ตอนที่ 1
สำหรับช่วงชีวิตที่ลำบากที่สุดในการอยู่มหาลัย หลายคนอาจจะคิดว่าปีหนึ่งเนี่ย ลำบากสุดแล้วใช่ไหมหล่ะครับ ไหนจะปรับตัวเนื้อหาจากมัธยม การเลือกลงวิชาต่างๆไม่ได้มีมาให้พร้อมเรียนเหมือนสมัยมัธยม รวมไปถึงการต้องเผชิญการรับน้องที่กฏเอกแทบจะเยอะกว่ากฏโรงเรียนสมัยมัธยม นั่นแหล่ะครับ รวมๆมันก็ฟังดูเหนื่อย แต่หลังจากปีหนึ่งก็จะเข้าสู่ช่วงเรียนไปยังให้จบไปวันๆ
มันก็อาจจะใช่แหล่ะครับ แต่กับมหาลัยอื่นนะ ไม่ใช่มหาลัยผมที่ปีหนึ่งบังคับไปเรียนซะวิทยาเขตทุ่งนา ให้นิสิตปรับสภาพเข้าสู่ธรรมชาติ ในระหว่างที่เราเริ่มปรับตัวในการแยกควายกับเพื่อนเราออกธรรมชาติอยู่ดีๆก็ไม่ต้อนรับแล้วเตะกลับมาสู่ชีวิตเมืองกรุง นั่นคือความฉิบหายของชีวิตผมครับ
ฮึกๆ ขอยกตัวอย่างเลยละกัน มหาลัยของผมเนี่ยตั้งอยู่กลางใจเมือง กลางแบบกล๊างกลาง คมนาคมไปได้หลายทางแต่ติดมันทุกทาง อย่างผมชาวกรุงเที่ยนชนชั้นกลางบ้านอยู่แถบชานเมือง นั่งบีทีเอสเป็นสิบสถานีนี่ปาดน้ำตารัวเลยครับ ช่วงเวลาแบบนี้แน่นเอี้ยดในระดับที่ได้กลิ่นน้ำหอมทเวลฟ์พลัสของน้องคนข้างหน้า ไม่ได้อยากจะโรคจิต แต่ฉีดขนาดนี้ ต่อให้น้องเข้าไปอึกลิ่นอึก็ไม่หลงเหลืออยู่ พี่มั่นใจมาก
ถึงแบบนั้นในความแน่นก็ยังมีความมีน้ำใจของชาวกรุงเที่ยนอยู่ครับ นี่ยกตัวอย่างเลยคนข้างๆผม มีน้ำใจสุดๆ เปิดเพลงเผื่อแผ่ทุกคนขบวน เพลงเดสปาซิโต้ทะลุหูฟังเข้าหูทุกคน จำใจต้องฟังไปด้วยครับ อ่ะอีกคนก็ต้องป้าสมอรเลยครับ อย่าถามว่ารู้ได้อย่างไร เพราะป้าแกเหน็บป้ายชื่อไว้ ป้าสมอรนี่จะเจอทุกเช้าครับ ป้าจะเป็นคนมีน้ำใจมาก โดยการเสียสละพิงเสาให้แต่เพียงผู้เดียว อย่างวันนี้ไม่พิงแค่เสาแต่ทับมือกูไปด้วยเลยไง ป้า!! นั่นมือไง!! แง้!!
ครืด ครืด
บ๊ะ! ใครยังจะโทรเข้ามาในช่วงเวลาที่ขยับมือยังลำบากแบบนี้ ผมยกมือถือขึ้นมาดูก่อนจะได้แต่แหะๆในใจ เปล่าครับ ไม่ใช่เบอร์แจกทองเพียงกดดอกจันสามตัว แต่เป็นเพื่อนไอ้แทนเพื่อนผมนั่นเอง
“หะ โหล” กระซิบกระซาบเล็กน้อยครับ เกรงใจป้าสมอร
[สัดคุณ มึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย!! ] โอ้โห ตลาดแตก ผมถึงกับต้องเอาโทรศัพท์ห่างจากหู
“ใกล้ถึงแล้วน่า”
[เรียนแปดครึ่ง นี่เก้าโมงละไอ้ห่า]
“เออๆ จะถึงแล้ว นานาแล้วเนี่ย” หลอกลวงเล็กน้อยครับ จริงๆเพิ่งขึ้นสถานีหมอชิตมา ชีวิตมันก็ต้องมีการหลอกลวงกันบ้างเพื่อความปลอดภัยในชีวิต
‘next station สะพานควาย doors will opened on the right hand side of the train ’ [/i]
ฉี้บหาย...
