BEHIND THAT MASK (2/1) END
Rate 20+
นับตั้งแต่คืนวันฮาโลวีนก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว ฟรานซิสและออกัสยังคงอยู่ภายในบ้านหลังนั้นอย่างปกติสุขเหมือนเดิม อันที่จริงก็มีบางอย่างที่ไม่ค่อยเหมือนเดิมนั่นคือตัวออกัสเอง
ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเลยสักครั้งที่ออกัสจะรู้สึกไม่พอใจกับรสชาติเซ็กส์ของคนรัก แต่หลังจากวันฮาโลวีนคืนนั้นกลับกลายเป็นว่าเขาเสพติดเซ็กส์ที่ดุดันและรุนแรงไปอย่างไม่รู้ตัว แทบทุกครั้งที่มีอะไรกันก็เป็นเขาเองที่ร้องขอให้ฟรานซิสทำรักแรง ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นออกัสกลับรู้สึกว่ามันไม่พอ มันยังไม่ใช่ แม้ฟรานซิสจะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นแต่มันกลับให้ความรู้สึกแตกต่างจากคืนนั้นอย่างสิ้นเชิง พาลมีความคิดแปลก ๆ แล่นเข้ามาในหัวว่า หรือคืนนั้นจะไม่ใช่ฟรานซิส
บ้าหน่า จะไม่ใช่ฟรานซิสได้ยังไง
“ที่รักครับ คืนนี้ไอ้จัสตินมันชวนไปดื่ม ผมขอไปได้ไหมครับ” ฟรานซิสเข้ามาคลอเคลียคนรัก ออกัสพยักหน้าตอบรับอย่างไม่คิดอะไร ฟรานซิสไม่เคยนอกลู่นอกทางเลยไม่จำเป็นที่เขาต้องห้ามปรามอะไร อีกอย่างกลุ่มเพื่อนฟรานซิสเขาก็รู้จักดีทุกคน
“ถ้ากลับไม่ไหวก็โทรบอกนะ เดี๋ยวเราไปรับ”
“โอเคครับ!” คนตัวโตกดจูบลงที่ปากคนรักอย่างแรง ๆ หนึ่งทีเป็นการขอบคุณก่อนจะผละออกเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน
“อยู่บ้านดี ๆ นะครับ ไม่เกินเที่ยงคืนจะรีบกลับ”
“อื้อ ไม่ต้องห่วงเราหรอกหน่า ไปเถอะ ขับรถดี ๆ” ออกัสหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่ ฟรานซิสยังคงน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย ไปเที่ยวกลางคืนก็จะรีบกลับภายในเที่ยงคืนเพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วงแถมยังรายงานตัวตลอดด้วย
เมื่อส่งคนรักจนรถพ้นสายตา เขาก็เดินกลับเข้ามาในบ้านจัดการล็อคบ้านอย่างเรียบร้อย แล้วขึ้นมาทำงานต่อที่ห้องนอน ทำจนลืมเวลาเหมือนอย่างทุกทีพอนึกขึ้นได้ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พบข้อความจากคนรักเข้ามาเป็นสิบ รีบกดเข้าไปตอบก่อนที่อีกฝ่ายจะโกรธเอา
กึก!
ออกัสสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ข้างล่าง เรียวคิ้วขมวดมุ่น หรือจะเป็นฟรานซิส? ตั้งแต่ตอบข้อความไปก็ยังไม่ส่งอะไรตอบกลับมา อาจจะเห็นเขาเงียบหายไปนานเลยรีบกลับมาดูก็ได้ คิดดังนั้นจึงวางงานและโทรศัพท์ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่าง
ทั่วทั้งบ้านมืดสนิทเพราะเขาไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ ลงมาจนถึงบันไดเกือบขั้นสุดท้ายก็กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ ทันที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟ แรงกอดรัดจากด้านหลังก็ทำเอาชะงัก
“ฟรานซ์? ทำไมกลับเร็วนักล่ะ เราไม่ได้ยินเสียงรถเลย” ออกัสพยายามหมุนตัวหันมาหา พลางส่งเสียงถาม แต่คนรักกลับไม่ตอบคำถาม ระหว่างนั้นก็ถูกดันตัวไปจนถึงโซฟาเบดตัวใหญ่กลางบ้านก่อนจะถูกผลักให้นอนลงไป
“เอ๊ะ ยังไม่ทิ้งชุดนี้อีกหรือไง ติดใจอะไรขนาดนั้น” คนตัวเล็กเอ่ยถามเมื่อเห็นคนรักใส่ชุดหนังมันเลื่อมชุดเดิมอีกครั้งด้วยความแปลกใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบรับอะไรทั้งนั้น
ระหว่างที่กำลังจะอ้าปากพูดอีกครั้ง คนตัวโตก็โถมลงมาคร่อมทับและจูบปิดปากทันทีอย่างเร้าร้อนและรุนแรง ออกัสขมวดคิ้วอย่างสงสัยไม่น้อยแต่ก็จูบกลับไปอย่างไม่อิดออด ใบหน้าภายใต้หน้ากากเลื่อนลงมาซุกซอกคอขาวดอมดมความหอมหวานอย่างย่ามใจ
มือทั้งสองข้างที่ว่างก็ปลดชุดของคนใต้ร่างออกอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยริมฝีปากที่ลงมาครอบครองจุดสีอ่อนทั้งสอง แม้ทุกอย่างจะชวนให้สับสนและรวดเร็วเหลือเกิน แต่ออกัสก็โอบรัดรอบศีรษะพลางแอ่นอกให้อย่างเต็มที่ ริมฝีปากร้อนไล่ลงไปจนถึงแกนกายก่อนจะรับตัวตนของเขาเข้าไปในโพรงปาก พร้อมกับก้านนิ้วที่สอดเข้าไปในช่องทางพร้อมกันทีเดียว 3 นิ้ว
“เฮือก! จะ ใจเย็น อ่า ฟะ ฟรานซ์”
เรียวขาขาวทั้งสองข้างถูกจับให้ขึ้นไปวางบนบ่า แต่ก่อนที่อะไร ๆ จะมากไปกว่านี้ เสียงประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟที่สว่างไปทั่วบ้าน
“นี่มันอะไรวะ!!!!” ออกัสสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงตวาดลั่น เขารีบถดกายขึ้นนั่งด้วยความมึนงง มองฟรานซิสกับชายชุดหนังที่ตัวเองคิดว่าเป็นคนรักสลับไปมาด้วยความสับสน
“มึงเป็นใครวะ!!! ทำเหี้ยไรเมียกู!!” ฟรานซิสกำลังโกรธจนแทบระเบิด เดินดุ่มไปคว้าคนที่ขึ้นชื่อว่าชู้ไว้อย่างแรงก่อนจะรัวหมัดใส่จนอีกฝ่ายนอนนิ่ง
“ นี่มันอะไรกัน!! นอกใจผมเหรอ!! ทำไมทำกันงี้วะ!” ฟรานซิสมองคนรักด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและผิดหวัง ไม่คิดเลยว่ากลับบ้านมาจะเจอภาพบาดตาแบบนี้ ตอนที่เห็นคนรักนอนครวญครางอยู่ใต้ร่างของใครก็ไม่รู้ ทำเอาเจ็บแทบบ้า
“ฮึก มะ ไม่นะ ฮึก ฟรานซ์มาได้ยังไง ละ—แล้ว คนนี้เป็นใคร ฮึก” ออกัสนั่งกอดร่างเปลือยเปล่าตัวเองพร้อมน้ำตาที่ไหลเป็นทาง พยายามส่งสายตาบอกคนรักว่ามันไม่ใช่อย่างที่เห็น
“หึหึ” เสียงหัวเราะที่ดังแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งคู่หันไปมองคนที่นอนหัวเราะอยู่บนพื้นด้วยสายตาไม่เข้าใจ ฟรานซิสลุกขึ้นกระชากอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะดึงหน้ากากหนังนั่นออก
“มึง!!!!!!” ผู้ชายคนนั้นคือรอน เพื่อนบ้านอีกหลังของคนทั้งคู่ที่มองฟรานซิสด้วยแววตาเยาะเย้ยแล้วเบนสายตามามองออกัสด้วยความหื่นกระหาย
“เมียมึงเด็ดดีชิบหาย”
“ไอ้เหี้ย!!! มึงตาย!!!” ฟรานซิสไม่รอช้าที่จะกระทืบจนคนปากดีนอนกุมท้องกับหน้าตัวเองอย่างหมดสภาพ ออกัสที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกชาไปทั่วร่าง หมายความว่าเขามีอะไรกับคนอื่นอย่างนั้นเหรอ แล้ววันฮาโลวีนล่ะ?
