ตาหลุบต่ำลง "แต่ท่านพี่ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะไม่ส่งข่าวของท่านให้ท่านพ่อแน่นอน"
ทั้งๆ ที่ไอเรสพูดด้วยน้ำเสียงหวานหูแต่โลกัสกลับรู้สึกตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง นัยน์ตาดุๆ ยังคงจ้องร่างน้องชายของเวสเปอร์ไม่วางตา ความรู้สึกเกลียดจากเบื้องลึกตีตื้นขึ้นจนรู้สึกอยากเอื้อมมือไปหยิบดาบและฆ่ามันให้รู้แล้วรู้รอด
โลกัสเกลียดพวกนี้เข้าไส้ พวกที่ทำท่าเหมือนจะเป็นคนดีแต่แท้จริงกลับเลวกว่านักโทษประหารในคุก ซึ่งไอเรสสำหรับโลกัสแล้วก็เข้าข่ายนี้พอดี
"… อื้ม" เวสเปอร์พยายามยิ้มให้ไอเรส หลายวันที่ผ่านมาที่โลกัสเอาแต่พาเวสเปอร์หนีหัวซุกหัวซุนทำให้องค์ชายเริ่มจะเข้าใจสถานะของตัวเองในตอนนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆ
ฐานะของนักโทษ.. เหมือนในนิทานที่ท่านพ่อเคยเล่าให้ข้าฟัง
ทันทีที่หลับตาก็ปรากฎภาพร่างสูงท่าทางน่าเกรงขามนั่งอยู่บนบัลลังก์ทองบนตักมีเด็กร่างเล็กวัยซุกซนกำลังใช้มือเล็กๆ เปิดหนังสือภาพสดใสไปทีละหน้า น้ำเสียงทุ้มแฝงอำนาจค่อยๆ เอาเรื่องราวเพื่อถ่ายทอดให้เวสเปอร์ฟังอย่างใจเย็น คาดหวังอย่างยิ่งที่ลูกของตัวเองเมื่อเติบโตมาจะเกรียงไกรยิ่งกว่ารัชสมัยของตนเอง
หนังสือกล่าวถึงช่างตัดฟืนที่จู่ๆ ก็กลายเป็นนักโทษประหาร เรื่องราวมีอยู่ว่าชายคนนั้นในเวลาปกตินั้นจะเป็นช่างตัดฟืนแต่ในเวลาว่างจะเข้าไปในป่าและจับนกมาเลี้ยง ซึ่งนกแต่ละตัวที่ช่างตัดฟืนเลือกมานั้นล้วนโดนขนานนามว่านกเสียงสวรรค์ เมื่อคนอื่นมาได้ยินเข้าชื่อเสียงของช่างตัดฟืนก็ขจรขจายไปทั่วจนระทั่งถึงหูของพระราชา ทันทีที่ได้ฟังเรื่องราวของชายตัดฟืนพระราชาก็เกิดความคิดอยากครอบครอง พระราชาจึงสั่งทหารไปจับช่างตัดฟืนมาหาตนเองและสั่งให้ไปจับนกที่มีเสียงไพเราะที่สุดมาให้ ซึ่งนกที่เสียงไพเราะที่สุดของช่างตัดฟืนนั้นก็คือนกตัวแรกของเขาเอง ช่างตัดฟืนทั้งรักและหวงนักตัวนี้มากจึงเอ่ยปฏิเสธต่อพระราชาแม้ว่าโทษของการขัดใจคือการประหารก็ตาม ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของเขาทำให้พระราชารู้สึกประทับใจจึงยอมปล่อยช่างตัดฟืนไป แต่เรื่องแปลกประหลาดหลังจากนั้นก็คือไม่นานช่างตัดฟืนก็ตายส่วนนกของช่างตัดฟืนก็ไปอยู่กับพระราชาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
นิทานที่มีข้อคิดแยบยลถูกนำมาเล่าให้เวสเปอร์ฟังครั้งแล้วครั้งเล่าหวังจะกระตุ้นให้สติปัญญาลูกคนนี้เฉียบแหลมกว่าอาณาจักรใดๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่การคาดหวังมากไปก็มักจะพบกับความผิดหวังรุนแรง
ทั้งๆ ที่ร่างกายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่สติปัญญาขององค์ชายกับไม่ได้เติบโตตาม นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พ่อเวสเปอร์เกลียดเวสเปอร์เข้าไส้
ทุ่มเททุกอย่างแต่สิ่งที่ได้กลับมาคืนความว่างเปล่า
"ข้า ข้าไม่เป็นไรหรอก ไอ ข้า ข้าไม่เป็นไร" องค์ชายหัวเราะทั้งๆ ที่ตัวสั่นไปทั้งตัว มือเล็กๆ ยึดตัวโลกัสไว้เป็นหลักอย่างเหนียวแน่น "ข้าไม่เป็นไรจริงๆ"
ความรู้สึกโดนเกลียดคล้ายกับรสชาติขมปร่าในปาก
เวสเปอร์รู้สึกถึงรสชาติขมครั้งแล้วครั้งเล่าจนชินชาและหลอกตัวเองว่ามันเป็นรสหวานของความรัก ไม่ใช่รสขมของความเกลียดชัง
ลึกๆ แล้วเวสเปอร์็ยังคงคาดหวังว่ารสขมปร่าจะแปรเปลี่ยนเป็นรสชาติหวานบ้างแต่องค์ชายก็รู้ดีว่ามันเป็นได้เพียงความฝันเท่านั้นเพราะรสหวานที่ว่านั่นถูกใช้ไปจนหมดแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจดจำความรักที่ท่านพ่อเคยให้กับเขาได้ดี..
