"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 511071 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เย้ๆๆ คุณหมอมาแล้ว
เชียร์หมอกับคุณฟ้าเต็มที่ สู้ๆ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
รออยู่น๊า :L2:
คิดถึงคุณหมอกะน้ำฟ้าแล้วอ่ะ :กอด1:

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงติน กับ ลมอ่ะ เอ๊ะ คุณหมอนี่ยังไงแอบเนียนกับคุณฟ้าป่ะเนี่ย รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
ยังรออ่านอยู่นะค๊า
คิดถึงจังเลยยยยยยยยย :กอด1:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
เบื่อน้ำเหนือแล้ว คิดถึงน้ำฟ้าจ้า

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
มีคนรออ่านอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 6 ผมกำลังจาบจ้วง


ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เหมาะกับบรรยากาศสบายๆ ของท้องทะเลสวย บนเตียงนอนหลังไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็พอให้ผู้ชายตัวโตกับตัวเล็กกว่านอนด้วยกันได้อย่างไม่ลำบาก ผ้าม่านเนื้อหนาบดบังแสงของเวลาบ่ายคล้อยไว้ได้แทบจะทั้งหมด ผมที่กำลังเอนตัวลงช้าๆ ทอดตัวนอนข้างคนตัวเล็กกว่า โดยที่ผมนอนซ้อนอยู่ด้านหลัง คุณฟ้านอนนิ่งซุกหน้ากับหมอนใบเขื่อง ส่วนหมอนอีกใบที่เคยวางไว้เคียงกันตกอยู่ในอ้อมแขนเรียวยาว คุณฟ้ายึดหมอนของผมไปซะแล้ว ผมเลยได้แต่วางศอกไว้บนเตียงใช้มือรองศีรษะ นอนตะแคงมองใบหน้าเล็กๆ ที่ครึ่งหนึ่งถูกซ่อนไว้กับหมอนใบนุ่ม

เสียงลมหายใจของคุณฟ้าดังเบาและสม่ำเสมอ ฟ้องว่าเจ้าตัวหลับไปอย่างสนิทในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแค่ผมออกไปเดินออกไปจากห้องหลังจากปิดม่านให้อีกฝ่ายได้นอนสบาย โดยไม่มีแสงแดดจากข้างนอกลอดผ่านเข้ามารบกวน เจอพนักงานสาวสวยที่เดินมาเก็บแก้วน้ำกระเจี๊ยบไปเก็บ   ผมจึงฝากให้เธอช่วยไปบอกอชิตะว่า ผมกับคุณฟ้ายังไม่หิวของนอนพักก่อน ไม่ต้องรอพวกผมแล้ว ไว้ตอนเย็นผมค่อยออกไปกินทีเดียวเลย อันที่จริงผมก็หิวแต่ยังไม่พร้อมจะออกไปเจอทุกคน โดยที่ไม่มีคุณฟ้าไปด้วย

มันยังไม่พร้อม...จริงๆ ครับ

 ไม่ใช่เพราะยังคงรักน้องลมไม่เปลี่ยน  เพราะความรู้สึกว่า “รัก”  มันน่าจะหมดลงแล้วครับ หมดไปพร้อมกับความหวัง ที่ยังรู้สึกอยู่ตอนนี้ก็แค่ความรู้สึกดีๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รัก  แต่ที่ไม่อยากออกไปเจอใครเพราะไม่พร้อมจะเจอน้องลมกับตินพร้อมกันต่างหาก  มันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำตัวยังไง ในเมื่อก่อนหน้านี้ผมเคยจะจีบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของภาคี พอความจริงเปิดเผย ผมต้องถอยแล้วตัดใจ เลิกรัก มันทำได้ไม่ยากเท่าไร และไม่ได้เจ็บจนทุรนทุรายอย่างที่คิดกลัว

ผมยังพูดคุยกับน้องลมได้เป็นปกติ แม้ไม่มากเพราะผมอยากทิ้งระยะห่าง อยากเลิกรักเพราะจะได้ไม่ถลำลึก เพราะไม่มีสิทธิ์คิดอะไรกับน้องลมเหมือนกันด้วยล่ะครับ  มันเลยง่ายที่จะตัดใจแบบที่ไม่เจ็บปวดเจียนตายอะไร อย่างมากที่เป็นช่วงแรกที่ตัดใจคือโหยหา คิดถึง อยากเจอ  แต่เมื่อเอาเหตุผลความจริงเข้ามาต้านความรู้สึกแล้ว มันก็ทำให้อาการเหล่านั้นลดลง จนตอนนี้ผมก็ลืมไปแล้วว่าตอนอยู่กับน้องลมรู้สึกอย่างไร อาการอยากกอด อยากหอม อยากใกล้ชิด กลิ่นเนื้อตัวที่หอมหวานชวนให้แตะต้องในตอนที่อยู่ใกล้กัน ผมก็แทบไม่รู้สึกถึงความหอมหวานเหมือนแต่ก่อน

เพราะไม่รู้สึกอะไรเหมือนเคยล่ะมั้ง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยรู้สึกกับน้องลม มันเป็นอดีตที่แทบจะจำไม่ได้แล้ว ถ้าหากไม่มานอนคิดถึงมันอยู่เช่นตอนนี้

พูดถึงกลิ่นหอมหวานที่เคยสัมผัสจากตัวน้องลมแล้ว  ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าคนที่นอนหันหลังให้ผมอยู่นี้ มีกลิ่นอ่อนๆ น่าสัมผัส แก้มใสที่โผล่มาให้เห็นซีกเดียวแถมยังน้อยนิดอีกต่างหาก ชวนให้ลิ้มลองความนิ่ม ในห้องที่มีเพียงแสงสลัวและบรรยากาศเงียบๆ มีเพียงเสียงลมหายใจของคุณฟ้าให้ได้ยินเป็นจังหวะชวนฝัน ผมรู้ตัวว่ากำลังขยับเข้าชิดร่างบางที่นอนนิ่งหายใจเป็นจังหวะ  แล้ววางมือข้างหนึ่งบนเอวเล็กเพียงเบาๆ แต่มั่นคงในการแตะต้อง ผมยกศีรษะขึ้นสูง มองเสี้ยวหน้าที่เป็นต้นเหตุให้ผมคิดอะไรบางอย่างออกมาเป็นการกระทำที่เรียกว่า “ชั่วร้าย” อยู่ไม่น้อยเลย

เสี้ยวหน้าใสๆ ที่เห็น ทำเอาผมสลัดความคิดบ้าๆ ออกไปไม่ได้ ทั้งที่ไม่อยากทำ มันเหมือนคนฉวยโอกาส ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของอีกฝ่ายที่กำลังถูกผมกระทำ แต่ในเมื่อคุณฟ้าหลับ และเป็นการหลับที่สนิทมาก  ไม่ออกอาการดิ้นรุนแรงอย่างที่เจ้าตัวเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า เป็นคนดิ้นมากและเคยถีบคนตกเตียงมากแล้ว  และก่อนหน้านี้ที่หน้าหาด ท่ามกลางกลุ่มคนที่ผมอยากทำให้เข้าใจไปในทิศทางที่ควรจะเป็น แต่คุณฟ้ากลับทำให้พวกนั้นเข้าใจในทิศทางที่ถูกต้อง

‘ผมเป็นแค่เจ้าของร้านกาแฟข้างคลินิกของคุณหมอพิษณุ’

ได้ยินแล้วมันหงุดหงิดจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ เลยไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากรีบขอตัวออกมา ถึงมันเป็นความจริงก็ตาม แต่มันความจริงที่ผมอยากจะแกล้งลืมๆ ไป แล้วเปลี่ยนสถานะใหม่ให้กับคนที่เป็น “เจ้าของร้านกาแฟข้างคลินิก”  ของผมให้กลายเป็นคนใกล้ชิดหัวใจในช่วงเวลาสามวันสองคืนบนทะเลจันทร์ หรือถ้าเป็นไปได้จะตลอดไปก็ได้  ถ้าคุณฟ้าจะให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ

ผมอยากศึกษาคุณฟ้า พอๆกับที่อยากให้คุณฟ้าศึกษาผมไปด้วย  บางทีเราสองคนอาจจะเป็นคนสองคนที่ถูกเขียนคำว่า “พรหมลิขิต” เข้าไว้ด้วยกันก็ได้ ใครจะไปรู้


‘เป็นแค่คนรู้จักกัน ถูกชวนมาเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน เลยมาด้วย’

นี่ก็เป็นอีกใจความหนึ่งที่ผมสรุปได้จากการสนทนาระหว่างคุณฟ้ากับอชิตะและคณิต ขณะที่ผมกำลังหงุดหงิด พูดอะไรไม่ออก ปั้นหน้าไม่ถูกกับการเจียระไนความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณฟ้าได้ชัดเจนขนาดนั้น


ผมถือว่าเรื่องที่หน้าหาดเมื่อครู่คือความผิดของคุณฟ้า ที่ทำให้ผมหงุดหงิด ทั้งที่ผมปรารถนาจะให้คุณฟ้าช่วยทำให้สถานการณ์ของผมดีขึ้นมา อย่างน้อยก็น่าจะทำให้ทุกคนสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณฟ้า ไม่ใช่บอกไปซะปรุโปร่งขนาดนั้น


ความคิดของผมเกี่ยวกับความผิดของคุณฟ้า เดินทางไปพร้อมกับปลายจมูกที่กดลึกบนแก้มนิ่ม กดค้างไว้อยู่อย่างนั้น สูดดมความหอมหวานของแก้มอยู่นาน โดยที่คุณฟ้าก็ยังคงไม่รู้สึกตัว ยังคงนิ่งอยู่ในท่าเดิม นึกกลัวเหมือนกันว่าแรงกดจากจมูกของผมบนแก้ม จะทำให้คนนอนนิ่งรู้สึกตัวขึ้นมา

พอได้คืบแล้วก็อยากจะได้ถึงศอก...

ปลายจมูกอาจไม่เพียงพอเท่ากับริมฝีปาก....

กลิ่นหอมอ่อนๆ ได้รู้สึกได้ในระยะใกล้ เรียกให้ต้องใช้กลีบปากหนาแนบชิด สำรวจความนิ่มของใบหน้าด้วยริมฝีปากหนัก ก่อนละออกมาเพื่อขยับตัวให้เข้าที่ แล้วใช้มือสองข้างประคองใบหน้าคนนอนหลับลึกขึ้นมาให้เห็นเต็มวงหน้าหวาน แนบจูบบนเสี้ยวหน้าอีกด้าน

ดูนะครับ ผมทำขนาดนี้แล้ว คุณฟ้ายังคงหลับตานิ่ง หายใจสม่ำเสมอ แม้แต่เปลือกตาก็ยังไม่กระพริบแม้แต่นิด ถ้าผมทำมากกว่านี้ คุณฟ้าจะรู้สึกตัวบ้างไหม

นั่นสินะ...จะรู้สึกอะไรตัวไหม

ถ้าเปลี่ยนจากแก้มเป็นปากบาง...

แล้วผมเองล่ะ จะรู้สึกอะไรไหมกับสัมผัสที่เห็นแก่ตัวแบบนี้

‘เห็นแก่ตัว’ มันฟังดูแล้วเลวร้ายไปหน่อย แต่บางครั้งในที่ลับตาคน ในที่มีเพียงคนสองคน คนหนึ่งอยากได้มากกว่าแค่นิดๆ หน่อยๆ และอีกคนหลับสนิทถึงขั้นหลับลึก คนอย่างหมอพิษณุเป็นคนดีมานานแล้วมั้ง ลองทำตัวแบบเห็นแก่ตัวบ้างคงจะไม่เป็นไร  และในเมื่อคุณฟ้าหลับลึกซะขนาดนี้ มันยิ่งกระตุ้นให้อยากทำอย่างที่ใจคิด

ความคิดของผมเดินทางไปพร้อมการกระทำเสมอเหมือนที่เคยผ่านมา เพียงแค่ก้มหน้าเข้าไปใกล้หน้าที่ประคองไว้ด้วยสองมือ หักองศาให้พอเหมาะ กลีบปากบางที่คาดคิดว่าคงหวานกว่าใบหน้าที่เห็นและคงมีรสชาติที่ต้องการ

หัวใจผมเต้นถี่ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเต้นถี่และแรง กลัวเปลือกตาสวยจะเผยดวงตากลมแสดงอาการตกตื่นและตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธขึงในทันทีที่ผมจาบจ้วงกับปากบางนั้น ถึงกลัวแต่ก็ท้าทายกับรสชาติที่คุ้มค่า อย่างน้อยผมก็ไม่อยากห้ามความต้องการของตัวเอง พอๆ กับความมั่นใจว่าคุณฟ้าจะไม่ตื่นมาเห็นการกระทำอันเห็นแก่ตัวของผมอย่างแน่นอน

แน่นอนว่า....



‘ผมจูบคุณฟ้าไปแล้ว’

แม้จะแค่แตะไปเบาๆ ก่อนถอนตัวออก

เจ้าของกลีบปากนั้นก็ยังคงอยู่ในความเงียบสงบ หลับลึกเช่นเคย เพราะเหนื่อยอย่างที่เจ้าตัวได้บอกผมก่อนหน้านี้หรือเปล่า? น่าจะใช่

สาบานได้ว่าผมไม่ได้แอบใส่ยานอนหลับในน้ำกระเจี๊ยบที่คุณฟ้าดื่มอย่างแน่นอน

หึหึ....

ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ แล้วเลียริมฝีปากตัวเอง หลังจากแตะปากเข้ากับกลีบปากบ้างซ้ำๆ อีกหลายรอบ คิดแล้วบ้าซะมัด เหมือนผมเป็นหมอโรคจิตหรือไม่ก็พวกจิตหื่น เป็นไปได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอหมอพิษณุ หมอสัตว์ที่มีแต่คนชมว่านิสัยดี เป็นคนดี เป็นคนจิตใจดี และอีกบลาๆ ตามแต่เจ้าของหมาแมวจะเอ่ยปากชม

ลึกๆ แล้ว ความจริงผมอาจจะไม่ได้ดีเด่อย่างภาพที่ใครๆ เห็นก็ได้ ผมก็มนุษย์คนหนึ่ง มีรัก โลภ โกรธ หลง และยังมีความต้องการ หากมีอะไรมากระตุ้น

คุณฟ้ากำลังกระตุ้นผม...งั้นเหรอ?

อืม....นอนหลับลึกแบบนี้ เรียกว่า “ยั่ว” ได้หรือเปล่า?