“ฮาโลวีน ...”
“หึ ใช่”
“ฮาโลวีนทำไมกัส เกิดอะไรขึ้น”
“ฮึก!! ฮือ!!!!! ไม่!!!! ไม่ ๆๆๆ ฮืออออ!!!!” ออกัสคล้ายจะเสียสติ เขารู้สึกขยะแขยงร่างกายตัวแทบบ้า ไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าจะเกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ขึ้นกับตัวเอง เขาไม่เคยคิดที่จะนอกกายหรือนอกใจคนรักเลยสักนิด ทำไมเขาถึงไม่เอะใจอะไรเลยว่ามันจะไม่ใช่ฟรานซิสก็ได้
ฟรานซิสที่เห็นคนรักร้องไห้คลุ้มคลั่งทุบตีตัวเองก็ได้แต่รีบกระโจนเข้าไปกอดปลอบ ดูจากสภาพคนรักแล้วไอ้เหี้ยนั่นต้องมาสวมรอยเป็นเขาอย่างแน่นอน ออกัสดีดตัวไปมาไม่ยอมให้คนรักกอด จนต้องล็อคเอาไว้ให้แน่นแล้วกดจูบซ้ำ ๆ ที่ข้างขมับ
“ใจเย็น ๆ นะที่รัก ไม่เอาครับ ไม่ร้อง ผมอยู่นี่แล้ว ผมไม่โกรธแล้วครับ ไม่ร้องนะ ใจเย็นๆ ” ฟรานซิสพยายามพูดปลอบประโลมคนรักให้สงบลง ก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออกแล้วเอามาคลุมร่างกายของคนในอ้อมแขนไว้
“จะร้องไปทำไมล่ะ ผมรอนผัวอีกคนของคุณไง วันนั้นเรามีความสุขกันดีไม่ใช่หรอ รูของคุณมันตอดรัดจนไอ้หนูของผมแทบขาดใจเลยล่ะ ฮ่ะฮ่า”
“ไอ้เหี้ย!!!!” ฟรานซิสกระโจนเข้าไปถีบอกจนคนปากดีหงายหลังก่อนจะลงไปต่อยซ้ำอย่างแรงและรัวแบบไม่คิดชีวิตว่ามันจะตายด้วยมือของตัว
“ฮ่ะ ๆ กะอีแค่แบ่งเมียให้กูเอามึงจะโวยวายไปทำไมวะ ทีตอนมึงเอากันไม่ปิดม่านมึงยังไม่เห็นอายเล้ย เชี่ยเอ๊ย พูดละอยากเอาอีก”
“สัตว์นรก!!” ฟรานซิสไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่าคำสบถด่า เขาลุกขึ้นกระทืบคนชั่วช้าจนมันกระอักเลือด แต่นั่นยังไม่พอใจเขาเลยสักนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่คนรักได้เจอ ยิ่งเมื่อหันไปเห็นคนรักที่แสนน่ารักของตัวเองนั่งร้องไห้แทบขาดใจมันก็ยิ่งทำให้น้ำหนักความโกรธพุ่งขึ้นสูงมากขึ้น
ฟรานซิสหันซ้ายหันขวาก่อนจะเจอกรรไกรวางอยู่บนโต๊ะก็คว้ามันมาถือไว้ในมือ พลางนั่งยองคร่อมทับตัวคนก่อเวรก่อกรรม
“ไอ้แท่งสารเลวนี่ใช่ไหมที่ทำร้ายเมียกู ดี! ต่อไปนี้มึงจะได้ไม่มีอะไรไปทำเหี้ยกับคนอื่นอีก!!!”