ฝ่ามือหยาบอุ่นๆ ที่ลูบหัวอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงดุแฝงอำนาจกลับนุ่มนวลเมื่อพูดกับเขา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่สิ่งเหล่านี่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
"ข้าไม่รู้จริงๆ ว่า ข้า ข้าทำอะไรผิด" องค์ชายพูดออกมาเสียงเบากับตัวเอง
ไม่ต้องการคำตอบเพราะรู้ดีว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้
โลกัสจิ้ปากไม่พอใจดึงตัวองค์ชายไปกอดและลูบหัวองค์ชายตามความเคยชินซึ่งองค์ชายก็ตอบรับด้วยการกอดเจ้าเสือตอบแน่น
ไม่กล้าสบตาน้องชายที่มีเค้าโครงใบหน้าแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกับพ่อตัวเอง
"จะให้ข้าเชื่อเจ้าทั้งๆ ที่องค์รักษ์ของเจ้ากำลังวิ่งมาทางนี้งั้นเหรอ ไอเรส!" โลกัสคำราม
เพราะในชั่วขณะที่สวมกอดองค์ชายนั้นไอเรสก็ได้แอบร่ายเวทส่งสัญญาณไปยังองค์รักษ์ของตัวเอง ซึ่งถ้าหากไม่ใช่โลกัสที่มีประสาทสัมผัสว่องไวคงไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อยว่าน้องชายของเวสเปอร์กำลังเล่นตุกติกที่สามารถฆ่าพี่ชายของตัวเองได้ถ้าหากสำเร็จ
คนมีชนักติดหลังสะดุ้งเฮือกหน้าซีดเผือด รู้สึกตกใจจนแทบบ้าเมื่อคล้ายจะถูกล่วงรู้สิ่งที่ซ่อนไว้ในใจ ความขลาดกลัวกระตุ้นให้ร่างกายสั่นเป็นเจ้าเข้า "ไม่ ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!"
ฮื่ออออ
เจ้าเสือดาวกระโจนเข้ามาขวางหน้านายของมัน ดวงตาของมันเป็นประกายกร้าวเมื่อรู้ถึงภัยคุกคาม มันสลัดตัวสองสามครั้งก่อนที่ขนของมันจะกลับมาเป็นแบบเดิมพร้อมที่จะเข้าปะทะหากอริทั้งสองตรงหน้ามันขยับตัว
โฮกก
ฟินน์กู่ร้องในลำคอเมื่อกลับเป็นเสือโคร่งสีขาวร่างยักษ์แยกเขี้ยวขู่จ้องกลับด้วยสายตาแบบเดียวกัน กรงเล็บแหลมคมที่กางออกมาทันทีเตรียมจะตะปปเจ้าเสือดาวตัวอ้วนตรงหน้า
"เจ้าแมว.." องค์ชายพูดอย่างเลื่อนลอย นัยน์ตาสั่นระริกเมื่อรับรู้ว่าแม้แต่น้องที่ตัวเองรักก็ยังหักหลังตัวเองได้ลงคอ ถึงแม้จะไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดสักเท่าไหร่แต่ท่าทีไม่เป็นมิตรอย่างรุนแรงของเจ้าเสือก็น่าจะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ดี
"แย่ แย่จังนะ ไอ" เวสเปอร์หัวเราะขืนๆ หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
บางครั้งข้าก็ไม่เข้าใจว่าข้าจะเกิดมาทำไมกัน..
