==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้  (อ่าน 948946 ครั้ง)

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
นักวิชาการตัวไหนก็ไม่รู้เสนอให้เก็บภาษีคนโสด
ถ้าเสือกเก็บขึ้นมาจริง ๆ แล้วรัฐบาลจะใช้ปัจจัยอะไรเป็นตัวกำหนดว่า ใครโสด ใครไม่โสด
เพราะเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ท้อง ก็ไม่แต่ง ต่อให้อยู่กันมาเป็นสิบปีก็เถอะ
แล้วอย่างเราเนี่ย มันจะถือว่า ไม่โสดมั้ย?
ต่อไปอาจได้เห็น การรับจ้างแต่งงานเลี่ยงภาษี กันบ้างล่ะ

กรรม....มันใช้อวัยวะส่วนไหนคิดเนี่ย? ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่สมอง


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
ใช้หัว ด. คิดมังคะ   อิอิอิอิ  :m16:

นักวิชาเกินพวกนี้สงสัยว่างมาก   http://www.dailynews.co.th/businesss/231063    ดูหน้าไว้นะคะ

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
555555 ช่างคิดกันได้ โดยปกติคนโสดที่เสียภาษีก็ไม่ได้สิทธิ์ลดหย่อนอะไรมากอยู่แล้ว
หรือนโยบายนี้ สนับสนุนการเพิ่มปริมาณประชากร ต่อไปในอนาคตจะได้มีคนเสียภาษีเพิ่ม
รัฐจะได้มีเงินใช้หนี้ได้มากขึ้น

ปล. ปุ้มเราไปอ่านภาษาพม่า สงสัยจะตาลายหรืออ่านภาษาพม่าไม่ชิน อ่านเป็น ออก ดอก ที  :katai1:

ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
มีแฟนเป็นเพศเดียวกันอย่างหนูถือว่าโสดมั้ย
ถ้าจะพูดกันแบบนี้ ให้เพศเดียวกันแต่งกันได้ด้วยสิคะ ชริ  :katai3:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
กรมสรรพากรยืนยันแล้วว่า เป็นแค่ข้อคิดเห็น รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะทำเช่นนี้
แต่ความเห็นส่วนตัว ผมว่า มันเป็นการโยนก้อนหินถามทาง ถ้าไม่มีกระแสต่อต้านรุนแรงแบบนี้
คงมีการชงเรื่องเข้าสภาให้ออกเป็นพระราชกำหนดแน่ ๆ เห็นมาหลายครั้งแล้ว

เมื่อวานมีการสังสรรค์รวมญาติกันที่บ้านพี่ชาย
เจอญาติที่เขาชื่นชอบพรรคเพื่อไทยมาก ถึงขนาดไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้นายกฯ ด้วย
ผมก็บ่นเรื่องข้าวของแพงขึ้น ราคาน้ำมันขึ้น ค่าไฟ ค่าทางด่วน ค่าแก๊สแพงขึ้นหมด
ปรากฏว่า ผมต้องหงายเงิบ เพราะเขาแก้ต่างแทนรัฐบาลว่า ค่าแก๊ส ค่าไฟ ขึ้นแค่นิดเดียวเอง
ไม่มีผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศหรอก แต่พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาเอง
รัฐบาลไม่ผิด พ่อค้าแม่ค้าต่างหากที่ผิด
 :katai1: ฟังแล้วอึ้งสุด ๆ ไม่คิดว่า จะโดนล้างสมองได้ขนาดนี้
ทำให้นึกถึงสมัยคอมมิวนิสต์เรืองอำนาจ มันก็พยายามกรอกหูล้างสมองใส่ความเชื่อแบบนี้ลงไป

ป.ล. ผมก็ได้แต่แผ่เมตตาในใจ ให้เขาตาสว่าง เกิดดวงตาเห็นธรรมโดยเร็ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-09-2013 12:15:05 โดย fanfic2010 »

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
เหมือนปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวเลยคระ  เจ้แกบอกว่าไม่แพง  รู้สึกกันไปเอง  ที่บอกว่าแพง คือพวกที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล    อิชั้นว่าณ จุดนี้มีคนอยู่ตรงข้ามรัฐบาล ค่อยประเทศแล้วคระ 


ฟังแล้วอยากเอา ทุเรียนขว้างใส่  อิอิอิ

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
^
^
^
ทุเรียนไม่ดีหรอก ชิ้นใหญ่ไป เจ๊แกอาจหลบทัน
ปลาร้าดีกว่า เหม็นทนทาน นานเป็นอาทิตย์ แถมหลอนไปเลย 555555

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มีเรื่องใต้สะดือมาฝาก..... :kikkik:

7 เรื่อง "ของลับ" ที่ผู้ชายไม่เคยรู้ (เครดิต: manager.com)

ใครจะเชื่อว่า ก่อนหน้านี้ "ช้างน้อย" ของมนุษย์ก็มีกระดูกไม่ต่างจากสัตว์บางชนิดในปัจจุบัน และสภาพบางอย่างเช่น "โด่ไม่รู้ล้ม" หรือ กลางคืนไม่หลับไม่นอน แท้จริงแล้วเป็นปัญหาหรือไม่ "เครื่องเพศ" แม้จะถูกเก็บอยู่ในหมวดของลับของสงวน แต่การทำความรู้จักในฐานะอาวุธสืบเผ่าพันธุ์ ก็มีความจำเป็นไม่น้อย
       