เพราะคนร้ายไม่เคยรู้ว่าฟรานซิสเวลาโมโหคือความน่ากลัวที่สุดที่แม้แต่คนรักอย่างออกัสก็ไม่เคยคิดอยากจะเห็น เป็นเด็กเกเรมาก่อน ชกต่อยตีรันฟันแทงมาหมดแล้วแต่เพราะได้เจอคนรักดี ๆ ฟรานซิสจึงเลิกราทุกอย่างทั้งหมด แต่เพราะครั้งนี้มันมีคนลองดีก็จะได้เห็นดีเข้าจริง ๆ
ฟรานซิสใช้นิ้วคีบอวัยวะเพศชายที่ห่อเหี่ยวลงไปด้วยความหวาดกลัวของเจ้าของขึ้นมาด้วยท่าทางแสนจะรังเกียจ ก่อนจะง้างกรรไกรแล้วตัดฉับเข้าไปที่โคน ไม่เหลือแม้แต่ซาก เลือดกระฉูดเปรอะเปื้อนจนน่ากลัวแต่ฟรานซิสกลับไม่สนใจมัน แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อเสียงใครบางคนก็ดังขึ้นที่หน้าประตู
“พอก่อนเถอะครับ เดี๋ยวมันตาย”
“คุณเดฟ?”
“ครับ เฮ้อ ผมเคยอวยพรไปแล้วแท้ ๆ แต่สู้ความบาปคนเราไม่ได้เลย”
“คุณหมายถึงอะไร”
“มันเป็นโรคจิตสารเลวที่แฝงตัวอยู่ในแถบนี้ ไอ้นี่น่ะมันเคยทำแบบนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง โดนจับไปแล้วก็หนีออกมาได้ บางครั้งก็จับไม่ได้บ้าง เมียผมก็เคยโดนมันข่มขืนเหมือนกันแผลบนหน้าก็มาจากที่สู้กับมันนี่แหละ” เดฟเล่าเอื่อย ๆ แต่ทุกคำตอกย้ำความเจ็บปวดในวันวานของตัวเองได้เป็นอย่างดี สายตาที่มองร่างที่นอนหายใจรวยรินมีแต่ความแค้นและสะใจ
“ผมช่วยดูให้ทุกคืนเวลาคุณกลับดึก แต่ฮาโลวีนที่ผ่านมาผมกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ ส่วนคืนนี้ผมออกไปค้างนอกกับเพื่อนมา ไม่คิดว่ามันจะฉวยโอกาสนี้ทำร้ายคนรักของคุณ เอาล่ะคุณฟรานซิสถอยออกมาเถอะไปปลอบคนรักคุณซะ ผมเรียกตำรวจมาแล้วอีกไม่นานน่าจะถึง เดี๋ยวผมจะเป็นพยานทั้งหมดให้เอง”
เดฟก้าวเข้ามาใกล้ร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดด้วยสายตาเกลียดชัง เท้าเขี่ยไปตามลำตัวเพื่อคอยเช็คก่อนที่คนสารเลวจะได้รับผลกรรม ส่วนฟรานซิสก็ถอดเสื้อเปื้อนเลือดออกพร้อมกับวิ่งไปล้างมือแล้วออกมาหาคนรัก กอดปลอบคนตัวเล็กที่ยังสั่นสะท้านเพราะผลการกระทำของคนชั่ว
รอไม่นานตำรวจก็เข้ามาจัดการ โชคดีที่พยานยืนยันรวมถึงออกัสที่พยายามตั้งสติและให้การแทนคนรักว่าเป็นการป้องกันตัวเอง เพราะถ้าให้ฟรานซิสเป็นคนพูดมันอาจจะเป็นการทำเกินกว่าเหตุอาจทำให้โดนจับก็เป็นได้ ตำรวจนำตัวคนร้ายส่งโรงพยาบาลและคุมตัวอย่างแน่นหนาแล้วจากไป
“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณเป็นพยานคงลำบาก”
“ไม่เป็นไร ผมก็รอให้มันได้รับกรรมอยู่เหมือนกัน แอบสะใจชะมัดที่คุณตัดไอ้จ้อนของมัน คงไม่มีปัญญาทำอะไรใครได้อีกแล้ว”
“ถ้ายังไงคุณพาคุณออกัสไปตรวจกับจิตแพทย์หน่อยก็ดีนะครับ สภาพจิตใจอาจจะแย่ถ้ารักษาไม่ทันกลัวจะเป็นแบบคนรักผม”
“ขอโทษนะครับ คนรักคุณเป็นอะไรหรือ?”
