Page 04 : มากันครบทีม (เบย)
Gayscale เป็นนิตยสารแจกฟรีเพียงเล่มเดียวในขณะนี้ ที่กล้ายืดอกประกาศกร้าวในจุดยืนของชาวรักร่วมเพศ ทว่าเนื้อหาภายในค่อนข้างเป็น unisex หญิงอ่านได้ ชายอ่านดี เกย์อ่านยิ่งฟินไปใหญ่ แม้หน้าปกจะเน้นก้ามปูดูวาบหวามไปบ้าง แต่ยืนยันว่าภายในไม่ต้องถึง 18+ ก็อ่านได้ชิลล์ๆ
สิ่งหนึ่งที่หลายคนคงสงสัย นั่นคือพนักงานภายในมันเป็นเกย์กันด้วยหรือเปล่า ถึงได้สรรค์สร้างข้อมูลได้แน่นเสมือนจริงเสียขนาดนี้ ...ขอบอกว่าไอ้สิปป์ไม่ตุ๊ดนะครับ! ยกมือสามานย์ เอ๊ย สาบานเลยก็ได้ แต่เหตุที่การเขียนมันไหลลื่น ก็เพราะใช้เค-วาย ถุย! เพราะมีเพื่อนเกย์ที่ปรึกษาน่ะสิ เป็นแก๊งเพื่อนตั้งแต่มัธยมที่เรียนชายล้วนมาด้วยกันนั่นแหละ แต่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ นี่จะเป็นหรือไม่เป็น ไอ้สิปป์ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน โดยเฉพาะ...
“โดนลูกค้าจับตูดอีกแล้ว อ๊ากกก” เซลส์นัมเบอร์ทรีชื่อน้องจีสกรีมลั่นออฟฟิศ แม้บุคลิกภายนอกจะดูเป็น “จีจี้” มากกว่าไอ้จี ทว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครแน่ใจว่ามันเลือกสายไหนกันแน่ แต่ที่รู้ๆ บก.เอ้กระซิบบอกสิปป์ศิลป์มาว่า ลักษณาการแบบนี้มัน ‘เคะ’ ชัดๆ
แล้วเคะมันคืออะไรล่ะเว้ยเฮ่ย!
“บอกแล้วว่าอย่าใส่กางเกงรัดเป้า” เมตตาออกความเห็น โดยพุ่งประเด็นไปที่เดฟสีเข้ม
“ตูดปอดขนาดนี้ยังมีคนจับอีกเหรอวะ” เซลส์นัมเบอร์วันที่เปิดประตูเข้ามาพอดีเอ่ยแซว ทำเอาน้องจีอยากกรี๊ดอีกรอบ ไอ้พี่เปรต เอ๊ย ไอ้พี่เป็ด (ที่น่าจะสืบสายพันธุ์จากดัลเมเชี่ยน) ไม่กัดกูสักวันจะตายมั้ยฮะ
“แสดงว่าเฮียเป็ดก็แอบมองก้นน้องจีอยู่อ่าดิ่” พ่อนักเขียนสุดหล่อเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปแท็คมือกับตากล้อง ที่ขอเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว เก็บเรื่องแนพกิ้นอมยิ้มไว้เคลียร์กันทีหลัง ตอนนี้การแกล้งคนสำคัญกว่า!
คนถูกกล่าวหาได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่กับโต๊ะ “กูเกลียดพวกมึงสองผัวเมียจังโว้ยยยย”
นอกจากนักเขียน กราฟิก และตากล้องแล้ว ตำแหน่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือเซลส์ ถ้าไม่มีพวกเค้า หรือมีเซลส์แต่แม่งขายโฆษณาไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าบริษัทจะขาดรายได้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะ Gayscale เป็น free copy ไอ้เรื่องยอดขายบนแผงน่ะลืมไปได้เลย
พี่เป็ดหรือคุณวิทยากรจัดการกองงานที่สุมอยู่บนโต๊ะได้ไม่ถึงสิบนาที ก็พบว่ามีไอ้ตาแป๋วๆ ของเซลส์นัมเบอร์ทรีมาวางแหมะอยู่ข้างๆ ไอ้จีนะไอ้จี กูขอซื้อได้มั้ย ไอ้สายตาลูกหมาขี้อ้อนเนี่ย รู้มั้ยว่ามันเสียสมาธิ!
“อะไร?” แสร้งทำเสียงเครียดกลบเกลื่อนจังหวะหัวใจที่ผิดปกติ พักนี้ชักจะเป็นบ่อย สงสัยต้องหาเวลาไปตรวจร่างกายบ้างละ
น้องจียิ้มแหยๆ ให้กับอดีตเทรนเนอร์ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนร่วมงานเต็มตัว “ผมขอเรทแอดหน่อยดิ่พี่ ทำหายอีกแล้วง่ะ”
‘เรทแอด’ คืออัตราค่าโฆษณาในหน้ากระดาษที่เซลส์จะใช้เสนอลูกค้า ตั้งแต่ขนาด 1/4, 1/3, 1/2 ของหน้า ไปจนถึงหน้าเต็ม ปกหน้า ปกหลัง ด้วยวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันออกไปทั้ง แอด (advertising) ทายอิน (tie in) แอดโว (advertorial) นี่ยังไม่รวมราคาแบบ 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือนที่แตกต่างกันนะ และความที่มันมากมายยิบย่อย เซลส์จึงต้องมีคัมภีร์ ‘เรทแอด’ ไว้คู่ชีพ ทำหายเมื่อไร ชะตาขาดทันที
คนชะตาใกล้ขาดกำลังลุ้นหมอต่อดวงชะตาที่ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียง(แง๊วๆ) ขอร้องเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายน้องจีเลยได้แต่ไสเก้าอี้กลับโต๊ะตัวเองเงียบๆ แล้วไล่หาเมล์ที่พี่เป็ดเคยส่งมาให้ตั้งแต่สมัยทำงานใหม่ๆ ซึ่งปะปนไปกับอีเมล์อื่นๆ จากพี่เป็ดอีกเกือบพันฉบับ เซลส์นัมเบอร์ทรีถอนหายใจเฮือก แล้วเปิดโฟลเดอร์งานของตัวเองเพื่อหาไฟล์ที่เคยมีอีกครั้ง
ขณะกำลังเพ่งสายตากับ pdf เกือบแปดแสนล้านไฟล์ เอกสารหน้าตาคุ้นเคยก็วางแหมะลงกับคีย์บอร์ด ก่อนคนส่งสารจะทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้กลับโต๊ะไปเงียบๆ กระดาษอุ่นๆ บ่งบอกให้รู้ว่าคงออกมาจากเครื่องปริ้นท์ไม่ถึงนาที
แต่ความอุ่นกลับแผ่ซ่านถึงหัวใจของคนได้รับไปทั้งวัน...
“มึงคิดเหมือนกูหรือเปล่าบีหนึ่ง” นักเขียนที่แอบสังเกตการณ์คู่เซลส์ตั้งแต่ต้นจนจบหันไปกระซิบกับตากล้องที่นั่งอยู่ข้างกัน
“กูก็คิดเหมือนมึงนะบีสอง”
“คิดว่าคู่นี่มีซัมติงรองใช่มั้ย”
“เปล่า...คิดว่า มึงจะไปเสือกเรื่องของเค้าทำไม!” พูดจบก็ผลักหัวไอ้บีสองไปซะสองที คนโดนแกล้งโวยลั่น คว้าของใกล้มือได้ก็ปาใส่อีกคนไม่ยั้ง
“โอ้ย! พอแล้วโว้ย! กูขี้เกียจเก็บ!” แขนยาวยกขึ้นป้องกันตัวเองพลางร้องบอกให้ไอ้นักเขียนเลิกอาละวาดซะที เพราะมาอีหรอบนี้ทีไร สุดท้ายก็กูนี่แหละที่ต้องตามเก็บทุกชิ้น!
“เชี่ยนี่...เล่นเป็นเด็ก” ถึงปากจะบ่น แต่มือก็คว้าเอาของบนพื้นขึ้นมาเรียงที่เดิม ทั้งยางลบ ดินสอ ปากกาไฮไลท์ โพสต์-อิท และ... เอ๊ะ?
“อะแฮ่มๆ” หนุ่มเซอร์แหมะก้นลงกับโต๊ะของเพื่อนร่วมงาน โดยไม่สนว่าเจ้าของโต๊ะจะตีหน้ายุ่งขนาดไหน มือหนึ่งดึงคางเรียวของไอ้คนหน้าเป็นตูดให้หันมา ส่วนอีกมือจับแนพกิ้นรูปอมยิ้มเจ้าปัญหาแปะไว้กับหน้าตัวเอง
“ยิ้ม..หน่อย...คับ..แฟนนน” มนุษย์อมยิ้มพูดเสียงยานคาง พร้อมกับจับคางคน (เหมือนจะ) งอนส่ายไปส่ายมา ตารีเล็กมองผ่านกระดาษบนหน้า เห็นลางๆ ว่าไอ้คุณสิปป์ศิลป์พยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ
“อะ...อะไรของมึงเนี่ย ฮ่าๆ เล่นเป็นเด็กมากกว่ากูอีก ฮ่าๆๆ” สุดท้ายก็ต้องปล่อยขำอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อไอ้มนุษย์แนพกิ้นมีเอฟเฟคแลบลิ้นออกมาเป็นภาพสามมิติปนสยอง
เมตตายังแหย่อีกคนต่อไป โดยไม่สนว่าเสียงหัวเราะแทบขาดใจของคนดูจะดังกระทบโสตประสาทเพื่อนร่วมงานขนาดไหน แต่จริงๆ แล้วดูทุกคนก็ชินกับไอ้คู่ผัวเมีย (?) ปัญญาอ่อนนี่แล้วล่ะ ปล่อยให้มันเล่นกัน ก็เป็นสีสันของออฟฟิศดีนะ
“แอร๊ยยยยย!! พี่เมตกะน้องสิปป์ น่าร๊ากอ๊ะ”
เอ่อ... สีสันที่ว่า ดูท่าจะเป็น ‘สีม่วง’ สำหรับพี่เอ้สินะ T___T
…………. Gayscale Magazine………….
บ่ายวันจันทร์เป็นช่วง Meeting Time ของกองบก. วันนี้เจ้านายใหญ่สุด ผู้เป็นเจ้าของเงินทุนจะเข้ามาพบปะแฟนานุแฟนให้ได้หายคิดถึง หรืออีกนัยหนึ่งคือเตรียมเขียงมาเชือดคอลูกทีมเบาๆ
“พี่ยังเตรียมเช็คไม่เสร็จเลยอ่ะ ขึ้นไปกันก่อนเลยนะ” พี่พุด แอดมินของบริษัทบอกกับน้องๆ เป็นสัญญาณว่าให้ไปรับหน้านายกันก่อน ส่วนตัวเองเร่งคีย์ข้อมูลยิกๆ พร้อมเขียนเช็คเตรียมให้เจ้านายเซ็น เพราะเดี๋ยวแกจะบินไปอเมริกาสองอาทิตย์ แต่หนี้สินของบริษัทยังไม่ได้จ่ายเลย ...รีบๆ ทำให้แกเซ็นไว้ ก่อนจะโดนตัดน้ำตัดไฟกันทั้งกอง!
“คีย์ตารางนี้ใช่มั้ยพี่ เดี๋ยวผมช่วย” เมตตาเดินมาหาแอดมินที่หัวหมุนติ้วๆ ตั้งแต่เช้า เห็นแล้วก็สงสาร พี่พุดเป็นผู้ชายอายุ 30 ที่หน้าตาเดินตามอายุไม่ทัน ตอนเข้ามาใหม่ๆ เขาเกือบเรียกพี่พุดว่า ‘ไอ้พุด’ แล้ว เพราะนึกว่ารุ่นเดียวกัน
“ไม่เป็นไรๆ รีบขึ้นไปเถอะ พี่ทำได้” พุทธชาดบอกปฏิเสธรุ่นน้องอย่างเกรงใจ ยังไงงานนี้มันก็หน้าที่เขาเต็มๆ
“เซลส์ยังรายงานไม่จบหรอกพี่ ช่วยๆ กัน จะได้รีบขึ้นไปโดนเชือดเร็วๆ” ว่าจบก็คว้าเอกสารมากรอกข้อมูลลงโปรแกรมเอ็กเซลที่พี่พุดเปิดไว้ ส่วนแอดมินหน้าเด็กก็หันไปจัดการกับเช็คนับสิบใบที่ยังเขียนไม่เสร็จ
สิปป์ศิลป์นั่งเคาะดินสอในมือแบบเบื่อๆ ขณะฟังทีมเซลส์รายงานผลการทำงาน เดือนนี้มีโฆษณากี่ตัวที่จะลง คอนเฟิร์มแล้วกี่เจ้า ต้องใช้พื้นที่ทั้งหมดกี่หน้า นอกนั้นก็เป็นตัวเลขที่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเด็กสายภาษาไปมาเกือบสิบห้านาที
ขณะพี่ชิ เซลส์นัมเบอร์ทูกำลังจะเริ่มพูด นักเขียนประจำเล่มก็ยกมือเป็นเชิงขออนุญาตออกไปข้างนอก พี่เอสเจ้านายใหญ่พยักหน้าแบบไม่สนใจนัก ร่างโปร่งเลยพุ่งฉิวออกจากห้องประชุมโดยเร็ว จุดหมายคือที่ปลดทุกข์ซึ่งอยู่ชั้นล่าง ขณะฮัมเพลงลงบันไดเพลินๆ สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นคนสองคนในห้องทำงานที่นั่งหัวชนกันจนน่าจะรวมร่างในไม่ช้า ภาพมุมสูงประหนึ่งเบิร์ดอายส์วิวเกือบทำให้ความเข้าใจบางอย่างคลาดเคลื่อนไปไกล แต่คนอย่างไอ้สิปป์ไม่ใช่นางเอกละคร ที่เห็นพระเอกปากชนแก้มตัวอิจฉาแล้วต้องวิ่งหนีน้ำตาอาบหน้า หึหึ
“จ๊ะเอ๋!” นางเอกละคร(ชั่วคราว)เปิดประตูผ่างแล้วตะโกนลั่น ทำเอาเพื่อนร่วมงานอีกสองคนสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
“ไอ้ตัวป่วน ลงมาทำไมเนี่ย” เมตตายืนเท้าเอวทักผู้มาเยือนอย่างอ่อนใจ มึงลงมางี้ ที่ห้องประชุมก็เหลืออยู่ไม่กี่คนดิ่วะ เดี๋ยวก็พากันซวยหรอก
“เบื่อ...ขี้เกียจฟังเซลส์ ทำไรกันอ่ะ” ตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนพาตัวเองมายืนแทรกระหว่างตากล้องกับแอดมินหน้าตาเฉย คนอาวุโสสุดยิ้มแหย ก่อนจะชูปึกกระดาษเช็คให้ดู พลางว่า
“เคลียร์เช็คอยู่เนี่ย ส่วนเมตมันมาช่วยพี่คีย์รายการบัญชี”
“เสร็จละ สั่งปรินท์เลยนะพี่” ผู้ช่วยจำเป็นบอกกับเจ้าของงาน พุทธชาดพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมาเจอตากลมแป๋วของพ่อนักเขียนที่จ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ทันได้ถามอะไร ตากล้องสุดเซอร์ก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“ผมขึ้นไปก่อนนะพี่...ปะ” กวักมือเรียกเพื่อนสนิทให้ขึ้นไปพร้อมกัน ปล่อยมันไว้นี่มีหวังพี่พุดคงต้องเริ่มทำใหม่หมดแหงๆ
พุทธชาดมองรุ่นน้องสองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงแกล้งกันจนขึ้นบันไดไปลับตา
นี่มันมิตรภาพระหว่างผู้ชาย...ใช่มั้ยวะ? พี่พุดเริ่มไม่มั่นใจ (เบยยย) -*- TBC.
//กองบก.นิตยสารเกย์มันมากันครบทีมแล้วววว ขอทวนเด็กๆ ในทีมเพื่อความเข้าใจตรงกันอีกครั้ง
- พี่เอ้ : บก. (เหรอวะ)
- สิปป์ศิลป์ (ไอ้สิปป์) : นักเขียน
- เมตตา (พี่เมต) : ตากล้อง
- พุทธชาด (พี่พุด) : แอดมินและบัญชี
- พี่เก็ต : กราฟิก (หวังว่ายังไม่ลืมมัน)
- วิทยากร (พี่เป็ด) : เซลส์ No.1
- พี่ชิ : เซลส์ No.2 (ออกชื่อมาหนึ่งครั้งถ้วน)
- น้องจี : เซลส์ No.3
- พี่เอส : เจ้านายใหญ่มากกกก
ขอบคุณทุกคอมเมนต์จากใจเลยค่ะ เรื่องนี้อยากเขียน(เปิดโปง)การทำงานของกองบก.นิตยสารหัวเล็กๆ
เนื้อเรื่องบางตอนอาจดูอธิบายเยอะ ศัพท์นู่นนี่ก็เยอะ เลื่อนเมาส์ผ่านๆ ไปก็ได้นะจ๊ะ แต่ที่ลงรายละเอียด เพราะคิดว่าต้องมีคนส่วนหนึ่งอยากรู้แน่ๆ
ใครอยากทำงานเป็นกองบก. อ่านเรื่องนี้ดู รับรองเปลี่ยนใจ เอ๊ย! ติดใจ
พบกันตอนหน้า
#ไล่กอดคนอ่านเรียงตัว
บายยยย