IT is เต็มสิบ.18
“อยากจับมือก็ได้จับแล้ว เป็นไง ผิดหวังล่ะสิ เพราะมือผมมันสากกว่าที่คิดใช่มั้ย”
มันน่าแปลกใจไม่น้อยที่มือของคุณธีรพลประชาสัมพันธ์ที่หน้าตาดีที่สุดของบริษัท ช่างแข็งกระด้างและหยาบกร้าน ทั้งที่ถ้ามองจากลักษณะมือที่ดูสวยงามแล้ว ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ไปได้
“ไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอก แต่ก็แปลกใจนิดหน่อยเหมือนกัน”
เต็มสิบยอมรับ ว่ารู้สึกแปลกใจ ธีรพลดูจะเป็นคนที่ไม่น่าจะทำงานหนักหรือใช้แรงงานแท้ ๆ แต่สิ่งที่เห็นก็ค้านกับความรู้สึกหลายอย่างหลังจากที่ได้เจอกันบ่อย ๆ และได้เห็นชีวิตประจำกันจริง ๆ ไม่ใช่เห็นกันแค่ในเวลาทำงานที่บริษัทเท่านั้น
“อยู่ข้างนอกผมเป็นกรรมกร ไม่ว่าจะของใช้สำหรับงาน หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ออกไปทำงานข้างนอก ต้องขนต้องแบกเองทั้งหมด แม้กระทั่งจัดบูธติดป้ายประชาสัมพันธ์ก็ยังต้องทำเองเลย”
บริษัทใช้งานคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เต็มสิบรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็ไม่เคยคิดไปถึงขั้นที่ว่าทุกอย่างธีรพลต้องเป็นคนดำเนินการจัดการเองทุกอย่าง เวลาที่คิดตามแบบนี้ก็ไม่แปลกใจแล้ว ที่บางครั้งธีรพลก็พาลเวลาที่กลับมาแล้วเห็นเจ้าหน้าที่ไอทีนั่งทำงานกันอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ไม่ได้ออกไปไหน
“ผมก็เข้าใจแหละ สายงานเราไม่เหมือนกัน”
ธีรพลพยักหน้าตาม และเริ่มเข้าใจงานของเต็มสิบมากขึ้นเช่นกัน เริ่มรับรู้ได้ว่างานของไอทีไม่สามารถลาหยุดได้ ไม่มีใครรู้ว่าระบบจะมีปัญหาเมื่อไหร่ และไอทีต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา นอนค้างที่บริษัทไม่ได้กลับบ้านก็เห็นอยู่บ่อย ๆ
“ต้นหญ้าที่หน้าบ้านก็ถางเองตัดเองด้วยใช่มั้ย”
นั่นเป็นงานประจำเลยล่ะ
ธีรพลหัวเราะออกมาเสียงเบาและเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอ่ยถาม
“ต่อไปผมก็มีคนช่วยยกกระถางต้นไม้แล้ว ไม่ต้องยกคนเดียว”
นี่แค่ขัดพื้นยังไม่พอ ยังต้องให้มายกกระถางต้นไม้ด้วยใช่มั้ย
“จ้างผมเป็นคนสวนเลยมั้ย จ่ายเงินเดือนผมมาด้วย ผมไม่ได้จะทำให้ฟรี”
อ้าว
“ไหนว่ามาจีบ ก็ทำให้ฟรีหน่อยไม่ได้หรือไง”
“ไม่เกี่ยวเลย”
เต็มสิบรีบส่ายหน้าปฏิเสธการทำงาน และธีรพลก็หัวเราะออกมาด้วยความขำกับท่าทีที่ชัดเจนของคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“ไม่ทุ่มเทเลยนะคุณ”
ยังจะหาว่าไม่ทุ่มเทอีกเหรอ
“แล้วที่ผมขัดพื้นจนหลังจะหัก มือจะหักวันนี้ล่ะ ยังจะหาว่าผมไม่ทุ่มเทอีก คุณนี่ไม่มีความเห็นใจกันบ้างหรือไง ทำไมใจร้ายใจดำได้ขนาดนี้ ดูมือผมสิ ดู เจ็บขนาดไหนรู้บ้างหรือเปล่า”
รู้สิ
ทำไมจะไม่รู้
ธีรพลดึงมือของเต็มสิบเข้ามาใกล้ ๆ และแตะปลายนิ้วที่ฝ่ามือของเต็มสิบเบา ๆ
“เพี้ยง เดี๋ยวทายาก็หายแล้วนะ”
ไม่ใช่แค่แตะ แต่ยังเป่าให้ด้วย แถมด้วยคาถามหานิยมที่ทำให้คนโดนเป่าต้องนิ่งมองตาไม่กระพริบ
“นี่คุณรู้ตัวมั้ยว่าทำแบบนี้ภาษาบ้าน ๆ เขาเรียกว่าอ่อย”
ธีรพลปล่อยมือของเต็มสิบแล้วและเลิกคิ้วขึ้นสูง ยักไหล่และยังแกล้งทำหน้านิ่งเฉย
“แน่ล่ะ ก็ผมตั้งใจทำ จะไม่รู้ตัวได้ยังไง”
ตั้งใจอ่อยว่างั้น ยอมรับออกมาตรง ๆ แบบนี้เลยด้วย
“แล้วการที่ผมอ่อยคุณไป มันได้ผลบ้างมั้ยล่ะ”
ก็ได้สิ ถ้าไม่ได้จะมานั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันตรงนี้ได้ยังไง
“ก็ดูหน้าผมสิ ว่าเคลิ้มถึงขนาดไหนแล้ว”
ถึงจะบอกว่าเคลิ้ม แต่เต็มสิบก็ทำหน้านิ่งเฉย และยกมือขึ้นยักไหล่สองข้างขึ้นพร้อมกันเลียนแบบสิ่งที่ธีรพลทำ
“แล้วเสาร์หน้า มาหาผมอีกนะ”
อย่ามาอ่อย อย่ามาหลอกลวงเพื่อใช้งานกันให้ยากเลย ยังไงก็จะไม่มี.....ทา....ง....ยอ...ม...เด็ด...ข..
“อยากให้มา”
“.................”
“.................”
“คุณอย่ามาใช้เสียงสองกับผม”
“................”
“ธีอยากให้เต็มมา”
ครับ เอาที่สบายใจครับ ตามที่ต้องการ แล้วแต่จะสบายใจ เต็มสิบได้แต่เมินหน้าหนี เพราะไม่สามารถต้านทานสีหน้าที่จริงจังและดูออดอ้อนชวนให้สงสารของธีรพลได้
ก็รู้ว่านั่นเรียกว่าอ่อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“คนอื่น ๆ คงได้เห็นคุณทำหน้าแบบนี้บ่อย ๆ ล่ะสิ”
แบบนั้นเรียกว่าตัดพ้อและธีรพลก็นิ่งชะงักไปกับสิ่งที่เต็มสิบพูด
“คุณเข้าใจงานผมแล้วใช่มั้ย”
เมื่อก่อนเข้าใจแบบผิวเผิน แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว
“คุณสบายใจได้ ผมเข้าใจ และถ้าเรื่องไหนผมไม่เข้าใจ ผมก็พร้อมจะเข้าใจคุณแค่บอกผมแค่นั้นเอง”
อย่าทำแบบนี้สิ
อย่าพูดแบบนี้
อย่าทำให้รู้สึกดีด้วยแบบนี้
ธีรพลนิ่งงันและก้มหน้าลงไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก
อาหารมาเสริฟแล้ว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของธีรพลคือผัดผักและต้มจืดแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเต็มสิบคืออาหารที่ธีรพลกินไม่ได้ และเต็มสิบก็มองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
“วันนี้คุณกินของทอดได้มั้ย”
“ไม่ได้”
ธีรพลตอบออกไปทันทีและส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับเต็มสิบที่ได้แต่มองอาหารบนโต๊ะเงียบ ๆ
“ก่อนจะเป็นแบบนี้ คุณเคยกินได้อย่างที่อยากกินใช่มั้ย”
“อืม”
“................”
“ก่อนจะเป็นแบบนี้ ตอนที่เข้าห้องผ่าตัดคุณกลัวมั้ย”
“ผม...กลัว”
ธีรพลยอมรับออกไปตรง ๆ และเต็มสิบก็พยักหน้ารับ
“คุณต้องทนเจ็บมากด้วยใช่มั้ย”
“ก็..ใช่ ”
ธีรพลตอบออกไปแบบยิ้ม ๆ ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรแต่คนที่เจ็บปวดใจคือเต็มสิบที่ต้องทนฟัง
“ก่อนที่จะเป็นแบบนี้ ตอนที่คุณยังเป็นแบบเมื่อก่อน คุณโดนรังแกด้วยคำพูดแย่ ๆ มาตลอดเลยใช่มั้ย”
“อือ”
ธีรพลยังยิ้มได้และยังทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
“ผมขอโทษนะ”
ธีรพลไม่รู้ว่าเต็มสิบขอโทษทำไม กำลังจะถามและเต็มสิบก็พูดสิ่งที่คิดออกมา
“ผมขอโทษที่มาหาคุณช้า ปล่อยให้คุณโดนคนอื่นรังแก และทำร้ายจิตใจตั้งหลายปี”
“..............”
“ผมขอโทษที่มาหาคุณช้า ตอนที่คุณทั้งกลัวทั้งเจ็บ ผมก็ไม่ได้อยู่กับคุณ”
“.............”
ธีรพลได้แต่นิ่งงันไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ก้มหน้าลงและนั่งนิ่ง พยายามหายใจเข้าลึก ๆ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องในชีวิตที่ผ่านมาตลอดหลายปีแต่ดูเหมือนจะทำไม่ได้
“ผมขอโทษ และผมเสียใจมากเลยนะ”
“....................”
“แค่ไม่เหมือนคนอื่น ทำไมผมถึงต้องถูกแบ่งแยกและต้องถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นด้วย”
“....................”
ถึงภายนอกจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่สิ่งที่ยังฝังลึกอยู่ภายในใจของธีรพลก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“แค่ผมแตกต่างจากคนอื่น ผมก็ไม่มีที่ยืนในสังคมแล้ว ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้หรอกนะ”
“..................”
“วันนี้คุณกินเถอะ อะไรที่คุณเคยกินได้ คุณก็กินเหมือนเมื่อก่อนอย่างที่อยากกิน ต่อให้คุณจะเปลี่ยนไปยังไงก็ช่าง ต่อไปถึงคุณจะแก่ตัวลงผิวหนังจะเหี่ยวย่น ก็ไม่เป็นไร ผมจะแก่ไปพร้อมกับคุณเอง วันนี้คุณกินเถอะ พรุ่งนี้ผมจะไปออกกำลังกายกับคุณ พรุ่งนี้ผมจะกินอาหารที่คุณไม่อยากกินเป็นเพื่อนคุณ ถ้าใครทำให้คุณเสียใจ ผมจะจัดการมันเอง คุณไม่ต้องคิดไม่ต้องกังวลอะไรนะ....คุณ.........”
เต็มสิบคีบอาหารใส่จานข้าวของธีรพลจนพูนจาน และธีรพลก็ได้แต่นิ่งมองอาหารในจานอยู่อย่างนั้น
ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้ด้วยมาก่อนในชีวิต
ไม่เคยมีใครปกป้องและเห็นความสำคัญถึงตัวตนที่อยู่ข้างในของธีรพลอย่างแท้จริงเลยสักคน
ธีรพลแค่เพียงคีบอาหารใส่ปากไปเงียบ ๆ
แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
“คุณก็กินข้าวสิ”
ชวนให้เต็มสิบกินข้าวด้วยกัน และธีรพลก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ยิ่งไหลออกมาไม่หยุดของตัวเองเงียบ ๆ
เต็มสิบไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากคีบอาหารใส่จานธีรพลเรื่อย ๆ
อยากให้กินข้าว อยากให้อิ่ม
“ถ้าไม่พอ ผมจะสั่งเพิ่มอีกนะ มื้อนี้ผมจะเลี้ยงคุณ แล้วพรุ่งนี้เราจะกินสิ่งที่คุณไม่อยากกินด้วยกันนะ ผมจะกินเป็นเพื่อนคุณเอง”
อย่าพูดแบบนี้
อย่าทำให้รู้สึกถึงขนาดนี้
เพราะมันจะทำให้ธีรพลไม่สามารถควบคุมความรู้สึกตัวเองได้
เต็มสิบยื่นมือไปเขย่าหัวของธีรพลเบา ๆ และส่งยิ้มให้กับคนที่กินข้าวไปเงียบ ๆ แต่ยังร้องไห้ไม่หยุด
“แต่เรื่องยกกระถางต้นไม้ผมขอติดไว้ก่อนนะ เอาไว้มือหายเจ็บแล้วผมจะมาช่วยคุณยก”
ธีรพลหัวเราะออกมาทั้งน้ำตากับสิ่งที่เต็มสิบพูด และเต็มสิบก็หัวเราะไปพร้อม ๆ กับธีรพลด้วยเหมือนกัน
“ค่าแรงผมคิดเป็น..... เรามาจูบกันอีกสักทีก็น่าจะคุ้มกับการลงทุน”
TBC.