ผมไม่รอช้า รีบทุบประตูรัวๆ เรียกแม่ให้มาคุยด้วย และรอเพียงไม่นานแม่ก็มาพร้อมกับเครื่องสลัดบนหน้า ทั้งแตงกวา มะเขือเทศ เต็มไปหมด
“ทำไมไม่เอาผักออกก่อนล่ะครับ เดินมาแบบนี้เดี๋ยวก็หกล้มกันพอดี” ผมบ่น
“ก็พึ่งพอกยังไม่ถึงห้านาทีเลยตาบั๊ค แล้วเรียกแม่ทำไมเนี่ย” ทำหน้างอแล้วแหงนหน้าคุยกับผมอย่างทุลักทุเล
เอาตรงๆ เลยนะ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่จะโก๊ะกังแบบนี้ ถ้าไม่เข้ามาใกล้ชิดก็คงไม่ได้เห็นมุมน่ารักๆ และแปลกใหม่จนต้องกลั้นขำทั้งที่ร้อนใจแทบแย่ อยากขอบคุณจ้าวซักร้อยยก(?)ที่มันทำให้ชีวิตผมมีชีวิตชีวาขึ้นในทุกๆ ด้าน
“ผมจริงจังเลยนะครับ แม่พาผมไปเสม็ดเถอะ ผมสัญญาว่าจะไม่เจอจ้าวจนกว่าไอ้ดินจะโทรมาบอก” ผมทำหน้าจริงจังสุดชีวิต “เราไปเปิดโรงแรมใกล้ๆ ก็ได้ แล้วพอไอ้ดินโทรมาเราจะได้ไปหามันเร็วๆ”
แม่ชั่งใจเล็กน้อยจึงตอบตกลง “เอางั้นก็ได้ แต่ห้ามเกเรกับแม่นะ ไม่งั้นคราวหน้าแม่จะไม่เชื่อใจละนะ”
“ผมรับปากครับ คำไหนคำนั้น” เมื่อแม่มั่นใจในตัวผมแล้วจึงหายไปพักใหญ่แล้วกลับมาไขกุญแจจากนั้นเราก็ออกเดินทางทันที
สี่ห้าชั่วโมงก็มาถึง เราเช็คอินในโรงแรมที่อยู่ในรัศมีบ้านพักไม่เกินหนึ่งกิโลเมตร เมื่อถึงโรงแรมก็รีบเช็คกล้องวงจรปิดในไอแพดอีกครั้ง เห็นพวกมันหลับก็วางใจจนงีบหลับไปนิดหน่อยแล้วตื่นแต่เช้าเพื่อเช็คอีกรอบ
ภาพที่เห็นทำให้ผมต้องรีบปลุกแม่และแต่งตัวออกจากโรงแรมพร้อมกับโทรศัพท์หาไอ้ดินทันที
“โทรมาทำไมเช้านักหนาวะเนี่ย” มันรับด้วยเสียงงัวเงีย
“มึงกอดเมียกูทำเหี้ยไรล่ะ” ผมตวาดใส่มันจนแม่ตีแขนเบาๆ ให้ใจเย็นๆ
“ก็กูหลับ จะรู้ได้ไงว่าไปกอดมันตอนไหน”
“มึงนี่มันไว้ใจไม่ได้จริงๆ แล้วสรุปตอนนี้แผนมึงโอเคยังวะเนี่ย กูรอนอนแล้วนะ”
“เอ่อๆ เดี๋ยววางสายแล้วจะโทรบอกแม่มึงให้พามึงมาได้แล้วเพราะเดี๋ยวกูจะปลุกไอ้เรื้อนมาคุยเหมือนกัน แค่นี้ๆ ไม่ฟังแล้ว เบื่อๆๆ” ไอ้เชี่ยดินตะโกนคำว่าเบื่อเสียงดังแล้ววางสายไป
ผมรีบเหยียบคันเร่งเพื่อไปให้ถึงที่หมายโดยเร็ว ไม่ถึงห้านาทีผมก็มาถึง
“อ้ากก ไอ้พี่ อ้ากกก! เจ็บ โอ้ยยยย ไอ้พี่ดินกูเจ็บ อ้ากกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ใจจะขาดไอ้สัด ปล่อยกู!! ฮ่าๆๆ” ผมรีบลงจากรถก่อนแม่และรีบวิ่งเข้าบ้านเพราะได้ยินเสียงไอ้จ้าวแหกปากลั่น
เมื่อโผล่เข้าประตูมา ภาพที่เห็นคือไอ้จ้าวนอนคว่ำอยู่บนโซฟาเบดและมีไอ้ดินคร่อมทับไว้และจี๋เอวไอ้จ้าวจนมันดิ้นทุรนทุรายร้องโวยวายลั่นบ้าน
“ถ้ามึงไม่ลุกเดี๋ยวนี้ กูถีบ!!” ผมส่งเสียงเหี้ยมๆ บอกมัน พยายามควบคุมอารมณ์อย่างหนักไม่ให้ถีบซะก่อน
“พี่บั๊ค!” ไอ้จ้าวเรียกพลางเบิกตาเท่าไข่ห่าน
“มาถึงก็จะลงไม้ลงมือ มึงคิดว่ากูจะไม่สู้รึงายย” ไอ้เชี่ยนดินยืนค้ำหัวผมอยู่บนโซฟา ทำหน้าโครตจะวอนตีน
“ไอ้เหี้ยดิน” ผมด่า “ไสหัวไปเลย หมดหน้าที่มึงแล้ว” ทำหน้าโหดใส่มันแต่ไม่เห็นแม่งจะกลัวอะไรเลย ถือว่าถือไพ่เหนือกว่า ไอ้สัด อย่าให้ถึงทีกูมั่งนะ
“เสร็จนาฆ่าโคถึง เสร็จศึกก็ไล่ขุนพล ใช่ซี้ กูหมดความหมายแล้วนี่” มันทำหน้ากวน
เจอความหน้ามึนของไอ้เพื่อนเหี้ยก็ไม่รู้จะทำยังไงล่ะครับ “เชิญไสหัวไปเถอะครับเพื่อนครับ กูไหว้ล่ะ” ไหว้แม่งเลย ขอให้มึงอายุสั้นสัดดิน
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ก็แค่นั้นแหละ” คำว่าสลด ไม่มีในสารบบไอ้ดิน เฮ้ออ
มันร้องเพลงกวนตีนอีกเล็กน้อยแล้วเดินออกจากบ้านไป
ตอนนี้เหลือแค่ผมกับจ้าว ผมมองคนรักด้วยความคิดถึงและโหยหา เหนือสิ่งอื่นใดคือสำนึกผิด “เรื่องคืนนั้นพี่ขอโทษนะ จ๋าหายโกรธนะครับ ห่างกันนานๆ พี่โคตรคิดถึง”
จ้าวไม่ตอบ ได้แต่ยืนอ้ำอึ้งจนผมรู้สึกผิดมากขึ้น “ยังไม่หายโกรธพี่เหรอ” ถามพร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้าจนจ้าวตกใจหดขาขึ้นไปนั่งพับเพียบบนโซฟา
“พี่ขอโทษนะครับ ขอโทษ ขอโทษ ๆ ๆ ๆ” พร่ำบอกขอโทษเป็นสิบรอบเพราะรู้ดีว่าที่ทำลงไปมันรุนแรงและไม่สมควร
จ้าวดูลังเลและทำตัวไม่ค่อยถูกจนพวกแม่กับคนที่บ้านจ้าวเข้ามาช่วยพูดให้ ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างราบรื่น เป็นอันว่าผมกับจ้าวตกลงคบหากันอย่างเป็นทางการโดยที่ผมยังไม่มีโอกาสบอกความจริงใดใดเนื่องจากจ้าวยืนยันหนักแน่นว่าไม่ต้องการให้ผมเล่า
รู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้มากพอสมควร เหมือนยังมีอะไรที่ค้างคาหัวใจ อยากเล่าให้มันจบๆ จะออกหัวออกก้อยก็พร้อมจะยอมแก้ปัญหา แต่พอจ้าวยื่นคำขาดว่าไม่ขอฟัง ผมจึงต้องเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับต่อไป
“แต่งงาน!!” จ้าวโพล่งออกมาเสียงดังเพราะพวกผู้ใหญ่คุยเรื่องการจัดงานแต่งงานของเราสองคน
สำหรับผม อยากเร่งให้เป็นวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำ อยากบอกคนทั้งโลกว่าจ้าวเป็นของผมและอยากให้เรื่องระหว่างเรามีพิธีรีตรองมีผู้ใหญ่รับรู้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อจะได้ไม่ต้องมีปัญหาตามมาในภายหลัง
ผมงอนเล็กน้อยเมื่อจ้าวทำท่าทางไม่อยากแต่งและมันก็ได้ผล ถึงจ้าวจะเกรียนยังไงแต่ทุกครั้งที่ผมทำเหมือนรู้สึกแย่ น้องก็จะทำตัวน่ารักเสมอ
“ขอโทษที่ไม่ได้ขอเป็นแฟน ไม่ได้ขอแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวนะ เอาไว้จะชดเชยให้คืนนี้” อันที่จริงรู้สึกผิดมากที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง มันเหมือนหลอกจ้าวให้มาตกกระไดพลอยโจนมากกว่า
ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นจนสุดทาง
เราเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น จ้าวดูอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนเราพลอดรักกันเกือบเช้า ตอนที่จ้าวไม่เมา เรื่องบนเตียงยิ่งเป็นเหมือนเวลาที่อยู่บนสรวงสวรรค์ ผมยิ่งหลงไอ้เด็กลีลาเด็ดนี่ขึ้นทุกนาที ไม่อยากอยู่ห่างเลยแต่ก็ต้องจำใจจากเมื่อวันรุ่งขึ้นจ้าวก็ต้องไปเรียน
วันนี้รู้สึกใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นจึงโทรหารุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย ชาติกับฟ้าพึ่งแต่งงานและเคยโพสต์ว่าอยากได้คอนโดที่ใหญ่ขึ้น ผมลองโทรถามว่ายังอยากได้อยู่หรือไม่ เขาตอบรับและยินดีซื้อต่อผมทันทีเพราะเคยเข้าไปเห็นมาก่อนแล้วแต่ชาติบอกว่าขอรอฟ้าไปดูด้วยกันประมาณสีโมงเย็น กว่าจะทำสัญญานั่นนี่ก็น่าจะพอดีกับที่ต้องไปรับจ้าวหลังซ้อมบาสเสร็จ
ประมาณบ่ายสามโมงผมก็ออกจากบริษัทเพื่อไปจัดการเรื่องขายคอนโดและเก็บของที่สำคัญออกมา พอขึ้นมาสักพัก ทางฟร้อนก็โทรขึ้นมาบอกว่าคนที่จะมาดูห้องนั้นได้มาถึงแล้วและกำลังขึ้นมา
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงกุกกักในห้องจึงตามเข้าไปดู
“พี่ยังไม่ได้เก็บของเลยครับ แต่พรุ่งนี้จะจัดการให้เรียบร้อย ชาติกับฟ้าจะย้ายเข้าเมื่อไหร่ล่ะ” เดินเข้าห้องหวังจะเจอรุ่นน้องแต่กลับกลายเป็น “จ้าว!!!!!???” ร่างผมชาดิกใจตกวูบไปถึงตาตุ่ม ยืนนิ่งจังงังอยู่หน้าประตู
ร่างบางที่สั่นเล็กน้อยก้าวเท้าเข้ามา ใบหน้ามันแดงก่ำ หัวคิ้วขมวดเป็นปมแสดงความโกรธถึงขีดสุด “ถามคำเดียวเลยพี่บั๊ค มึงเป็นคนตอแหลมั้ย มึงตอแหลมั้ย!!” เสียงของจ้าวเหมือนฟ้าฝ่าลงมากลางใจ มันกรีดแทงและหมุนคว้านจนรู้สึกเหมือนร่างจะฉีก มือของมันล้วงเข้าไปในเสื้อแจ๊คเก็ตแล้วหยิบของบางอย่างปาใส่หน้าผมอย่างแรง
ความรู้สึกแรกคือตกใจและแสบผิวหน้าเพราะถูกของแข็งกระทบเข้าอย่างจัง
ความรู้สึกต่อมาคือชาไปทั้งร่างเพราะก้มมองตามสิ่งของที่ตกหล่นอยู่ทั่วพื้นแล้วถึงได้รู้ว่าจ้าวเป็นอะไร
พวงกุญแจที่กระทบใบหน้า
กระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลที่คว่ำหน้าอยู่บนพื้นโดยมีบัตรประชาชนของจ้าวตกอยู่ไม่ไกลจากปลายเท้าผม
“สนุกมากมั้ย” จ้าวมองผมด้วยแววตาวาวโรจน์มีหยาดน้ำคลอเต็มเบ้า “มึงสนุกมากมั้ยพี่บั๊ค!!” เสียงห้าวของมันดังก้องไปทั้งห้อง หยดน้ำจากดวงตาด้านซ้ายหล่นร่วงลงมาก่อนและอีกไม่นานด้านขวาก็ตามลงมาอาบแก้มใส ๆ ของมัน “คนอย่างไอ้จ้าวมันโง่มากสินะ กูมันโง่ในสายตามึงมากสินะ ที่ผ่านมาก็คงหัวเราะเยาะในความโง่ของกู ปั่นหัวกู ล้อเล่นกับหัวใจกู และก็ได้ทุกอย่างจากกูไปทั้งตัวทั้งใจเพราะเรื่องโกหกของมึง ทำแบบนี้แล้วมึงภูมิใจมั้ย ภูมิใจมั้ย!!” มันตวาดเสียงดังจนผมสะดุ้ง ถึงจ้าวจะไม่ใช่คนนิ่งเงียบเรียบร้อยแต่ก็ไม่เคยระเบิดอารมณ์ขนาดนี้มาก่อน มันเป็นพวกมองโลกทางบวกมาตลอด แต่ครั้งนี้คงน๊อตหลุดแล้วจริง ๆ
“พี่ขอโทษ” ผมได้แต่ส่งสายตาเว้าวอน ยอมรับผิดทุกอย่าง
“หึ” จ้าวแค่นหัวเราะอย่างเหยียด ๆ “ขอโทษเหรอ” มันยังคงปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้มอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะปาดทิ้งแต่อย่างใด “กูรับคำขอโทษก็ได้พี่บั๊ค” ดวงตาผมเบิกขึ้นด้วยความยินดีแต่ก็ต้องเบิกโพลงขึ้นมากกว่าเดิมเพราะประโยคถัดไปของมัน “จ้าวยกโทษให้แล้ว เราก็ไม่ติดค้างกันนะ เพราะฉะนั้น จากนี้ไปก็ไม่ต้องเจอกันอีก อย่ามาให้เห็นอีก อย่าตามกวนใจ กูไม่พร้อมจะคบหากับคนตอแหล“ หน้าตามันจริงจังมากจนหัวใจผมปวดตุบ ๆ มันบีบรัดอัดแน่นขึ้นทุกครั้งที่แต่ละคำของจ้าวหลุดออกจากปาก และตอนนี้หัวใจผมก็เหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะประโยคสุดท้ายของมัน “เราเลิกกันเถอะ!”
พูดจบก็หันหลังออกจากห้องทันที ผมรีบก้าวตามแล้วรั้งข้อมือมันไว้ มันหยุดเดินโดยไม่หันกลับมามอง “เลือกเอาพี่บั๊ค จะให้ยกโทษให้ หรือจะให้เกลียดไปจนวันตาย” สิ้นคำพูดของมัน มือผมค่อย ๆ คลายออกด้วยจำนนต่อเหตุผล
มันให้ผมเลือกระหว่างการยกโทษในสิ่งที่ผมหลอกมันมาตลอด กับการยังเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกกันต่อไปของเรา ซึ่งผลก็คือเหมือนกัน ถ้าหากผมเลือกจะคบมันต่อแต่มันไม่ยกโทษให้และเกลียดผมแล้วจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมันไม่ยอมอภัย แต่ถ้าผมปล่อยมันไป อย่างน้อยผมก็อาจมีสิทธิ์กลับไปคืนดีได้อีกครั้ง
“พี่รักจ้าว” ผมพูดกับแผ่นหลังคุ้นตาที่กำลังเดินอาด ๆ ไกลออกไปทุกที อยากวิ่งไปกอดไว้แต่ทำไม่ได้ ผมกลัวจ้าวจะเกลียดผมไปมากกว่านี้ กลัวว่ามันจะหนีผมไปไกลแสนไกล
...หวังว่าเวลาจะทำให้จ้าวยอมใจอ่อน หวังว่าเราะจะกลับมารักกันได้อีกครั้ง
ผมฝืนตัวเองจัดการขายคอนโดจนจบกระบวนการ จากนั้นก็ขับรถไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จิตวิญญาณ เรื่องกำลังจะดีอยู่แล้วแต่ทำไมจ้าวถึงโผล่มาเห็นซะก่อน หลักฐานพวกนั้นผมน่าจะทิ้งไปตั้งแต่จ้าวมันไปทำบัตรใหม่และได้โทรศัพท์เครื่องเก่าของผมไปแล้ว
แต่จะว่าไปมันคงเป็นคราวซวย ทุกอย่างประจวบเหมาะอย่างกับละครน้ำเน่า แล้วตอนนี้ผมก็เหนื่อยมาก เหนื่อยกับความซวยที่เกิดขึ้นจนไม่อยากทำอะไรเลย
แม่โทรมาบอกเมื่อตอนสายๆ ว่าถึงบ้านแล้วและกำลังจะขึ้นเหนือไปกับพ่อแม่และพี่สาวของจ้าวต่อ รู้แบบนี้คัดค้านไม่ยอมให้ไปก็คงดีหรอก ผมอยากโทรเรียกให้พวกเขากลับมาช่วยแก้ปัญหาหรือช่วยกล่อมจ้าวให้มันใจอ่อนแต่พอนึกถึงคำพูดสุดท้ายของมันก็ต้องหยุดตัวเองไว้
“คุณหนูกลับมาแล้วเหรอครับ” ลุงแมวเดินเข้ามาหาเมื่อผมจอดรถ “แล้วคุณหนูจ้าวไปไหนล่ะ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน หรือยังไม่เลิกเรียน” ปกติผมไม่เคยห่างจ้าว มีจ้าวที่ไหนต้องมีผมที่นั่นเสมอ ลุงแมวเองก็รักเอ็นดูเหมือนเป็นลูกเป็นหลานและชอบไปคุยเล่นด้วยกันที่บ้านเล็กบ่อยๆ
“น้องไม่กลับมาแล้วครับลุงแมว คงไม่อยากกลับมาแล้วล่ะ” น้ำตาผมซึมออกมา ลุงแมวทำหน้าตกใจแล้วลูบหลังเพื่อปลอบใจ
“คุณหนูจ้าวไม่ไปไหนหรอกครับ เดี๋ยวแกก็กลับมา แกมองโลกในแง่ดี ไม่มีอะไรทำให้คนแบบนั้นโกรธนานหรอกเชื่อลุงสิ”
“ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นครับลุง” ตอนนี้ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากคุยกับใคร แม่ไม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องตอบคำถามอีก
ผมเดินเข้าบ้านแล้วเปิดเหล้ากิน ปกติไม่ค่อยกินเหล้าที่บ้านแต่วันนี้ไม่อยากออกไปไหน บอกตามตรงว่าผมรู้สึกระอายใจกับจ้าวมากจริงๆ ทำให้คนอารมณ์ดีอย่างมันโกรธได้ขนาดนั้น มันคงเสียใจมากแน่ๆ ผมไม่น่าทำตามแผนไอ้ดินเลย แต่ผมไม่ได้โทษไอ้ดินมันหรอกนะเพราะมันก็เตือนแล้วว่าห้ามทำเสียเรื่อง ก็คงต้องโทษตัวเองที่ไร้น้ำยา จัดการอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง
“คิดถึงมึงนะจ้าว อยากขอโทษจนกว่ามึงจะหายโกรธ ถึงจะไม่หายโกรธไปตลอดชีวิต ก็ยังอยากพูดขอโทษต่อหน้ามึงทุกวัน อย่างน้อยแค่ได้เห็นหน้าก็คงดี”
เมา เพ้อ หลับ ตื่นมาก็เมาต่อแล้วก็เพ้อจนหลับไปอีกจนถึงตีห้าของอีกวัน
ผมรู้สึกตัวเมื่อไอ้ดินโทรเข้า “.........” มีแรงรับสายแต่พูดอะไรไม่ออก ทั้งง่วงทั้งเมา
“เงียบหาพ่อมึงดิ” พอไม่ได้ยินเสียงพูดไอ้ดินก็ด่าก่อนเลย “ทำอิท่าไหนมันถึงรู้วะ” ตั้งแต่ประโยคนี้ ผมก็ตาลุกวาวและซักไซ้ว่ามันรู้ได้ยังไงแต่มันไม่เฉลยให้ตรงประเด็นแต่กลับถามผมว่าทำไมไม่ไปตามจ้าว
ผมไม่รู้จะตอบยังไงนะ มันอัดอั้นจนอึดอัดไปหมด แค่ไปตามหาก็ไม่ยากหรอก แต่ถ้าเจอแล้วจะพูดว่าอะไร จ้าวก็พูดปาวๆ ว่าให้เลือกระหว่างยกโทษหรือจะให้เกลียดจนวันตายแล้วผมจะด้านหน้าไปให้จ้าวเกลียดมากกว่าเดิมอีกทำไม
ผมวางสายจากไอ้ดินแล้วนอนก่ายหน้าผาก มันถามว่าจะให้ช่วยไหมแต่ผมคิดว่ายังไม่อยากได้ความช่วยเหลืออะไรตอนนี้หรอก อยากให้เวลาช่วยให้อะไรๆ มันดีขึ้นกว่านี้อีกหน่อยเพราะยังไงผมก็จะไม่ตัดใจจากจ้าวอยู่แล้ว ไม่มีวัน
“พี่บั๊คคะ พี่บั๊ค ตื่น ตื่นเถอะค่ะ” ตัวผมถูกเขย่าหลายทีจนต้องตื่น ตอนนี้น่าจะพึ่งเจ็ดโมงเช้า
“อ้าวน้องตาล มาได้ไงครับ” น้องน้ำตาลทำหน้าเป็นกังวล
“ก็ลุงแมวโทรบอกคุณป้าว่าพี่บั๊คไม่ยอมกินข้าวตังแต่เมื่อวานเย็น เช้านี้ก็นอนกอดขวดเหล้าอยู่ที่ห้องรับแขก ไม่ยอมอาบน้ำ ไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณป้าก็เลยวานให้น้ำตาลมาดูน่ะค่ะ เห็นบอกว่าโทรหาน้องจ้าวไม่ติด”
“พี่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ น้ำตาลไม่ต้องห่วง”
“ไม่ห่วงไม่ได้หรอกค่ะ คุณป้าสั่งไว้ว่าให้พี่บั๊คอาบน้ำอาบท่าแล้วกินอาหารก่อน น้ำตาลถึงจะกลับได้” น้องน้ำตาลดูดีขึ้นเยอะ ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อยผมเหมือนที่ผ่านมา แววตาก็ดูห่วงใยมาจากใจจริง
แม่เหงี่ยมของไอ้จ้าวนี่เจ๋งสุดๆ เลยนะ
เจ๋งเหมือนลูกเลย..
คิดถึงจัง
คิดถึงจ้าวจัง รู้สึกเหมือนฝันร้ายมากกว่า ยังไม่อยากเชื่อว่าเสียจ้าวไปแล้วจริงๆ
“มีปัญหากับน้องจ้าวใช่มั้ยคะเนี่ย” เธอนั่งลงข้างๆ
ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน “จ้าวขอเลิกกับพี่แล้วล่ะ แถมยังบอกว่าไม่ให้ง้อด้วย ไม่งั้นจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว” พูดแล้วจุกขึ้นมาอีกระรอก ได้แต่มองหาแก้วเหล้าเพื่อดื่มต่อ
“พอแล้วค่ะพอ” น้ำตาลดึงแก้วออกไปจากมือ “อย่าทำตัวแบบนี้สิคะ เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ต้องมีสติให้มากกว่าเด็ก ไปค่ะไปอาบน้ำแล้วกินข้าวต้ม เดี๋ยวน้ำตาลจัดการให้ พออิ่มแล้วก็ค่อยไปตามง้อน้อง ต้องง้อเท่านั้นค่ะ ผู้หญิง..เอิ่ม..ฝ่าย..เอ่อ ..ฝ่ายรับน่ะ เวลาโกรธถึงขีดสุดแล้วชอบท้าให้เลิกทุกรายนั่นแหละ แต่ใจจริงยังไม่อยากเลิกหรอกแค่อยากรู้เท่านั้นเองว่าตัวเองมีค่าพอให้ง้อได้นานแค่ไหน อีกอย่างฝ่ายรับน่ะ โกรธง่าย หายเร็วเพราะเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ เราก็ต้องอ้อนเป็นธรรมดา พี่บั๊คสู้เข้าไว้ ห้ามถอยเด็ดขาด ไม่ว่าจะไล่อย่างหมูอย่างหมาหรือลองใจมากแค่ไหนก็ต้องลุยให้ถึงที่สุด เชื่อน้ำตาลค่ะ เดี๋ยวดีเอง” น้องน้ำตาลนี่พอไม่คิดร้ายแล้วก็น่ารักดีนะ ดูเป็นคนมีเหตุมีผลดี
“พี่ยังมีหวังใช่มั้ย” ผมกุมมือเธอแน่น
น้ำตาลยิ้มให้แล้วกระชับมือเป็นการตอบรับ “มีหวังแน่นอนค่ะ ตราบใดที่ไม่หมดหวังก็ต้องสมหวังแน่ๆ” เรายิ้มให้กันสักพัก ผมก็โดนดันขึ้นไปอาบน้ำ
ผมนอนแช่ในอ่างอาบน้ำและหลับไป ได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ จึงสะดุ้งตื่นรีบไปเปิด “โทษที พี่เผลอหลับ”
“น้ำตาลนึกว่าพี่บั๊คเป็นอะไรไปแล้วซะอีก เมื่อกี้เคาะเรียกให้รับโทรศัพท์แต่ก็ไม่ออกมาก็เลยรับแทนให้แล้วค่ะแต่เขาไม่พูดอะไรเลย สงสัยจะโทรผิด” หัวคิ้วผมกระตุกยิก
“จ้าวรึเปล่า!?” รีบถามอย่างลนลาน
“ไม่ใช่ค่ะ ชื่อขึ้นว่าดิน ดี ไอ เอ็น ค่ะ” เอ่อ งั้นก็แล้วไป
“มันคงนั่งทับแล้วโทรมาเบอร์ล่าสุดละมั้งเพราะเมื่อเช้ามืดก็โทรมาทีนึงละ” ผมไม่ได้เอะใจและกินข้าวต้มที่น้ำตาลอุ่นมาให้จนหมด จากนั้นก็แยกย้ายกันไป
ก่อนออกจากบ้าน ผมโทรหาจ้าวแต่มันไม่รับสาย นี่คงยังงอนอยู่สินะ แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้พี่พร้อมง้อเต็มที่ จะโกรธจะเกลียดจะยังไงก็แล้วแต่ พี่จะกอดไว้ให้แน่นที่สุด ไม่ให้หลุดมือไปได้อีกแล้ว
ผมตามไปที่บ้านจ้าวแต่ก็ไม่เจอใครเลย ตามไปที่หอพักเก่าก็ไร้วี่แวว ไปที่มหาวิทยาลัยก็ไม่เจอใครเพราะเป็นวันหยุด
“จะไปไหนได้บ้างนะ เฮ้อ เป็นห่วงจัง” ผมกดโทรหาไอ้ดินแต่แม่งก็ไม่รับสาย กดโทรหาแม่ก็ไม่มีสัญญาณ
รู้สึกร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงลองโทรหาจ้าวอีกรอบตอนช่วงบ่าย
“.......”
!!!!!!!
จ้าวรับสายแล้ว!!
“จ้าว จ้าวอยู่ไหน!?” ผมรีบถามอย่างลนลาน
“.......” จ้าวไม่ตอบแต่ได้ยินเสียงแปลกๆ คล้ายๆ จะสูดน้ำมูกแต่ก็เบามาก เบามากจริงๆ
“จ้าวพูดกับพี่ซักคำสิ พูดอะไรก็ได้ จะด่าจะว่าอะไรก็ได้แต่อย่าเงียบแบบนี้ได้มั้ย พี่เป็นห่วง” ผมอ้อนวอน
“ไม่ต้องห่วง ผมแค่กำลังจะหลุดพ้น” เสียงมันบู้บี้เหมือนกำลังร้องไห้อย่างหนัก
“อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่ไม่ปล่อยให้จ้าวหลุดไปไหนหรอก พี่จะสู้ให้ถึงที่สุด” ผมเน้นน้ำเสียงหนักแน่น
“หึ สู้เหรอ แค่คืนเดียวยังทนอยู่คนเดียวไม่ได้ แล้วพี่จะมาบอกว่าจะสู้อะไรอีก จ้าวไม่ใช่ควายนะ” ผมรู้สึกงงมาก นี่จ้าวพูดเรื่องอะไร ทนอยู่คนเดียวไม่ได้คืออะไร
“จ้าวพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจเลยครับ ให้พี่ไปหานะ แล้วเราค่อยคุยกันดีดี พี่จะยอมจ้าวทุกอย่างเลย จะเอาดาวเอาเดือนจะให้เห่าให้คลาน ให้ทำอะไรพี่ทำให้หมดเลยครับ”
“มีแค่สองสามเรื่องที่จะขอ” ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ต้องเจ็บแทบจะดิ้นตาย “เลิกโทรมา เลิกติดต่อ เลิกมาสร้างความรำคาญให้ผมได้แล้ว ผมรำคาญ!!” แล้วจ้าวก็วางสายไปเลย
อึ้ง
เจ็บ
จุก
มวลสีดำก่อตัวอัดแน่นในอกจนต้องบีบโทรศัพท์จนเจ็บไปทั้งมือแต่นั่นก็ยังไม่เจ็บถึงครึ่งในอกซ้าย
ไม่ให้อภัยพี่จริงๆ เหรอจ้าว ทำไมใจแข็งขนาดนี้ล่ะ
แล้วพี่ต้องทำยังไงอีก
พี่ต้องทำยังไง..
น้ำตาไหลอีกแล้ว กับเรื่องของจ้าวอีกแล้ว ผมจะทำยังไงกับความอ่อนแอของตัวเอง จะสู้ต่อ หรือหยุด หรือแค่พัก
ผมขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกหดหู่กว่าเมื่อวานอีกร้อยเท่า คำว่า ‘รำคาญ’ ก้องอยู่ในหูสะท้อนไปมาจนแทบจะอ้วก
เวลาแบบนี้ก็มีแต่เหล้านั่นแหละที่ช่วยได้ ผมขนมันขึ้นไปกินในห้องนอนเพราะไม่อยากให้แม่บ้านกับลุงแมวมาเจอแล้วต้องเป็นห่วงอีกและคราวนี้ก็กินมันยันรุ่งไม่หลับไม่นอน
“ขอคืนนี้อีกวันที่จะเมาเละ ตั้งแต่พรุ่งนี้พี่จะลองใหม่ พี่จะลองใหม่ทุกวัน จะบอกรักจ้าวจนกว่าจ้าวจะยอมให้อภัย จะทุ่มสุดตัวสุดใจ มันต้องมีวันที่จ้าวจะใจอ่อน มันต้องมีแน่ๆ”
แล้วผมก็หลับคาขวดเหล้าที่ล้มกลิ้งระเนระนาด เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เมาเละเทะแบบนี้ นับตั้งแต่อกหักจากพี่เกด
น่าขำนะ ตอนนั้นพี่เกดเรียกผมว่าพี่เพราะผมชอบทำหน้าเครียด ไม่ให้เครียดได้ยังไงก็ไอ้ดินแม่งทำเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน แล้วอีกอย่างเวลาเจอพี่เกดแล้วชอบประหม่า ทำตัวไม่ถูกทุกทีไป
พี่เกดเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ แต่จะทำตัวแก่นๆ ไม่ยอมคน ด่าไฟแลบแถมยังปกป้องไอ้ดินมาตั้งแต่เล็กๆ ผมชอบที่พี่มันจัดการกับไอ้ดินได้ ไอ้ดินที่ว่าเกรียนพอเจอพี่เกดก็หงอเป็นหมาหงอย แต่นั่นคงเป็นความรู้สึกทึ่งมากกว่า คล้ายกับเป็นไอดอลเพราะผมอยากจัดการไอ้ดินได้แบบพี่เกดบ้าง
พอวันนึง ผมมารู้ว่าพี่เกดมีแฟนเป็นไอ้หน้าจืด แว่นหนาเตอะ แถมยังสิวเขรอะเต็มหน้า ผมงี้อยากกระโดดถีบหน้ามันแต่พอรู้ว่ามันเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของพี่เกดและยอมทนให้พี่แกกดขี่สารพัดจึงคิดว่าผมอาจยอมได้ไม่เท่ามัน
จำได้เลยว่าวันนั้นผมเมาได้เละมากแค่ไหน ทำอะไรแปลกๆ แบบที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเคยเป็นจนไอ้ดินถ่ายคลิปแบล็คเมล์ให้ผมต้องเลี้ยงข้าวมันอยู่เป็นเดือน
แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมเมา เวลเมาหนักๆ แล้ว... อย่าเพิ่งรู้เลยครับ เอาไว้ถ้ามีโอกาสแล้วค่อยเล่าให้ฟัง
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความง่วงงุนเหมือนโดนค้อนทุบสิบทีซ้อน กำลังจะหาแบรด์กินสักขวดแต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อน
“มึงมีผู้หญิงใหม่เหรอไอ้สัดบั๊ค” ไอ้ดิน
“ผู้หญิงใหม่อะไรของมึง” ผมถามเสียงแหบแห้ง
“อย่าบอกว่าพึ่งตื่น นี่มึงมีสาวจริงๆ เหรอวะ ไอ้บั๊คไอ้เหี้ยแม่ง!!” เฮ้ย กูพึ่งตื่นนี่แปลว่ามีสาวเหรอวะ อะไรของแม่งเนี่ย
“กูไม่มี เมื่อคืนกูเมาหนัก..หนักเหมือนตอนอกหักครั้งแรกอะ ก็เลยพึ่งฟื้น”
“ห้ะ!! เหมือนตอนนั้นอะเหรอ!!?” มันถามย้ำ
“เออ”
“แล้วมึงเป็นเหมือนคราวก่อนมั้ย”
“เออ”
“ไอ้เหี้ยยย แล้วมึงทำไง”
“ช่างกูเหอะ แต่กูอยู่คนเดียวละกัน ไม่มีสาวไม่มีแก่ที่ไหนซักตัว คนเดียวล้วนๆ”
“ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านคืนอันแสนสยิวมาได้ด้วยตัวคนเดียว ฮ่าๆๆๆๆ” หัวเราะปานพ่อตาย ไอ้สัด
“เลิกดีใจที่พ่อตายแล้วมาว่าเรื่องนี้ก่อน อยู่ดีดีมาคาดคั้นว่ากูมีสาว คืออะไรวะ” ผมถามพลางยกแบรนด์ขึ้นดื่ม
อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด ถ้าคุณแฮงค์หนักๆ ให้ลองแบรนด์หนึ่งขวดและตามด้วยน้ำอุ่นจัดแก้วใหญ่ๆ รับรองตาสว่างโร่เลยละ
“ก็เมื่อกี้กูโทรหาไอ้จ้าว แม่งพูดจาไม่รู้เรื่อง พูดอยู่แต่ว่ามึงไม่รักมัน ที่ผ่านมาคืออะไร มีคนใหม่เร็วอย่างกับเคยมีไว้ก่อนอยู่แล้ว อะไรประมาณนี้แหละ”
“คนใหม่?? คนใหม่ไหนวะ กูงงนะเนี่ย” ผมเกาหัวแกรกด้วยความงงสุดชีวิต ก็เมื่อวานด่าผม ไล่ผมอย่างกับตัวเงินตัวทอง แล้วจะมาหาว่าผมมีคนใหม่ได้ไงวะ
“กูก็ไม่รู้กับแม่งว่ะ แต่มึงไม่มีใครแน่นะ”
“ไม่มีเลย สาบาน” ผมกรอกน้ำเสียงจริงจังผ่านสายโทรศัพท์ “เออ เดี๋ยวนะ มึงจำได้ปะว่าเมื่อวานที่มึงโทรหากูอะ”
“เออจำได้ๆ”
“แล้วอีกสองสามชั่วโมงมึงก็โทรมาอีก แต่ไม่มีใครพูด มึงโทรมาหรือแค่กดโดนปุ่มโทรออกวะ”
“หืมม ไม่ใช่ละมึง” ไอ้ดินทำเสียงเหมือนกำลังระลึกความหลัง
“ไม่ใช่ยังไง”
“ขอถามก่อนว่าวันนั้นมึงรับสายเองหรือใครรับ” ไอ้ดินไม่ตอบแต่ถามย้อน
“แม่โทรสั่งน้องน้ำตาลให้มาปลุกกูกินข้าว แต่กูเผลอหลับในห้องน้ำก็เลยไม่ได้ยินตอนน้องเขาเรียกรับโทรศัพท์”
“ฉิบหาย มิน่าล่ะ” ไอ้ดินสบถ
“อะไรวะ”
“ก็คืนนั้นไอ้จ้าวมันอยู่กับกู แม่งไม่มีที่ไปก็เลยไปอาศัยนอนปั้ม กูก็เลยไปรับมันกะให้มาพักที่คอนโดกูคืนนึงแล้วค่อยโทรบอกให้มึงมารับมัน แต่พอตอนเช้าแม่งก็ไปแล้ว กูก็เลยลืมไปเลย กูว่าสายที่น้ำตาลรับน่ะ ต้องเป็นไอ้จ้าวเอาโทรศัพท์กูโทรหามึงแน่ๆ แล้วแม่งก็เข้าใจผิดคิดว่ามึงนอนกับหญิงเพราะเช้าขนาดนั้นใครก็ต้องคิดว่าพวกมึงพึ่งตื่นนอนพร้อมกัน”
“ไอ้เหี้ยยย” ผมสบถบ้าง “อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะเนี่ย!!!!”
“เอาน่า ใจเย็นๆ ระหว่างนี้มึงลองโทรง้อมันดูอีกที ถ้าไม่ได้ความเดี๋ยวกูถ่ายงานเสร็จจะจัดการให้”
“เออๆ ถ้าไงโทรบอกกูด้วย ช่วงนี้มึงลืมกูบ่อยไปนะไอ้สัดดิน มีสาวใหม่หรือไงวะ”
“สาวน่ะไม่มีแน่นอน อย่างน้อยก็ในช่วงนี้ คึคึ แค่นี้นะ ไปทำงานละ” หัวเราะแปลกๆ อะไรของมันวะ
“เออๆ อย่าลืมจัดการเรื่องไอ้จ้าวด้วย”
จากนั้นผมก็กดโทรศัพท์หาข้าวจ้าวอีกเป็นสิบๆ รอบ ซึ่งมันไม่รับแม้แต่สายเดียว ผมจึงไลน์ไปบอกความจริงทั้งหมด คนไม่ค่อยได้ใช้ไลน์แต่ต้องมาพิมพ์ยาวๆ มันก็โง่ๆ งมๆ อุตส่าห์งมพิมพ์อยู่นานสองนาน ข้อความยาวเหยียดแต่แม่งก็ไม่เปิดอ่าน
ทำไมมึงถึงดื้อด้านดักดานขนาดนี้นะ คิดเองเออเองคนเดียว ไม่ถามไม่ไถ่อะไรเลย
โอ้ยยย กูรักมึงนี่เฮงหรือซวยวะไอ้หมาจ้าว!!
****************