คนที่ปกติมักจะร่าเริงอยู่เสมอเพราะไม่คิดมากถึงการกระทำต่างๆ ที่เข้าใจได้ยากของคนอื่น แต่ตอนนี้กลับส่งสีหน้ารวดร้าวคล้ายกับโลกทั้งใบกำลังจะพังทลาย
เมื่อสิ่งต่างๆ ที่รับรู้มาค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในหัว ละลายและตกตะกอนเป็นความเข้าใจอย่างเชื่องช้าแต่กลับฝังลึกและตรึงแน่นจนไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้ ซึ่งกว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นก็ใช้เวลานานพอสมควร
น่าแปลกจังที่ข้ารู้สึกเหมือนในอกกำลังพังทลาย น้ำ น้ำตาจมอยู่ในร่างกายข้า.. โดยมีข้าเป็นปลาตัวเล็กๆ ที่ถูกหินถ่วงลงไปเรื่อยๆ และมีปลายทางเป็นความมืดมิด
"อย่าร้องไห้องค์ชายของข้า" โลกัสเกลี่ยน้ำตาให้เวสเปอร์แผ่วเบา หน้าขึ้นเลือดฝาดจางๆ เมื่อความรู้สึกแปลกประหลาดพลุ่งพล่านในอก แต่ไม่นานเจ้าตัวก็สะบัดหัวเรียกสติของตัวเองคืนมา
เพราะตอนนี้ศัตรูกำลังเข้าใกล้เต็มทน!
เสียงฝีเท้าจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
"ท่านพี่ ข้า ข้า" ไอเรสจากหน้าซีดกลายเป็นหน้าเจื่อน ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าพี่ตัวเองจะเสียใจมากจนร้องไห้ สิ่งที่คาดเดาไว้เป็นแค่ภาพที่ท่านพี่ยอมถูกให้จับง่ายๆ เท่านั้น
"หุบปากเน่าๆ ของเจ้าไปซะ" โลกัสคำรามใส่ไอเรสจนเจ้าเสือดาวสะดุ้งเฮือกผงะกระโดดหลบเข้าข้างหลังนายตัวเอง มันพยายามจะก้าวกลับมายืนที่เดิมอีกครั้งแต่กลับพบว่าควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ มันเบิกตากว้างเมื่อสบเข้านัยน์ตาสัตว์ป่าที่แฝงพลังอำนาจที่คุ้นเคย เจ้าเสือดาวรีบหมอบต่ำลงบนพื้นตัวสั่นทันที
"เฮ้ย ฟอ ฟอรัสเจ้าไปสู้สิ" ไอเรสลนลานพยายามใช้เท้าถีบเสือดาวคู่ใจของตัวเองแต่มันกลับไม่ยอมขยับเขยื้อแม้แต่นิดเดียว
เพราะมันรู้ดีว่ามันกำลังเผชิญหน้าอยู่กับพลังของอะไร
พลังที่มันเคยพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในตอนนี้ที่มันไปเดินเล่นในอาณาเขตของพยัคฆ์ทมิฬ
พยัคฆ์ดำขบกรามกรอดเมื่อฝีเท้าพวกนั้นใกล้เข้ามาเต็มทน อีกไม่กี่อึดใจคงเข้ามาในระยะสายตาได้ ร่างหนารวบเอวองค์ชายขึ้นมาอุ้มด้วยท่าเจ้าสาวอีกครั้ง พยายามประมวลผลถึงทางรอดต่างๆ แต่เมื่อหางตาเห็นไอเรสพยายามชะเง้อหน้าหอองค์รักษ์ของตัวเองก็อดโกรธขึ้นมาไม่ได้
"สายสัมพันธ์พี่น้องสำหรับเจ้ามันไม่มีค่าเลยงั้นเหรอ ไอเรส"
เหน็บกัดอย่างเจ็บแสบแม้ว่าจะเหลือเวลาไม่มากก็ตาม
ไอเรสส่ายหน้าเศร้าๆ เมื่อนึกถึงอดีตอันหอมหวาน "มีสิ... ทำไมจะไม่มีล่ะ ข้ากับท่านพี่รักกันจะตาย"
โลกัสหันหน้าไปทางที่มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบแสยะยิ้มเมื่อคิดอะไรออก "ข้ามีข้อเสนอให้เจ้าได้แก้ตัวในสิ่งที่เจ้าทำ ไอเรส"
"ขอเสนออะไรของเจ้า อีกไม่นานทหารของข้าก็มาถึงที่นี้แล้ว" ไอเรสแค่นเสียงหึ มองพี่ชายตัวเองด้วยความรวดร้าว มือเย็นเฉียบเมื่อรับรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านพี่ร้องไห้จนตัวโยนในอ้อมกอดของพยัคฆ์ดำ
ท่านพี่.. ข้าขอโทษ
"แก้ตัวกับทหารว่าเจ้าไม่ได้เจอพวกข้า" นักฆ่าแสยะยิ้มพูดเสียงเย็น
ไอเรสสะดุ้ง ลืมความรวดร้าวไปหมดเมื่อรู้ว่าพยัคฆ์ดำต้องการให้ตนทำอะไร "ไม่ ไม่มีทาง เจ้ามันบ้าชัดๆ ถ้าท่านพ่อรู้ว่าข้าเจอท่านพี่แล้วไม่ยอมบอกท่าน ท่านต้องฆ่าข้าแน่ๆ" สีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุด
หากทำตามในสิ่งที่มันต้องการจริง ข้าคงไม่วายต้องถูกท่านพ่อเผาทั้งเป็น!
"เจ้ารักชีวิตของตัวเอง แต่ไม่รักชีวิตของพี่ชายของเจ้าสินะ หึ ตลกชะมัด" นัยน์ตาสัตว์ป่าลุกวาวเดือดดาล เมื่อรับรู้ถึงการสะอื้นที่หนักกว่าเดิมในอ้อมกอดของตัวเอง
คำพูดของโลกัสตอกย้ำถึงความเลวร้ายของสิ่งที่ไอเรสกระทำ
น้องชายของเวสเปอร์จุกจนพูดไม่ออก ไม่สามารถปฏิเสธในสิ่งที่โลกัสพูดได้แม้แต่คำเดียว
แต่ข้าจะทำอะไรได้ล่ะ... ท่านพ่อสั่งให้ข้ามาดักรอในป่าคอยระวังพวกไม่หวังดีที่อาจจะไปทำลายงานของพี่เฟเนกส์์ซึ่งจริงๆ ควรจะเป็นงานของพี่เวสเปอร์
ข้าก็เป็นแค่องค์ชายที่มีพ่อเป็นกษัตริย์เท่านั้นเอง... ท่านพ่อไม่คาดหวังในตัวข้าว่าจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป แต่ก็เข้มงวดกับพี่เฟเนกส์กับข้ามาก ทุกสิ่งในชีวิตข้าถูกกำหนดมาหมดแล้ว แม้แต่สัตว์ประจำกายก็ถูกฝึกมาเพื่อข้ามาตั้งแต่แรก พิธีเลือกสัตว์นั่นข้าก็แค่ทำเป็นสู้กับมันก็เท่านั้น
ข้าไม่เคยทำอะไรได้เลย..
บางครั้งข้าก็รู้สึกอิจฉาพี่เฟเนกส์ที่ดูจะชื่นชอบการเดินตามทางที่ท่านพ่อปูไว้ให้ รายนั้นสามารถย่างเท้าบนนั้นได้อย่างสง่างามผิดกับข้าที่มักจะเผลอออกนอกลู่นอกทางจนเท่าพ่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ถ้าหากครั้งนี้ข้ายอมทำตามสิ่งที่ใจคิดล่ะ...
"ไม่มีเวลาแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เจ้าเลือกนะ ไอเรส"
โลกัสขยับยิ้มเย็นกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใกล้ๆ โดยมีฟินน์ตามไปติดๆ กิ่งก้านและใบที่ขึ้นดกหนาสามารถอำพรางได้ดีแต่ถ้าหาสังเกตดีๆ ก็คงมองออกทันที ส่วนเจ้าม้าดำก็แสร้งตัวเองเป็นม้าป่าธรรมดาเคี้ยวหญ้าหงุบหงับด้วยท่าทีโง่ๆ อยู่แถวนั้น
ในความเป็นจริงแล้วโลกัสไม่มีความจำเป็นต้องหลบด้วยซ้ำไป กับทหารไม่กี่นายไม่สามารถทำให้เหนื่อยแม้แต่น้อย แต่โลกัสก็ยังเลือกที่จะหลบเพื่อหลอกให้ไอเรสตายใจ
ว่าถ้าหากไม่ยอมพูดปดออกไปก็เท่ากับว่าส่งพี่ชายตัวเองไปตาย!
สิ่งที่โลกัสตั้งใจทำจริงๆ ก็คือดัดนิสัยน้องชายเวสเปอร์
หากยอมพูดปดก็สามารถดึงมาเป็นพวกได้แต่ถ้าไม่
"พวกข้ามาแล้วขอรับ!"
ก็อย่าได้เข้ามาคุยกับเวสเปอร์อีก !
ไอเรสกัดปากจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวฟุ้งในปาก ภายในหัวยุ่งเหยิงจนสรรหาคำมาตอบรับองค์รักษ์ของตัวเองไม่ได้แม้แต่คำเดียว ได้แต่ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก
หัวหน้าองค์รักษ์มองนายของตัวเองด้วยความสงสัย สีหน้าท่าทางที่แสดงออกไปอยู่ในท่าทีสุภาพ แม้ว่าในใจจะรู้สึกสมเพชองค์ชายคนที่ ๓ นี้เต็มทน พวกเขาเบื่อที่จะมานั่งรับใช้องค์ราชไม่ได้เรื่องคนนี้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นคำสั่งขององค์ราชา
ซึ่งทุกครั้งที่มององค์ชายไอเรสพวกเขาก็จะคิดถึงองค์ชายเฟเนกส์เสมอ
ท่าทีสง่างาม ฉลาดหลักแหลม เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ส่วนองค์ชายเวสเปอร์อะไรนั่นลืมไปได้เพราะคำสั่งออกมาแล้ว
ถ้าหากพบเห็นที่ไหนให้ลงมือฆ่าได้เลย!
"มีอะไรรึเปล่าขอรับ ท่านไอเรส.. ท่านเจออะไรหรือขอรับ?"
ระหว่างที่กำลังตกอยู่ในภวังก์คำพูดของท่านพ่อก็ดังแว่วเข้ามาในหู
หากเจ้าขัดคำสั่งข้าอีกครั้ง เห็นทีจะถึงเวลาที่เจ้าต้องอำลาคำว่าองค์ชาย เจ้าคิดว่าที่เจ้าอยู่อย่างสุขสบายเป็นเพราะใคร? ถึงกล้าทำในสิ่งเหลวไหลพรรค์นั้น เจ้าอยากจะเป็นเหมือนพี่เจ้างั้นเหรอ ไอเรสที่วันๆ เอาแต่หัวเราะพูดอยู่คนเดียว ปัญญาอ่อนแบบนั้น เจ้าจะเป็นตามมันงั้นเหรอ ถ้าหากเจ้าต้องการแบบนั้น ก็ฆ่าตัวตายไปซะ เพราะเมืองเอวินด์ไม่ต้องการองค์ชายอ่อนแออย่างเจ้า!!
คำพูดของกษัตริย์องค์ปัจจุบันดูจะดึงสติและความคิดของไอเรสกลับมา
ดวงตากลับมาเป็นประกายกร้าว ยืดอกตะคอกเสียงดัง
ชีวิตของเขามันเป็นของท่านพ่อมาตั้งแต่แรก คนนอกอย่างพยัคฆ์ไม่มีสิทธิ์มาบงการเขา!
"ไม่ ไม่ ข้าเห็น เห็นมันอยู่บนนั้น!! องค์ชายเวสเปอร์"
เหล่าองค์รักษ์หันขวับคว้าดาบในมือ โดยหนึ่งในนั้นได้ขว้างทวนเหล็กเพลิงใส่
ท่าทีขององค์ชายไอเรสถ้าหากคนทั่วไปเห็นคนอาจจะชื่มชมออกไป แต่สำหรับโลกัสแล้ว ไอเรสในตอนนี้กลับน่าสิ้นหวังเกินทน
ความลังเลชั่วขณะนั้นคล้ายกับเป็นสิ่งหลอกลวงให้ดีใจว่าอย่างน้อยองค์ชายไอเรสก็อยู่ฝ่ายเวสเปอร์ แต่เมื่อสิ้นเวลานั้นนิสัยที่แท้จริงก็ปรากฎ
ในสายเลือดนี้ไม่ว่าใครก็ตามล้วนเห็นชีวิตตนเองสำคัญที่สุด ต่อให้ต้องเหยียบย่ำหรือแม้แต่ฆ่าพวกเดียวกันก็สามารถทำได้
โลกัสยิ้มเย็นชา
ดูเหมือนว่าพ่อเวสเปอร์จะสร้างสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับตัวเองสำเร็จแล้ว...
ตูม!!!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อทวนเพลิงถูกด้ามดาบของโลกัสฟันกลับจนแตกกระจาย สะเก็ดไฟรุนแรงก่อเกิดเพลิงไหม้ตามต้นไม้อย่างช้าๆ โลกัสกระโดดลงมาจากต้นไม้โดยมีองค์ชายอยู่ในอก เจ้าม้าดำที่ได้ยินเสียงระเบิดก็รีบวิ่งกลับมานายใหม่ของตัวเอง มันหยุดยืนข้างๆ พยัคฆ์ดำเชิดคอมองศัตรูด้วยสายตาดูแคลน
เสียงเหล็กกระทบกันเป็นเสียงเดียวกันเมื่อมันถูกตั้งชันขึ้นล้อมรอบโลกัส เหล่าองค์รักษ์ที่ถูกฝึกปรือมาอย่างดีจัดทัพอย่างว่องไวรอเพียงสัญญาณของหัวหน้าก็จะเริ่มบุกเข้าไปทันที
บทเรียนครั้งสำคัญของพวกเขาคือเหล่าแม่ทัพที่เหลือเพียงซากศพ
ทำให้การลงมือแต่ละครั้งต้องเฉียบขาด คอบคอบ และไม่ประมาท
โลกัสจ้องไอเรสนิ่ง ก่อนจะพูดเสียงเรียบออกมา
"นี่คือสิ่งที่เจ้าเลือกสินะ ไอเรส"
ส่ายหน้าเบาๆ รู้สึกเสียดายความรู้สึกเห็นใจจางๆ ในทีแรก
"แต่เอาเถอะ พวกเจ้าในตอนนี้ยังโชคดีเพราะข้ายังไม่มีอารมณ์ฆ่าคนสักเท่าไหร่"
หัวหน้าองค์รักษ์ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นท่าทางไม่แยแสต่อพวกเขาที่เป็นถึงองค์รักษ์ฝีมือดีที่องค์กษัตริย์ยกย่อง คำพูดดูถูกของโลกัสกระตุ้นให้ตวาดออกไปทันที
"ฆ่ามัน!!"
เหล่าองค์รักษ์กู่ร้องตอบรับอย่างเฮิกเหิมเตรียมจะพุ่งเข้าไปแต่ก็ต้องชะงัก
เมื่ออาชาสีดำที่ดูไม่มีพิษมีภัยในคราแรกกลับกระทืบเท้าเสียงดัง บรรยากาศน่าขนลุกค่อยๆ ลอยฟุ้งในอากาศจากตัวมัน นัยน์ตาของมันหมุนริ้วสีดำอย่างผิดปกติ
ส่วนโลกัสเก็บดาบเข้าฝักประคององค์ชายขึ้นไปบนม้าก่อนที่จะถีบเท้ากระโจนขึ้นมานั่งตาม ฟินน์ที่เป็นเสือโคร่งมีส่งเสียงขู่ใส่องค์รักษ์แง่งๆ สองสามครั้งก็กลับคืนเป็นร่างแมวกระโดดขึ้นมาบนตัวเจ้ามาและทิ้งตัวลงบนตักขององค์ชาย
"ไปสิ! เจ้าจะรอให้มันหนีรึไงกัน" หัวหน้าองค์รักษ์ตะโกนเสียงสั่นเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาของเจ้าม้าดำ
แล้วจู่ๆ กลับรู้สึกงุนงงจนมองภาพข้างหน้าไม่เห็น ไม่เพียงหัวหน้าองค์รักษ์ เหล่าองค์รักษ์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน รู้สึกหายใจลำบากและเจ็บเสียดในอก แต่พวกเขาก็ยังไม่ย่อท้อสูดหายใจแรงๆ ออกมาสองสามครั้งจนหายตาพร่ากลับมามองได้ชัดเจนเหมือนเดิม
แต่ก็ไม่ทันกาล..
เมื่อภาพตรงหน้าคืออาชาสีดำที่มีปีกคู่ยักษ์กำลังบินหนีไปในอากาศอย่างรวดเร็ว!
-----------------------------
ใกล้ฉากปะทะกันแล้ว
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า