อืม....คิดแบบคนเป็นหมอสัตว์ ก็คงเรียกว่า “ยั่ว” ได้......มั้ง

แล้วความคิดก็เดินทางไปพร้อมการกระทำอีกครั้ง ผมละมือจากใบหน้านั้น แล้วหันมาจับคนตัวหอมให้นอนหงาย จัดท่าให้สะดวกต่อภารกิจสำเร็จโทษคนช่างยั่ว ไม่คิดอะไรแล้วครับนาทีนี้ บรรยากาศมันพาไป อะไรๆ มันก็เป็นใจ แน่ล่ะก็มันเป็นใจของผมเองนี่ครับ มันเรียกร้องอยากได้อะไรมากกว่าแค่ “แตะ” อย่างเด็กประถม

มันน่าจะมีการ “สำรวจตรวจตรา” กันหน่อยสิครับ “ข้างนอกหรือจะสู้ข้างใน”

ความผิดของคุณฟ้ามีเยอะครับ

หนึ่ง...พูดให้ผมหงุดหงิด

สอง...ไม่ช่วยผมเลย

สาม...ยั่วผมเอง

สี่...จะหลับสนิทไปถึงในกัน

ความผิดแบบนี้ มันสมควรได้รับการลงโทษครับ....หึหึ หัวเราะชั่วร้ายอีกแล้วครับ ชั่วร้ายพอๆ กับความคิด

ผมไม่เคยบอกใครว่าผมเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนที่จิตใจงดงาม ไม่เคยเอาเปรียบใคร เลยสักครั้ง ทุกคนต่างหากที่มองผมว่าเป็นคนแบบนั้น เพราะเห็นผมแต่ในมุมแบบนั้น ถ้ามีใครสักคนเห็นผมในมุม ‘เห็นแก่ตัว’ แบบนี้แล้วล่ะก็ ก็คงรู้แหละครับว่าผม ‘ก็คนเหมือนกัน’

.
.
.
.

กลีบปากบางเผยออกให้ลิ้นของผมรุกล้ำอย่างง่ายดาย ผมกำลังจาบจ้วงเอาความหวานตามความต้องการที่อยากได้ ลิ้นเล็กที่พบเจอถูกดูดกลืนให้สมกับความคิดร้ายๆ ลิ้นของผมกำลังกวาดไล่ความหวานที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมด โดยที่เจ้าของมันยังคงหลับสนิทและไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา

เหมือนมันจะไม่พอและผมเองเหมือนหยุดไม่ได้แค่นี้...

เพราะรู้ตัวอีกทีมือของผมก็มุดเข้าไปใต้เสื้อ ลูบไล้อยู่กับผิวกายที่เหมาะกับการสัมผัสเป็นไหนๆ มันเนียนและลื่น ไม่กระดากหรือหยาบแม้แต่น้อย

เพราะรู้ตัวอีกทีจมูกกับปากของผมมันก็แตะต้องไปทั่วใบหน้า ไล่มาซอกคอ ไหล่ลาดซึ่งเป็นผิวเนื้อที่ไม่ได้โผล่พ้นเนื้อผ้า และก่อนที่ปากกับจมูกจะเลื่อนไปต่ำกว่านี้ พร้อมกับจะถูกเลิกขึ้นจนถึงอก อวดเม็ดเล็กสองข้างให้กระตุกอารมณ์ดิบเถื่อน และก่อนที่มืออีกข้างของผมจะสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่ต่ำกว่าเอว

....ถ้าคุณฟ้าไม่คว้ามือที่เลื่อนไล่จากผิวเนื้อเนียน ต่ำลงไปตรงหน้าท้องแบน และต่ำลงไปอีกนิด

“....อือออ  นนท์.... ไม่เอา....จะนอน......”

มือเล็กจับข้อมือผมไว้แน่น จนผมตัวแข็ง สันหลังมันเสียววูบ กลัวเปลือกตาสวยจะเผยดวงตากลมให้เห็นการกระทำตามอารมณ์ดิบของผม ผมค้างอยู่อย่างนั้นไปชั่วครู่ รู้ถึงแรงผ่อนของมือเล็กก่อนที่มันจะค่อยๆ ตกไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก กลับไปอยู่ที่เดิมอีกครั้ง

...ฟู่~~…

ละเมอ....

ไม่ใช่

รู้สึกตัว....

อารมณ์ดิบหายไปแล้วครับ ไม่ใช่หายไปเพราะคุณฟ้าละเมอ แต่เป็นเพราะชื่อที่หลุดออกมานั่นต่างหาก ผมกำลังเห็นแก่ตัว เอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วจาบจ้วงอย่างน่าเกลียด อาศัยเอาความไว้เนื้อเชื้อใจมาทำเรื่องที่ไม่สมควร

คุณฟ้าเป็นใคร ผมเป็นใคร

ผมชื่อพิษณุ คุณแม่เรียกผมว่า “ตาหนู” ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ สมัยเรียนเรียกว่า “นุ” และปัจจุบันก็เรียกผมว่า “หมอ” ลำดับชื่อเรียกที่ผมมีอยู่จากคนทุกคนที่รู้จักผม ยังไงก็ไม่มีชื่อว่า “นนท์”

ผมไม่ใช่ “คุณนนท์” คนที่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับคุณฟ้าได้

เราสองคนก็แค่คนรู้จักกัน ไม่ได้สนิท ไม่ได้คุ้นเคย ถ้าผมทำอะไรเกินไปกว่านี้ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติคุณฟ้าและไม่ให้เกียรติตัวเองเลย กลายเป็นว่าที่ผมชวนคุณฟ้ามาเที่ยวนั้นคือการหลอกลวง (ถึงแม้จะหลอกให้มาเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่ใช่ทำถึงขั้นนี้)

ผมทิ้งตัวลงนอน ตามองเพดาน หลังจากเอื้อมตัวไปเปิดไฟตรงหัวเตียงแล้ว แสงสีอ่อนไม่ได้รบกวนการนอนหลับลึกของคุณฟ้าเลย

ความคิดงี่เง่ากำลังถูกรุมประณามด้วยความคิดฝ่ายดี ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองกล้าทำถึงขนาดนี้ หันมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ยังคงนอนนิ่งและหายใจสม่ำเสมอเช่นเคย ปากบางที่เคยเห็นดูจะเจ่อนิดๆ ทั้งที่ทำขนาดนี้ คุณฟ้าก็ยังไม่รู้สึกตัว ไม่อยากจะคิดครับว่าถ้าคุณฟ้าไปนอนค้างอ้างแรมกับใคร แล้วไอ้หมอนั่นมันทำแบบผม

ให้ตายสิ!!

คิดแล้วเป็นห่วงคุณฟ้าจริงๆ ถ้าไอ้หมอนั่น มันไม่หยุดเหมือนที่ผมหยุดล่ะ ไม่อยากจะคิด แต่ก็ต้องคิด ไอ้หมอนั่นมันจะลักหลับคุณฟ้าถึงขั้นไหน แล้วคุณฟ้าจะรู้สึกตัวตอนไหน


~~ หมับ ~~

มือมาก่อนครับ

~~ หมับ ~~

แล้วตามด้วยขา

เฮ้ยยย..... ผมที่กำลังนอนคิดเรื่องลักหลับอยู่ ทั้งมือทั้งขาของคุณฟ้าก็กักตัวผมไว้ราวกับว่าผมเป็นหมอข้าง กอดอย่างเดียวไม่ว่า นี่ถึงขั้นดึงเข้ามาก่อนประหนึ่งผมเป็นหมอนข้าง ผมถลาเข้าสู่อ้อมกอดอย่างง่ายดาย (ความจริงผมโอนอ่อนผ่อนตามครับ ไม่อยากขัดศรัทธา) ปล่อยให้คุณฟ้ากอดแล้วก็ซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งของผม

ลมหายใจยังสม่ำเสมอ แต่เนื้อตัวที่ถูกไถเนี้ย มันไม่สม่ำเสมอกับความรู้สึกของผมเลย จะดิ้นไปไหนครับ หรือว่าจะใช้ผมเป็นเตียง เพราะตอนนี้คุณฟ้าแทบจะนอนเกยอยู่บนตัวของผมแล้ว

นอนดิ้นของจริง มันเป็นแบบนี้ใช่ไหมครับคุณฟ้า...

ผมจะทำยังไงดี

เกยซะขนาดนี้

ดิ้นซะขนาดนี้

ไม่อยากปลุก

ไม่อยากเรียกให้ตื่น

หรือเพราะ

รู้สึกดีหว่า....

.
.
.
.
.
.
.
.
.

“........................”

ผมมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่เกยทับผมอยู่ทั้งตัวลุกขึ้น ทำให้ผมพลอยรู้สึกตัวไปด้วย แปลว่าหลังจากที่ถูกคุณฟ้าเกยมาทั้งตัว ผมก็นอนคิดอะไรไปเลยเปลือยจนหลับไปเหรอเนี้ย แล้วหลับไปนานเท่าไร นาฬิกาก็ไม่ได้ใส่มาด้วย เลยไม่รู้เวลาเลย

“ตื่นแล้วหรือครับ” ผมถาม ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เก็บความรู้สึกผิดเอาไว้ในใจ ไม่กล้าสบตาคู่ใสของคุณฟ้าเท่าไหร่ มันทำใจลำบากหลังจากทำเรื่องจาบจ้วงงี่เง่านั้นไป แต่แล้วคุณฟ้าก็ทำเอาผมแปลกใจ เมื่อมือเล็กๆ ยื่นมาปัดผมให้ผม ผมมองการกระทำนั้นตาไม่กระพริบเลย อันที่จริงเรียกว่ามองหน้าที่อยู่ใกล้แค่คืบมากกว่า

“แหะๆ ขอโทษครับ พอดีผมติดนิสัยน่ะครับ” คุณฟ้าส่งยิ้มแห้งๆ มาพร้อมกับคำบอก ก่อนจะดึงมือกลับ

“ไม่เป็นไรครับ” จะให้ผมว่าอะไรล่ะครับ รู้สึกดีด้วยซ้ำ จนอยากจะสัมผัสกลีบปากบางนั้นซ้ำอีกครั้ง อยากสัมผัสตอนที่เจ้าของปากรู้สึกตัว พร้อมกับให้ความร่วมมือ

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทำไมรู้สึกอยากแตะต้องตัวของคุณฟ้า ทั้งที่ผมไม่ได้ผูกพัน สนิทสนมจนรู้นึกรักใคร่คุณฟ้าเลย คุณฟ้าสำหรับผมแล้วที่ผ่านมาก็เหมือนเจ้าของร้านกับคุณลูกค้าประจำ ปฏิสัมพันธ์กันก็คนซื้อกับคนขาย ไม่ได้มีจิตรักใคร่ผูกพันกันเลย แล้วทำไมผมถึงอยากทำเรื่องแบบนี้กับคุณฟ้าได้

คิดไปเองหรือเปล่าว่าคุณฟ้าอ่านความคิดผมออก เพราะแค่ผมคิดไม่ทันไร คุณฟ้าก็ลุกจากเตียงไปยืนข้างๆ แทน ทำหน้าแปลกๆ แล้วก็ทำท่าทางเหมือนไม่รู้จะทำอะไรดี หรือเพราะสถานที่ระหว่างเราสองคนมันล่อแหลมเกินควร ผู้ชายสองคนที่ไม่ได้สนิทอะไรกันเลย มานั่งคุยกันบนเตียงเหมือนคู่รักกันก็น่าจะใช่ ผมเลยลุกตาม

พอลุกได้เท่านั้นแหละครับ อาการเมื่อยถามหาทันที ก็นะ คุณฟ้าแค่ตัวเล็กกว่าผม แต่ไม่ใช่คนตัวเล็กนะครับ สูงเกือบจะเท่าผมแล้วละครับ น่าจะห่างๆ กันสักห้าเซ็นต์ได้มั้ง (ผมร้อยแปดสิบหกครับ) แล้วมานอนทับผมซะขนาดนั้น มันต้องมีเมื่อยกันบ้างล่ะ

“หิว หรือยังครับ” ผมถาม พอเดาเวลาได้จากแสงไฟจากด้านนอกที่ลอดเข้ามาให้รู้เวลาว่า ตอนนี้มันค่ำพอที่จะเปิดไฟไปทั่วรีสอร์ทแล้ว

“หิวครับ มากด้วย” คุณฟ้าเอามือลูบท้อง ทำเอาผมเผลอลูบตามไปด้วย แล้วคิดไปไกลถึงเรื่องที่ผ่านมา หน้าท้องแบนราบ....อืม หยุดเถอะความคิด ชักจะหื่นไปเยอะแล้ว

“งั้นก็ไปหาอะไรกินกันครับ ผมก็หิวเหมือนกัน” แล้วนั่นคุณฟ้าขำอะไรผม ผมทำอะไรให้หน้าขำครับเนี้ย

“ขำอะไรครับ” อดไม่ได้ที่จะถามให้รู้เรื่อง

“ขำท่าหิวของคุณหมอครับ ทำเหมือนผมเลย”  อ่า...ขำที่ผมทำท่าเหมือนคุณฟ้า ก็แน่ล่ะ ผมทำตามคุณฟ้านี่น่า แล้วผมก็หิวจริงๆ ครับ ไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าแล้ว นอกจากกาแฟและก็.....

เนื้อหนังมังสา...ของคุณฟ้า ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้อิ่มท้องเลย นอกจากอิ่มความต้องการในเวลานั้น

“ก็คน...........”  กำลังจะบอกคุณฟ้าไปว่า ‘ก็คนมันหิวเหมือนกันนี่น่า’ แต่เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้นมาเสียก่อนที่ผมจะได้พูดจบประโยค




....ก๊อก....ก๊อก....ก๊อก...ก๊อก...

เสียงเคาะประตูเงียบลง พร้อมกับเสียงเรียกจากน้ำเสียงที่คุ้นเคย

“พี่หมอครับ อยู่ไหมครับ”

น้องลมคือคนที่อยู่ด้านนอก เจ้าของเสียงเคาะประตูห้องผม แล้วไม่ต้องเดาให้ลำบากว่า น้องลมไม่ได้มาคนเดียวแน่   ๆ ภาคีคงไม่ยอมให้คนรักมาเคาะประตูห้องผมเพียงลำพังหรอก แล้วเสียงกึ่งประชดนั้นก็ช่วยยืนยันได้ดี

“หนีกลับไปแล้วมั้ง” ยังคงหึงไม่เลิกจริงๆ

“ติน!”

...เพี้ยะ....

นั่นไง โดยไปเลย อยากจะสมน้ำหน้า แต่ก็ทำไม่ได้ครับ ยังไงผมก็ยังเป็นคุณหมอสัตว์ใจดีอยู่ครับ

“เจ็บนะครับ ลม”

“ถ้ายังไม่เลิก จะเจ็บกว่านี้นะ”

“คร้าบบบบบ”

ผมรู้ว่าตินรักน้องลมมาก เลยทำให้เหม็นขี้หน้าผมมากเช่นกัน แม้ก่อนหน้านี้ก่อนที่จะเกิดเรื่อง ผมกับตินก็เคยกินเที่ยวด้วยกันออกบ่อย ตามประสาเพื่อนรักของอชิตะ เจ้านายของติน แต่พอเกิดเรื่อง ความสนิทสนมก็เหมือนจะหายไปเลย เหลือเพียงอาการไม่ชอบหน้าที่ตินมักจะแสดงให้ผมเห็น

แน่ล่ะ...

ครั้งหนึ่งผมเคยจีบคนรักของติน แล้วใครหน้าไหนมันอยากจะญาติดีด้วยล่ะ

น้องลมโชคดีครับที่สมหวังในความรัก

แล้วผมล่ะ จะโชคดีอย่างน้องลมบ้างไหม น้องลมเป็นรักแรกที่ผมจริงจังด้วยมากที่สุด มากจนคิดถึงอนาคตด้วยซ้ำไป แต่สุดท้าย มันก็เป็นเพียงอนาคตในความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง

คุณฟ้าหันมามองหน้าผม ตากลมสวยเหมือนมีคำถาม แต่ก็แสดงความห่วงใยมาให้เห็น ผมจะอธิบายยังไงดีล่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่จะดึงคุณฟ้ามาแล้วนั่งจับเข่าคุยกันถึงเรื่อง “รักที่เคยสามเศร้า” มันไม่สนุกหรอกว่าไหมครับ

แล้วที่สำคัญ ผมอายครับที่จะบอกว่า ครั้งหนึ่งผมเคยแย่งคนรักของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง...