       ที่จริงแล้ว "ระบบสืบพันธุ์" เป็นส่วนที่มีการศึกษากลไกต่างๆ อยู่มากมาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "องคชาต" นับได้ว่าเป็นอวัยวะมนุษย์ ที่มีการทำวิจัยศึกษากันไม่น้อย แต่เรื่องราวของ "ช้างน้อย" กลับไม่ค่อยได้รับการเปิดเผยมากนัก "ผู้จัดการวิทยาศาสตร์" จึงนำข้อมูลจาก "ไลฟ์ไซน์" (livescience.com) และ "เมนส์เฮล์ธ" (Menshealth.com) มานำเสนอ เพื่อทำความรู้จักในบางแง่มุมของสิ่งที่มนุษย์หลายคนเรียกว่า "เจ้าโลก"

1.ไซส์ไหนใช่มาตรฐาน
       
       แน่นอนว่า เมื่อเอ่ยถึง "องคชาต" ประเด็นแรกที่มักจะได้รับการถกเถียง สำรวจ วิจัยกันอย่างมากที่สุดก็คือเรื่องของ "ขนาด" ซึ่งมีการเก็บตัวอย่างมากมายหลายครั้ง และครั้งนี้ไลฟ์ไซน์ได้อ้างข้อมูลจากวารสารเซ็กซัวล์ เมดิซีน (Journal of Sexual Medicine) ที่สำรวจผู้ชายจำนวน 1,661 คน ซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติและรูปร่าง พบว่า ค่าเฉลี่ยของอวัยวะเพศชายเมื่อแข็งตัว จะมีความยาวประมาณ 5.56 นิ้ว (14 ซม.)
       
       ความยาวองคชาตที่วัดจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดนี้ วัดเมื่อขณะแข็งตัวซึ่งมีความยาวตั้งแต่ 1.6 นิ้ว (4 ซม.) จนถึง 10.2 นิ้ว (26 ซม.) และไม่ใช่ว่าการแข็งตัวทุกครั้งจะมีความยาวเท่ากัน จากผลการสำรวจนี้ชี้ว่า หากน้องชายถูกกระตุ้นด้วยการร่วมเพศแบบออรัลเซ็กซ์ หรือ มีการสอดใส่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า การถูกกระตุ้นด้วยการจินตนาการเพียงฝ่ายเดียว
       
       ทั้งนี้ การแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย ก็คือการที่หลอดเลือดบริเวณองคชาตขยายตัว ทำให้ปริมาณเลือดไหลเวียนไปที่จุดดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
       
       นอกจากนี้ การศึกษาชิ้นอื่นๆ ยังชี้ว่า การสูบบุหรี่มีผลทำให้ปริมาณเลือดไหลที่ไปจุดดังกล่าวลดลง ซึี่งส่งผลให้อวัยวะเพศขยายตัวน้อยลงประมาณ 0.4 นิ้ว (1 ซม.) ดังนั้นการสูบบุหรี่ไม่ใช่แค่ทำร้ายปอด แต่ทำอันตรายลึกไปถึงกล่องดวงใจด้วย

2. "ขนาด" ใครคิดว่าไม่สำคัญ
       
       คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ความ "เล็ก-ใหญ่" ของเครื่องเพศนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อต้องลงสนามปฏิบัติภารกิจ เพราะผู้หญิงที่ถึงจุดกระสันต์ในช่องคลอดนั้น จะสำเร็จได้ง่าย หากอวัยวะของฝ่ายชายมีความยาวกว่า จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2012 ของวารสารเซ็กซัลว์ เมดิซีน
       
       อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการวิจัยชี้ชัดว่า ทำไมองคชาตที่ยาวกว่าถึงกระตุ้นช่องคลอดและปากมดลูกของฝ่ายหญิงได้ดีกว่า แต่ช่วยให้ฝ่ายชายสามารถปล่อยสเปิร์มเข้าสู่ช่องคลอดได้ดีกว่า
       
       เมื่อใหญ่กว่าย่อมดีกว่า ทำให้ผู้หญิงนิยมที่จะเลือกชายร่างใหญ่ไว้ก่อน เพื่อความสบายใจ โดยผลการศึกษาปี 2013 ซึ่งลงรายละเอียดในเอกสารการประชุมวิชาการสภาวิทยาศาสตร์ สหรัฐฯ (Proceedings of the US Academy of Sciences) รายงานว่า ผู้หญิงมักจะเลือกผู้ชายที่ตัวสูงไว้ก่อน โดยเฉพาะสัดส่วนจากไหล่ถึงสะโพก เพราะเชื่อว่าจะมีขนาดน้องชายใหญ่กว่า และสร้างความสุขสมได้มากกว่าผู้ชายที่ตัวเตี้ย

3. "ข้าวเหนียว" หรือ "ข้าวเจ้า"
       
       เมื่อสำรวจขนาดของ "น้องชาย" ในยามสงบอาจจะก็ไม่มีทางที่จะทำนายได้เลยว่า เมื่อถึงเวลาปฏิบัติการแล้วอาวุธของแต่ละนายจะขยายได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งการขยายตัวขององคชาตเมื่อเกิดความต้องการทางเพศ มีอยู่ 2 แบบคือ 1.องคชาตจะขยายตัวและยาวขึ้นมากกว่าเดิม (grower หรือ ข้าวเจ้า) และ 2.องคชาตจะขยายตัวและยาวไม่ต่างไปจากสภาพปกติ (shower หรือ ข้าวเหนียว)
       
       นิตยสารเมนส์เฮล์ธ ได้สำรวจผู้ชายทั่วโลก (ไม่ได้ระบุจำนวนกลุ่มตัวอย่าง) พบว่า 79% เป็นพวกข้าวเจ้า และอีก 21% เป็นพวกข้าวเหนียว
       