เสือกถึงสะพานควายพอดี
[นานาพ่อมึง!!!!]
เห้ย...
พ่อกูอยู่รังสิต!!
ฮืออออออออออ โดนด่าพ่อไปหนึ่งดอก ป่านนี้คุณชัยยุทธิอาจจะนั่งฮัดชิ่วรัวๆแล้วก็ได้ รวมเวลากว่าจะถึงสถานีกว่าจะนั่งวิน เอาเป็นว่าตีนแตะรั้วมหาลันก็เข้าคาบเช้าไม่ทันเสียแล้ว เนี่ยครับ ความลำบากของชาวกรุงเที่ยน จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก ผมเลยจำใจต้องหารหอพักอยู่กับเพื่อนทั้งๆที่บ้านก็มีอยู่ในกรุงเทพ งงไหมหล่ะครับ
อ่ะบ่นมาขนาดนี้ ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน อะแฮ่มแฮ่ม ผมชื่อคุณครับ ถูกครับ คุณแบบพี่ณิชคุณ ชื่อก็เหมือนกันแถมหน้าตาก็ไม่ห่างจากพี่เขามากเท่าไหร่ ก็ยอมรับแบบแมนๆว่าก็หล่ออยู่เหมือนกันครับ เป็นชาวไทยแท้ที่อาม่าเป็นเสี้ยวจีน เดาเอาว่าเลือดจีนน่ามาไม่น่าถึง ปกติก็ไทยแท้ครับแต่ถ้าสาวถามก็จะบอกว่าเสี้ยวจีน มันจะดูคูลขึ้นมานิดนึง ดูมีความลูกเสี้ยวลูกครึ่ง มีความมีกิมมิคในเชื้อชาติ เป็นนิสิตปีสองคณะมนุษยศาสตร์ ข้อดีคือหล่อ ข้อเสียคือหล่อ งานอดิเรกคือหน้าตาดีไปวันๆ
“ไอ้คุณ มึงนี่ไม่เชื่อกูวะว่าให้ค้างที่หอตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้แรกก็เชคขาดเลยนะมึง” เหมือนมึงสับสนว่าจะคุณหรือมึงอ่ะบางที ไอ้ขี้บ่นอยู่นี่มันชื่อมิตรครับ ตอนท้องแม่ชอบกินลอดช่องรวมมิตรแต่เรียกมิตรแล้วโกรธ ต้องเรียกสมิธ มีความชื่อดัดจริตชิวิตต้องป๊อปยิ่งกว่านางเอกนิยาย แต่นั่นแหล่ะครับ สมิธที่ว่าก็คืนสู่สามัญเป็นมิตรเพราะมันเรียกง่ายกว่า
“ไม่ได้จริงว่ะ กูต้องกลับไปให้อาหารน้องบ๊อก”
“หมาหรอ?”
“เต่าทองมั้งมึงถามโง่ๆ ชื่อบ๊อกเนี่ย” ดีครับ ยังไม่ทันได้ด่าไอ้มิตรก็มีคนด่าให้ก่อน ไอ้นี่ชื่อแทนครับ ผู้ชายหุ่นหมีขาว ไม่ได้ล่ำนะครับแต่อ้วน ดีที่มันสูงมันเลยออกมาเหมือนพวกพรีเซนเตอร์
พรีเซนเตอร์เสื้อผ้าหรอ?
เหอะ ยางรถยนต์...
ไม่รู้นั่นคอหรือเอว กลัวถามแล้วโดนมันเตะเอาเลยได้แต่ตั้งคำถามแต่ไม่กล้าถามเธอซักครั้ง
“เห้ยมึงสามนาฬิกา”
“อะไรของมึงวะ” ผมขมวดคิ้ว คนอะไรพกนาฬิกาสามอัน
“สัดคุณ มึงนี่โง่เผื่อคนอื่น สามนาฬิกาคือตามเข็มนาฬิกา”
“กูดูไม่เป็น” บังเอิญบ้านใช้แบบดิจิตอล ไอ้มิตรนี่เหยียดผมผ่านตาดำทันทีครับ อะไรวะ ชีวิตติดอนาล็อคหรอมึง ปีนี้2017แล้วแค่ปลดล็อคไอโฟนก็รู้เวลาแล้วไม่เห็นต้องยกนาฬิกามาดูเลย และแล้วหัวผมก็โดนไอ้แทนจับหมุนไปยังตำแหน่งสามนาฬิกาเพื่อพับกบ
พบกับ!
น้องอาย
งุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น้องอายเป็นดาวปีนี้ครับ โคตรน่ารักเลย ตัวเท่าลูกหมา ผอมแห้งแรงน้อยเหมือนใส้ดินสอเดินได้ อยากลองสะกัดขาน้องเล่นดูซักครั้งว่าจะหักไหม จริงๆปีหนึ่งต้องไปเรียนอีกวิทยาเขตหนึ่งครับ แต่ว่าน้องอายเป็นดาวเลยต้องมาถ่ายนู่นถ่ายนี่ที่มอวิทยาเขตกรุงเทพก่อน ผู้หญิงน่ารักนี่พอมองแล้วหัวใจมันพองโตจริงๆครับ โอ๊ยๆ อย่ายิ้มสิครับหัวใจพี่จะวายตาย
“อ้าว พี่คุณ” ผมฉีกยิ้มกว้างทันทีที่น้องอายหันมาทัก งู้ยยยยยยยย น่าร้ากกกกกก วิ่งมาหาเหมือนลูกหมาเลย
“ร้อนหน่อยนะ” ผมยกมือบังแดดให้น้องตามสเตปพระเอกซีรี่ส์ ซึ่งถามว่าช่วยไหมก็ไม่ช่วยเท่าไหร่ครับ แดดรอดช่องนิ้วไปเผาจมูกน้องแล้วเรียบร้อย แต่คนสวย จมูกไหม้ก็ยังสวยครับ
“ไม่หน่อยแล้วเนี่ย ถ้าควันขึ้นนี่แปลว่าหนูไหม้เองแหล่ะ ฮ่ะๆ”
“ฮ่าๆๆ”
...อันนี้น้องเล่นมุกป่ะวะ
ไม่รู้ครับ เห็นน้องขำ ขำตามน้องไว้ก่อน เหมือนสุภาษิตที่เขากล่าวว่าเห็นหมาขี้ ขี้ตามหมา
“แล้วนี่เดี๋ยวพี่คุณมีเรียนต่อหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีแล้วค่ะ แล้วเดี๋ยวอายไปไหนต่อ” มีค้งมีคะ พอดีเห็นในเฟสเขาแชร์กันว่าแพ้ผู้ชายพูดค่ะ ผมก็ไม่พลาดที่จะเอามาใช้ครับ
“อายว่าจะไปตัดผมอ่ะพี่คุณ พี่คุณว่าอายตัดหน้าม้าแบบไหนดีอ่ะ”
อ่ะ ฉิบหาย ยากยิ่งกว่าควิซ ใช้สมองยิ่งกว่ารายการสายฟ้าแล่บ
หน้าม้ามันมีประเภทด้วยหรอวะ!!
กะอีแค่จุกผมบังเหม่งเนี่ยนะ!!!
ผมรีบหันไปขยิบตาขอความช่วยเหลือกับไอ้มิตรทันที ซึ่งก็ได้คำตอบมาเป็นหน้าโง่ๆที่ดูไม่ค่อยจะมีความรู้ โอ๊ย หน้าม้าอะไรวะ ประเภทม้าแบบไหนดีถึงจะน่ารัก
ม้า...
ม้าจ๊ะทิงจาไง!!
“เอ่อ หนะ หน้าม้านิลมังกรก็ดีนะคะ พี่ว่าเฟี้ยวดี”
“ห๊ะ..”
“ไม่ก็ หน้าม้าโพนี่ก็ได้ คิ้วท์ๆ”
“ฮ่ะๆ พี่คุณเป็นคนตลกอ่ะ”
“ฮ่าๆ”
...เปล่า นี่โง่ ใครจะไปรู้ครับว่าหน้าม้ามันจะมีประเภท แต่ตลกไว้ก่อนเพราะความตลกจะช่วยทุกอย่าง
“งั้นเดี๋ยวอายไปถ่ายต่อก่อนนะคะ จะได้รีบๆเสร็จ”
“เดี๋ยวค่ะ วันนี้น้องอายว่างหรือเปล่า” ผมฉีกยิ้มกว้าง
“งุ้ย วันนี้อายมีนัดทานอาหารเย็นกับคุณตาแล้วค่ะ ไว้วันอื่นนะคะพี่คุณ อายจะเคลียร์คิวให้พี่คุณเลย” แป่วแหว่ว หน้าแห้งเลย
“ก็ได้ค่ะ ถ้าหิวน้ำบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่ซื้อให้”
ว่าแล้วน้องอายก็จากไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังตราตรึงหัวใจนายนิชคุณคนนี้อยู่ ให้ตายเถอะแอนโทนี่ ทำไมคนเรามันถึงน่ารักได้ขนาดนี้เนี่ย!!