“พี่หมอครับ พี่หมอ” น้องลมตะโกนเรียกอีกครั้ง เสียงดังกว่าเดิม

“ลมครับ พี่หมอของลม เค้าอาจจะกำลัง......” ได้ยินแค่นี้ครับ เพราะเสียงนั้นหายไปกับประโยคสุดท้ายที่เอ่อ....ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าสองคนข้างนอกกำลังกระซิบอะไรกันอยู่ มองหน้าคุณฟ้าก็เหมือนจะไม่เข้าใจอะไร โล่งอกครับที่คุณฟ้าใสซื่อ จนเดาประโยคต่อไปไม่ออก เพราะยังคงทำตัวเป็นปกติ ยืนมองหน้าผมเหมือนเคย

“จะไม่ไปเปิดประตูให้หรอครับ” ถามเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่ไปเปิดประตู

แล้วผมจะยืนอยู่ทำไมละครับ เลยต้องเดินไปเปิดประตู แต่ไม่ลืมกดสวิซไฟที่ข้างประตูก่อน เพื่อให้ห้องสว่างขึ้น

“พี่หมอ ทำไมช้าจังครับ” คำถามของน้องลมมาพร้อมกับสายตาที่สอดส่องไปด้านหลังผม เดาออกครับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ก็สายตามุ่งตรงไปที่เตียงนอนซะขนาดนั้นนี่ครับ พอหันไปมองอีกคนที่มาด้วยกัน สายตานั่นก็ฟ้องว่าคิดไปไกลซะแล้ว

เฮ้อ.....

ช่างเถอะ ปล่อยให้คิดกันไป จะแก้ตัวไปทำไม ตอนแรกก็อยากให้คิดกันอย่างนี้อยู่แล้ว ดีเหมือนกัน สามวันกับสองคืนของผมจะได้สงบเหมาะกับการพักผ่อนจริงๆ คนรักของน้องลมจะได้เลิกมองว่าผมจ้องแต่จะแย่งแฟนเขา

“พี่เพิ่งตื่นครับ”

“เหรอครับ แล้ว...........คุณฟ้าล่ะครับ” แล้วจะทิ้งช่องว่างไว้มากขนาดนั้นทำไม ผมนึกอยากจะถาม แต่ท่าทางอยากรู้แล้วก็อยากเห็น แทบจะมุดจักกะแร้ผมเข้ามาในห้องด้วยซ้ำ พอดีผมยืนขวางประตูเอาไว้น่ะครับ ถ้าในบรรดาหกคนที่มาด้วยกัน น้องลมถือว่าเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดเลยล่ะครับ ยืดตัวมองผ่านไหล่ของผมก็คงไม่เห็นอะไรหรอกครับ

“เก็บที่นอนอยู่ครับ” ผมเบี่ยงตัวให้น้องลมเห็นได้ชัดๆ ว่าคุณฟ้ากำลังทำอะไรอยู่ ว่าไปก็แปลกนะครับ น้องลมกับคุณฟ้า มีชื่อที่ซ้ำกันด้วย น้องลมชื่อสีฟ้า ส่วนคุณฟ้า ชื่อน้ำฟ้า

“สวัสดีครับ เมื่อตอนบ่ายยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมลมนะครับ ส่วนคนนี้ก็ตินครับ” น้องลมทักทายคนที่กำลังพับผ้าห่มอยู่ตรงปลายเตียง

“ครับ” คุณฟ้าหันมายิ้มตอบ ก่อนจะเดินมาร่วมวงด้วยกันที่หน้าประตู

“น้องลมมีอะไรกับคุณฟ้าหรือเปล่า” ผมแกล้งถามไปงั้นแหละครับ รู้ๆ อยู่ว่าน้องลมคงไม่ตอบความจริงตามที่ใจคิดจินตนาการไปไกลหรอกครับ ส่วนคนที่มาด้วยก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยืนเอามือล้วงกระเป๋า แต่เห็นอยู่ว่าสายตามองคุณฟ้าตลอด

“ลมกับตินมาตามพี่หมอกับคุณฟ้าไปปาร์ตี้หน้าหาดครับ มีของทะเลสดๆ ทั้งนั้นเลย”

เหอะ...ผมว่า มีแค่น้องลมเท่านั้นล่ะครับที่อยากมาตาม ส่วนอีกคนมาคุมมากกว่า

“อาหารทะเล มีปลาหมึกด้วยหรือเปล่าครับ” เสียงนั้นระรื่นเลยครับ เดาว่าคงชอบปลาหมึกมาก

“มีแน่นอนครับคุณฟ้า คุณฟ้าชอบกินปลาหมึกหรือครับ เหมือนตินเลย รายนี้น่ะ ชอบมาก”

“ครับ ชอบมากที่สุดครับ”

ผมเหลือบมาคนชอบปลาหมึกที่ไม่ใช่คนรักของน้องลม ปากบางฉีกยิ้มสมใจจนจะถึงใบหูเล็กๆ แล้วครับ ตาก็เป็นประกายวาววับเหมือนได้ของถูกใจ

“งั้นผมขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะครับ แล้วจะรีบตามไป”

“เร็วๆ นะครับคุณฟ้า เดี๋ยวปลาหมึกหมดซะก่อน” นั่นมีขู่ ผมว่าไม่ต้องรอให้น้องลมขู่ คุณฟ้าก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไปแล้วครับ เหมือนเด็กไม่มีผิด

“พี่หมอครับ”

“ครับ”

สงสัยครับว่าเรียกทำไม ทำเสียงหวานกับตาเป็นประกายด้วย น่าจะห่วงความปลอดภัยแล้วก็ความสุขของผมด้วยก็ดีนะครับน้องลม คนของตัวเองชอบฟาดหัวฟาดหางซะด้วย ไม่ได้กลัว ให้ต่อยกันผมก็สู้ได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่ไม่อยากมีปัญหาครับ เพราะมันกระทบหลายฝ่าย

“คุณฟ้าน่ารักดีนะครับ”

“ครับ” อืม เข้าใจล่ะ

“ผมอยากให้พี่หมอเจอคนดีๆ อยากให้พี่หมอมีความสุข อยากให้พี่หมอ......”


“เดี๋ยวพี่ตามไปนะครับ” ผมไม่รอให้น้องลมพร่ำคำพูดยาวเหยียดไปกว่านี้ครับ อย่างที่บอก ไม่อยากมีปัญหากับคนของน้องลม รายนี้น่ะ เข้าใจอะไรยากเหมือนกัน เดี๋ยวจะตีความหมาย “ความห่วงใย” ของน้องลมเป็นเรื่องของ “เยื่อใย” ที่ตัดไม่ขาดซะก่อน

คนขี้หึงก็เป็นแบบนี้ทุกคนครับ ผมเข้าใจ ผมมีเพื่อนแบบนี้เยอะ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ยกตัวอย่างเช่นอชิตะครับ ส่วนผม ไม่ใช่คนขี้หึงอะไร เรียกว่าเป็นพวกขี้เหงามากกว่า

“ตินหิวปลาหมึกแล้วนะครับลม ไปกันได้ยัง” นั่นกระชากเสียงซะ ตาเริ่มขวางครับคนของน้องลม

“ก็กลับไปก่อนสิ”

“ก็กลับไปด้วยสิ”

“ติน!”

“ลม~~”

คนหนึ่งขึ้นเสียงแบบรำคาญ ส่วนอีกคนก็ลดเสียงต่ำเหมือนอ้อน เอาเข้าไปครับ อยากจะงอน อยากจะง้อก็ตามสบาย ผมไม่สนใจล่ะ

“เดี๋ยวพี่ตามไปนะครับ” ว่าแล้วก็ปิดประตูเลยครับ ใช่เรื่องที่ผมจะต้องทนดูคนรักเค้างอนง้อกัน

.
.
.
.
.
.
.

เฮ้ย!!!!!!!!!!

คุณฟ้า....

นะ...นั่น....มันคืออะไร

ไหนบอกว่าล้างหน้า.....

แล้วนั่น.......

ที่ผมเห็นคืออะไร.....


.
.
.
.
.
.

ห้องที่แบ่งส่วนของห้องน้ำไว้ด้านข้าง เป็นผนังเจาะทะลุ ไม่มีประตู มีเพียงกรอบไม้สีกลืนไปกับพนังกั้นเขต เมื่อเดินผ่านเข้าไปจะพบว่า ห้องอาบน้ำกับห้องสุขาแยกกันชัดเจน อยู่กันคนละฝั่ง มีบริเวณอ่างล้างมือกั้นกลางกับชั้นวางผ้าเช็ดตัว ส่วนของห้องสุขาอยู่ฝั่งซ้ายมือ มีประตูเปิดเข้าออก เพิ่มความเป็นส่วนตัวกับกิจธุระเบาๆ กับหนักหน่วง แต่ส่วนของห้องอาบน้ำที่อยู่ด้านขวามือนี่สิ แทบจะเปลือยเปล่าเพราะมีเพียงโมบายกิ่งไม้ห้อยยาวจนถึงพื้น

โมบายไม้ห้อยยาวถึงพื้น.....


....แค่นั้นเอง


คุณหมอสัตว์จะเป็นลม....

ให้ตายเถอะ....

คุณฟ้าช่วยระวังตัวหน่อยไม่ได้หรือไงคร้าบบบบบบบบบบบบบ...


...

ปล. จากคนเขียนค่ะ
เนื้อหาบางอย่างมีส่วนขัดกับเนื้อเรื่องในตอน 1-5 บ้างเล็กน้อย ขอคนเขียนกลับไปแก้ไขให้ตรงกันก่อนนะคะ อิอิ


ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
ขอกรี๊ดดดดดดหน่อย
มาต่อแล้ว :L2:
ไปอ่านก่อนนะ :กอด1:

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ขอกรี๊ดดดดดดหน่อย
มาต่อแล้ว :L2:
ไปอ่านก่อนนะ :กอด1:

กรี้ด ด้วยคน เพราะ อ่านแล้วให้ความรุ้สึกว่าคุรหมอนี่น่ารักอ่ะ  (สำเนียงทาทายัง)
เมื่อน้ำฟ้ามา  น้ำเหนือจงหลบไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะบอกว่าอ่านทันเเล้ว ฮิ้วววว
รักเธอ สนุกมากค่ะ

เเต่ตอนนี้รอ รัก เชิญครับ มากกว่า
รีบๆมาต่อนะ
รอทั้งคนเเต่ง
เเละคนโพส
จุ๊บๆ กอดๆ
 :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2011 22:19:48 โดย Rhythm »

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1: กอดคุณหมอแน่น ๆ  :3123: ให้กำลังใจคุณฟ้า สุดท้าย ขอบคุณคนเขียนนะคะ ที่แต่งเรื่องดี ๆ มาให้อ่าน
 :bye2: ติดตามอ่านต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
 :impress2:หายไปใหนตั้งนานมาบ่อยๆนะคะเค้าชอบคู่หมอกับน้ำฟ้าน่ารักดี :L1:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

ขอกรี๊ดด้วยคน มาแล้วว  :mc4:
คุณฟ้าน่ารักจังเลย ใสซื่อมากๆ
ไม่เข้าใจอีตานนท์ทิ้งไปได้ยังไง เฮ้อ
แต่ก็ขอบคุณที่คุณฟ้า เพราะทำให้ได้ใกล้ชิดคุณหมอ ฮ่าๆๆ
อ่านไปอ่านมา อืมมม .. หมอนุนี่ก็หื่นดีเนาะ  :m20:
เชียร์คุณหมอสุดใจ
รักกันเร็วๆนะคะ รออ่านตอนต่อไปจ้า

คนแต่งอย่าหายน้า
คิดถึงมากๆ +1 ให้จ้า จุ๊บบบ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
หุหุ เกือบไปแล้วนะหมอ ถ้าฟ้าไม่ละเมอเรียกชื่อนนท์อะไรจะเกิดขึ้น

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
หมอหื่นจัง ใครๆก็บอกว่าหมอเป็นดี แต่จริงๆหมออาจไม่ใช่ก็ได้หุหุ
ยังดีนะที่หมอยั้งไว้ทัน

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
อยากจะกี๊สสสสสแทนพี่หมอสัตว์
บวกจ้า

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ดันดัน :n1:


ที่ว่าดันดัน เนี่ยะ กดดันคนแต่งใช่ป่าว
คนโพสมะเกี่ยว ฮิ๊วๆๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 7 เมื่อไม่พูดแล้วจะรู้หรือ?ว่าต้องการอะไร?

“คุณหมอ....อ่า...อืม...จะ...อาบน้ำก่อนไหม....ครับ”

น้ำเสียงของผมไม่มั่นคงเท่าไหร่ มันตะกุกตะกักและเกร็งยังไงบอกไม่ถูก เมื่อผมก้าวออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย แล้วอ้าปากถามคนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง โซฟาเล็กๆ ตรงปลายเตียงก็มี ทำไมไม่นั่ง

คุณหมอน่าจะมองออกผ่านประตูกระจกไปยังชายหาดด้านหน้า ข้างนอกมืดแสดงเวลาของค่ำคืน หากก็สว่างไสวด้วยแสงจากโคมไฟสีส้มอ่อน ขับให้บรรยากาศดูโรแมนติคอยู่ไม่น้อย

ใช่...บรรยากาศมันดูโรแมนติคเหมาะกับคู่รัก

แต่...คงไม่ใช่กับผมและคุณหมอในเวลานี้

เพราะอะไรล่ะ...

ก็เพราะผมกับคุณหมอไม่ใช่คู่รักที่มาดูดดื่มบรรยากาศสุดแสนที่จะดี บนหาดทรายกับสายลมและหมู่ดาวสักหน่อย แล้วที่สำคัญเหตุการณ์ก่อนหน้านี้   เหตุการณ์ที่ทำให้ผมทำตัวไม่ถูก และเป็นเหตุการณ์ที่ทำผมอึ้งและคุณหมอช็อก

ผมอึ้ง  เพราะไม่เข้าใจอาการช็อกของคุณหมอ

มันอึ้งครับว่าทำไม  ผู้ชายคนหนึ่งเห็นผู้ชายอีกคนหนึ่งยืนอาบน้ำอยู่ใต้ฝักบัวในสภาพเปลือย ทั้งเนื้อทั้งตัวล้อนจ้อน  มีฟองแชมพูอยู่เต็มหัวและอาจไหลไปตามเนื้อตัว เวลาที่น้ำจากฝักบัวมันชำระฟองเหล่านั้นออกจากหัว  ถึงมีอาการยืนตัวแข็ง ร้องเสียงหลงออกมา

ถึงผมจะเป็นเกย์...

และ

คุณหมออาจจะเป็นเกย์

(ผมไม่ได้เก่งอะไรหรอกนะครับที่จะดูรู้ว่าผู้ชายคนไหนเป็นหรือไม่เป็น  อันนี้ผมแค่สันนิฐานตามข้อมูลที่เก็บได้จากการพูดคุยเมื่อตอนบ่าย)

แต่เราสองคนก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ เรื่องแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายด้วยกันเอง  มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายทั่วไปก็ทำกัน   กับเพื่อนผมก็แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันออกบ่อย  ไม่เห็นจะมีอะไรให้ต้องช็อกตาค้างเหมือนที่คุณหมอทำให้ผมเห็น  มันน่าช็อกตรงไหนแค่เห็นผมแก้ผ้าอาบน้ำ

ตอนที่คุณหมอร้อง ‘เฮ้ย’ ออกมา ร้องอย่างดัง ผมหันหลังกลับมามองว่าอะไรทำให้คุณหมอร้อง  ‘เฮ้ย’ ออกมาซะเสียงดังฟังชัดขนาดนั้น  แล้วก็พบว่าคุณหมอยืนตัวแข็งอยู่ตรงกรอบประตู อ้าปากค้าง ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก พอผมถามว่า  ‘เป็นอะไรไปครับคุณหมอ’ คุณหมอก็ส่ายหน้าอย่างเร็วและแรง จนผมกลัวว่าคอจะเคล็ดซะก่อน   แล้วรีบเดินออกไป ทิ้งให้ผมยืนยงอยู่นานกว่าจะคิดออกว่าอะไรเป็นสาเหตุให้คุณหมอมีอาการแบบนั้น

‘น่าจะช็อกเพราะเห็นผมแก้ผ้าอาบน้ำ’

ดีที่ผมไม่บ้าจี้ ร้อง ‘ว้าย’  ออกไปผสมโรงด้วย  คงได้ดูไม่จืด  ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยจะได้เขินอาย ร้องวี๊ดว้ายเมื่อมีผู้ชายเดินเข้ามาเห็นตอนเปลือย

ก็คนมันอาบน้ำจะให้อาบทั้งชุดเหรอครับ  มันต้องแก้ผ้าออกให้หมด อาบน้ำในสภาพเปลือยสิครับ แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของผมด้วยนะครับ มันเป็นความผิดของ  “มดหรือแมลงอะไรสักอย่าง”  ที่มันกัดผมจนขึ้นผื่นแดงตรงคอ ผมเลยต้องอาบน้ำ  จากที่ตอนแรกคิดว่าจะแค่ล้างหน้า เลยตัดสินใจอาบน้ำดีกว่า

แล้วห้องอาบน้ำของที่นี่ก็ไม่มีประตูปิดด้วย  มีแค่โมบายกิ่งไม้ที่ใช้แทนประตูทำให้ห้องอาบน้ำถูกกั้นเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น แต่นั่นแหละ  ถึงจะถูกกั้นให้ดูเป็นสัดส่วนสำหรับที่อาบน้ำ แต่มันคงโปร่งและโล่งสบายเกินไป เพราะด้านบนถูกมุงด้วยท้องฟ้ากว้าง (กำแพงห้องอาบน้ำสูงทั้งสามด้านนะครับ รับรองไม่มีใครถ้ำมองได้) ส่วนด้านในก็นั่นแหละครับ เดินเข้ามาก็เห็นได้ชัดว่าใครกำลังแก้ผ้าอาบน้ำท้าแดดท้าลมอยู่ เหมือนที่คุณหมอเห็น จนร้อง  ‘เฮ้ย!’  ออกมาทำเอาผมอึ้ง

ผมว่า...ผมชอบห้องน้ำแบบนี้นะครับ มันทำให้การอาบน้ำดูมีอิสระขึ้นอีกเยอะ แล้วอีกอย่างจากการดูสภาพห้องและสภาพเตียงแล้ว น่าจะเป็นห้องพักสำหรับคนเดียวมากกว่า หรือไม่ก็สำหรับคู่รักที่ไม่ต้องมีอะไรปกปิดกันอีกแล้ว...

แต่ระหว่างผมกับคุณหมอ เราสองคนเป็นแค่คนรู้จัก อย่าพูดถึงการเป็นคู่รักเลยครับ แค่ฐานะเพื่อนก็ไม่น่าจะใช่เลยด้วยซ้ำ

จากที่อธิบายมาทั้งหมด ถึงจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดผมที่อาบน้ำด้วยการแก้ผ้า ไม่ใช่ความผิดผมที่ไม่ปิดประตูตอนอาบน้ำ เพราะมันไม่มีประตูให้ปิด แต่สุดท้าย ผมก็ยังรู้สึกผิดต่ออาการช็อกของคุณหมออยู่ดี เลยเกิดอาการทำตัวไม่ถูกเอาตอนที่ก้าวเท้าออกมาแล้วเห็นคุณหมอนั่งหันหลังให้ผม

คุณหมอจะเข้าใจผิดไหม?  ว่าผมคิดจะยั่วคุณหมอ มันเป็นความคิดที่วูบขึ้นมาในบัดดล อยากจะแก้ความเข้าใจผิดของคุณหมอ ถ้าคุณหมอคิดแบบนี้จริงๆ  ถึงผมจะเพิ่งอกหัก ถูกทิ้งจากคนรัก แต่ผมก็ไม่คิดจะหาใครมาแทนที่นนท์หรอกนะครับ

ไม่รู้สิ...

บางครั้ง...

ผมก็คิดว่า

บางที....

นนท์อาจจะกลับมาหาผม  ‘ใครคนนั้น’  ที่ทำให้นนท์ทิ้งผมไป คนที่นนท์คิดว่ารักเขามากกว่าผม บางทีนนท์อาจไม่ได้รักใครคนนั้นก็ได้ มันอาจเป็นแค่ความหลง  ที่ทำให้นนท์  ‘หลงลืม’  ไปว่า ‘นนท์รักผมมากขนาดไหน’ ก็เป็นไปได้

ผมยังคงมีความหวัง...

ยังอยากอยู่กับความหวังต่อไป จนกว่าความหวังจะเป็นจริง

หวังว่านนท์จะกลับมา ในวันที่นนท์รู้ตัวเองว่า ‘ไม่สามารถรักใครได้มากเท่ากับที่รักผม’ เหมือนที่ผมรู้สึกเสมอว่า ‘นนท์เป็นรักแรกและจะเป็นรักสุดท้ายเช่นกัน’

แต่ตอนนี้ขอเลิกคิดเรื่องนนท์ มาจัดการกับคนในห้องก่อน

“คุณหมอจะอาบน้ำไหมครับ”  ผมถาม รอคำตอบ

“..........................” ไม่มีเสียงตอบรับ หรือว่าช็อกจนพูดไม่ได้ อันนี้ก็ตลกไปแล้วครับ ผมว่าน่าจะคิดหาคำพูดเอาไว้พูดกับผมมากกว่า

“คุณหมอครับ” เรียกอีกครั้งครับ ดังกว่าเดิมด้วย

“............................” อืม ยังคงนั่งนิ่ง

“.............................”

เมื่อไม่ตอบกลับมา ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร เลยเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเอาเสื้อผ้ามาใส่ ดีกว่ามายืนตัวเปลือยท่อนบนมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเป็นไหนๆ กลัวว่าคุณหมอหันกลับมาแล้วจะเกิด “มินิช็อก”  ขึ้นได้

คิดอีกที หรือคุณหมอจะกลัวว่าเกย์อย่างผม คิดจะทำมิดีมิร้ายคุณหมอ  ถ้าคุณหมอคิดแบบนี้จริงๆ ผมว่าคุณหมอคิดผิดถนัด อย่างผมจะทำมิดีมิร้ายใครได้ แค่ยั่วผมยังทำไม่เป็นเลย  กับนนท์เองก็ไม่เคยทำ ไม่รู้คนอื่นเขาทำกับยังไง ทั้งที่ผมไม่เคยซีเรียสกับเรื่อง  ‘อย่างว่า’  แต่เอาเข้าจริง ผมก็ยังไม่เคยมีอะไรกับนนท์เลยด้วยซ้ำ

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับนนท์ คบกันมาห้าปี เราสองคนไม่เคยมีอะไรกันเลย  ด้านนอกก็พอมีเป็นประจำตามประสาคนรักกัน  แต่ภายใน ไม่เคยสักครั้ง ผมยอมนนท์นะครับ ถ้านนท์จะทำเรื่องอย่างว่ากับผม  แต่นนท์ก็ไม่เคยเลย ทุกครั้งก็อยู่แค่การสัมผัส ไม่มากไปกว่านั้น

ไม่รู้เพราะนนท์ให้เกียรติผม หรือเพราะผมมันไร้มิติเกินไป  ไม่มีเสน่ห์พอที่นนท์อยากจะครอบครองหรือกลืนกิน...


“เฮ้อ~~” มันผ่านมาแล้วครับ คิดมากไปก็เท่านั้น

“เอ่อ...คุณฟ้า”

เสียงของคุณหมอที่เรียกชื่อผม แม้จะเบาแต่ก็ดังและฟังได้ชัดเจนในความเงียบของห้องครับ สงสัยผมถอนหายใจแรงไปหน่อย (แต่มันเบากว่าตอนที่ผมเรียกคุณหมออีกนะครับ) ทำให้คุณหมอรู้สึกตัว ผมหันกลับไปมอง สบเข้ากับสายตาของคุณหมอพอดี คุณหมอยืนอยู่ข้างเตียง

คุณหมอคงได้ “มินิช็อก” แล้วครับ จากสภาพที่เห็น หรือไม่ก็ลำบากใจที่เห็นสภาพผมที่ท่อนล่างใส่กางเกงขาสั้นพ้นเข่ามาหน่อย  แต่ท่อนบนยังอยู่ในสภาพเดิมคือเปลือยอกแห้งๆ ที่ไม่ค่อยจะมีกล้ามเท่าไหร่ของตัวเองอยู่ครับ

จะอะไรกันนักกันหนาครับคุณหมอ ผู้ชายเหมือนกัน ไม่เข้าใจคุณหมอเลยจริงๆ  หรือคุณหมอไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายคนอื่น

“ขะ...ขอ....โทษครับ” ว่าแล้วคุณหมอก็รีบหันหลังกลับ ผมไม่เข้าใจอีกแล้วว่าทำไมต้องขอโทษ แต่ไม่อยากพูดอะไรแล้วครับ ขอใส่เสื้อก่อน เดี๋ยวจะถูกเข้าใจผิดว่า ผมพยายามยั่วคุณหมอเยอะเกินไป

“คุณหมอครับ” ผมใส่เสื้อเสร็จแล้วครับ ถึงเรียกคุณหมอ แล้วเดินไปหา

“ครับ” น้ำเสียงของคุณหมอดีขึ้น เริ่มเป็นปกติ เมื่อเห็นผมแต่งตัวเรียบร้อย

เสื้อยืดสีขาวไม่มีลายกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า มันเป็นชุดที่เตรียมไปปาร์ตี้หน้าหาดที่มีของโปรดของผมรออยู่  แล้วก็เป็นชุดที่เตรียมนอนได้เลยครับ  แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะถ้ากลับจากปาร์ตี้ที่คุณลมกับคุณตินมาชวน ผมคิดว่ากลิ่นอาหารกับกลิ่นควัน แล้วก็ไอทะเลที่ถูกลมพัดมาจับตัวก็คงทำให้ผมเหนียวตัว จนต้องอาบน้ำอีกรอบ

นึกถึงเรื่องอาบน้ำ ผมจะทำให้คุณหมอช็อกอีกกี่รอบ แล้วคุณหมอเองล่ะ จะกล้าอาบน้ำไหม? ในเมื่อเราสองคนต้องใช้ห้องพักร่วมกัน

“ไปกันหรือยังครับ ว่าแต่คุณหมอจะล้างหน้าหรืออาบน้ำก่อนไหมครับ” ถามไปตามสเต็ปที่ดีครับ  ส่วนใจมันลอยไปอยู่หน้าหาดที่มีเตาปิ้งย่างอาหารทะเลตั้งแต่อาบน้ำเสร็จแล้วล่ะ  ท้องมันร้องเบาๆ เพราะทั้งวันท้องของผมมีแค่กาแฟปั่นตอนเช้า ขนม น้ำเปล่า  และน้ำกระเจี๊ยบตอนบ่ายตกถึงมันครับ ไม่หิวไส้ขาดก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ล้างหน้าก่อนก็ดีเหมือนกันครับ” คุณหมอว่า ดูเป็นคุณหมอแบบปกติที่ผมเคยเห็น อาการคล้ายช็อกหายไปแล้วมั้งนะ ผมคิดว่างั้น

“ครับ”

คุณหมอเดินผ่านหน้าผมไปห้องน้ำที่ไม่มีประตูปิด เป็นเพียงกรอบประตูโล่งๆ ผมเดินตาม พิงกรอบประตูรอ ขณะที่คุณหมอก้มล้างหน้าอยู่  เพราะเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กอยู่ที่ตู้ด้านบนเยื้องไปทางขวาของตัวอ่าง (ฝั่งห้องอาบน้ำ) ผมเลยเดินเข้าไปหยิบเพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณหมอ ล้างหน้าเสร็จจะได้เช็ดได้เลย

ผมติดนิสัยบริการมั้งครับ ตั้งแต่เล็กแล้วที่อยากจะทำอะไรให้คนอื่น ชอบเอาใจ ไม่ใช่อยากให้มีคนมารักนะครับ แค่รู้สึกดีที่ได้ทำอะไรให้คนอื่น ทำให้เขาสบาย ทำให้เขามีความสุข มันทำให้ผมมีความสุขกับเรื่องที่ได้ทำ มันกลายเป็นนิสัย ผมถึงชอบงานบริการไงครับ

“นี่ครับ”

คุณหมอรับผ้าจากมือผม พร้อมคำขอบคุณกับรอยยิ้มส่งมาให้

“คุณหมอครับ”

“ครับ”

“ผมคิดว่า....” เอาไงดีล่ะ ผมจะพูดอะไรดี คุณหมอก็เหมือนจะรอคำพูดจากผม

“ครับ” คนรอก็พยายามเร่งเอาเนื้อหาของเรื่องจากผม

“........................” ผมอยากจะพูดเรื่องห้องอาบน้ำนั่นแหละครับ  ไม่พูดไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ เรื่องใหญ่ซะด้วย สามวันกับสองคืนที่นี่ จะไม่ให้ผมอาบน้ำก็คงไม่ได้ จะให้ผมอาบน้ำทั้งชุดเสื้อผ้าเต็มยศก็คงไม่ได้เหมือนกัน จะให้นุ่งผ้าเช็ดตัวอาบน้ำก็คงไม่เข้าท่าหรอก...ว่าไหมครับ?

แต่ประเด็นคือ ผมจะพูดยังไงดี พูดให้เข้าใจตรงกัน หาบทสรุปที่ลงตัว?

“เรื่องห้องอาบน้ำน่ะครับ คือว่ามัน....” ในที่สุดผมก็บรรจงพูดออกมา แม้จะสะดุดอยู่แค่นั้น พร้อมกับชักชวนสายตาคุณหมอไปยังทิศทางของห้องเจ้าปัญหานั้น   เผื่อคุณหมอจะนึกเดาเอาเองได้

“........................”

เปล่าครับ คุณหมอก็ยังตั้งหน้าตั้งตา ส่วนผมก็พยายามกลั่นกรองคำพูดสุดฤทธิ์

“ถ้าคุณหมอไม่สะดวกใจ ผมย้ายห้องก็ได้นะครับ” น่าจะดีครับ ถ้าจะย้ายห้องไปพักเอง สะดวกทั้งเรื่องห้องน้ำ ทั้งเรื่องเตียง ผมจะได้ไม่นอนดิ้นจนถีบคนตัวโตกว่าตกเตียง

“ห้องพักมันเต็มหมดแล้วครับ ผมยังไม่ได้บอกคุณฟ้าหรือครับ”

แน่ล่ะ ถ้าบอกผมจะเสนอทางเลือกนี้เหรอ?

ห้องพักเต็ม เข้าใจนะว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด

“แต่.......”


“แต่อะไรครับ” คุณหมอย้อนถาม

เหอะๆ คุณหมอครับ พอผมแต่งตัวมิดชิดแล้ว  คุณหมอก็กลับเป็นคุณหมอมาดนิ่งเหมือนเดิมเลยนะครับ ชักไม่เข้าใจกับคนสองบุคลิกอย่างคุณหมอ

“แต่เรื่องห้องอาบน้ำน่ะครับ ผมเกรงใจคุณหมอ”  ทั้งที่ไม่ควรเกรงใจเลย มันความผิดของผมก็เปล่า ถ้าจะผิดก็คงผิดที่ตกปากรับคำมาเที่ยวกับคุณหมอนี่แหละครับ  ใครจะรู้มาก่อนล่ะ ว่าห้องอาบน้ำไม่มีประตู

เฮ้อ....ไม่คิดครับว่าจะต้องมายืนคุยคร่ำเครียดกับเรื่องห้องอาบน้ำที่ไม่มีประตู ดูมันไร้สาระไปนิด

“เรื่องนั้น...” คุณหมอพูดแค่นี้แหละครับ เป็นอันรู้ว่าเข้าใจว่าผมต้องการสื่ออะไร

“ครับ ผมขอโทษที่ทำให้คุณหมอตกใจ” ใช่เลยครับ เรื่องนั้นที่ทำเอาคุณหมอช็อกไงครับ

“ ผมต่างหากครับที่ต้องขอโทษ คือ....คือไม่คิดว่าจะ......”

ละทิ้งไว้ในความเงียบที่เข้าใจตรงกันครับ ว่าคุณหมอไม่คิดว่าจะเจออะไร เจอผมแก้ผ้าอาบน้ำไงครับ   เหอๆ มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติซะหน่อย คุณหมอนั่นแหละทำให้มันผิดปกติเอง

“แล้วเราจะเอายังไงดีครับ” ผมถาม คือต้องการความชัดเจนครับ ตกลงกันให้เคลียร์ เอาให้รู้เรื่องว่าต้องปฏิบัติตัวแบบไหน ยังไงซะ คุณหมอก็เป็นเจ้าของห้อง ผมมันแค่คนที่ติดสอยห้อยตามมาเท่านั้น

เจ้าของห้องว่าไง ผมก็ว่าตาม

ให้อาบน้ำทั้งเสื้อกางเกง...ก็คงต้องทำตาม

“หรือจะให้ผมอาบน้ำทั้งชุด” คำถามมันงี่เง่าไหมครับ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนถามแบบนี้   แล้วดันมาเป็นผมเองที่ถามซะด้วย ช่างมันเถอะครับ   มันก็งี่เง่าตั้งแต่ตั้งประเด็นตกลงกันเรื่องห้องอาบน้ำที่ไม่มีประตูแล้ว

คุณหมอหลุดขำนิดๆ ตอนได้ยินทางเลือกที่ผมเสนอไป

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ”

“แล้ว....” ทิ้งเอาไว้ให้คุณหมอช่วยต่อครับ คิดต่อไม่ได้แล้ว แต่ถ้าไม่เคลียร์ มันก็ไม่ได้ครับเพราะผมกับคุณหมอต้องใช้ห้องร่วมกันอีกตั้งสองวัน

“เวลาคุณฟ้าอาบน้ำก็ช่วยบอกผมหน่อยละกันครับ   ผมจะได้ไม่เข้าไปรบกวน ส่วนเวลาที่ผมอาบ ผมก็จะบอกคุณฟ้าเหมือนกัน ดีไหมครับ”

“ครับ ก็ดีครับ”

อืม...ทางเลือกของคุณหมอใช้ได้ ทำง่าย ทำได้จริง ทำไมผมคิดไม่ถึงนะ เป็นอันว่าบทสรุปเรื่องห้องน้ำของผู้ชายสองคนจบลงด้วยดี พร้อมกับอาการหิวไส้จะขาดเกิดขึ้นทันที

“หิวหรือครับ” คุณหมอถาม

“ครับ หิวมาก” ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย มันฟ้องทางเสียงที่ดังมาจากท้อง ขายหน้ามาก แต่ช่างมันเถอะครับ ไม่คิดอะไรแล้ว ตอนนี้หิวจัด หิวมากๆ

“ไปครับ” คุณหมอว่า แล้วเดินนำผมออกไป

.
.
.
.
.
.
.
.

“คุณฟ้าครับ”

เอ๋?...ยังไงกันครับ กำลังจะออกจากห้อง คนตัวใหญ่กว่าผม หนากว่าผมก็หยุดกึก มือที่เปิดประตูก็ดึงประตูปิดซะงั้น

“ครับ”

คุณหมอหันหลังกลับมา แทบจะชนผม ดีที่ผมขยับถอยออกมาทัน ใบหน้าคมเข้มของคุณหมอดูจะมีเรื่องให้คิดและเครียดอยู่ไม่น้อย คิ้วเข้มแทบจะชนกัน

“ผมมีเรื่องอยากรบกวนคุณฟ้า” ฟังจากเสียง ดูจากท่าทาง คงเป็นเรื่องที่หนักหนาพอสมควร แล้วเรื่องอะไรล่ะ

“....................”

ผมรอฟังเรื่องของคนที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่หลายอึดใจ แต่คุณหมอก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาซะที หรือกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ก็ไม่รู้ แต่สุดท้าย คุณหมอก็บอกเพียงว่า

“ไม่มีอะไรครับ”

ไม่มีอะไรเนี้ยนะ มันต้องมีสิครับ ดูก็รู้ว่ามันต้องมี

ผมมองหน้าคุณหมอ เค้นเอาเรื่องที่คุณหมอจะพูด แต่คนตรงหน้าก็เปลี่ยนเรื่องไปเสีย

“ไปเถอะครับ”

“ครับ”

ไปก็ไปครับ ผมก็ไม่ใช่คนพูดยากอะไรอยู่แล้ว คุณหมอไม่อยากพูด ต่อให้เอามีดมาจิ้มคอก็คงไม่ยอมพูดหรอก

.
.
.
.
.
.
.
. มีต่อ
v
v
v

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
เดินไปถึงหน้าหาดแต่ยังไม่ถึงสะพานไม้ที่ยื่นไปในน้ำทะเลสถานที่จัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่ดูแล้วน่าจะมีแค่พวกเพื่อนของคุณหมอสี่คน กลิ่นหอมของอาหารทะเลลอยมาเตะจมูกไปถึงท้อง มันหอมชวนหิวมาก

“คุณฟ้าครับ”

อีกแล้วจู่ๆ คุณหมอก็หยุดเดิน ทำเอาผมต้องหยุดด้วย สายตาที่ผมมองผ่านแสงสีส้มอ่อนจากโคมไฟตรงบันไดหลายขั้นของสะพาน บอกความลังเลใจในสิ่งที่กำลังคิดหรือกำลังจะทำ

“ครับ”

นึกจะขำก็คงขำไม่ออก ระหว่างผมกับคนตัวโตเจ้าปัญหา ที่พูดน้อยกันทั้งสองคน มักจะได้ยินเพียงประโยคซ้ำๆ ว่า

‘คุณหมอครับ’

‘คุณฟ้าครับ’

แล้วคำขานรับที่เหมือนกันว่า

‘ครับ’

ฟังดูแล้วอาจจะน่าเบื่อ แต่ทำไงได้ คนพูดน้อยสองคนมาเจอกัน แค่คนรู้จักกันเฉยๆ ไม่ใช่เพื่อนหรือคนสนิท จะให้พูดจ้อ น้ำไหลไฟดับ พูดคล่องจนชินปากก็คงเป็นไปได้ยาก

...ยากเกินไปล่ะมั้ง
“ครับคุณหมอ คุณหมอมีเรื่องอะไรพูดมาเถอะครับ จะให้ผมช่วยอะไรก็บอก ผมเต็มใจช่วยครับ”
ช่วยบอกผมทีเถอะครับคุณหมอ ผมจะได้ไปกินซะที อันนี้ผมคิดในใจครับ ไม่กล้าพูดออกมา ความเกรงใจของผมก็ยังมีอยู่
คุณหมอมายืนทำหน้าเครียด พาเอาผมเครียดไปด้วย    คนพูดน้อยก็ใช่จะไม่พูดอะไรเลยนะครับคุณหมอ ได้แต่บ่นในใจครับ ไม่เข้าใจว่าคุณหมอเป็นอะไร มาเที่ยวนะครับ ไม่ได้มารบ ทำท่าทางซะ

“ผมอยากให้คุณฟ้า.....”

ลุ้นๆ ครับว่าจะให้ผมช่วยอะไร ถ้าผมช่วยได้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็เต็มใจเสมอครับ ตอบแทนที่คุณหมอชวนมาเที่ยวฟรีแบบนี้ (หวังว่าคงไม่เรียกเก็บเงินกับผมตอนกลับนะครับ)

“ช่วย.....”
อืมนะคุณหมอ มาทีละคำเลย
“ช่วย?” คิ้วผมกระตุกสูง แสดงอาการอยากรู้
“ช่วย....”

ไม่เข้าใจครับ คุณหมอจะละไว้ในประโยคที่ไม่เข้าใจทำไม  ผมไม่เข้าใจครับ มันพูดยากหรือไงครับ  ‘ช่วย’ อยู่นั่นแหละ   พูดน้อยก็ไม่ได้แปลว่าต้องพูดน้อยคำตามไปด้วยนะครับคุณหมอ  ถ้าผมบอกว่าชักจะรำคาญคุณหมอสัตว์คนนี้เข้าให้แล้ว จะเป็นเรื่องน่าเกลียดเกินไปไหม?

คงไม่มั้ง...เพราะคุณหมอไม่รู้ว่าผมรำคาญไอ้อาการพูดน้อยคำของคุณหมอเลย

“ช่วย....”

“ช่วยอะไรครับ” รู้สึกว่าตัวเองทำเสียงแข็งมากตอนถาม อารมณ์รำคาญ บวกอารมณ์หิว กลิ่นหอมของปลาหมึกที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตร มันยั่วความอยากอยู่ครับ

“ช่วย....” มันพูดยากนักหรือไงคุ๊ณณณหมอสัตว์  ผมอยากตะโกนถามให้ก้องหาด
“ช่วยอะไรครับ” ผมถามย้ำเหมือนที่คุณหมอเอาแต่พูดว่า “ช่วย”

ถึงผมจะใจเย็นอย่างที่สาวยีนพูด
ถึงผมจะใจดีอย่างที่เด็กแดนบอก
แต่ผมก็ปุถุชนคนเดินดินทั่วไปครับ มีโกรธ มีโมโห เป็นของธรรมดา ใครมาทำให้รำคาญมากๆ ก็ของขึ้นได้เหมือนกัน เหมือนที่คุณหมอกำลังทำอยู่นี่ไงครับ

“คุณหมอจะให้ผมช่วยอะไรก็บอกมาตรงๆ ครับ ต่อให้คุณหมอบอกให้ผมลุยน้ำไปจับปลาตอนนี้ ผมก็จะทำให้ครับ”

ประชดนะครับ ประชัด ไม่คิดจะทำอย่างที่พูดหรอก ขืนคุณหมอเอาจริง ผมคงแย่ เหอๆๆ   ใครจะบ้าไปจับปลาด้วยมือเปล่า ว่ายน้ำไม่เป็น เล่นได้แต่น้ำตื้นๆ (เหมือนเด็กครับ) แถมกลางคืนอีกต่างหาก ใครจะกล้า

“ไม่รุนแรงถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณฟ้าก็พูดเกินไป” คุณหมอพูดปนขำครับ ค่อยยังชั่วที่คิ้วเข้มลดดีกรีการชนกันลงมาหน่อย คำประชดของผมใช้การได้ดีเกินคาด ทำคุณหมอยิ้มออกมาได้

“แล้วคุณหมอจะให้ผมช่วยอะไรล่ะครับ”
“ช่วย....”
อืม...เข้าใจละว่า ผมไม่มีเวลามายืนฟังคำว่า ‘ช่วย’ ของคุณหมอทั้งคืนแน่ๆ
“เอาเป็นว่า ก่อนนอนคุณหมอค่อยบอกนะครับ ว่าจะให้ผมช่วยอะไร”
“มันไม่ทันสิครับ”
“ทัน?”
ทันอะไร?
“เรื่องที่ผมอยากขอให้คุณฟ้าช่วย”
“งั้นก็พูดมาสิครับ”
“คือ....”
“คืออะไรครับ” พูดไปก็กลอกตาขึ้นไปมองฟ้าแทนการมองหน้าคุณหมอ จรรโลงใจกว่ากันเยอะ

กลุ่มดาวบนฟ้าอีกฟากหนึ่งสวยดีครับ จันทร์เสี้ยวเล็กๆ ก็สวยไม่แพ้กัน น่ายืนมองจนพระอาทิตย์ขึ้นเลยนะครับ แต่หน้าหล่อๆ ของคุณหมอสัตว์ เจ้าของคลินิกข้างร้านกาแฟเชิญครับของผม  มันช่างต่างจากดวงจันทร์กับดวงดาวบนท้องฟ้าสิ้นเชิง  ผมคงไม่อยากยืนจ้องหน้ากับคุณหมอ  เค้นเอาอะไรออกจากปากจนถึงเช้าหรอกนะครับ

“คือ....”

คุณหมอเริ่มเปลี่ยนจากคำว่า ‘ช่วย’ เป็นคำว่า ‘คือ’
เปลี่ยนคำ แต่บทบัญญัติคงเหมือนเดิม
“ถ้าคุณหมอไม่พูด ผมไปแล้วนะครับ ผมหิว หิวมาก หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว”

ย้ำครับ ย้ำให้เห็นว่าผม ‘หิว’ มากกกกกกกกกกก หิวจนจะกินช้างอย่างคุณหมอได้ทั้งตัวครับ ถ้ายังจะพูดอยู่แค่ไม่กี่คำ เป็นไม่กี่คำที่ไม่รู้เรื่องซะด้วย

อยากให้ช่วยอะไรก็บอกสิครับ ผมไม่ได้มีพรายไว้คอยกระซิบนะครับ ชักฉุน โมโหด้วย ทั้งที่ผมออกจะเป็นคนใจเย็นใจดี ไม่เคยโวยวายใส่ใคร กับนนท์เอง ผมยังไม่เคยเลยครับ คุณหมอเป็นผู้โชคดีรายแรกของผมละมั้ง

รายแรกจริงๆ ที่ทำเอาผมโมโหได้ (แต่ก็เก็บอาการนะครับ ไม่อยากเสียมารยาท)

อย่างว่าล่ะครับ ผมเป็นคนมีเพื่อนน้อย คนที่รู้จักสนิทสนมก็มีบ้างแต่ไม่มาก เจอลูกค้าเยอะแยะก็จริง แต่มันก็แค่คนรู้จัก คนขายกับคนซื้อ เจ้าของร้านกับลูกค้า ไม่ได้มีเวลามานั่งกินนั่งเที่ยวด้วยกัน ไอ้ที่จะได้มายืนพูดกันเหมือนที่ผมคุยกับคุณหมออยู่เนี้ย ไม่มีเลยครับ เพราะไม่มีเลยนี่ล่ะครับ ทำให้คุณหมอสัตว์เป็นผู้โชคดีรายแรกของผม

“ใจเย็นครับ”
รู้ด้วยว่าผมใจร้อน
“บอกมาสิครับจะให้ผมช่วยอะไร  ผมไม่มีเวลายืนรอคุณหมอจนเช้านะครับ”  ผมกอดอกล่ะครับ กลิ่นปลาหมึกย่างไข่เต็มท้องลอยมาเตะจมูกเตะท้องอีกแล้ว

อยากกินมากกกกกกกกก...............

“คุณฟ้าช่วย....”
นั่นมามุขนี้อีก ไม่ทนแล้วครับ ทิ้งแขนลงอย่างขัดใจ กะจะเดินหนี ทิ้งให้คุณหมอจมอยู่กับความเครียดของคุณหมอคนเดียวเถอะ ผมไม่เอาด้วยแล้ว กำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดสะพานครับ แต่มือใหญ่คว้าหมับที่ต้นแขน รั้งให้ผมหยุดอยู่แค่ขั้นบันไดขั้นแรก ก่อนที่มือใหญ่นั้นจะเลื่อนลงเรื่อยๆ ไปจนสุดท้ายที่มือของผม

ผมมองตามการกระทำนั้น พยายามจะเข้าใจเจ้าของมือใหญ่ที่จับมือผมเอาไว้ แล้วกระชับให้แน่นกว่าเดิม เหมือนกลัวถูกผมสลัดหลุด

“ว่ามาครับ แต่ถ้าคุณหมอจะเอาแต่พูดคำว่า ‘ช่วย’ อยู่แค่คำเดียวละก็ ผมจะไม่ใจเย็นอีกแล้วนะครับ” ขู่ซะหน่อย ใจเย็นมามากแล้ว

เข้าใจนะครับว่าคุณหมอคงมีเรื่องอยากขอให้ผมช่วยจริงๆ   ไม่งั้นคงไม่ทำหน้าตาเคร่งเครียดซีเรียสแบบนี้ คิ้วเข้มก็พันกันยุ่ง ท่าทางน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย

“คือ....”
“คำว่า ‘คือ’ ก็ไม่เอาครับ”
“................................”
“มันยากที่จะพูดหรือครับคุณหมอ” เป็นคำถามที่ไร้อารมณ์มากจากปากของผม คนซึ่งไร้อารมณ์มากในตอนนี้
“ยากเหมือนกันครับ”
“ยากนักก็ไม่ต้องพูด” จากอาการไร้อารมณ์ก็เปลี่ยนมาเป็นเพลียเหลือเกินครับ
..........................” คุณหมอยืนนิ่ง เบือนหน้าไปอีกทาง
“เฮ้อ~~~” เริ่มอ่อนใจจนไร้คำพูดใดๆ พอจะดึงมือตัวเองออก คุณหมอก็ไม่ยอมปล่อย
“..............................”
“มันนานแล้วนะครับคุณหมอ”
“..............................”
“คุณหมอครับ ขอร้องล่ะครับ พูดมาเถอะครับ ถ้าไม่พูด ผมจะรู้ไหม แล้วผมจะช่วยคุณหมอได้ไหม”
“คุณฟ้ารับปากผมก่อนนะครับว่าจะช่วยผม” เป็นประโยคที่น่ายินดีมากครับ คุณหมอสัตว์พูดออกมาแล้ว เหอๆ
“ครับ”
“..........................”
ผมรับปากแล้วยังจะอะไรอีกครับคุณหมอ ยังไม่ยอมพูดอะไรอีก มันยากเย็นเข็ญใจขนาดนั้นเลยหรือไง ถึงพูดออกมาไม่ได้
“ผมไปแล้วนะครับ”
“........................”

ว่าจะเดินหนี แต่แรงยึดตรงมือจากมือหนาของคุณหมอ ทำให้ผมทำได้แค่ขยับตัวแต่เดินหนีไปไหนไม่ได้ เกินครึ่งชั่วโมงแล้วมั้งที่ยืนเดาใจคุณหมออยู่ตรงนี้

ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ
“คุณหมอครับ จะพูดก็พูดสิครับ” ขอบอกว่าผมพูดเสียงดังมาก คุณหมอถึงกับสะดุ้ง
“คุณฟ้าช่วย.....”
อืมมม จะมาแบบเดิมอีกไหม แต่คราวนี้คงไม่แล้ว เพราะประโยคเต็มตามมาเมื่อผ่านไปประมาณสองวิ
“คุณฟ้าช่วยให้ผมจับมือคุณฟ้าจนไปถึงที่นั่นได้หรือเปล่า?”
‘ที่นั่น’ ตามสายตาของคุณหมอที่ผมมองตาม มันคือลานไม้ขนาดใหญ่พอประมาณท้ายสะพาน สถานที่ที่ปลาหมึกย่างรอผมอยู่

‘ที่นั่น’ ผมก็พอเข้าใจนะครับว่าหมายถึงอะไร แต่ไอ้ที่ไม่เข้าใจคือ ‘ทำไมต้องจับมือผม ทำไมต้องให้ผมช่วยด้วยการปล่อยให้คุณหมอจับมือ’

สมองที่คิดแต่เรื่อง ‘บริการ สูตรกาแฟ สูตรขนมและเค้ก’ ของผมกำลังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

‘?’

สมองที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม มันคงไหลไปรวมอยู่บนหน้าของผมในเวลาต่อมา จนคุณหมอเห็นได้ชัดผ่านแสงโคมไฟสีส้มอ่อน

ประสาทหูของผมก็ได้ยินคำบอกของคุณหมอที่ยาว ยาวมาก คลอเคลียไปกับเสียงคลื่นตีม้วนเข้ามาซัดกับหาดยามค่ำคืน

“ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงนะครับ เรื่องมันซับซ้อน   เอาเป็นว่า ผมอยากให้คุณฟ้าช่วยแกล้งเป็นแฟนกับผม เอ่อ...ไม่ถึงขั้นแฟนก็ได้ครับ เป็นแค่คนที่กำลังดูๆ กันอยู่   ประมาณว่าผมกำลังจีบคุณฟ้า ส่วนคุณฟ้าก็โอเคกับผมอยู่ไม่น้อย เราสองคนกำลังไปกันด้วยดี ที่ผมชวนคุณฟ้ามาวันนี้ก็เอามาเปิดตัวกับเพื่อนๆ ให้คุณฟ้ารู้จักกับเพื่อนของผม”

คุณหมอพูดยาวมาก แต่ผมไม่เก็ท ประโยคมันดูขัดๆ  กับการรับรู้ของผม แล้วคุณหมอจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร

“คุณฟ้าครับ ช่วยผมหน่อยนะครับ”
“....................” นิ่งสงบ พร้อมกับคิดไม่ตก
“คุณฟ้ารับปากว่าจะช่วย” นั่น มีทวง
“ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่ช่วย แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้   คุณหมอกำลังบอกให้ผมโกหกทุกคน พวกเขาเป็นเพื่อนคุณหมอนะครับ  เมื่อตอนกลางวันผมก็บอกเพื่อนของคุณหมอไปแล้วว่า ผมกับคุณหมอเป็นแค่คนรู้จักกัน คลินิกสัตว์ของคุณหมออยู่ข้างร้านกาแฟของผม  แล้วจะให้ผมกลับคำพูดหรือครับ เพื่อนคุณหมอเขาจะเชื่อเหรอ”

“เรื่องนั้นไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการบอกเพื่อนๆ เอง คุณฟ้าแค่พยักหน้าเออออตามที่ผมพูดแล้วกัน เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะครับ” คุณหมอรีบตัดความ ตัดปัญหาความไม่เข้าใจของผม ด้วยการจูงมือผมเดินขึ้นสะพานตรงไปหากลุ่มเพื่อนของคุณหมอ

ยิ่งใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นๆ
ยิ่งใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นหอมชวนหิวของปลาหมึกย่าง
ยิ่งใกล้ก็ยิ่งทำให้ผมบอกกับตัวเองว่า “ช่างมันเถอะ แล้วแต่คุณหมอล่ะกัน ผมยังไงก็ได้”



…………………………………………………Happy ……………...................



 :impress2: :impress2:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2011 19:57:15 โดย Aphrodite »

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านทุกเรื่องเลยอ่ะ ...เเต่อชิตะกับคณิตนี้เเอบงงเล็กน้อยนะ 555 ......ตอนนี้ข รัก เชิญครับ ก่อนอ่ะ อิอิ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
คุณหมอเมื่อไหร่จะรุก
ซักทีอ่ำอึ้งอยู่นั้นแหละ :L2:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

อย่าว่าแต่คุณฟ้าเลย
ขนาดเรานั่งอ่านอยู่ ยังแอบรำคาญคุณหมอเลยเนี่ยะ
5555555  เป็นแฟนกันแล้ว(ถึงจะหลอกๆ)
ต้องมีหวั่นไหวแหงๆ >..<

รออ่านตอนต่อไปอยู่จ้าาา

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
เอ๊ย หมอ ไม่ได้ดั่งใจอ่ะ
กว่าจะพูด
แล้วตอนขอเป็นแฟนไม่ยิ่งกว่านี้เหรอ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
แอบหงุดหงิดคุณหมอเหมือนกัน ยิ่งหิวอยู่ด้วย โมโหหิววุ้ย 555555

crazy Y

  • บุคคลทั่วไป
คุณหมอระวังไว้เห๊อะ  จะเจอ น้ำฟ้าภาคน้องเหวี่ยงถ้ายังอึกๆอักแบบนี้ :z2:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
กว่าคุณหมอจะพูดได้ ชักจะเริ่มรำคาญแทนฟ้าแล้ว

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 8 นี่คือคำถาม ที่ควรมีคำตอบ

สวัสดีครับ ผมหมอพิษณุ หมอสัตว์ หรือ สัตวแพทย์  ชายหนุ่มที่มีคลินิกสัตว์เป็นของตัวเอง  มีครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณพ่อซึ่งเป็นนายพล เกษียณอายุเมื่อปีที่แล้วกับคุณหญิงแม่ อดีตหญิงสาวผู้เพรียบพร้อมจากตระกูลผู้ดีเก่า ท่านทั้งสองเจ้าระเบียบและมีกฏเกณฑ์การใช้ชีวิตให้กับลูกๆ ปฏิบัติ  แต่ไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายกับการดำเนินชีวิตของลูกแม้แต่คนเดียว  ผมมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ผมเป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายและน้องสาว มีหลานวัยน่ารักอยู่ 5 คน ชาย 4 คนและหญิง 1 คน แต่ผมกลับไม่มีพี่สะใภ้และน้องเขยอยู่ร่วมบ้านแม้แต่คนเดียว เรียกว่าไม่มีเลยมากกว่า  เพราะทั้งพี่และน้องของผมเป็นโสดกันทั้งคู่ หลาน 4 คนก็ใช้นามสกุลท่านนายพลกันทั้งนั้น

ผมหมอพิษณุ หนุ่มวัย 29 ปีเต็มกับอีก 3 เดือน 15 วัน   ผู้ชายที่เคยโสดสนิท ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นวัยรุ่น และขยับถึงวัยหนุ่มย่าง 30 ในอีกไม่ถึง 9 เดือนข้างหน้า เคยผ่านประสบการณ์ความรักกุ๊กกิ๊กแต่ไม่เคยขึ้นขั้นเรียกว่าแฟน เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแต่ก็แค่เพียงผ่านแล้วแยกจาก ผมไม่ใช่คนเลวร้ายหรือนิสัยแย่ที่ฟันแล้วทิ้ง แต่คนสองคนลึกซึ้งกันได้  ในขอบเขตที่เรียกว่า      ‘ความสมยอม’  ตามประสาวัยรุ่นและวัยหนุ่ม กับการเข้าสังคมร่วมกับกลุ่มเพื่อนที่มันต้องมีเรื่องอย่างว่านี้บางให้ไม่เสียชาติเกิด  หรือจะพูดว่า ไม่ให้เสีย ‘ชาติชาย’ ก็ได้

ผมไม่เคยคบกับใครจริงจังถึงขั้นที่เรียกว่า ‘แฟน’ หรือคนที่คิดจะจริงจังไปจนถึงขั้นมีอนาคตร่วมกัน เพราะที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเจอคนที่ ‘ใช่’ เลย จนกระทั่งมาเจอน้องลม...

ความรู้สึก ‘ใช่’ มันพุ่งตรงสู่ขั้วหัวใจ ราวกับกามเทพน้อยจับคันธนูแล้วปักลงบนอกอย่างเต็มแรง

ความรู้สึกที่ ‘ไม่เคย’ เกิดขึ้นกับใคร แล้วเป็นความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นกับคนที่เรียกว่า ‘ผู้ชายเหมือนกัน’ เหมือนที่เพลงรุ่นคุณปู่  คุณย่า คุณพ่อคุณแม่ ที่ร้องไว้ว่า

“ความรักศักดิ์ศรี

รักไม่มีพรหมแดน

รักไม่มีศาสนา

แม้นใครบุญญาได้ครองกันมา

พรหมลิขิตพาชื่นใจ”


น้องลมทำให้ผมรู้สึกเหมือนบทเพลงท่อนนี้ในเวลานั้น และในเวลาต่อมา เพียงไม่นาน น้องลมก็ทำให้ผมรู้ซึ้งกับบทเพลงนี้ในอีกท่อนหนึ่ง

“รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ

ความรักเช่นนั้นให้โทษ

จะไปโกรธโทษรักไม่ได้

ไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแน่ไซร้รักจึงได้แรมลา”

ความรักของผมที่เคยให้น้องลม ไม่ได้ดันทุรังจนไม่เห็นความเป็นจริง   ไม่ได้เต็มไปด้วยโทสะเมื่อความไม่สมหวังฉายอยู่ตรงหน้า  ไม่ได้โลดแล่นด้วยความโกรธที่ขาดการยับยั้งช่างใจ เมื่อน้องลมไม่ได้รักผม ผมจะโกรธ จะโทษ น้องลมกับความรักนั้นได้ยังไง  ผมรู้ว่าผมควรทำอะไร ถอยออกไปพร้อมกับการตัดใจ ในเมื่อระหว่างผมกับน้องลม ไม่สามารถเป็นคำว่า ‘เรา’ ได้

“คู่ใครคู่เขา รักยังคอยเฝ้าชม คอยภิรมณ์เรื่อยไป”  เหมือนที่  “น้องลมคู่กับติน และยังคงรักกันด้วยดี”

ส่วนผมก็คงได้คู่กับใครคนหนึ่งที่กำลังยืนคุยอยู่กับใครอีกคนหนึ่งหน้าเตา  แม้จะเป็น ‘คู่กำมะลอ’ แต่ยังดีกว่าไม่มีคู่ใช่ไหมครับ

‘คู่กำมะลอ’ ระหว่างผมกับคุณฟ้า เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ประมาณชั่วโมงหนึ่ง คำขอร้องที่เอ่ยบอก   ไม่ได้บอกรายละเอียดให้เจ้าของร้านกาแฟข้างคลีนิกของผมได้รู้   ผมคงไม่มีเวลาอธิบายเรื่องยืดยาวภายใต้ใบหน้าที่แทบจะกินหัวผมได้ของคุณฟ้า   และผมก็ยังไม่พร้อมจะบอกอะไรให้คุณฟ้าเข้าใจจริงจังในเวลานั้น

เจ้าของร้านกาแฟข้างคลินิกผมเป็นคนใจดี   นั่นเป็นเรื่องจริงที่ผมเคยเห็น แต่ในอีกด้านหนึ่งที่ผมเห็น ถึงได้รู้ว่าคนอย่างคุณฟ้าก็หงุดหงิดเป็น!