       นอกจากนี้ ยังมีสถิติระบุระยะเวลาในการถึงจุดสุดยอดไว้ว่า ในผู้ชายจะใช้เวลาสุขสมกับความรู้สึกนั้นนานที่สุด 6 วินาที ขณะที่ผู้หญิงจะคงความรู้สึกนี้ไว้ได้นานถึง 23 วินาที จากสถิตินี้ทำให้มีการกระเซ้าถึงผู้หญิงที่รักความเท่าเทียมว่า ถ้าเช่นนั้นควรปล่อยให้คู่นอนได้สำเร็จความใคร่ถึง 4 ครั้ง จึงจะใช้เวลาแห่งความสุขสมได้ยาวนานพอๆ กัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2013 20:11:57 โดย fanfic2010 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
4. เพราะมันเคยมี "กระดูก"
       
       วิวัฒนาการของ "เจ้าโลก" นั้นเปลี่ยนไปมากมาย โดยช่วงหนึ่งองคชาตของมนุษย์มีกระดูกแกนกลาง แต่บรรพบุรุษได้ละทิ้ง "เดือย" ไว้ในช่วงวิวัฒนาการตั้งแต่ก่อนมนุษย์นีอันเดอร์ทัล (Neanderthals) และลักษณะของมนุษย์ยุคปัจจุบันก็แตกต่างไปจาก 700,000 ปีก่อนมาก ตามรายงานการวิจัยที่ตีพิมพ์ลงวารสารเนเจอร์ (Nature) ปี 2010
       
       นักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจว่า กระดูกในองคชาตของมนุษย์โบราณนั้นมีหน้าที่อะไร แต่อาจจะเป็นได้ว่าเพื่อให้เกิดมีเพศสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว เพราะจะช่วยให้อัวยวะเพศแข็งตัวได้เร็วกว่าหากไม่มีกระดูก ซึ่งกระดูกในตำแหน่งเดียวกันนี้ก็ปรากฎอยู่ในสัตว์หลายชนิด ในปัจจุบันอย่างเช่น แมว หรือ สุนัข
       
       อย่างลิงเอปส์ก็มีท่อนกระดูกที่องคชาต กระดูกชิ้นนี้ช่วยให้อวัยวะแข็งตัว ขณะที่มนุษย์ไม่มี โดยกลไกการแข็งตัวพึ่งพาแต่จากแรงดันเลือด ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่าทำไมกระดูกชิ้นนี้ในมนุษย์เพศชายถึงหายไป
       
       เรื่องนี้ ริชาร์ด ดอว์กินส์ (Richard Dawkins) นักชีววิทยาได้เขียนอธิบายไว้ในหนงสือที่ชื่อแปลเป็นไทยได้ว่า "ยีนเห็นแก่ตัว" ("The Selfish Gene" ; Oxford University Press, 2006) ที่วิวัฒนาการมนุษย์เลือกที่จะไม่มีกระดูกในองคชาตนั้น ก็เพราะต้องการให้เพศหญิงได้ประเมินภาวะสุขภาพของคู่ เพราะหากร่างกายไม่แข็งแรง เลือดลมไม่ปกติ ก็จะไม่สามารถแข็งตัว อันนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้

5. "ตื่น" ยามวิกาล
       
       ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มโสดหรือหนุ่มไม่สด ในยามกลางคืนก็เวลาที่ "องคชาต" ทำงาน ในบางคนน้องชายอาจแข็งตัวได้ 3-5 ครั้งต่อคืน โดยอยู่ในช่วงการหลับแบบ REM (rapid eye movement) ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังฝัน โดยไม่ว่าจะฝันถึงเรื่องวาบหวิวหรือไม่ก็ตาม
       
       การตื่นตัวของน้องชายในยามหลับฝันนี้ ช่วยคงรูปขององคชาต เพราะหากไม่ได้แข็งตัวตามปกติ อาจเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพ และอาจร้ายแรงถึงกับหดตัวได้ นี่ถือเป็นกระบวนการทางสรีรศาสตร์ ซึ่งแพทย์มักสอบถามผู้ชายถึงสภาพการตื่นตัวในยามวิกาล ก็เพื่อวิเคราะห์ถึงเหตุอาการแข็งตัวผิดปกติขององคชาตได้

6. องคชาตผิิดปกติ
       
       ปัญหาผิดปกติที่พบมากที่สุดก็คือ การช่วยตัวเองหรือมีเซ็กซ์อย่างรุนแรง จนทำให้เกิดบาดเจ็บ หรือจนกระทั่งองคชาตหัก
       
       ส่วนอีกปัญหาหนึ่ง ที่พบเช่นกันคือ "ภาวะองคชาตแข็งค้าง" (priapism) โดยเจ้าน้องชายจะแข็งตัวต่อเนื่องเป็นเวลานานมากกว่า 4 ชั่วโมง แม้ไม่ได้รับการกระตุ้นแล้ว ซึ่งอาการโด่ไม่รู้ล้ม ที่ฟังดูเหมือนจะดี แต่กลายเป็นปัญหาก็เพราะว่า ปริมาณเลือดที่มาคั่งเมื่อยามถูกกระตุ้น ไม่สามารถไหลกลับคืนสู่ร่างกายได้ ซึ่งอาการนี้อาจเกี่ยวข้องกับโรคโลหิตจาง (sickle-cell anemia) หรือ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลิวคีเมีย)
       
