานของเขารับงานบัญชีมากกว่างานกฎหมายซะอีก”
คิ้วเข้มขมวดเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงกรัณย์กรด้วยน้ำเสียงสดใส
“ไม่จำเป็น!!.. ไม่ต้องไปยุ่งกับเจ้าคาเบะเลย”
น้ำเสียงขุ่นของเตชิตทำให้ ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนตักเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋วเพราะนึกว่าถูกดุ
คิ้วเรียวขมวดบ้าง ...เอาอีกแล้วนะ หวงไม่มีเหตุผลอีกแล้ว พูดถึงคุณกรหน่อยไม่ได้เลย...
เสียงทุ้มอ่อนลงเมื่อเห็นสายตาเขียวปั้ดของกานต์รวี
“แค่งานที่ฉันหามานายก็ยุ่งจนจะไม่มีเวลาดูลูกแล้วนะวี.. ไหนจะงานของคุณภาอีกล่ะ ไม่ต้องรับงานเพิ่มจากเจ้าคาเบะหรอก..”
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้ คุณไปบอกคุณลุงล่ะกัน ว่าผมขอทำงานอยู่กับบ้านและเลี้ยงลูกไปด้วย” กานต์รวีอุ้มร่างเล็กขึ้นซบไหล่
“ผมพาโมจิไปนอนก่อนนะ”
“อะฮะ” เตชิตระบายยิ้ม มองตามร่างเพรียวอุ้มลูกชายวัย 9 เดือน พาไปกล่อมนอน
.... ใครจะยอมย้ายกลับไปอยู่บ้าน ที่มาอยู่นี่ก็เพราะอยากใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดกับกานต์รวีเพื่อสานความรู้สึกที่มีต่อกัน เขาจะต้องเลื่อนฐานะตัวเองจากที่เป็นแค่พ่อบุญธรรมของลูก เขาจะควบตำแหน่งคนรักของอาวี.. ให้ได้ในเร็ววันนี้ เพื่อให้เราเป็นครอบครัวที่มีความ สัมพันธ์กันอย่างแท้จริง อีกไม่นานหรอก วี.. ฉันจะทำให้นายใจอ่อนและยอมรับฉันให้ได้.. ^.^ .... T H E ------
------- E N D
อ้าปากหวอตะลึงงันกันไปเลยใช่มั้ย!!!!!
เจ๊หมวย ต้องขออภัยถ้าทำให้เพื่อนๆ น้องๆ ผิดหวัง
เจ๊หมวยขอจบเรื่องเจ้านายจ๊ะจ๋าแต่เพียงเท่านี้ เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ดำเนินมาจนถึงจุดที่เตชิตและกานต์รวีต่างก็รู้ใจตัวเองแล้ว ได้อยู่ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วด้วย ไม่ต้องเขียนต่อทุกคนก็สามารถจิ้นได้แล้วว่าเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร
นิยายเกือบทุกเรื่องที่เจ๊หมวยเขียน เนื้อเรื่องดำเนินไปจนพระเอกนายเอกมีฉากลงเอยสวีทหวานกัน เรื่องเจ้านายฯ จึงตั้งใจจบแค่นี้จริงๆ
เจ๊หมวยเป็นสมาชิกใหม่ที่นี่ก็จริง แต่เป็นนักเขียนรุ่นเก๋าพอสมควร บางคนเพิ่งรู้จัก แต่หลายคนก็รู้จักมานานเกือบ 5 ปีแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ๊หมวยแต่งนิยายให้เพื่อนๆ น้องๆ ในบ้านพ่อได้อ่านอย่างต่อเนื่องมาตลอด ถึงเวลาที่ต้องหยุดพักสายตาและสมองบ้างแล้ว
หวังว่านิยายแด๊ดดี้เลิฟของเจ๊หมวยคงสร้างความสุขและอบอุ่นในหัวใจให้เพื่อนๆ น้องๆ ในเล้าเป็ดบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะคนที่อยู่ไกลบ้าน เจ๊หมวยมีกำลังใจเขียนนิยายมาจนถึงวันนี้ได้ก็เพราะเพื่อนๆ ทุกคน คนอ่านได้รับความสุข คนเขียนก็มีความสุขไปด้วย
ที่บ้านพ่อ เจ๊หมวยเร่งเขียนนิยายที่คั่งค้างไว้จนจบหมดแล้ว และประกาศหยุดเขียนนิยายชั่วคราวด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ ที่เล้าเป็ดก็คงไม่มีนิยายใหม่ๆ มาให้อ่านเช่นกัน ใครอยากอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ (ที่จบแล้ว) ของเจ๊หมวยเชิญที่บ้านพ่อค่ะ
ขอบคุณน้องๆ เล้าเป็ดที่ให้การต้อนรับนิยายแด๊ดดี้เลิฟ
และติดตามอ่านนิยายเจ๊หมวยมาตลอด
บ๋ายบายค่า