“อ่ะ หน้าบานเชียวครับคุณ สาวเขาอ่อยนิดอ่อยหน่อยมึงก็ยอมเลยนะ” เอาตรงๆนะครับ ต่อให้รู้ว่าอ่อยก็ยอมให้อ่อยแต่โดยดีอ่ะ ใจพี่คุณมันละลายไปกับน้องอายหมดแล้ว
“มึงชอบจริงใช่ไหมเนี่ยไอ้คุณ”
“จริงสิวะ คนนี้จริงจังใจพังก็ยอม” อันนี้พูดจริงนะครับ น้องอายเนี่ยเป็นผู้หญิงในอุดมคติชายไทยที่สุดแล้ว ตัวเล็กน่ารักจิ้มลิ้มกระโปรงยาวถึงเข่ายิ้มทีโลกสดใสเหมือนเปิดไฟในที่มืด เพื่อน้องอายอะไรพี่ก็ยอม!!
ผมไม่สนใจสายตาที่เหมือนด่าผมในใจว่าต้องนกแน่ๆมาทรุดตัวลงนั่งข้างไอ้มิตรพรางยกมือถือขึ้นมาไถดูไอจีน้องอาย คุมโทนแบบสาวคิ้วท์ ไอจีมีแต่สีชมพู อยากไปเปลี่ยนชื่อเป็นชมพูเลยน้องอายจะได้ชอบบ้าง แต่ติดที่ว่าหมาที่บ้านมีชื่อบ๊อกกับชมพู ถ้าเปลี่ยนแล้วเวลาแม่เรียกหมาอาจจะเผลอหันตาม
ไถไปไถมาไม่ลืมแจกใจใส่รูปล่าสุดของน้องอายไปด้วยครับ นี่แหน่ะ กดไลค์ให้รู้ว่าชอบ สถานีต่อมาคือกดออกจากแอปไอจีมาสู่เฟสบุ๊คครับ ไถไทม์ไลน์ดูปื้ดๆกดแชร์เตตัสหลวงเจ๊ซักอันสองอันคลายเครียดให้เฟรนดืในเฟส ชักเบื่อก็กดเข้าช่องเสิร์ชหาชื่อน้องอายที่เสิร์ชไว้ล่าสุดดูซิว่าน้องอัพเดทอะไรบ้าง
หืม?
Ayeye araya ชอบผู้ชายแบบนี้เลยอ่า >___<
Shared photo
SCuteboyofficial
ปลัด นวัตซีนีม่า ปีสี่
ยอมแล้วทูนหัวอยากมีผัวเป็นคุณปลัดดดด เห้ย!
ไอ้ปลัดนี่มันใครวะ!! บังอาจมากินพื้นที่ในดวงใจของน้องอาย!!
แล้วทำไมมึงต้องชื่อดูมีกิมมิคในชีวิตขนาดนั้นวะ ชื่อคุณกูดูไม่มียศไปเลย
“เห้ย พวกมึงรู้จักชื่อปลัดนวัตป่ะวะ”
“คนเหี้ยอะไรชื่อปลัดนวัต”
“ไม่ๆชื่อปลัด อยู่นวัต คนนี้” ผมยื่นมือถือไปให้พวกมันดู ไอ้มิตรส่ายหัว ไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่ มันอาจจะชื่อมิตรแต่ความเป็นมิตรติดลบ ด้วยความที่มันชอบลุคพระเอกหนังไทยที่เงียบๆหน่อย คุมโทนผู้ดี มันเลยตั้งหน้าตั้งตาทำตัวเป็นคนเงียบให้ดูเป็นผู้ดี แปลกคนดีครับแต่ก็ยอมคบกับมัน
อ้อ ส่วนถ้าใครสงสัยอะไรคือนวัต นวัตคือวิทยาลัย วิทยาหนึ่ง นวัตเป็นวิทยาลัยที่น่าทึ่ง ที่มาค่อนข้างจะลึกซึ้ง ลึ้งซึ้งจริงครับเพราะจริงๆไม่ใช่คณะแต่ชื่อเต็มคือวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารเพื่อสังคม เป็นวิทยาลัยนะครับ ก็จะยิ่งใหญ่กว่าการเป็นคณะ ดาราเยอะตึกเรียนสวยนิสิตดูรวยเป็นเหมือนชนชั้นแพศย์เลยก็ว่าได้ แต่มองในสายตาคนนอกอย่างผมแล้วให้อธิบายว่ามันคืออะไร อ่า มันก็คือคณะนิเทศดีๆนี่แหล่ะครับ
“เห้ย คุ้นๆว่ะ”
“ใช่หรอวะไอ้แทน”
“หน้าเหมือนกูเลย”
“...”
ห๊ะ มึงเอาอะไรไปเหมือน สะดือหรอ สะดือก็ไม่เหมือนนะได้ข่าว สะดือมันดำ เห็นล่าสุดนี่แยกไม่ออกเลยอันไหนหลุมดำอันไหนสะดือ ถ้ามีคนข้าใจผิดเอาขยะไปทิ้งในรูสะดือมันยังไม่แปลกใจเลย แต่ไม่อยากด่าเพื่อนครับกลัวเพื่อนเสียเซลฟ์ เลยได้แต่ยกยิ้มแห้งใส่ไปปลอบใจมันเล็กน้อย
กลับเข้าเรื่อง ผมได้มองไอ้ปลัดในหน้าจอด้วยความแองกรี้ยิ่งกว่าแองกรี้เบิร์ด แค่มันขาว จมูกโด่ง ไหล่กว้าง กล้ามใหญ่ ดูจากรูปแล้วน่าจะสูง
เห้ย ดูรวมๆแล้ว
...มีเสน่ห์เหลือเกิน
มันจะเพอร์เฟคไปป่ะวะ คนหรือของดีประจำตำบล แล้วน้องอายเขาแคปชั่นว่าชอบผู้ชายแบบนี้นี่สโคปกว้างไปหน่อยป่ะนะ หมายถึงชอบล่ำแบบนี้ ขาวแบบนี้หรือรวมๆแบบนี้
ยอมรับก็ได้ครับว่าไอ้พี่ปลัดอะไรนี่มันหล่อ ขนาดดูแค่รูปนิ่งก็ยังหล่อ กลับหัวไอโฟนก็ยังหล่อ ไม่แปลกใจเลยทำไมน้องอายถึงแชร์รูปพี่เขา แต่ไม่ได้ครับ ผมยอมแพ้ไม่ได้ ผมน้องคุณแห่งคณะมนุษย์ เราจะยอมแพ้อะไรง่ายๆไม่ได้
“มึง กูจะไปฟิตตัวเองให้เป็นแบบพี่ปลัดให้ได้” ผมหันไปทำสายตาแน่วแน่ใส่ไอ้มิตรแทน
“...”
“กูเห็นเพื่อนมีความฝันก็ดีใจ” ไอ้แทนเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆ
“มึงช่วยคิดชื่อปฏิบัติการณ์ให้กูหน่อยดิ๊ ขอแจ่มๆแบบที่เอาไปตั้งชื่อซีรี่ส์ได้”
“ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น”
“อันนั้นมึงก็ก๊อปเขาเกินไปป่ะ”
“เปลี่ยนหมาวัดให้เป็นหมาบ้าน”
“อันนี้มึงเกลียดกูส่วนตัวป่ะมิตร” ล่อซะกูเหมือนพวกหมาไร้ขนเลย
“คุณไหนไฟไหม้เว่อ”
“ได้หรอ...”
“ฉลาดแก้มก้น”
“...” ชักรู้สึกเหมือนคบเพื่อนผิดเลยอ่ะ
“เห้ยๆ กูว่าอันนี้ดีมึง”
“อะไรวะแทน”
“ปฏิบัติการลับเปลี่ยนเด็กบ้านนาให้กลายเป็นบ้านนอก!!!”
ฟังแล้วแบบเห้ยเลยอ่ะ
เห้ยไอ้ห่า มันเปลี่ยนไปตรงไหน!! โว้ย!! นี่กูได้อะไรจากบทสนทนานี้เนี่ย!!
“สัดแทน จากบ้านนาเป็นบ้านนอกนี่มันเปลี่ยนไปมากหรอวะ”
“เอ้า ก็แบบบ้านนอกนอกบ้าน ดูอินเตอร์ขึ้น มึงนี่เข้าไม่ถึงความคูลเลยว่ะ” ปวดหัวจังโว้ย ผมได้แต่ทำหน้าเหม็นตีนรัวๆใส่พวกมันแล้วกลับมาโฟกัสกับรูปคิ้วท์บอยที่เพิ่งกดเซฟเข้าเครื่อง ผมจ้องไอ้คิ้วเข้มๆ หน้าหล่อๆนั่นแล้วยกยิ้มให้ดุตัวร้ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
หึ!
ได้ไอ้พี่ปลัด
แล้วไอ้คุณคนนี้ จะเท่กว่าพี่ให้ได้เลย!!!
--
ฝากน้องคุณคนหล่อไว้ในใจทุกคนด้วยนะคะ แหะๆ