       สภาวะดังกล่าวถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งต้องฉีดซูโดอีไพน์ฟรีน (pseudoepinephrine) เพื่อให้กล้ามเนื้อเรียบขององคชาตหดตัว
       
       ยังมีความผิดปกติอีกกรณีที่เกิดน้อยมาก ก็คือการมีองคชาต 2 อันติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ตามสถิติมีโอกาสเป็นได้ทุกๆ 5-6 ล้านคน ซึ่งการมีองคชาต 2 อันนี้เรียกว่า "ไดฟาลลัส" (diphallus) และแน่นอนว่า การมีมากกว่าคนปกติไม่น่าจะเป็นเรื่องดี ซึ่งส่วนใหญ่เลือกที่จะตัดทิ้งเหลือเพียงอันเดียว

7. ความจริงของหนังหุ้มปลาย
       
       เด็กเมืื่อเกิดใหม่ เนื้อเยื่อบริเวณหนังหุ้มปลายองคชาต จะเป็นตัวเชื่อมส่วนหัวของลึงค์ โดยในท้องแม่ เนื้อเยื่อในเพศชายจะพัฒนาเป็นหนังหุุ้มองคชาต ขณะที่เพศหญิงจะพัฒนาเป็นกลีบคลุมปุ่มกระสันต์ (clitoral hood)
       
       ด้านในของหนังหุ้มปลายองคชาตเป็นชั้นเยื่อเมือกที่เหมือนกับภายในหนังตาและภายในปาก ซึ่งมีสภาพชุ่มชื้น สภาวะแบบนี้ช่วยเพิ่มอัตราการติดต่อโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้่ชายที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายองคชาต
       
       ทั้งนี้ ที่บริเวณหนังหุ้มปลายนั้นมีเซลส์แลงเกอร์ฮานส์ (Langerhans cells) อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเซลส์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน และเชื้อเอชไอวี (HIV) จะแทรกซึมผ่านทางเซลส์นี้ นั่นเลยอธิบายได้ว่า ในชายแอฟริกันที่ขริบแล้ว จะมีอัตราติดเชื้อเอชไอวีต่ำกว่า 60% เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม
       
       ขณะที่สถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกัน (American Academy of Pediatrics) ไม่ได้สนับสนุนหรือห้ามการขริบ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่า การขริบมีทั้งข้อดีและความเสี่ยง แต่มีนักเคลื่อนไหวออกมาค้านการขริบ โดยอ้างการศึกษาว่า การขริบทำให้ผู้ชายมีความสุขทางเพศน้อยลง แต่รายงานชิ้นนี้ก็ยังไมได้รับการยอมรับ เพราะถูกตั้งข้อสงสัยว่าระเบียบวิธีวิจัยมีปัญหาและอคติ
       
       ที่น่าสนใจคือ แพทย์สามารถปลูกผิวหนังของผู้ที่ถูกไฟไหม้ด้วยหนังหุ้มปลายองคชาต ที่ขริบจากเด็กทารก ซึ่งหนังหุ้มปลายของเด็กคนเดียวสามารถเพาะเลี้ยงจนกลายเป็นผิวหนังที่มีพื้นที่ 23,000 ตารางเมตร มากพอที่จะคลุมสนามกีฬาขนาดใหญ่ได้ทั้งสนาม

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
ขอบคุณนะ ปุ้ม ^^

ช่วงนี้วุ่น ๆ กับการช่วยรักษาน้องที่ทำงานที่ป่วยมาสองปีกว่าละ (จำไม่ได้ว่าเคบเล่าให้ฟังที่นี่หรือไม่ แต่เคยคุยกับน้องในเล้าที่เป็นหมอ)
น้องเค้าประสบอุบัติเหตุรถชนราวสะพานตอนหัวรุ่ง หัวกระแทกพื้นเลือดออกที่หัวกว่าจะมีคนมาพบก็หกโมงเช้าละ
ตอนนั้นมีเลือดออกที่ก้านสมองมีการผ่าตัดสมองอยู่สองครั้ง นอนไอซียู อยู่หลายเดือน
มีการเจาะคอเพื่อหายใจ ช่วงอยู่ ไอซียู ชีพจรหยุดเต้นไปครั้งนึงแล้ว หมอปั้มชีพจรขึ้นมาใหม่
ออกจาก รพ. ซีกขวาจะใช้การไม่ได้ แรก ๆๆ อาการหลาย ๆ อย่างก็ดีขึ้น หัดพูดออกเสียงเป็นคำ ๆ ได้
เราก็ไปดูเรื่อย ๆ เมื่อมีเวลาว่าง แต่ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่ มาหลัง ๆ อาการหลาย ๆ อย่างไม่ดีขึ้นเลย
ข้าวปลาไม่ค่อยอยากกิน ผอมจนแทบจะเหลือแต่กระดูก น้องเค้าเป็นลูกจ้างชั่วคราวของหน่วยสิทธิ์การรักษาใช้แต่ประกันสังคม
บุญที่ยังมีของเค้า อยู่ ๆ นายแกนึกถึงเลยถึงอาการป่วยและให้หาทางรักษาให้หายเป็นปกติ โดยจะออกค่าใช้จ่ายให้
เลยสั่งการให้เราดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้ เลยศึกษาหาทางที่จะทำให้เค้าหายโดยเร็วที่สุด
นึกถึงวิธีการฝังเข็ม (เพราะคุณแม่เคยป่วยเป็นอัมพฤกษ์แล้วรักษาวิธีการฝังเข็มอยู่ระยะนึง อาการดีขึ้น)
จากการสอบถามน้องที่ดูแลเค้าอยู่ ใน รพ. มีหมอฝังเข็มแต่เค้าไม่รักษาให้ เพราะคนไข้ไม่สามารถพูดได้เค้าเลยไม่ทำการรักษาให้
ซึ่งเราฟังแล้ว เป็นเหตุผลที่แย่มาก ๆๆ เลยไปควานหาหมอบ้านที่มีความรู้ในการฝังเข็ม
แกรักษามาแล้วหลายคนอาการดีขึ้นจนหาย แต่อยู่ไกล แรก ๆ ที่ไปพบเพื่อให้มาดูอาการก่อน
หมอแกไม่อยากจะออกไปรักษาข้างนอก เพราะโดยมากคนไข้จะไปรักษาที่บ้านแกเอง แต่กรณีนี้ไม่ได้
การจะพาคนป่วยไปรักษเป็นเรื่องลำบากมาก เราก็พูดหว่านล้อมจนแกใจอ่อนไปดูอาการ พอเห็นสภาพคนป่วยแล้ว
แกดำเนินการรักษาทันที โดยวิธีการปักเข็ม เราเลยได้ศึกษาไปด้วย

ปล.ค่อยมาเล่าต่อนะ


ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
พี่ปุ้มช่วยมาเปิดโลกทรรศน์เกี่ยวกับ เจี้ยว  อิอิอิ :hao6:

พี่เนะ รพ.หัวเฉียว ก็มีแพทย์จีนเยอะนะ  ลองไปถามดูจิ    หรือไม่ก็  ศูนย์การแพทย์ชีวโมเกุล  ที่ออกอากาศทางช่อง 5 ตอน10โมง  ก็น่าจะช่วยได้นะ :katai2-1:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
ไปไหนกันหมดเนี่ย  คิดถุงงอ่ะ  ^^

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
งานเยอะ ยุ่งมาก กำลังจะเปิดโรงงานใหม่ ต้องเตรียมการอะไรๆ อีกหลายอย่าง
เลยไม่ค่อยมีเวลามาลงเรื่อง ตอนนี้แทบจะกินนอนที่บริษัทแล้ว
หน้าแฟนก็แทบไม่ได้เจอ วันก่อนคุณชายก็เลยแวะมานอนด้วย
กลัวจำกลิ่นไม่ได้ 555555

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มาอัพเดทว่า ยังมีชีวิตอยู่ เลยอยากมาเล่าถึงประสบการณ์อินไซด์น้ำท่วม (อีกแล้ว)
สงสัยตัวเองเหมือนกันว่า อะไรจะถูกโฉลกกับน้ำขนาดนี้  :ling3:

ผลพวงจากพายุ "นารี" ที่โจมตีกรุงเทพฯและภาคตะวันออก
มันช่างรุนแรงเสียจนต้องสั่งปิดโรงงานชั่วคราว เพราะพนักงานเข้ามาทำงานไม่ได้
นิคมอมตะฯ กลายเป็นทะเลชั่วคราว มองไปทางไหน ก็เห็นแต่น้องน้ำเวิ้งว้าง
ฝนตก น้ำทะเลหนุน ช่างครบสูตร คุ้น ๆ เหมือนตอนน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ชะมัด  :katai1:

เมื่อวานนี้เข้าโรงงาน ต้องทิ้งรถไว้ที่โรงงาน ไม่กล้าขับฝ่าลุยออกมา
หลังจากพยายามมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่....ไปไม่รอด  :hao5:
ต้องหันรถกลับมาโรงงานตามเดิม ขับ ๆ ไป มันลึกขึ้นเรื่อย ๆ
จากปริ่มผิวถนน ค่อย ๆ สูงขึ้นจนเกือบท่วมล้อ (4WD)
ยิ่งเวลาขับสวนกับรถบรรทุก น้ำกระฉอกมาเลอะกระจกรถ เหมือนเดจาวูตอนปี 54
ต้องอาศัยรถบัสใหญ่อพยพคนออกจากโรงงาน (รวมทั้งตัวเองด้วย)
รถติดยาวเหยียดในนิคมฯ นิ่งสนิทท่ามกลางน้ำท่วมกว่า 4 ชม. ถึงจะออกมาถึงหน้านิคมได้
สั่งอพยพคนตั้งแต่บ่ายสอง แต่ออกมาถึงหน้านิคมฝั่งสุขุมวิทตอนใกล้ทุ่ม กับระยะทาง 10 กม.
ใครปวดขี้ ปวดเยี่ยว หรือหิว ก็ต้องอดกลั้นไว้หน้าเขียวหน้าเหลือง

วันนี้เลยต้องฝ่าน้ำกลับไปเอารถกลับมาบ้านที่กรุงเทพฯ
กว่าจะฝ่าน้องน้ำไปถึงโรงงานได้ จาก 7 โมงเช้า ไปถึงโรงงาน 10 โมง
พอไปถึง ยังไม่ทันได้นั่งให้หายเหนื่อย ฝนตกลงมาอีกแล้ว น้ำขึ้นเลยฟุตบาทมาอีก
เลยต้องสั่งปิดโรงงานและอพยพคนที่ขยันมาทำงานออกไปอีก
พวกนี้สมควรได้รับ "พนักงานดีเด่น" จริง ๆ  o13
(แต่เดือดร้อนกรู ต้องมาอพยพพวกมรึงออกไปอีก ฮ่วย!! =*=')

คราวนี้เลยต้องเอารถตัวเองกลับมาด้วย ก็เลยขับตามกันมาเป็นขบวน
เผื่อว่า รถใครไปไม่ไหว จะได้ช่วยลากจูงกันออกไป
สงสารคนที่เพิ่งออกรถใหม่ โดยเฉพาะรถไฮบริด ตายกลางทางเป็นแถว
เพราะรถมันใช้แบตฯ พอรถจอดติด ระบบมันตัดไปใช้แบตฯ อัตโนมัติ
เจอน้ำเข้าไป เดดสนิท ทำอะไรไม่ได้ นอกจากลากอย่างเดียว
แล้วนาทีนี้ รถลากที่ไหนมันจะฝ่าน้ำท่วมเข้ามาลากให้

หลังจากผจญเวรผจญกรรมกับน้ำท่วมนิคมอมตะฯ ตามข่าวที่ออกไปแล้ว
กลับมาถึงบ้าน หวังจะให้คนปลอบใจ พี่แกดันไปลั้ลลาปาจิงโกะ ตีกอล์ฟที่เขาใหญ่  :fire:
เพี้ยง! ขอให้ฟ้าผ่าสักทีเถอะ ชอบตีกอล์ฟหน้าฝนดีนัก   :m16:

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
อิอิอิ  คุณชายเค้าไปคายเเครียด อะนะ   :katai2-1:   ตอนแรกคิดว่าท่วมนิดหน่อยๆ ที่ไหนได้   :o12: 

ช่วงนี้มีอะไรแปลกๆค่ะ  ห้างชุปเปอร์ชีป ก็ไฟไหม้ ควันไฟเห็นได้ไกลเป้น10กิโลเลยคระ  น่ากลัวมาก 35ไร่เหลือแต่ถ่าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
พรุ่งนี้ออกพรรษา ได้เวลากินเหล้าแล้ว เอิ๊ก เอิ๊ก

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ได้ยินข่าวเรื่อง เอ็กซ์ นักยิงปืนทีมชาติไทย ถูกลอบยิงเสียชีวิตกลางแยกแถวมีนบุรี คารถปอร์เช่
ขอแสดงความเสียใจด้วยกับครอบครัว (หรือแม่กะเมียจะแอบดีใจก็ไม่รู้....หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียที)

ป.ล. อ่านจากข่าวเกี่ยวกับประวัติของผู้ตาย แล้วให้สงสัยเป็นอันมาก
เขาทำมาหากินอะไร ถึงได้ร่ำรวยมีเงินซื้อปอร์เช่ มีเงินสดในเซฟ 60 กว่าล้านบาท

ป.ล. 2 ผมไม่นิยมความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำร้ายผู้หญิงที่เป็นเพศอ่อนแอกว่า
แถมยังเป็นแม่ของลูกด้วย

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
ไปตามอ่าน ข่าวและคอมเม้นจากเว็บเมเนเจอร์ เขาว่า เกี่ยวข้องกับยาเสบติดค่ะ  ประมาณว่าถูกสั่งเ็ก็บ
 คราวก่อนออกข่าวกับประวีณา คือสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก   (หลายคนแสดงความโล่งใจไปกับภรรยา หุหุหุ)
บางคนก็ ออกมาเล่าว่าสมัยก่อน ให้ภรรยา(ไม่รู้คนไหน)เดินแก้หน้าบ้านในซอยอารีย์ตัวเขาก็เอาปืนเล็งอยู่ข้างหลัง  มีคนเห็นมากับตาเลยเอามาโพส  :sad4:

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
หายหน้าไปหลายวัน งานยุ่ง ๆ แล้วก็แอบเข้าป่าไปดูช้างที่กุยบุรีมา ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่
อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ไม่ไกลจาก กทม. มาก จากถนนใหญ่เข้าไปก็สิบกว่าโลเอง
ป่ายังมีความสมบูรณ์อยู่มาก ส่วนราชการและชาวบ้านให้ความร่วมมือร่วมใจที่จะดูแลผืนป่าและสัตว์ป่าที่นี่ให้คงอยู่ต่อไป
ตอนนี้ช้างป่าก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น กระทิง หรือแม้แต่เสือโคร่ง ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น
การเดินทางก็ไม่ได้ลำบากมากเท่าไหร่ ขอแนะนำให้เป็นรถกะบะ หรือโฟว์วิล จะดีกว่ารถเก๋ง
แต่ถ้าจำเป็นต้องไปรถเก๋ง ที่นั่นมีรถกะบะรับจ้างวิ่งเข้าไปดูช้างป่า เหมาตกคันละประมาณ 700 บาท
และแต่ละคันจะต้องมีไกด์นั่งติดรถไปด้วยทุกคัน ช่วงเวลาดูช้างก็ประมาณบ่ายสามโมงถึงหกโมงเย็น
หรือถ้าไปถึงก่อนก็ขอเค้าเข้าไปสำรวจเส้นทางได้ แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่นั่งไปด้วย เพราะช้างอาจจะออกมาได้ตลอดเวลา
แล้วพอบ่ายสามโมงค่อยเข้าไปอีกครั้งนึงได้ เก็บบัตรผ่านไว้ให้ดี
เราได้เข้าไปสองครั้งรอบแรกประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า ๆ โชคดีได้เจอเจ้าตัวใหญ่กำลังกินหญ้าสบายใจอยู่ข้างทาง
พยายามดูอยู่เงียบ ๆ ก็เฝ้าระวังว่าเค้าจะตกใจหรือระวังอะไรหรือเปล่า แต่ก็ไม่ยังกินหญ้าสบายใจเฉิบอยู่
แถมยังอวดเอางวงดึงหญ้าโยนขึ้นหัวโชว์อีก ยอมรับว่าน่ารักและมีความสุขไปกับเค้าด้วยจริง ๆๆ
ตอนบ่ายที่เข้าไปจะมีนักท่องเที่ยวไปมาก โชคดีอีกที่วันนั้นได้เจอทั้งฝูงกำลังพาครอบครัวมาเล่นน้ำและหากินกันอยู่ไม่ไกลนัก
ได้เข้าไปดูได้ในระยะใกล้มาก ๆๆ ฝูงนี้ตกประมาณ 18 - 20 ตัว นับว่าเป็นครอบครัวใหญ่พอประมาณ มีลูกเล็ก ๆ อยู่ 3 ตัว
พวกเราเข้าไปดูกันอยู่เงียบ ๆ นักท่องเที่ยวอื่นมามีเด็กมาด้วยส่งเสียงกันดังพอใช้ แต่ช้างเค้าได้ยินเสียง
ช้างวัยรุ่นตัวผู้ที่ยังไม่แยกฝูง ก็ตั้งท่าระวังแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องให้พวกเราถอยห่างออกมา
ตอนนั้นอยากจะไล่เด็กไปไกล ๆ จริง ๆ ผู้ปกครองก็ไม่รู้จักที่จะเตือนหรือบอกวิธีการดูสัตว์ป่าว่าต้องทำอย่างไร
อย่างเซ็งเลยเรา แต่ก็นับว่าโชคดีที่ได้เห็นทั้งฝูงแบบนี้
ต่อไปเราก็กะจะไปดูกระทิงแถว ๆ ป้ายที่ นายก ฯ ไปถ่ายรูปนั่นหล่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ออกมาหลายวันละ ฝนตก
แต่บ่ายวันนั้นแดดออก กระทิงจะออกมาตากแดด ได้ยินเสียงมันอยู่ข้างล่าง แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมตามมาแถมส่งเสียงดังกว่าเดิมอีก
แล้วตรงนั้นเป็นแนวหน้าผาเสียงจะยิ่งดังก้องเพิ่มอีก สรุปอดเห็นกระทิงเลย น่าเสียดายมาก
ฝากไว้สำหรับผู้ที่คิดจะเที่ยวป่าเพื่อดูสัตว์ การไม่ใช้เสียงจะดีที่สุด เราจะได้เห็นสัตว์ป่าที่สวยงามและธรรมชาติที่สดชื่น
ฟังเสียงนกแต่ละชนิดร้องแข่งกัน สุดยอดมากสำหรับการพักผ่อน
สำหรับที่พักมีที่อุทยานกุยบุรี จะพักบ้านพักหรือกางเต๊นท์ได้ แต่เราไปพักในหมู่บ้านไร่คงมั่น ราคาไม่แพง
ใครสนใจที่จะไปเที่ยวสอบถามมาได้

ปุ้ม  ถือว่ารำลึกอดีตตอนน้ำท่วมปี 54 ละกัน จะได้หายคิดถึงน้ำ 555555

กิมตี๋  รอดูต่อไป อาจจะมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นอีกมาก อย่างคาดไม่ถึงก็ได้

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
เนะ....เสียน้ำมากกว่า  :jul1:

วันเสาร์นี้ที่บริษัทจัดงานสปอร์ตเดย์ ไอ้งานน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่ไมให้กรูลงเล่นวอลเล่ย์ด้วย (วะ)

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ยู้ฮู คุยไรกันอ่ะ น้ำเต็มหน้าเบย อิๆๆๆ  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
555555 ปุ้ม ปกติก็เสียน้ำเป็นประจำอยู่แล้วนิ อิอิ  :m25:

คิงหายไปซะนาน คุยเรื่องน้ำ ๆ ที่ไม่เคยตกกระแสไง 55555

ช่วงนี้ทางใต้เข้าหน้าฝนเต็มที่ละ เตรียมจัดการเรื่องน้ำกันต่อไป  :laugh:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
 เพิ่งกลับมาจากเสียมเรียบ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
มาแล้วคร้าบ.....มาเล่าเรื่องเสียมเรียบให้ฟัง

เมื่อวันที่ 1-3 พ.ย. ผมไปประชุมที่ปอยเปต
วันที่ 1 พ.ย. ไปประชุมที่ในโรงแรม&คาสิโนฝั่งกัมพูชา ค้างในบ่อน 1 คืน
จากนั้นก็เดินทางต่อไปเสียมเรียบ ไปดูวิถีชีวิตชาวเลน้ำจืดของคนเขนร
ไปดูหินที่ปราสาทบายัน ปราสาทตาพรมในเขตนครธม และนครวัด
เดินกันขาลาก เดี๋ยวจะค่อย ๆ เล่าไปทีละวันนะครับ

วันแรก ขาไป นั่งรถตู้ VIP นำส่งถึงที่ด่านสระแก้ว ตรงตลาดโรงเกลือ
ตอนไปถึงยังเช้าตรู่ คนยังไม่เยอะ ร้านรวงยังเพิ่งเริ่มเปิดร้านกัน
อีตอนผ่านด่าน ตม. เห็นนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศกำลังเข้าคิวข้ามฝั่งไปเที่ยวกัมพูชากันอย่างเนืองแน่น
คณะผมค่อนข้างพิเศษ (นิดนึง) ตรงที่ไม่ต้องไปยืนต่อคิวเบียดคนให้ร้อนเล่นที่ชั้นล่าง
เขาพาขึ้นไปชั้นสอง เปิดเคาน์เตอร์พิเศษให้ยืนต่อคิวเช็คเอ้าท์เป็นกรณีพิเศษ
ระหว่างทางเดินไปที่ด่านตม. ไทย สังเกตุเห็นคนกัมพูชา (เดาเอา)
เขาจะเข้าไปหาคน (น่าจะเป็นกัมพูชา) ที่ยืนเตร็ดเตร่เกะกะอยู่แถวนั้น
แล้วยื่นหนังสือให้ สงสัยจะเป็นเอเย่นต์รับจ้างเขียนแบบฟอร์ม ตม.
เพราะเห็นแต่คนกัมพูชาที่ต้องไปหาคนพวกนั้น ถ้าเป็นต่างชาติหรือคนไทย
ก็เดินตามทางเข้าไปยื่นพาสปอร์ตที่เคาน์เตอร์ด้านในได้เลย

เนื่องจากที่ด่านสระแก้วเป็นด่านถาวร เราจำเป็นต้องนำพาสปอร์ตไปยื่นประทับตราขอผ่านแดน
เหมือน ตม. ที่สนามบิน ไม่สามารถขอเป็นบัตรผ่านแดนชั่วคราว แบบที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว หนองคายได้
อันนั้นถึงไม่มีพาสปอร์ตก็ข้ามได้ แต่ที่สระแก้ว ถ้าไม่มี ก็ออกนอกประเทศไม่ได้

ขอนอกเรื่องเล่าถึงพาสปอร์ตตัวเองหน่อย ด้วยความที่เดินทางบ่อย (จนเบลอ)
เลยลืมดูวันหมดอายุพาสปอร์ตตัวเอง เข้าใจ (เอาเอง) ว่า หมดอายุปีหน้า
เพราะจำได้ว่า เพิ่งจะไปทำเล่มใหม่มาไม่นานนี้เอง
โชคดีที่ 3 วันก่อนเดินทาง คุณชายเขาพูดเตือนว่า
อย่าลืมเอาพาสปอร์ตติดตัวไปด้วย เดี๋ยวผ่านด่านไม่ได้
ก็เลยหยิบขึ้นมาเปิดดู แทบตาถลน เพราะมันหมดเดือนธันวาคม 2556  :katai1:
คือ ตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ พาสปอร์ตที่จะสามารถใช้เดินทางออกนอกประเทศได้
ต้องมีอายุมากกว่า 6 เดือน ไม่งั้นก็โดนกักตัวอยู่ที่สนามบินนั่นแหละ
ผมเลยต้องรีบแจ้นไปกรมการกงศุล แจ้งวัฒนะ ทำพาสปอร์ตเล่มใหม่
โชคดีที่เดี๋ยวนี้ใช้เวลาน้อยลง แค่ 2 วันทำการก็ได้แล้ว ทำวันนี้ มะรืนนี้ไปรับเล่มได้เลย
ถ้าไม่สะดวกไปรับเอง ก็ให้เขาส่งทางไปรษณีย์มาให้ก็ได้ 5 วันทำการได้รับถึงบ้าน
ใช้เวลาทำพาสปอร์ตใหม่ไม่ถึง 15 นาที ก็เสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอน ถือว่า เร็วมาก ๆ
เดี๋ยวนี้เขาขยายสาขาไปตามจุดต่าง ๆ หลายแห่งทั่วกรุงเทพฯ
เท่าที่รู้ ก็มีที่เซ็นทรัลบางนา บางแค พัทยา แต่ได้ยินว่า คนเยอะ ทำช้า
แต่ผมชอบไปทำที่ สนญ. มากกว่า รวดเร็ว สะดวก ทันใจ
เวลามีปัญหา จะมีคนเสนอตัวเข้ามาช่วยทันที เพราะกลัวถูกร้องเรียนเรื่องการบริการ เดี๋ยวไม่ได้ KPI

ออกทะเลไปเยอะแล้ว กลับมาที่ไปเที่ยวเขมรกันต่อ.........  :hao7:

ขอตัดตอนมาที่หลังประชุมเสร็จเลยแล้วกัน ทางที่ประชุมเขาก็เชิญเราไปเที่ยวที่เสียบเรียบ
เพราะอยู่ใกล้กว่าพนมเปญ ก็เลยค้างคืนที่คาสิโน 1 คืน หลังจากอิ่มหมีพีมันกับงานเลี้ยงเย็นแล้ว
ก็เลยไปลองเล่นโป้กเกอร์ในบ่อนดู แล้วก็ไปโยกสลอตแมชชีนได้ค่าขนมมานิดหน่อย เล่นพอสนุก

พอวันรุ่งขึ้น ก็ออกเดินทางไปเสียบเรียบ นั่งรถไปเรื่อย ๆ ผ่านทุ่งนา บ้านเรือน ผู้คน แล้ว
ให้นึกถึงบ้านเราเมื่อ 30 ปีก่อน อารมณ์ประมาณ ไอ้คล้าวกำลังนั่งจีบทองกวาว ยังไงยังงั้น
ถนนหนทางก็เป็นถนนลาดยางแบบถนน รพช. บ้านเรา มีแค่ 2 เลนเล็ก ๆ
เวลาขับสวนรถใหญ่ทีไหร่ ผมต้องขมิบตูดทุกที เพราะมันสวนกันใกล้มาก
บ้านเขาขับเลนขวา ต่างจากบ้านเราที่ขับเลนซ้าย
เวลาข้ามถนนทีไร ต้องตั้งสติดี ๆ ทุกที เพราะเราจะเคยชินกับการมองรถทางขวามือก่อน
แต่บ้านเขา ต้องมองด้านซ้ายมือ ได้ยินว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ยุโรปบางคน
เคยถูกรถชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมาไม่น้อย


ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด