"ย่าคิดถึงหนูมากรู้มั้ย"
คนแก่เอ่ยขึ้นในร้านสุกี้ชื่อดัง สัญลักษณ์ของครอบครัว
ม้าน้ำเทชุดผักเพื่อสุขภาพลงหม้อ ยิ้มรับประโยคที่ได้ยินโดยไม่พูดอะไร เพราะส่วนหนึ่งในใจเขา...มันด้านชา
ไม่เคยรู้สึกคิดถึง...มานานแล้ว
"ม้าน้ำ..."
"ครับ?"
"มองไปข้างหลังสิ มีคนคิดถึงหนูยิ่งกว่าย่าอีก"
ฟึบ! เสียงสติขาดผึงในหัวเด็กหนุ่ม
เขารู้ทันทีว่าคนข้างหลังนั้นคือใคร ความรู้สึกของคนที่ถูกหักหลังมันเป็นอย่างนี้นี่เอง คุณปู่คุณย่าหลอกเขามาเพื่อมาเจออาทอง...
...ยังไงลูกก็สำคัญกว่าหลานสินะ
ม้าน้ำนิ่งไม่ยินดียินร้าย ทำเป็นโง่เง่าไม่รู้เรื่อง เขาตักน้ำซุปกินอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งๆที่ใจเต้นตุบๆ
เด็กหนุ่มหลับตาปี๋เมื่อสัมผัสจากมืออุ่นแตะที่ไหล่!
"ม้าน้ำ"
ปฏิกิริยาที่ม้าน้ำทำโดยไม่รู้ตัวคือก้มหน้าหนี คู้ตัวกับโต๊ะ หายใจรัวแรง
"ไหวไหมลูก"
คุณปู่ทัก แต่มันไม่ได้เข้าหัวม้าน้ำเลย
ทุกอย่างปิดฉับเหมือนสวิตช์ไฟ
อาทองที่แข็งแรงที่สุดจึงอุ้มม้าน้ำออกมายังที่โล่ง
ตอนนั้น...ม้าน้ำรู้ตัวแล้ว
"ม้าน้ำ.."
มือใหญ่ลูบผมเกรียนแผ่วเบา
อาทองไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด
อ่อนโยนและแสนดี
แสงอาทิตย์ที่ตกกระทบโลหะบนข้อมือส่องตาหวาน
สร้อยข้อมือเงินในไข่สีทอง
อาเอาไปด้วย....
หัวใจเด็กหนุ่มเริ่มเต้นเป็นจังหวะที่แปลกไป
"อาไปไหนมา"
เขาก้มถามตักตัวเอง พยายามหลบไม่ให้อาเห็นรอยสิวเกรอะกรังน่าเกลียด
"อังกฤษ"
"...ม้าน้ำ....อาขอโทษ"
"ม..ไม่เป็นไร หนูไม่โกรธหรอก"
คนพูดหันหน้าไปทางอื่น
"จริงนะ!?"
"แต่ก็เสียใจ"
"อามันเลวเอง"
"อากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"สักพักแล้ว"
ต่างคนต่างนิ่ง
ทั้งสองคนเหมือนต่อกันไม่ติด
คนเป็นหลานไม่ชวนคุย อาก็ไม่กล้าสานต่อ
เมื่อปู่ย่ามาถึง ก็ชวนกันกลับ ทิ้งทองไว้เบื้องหลัง
ม้าน้ำหันกลับไปมอง กลับเหลือเพียงความว่างเปล่า
ในใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวังแฟบลง
ทองก็แค่จะมาขอโทษ โดยไม่รู้ตัวว่าได้สร้างรอยแผลใหม่ให้ม้าน้ำอีกครั้ง...
..........
ม้าน้ำไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
เขาอยากมีหัวใจให้ใครสักคน
มีคนมาจีบม้าน้ำมากมาย ทั้งชายหญิง แต่เขากลับไม่สนใจ ไม่แคร์ ไม่เรียกร้องความรัก
ไม่เป็นอย่างวัยรุ่นคนอื่นเขา
คนเดียวที่มักปรากฏยามเหม่อ...มีแค่อาทองเท่านั้น
เด็กหนุ่มกำลังเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษา ชีวิตทุกอย่างกำลังไปได้สวย นอกจากเรื่องความรัก ม้าน้ำก็ไม่มีสิ่งใดเป็นอุปสรรคเลย
เขามีเพื่อนมากมาย มีแม่ที่น่ารัก เป็นช่วงที่เด็กหนุ่มมีความสุขที่สุด จนบางครั้งก็อยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้
เพื่อจะได้ไม่ต้องรับรู้ ว่าอาทอง...กำลังจะแต่งงาน
"หนูไม่มีทางให้ลูกหนูไปเจอไอ้ทองอีกเด็ดขาด!"
ม้าน้ำที่กำลังล้างจานชะงักกึก เสียงแม่เปิดประตูเข้าห้องอย่างอารมณ์เสีย และกำลังคุยโทรศัพท์ เด็กหนุ่มปิดน้ำ แอบอยู่หลังเคาท์เตอร์เพื่อรอฟัง
"มันจะแต่งก็ให้มันแต่งไปสิคะ ม้าน้ำเกี่ยวอะไรด้วย"
"ต่อให้อีกสิบปียี่สิบปี หรือจนตาย! หนูก็ไม่ลืม!"
แม่ทรุดลงกับโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าเหยเกกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ม้าน้ำตัดสินใจเดินออกมาให้แม่เห็น
เมื่อปลาดาวรู้ว่าลูกอยู่ใกล้ๆ จึงรีบวาง แสร้งยิ้มกว้าง
"ทำอะไรอยู่จ้ะ"
"ล้างจานครับ"
"ลูกแม่นี่ขยันจริงๆ"
ยิ่งมองก็ยิ่งคิดถึง ยิ่งมองก็ยิ่ง...ปวดใจ
คนเป็นแม่จะมีอะไรสำคัญไปกว่าลูก
เธอเฝ้าโทษตัวเองตลอดหลายปีตั้งแต่ครั้งนั้น และทุกวันนี้ก็ยังคงโทษตัวเอง เพราะถึงจะเอาลูกอยู่ห่างจากคนโรคจิตได้ แต่ม้าน้ำกลับต้องอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่ได้เล่นซุกซนเหมือนเด็กทั่วไป
มองทางไหนก็มืดมิด....
"แม่....มันนานแล้วนะ"
ม้าน้ำคิดว่าเขาควรเปิดใจกับแม่สักที
ม้าน้ำโตแล้ว อายุยี่สิบแล้ว เป็นวัยที่พูดรู้เรื่อง มีวิจารณญาณ มีเหตุผล มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ใช่เด็กๆที่ต้องถูกจูงจมูกหรือชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้
เรื่องราวทุกข์ๆน่ะ...ไม่อยากจำ
"อาทองมีชีวิตใหม่ได้ แล้วทำไมเราจะมีบ้างไม่ได้ล่ะ แม่ไปงานกับม้าน้ำด้วยสิ"
"ม้าน้ำ....หนูไม่เศร้าจริงๆเหรอ"
เด็กหนุ่มส่ายหน้า
"ไม่เศร้าเลย แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเศร้าเรื่องอะไร"
"โธ่..."
"ตอนนั้นหนูเด็กมาก จำอะไรไม่ค่อยได้หรอกแม่ ...แล้วอาทองก็ใช่ว่าจะข่มขืนฝืนใจ"
"มันไม่ควรเลย"
"เอาน่า ตอนนี้ม้าน้ำสบายดี สบายใจได้แล่ว"
"จ้ะ...."
พูดรับส่งๆ
อย่างที่บอก...ปลาดาวไม่มีทางลืม
.
.
.
ปลาดาวลางานทั้งอาทิตย์ มาช่วยพ่อแม่สามีเตรียมงานให้ลูกชายคนเล็ก มีม้าน้ำเป็นผู้ช่วยเรื่องเก็บกวาด เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าถนัดด้านนี้
ไม่รู้ทำไมตอนล้างจานที่บ้านมันเหงานัก ไม่สนุกเท่าล้างจานเป็นร้อยๆนี้เลย
ส่วนอาทอง.....
ม้าน้ำยังไม่เห็นหน้า
ด้านมืดของเขามักกระซิบด้วยความดีใจที่ตอนนี้หน้าเด็กหนุ่มใสปิ๊ง สูงสมส่วน ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ถีงขนาดโดนทาบทามไปประกวดเดือน แสดงว่าไม่ใช่เล่นๆ
ถ้าอาได้เห็นเขาตอนนี้ล่ะก็ อาจจะยกเลิกงานหมั้นไปเลยก็ได้
คิก...
"ยิ้มอะไรคนเดียว"
"ปู่..."
"ก็ปู่น่ะสิ หนูไปพักก่อนไป เหลือกี่ใบล่ะ"
"นิดเดียวครับ หนึ่ง สอง ..เก้าใบเองปู่"
ปู่ตอนนี้สายตาฝ้าฟางมาก ม้าน้ำมักรำคาญถ้าโดนถามบ่อยๆ
"เออๆ เสร็จแล้วไปเจอปู่ที่ห้องที"
ม้าน้ำตอบรับไปด้วยความซื่อ
พอจานใบสุดท้ายถูกเก็บใส่ตะกร้า ม้าน้ำก็ร่ำลาป้าๆแม่ครัว เดินตรงไปยังห้องนอนกลิ่นไม้เก่าๆ คุณปู่ชอบเครื่องเรือนที่เป็นไม้สักมาก ยิ่งตอนนี้การซื้อขายมันง่าย ม้าน้ำจึงไม่คุ้นตากับการตกแต่งสไตล์'รก'เอาเสียเลย
10ปีแล้วสินะ.... ตอนเด็กๆเคยวิ่งเข้าออกห้องนี้อย่างซุกซน พอโตขึ้นถึงได้รู้ว่าเราเปลี่ยนไปมาก
ร่างชายชรานั่งอยู่บนเก้าอี้โยก สายตาทอดมองพื้นไม้เงา
ม้าน้ำปิดประตู นั่งลงแทบเท้าคุณปู่
"ปู่มีอะไรเหรอครับ"
"อายุเท่าไหร่แล้วเรา"
"ยี่สิบกว่าครับ อีกสองเดือนก็ยี่บเอ็ด"
"ถ้าปู่พูดอะไร ม้าน้ำจะรับได้ไหมลูก ปู่ว่าม้าน้ำโตพอที่จะมีวิจารณญาณ"
"ค..ครับ"
ปากบอกใช่ แต่หัวใจปฏิเสธ...
"ทองมันไม่อยากแต่งงาน"
"ครับ!?"
"ปู่หาผู้หญิงดีๆมาให้ ตอนแรกมันก็เออออนะ แต่ตอนนี้มันไม่เอาลูกเดียว ไม่สนใจ ไม่ยอมออกจากห้อง ทำตัวเป็นเด็กๆ ปู่ไม่รู้จะทำยังไง"
"อาทองอาจจะตื่นเต้นตามประสาคนกำลังมีครอบครัวมั้งครับปู่"
ชายชราส่ายหน้า นัยน์ตาบ่งบอกความหนักใจ
"ไม่ใช่.....มัน...เฮ้อ! ม้าน้ำไปคุยกับมันหน่อย ปู่จะไปเป็นเพื่อน"
"เอ่อ..แล้วถ้าแม่รู้..."
"ย่าวานให้ไปในเมือง อีกนานกว่าจะกลับ"
"ตอนนี้เลยเหรอครับ?"
"ตอนนี้แหละ"
พูดจบปู่ก็ลุกกระฉับกระเฉง เดินนำหลานชายที่ก้มหน้างุดๆ
ม้าน้ำบอกแม่ ..และบอกตัวเองว่าลืมก็จริง
แต่มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อจู่ๆก็ต้องพบกับอดีตอันวกวน
ก็อกๆ
ปู่เคาะสองทีก็ไขกุญแจเข้าห้องเองโดยไม่ต้องได้รับอนุญาต ท่าว่าจะทำอย่างนี้จนเป็นเรื่องปกติ
สภาพภายในห้องหนุ่มโสดแทบดูไม่ได้ เสื้อผ้าถูกถอดกองทิ้งไว้ทั่ว มุมห้องมีเศษซากบะหมี่ถ้วยกองพะเนิน ทุกสิ่งช่างไร้ชีวิต
แม้แต่เจ้าของห้องเอง...ยังเหมือนไร้วิญญาณ
อาทองในวัยสามสิบเศษนอนหันหลังให้ ครั้งสุดท้ายที่เห็นนั้นยังดูมีชีวิตชีวากว่านี้
"คุยกับอาเขาหน่อยนะม้าน้ำ"
"ม้าน้ำ!!"
อาทองลุกพรวดเมื่อได้ยินชื่อหลาน
ปู่ถอยหลังชิดประตู ทำตัวเงียบๆดั่งเงา
ม้าน้ำเลิ่กลั่ก ต้องการความช่วยเหลือจากปู่ แต่ร่างสมส่วนกลับถูกรวบกอดเสียก่อน
"ม้าน้ำ"
ไหล่ของเด็กหนุ่มเปียก....
หัวใจของม้าน้ำสั่นไหว มันแกว่งแรงขึ้น ...แรงขึ้น
"อาไม่อยากแต่งแล้ว...อาอยากอยู่แบบนี้"
"อ..อาจะอยู่ยังไง ชีวิตที่ไม่มีความหมาย"
เสียงเด็กหนุ่มสั่นไปหมด เขาพยายามกลั้นอารมณ์จุกในอก นั่งคุยกับอาดีๆ
"มันไม่มีความหมายมานานแล้ว!"
ยิ่งอาทองพูด แขนเสื้อเขาก็ยิ่งเปียก
ม้าน้ำตัดสินใจลูบหลังปลอบ ส่งสายตาหาปู่ แต่ปู่ยังคงนิ่ง ก้มหน้ามองพื้นอย่างเดียว
"อารู้ว่าตัวเองเลวแค่ไหน แต่อารักหนูจริงๆ"
"....."
"ม้าน้ำช่วยอาด้วยนะ"
"แค่อาวิ่งออกไป ก็ไม่มีใครฉุดไว้ได้หรอก"
"ถ้าอาวิ่งออกไป ...หนูจะไปกับอามั้ย"
คนเป็นหลานนิ่งคิด...."ปู่ครับ ออกไปก่อนได้ไหม"
"นะครับ.."
ชายชราถอนใจ เปิดประตูออกไปพร้อมล็อคให้
ม้าน้ำหันกลับมาหาคนร้องไห้งอแง นี่เด็กอายุสิบขวบหรือไง เขาหลุดยิ้ม
"อาขอโทษ"
"ขอโทษทำไม อาเคยขอโทษไปแล้วนะ"
ม้าน้ำมองหน้าอาทอง ซูบเซียวอิดโรย ไม่มีออร่าของเจ้าบ่าวเลยสักนิด
"อาอยากขอโทษอีก"
ใบหน้าเซียวใกล้เข้ามา ม้าน้ำรู้ว่าอาจะทำอะไร และเขาก็อนุญาต
"อืมม ม"
จูบรสหวาน ใจเต้นตึกตักราวกับว่านี่คือครั้งแรก
อา...ยอมรับก็ได้ว่าลืมเรื่องเก่าๆไปจนหมด มันเบลอพร่าเสียจนอยากได้เรื่องใหม่มาทาบทับ
"อ..อาขอโทษ"
"......."
เด็กหนุ่มนิ่ง กำลังเรียบเรียงความคิด
"อาควรแต่งงาน"
"คิดดีแล้วเหรอครับ"
"อาไม่อยากให้หนูแปดเปื้อนไปกว่านี้"
พูดแล้วก็ร้องไห้ ซบหน้าลงกับไหล่คนเด็กกว่า
ผ่านไปเนิ่นนาน...อาทองก็เงยหน้าขึ้นมามองยอดดวงใจอีกครั้ง มือหนาลูบผมนิ่มแผ่วเบา กลัวว่ามันจะบุบสลายไปต่อหน้า
"ม้าน้ำมีแฟนหรือยัง?"
หลานส่ายหน้า หลุบตาต่ำ ซ่อนความสับสน
"ทำไมล่ะ หน้าตาก็ดีขนาดนี้"
"ก็แค่ไม่อยากมี หนูดูแลใครไม่เป็นหรอก"
เพราะภาพแฟนในอุดมคติ มันมีแต่อาต่างหาก
แต่เขาบอกได้หรือ
สายเลือดเดียวกัน...ผู้ชายเหมือนกัน
....มันเป็นไปไม่ได้
และถ้าอารักเขาจริง....อาก็น่าจะรั้งเขาไว้
"อามีโอกาสตั้งสองครั้ง"
เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง
"ถ้าอาแต่งงาน...มันก็ควรเป็นงานแต่งที่มีความสุข เจ้าสาวล่ะมีความสุขไหม"
"ไม่รู้ อาไม่ค่อยสนใจ แต่เธอก็บอกนะว่าแต่งเพราะไม่อยากอยู่คนเดียวไปตลอด"
"คนเรา..ต้องมีสักครั้งในชีวิตที่ได้เจอคนที่ใช่ ถ้าเธอเจอหลังจากแต่ง คงนั่งเสียดายตาย"
"นั่นสิ...เจอก่อนแต่งก็น่าเสียดายเหมือนกัน"
ม้าน้ำรู้สึกว่าอากำลังพูดถึงเขา
"อาทอง...ทำในสิ่งที่ถูกต้องและไม่เดือดร้อนคนอื่นแล้วกันนะ...นะครับ"
หลานเว้าวอน มีหรืออาจะไม่ใจอ่อน
ทองหลงใหลในดวงตาหวานเชื่อมได้ไม่ทันไร เสียงเคาะประตูเตือนก็ดังขึ้น
"งั้นก่อนไป...หนูบอกอาหน่อย..หนูรักอามั้ย?"
สองมือประคองใบหน้าเรียว
"รักไม่รักไม่รู้....แต่หนู..ลืมอาไม่ได้..แต่อา--"
"ชู่วว"
ปิดปากบางด้วยปากตัวเอง
อาทองฉกชิงลมหายใจของหลานหลายวินาที
"รอนะ....ขอให้นี่เป็นโอกาสอีกครั้ง ให้อาได้มั้ย?"
ม้าน้ำหลบตา
"หนูอย่าเพิ่งหนีไปไหนนะ"
.............
วันแต่งงาน....เชื่อเถอะว่าคนที่นอนร้องไห้เมื่อคืนคือคนที่กำลังถือต้นกล้วยตลกๆนี้อยู่
ดวงตาม้าน้ำบวมเป่ง
รอ...รอเหรอ?
โอกาสครั้งแรก...อาหายไปอาจเพราะกลัวคดี และยังเด็ก..ม้าน้ำเข้าใจได้
โอกาสครั้งที่สอง แค่เจอหน้าสิบห้านาที...เพื่อขอโทษ...เขาพอจะเข้าใจ
และโอกาสครั้งสุดท้าย ...แม้ไม่ได้เปิดใจกันเลยสักนิด แต่ม้าน้ำเชื่อในแววตาสัตย์ซื่อคู่นั้น มันเหมือนเดิมมาตลอด ...สิ่งเดียวที่ชัดเจน คือคำบอกรักที่มาพร้อมกันเสมอ
หากทว่าม้าน้ำลืมไป
แค่คำว่ารักมันยังไม่พอ
โอกาสที่มี คือโอกาสของการแก้ตัว แก้ที่การกระทำต่างหาก
เขาเพิ่งคิดได้ จึงร้องไห้ทั้งคืน
.
.
ฝ่ายเจ้าบ่าวในชุดไทยสีขาวนวลหันมองข้างหลังตลอดเวลา ไม่มีใครสังเกต ต่างคนต่างมีความสุขกับงานและแตรวง
จวบจนขันหมากหยุดที่บ้านเจ้าสาว ซึ่งที่จริงก็คือบ้านคุณปู่คุณย่าเอง เมื่อมีคนซักถามในเรื่องนี้ ผู้ใหญ่ก็ตอบเพียงว่าบ้านเจ้าสาวไม่สะดวก
อาทองผ่านประตูเงินประตูทองเข้าไปแล้ว ม้าน้ำวางต้นกล้วยลง เดินเลี่ยงไปทางหลังบ้าน เผื่องานครัวมีงานให้เขาทำ แต่จู่ๆมือเล็กๆก็ถูกฉุดเข้าไปกลางวง
เด็กหนุ่มหน้าตาเหลอหลา อาทองดึงเขามาทำไม?!
"ทุกคนครับฟังทางนี้!! นี่คือเจ้าสาวผมเอง น้องม้าน้ำ"
เสียงดังเซ็งแซ่จนม้าน้ำแทบอยากมุดแผ่นดินหนี พี่อายเจ้าสาวตัวจริงยิ้มให้ม้าน้ำด้วยแววตาจริงใจ เหงื่อเม็ดเล็กผุดเต็มฝ่ามือที่ถูกกุมแน่น
"หมายความว่ายังไง"
พ่อเจ้าสาวเอ่ยก่อน มีแม่ปลาดาวเป็นลูกคู่
"แกจะทำอะไรห้ะทอง"
"คุณพ่อคุณแม่ เขารักกันค่ะ อายไม่อยากขัดขวางความรักใคร....ทุกคนคะ!!! งานนี้เจ้าสาวรู้เห็นเป็นใจนะคะ ไม่มีใครผิด ต้องขอโทษด้วย เรามาสนุกกับงานต่อดีกว่านะ"
อดีตเจ้าสาวใช้ความมนุษย์สัมพันธ์ดีของตัวเองเรียกแขก เธอทำงานได้คล่องแคล่ว จัดแจงพาผู้ใหญ่ที่นั่งเอ๋อให้มีสติ
ส่วนม้าน้ำน่ะเหรอ....เพิ่งจะถึงท่อนที่ว่า...'เขารักกันค่ะ' อยู่เลย
ม้าน้ำจึงไม่ทันเห็นแม่ปลาดาวถูกคุณปู่คุณย่าปลอบขวัญ
ไม่ทันเห็นรอยยิ้มกว้างของเจ้าบ่าว
ไม่ทันฟังคำพูดหน้ามึนของเจ้าตัว
"ดูๆกันไปก่อนนะ อาบอกแล้วว่าให้รอ ...ขอบคุณนะครับ"
รู้ตัวอีกทีคือปากอุ่นๆประทับลงบนแก้ม
ม้าน้ำมองไปรอบๆ จากงานเล็กๆง่ายๆ กลายเป็นงานที่มีคนมุงดูกันมากอย่างคาดไม่ถึง
"ไม่ต้องอาย"
เจ้าบ่าวพูดยามสวมแหวนทองวงเกลี้ยงให้
เผลอสะดุ้งกับน้ำหนักแหวนยังไม่พอ สินสอดที่วางไว้ยังมีมากจนตาลาย
เด็กหนุ่มมองหาแม่ตัวเอง ...แม่น้ำตาซึม
แม่ผิดหวังกับหนูหรือเปล่า..?
ปลาดาวส่ายหน้า ด้วยรู้ดีว่าลูกมองมาทำไม
.
.
.
.
.
งานหมั้นจบไปอย่างงงๆ ทุกคนในงานงง ทั้งชาวบ้านก็งง
คุณปู่ต้องเคลียร์กับเพื่อนตัวเองซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่ออดีตเจ้าสาว เคราะห์ยังดีที่สนิทกัน เพื่อนคุณปู่จึงไม่เอาความอะไร โดยเฉพาะยามเห็นลูกสาวตัวเองยิ้มเริงร่าเหมือนแม่งานก็ยิ่งวางใจ
ด้วยเหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรแบบนี้ งานเลี้ยงช่วงค่ำจึงยกเลิก คุณปู่ยกให้ทุกคนรับประทานกันฟรีๆ ทั้งญาติอดีตเจ้าสาวและชาวบ้านละแวกใกล้เคียง
ส่วนม้าน้ำกับอาทองหมกตัวอยู่ในห้อง มีแม่ปลาดาวกับย่านั่งสอนไม่ห่าง
"ถ้าหนูโอเค แม่ก็โอ ...แม่ก็ไม่ชอบใจหรอกที่เห็นลูกตัวเองไม่มีความสุขเลย"
"พี่ดาวไม่ต้องห่วง ผมมีคอนโดแถวมอหลาน จะย้ายไปอยู่ตอนใกล้เปิดเทอม"
ทำไมทองถึงตระเตรียมทุกอย่างได้ภายในสองวัน? ทุกคนสงสัยจนเลิกสงสัยไปเอง
"ทองต้องดูแลหลานดีๆนะลูก"
"ครับแม่"
"ม้าน้ำก็เหมือนกัน ดูแลอาเขาด้วยนะ"
มือเหี่ยวย่นกุมมือเด็กหนุ่ม สีหน้าม้าน้ำตอนนี้ยังดูงงอยู่เลย
"เฮ้อ...ไปกันค่ะแม่ ค่ำแล้ว"
ปลาดาวถอนใจอย่างปลดปลง
มองคู่บ่าวสาวแล้วกระอักกระอ่วน อยากให้ลูกเธอขัดขืนบ้าง สักเศษเสี้ยววิก็ยังดี
แต่ไม่มีอะไรเป็นอย่างใจเราทุกอย่าง
เมื่อทั้งคู่ออกไป อาทองก็โถมกอดม้าน้ำแน่น
"ดีใจจัง ม้าน้ำนะม้าน้ำ มัวแต่ไปล้างจานปล่อยให้อารอตั้งนาน"
"มีหน้าไปขอเขาล้างก็บุญแล้วนะอา ชาวบ้านเขาก็รู้ว่าเราเป็นอาหลานกันแท้ๆ เฮ้อ..."
"อาทำตามที่หนูบอกแล้วนะว่าอย่าเดือดร้อนใคร ตอนนี้มีแค่เราสองคน ชาวบ้านไม่เกี่ยว"
"ทำไมอาไม่ปรึกษาหนูก่อน"
"เพราะอารู้ว่าหนูไม่ยอมแน่"
"เราไม่ได้เจอกันหลายปีมากนะอา หนูไม่ใช่คนเดิมแล้ว หนูไม่สดใส ไม่ร่าเริง หนูเก็บตัว กลายเป็นคนเงียบๆนะ"
"ม้าน้ำตอนหนึ่งขวบ ชอบร้องไห้ ม้าน้ำตอนสองขวบชอบโวยวายเอาแต่ใจพอๆกับตอนสามขวบ พอสี่ขวบค่อยดีขึ้นหน่อย แต่ก็ไม่ยอมไปโรงเรียน เจ็ดขวบขึ้นป.1 อันนี้เขวี้ยงสมุดการบ้านลงคลองประจำ ตอนป.2 แอบอยู่ใต้ถุนเพราะไม่อยากไปโรงเรียน ตอนป.3 ไม่ยอมคุยกับอาเป็นเดือนเพราะถูกอาตี"
"ตอนป.4ล่ะ?"
"ยอมให้อารัก"
"อาจำได้หมดเลยเหรอ"
"จำได้สิ...ถึงได้รู้ว่า ต่อให้ม้าน้ำเป็นยังไง อาก็รัก"
"โรคจิต"
"ใช่ อาไม่ปฏิเสธ"
หลานยิ้มเอือมระอา
"แล้วเราจะทำยังไงต่อไปเหรอครับ"
"ดูๆกันไปก่อน ทดลองงาน"
"แล้วถ้าไม่ผ่าน?"
"เชิญควักใจอาไปต้มยำได้เลย"
"ใครจะกินลง"
"มันไม่มีวันนั้นหรอก"
อาทองรัดร่างอุ่นแน่นขึ้น พรมจูบต้นคอแสดงความรักไม่หยุด
ม้าน้ำดันหน้าอกหนาออก
ถึงเวลาจริงก็กลัว
"หนูยังบอกไม่ได้นะว่ารักอาหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าเฉยชาเหมือนวันนั้นก็พอ"
อาทองสอดลิ้นพัวพันชิมความหวาน จูบย้ำอยู่หลายรอบจนแน่ใจว่าม้าน้ำพร้อมเป็นของเขา
แล้วจึงดึงตัวหลานลงนอน
"อาจะไม่ทำอะไรหนูเหรอ"
ทองส่ายหน้า กดจูบลาดไหล่
"อาจะรอ อาจะไม่ฉวยโอกาสอีกแล้ว"
คนฟังยิ้มกว้าง สองแขนโอบกอดร่างหนา
ถ้าอาทองต้องการ ม้าน้ำก็จะให้ แต่เมื่อได้ฟังคำพูดอันมีความหมายเหลือแสน น้ำตาแห่งความสุขก็รินไหล
เอาล่ะ...เรื่องนี้เพิ่งเริ่มต้น
ตอนจบเป็นเช่นไรไม่มีใครรู้
คนที่อยู่มีหน้าที่เพียง ทำมันให้ดีที่สุดเท่านั้น
.........
จบแล้ว
ขอบคุณค่า