“ซึมเศร้าครับ จนฆ่าตัวตาย”
“เสียใจด้วยนะครับ ผมจะพาเขาไปหาหมอแน่นอน ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ” ฟรานซิสยืนส่งเพื่อนบ้านก่อนจะเดินกลับเข้ามาทำความสะอาดเลือดที่เจิ่งนองและกลิ่นคาว สลับกับมองคนรักที่หลับใหลอยู่บนโซฟาไม่ไกล เขาไม่กล้าปล่อยให้คนรักอยู่ไกลหูไกลตาไกลตัวเองอีกแล้ว
ใช้เวลาทำความสะอาดนานจนเกือบจะเช้าวันใหม่ บ้านจึงกลับมาสะอาดอีกครั้งแม้ยังมีกลิ่นคาวเลือดอยู่บ้าง เขาก็ใช้วิธีแง้มหน้าต่างระบายอากาศและสเปรย์ปรับอากาศ ตรวจตราทุกอย่างเรียบร้อยก็กลับมาคนรักยังนอนขดอยู่ ทิ้งตัวลงนั่งด้านล่างโซฟาพลางกอบกุมมือเล็กนั่นเอาไว้อย่างทะนุถนอม เขาเจ็บไปทั้งใจเพียงแค่คิดว่าคนรักจะรู้สึกแย่ขนาดไหน ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนรักที่บกพร่องเหลือเกิน
ตกตะกอนความคิดอยู่สักพักจึงตัดสินใจโทรบอกนายหน้าคนเดิม เพื่อแจ้งการย้ายออกและขายบ้านหลังนี้ต่ออีกครั้ง แม้จะใช้เวลาอยู่บ้านที่มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองได้ไม่ถึงเดือนแต่จะเมื่อเทียบกับความสบายใจ บรรยากาศแย่ ๆ ที่คละคลุ้งชวนกระตุ้นความทรงจำไม่ดีให้กับคนรัก ฟรานซิสเลือกที่จะยอมเสียเงินหลายล้านนั้นไปดีกว่า
“ขอบคุณครับ สวัสดีครับ” กดวางโทรศัพท์แล้วถอนหายใจออกมาอย่างต้องการระบายความเครียด ในหัวตอนนี้กำลังพยายามคิดคำนวณรายรับ-รายจ่ายอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง อาจจะต้องกลับไปเช่าห้องอยู่ก่อนสักพักเริ่มเก็บเงินใหม่อีกรอบ อาจต้องเหนื่อยเพราะการทำงานแต่เพื่อคนรัก เขายอม
“ฟรานซ์” เสียงแหบแห้งดังขึ้นจากด้านหลัง
“ตื่นแล้วหรอครับ เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม”
“ฮื่อ” ร่างเล็กมองหน้าคนรักพร้อมกับน้ำตาคลอหน่วงที่แก้วตาสีน้ำตาลอ่อน พยายามจะไม่คิดแต่เพียงแค่ตื่นขึ้นมาความทรงจำเลวร้ายและความรู้สึกขยะแขยงตัวเองก็กลับมาเล่นงานอีกระลอก
“โอ๋ ๆ ร้องจนตาบวมหมดแล้วคนดี เดี๋ยวไปหาหมอกันนะครับ ไปตรวจร่างกายเสียหน่อยแล้วก็พบจิตแพทย์ด้วย ที่รักโอเคไหมครับ” ออกัสพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เขายังพอมีสตินึกรู้สภาพตัวเองตอนนี้ดีว่าไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจมันกำลังย่ำแย่ขนาดไหน
“แล้วก็ผมคุยกับนายหน้าเรียบร้อยแล้วนะ เราเสียค่าสัญญานิดหน่อย แต่เขายอมรับงานขายบ้านหลังนี้ต่อให้เรา เดี๋ยวผมจะลองติดต่อกับพรรคพวกดูว่ามีห้องเช่าที่ไหนที่เราจะพอย้ายไปอยู่ได้เร็วที่สุดบ้าง”
“ขอบคุณนะฟรานซ์ ขอบคุณนะที่รัก ขอบคุณจริง ๆ ฮึก”
“ชู่วว ไปอาบน้ำกันดีกว่า เดี๋ยวผมอาบให้” ออกัสต่อต้านและขืนตัวเองออกจากอ้อมแขน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนช้อนขึ้นมองคนรักด้วยความสั่นระริกและหวาดผวา
“มะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราอาบเอง เราไม่อยากให้เธอมาเห็นรอยน่ารังเกียจนั่น”
“ไม่เอาครับที่รัก เราเป็นคน ๆ เดียวกันแล้วนะจำไม่ได้หรอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่เคยรังเกียจเลย มาครับมาไปอาบน้ำกันดีกว่าแล้วพวกรอยที่ที่รักไม่ชอบใจนั่น เดี๋ยวผมจะจัดการลบพวกมันให้เอง”
…
ภายในอ่างอาบน้ำขนาดกลางที่มีผู้ชายสองคนนั่งซ้อนก่อนอยู่ ฟรานซิสใช้บาธบอมบ์ที่มีกลิ่นหอมสดชื่นเพื่อช่วยผ่อนคลายให้คนรัก มือหนาตีสบู่จนเป็นฟองนุ่มก่อนจะใช้มันลูบไปทั่วร่างกายขาวเนียน สัมผัสทุกจุดไม่มีละเว้นไม่นึกรังเกียจหรือคิดอะไรเช่นนั้นสักนิด
เมื่อนิ้วยาวปัดผ่านตุ่มไตสีอ่อนขนบนร่างกายก็ลุกชันขึ้นมา ออกัสเอนตัวพิงคนรักอย่างอ่อนแรงเมื่อมือหนาถูไถลงไปด้านล่าง กอบกุมส่วนกลางของเขาเอาไว้ด้วยฟองน้ำนุ่มจากที่นิ่งสงบเพราะความรู้สึกแย่ ๆ แต่เมื่อได้พบกับสัมผัสที่คุ้นเคยก็เริ่มตอบสนองจนแข็งขืนภายใต้ฟองน้ำ
“ไม่ต้องคิดอะไร คิดถึงแค่ผมคนเดียวก็พอ” เสียงทุ้มชวนให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอกระซิบชิดข้างริมหูก่อนใบหูที่ขึ้นสีแดงนั้นจะถูกงับและเลียเพิ่มอารมณ์ร่วม
“อ่า ฟ ฟรานซ์ จูบ ... จูบเรา” ออกัสเอี้ยวใบหน้าหันไปหาคนรักพร้อมร้องเรียกจูบ คนที่รักคู่ชีวิตมากอย่างฟรานซิสมีหรือจะปฏิเสธ ริมฝีปากหนาเข้าประกบอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะเพิ่มความจาบจ้วงเข้าไปเกี่ยวลิ้นทั้งสองไว้ด้วยกัน มือทั้งสองก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
ฟรานซิสจับคนรักให้นั่งอยู่บนปลายอ่างเอนหลังพิงกำแพงอีกฝั่งเอาไว้ ส่วนตัวเองก็กระเถิบเข้าไปใกล้แทรกไประหว่างขาทั้งสอง กดจูบดูดซับขาอ่อนเบา ๆ แต่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ขยับใบหน้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงจุดกึ่งกลางของคนรักพร้อมกับรับมันทั้งหมดเข้าไว้ในปาก เล่นลิ้นหยอกเย้าพลางใช้นิ้วค่อย ๆ ชำแรกตามรอยพับจีบเข้าไปอย่างเชื่องช้า ความรุนแรงไม่เคยมีอยู่ในหัวคนอย่างเขาอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินเสียงครวญครางและอุ้งเชิงกรานที่เริ่มขยับอย่างผ่อนคลาย ฟรานซิสก็ลุกขึ้นหยิบเจลหล่อลื่นที่ทิ้งไว้ตามที่ต่าง ๆ ในบ้านและในห้องน้ำก็มีเช่นกัน เขาใช้มันกับส่วนรักของตัวเองเพื่อเพิ่มความลื่นไหลและช่องใช้กับทางของออกัสเล็กน้อย ดวงตาคมมองหาถุงยางอนามัยที่เมื่อครู่คิดว่าหยิบติดมือมาแต่ตอนนี้กลับหาไม่เจอ จำไม่ได้ว่าเผลอโยนไปตรงไหน
“ฟรานซ์ ... เอาเข้ามา อึก เข้ามาเลย”
“เอางั้นหรอ”
“อื้อ” ออกัสใช้เสียงแหบแห้งของตัวเองพูดอย่างยากลำบากเพราะคอยแต่จะครางอยู่เรื่อย ดวงตาคู่สวยปรือปรอยและเต็มไปด้วยหยาดน้ำทำเอาคนหลงเมียแทบคลั่งตาย ส่วนที่แข็งขืนนั้นขยายใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
เมื่อถูกร้องขอฟรานซิสจึงตัดสินใจดึงให้คนรักลุกขึ้นยืนออกมาจากอ่างแล้วหมุนหันหลังเท้าแขนไว้กับขอบอ่าง จับเอวแอ่นสะโพกเข้าหาตัวเองก่อนจะค่อย ๆ แทรกกายเข้าไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งชิดโคน
ทุกจังหวะที่กระแทกกระทั้น ทุกรอยจูบ ทุกการสัมผัส เขาทำมันด้วยความอ่อนโยน เพื่อปลอบประโลมและทำให้ทุกห้วงในความคิดและความรู้สึกของออกัสจดจำเพียงแค่ร่องรอยของเขาเท่านั้น เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น หรือต่อให้ต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อลบเลือนความเลวร้าย เขาก็เต็มใจที่จะทำมันจนกว่าคนรักของเขาจะดีขึ้น
“อ่า แรง แรงหน่อย” และนี่คงจะเป็นอีกหนึ่งผลกระทบจากฝันร้ายครั้งนี้ที่เขาเพิ่งจะเข้าใจรสนิยมในเซ็กส์ที่เปลี่ยนไปของคนรักตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา
คนตัวโตเพิ่มความเร็วและความรุนแรงในการกระแทกกระทั้นมากกว่าเดิม ฟันคมขบกัด ริมฝีปากดูดดึงจนเกิดร่องรอยไปทั่วแผ่นหลัง มันออกจะดูน่ากลัวไม่น้อยแต่นั่นกลับเรียกเสียงพึงพอใจจากคนรักของเขาได้เป็นอย่างดี
“เรียกชื่อผมสิที่รัก อ่าห์ เรียก” ฟรานซิสเรียกร้องในจังหวะสุดท้าย
“ฟรานซ์ อ๊ะ! ฟรานซิส!!”
นี่แหละที่เขาต้องการ เพราะทุกความรุนแรงที่ทำอยู่เขาได้สอดแทรกความอ่อนโยนเข้าไปด้วยเช่นกัน เพื่อให้ออกัสได้รับรู้ว่า ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้คือเขา ฟรานซิสคนนี้ ไม่ใช่ใครอื่น
END