สรุปสุดท้าย ไม่รู้เพราะหิว เพราะโมโห หรือเพราะรำคาญ  เจ้าของร้านกาแฟข้างคลินิกของผมก็ตรงลง ทำให้ผมหายใจคล่องคอขึ้น   และน่าจะใช้อีกสองวันกับสองคืนที่นี้ได้อย่างสบายใจ แต่ไม่ลืมกำชับคุณฟ้าเรื่องที่ว่า หากมีใครถามว่าผมกับคุณฟ้าคบกันได้ยังไง  คบกันเมื่อไร   และอาจมีอีกหลายคำถาม ให้คุณฟ้าปัดมาที่ผมให้หมด

เพราะอย่างนี้ไงครับ ผมถึงต้องตกอยู่ในวงล้อมของคนอีกสามคน   เริ่มตอบคำถามหลายคำถามไปก่อนหน้านี้ โดยได้แต่แอบมอง  ‘แฟนคนแรกของผม’  ที่กำลังยืนเคี้ยวตุ่ยๆ  ใบหน้ามีความสุขอยู่ข้างเตากับคนรักของน้องลม ช่วยกันปิ้งย่างอาหารทะเล  ก่อนจะมีมาบริการพวกที่เอาแต่กินอย่างพวกผมสี่คน   แอบเห็นว่าความเงียบของตินช่างเข้ากับความพูดน้อยของคุณฟ้าได้ดี

ไม่ใช่ความเงียบที่รายล้อมอยู่รอบตัวคนสองคนนะครับ  แต่เป็นการพูดคุยกันแบบที่ไม่มีอาการติดขัดของคนที่เพิ่งรู้จักกัน  แม้ไม่ได้ยินเสียงว่าคุยกันด้วยเรื่องอะไร  น่าจะมีหลายเรื่องเพราะดูจากสีหน้ามีเปลี่ยนไปหลากหลายมาก  มีบ้างที่หยุดเพราะปากกำลังเคี้ยว เมื่อกลืนลงคอก็กลับมาคุยกันใหม่  ดูเป็นบทสนทนาที่ผมอยากเข้าไปร่วมรับรู้ด้วย

คนที่ผมกำลังแอบมองอยู่ห่างๆ เลิกคุย   แล้วหยิบจานที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลที่ปิ้งเสร็จ  เดินถือมาทางนี้ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะตรงหน้า

“นี่ครับ”  คุณฟ้าพูดแค่นี้ตามประสาคนพูดน้อย

“ขอบใจครับ น้องฟ้า”  อิงแย่งผมพูด  ส่วนหนึ่งมองหน้าคุณฟ้าแล้วยิ้ม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่  สุดท้ายคือน้องลมที่มองตามหลังคุณฟ้าไป   ไม่รู้ว่ามองคุณฟ้าหรือกำลังส่งความคิดถึงไปหาคนรักของตัวเองก็ไม่รู้ ผมว่าน่าจะอย่างหลังมากกว่า เพราะน้องลมหันกลับมาขอตัวไปหาคนของตัวเอง   หลังจากที่ก่อนหน้านี้ยิงคำถามใส่ผมซะพรุนไปแล้ว

น้องลมลุกไปแล้ว ไปยืนข้างติน ก่อนจะป้อนปลาหมึก (ผมคิดว่าเป็นปลาหมึกนะ) ให้คนรักถึงปาก

เห็นแล้ว.... ไม่ได้เจ็บเลยสักนิด อาการอกหักรักผิดหวังคงสลายไปจนไม่เหลืออะไรแล้วมั้งครับ


“แต่เมื่อตอนกลางวันคุณฟ้าบอกว่า คุณฟ้ากับคุณหมอเป็นแค่คนรู้จักกันนี่ครับ” ไอ้หนูจาไมมันถามขึ้นมาครับแล้วตามมาด้วยเสียงสนับสนุนจากเพื่อนของผม เจ้านายของเจ้าหนูจาไม

“นั่นสิ ฉันก็ได้ยินเหมือนหนึ่งเหมือนกัน มันยังไงแน่”

“ก็ตอนแรกไม่อยากบอก”  ผมตอบไปครับ  แต่กว่าจะตอบได้ก็หลังจากยกน้ำมีแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว  ลูกน้องเพื่อนผมก็ดีมากครับ รีบแย่งแก้วจากมือไปชงให้ใหม่ แล้วยื่นกลับมาให้ชนิดที่ว่าสีเข้มได้ใจ คงกลัวว่าผมจะไม่เมา  มองแก้วในมือของคนชงกับเพื่อนผม สีก็ไม่ต่างกัน

ผมกับเพื่อนคงไม่เท่าไหร่หรอก แค่นี้เบาๆ แต่ไอ้ลูกน้องเพื่อนเจ้าคำถามนั่นสิ ผมเป็นห่วง จากที่กินเที่ยวมาด้วยกันบ่อยๆ หนึ่งไม่ใช่คนคอแข็งเลย ต้องหิ้วกลับบ้านทุกครั้ง

“โหยยยยย....คุณหมอ คิดจะปิดกันว่างั้น”

“อืม” ตอบสั้นๆ ตอบมากกว่าจำที่พูดไม่ได้ครับ เลยต้องสั้นเข้าไว้  จะได้จำได้ง่ายว่าพูดอะไรไปบ้าง คนมันโกหกนี่ครับ มันเลยพูดอะไรยาวๆ ไม่ได้ เดี๋ยวลืม

“แล้วนึกยังไงครับถึงกลับลำ เอามาบอกพวกผมเนี้ย”

น้องหนึ่งครับ ใช้คำซะ เอาผมส่ายหน้า แต่ก็ยอมตอบความเท็จไป

“ก็ไม่อยากปิดไง”  ตอบง่ายๆ เข้าไว้ครับ ยังคงคอนเซ็ป ตอบสั้น กระชับ และง่าย กันลืม

“แล้วคุณหมอกับคุณฟ้า.......หรือยังครับ”

ดูลูกน้องสุดที่รักของเพื่อนผมมันพูด  แล้วมันก็ละคำตรงกลางไว้ให้เติมเอง

“เดี๋ยวเถอะๆ”  ผมชี้หน้า คาดโทษ แต่ไมได้จริงจังครับ   รู้ๆ กันอยู่ว่าลูกน้องของเพื่อน มันนิสัยแบบนี้แหละ สอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น   แถมยังทะลึ่งสุดกู่ ตัวเพื่อนผมก็เอาแต่หัวเราะครับ

“เอาแต่เดี๋ยวก็ไม่ทันการณ์ครับคุณหมอ เดี๋ยวไปเดี๋ยวมา เดี๋ยวก็หลุดมือเหมือนคุณลมหรอก แล้วอย่าหาว่าคณิตไม่ตื่น”  เจ้าตัวว่า

“เออน่า”

“เออน่า นี่หมายความว่าไงครับคุณหมอ หมายความว่า  ‘จัดการคืนนี้ง หรือเปล่าครับ”  ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทำหน้าหื่น หัวสมองน่าจะคิดไปไกล   จนผมอยากเคาะกะโหลก แต่เพราะเห็นหน้าตี๋ที่เคยขาวขึ้นสีแดงด้วยแรงเหล้ายิ้มจนตาหยี บอกอาการว่าเมาได้ที่แล้ว เลยไม่อยากทำอะไร

“เมาแล้วนะครับหนึ่ง”  อิงพูดดีกับลูกน้องเสมอ เป็นนิสัยครับ

“ไม่เมาๆๆ   ผมยังดื่มได้อยู่คร๊าบบบบอส”  คนไม่เมาแต่หน้าแดงเทือก  ลามไปจนถึงคอ ส่ายหน้าโบกมือบอก  แขนที่พ้นเสื้อยืดสีเหลืองขับผิวที่เคยขาว (ขาวมากตามแบบลูกคนจีน) ดูออกว่าแดงมากแล้ว

“เดี๋ยวผมมานะครับบอส คุณหมอ”  จู่ๆ หนึ่งก็พูดขึ้นมา แล้วลุกเดินไปที่สะพาน  น่าจะกลับเข้าไปที่รีสอร์ท ผมมองตามเห็นเจ้าของรีสอร์ทเดิมมาเจอกันพอดี  แล้วก็เดินกลับไปด้วยกัน เจ้าของรีสอร์ทพอคุ้นหน้าอยู่นิดหน่อย เคยไปนั่งดื่มเหล้าด้วยกันครั้งสองครั้งเพราะเป็นเพื่อนของหนึ่ง  แต่ไม่น่าใช่เพื่อนของติน เพราะสองครั้งที่เจอกันสองคนนี้ดูไม่กินเส้นกันตลอด ไม่รู้เพราะอะไร เห็นว่าหนึ่งต้องคอยกันคนทั้งคู่ตลอดเวลา สงสารหนึ่งเหมือนกัน นั่นก็เพื่อน นี่ก็เพื่อน

.
.
.
.

“แน่ใจว่าที่พูดมาเป็นเรื่องจริง?”   เลือกจังหวะถามได้ถูกมาครับคุณเพื่อน  อิงถามผมเสียงจริงจังหลังจากหนึ่งลุกออกไป

โดนคำถามนี้เข้าไป ผมรีบยกเหล้าสีเข้มขึ้นดื่ม  ไม่กล้าสบตาอิงมันเลยครับ เลยหันไปทางคุณฟ้าแทน คุณฟ้ากำลังสนุกอยู่กับการกินครับ  ไม่ได้สนใจคู่รักที่กำลังยืนป้อนน้ำป้อนหมึกกันตรงหน้าเลย

“ไอ้หมอ อย่าเงียบ”

“ไม่ได้เงียบ กำลังคิดหาคำตอบอยู่”

น่าจะรู้กันอยู่ว่าสิ่งที่ผมตอบคำถามก่อนหน้า ไม่ใช่ความจริง พูดง่ายๆ ผมกำลังโกหก

ผมกับอิงคบกันมานานมาก ตั้งแต่ประถม เรียนด้วยกันมาตลอด มหาลัยแม้จะอยู่กันคนละคณะแต่ก็มหาลัยเดี๋ยวกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน

เคยเห็นคนเขาพูดกันไหมครับว่า ‘มองตาก็รู้ใจ’ แต่ผมกับอิง ไม่ต้องใช้คำนี้มันเลยครับ เอาเป็นว่า ‘แค่ฟังเสียงก็รู้ไปถึงตับไตไส้พุง’ กันแล้ว

“แกกำลังโกหก?”

“ก็.....” ไปไม่ถูกครับ จะโกหกก็ทำไม่ได้

“นี่เพื่อนนะโว้ย” มือมันชี้หาตัวเอง

“อืม”

“อืม อะไร?”

“ก็อย่างที่แกเข้าใจ”

ผมถอนหายใจยาว จำใจพูดความจริงออกมา

“ฉันแค่ขอร้องให้คุณฟ้าแกล้งเป็นแฟนด้วย ไม่อยากโกหกนะโว้ย แค่...อืม...แค่ไม่อยากมีปัญหา  เข้าใจใช่ไหมอิง”

“เข้าใจ”  อิงพูดสั้นๆ แปลว่าเพื่อนผมมันเข้าใจครับ โดยไม่ต้องอธิบายอะไรมาก

“เข้าใจแล้วก็ช่วยห้ามหนึ่งด้วยว่าอย่างพูดทะลึ่งต่อหน้าคุณฟ้า เดี๋ยวเค้าจะทำตัวไม่ถูก”  ผมบอกกันเอาไว้ครับ กลัวลูกน้องของเพื่อนแผงฤทธิ์ กับผมไม่เท่าไร คนคุ้นเคยกัน ไม่ถือสา  แต่กับคุณฟ้า ผมกลัวคุณฟ้ารับไม่ได้

“เดี๋ยวจะคอยปรามๆ ให้”

“ขอบใจ”


“หนึ่งล่ะครับบอส”  ตินที่เข้ามาถาม น้ำเสียงไม่สู้ดีครับ

“เห็นหายไปกับคุณชิต”

“ชิต!”  เรียกว่าคำรามในคอเลยครับ ผมไม่เคยเห็นคนของน้องลมในภาคนี้ครับ ดูโกรธมาก แต่พอเดาสาเหตุออกครับ ตินไม่ชอบชิต แล้วหนึ่งหายไปกับชิต นี่แหละคือสาเหตุความโกรธ  แต่สาเหตุของเรื่องทั้งหมดผมไม่รู้

แล้วตินก็หันหลังเดินออกไป แต่ไม่ได้เดินกลับไปหาน้องลมนะครับ  ตินเดินไปทางสะพาน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ากำลังไปตามหนึ่งกลับมา

“ตินจะไปไหน?”

ผมได้ยินเสียงน้องลมตะโกนถาม แล้วตินก็ตะโกนตอบกลับมา

“เดี๋ยวติน ขอไปตามหนึ่งก่อนนะลม”

ผมว่าไม่ใช่แค่ตามตัวเพื่อนแล้วครับ ผมว่าน่าจะเกิดศึกชิงเพื่อนขึ้นแน่ๆ

“เอาอะไรเพิ่มอีกไหมครับ”  เป็นอีกครั้งที่คุณฟ้าถือจานอาหารมาให้พวกผม  จานสองใบกับอาหารเต็มจานที่คุณฟ้านำมาบริการถึงที่  ผมมองอาหารบนโต๊ะ (พวกของปิ้งย่างทั้งนั้น) มันเหลือเยอะมาก แปลว่าวงสนทนามีแค่เหล้าที่หมดไปหลายขวด แต่อาหารยังเหลืออยู่เต็ม

“ขอปลาหมึกเพิ่มครับ”

ไม่ใช่คำพูดผมนะครับ ผมไม่ใช่ประเภทพวกคลั่งปลาหมึก มันเป็นเสียงของไอ้คนที่ชอบกินปลาหมึกต่างหาก ใช่แล้วครับ อิงมันชอบกินปลาหมึกมาก   ถ้าสังเกตให้ดีปลาหมึกในจานที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ไม่มีเลยครับ เพราะโดนอิงจิ้มเข้าปากไปจนหมด

“ครับ” คุณฟ้ายิ้มรับ “เดี๋ยวผมไปปิ้งมาเพิ่มให้ครับ”


“น่ารักดีนะ”

ผมหันขวับไปมองคนพูด

“ว่าอะไรนะ” คิดว่าตัวเองน่าจะฟังผิด เพราะผมมัวแต่มองตามคุณฟ้าไป น่าจะสูญเสียประสาทการได้ยินไปมากหน่อย

“น่ารักดีนะ” ประโยคเดิมกับเมื่อครู่เป๊ะ เมื่อกี้ผมไม่ได้ฟังผิดไปจริงๆ

“คุณฟ้าหรือน้องลม”  รู้เลยครับว่าคำถามของผมมันช่าง...ใช้ไม่ได้เลย เมื่อไอ้เพื่อนสนิทที่สุด มันตอบกลับมา

“ไอ้หมอ ฉันไม่คิดว่าแกจะโง่  ฉันมีเหตุผลอะไรจะไปพูดถึงน้องลมวะ  คนกันเอง เห็นกันอยู่บ่อยๆ  จะชมทำขนุนอะไร”  เพื่อนผม มันพูดถูกครับ แต่ผมก็ไม่ได้โง่แค่แกล้งถาม

“อืม...”

“อืมอะไร? ยอมรับว่าโง่?”

“อืมที่ว่า คุณฟ้าน่ารัก พอใจยังวะ”  เป็นอีกครั้งที่ผมหลบตา เพราะอิงมันยิ้มอย่างรู้ทัน  ผมเลยแกล้งมองฟ้ามองอากาศไปทั่ว ท้องฟ้าคืนนี้สวยครับ ฟ้ามีจันทร์เสี้ยวเล็กๆ ลอยอยู่   ฟ้ามีดวงดาวน้อยใหญ่ประดับระยิบระยับ ป้องท้องฟ้าที่ไม่มีวันได้เห็นในกรุงเทพ

ฟ้าบนท้องทะเลสวยครับ น่ามอง

ส่วนฟ้าที่อยู่ข้างเตา น่ามองเช่นกัน

มองแล้วพาลให้คิดถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายและตอนค่ำ ก่อนหน้านี้...

เรื่องตอนบ่ายมันมีมิติที่ชวนให้ผมเคลิ้ม แต่เรื่องตอนค่ำที่ห้องน้ำ มันทำเอาผมช็อก หยุดหายใจทันทีที่เห็น ‘คุณฟ้าเปลือยใต้ฝักบัวที่น้ำไหลเป็นสาย’


“คิดอะไรอยู่” คำถามที่มาพร้อมกับเหล้าสีเข้มในแก้ว  ไม่ต่างจากในมือของคนถาม เมื่อหนึ่งไม่อยู่เลยขาดคงชงเหล้า เพื่อนผมมันคงขี้เกียจชงเอง เลยจัดหนักแบบเพรียวๆ มาให้

“เปล่า”  พูดไปจิบไปครับ เทลงคอรวดเดียวคงไม่ดีเท่าไหร่

“หึ...” มันหัวเราะในลำคอ กระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมด

“ก็ลองจีบจริงๆ ดูก็ได้ คุณฟ้าก็น่ารักอยู่”  อิงบอกผม ตรงกับความคิดของผมเหมือนกัน แต่มันติดอยู่ที่ว่า ผมไม่มั่นใจว่าสถานการณ์ระหว่างคุณฟ้ากับคนรักเก่า ว่าจะกลับมาคืนดีกันหรือเปล่า อันนี้ผมกลัวจริงๆ  มันคล้ายเรื่องของน้องลม อาจต่างกันแค่ประเด็นเล็กน้อย

“ฉันไม่แน่ใจ กลัวเหมือนน้องลม”

“คิดมากน่า”

“เพราะมันมีเรื่องให้คิดไง”
ผมพูดได้แค่นี้ อิงก็ไม่ถามอะไรเพิ่ม คงเพราะเราเห็นคุณฟ้ากับน้องลมเดินถือจานคนละใบมาทางนี้


“ได้แล้วครับ” คุณฟ้าว่า พลางวางจานที่มีแต่ปลาหมึกบนโต๊ะ ข้างจานของน้องลม  แล้วทำท่าเหมือนจะเดินกลับ แต่โดนน้องลมคว้ามือไว้ก่อน

“พอแล้วครับคุณฟ้า แค่นี้ก็เหลือเต็มโต๊ะแล้ว”  น้องลมว่า  โบ้ยหน้าให้ดูอาหารในจานบนโต๊ะ ก่อนจะดึงคุณฟ้าให้นั่งลงด้วยกัน (พวกเรานั่งกันบนเบาะครับ)

“คุยอะไรกันครับ หน้าเครียดเชียว” น้องลมถาม คาดว่าน่าจะถามผมคนเดียว ดูหน้ามือชงจำเป็นอย่างเพื่อนผม มันก็ดูปกติดี

“เปล่าครับน้องลม”

“จริงอ่ะ” น้องลมถามอีก ไม่เชื่อที่ผมพูดซะงั้น

“เหนื่อยไหมครับคุณฟ้า” ผมอยากเปลี่ยนเรื่อง เลยชวนคุณฟ้าคุย เห็นมือชงจำเป็นยื่นแก้วเหล้าให้น้องลม ไม่กี่อึดใจก็ยื่นมันให้คุณฟ้า

“ขอบคุณครับ.....ไม่เหนื่อยครับคุณหมอ ผมว่าสนุกดี”  ประโยคแรกคุณฟ้าบอกอิง ประโยคต่อมาบอกผมครับ  คำว่าสนุกดีของคุณฟ้าคงหมายถึงการได้อยู่กับของโปรดมากกว่า  มือที่กำลังจิ้มปลาหมึกเข้าปากชะงัก  แล้วเปลี่ยนทิศทางมาจ่อที่ปากผมแทน  แต่แล้วก็เปลี่ยนใจอีกครั้ง  ทั้งที่ผมกำลังจะอ้าปากงับ

อย่าเข้าใจผิดว่าคุณฟ้าแกล้งผม  โดยดึงเอาปลาหมึกชิ้นนั้นเข้าปากตัวเองครับ  คุณฟ้าแค่นึกขึ้นได้ว่า

“คุณหมอไม่กินเผ็ด”  ได้ผลครับ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมเคยบอกคุณฟ้า คุณฟ้าจำได้แม่นเลย

“นี่ครับ”  ปลาหมึกชิ้นใหม่มาจ่อถึงปากผมอีกครั้ง ผมยิ้มกว้าง อ้าปากงับเข้าปาก เคี้ยวไปยิ้มไปครับ

“มดกัดไหมครับพี่อิง”  คาดว่าผมกำลังโดนน้องลมแซว

“ไม่นี่ครับ”

น้องลมทำหน้าเซ็งเพราะเพื่อนผมไม่เก็ทมุก  คว้าแก้วเหล้าขึ้นมาจิบแล้วพึมพรำเสียงเบาแต่ได้ยินกันหมด

“ทำไมตินไปตามหนึ่งนานจัง”

นั่นสิครับ นานมาก มันจะชั่วโมงแล้วมั้งครับ

“นั่นไงครับ มาแล้ว”

พูดถึงไม่ทันไร เสียงทะเลากันของคนสองคนก็ดังมาให้ได้ยิน พอเดินใกล้เข้ามาถึงรู้ว่าหน้าหงิกกันทั้งคู่ แต่หน้าของตินกลับมี.....รอยช้ำที่มุมปากทั้งสองข้าง

“ตินไปทำอะไรมา!”  เสียงน้องลมตะโกนลั่นทะเล ลุกพรวดขึ้นไปจับหน้าคนรักพลิกไปพลิกมา คล้ายจะหารอยแผลเพิ่ม
“ไม่มีอะไรครับลม”
“ไม่มีได้ไง ก็ปากแตกขนาดนี้ ไปชกกับใครมา”
“.........................”
“หนึ่ง ตินไปมีเรื่องกับใคร”  ถามคนรักไม่ได้ น้องลมจึงหันไปถามเอากับอีกคนที่มาด้วยกัน   หนึ่งอึกอัก อ้าปากเหมือนจะตอบ แต่ก็เงียบ เดินเลี่ยงมานั่งข้างบอสตัวเอง   ผมพอจะเดาออกครับว่าตินไปมีเรื่องกับใคร

“จะทะเลาะกันไหมครับ” คุณฟ้าขยับเข้ามาใกล้ผม กระซิบถามเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน
“ผมว่าไม่นะครับ” ปากบอกไปแบบนั้น แต่ใจคิดสวนทางกับปากครับ แบบนี้ทะเลาะกันชัวร์
“หรือครับ”
คุณฟ้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“คงงั้นครับ”  พอผมหันกลับมา น้องลมก็เดินหนีไปแล้วครับ
“แบบนี้แถวบ้านผมเรียกว่าทะเลาะกันแล้วครับคุณหมอ”  คุณฟ้ากระซิบบอกอีก ผมได้แต่ยิ้มๆ สถานการณ์มันทำไมเป็นแบบนี้ไปได้

“บอสครับ ผมฝากดูหนึ่งมันด้วยนะครับ อย่าให้มันออกไปนอกห้องเด็ดขาด”  พูดแค่นั้นล่ะครับ เจ้าตัวก็วิ่งตามคนรักไป ไม่สนใจรอฟังคำตอบจากบอสของตัวเองเลย

“มีเรื่องอะไรกันหนึ่ง”  อิงถามลูกน้องตัวเองที่นั่งหน้าบึ้ง  ชงเหล้าให้ตัวเอง ก่อนยกดื่มรวดเดี๋ยวหมด  ถึงค่อยตอบคำถาม

“เปล่า”

สั้น กระชับ แต่ไม่ได้ใจความอะไรเลย

“ถือว่าตอบคำถามของเจ้านายคุณได้ไหม?”  ท่าทางเพื่อนของผมมันอยากรู้จัด หน้าตาก็เริ่มจริงจังขึ้น ก่อนเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เมื่ออีกฝ่ายสวนกลับมาว่า

“บอสเป็นแค่เจ้านาย ไม่ใช่เจ้าชีวิต”

“หนึ่ง!”

“ก็มันจริง”

“หนึ่ง!!”

เอาซะจุกครับ ไม่แปลกใจที่อิงมันจะโกรธจนหน้าแดง พยายามหาคำตอบครับว่าคนที่พูดจากสนุกสนาน เฮฮา อารมณ์ดีตลอดเวลาอย่างหนึ่ง ทำไมถึงได้อารมณ์ขึ้นขนาดนี้ แม้กระทั้งเจ้านายของตัวเองก็สวนกลับอย่างไม่เกรงใจ

.
.
.
.
.
.


“คุณหมอจะอาบน้ำก่อนไหมครับ”

คุณฟ้าถามผมเมื่อเราเข้ามาในห้องพัก  หลังจากที่บรรยากาศข้างนอกมันเริ่มหมดสนุก  คิดมาตลอดทางครับว่างานนี้อาจจะไม่สนุก  มันก็ไม่สนุกจริงๆ ถึงเรื่องที่ทำให้หมดสนุกจะไม่ใช่เรื่องของผม
บอกตามตรงว่าผมรู้สึกเกรงใจคุณฟ้ามากที่ทำให้ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

“คุณฟ้าอาบก่อนเถอะครับ”

“ครับ”

คุณฟ้าเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สักพักผมก็ได้ยินเสียงน้ำตกกระทบพื้น  ห้องน้ำไม่มีประตูมันอันตรายต่อคนที่อยู่ข้างนอกดีเหลือเกิน ผมพยายามทำตัวให้วุ่นวายเข้าไว้ครับ  เดินไปหยิบโน่นนี้ไปเรื่อย ทั้งที่ในห้องพักก็ไม่มีอะไรมาก  เพื่อจะทำให้จุดรวมความสนใจพุ่งไปที่เสียงน้ำกระทบพื้นกระทบเนื้อหนังมังสาที่ผมเคยเห็น

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

เสียงเคาะประตูดังรัวชนิดที่ว่าไม่เกรงใจเจ้าของห้องเลย  ผมรีบเดินไปเปิดประตูทันที รู้ครับว่าใครมาเคาะ เพราะเสียงตวาดแว่วดังมาแต่ไกลแล้วครับ

เปิดประตูออกมาก็เห็นคนตัวไม่ตรงยืนเอนไปเอนมา เกาะขอบประตูไว้มั่น

“เอามาฝากคุณหมอครับ เผื่อได้ใช้”  พอเหลือบมองอิงที่ยืนทำหน้าเอือมๆ อยู่ด้านหลัง บุ้ยหน้าให้ผมรับถุงในมืออีกคนที่ยืนมาให้ ตีความหมายว่าจะได้หมดเรื่องหมดราวสักที

“.................”

ผมอึ้ง เมื่อเปิดถุงดูว่าคืออะไร
ถุงยางกับหลอดเจล
เอามาให้ผมทำไม?
“ถูกใจละเซ่ครับคุณหมอ”

มองข้ามหัวคนเมาไปหาคนด้านหลังอีกครั้ง หน้าเพื่อนผมมันเซ็งได้ที่เหมือนกัน  สงสัยจะระอาจนไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่พยักหน้าให้ผมรับๆ ไป  ความหมายเดิมครับจะได้หมดปัญหา

“งั้นผมเอาแค่นี้นะครับหนึ่ง  มากกว่านี้คงไม่ไหว”  ผมไหลไปตามสถานการณ์ครับ พูดกับคนเมา ขัดใจไปก็ไม่ดีครับ เดี๋ยวเรื่องไม่จบสักที

ผมหยิบเอาของพวกนั้นออกมาจากถุงแค่อย่างละอัน  พอเป็นพิธี ไม่ขัดศรัทธาคนเมาที่อุตสาห์ไปหามาให้ แล้วคืนที่เหลือให้เจ้าของ (สองกล่องกับสองหลอดครับ =*=)

“กลับได้หรือยัง?”  เพื่อนผมถามเสียงเข้ม อิงมันไม่ใช่พวกมีความอดทนสูงอย่างผม  ที่มันยังใจเย็นอยู่ก็คงเพราะเป็นหนึ่ง

“กลับ...................แต่ไม่ไปกลับห้อง จะไปหาชิต”

“หนึ่ง!”

“ก็ทำไม ผมจะไปหาเพื่อน”  เจ้าตัวไม่พูดเปล่า ผลักอกเจ้านายตัวเอง ก่อนเดินถือถุงเป๋ไปเป๋มาไปอีกทางหนึ่งที่ไม่ใช่ห้องพัก

“เกิดอะไรขึ้น”  ผมถาม เห็นอิงมันกดอารมณ์โกรธอยู่ครับ น้อยครั้งที่จะเห็นมันเป็นอย่างนี้ แต่กรณีของหนึ่งครั้งแรกครับที่ผมเห็นเมาแล้วเป็นแบบนี้

“ไม่รู้ว่ะ  เดินเข้าไปในห้องก็เห็นเตียงมันยับยู่ยี่ แล้วมีคราบ”

“ห๊า!”

ไม่ต้องอธิบายว่าคราบคืออะไร เข้าใจในทันที

“แล้ว....”

“ไม่รู้ว่ะ แม่ง...”

น้อยครั้งครับที่อิงมันจะพูดคำหยาบออกมา

“ไปแล้ว แล้วในมือน่ะ หยิบไปแล้วใช้ให้หมดนะ เดี๋ยวมันจะเสียของ”

.
.
.
.
.
.
.











.
.
.

“คุณหมอครับ นี่มัน”

ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เจอคำถามของคุณฟ้าทันที

‘นี่มัน’ ของคุณฟ้าอยู่ในมือเล็กๆ นั้นครับ

‘นี่มัน’ ของคนเมาที่อุตสาห์ลากสังขารเอามาให้ผม

‘นี่มัน’ ของที่เพื่อนสนิทบอกให้ใช้ให้หมด ไม่งั้นเสียของ

‘นี่มัน’ ถุงยางกับเจลหล่อลื่น ที่ผมวางไว้บนโต๊ะ




>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>HAPPY Na Ka<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<

ปล บวกหนึ่งให้ทุกคอมเม้นท์แทนคำขอบคุณค่ะ



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด