『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]  (อ่าน 425200 ครั้ง)

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
จุกนะ  จุกมากๆ
นี่สินะที่ว่าเพศที่สามรักแรงเกลียดแรง  แต่เราว่าสำหรับอ้นนี่การหักหลังของป้องเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายเลยทีเดียว  รวมๆกันสิ่งที่เกิดขึ้นเลยระเบิดทีเดียวเละ
มาเห็นป้องปฏิบัติต่อแจนภาคนี้อึ้งไปเหมือนกันนะ  ภาคก่อนนี่เราอ่านผ่านมุมมองของอินางน้อยเติ้ลเลยเห็นเป็นว่าป้องหลังจากที่โดนแจน extreme makeover   แล้วดูหล่อ ดูดี  ดูมีราคา อัพสกิลสุภาพบุรุษขึ้นมาในทันที (ตอนที่ไปเจอที่โรงหนัง)  แต่มาตอนนี้สะใจค่ะแจนโดนมากพอตัวเลย ไม่รู้ตอบคำถามที่หลายๆคนถามกันมาเมื่อเจอผู้หญิงเกรดดีที่ทนช้ำใจอยู่กับแฟนเห้ๆมาได้ยังไง    ก็คือผู้ชายมันไม่ได้รัก จำยอมอยุ่เพราะโดนจับ หรืออยู่เพราะผุ้หญิงกลัวว่าจะโดนทิ้งก็พยายามหาทุกอย่างมาปรนเปรอ

อ้างถึง
พี่เป็นหมันอ้น เชื้อพี่ไม่แข็งแรงแล้วพี่จะทำเค้าท้องได้ยังไง?
ตรงนี้ขอเถียงนะคะ เชื้อไม่แข็งแรง อาจจะติดยากแต่ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้  (ปสกส่วนบุคคล) แต่ที่โจมว่าไม่ได้นอนด้วยกันก็โอเคค่ะ เคลียร์ดี

โจมชอบอ้นจริงๆ(ในตอนนี้)หรือเปล่า?   โจมลมเพลมพัดนะเราว่าเอนไปหาแทนเพื่อพักใจจากเมีย    เอนมาหาอ้นเพื่อหนีจากแทน   ใครจะไปรู้ว่าสักพักถ้าอยุ่กับอ้นแล้วของเทียมอย่างอ้นอาจจะสู้ของจริงอย่างชะนีไม่ได้นะ  แต่ยอมรับว่าโจมนี่เป็นสุภาพบุรุษดีจริงๆ

คิดถึงเด็กเข้าปัญหาแล้วค่ะ

เจอคำผิดนะคะ  เพศ-เพส   สงสัยกดแป้นไม่ลง


ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :o12 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

สงสารอ้นนนน  ตุ๊ดน้อยของป้าาาาาา

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8

ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่าสงสารอ้นจัง :mew4: :mew4: แต่ดูแล้วแต่ละคนก็มีปมในชีวิตของแต่ละคน :mew6: :mew6: รอตอนต่อไปอยู่น้าาาาารีบมาอัพเร็วๆน้าาาา :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Ssuchaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z6: อยากฆ่าทุกคน อยากเห็นศรีอ้นมีความสุข อีม่อนมารับอ้นไปที  :ling1:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   “ดีขึ้นมั้ยอ้น?”
   โจมรับแก้วน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งอุ่นๆ คืนจากอ้น เขาหันหลังนำแก้วไปวางบนโต๊ะแล้วส่งผ้าขนหนูชุบน้ำให้อ้นเช็ดหน้า
   “เช็ดหน้าซะหน่อย หรืออ้นอยากไปห้องน้ำ? ให้พี่พาไปมั้ย?”
   “ไม่เป็นไรแล้วค่ะพี่โจม หนูอยากกลับบ้าน”
   “อ้น...”
   โจมเอื้อมมือมากุมมือของอ้นไว้หลวมๆ ความอบอุ่นของโจมถ่ายทอดสู่มือของอ้นที่ประสานกันอยู่บนตัก อ้นบีบนิ้วของตัวแรงขึ้นอย่างสับสน เขาสะกดกลั้นหยดน้ำตาที่เตรียมจะไหลเพราะการได้รับความเห็นใจเอาไว้ด้วยการเม้มปาก
   “ถ้าอ้นอยากกลับบ้านพี่ก็พร้อมจะไปส่ง แต่พี่อยากบอกอ้นว่าถ้าอ้นอยากได้ที่เงียบๆ ที่ไม่ต้องกังวลว่าจะเผชิญกับเรื่องเลวร้ายอีก อ้นไปพักบ้านพี่ได้นะ”
   “หนูไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะพี่โจม ขอหนูกลับบ้านเถอะนะคะ”
   เสียงของอ้นแม้จะเบาแต่กลับหนักแน่น อ้นปฏิเสธโจมอย่างไม่ใยดี โจมถอนหายใจอย่างสิ้นหวังก่อนจะตกลงรับปาก
   “ครับ เดี๋ยวพี่ขอไปสั่งงานเด็กแป๊บนึง อ้นรอพี่ตรงนี้นะ จะเอาอะไรเพิ่มก็เรียกเด็กเอา”
   “ค่ะ”

   “ให้พี่ส่งแค่นี้จะดีเหรอ? พี่อยากไปส่งอ้นถึงข้างบนนะ”
   โจมถามขณะหยุดรถ เขาหันไปสบตาขอร้องอ้นแต่อ้นไม่ตอบรับความเป็นห่วงจากเขาเลย
   “ตรงนี้ดีแล้วค่ะ หนูไปก่อนนะคะ”
   อ้นเอ่ยเสียงเบาแล้วปลดล็อกเข็ดขัดนิรภัย โจมเอี้ยวตัวมาช่วยเมื่อเห็นว่าอ้นไร้เรี่ยวแรง
   “มาพี่ช่วย”
   ทว่าความใกล้ชิดที่ชักนำอารมณ์ชั่ววูบมาสู่หัวใจคนเรานั้นมีอำนาจมากเกินไป โจมเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แม้จะเป็นสุภาพบุรุษสักแค่ไหนแต่ก็มีสิ่งที่เกลียด เขาสงสารอ้นที่ต้องทุ่มเทหัวใจให้คนที่ไม่คู่ควร เหมือนกับที่เขาเคยพลาดมาก่อน โจมอยากเอาชนะ เขาอยากให้อ้นรักคนที่คู่ควรอย่างเขา คนที่คอยดูแลไม่ทำร้ายจิตใจกัน คนที่รักอ้นคนนี้!
   “เป็นพี่ไม่ได้เหรอ? ทำไมถึงยังฝังใจกับเขาอยู่ พี่สู้เขาไม่ได้ตรงไหน? อ้นจะไปรักคนที่ไม่เคยรักอ้นทำไม มันเจ็บไม่ใช่เหรออ้น?”
   ชั่วขณะนั้นอ้นเกิดความรู้สึกบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับโจม แต่แล้วใบหน้าของโจมกลับใกล้เข้ามา อ้นจึงหลับตาลงโดยอัตโนมัติ
   สัมผัสแผ่วเบาเจือกลิ่นมะนาวบางๆ มาจากริมฝีปากที่ประทับอยู่กับปากของเขา น่าแปลกที่ในหัวของอ้นกลับคิดได้แค่เรื่องไร้สาระว่าโจมคงเป็นคนชงน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งให้เขาด้วยตัวเอง ถึงได้แอบชิมจนรสชาติของมันติดอยู่บนลิ้น
   จูบกลิ่นเลมอนแตกต่างไปจากประสบการณ์การจูบทั้งหมดในอดีตของอ้น มันทั้งหวานหอมอมเปรี้ยว เกิดขึ้นในบรรยากาศโรแมนติกที่สุดแสนจะเป็นใจภายใต้สายลมจากแอร์เย็นฉ่ำท่ามกลางพื้นที่คับแคบปิดกั้นตัวเองจากสายตาผู้คนนอกรถ ทั้งที่จูบนี้สมบรูณ์แบบ แต่มันกลับไม่ซึ้งเลย
   อ้นไม่รู้สึกอะไรกับจูบของโจมเลยแม้แต่น้อย ฉากปลอบใจก่อนจะสารภาพรักสุดโรแมนติกแบบนี้ไม่สั่นสะเทือนหัวใจของอ้นเลยสักนิด เขารู้แล้วว่าทำไมนางเอกถึงไม่หลงคารมของพระรองยังคงรักมั่นปักใจอยู่กับพระเอก เพราะความรักมันยากจะตัดใจ แค่จูบเพียงจูบเดียวไม่มีทางจะลบเลือนทุกอย่างในหัวใจคนเราได้ แต่ถ้าหากยกใจให้ไปแล้วแค่สัมผัสแผ่วเบาราวปลายนิ้วแตะต้องร่าง เพียงแค่นั้นมันก็สั่นสะเทือนไปถึงหัวใจ!
   โจมหยุดเมื่อเห็นว่าอ้นนิ่ง เขาประหม่าและกลัวอ้นโกรธ ด้วยเกรงว่าตนอาจจะทำให้อ้นเกลียดจึงรีบถอยห่างอย่างรู้สึกผิด
   “พี่ขอโทษ พี่...”
   “พี่โจมคะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะคะ สำหรับตุ๊ดอย่างหนู แค่มีผู้ชายดีๆ อย่างพี่ผ่านมามันก็ดีเกินพอสำหรับชีวิตตุ๊ดแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณจริงๆ นะคะ หนูมีความสุขอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าหญิงเลย”
   แต่ถ้าเวทมนต์เสื่อม นางขี้เถ้าอย่างหนูก็คงต้องกลับไปใช้ชีวิตในครัวตามเดิม หนูคงเป็นได้แค่ซินเดอเรลล่าที่ไม่มีวันพบเจ้าชายของตัวเอง
   อ้นกล่าวขอบคุณอย่างน่าสงสาร โจมอยากเถียงใจจะขาดว่าความดีงามนั้นไม่ควรถูกตัดสินด้วยเพศสภาพ อ้นมีคุณค่าในตนเองเกินกว่าจะดูถูกตัวเองเช่นนั้น เขารักความเป็นอ้นที่ตัวตนเข้าจริงๆ แต่อ้นจากไปแล้ว
   โจมรู้ทันทีว่าตนถูกปฏิเสธ เพราะหลังพูดจบอ้นก็เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเขาอีก อ้นไม่เหลือท่าทีซวนเซอีกแล้ว โจมมองตามแผ่นหลังเหยียดตรงของอ้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกรถไป

   คล้อยหลังรถของโจมจากไปได้ไม่นาน แทนที่อ้นจะเดินเข้าไปยังอะพาร์ตเมนต์ของตน เขากลับเดินเลยไปยังร้านสะดวกซื้อข้างอะพาร์ตเมนต์แทน อ้นนั่งลงหน้าร้านด้วยท่าทางหมดแรง
   อ้นเปิดกระเป๋าล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคน
   ปลายสายรับโทรศัพท์ของอ้นรวดเร็วทันใจ
   “เรย์เหรอ ถ้าฉันขอร้องให้แกช่วยอะไรบางอย่างแกจะช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?”
   “เป็นอะไร? นายร้องไห้เหรอ?”
   “แกว่างมั้ย? มารับฉันหน่อยได้เปล่า? ฉันไม่มีที่ไป ไม่อยากกลับห้อง”
   “ได้สิ นายอยู่ที่ไหน?”
   “ฉันอยู่หน้าอะพาร์ตเมนต์ แกรีบๆ มานะ ฉันไม่อยากเจออีป้องอีกแล้ว”
   “รอก่อนนะ เราจะรีบไป”
   เรย์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงสะอื้นของอ้นทำให้เขาร้อนใจ! 

   หนนี้อ้นนึกขอบคุณฝีมือการขับรถแบบด่วนนรกของเรย์จริงๆ เรย์มาถึงหอพักของเขาภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หนุ่มแว่นอยู่ในชุดนอนปาจามัสมีเพียงเสื้อแขนยาวติดฮู้ดสวมทับดูไม่เหมาะกับการออกนอกบ้าน แต่เรย์ไม่อายสายตาใครเลย เมื่อจอดรถได้เขาก็ตรงเข้ามาหาอ้นที่นั่งกอดเข่าฟุบอยู่ข้างร้านสะดวกซื้อทันที
   “อ้น! นายเป็นอะไรอะ!”
   “แกพาฉันไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่ได้มั้ย ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
   “แต่นาย...”
   เรย์งง ที่นี่คือหอพักของอ้น และอ้นก็ดูไม่ดีเลย ทำไมอ้นถึงไม่รอเขาในห้องพักแต่กลับมานั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อในสภาพราวกับคนบ้า! เขาเกือบจะไม่สนใจคนที่ฟุบอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้วหากไม่ทันสังเกตว่าคนๆ นี้มีผมสีน้ำตาลแดงเฉดเดียวกับอ้น
   “นายยังไม่ได้เข้าห้องเหรอ? ทำไม...”
   สภาพของอ้นแย่มาก หลักฐานบนร่างบ่งบอกว่าเคยคู่ควรกับคำว่าสวย ทว่าจากร่องรอยที่เหลืออยู่ตอนนี้นั้นอ้นดูไม่จืด ใบหน้าเลอะเครื่องสำอางดูไม่ได้ เสื้อผ้ายับยู่ยี่ไม่เหลือเค้าความงาม แต่อ้นกลับไม่ใส่ใจตัวเอง
   “นายจะเข้าห้องหน่อยมั้ย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือเผื่อนายอยากอาบน้ำ? เรารอได้นะ”
   “ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากเจอป้องแล้ว ชักช้าเดี๋ยวมันจะกลับมาซะก่อน รีบไปกันเถอะ”
   “อาฮะ”
   เรย์ดึงมือของอ้นให้ลุกขึ้น เขาไม่สนใจว่าใครจะมองตนอย่างไร แม้สภาพอ้นจะคล้ายกะเทยเสียสติจนไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งแต่เรย์ก็ยังคงพยุงอ้นไปที่รถโดยไร้ซึ่งความลังเล เมื่อเปิดประตูส่งอ้นขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วเรย์ก็รีบเข้าประจำที่ของตนทางฝั่งคนขับ เขากล่าวกับเพื่อนผู้อ่อนล้าว่า
   “จะหลับก็ได้นะ ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวปลุก”
   “อืม ขอบใจนะ”
   เมื่อเห็นอ้นคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วเรย์ก็เอ่ยปากบอกให้อ้นพัก อ้นปรับพนักเก้าอี้ต่ำลงแล้วเอนหลังแนบไปกับเบาะ เรย์จึงถอดเสื้อแขนยาวของตนส่งให้อ้น
   “เอาเสื้อมั้ย? แอร์เย็นนะ”
   อ้นพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ เขาเริ่มขดตัวเมื่อเรย์นำเสื้อแขนยาวตัวนั้นมาคลุมให้ กลิ่นอายของเสื้อช่วยให้อ้นรู้สึกสงบ กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหรืออาจจะเป็นกลิ่นแป้งที่อ้นไม่รู้จักผสมเข้ากับอีกกลิ่นที่อ้นรู้สึกคุ้นเคย แม้กลิ่นนี้จะแตกต่างไปจากกลิ่นปกติที่อ้นสัมผัสได้จากเรย์ในทุกๆ วันที่ออฟฟิศ แต่อ้นกลับคิดว่ากลิ่นที่ติดเสื้อตัวนี้คือกลิ่นที่บ่งบอกความเป็นเรย์ ไม่ใช่กลิ่นหอมมีสไตล์ด้วยน้ำหอมราคาแพงหรือบอดีสเปรย์ราคาถูกแบบลูกผู้ชายลุยๆ มันเป็นเพียงกลิ่นของผ้าซักแล้วและถูกใส่ซ้ำๆ จนติดกลิ่นกายของเจ้าของเสื้อ สะอาดบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเหมือนเด็ก

   “อ้น ถึงแล้ว”
   “หื้ม?”
   “ถึงคอนโดเราแล้ว”
   เรย์ปลุกอ้นอย่างเรียบง่ายแล้วดับเครื่องยนต์เมื่อเห็นว่าอ้นเริ่มขยับตัว แต่แล้วเขาก็หันมาถามอ้นอีกรอบ
   “ไหวมั้ย? ตื่นยัง?”
   “อืม”
   “งั้นขึ้นห้องกัน ไปนอนต่อบนห้องดีกว่า เราก็ง่วงแล้วเหมือนกัน”
   เรย์พูดพลางหาวอ้าปากกว้าง วินาทีนั้นอ้นถึงกับขนลุกด้วยความดีใจที่ตนยังหายใจอยู่และมาถึงคอนโดเรย์โดยสวัสดิภาพ!
   ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยคุ้มครองหนูค่ะ! ถึงหนูจะอกหักแต่หนูยังไม่อยากตายนะคะ!

   “ใส่ได้มั้ย?”
   เมื่อได้ยินเรย์ถามอ้นก็เขินหน่อยๆ เขาก้มลงมองชุดนอนบนร่างของตนแล้วพยักหน้าส่งเสียงตอบเบาๆ
   “อืม”
   อ๊ายโนอันเดอร์แวร์ด้วย! โชคดีจังที่ผ้าชุดนอนมันหนา แกอย่ามองนะอีแว่น! เขินจัง!
   “อาฮะ”
   หนุ่มแว่นฉีกยิ้มกว้างจนอ้นอาย แม้อ้นจะไม่รู้ว่าเรย์คิดอะไรแต่เขารู้สึกเขินสายตาของเรย์
   น่ารักจัง เหมาะจริงๆ ด้วย ตัวเล็กๆ นี่ดีจังน้า เหอๆ
   อ้นรู้ดีว่าเขาตัวเล็ก ดังนั้นเมื่อต้องมายืมชุดนอนของเรย์จึงกลายเป็นเด็กน้อยขโมยเสื้อผ้าผู้ปกครองมาใส่ด้วยขนาดของไหล่เสื้อที่ตกลงมาถึงต้นแขน อีกทั้งแขนเสื้อยังยาวเลยปลายนิ้วสะบัดไปมาเหมือนชุดในหนังจีน ส่วนขากางเกงนั้นก็ไม่น้อยหน้าอ้นถึงกับต้องพับหนาๆ สามทบ
   “แต่เหมือนชุดนอนแกจะใหญ่ไปหน่อยนะ ฉันใส่แล้วเหมือนคนแคระเลย”
   “น่ารักดีออก โมเอะ!”
   “ระเหรอ...”
   อ้นถึงกับอึ้งเมื่อเรย์ตะโกนพลางยกนิ้วโป้งขึ้นทำท่ากู๊ดจ๊อบทั้งสองมือ!
   โอตาคุสุดๆ ไปเลยอะ!
   “อาฮะ”
   เรย์ยิ้มตอบแล้วเริ่มเลื้อยไปกับโต๊ะ อ้นจึงนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะทำมุมฉากกับเรย์ด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขามองเรย์ที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมเอนตัวราบไปกับพื้นโต๊ะแล้วไม่ชิน ห้องของเรย์ไม่มีโซฟารับแขก แต่กลับมีโต๊ะโคทัตทสึตั้งอยู่แทน และเรย์ก็กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนแผ่อยู่บนโต๊ะ
   “ค่อยยังชั่วมั้ย?”
   “ฮะ? อะไรเหรอ?”
   “ได้อาบน้ำไง”
   “อะอืม ค่อยสดชื่นขึ้นหน่อย ไม่ไหวเลยเนอะ... สภาพอย่างกับผีบ้าแน่ะ ดูไม่ได้เลยฉัน”
   อ้นเขินไม่น้อยเมื่อต้องมาขอยืมห้องน้ำในบ้านผู้ชายคนอื่นอาบน้ำ และอายยิ่งกว่าที่ปล่อยให้เรย์เห็นตัวเองในสภาพดูไม่ได้ตบท้ายด้วยหน้าสดไร้เครื่องสำอาง
   ปกติแล้วห้องน้ำคือที่ส่วนตัวที่ค่อนข้างบ่งบอกไลฟ์สไตล์ของผู้คน ห้องน้ำในหอที่อ้นใช้ร่วมกับป้องมีเพียงสบู่อาบน้ำและแชมพูสระผมส่วนตัวเท่านั้น เพราะยาสีฟันนั้นทั้งคู่ใช้ร่วมกัน อุปกรณ์สปาและข้าวของเอาไว้ทำสวยนอกเหนือไปจากอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับชำระร่างกายนั้นอ้นจะเก็บไว้ที่อื่นเพื่อไม่ให้เกะกะพื้นที่ในห้องน้ำ แต่ห้องน้ำของเรย์กลับเต็มไปด้วยข้าวของต่างๆ สารพัดอย่างผิดกับลุคเนี้ยบเฉียบขาดในวันทำงาน เรย์มีกระทั่งชั้นวางของสุดเก๋ที่มีตุ๊กตาวางทับบนหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดที่บวมชื้นจนเยิน อ้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเป็นผู้ชายซุกซนของเรย์ผิดไปจากลุคสุขุมมาดนิ่งตามปกติยามทำงาน
   “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
   คำถามของเรย์ทำเอาอ้นสะดุ้งต้องดึงสติกลับมาจากการมโน
   “ฉัน...”
   “เราถามได้มั้ย? ใครทำอะไรนายเหรอ? นายทำให้เราตกใจนะ เป็นห่วงแทบแย่”
   “ช่างเถอะ ก็แค่ตุ๊ดอกหักอะแก มันก็ฟูมฟายเสียสติกันนิดหน่อย พอหายบ้าแล้วเดี๋ยวก็โอเคแระ ฉันสตรองนะ ไม่ต้องห่วง”
   “ห่วงสิ”
   เรย์ยื่นมือมาจับมือของอ้น มือของคนทั้งคู่เกาะกุมกันอยู่บนโต๊ะโคทัตทสึ อ้นสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่มาจากพื้นโต๊ะด้างล่างและฝ่ามือของเรย์ที่อยู่ด้านบน
   “อย่าร้องไห้สิ ไหนบอกว่าสตรองไง?”
   แกจับมือฉันแบบนี้ฉันก็ร้องน่ะสิยะ อีบ้านี่ คนเค้ายิ่งเป็นโรคแพ้ความอ่อนโยนอยู่!
   “ก็คนมันซึ้งอะ”
   อ้นใช้มือข้างที่ว่างปาดน้ำตาเพราะมืออีกข้างยังถูกเรย์ยึดเอาไว้
   “น้ำตามีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ ร้องไห้มากๆ เดี๋ยวหน้าพังหรอก ทำไมนายขี้แยจัง?”
   “เอ้าอีนี่! ก็คนเป็นตุ๊ด อารมณ์มันแปรปรวน เข้าใจแมะ!”
   “อาฮะ”
   เรย์ตอบรับด้วยใบหน้าที่อ้นหมั่นไส้ แม้ว่าหนนี้หนุ่มแว่นจะไม่ได้ทำท่าดันแว่นบ๊องๆ แต่รอยยิ้มของเรย์ยังคงยโสอวดดีเช่นเคย แต่แล้วอ้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
   “เรย์ ขอบใจแกนะ ... ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเราสองคนจะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่กินเส้นกันแท้ๆ”
   “ใครว่าเราไม่กินเส้น? นายคนเดียวต่างหาก เราเปล่าเกาเหลากับนายซักหน่อย แต่เวลาทะเลาะกับนายแล้วสนุกดี เราชอบ”
   ฟังแล้วอ้นแทบกรี๊ด! ปากของอ้นอ้าพะงาบๆ พอๆ กับที่สมองกำลังสรรหาคำด่า แต่แล้วอ้นก็นึกขึ้นได้ เขาถามเรย์กลับ
   “จะว่าไปฉันไม่เคยเห็นแกกับเพื่อนเลย...”
   อ้นลองทิ้งจังหวะหยั่งเชิงพลางสังเกตสีหน้าของเรย์ก่อนจะพูดต่อ
   “แกไปกินข้าวที่โรงอาหารกลางคนเดียวประจำเลยนี่?”
   ขนาดฉันบางวันที่ไม่ได้ไปกับแก๊งสาวๆ ก็ยังได้ไปกับอีป้องเลยนะ ต่อให้ส่วนมากฉันจะไปที่นั่นเฉพาะเวลาเงินหมดก็เถอะ แต่ไปทีไรก็เจอแกมาคนเดียวทุกที
   อ้นชำเลืองมองเรย์ที่หน้ามุ่ยจนรอยยิ้มเลือนไปจากใบหน้า ริมฝีปากของเรย์กลับกลายเป็นเส้นตรง เขาเอ่ยด้วยเสียงน้อยใจราวกับเด็ก
   “ก็คนอื่นเค้าไม่ชอบโรงอาหารกลาง เค้าชอบกินกันที่คณะเพราะขี้เกียจเดิน บางทีก็ไปที่ห้างกัน แต่เราไม่ได้อยู่หอ... บางวันก็รีบกลับบ้านด้วย”
   “อืมๆ ฉันเข้าใจ”
   ถูกเพื่อนเทชัดๆ เลยย่ะ!
   อ้นชักสงสารเรย์ขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงอุปนิสัยของเจ้าตัวก็คิดได้ว่าสมควรแล้ว
   “ไม่น่าเชื่อเนอะ อยู่ๆ ฉันกับแกก็กลายมาเป็นเพื่อนกันได้ยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่เรารู้จักกันมาตั้งหลายปี... อ๊ะ! แบบนี้ก็เท่ากับว่าแกกับฉันรู้จักกันตั้งห้าปีแล้วสิ! นี่มันนานมากเลยนะ คุณเพื่อนสนิท”
   อ้นยิ้มพลางจ้อไปเรื่อยเปื่อย เขาลืมสังเกตสีหน้าของเรย์ไปเลย! ดังนั้นอ้นจึงไม่เห็นว่าคิ้วของเรย์ขยับเมื่ออ้นเรียกเขาว่าเพื่อนสนิท
   “ฉันอยู่กับแกแล้วสบายใจกว่าตอนอยู่กับอีพวกนั้นอีก แกรู้มั้ย เวลาพวกตุ๊ดอยู่ด้วยกันนะ ถ้าด้อยกว่าก็ถูกล้อถูกกดหัว แล้วยิ่งฉันนะ... ช่างเถอะ แบบ เอาเป็นว่าฉันดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับแกละกัน”
   อ้นชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูดเรื่องที่ตนล่วงเกินป้องจนถูกล้อว่าเป็นตุ๊ดหื่นกามโรคจิต เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตัดบทแล้วสรุปเรื่องราวเนียนๆ
   เรย์ไม่พลาด เขาถามจี้ด้วยความอยากรู้ทันที
   “นายทำไมเหรอ?”
   “เปล๊า! ไม่มีอะไร...”
   อ้นปฏิเสธเสียงสูง ปฏิกิริยาปกป้องตัวเองตามธรรมชาติของร่างกายทำให้อ้นพยายามจะดึงมือกลับ แต่เรย์ไม่ยอม นอกจากจะยื้อไว้แล้วเขายังแบฝ่ามือของอ้นแล้วเอาแก้มมาแนบหนุนแทนหมอนอีกต่างหาก อ้นถึงกับวีน!
   “อีแว่น! มือฉันไม่ใช่หมอนนะยะ!”
   “เล่าก่อน ละจาปล่อย”
   เรย์ดื้อแพ่ง หนุ่มแว่นยิ้มเอาแต่ใจ ส่วนตุ๊ดสาวก็หน้าขึ้นสี
   ใครจะไปกล้าเล่าเรื่องนั้นยะ! นั่นมันความผิดที่รุนแรงที่สุดในชีวิตฉันเลยนะ
   อ้นเบนสายตาไปทางอื่นหลบเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่พอแอบชำเลืองมองเรย์แล้วพบว่าเขายังคงนอนยิ้มจ้องหน้าตนอยู่อ้นก็เขิน
   แก้มแดงจัดเลยแฮะ?
   เรย์สงสัย เขาอยากรู้ว่าเพราะอะไรอ้นถึงได้ไม่ยอมเล่า แต่ไม่ว่าจะจ้องหน้าอ้นเท่าไหร่ไม่ว่าจะพยายามสื่อกระแสจิตอย่างไรอ้นก็ไม่ยอมเปิดปากสักที เรย์เริ่มอารมณ์ไม่ดี เขาคว่ำหน้าลงจนปากสัมผัสกับใจกลางฝ่ามือ
   อ้นตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงลมร้อนๆ ชวนจั๊กจี้บนฝ่ามือ เขานึกว่าเรย์จะจูบ ที่ไหนได้ หนุ่มแว่นกลับแยกเขี้ยวแล้วงับเข้าเบาๆ บนเนินฝ่ามือ
   “อ๊าย!”
   อ้นกรี๊ดแล้วเผลอกระตุกมือกลับอย่างแรง เขากุมมือข้างนั้นของตนเอาไว้ 
   ด้วยความตกใจ อ้นบอกไม่ถูกว่าระหว่างหน้ากับจุดที่ถูกเรย์กัดตรงฝ่ามือบริเวณไหนที่ร้อนผ่าวมากกว่ากัน เขามองหนุ่มแว่นด้วยสองตาเบิกโต ทว่าเรย์กลับยืดตัวขึ้นนั่งตัวตรงแล้วดันแว่นด้วยท่าประจำก่อนจะเอ่ยเสียงดังฟังชัดว่า
   “ถ้าไม่เล่า กัดนะ”
   “แกเป็นหมาเหรออีแว่น!”
   อ้นแหกปากร้อง แต่เรย์กลับทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ เขายิ้มแล้วพูดพลางหงายมือรอ
   “ขอมือหน่อย”
   อ้นพาซื่อส่งมือให้เรย์จริงๆ เขานึกว่าเรย์จะดูแผลให้หรือแสดงความรับผิดชอบ ทว่าเรย์กลับล็อกหมับเข้าที่ข้อมือของอ้นแล้วใช้มืออีกข้างลูบศีรษะอ้นเบาๆ
   “ไทป์น้องหมาจริงๆ ด้วยแฮะ”
   ถึงตอนนี้อ้นรู้ตัวว่าถูกหลอกเข้าอีกทีแล้ว ตุ๊ดหน้ามืดโมโหกระโจนไประดมข่วนเรย์ด้วยความลืมตัว เขาทั้งตีทั้งข่วน เรย์เองก็ปัดมืออ้นทิ้งแล้วปกป้องร่างกายของตัวเองอย่างสนุกสนาน
   ในที่สุดก็กลายเป็นสงครามเล่นต่อสู้ย่อมๆ อ้นถึงขั้นงัดเบาะรองนั่งขึ้นมาฟาดเรย์ เรย์ดิ้นถีบตัวหนีแต่ติดผ้าของโต๊ะโคทัตทสึที่รุ่มร่ามเลยขยับตัวไม่สะดวกปล่อยให้อ้นกดขี่ทำร้ายอยู่ด้านบน นัวเนียไปมากว่าอ้นจะรู้ตัวก็ถูกกอดเอวก็ร่างกายแนบชิดเสียแล้ว!
   จังหวะที่น้องหนอนซึ่งไร้การห่อหุ้มเสียดสีกับอะไรบางอย่างด้านล่างที่นูนชัดเจนอ้นถึงกับชะงัก พอชะงักแล้วเผลอมองตาเรย์อ้นก็ยิ่งอาย


ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   “กะแกเนี่ย! ชวนฉันเล่นอะไรก็ไม่รู้ มาตีกันเป็นเด็กไปได้ ตัวฉันช้ำหมดแล้ว”
   “นายฟาดเราก่อนนะ หยิกเราด้วย เจ็บพุง”
   เรย์เถียงแล้วเปิดชายเสื้อให้อ้นดู แต่อ้นมองไม่เห็นรอยช้ำเลย เขาเห็นแต่หน้าท้องแบนราบขาวจั๊วะของเรย์เท่านั้น!
   “ก็แกแกล้งฉันก่อน”
   อ้นเถียงแล้วพยายามลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าของตน เขาพยายามจะถอยห่างเรย์ แต่เรย์กลับเขยิบไปด้านหลังแล้วเลื้อยมากกว่าเดิม
   “มาด้านนี้มั้ย? อยากหนุนตักนาย”
   มะไม่ดีมั้ง... พูดไม่คิดแบบนี้ทรมานตุ๊ดนะคะ! อ๊าย! แล้วทำไมฉันต้องเขินอีแว่นด้วยเนี่ย! หยุดเลยนะนังอ้นนี่มันอีแว่นโฉดนะแกร๊!
   “ไม่เอาย่ะ!”
   อ้นเบ้ปากใส่แล้วพยายามจะลุกกลับไปนั่งด้านเดิมแต่เรย์ดึงแขนเขาไว้
   หนุ่มแว่นเขย่าแขนอ้นสองสามทีเหมือนเด็กอ้อนขอให้พ่อแม่ตามใจ แววตาของเรย์ในยามนี้ก็สดใสเหลือเกิน ในที่สุดตุ๊ดรักเด็กอย่างอ้นก็พ่ายแพ้
   “ฉันนั่งตรงนี้ก็ได้ แต่แกห้ามหนุนตักนะ แบบ... ไม่มีอันเดอร์แวร์สำรองมา เข้าใจมั้ย มันไม่โอ”
   “อ๋อ!”
   อ้นร่ายติดๆ ขัดๆ ด้วยความเขิน ทว่าเรย์กลับร้องอ๋อแล้วกระเถิบไปคว้าหมอนอิงสองใบ เขาวางใบหนึ่งไว้บนตักอ้นรองศีรษะของตนส่วนอีกใบก็ใช้กอดแนบอก เรย์ขดตัวตะแคงหันหน้าเข้าหาอ้นเหมือนรอคุณแม่เล่านิทานก่อนนอน
   “อะไรอีกล่ะ?”
   “รอฟังอยู่”
   “จะบ้าเหรอแก นี่ชวนฉันมาปาร์ตี้ชุดนอนรึไงเนี่ย? ไม่เสิร์ฟขนมกับเครื่องดื่มด้วยเลยล่ะยะ!”
   “อยากกินอะไร เดี๋ยวสั่งให้”
   นี่แกประชดหรือจะสั่งมาจริงๆ ยะ!
   อ้นมองท่าทีของเรย์แล้วเดาใจเจ้าของห้องไม่ถูกจริงๆ
   “ไม่เอาแล้วย่ะ อิ่ม! ความจริงวันนี้ฉันไปดินเนอร์มาด้วยนะ”
   และแล้วตุ๊ดพูดมากอย่างอ้นก็หลุดปากจนได้ หรือส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอ้นเองก็ต้องการระบายให้ใครสักคนฟังอยู่แล้วเช่นกัน
   “พี่โจมเค้าจีบฉันแหละแก ฟิ้นฟินอะ! การมีผู้ชายโปรไฟล์เริ่ดมาหลงรักนี่มันฝันที่เป็นจริงของตุ๊ดชัดๆ!”
   อ้นกรี๊ดกร๊าดอย่างมีความสุขจนลืมสังเกตสีหน้าของเรย์ที่แอบบึ้งขมวดคิ้วในยามที่อ้นกล่าวถึงโจม แต่ตุ๊ดช่างฝันยังคงปล่อยให้เรื่องราวไหลต่อไป
   “เสียดาย ไม่น่าตื่นจากฝันเลย แกรู้มะฉันไปเจออะไร?”
   อ้นกระแทกเสียงพลางก้มมาจ้องหน้าเรย์เหมือนอยากให้อีกฝ่ายมีส่วนร่วม เรย์เองก็ให้ความร่วมมือถามต่อแต่โดยดี
   “อาฮะ เจออะไรเหรอ?”
   “เจออีป้องกับอีชะนีแก่เหนียงยานไร้ยางอาย!”
   อ้นเค้นเสียงรอดไร้ฟันด้วยความแค้น!
   “แกรู้จักเด็กคนนั้นแมะ? อีเด็กที่ชื่อตะวันอะ?”
   เมื่อเลือกที่จะปลดปล่อยแล้วก็ต้องระบายมันออกมาให้หมด อ้นจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างแบ่งปันกับเรย์ ส่วนเรย์เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นหูเขาก็ตอบรับ
   “อาฮะ รู้จัก ทำไมเหรอ?”
   “ที่อีป้องมันมาขอเป็นแฟนกับฉันทั้งๆ ที่ไม่ได้รักฉันก็เพราะเด็กคนนี้ ป้องมันอกหักทะเลาะกับรุ่นน้องแกเลยหนีมาหาฉัน ฉันสู้อุตส่าห์ทำดีทุกอย่างหวังจะใช้ความดีชนะใจมันแต่ไม่เลย ป้องมันไม่เคยรักฉันเลย!”
   อ้นกัดฟันพลางสูดจมูกกลั้นทั้งน้ำมูกน้ำตา ส่วนเรย์ เขายังทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีด้วยการนอนฟังตาแป๋ว
   “แต่ฉันก็ไม่โกรธมันหรอกนะ ฉันรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันบังคับใจกันไม่ได้ แต่การที่มันแอบไปกินอีชะนีแก่นั่นจนท้องคืออะไรอะแก! ถึงฉันจะเลิกกับมันแล้วก็จริงแต่มันยังอยู่กับฉันอยู่นะ มันแอบมีคนอื่นได้ยังไง แล้วทำไมต้องเป็นอีแก่นั่นด้วย! ฉันรับไม่ได้อะ! รู้งี้นะฉันยอมให้มันปล้ำสิ้นเรื่องสิ้นราวตั้งแต่แรกดีกว่า มัวแต่ทำตัวเป็นคนดีแล้วโดนฉกผู้ชายไปต่อหน้าต่อตา คนที่ออฟฟิศก็หาว่าฉันแรด นินทาว่าฉันร่าน ถ้ารู้ว่าอีป้องหื่นขนาดนี้ฉันยอมร่านไปแล้ว ถ้าร่านแล้วผัวไม่หายอะ!”
   อ้นปล่อยโฮสมทบดราม่าชามโต ทว่าเรย์กลับขัดขึ้นเรียบๆ
   “เลิกกันแล้วเค้ามีคนใหม่ก็ไม่ผิดนะ”
   “อ้าวอีแว่น! ฉันอุตส่าห์เล่าให้ฟังแกก็มีหน้าที่เข้าข้างฉันย่ะ!”
   อ้นวีนแว้ดๆ ใส่เรย์เมื่อถูกขัดจังหวะ ทว่าเรย์รับมือด้วยการทำเสียงดุ
   “ไม่ดีนะถั่วงอก”
   อ้นอึ้งที่ถูกเรย์แกล้งเรียกว่าถั่วงอกอีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดเป็นเส้นตรงเตรียมฉะ แต่เรย์ชิงจิ้มนิ้วชี้มาถูหัวคิ้วของอ้นเป็นวงกลมจนคิ้วของอ้นคลายดังเดิม
   “คนเราจะคบกันก็ต้องไปกันได้ทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องเซ็กด้วยก็จริง แต่ปัญหามันอยู่ที่เค้าไม่รักนายต่างหากไม่ใช่เพราะนายกับเค้าไม่มีอะไรกันซะหน่อย แล้วนายก็บอกเลิกเค้าไปแล้วด้วย ดังนั้นเคสนี้ฝั่งนั้นเขาไม่ผิดนะ นายไม่มีสิทธิ์ไปว่าเค้า”
   “ฉันรู้ย่ะ!”
   อ้นเจ็บจริงๆ เขาจุกกับคำพูดของเรย์เสียจนเถียงไม่ออก
   “ที่นายไม่ยอมก็เพราะนายรู้ว่าเขารักคนอื่นไม่ใช่เหรอ? ทำถูกแล้วนะถั่วงอก คนเราคบกันควรให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนะ มันควรจะเติมเต็มทุกอย่างถึงจะมีความสุข ไม่ใช่แค่เซ็กหรือความรักที่ทุ่มเทจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรอก อยากให้ผู้ชายรักแล้วบอกว่าพยายามทำตัวดีแล้ว ต่อให้พยายามจนเหนื่อยแต่ดีของเค้ากับดีอย่างที่ผู้ชายอยากได้อาจจะดีคนละแบบก็ได้มันเลยไม่โอเค คนเราถ้าไปกันไม่ได้ก็ควรจบนะ ไม่ควรยืดเยื้อ”
   เป็นครั้งแรกที่อ้นรู้สึกว่าคำพูดของเรย์มีสาระ แต่กระนั้นสาระที่ว่าก็ยังเจ็บจี๊ดเพราะแทงใจดำอ้นเข้าเต็มๆ
   “แกจะบอกว่าดีแล้วที่ฉันไม่ใจง่ายใช่มะ? คนเราควรจะรักกันก่อนค่อยชวนกันขึ้นเตียง ดีแล้วที่ฉันเลิกกับอีป้องโดยยังไม่เสียตัวใช่มั้ยล่ะ?”
   อ้นคิดว่าเรย์คงจะพูดเพื่อปลอบใจตนแต่เรย์กลับพลิกตัวหนี เรย์ขยับออกจากตักของเขาไปนอนหงายพลางใช้สองมือรองต้นคอก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่ฟังคล้ายกำลังลังเล
   “ไม่รู้สิ สำหรับเรานะ ถ้าเรารักใครแล้วมันก็ต้องอยากบ้างแหละ อยากทำให้เค้าเป็นของเราคนเดียว แต่ก็คงต้องดูด้วยมั้งว่าเค้าเป็นคนยังไง”
   “ฉันนึกว่าแกจะตอบแบบพระเอก! จะรอวันแต่งงานอะไรแบบนี้!”
   “แต่พระเอกละครเมืองไทยต้องข่มขืนนางเอกนะ พอได้กันแล้วก็รักกันทุกที ทำไมคนไทยถึงได้ให้ความสำคัญกับเรื่องพรหมจรรย์จังเลย? ชอบใช้ลูกเป็นข้ออ้างแต่งงานด้วย ถุงยางก็มี มันประหลาดออก เนอะ? เป็นเมืองนอกก็แค่ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูจบแล้ว ต่อให้คบกันมีอะไรกันแต่ถ้าไปไม่ได้ก็จบสิจะยื้อทำไม ก็ยอมเองไม่ใช่เหรอจะมาเรียกร้องอะไร”
   อยู่ๆ หัวข้อสนทนาก็เบนเข็มมาเถียงกันเรื่องค่านิยมเกี่ยวกับพรหมจรรย์ และคำพูดของเรย์ก็ทำให้อ้นปรี๊ด
   “อ้าวอีแว่น! ก็เค้าสอนให้รักนวลสงวนตัวไงยะ กุลสตรีอ่ะรู้จักมั้ย? ถึงฉันจะแรดแต่ฉันก็มีสำนึกความเป็นไทยนะยะ นี่ดีนะยังไม่ได้เสียตัวให้มัน ถ้าฉันเสียตัวให้มันจริงๆ คงเสียใจมากกว่านี้หลายเท่า อาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้!”
   ปรี๊ดเองตอบโต้เองแล้วก็พึ่งนึกขึ้นได้เสียเอง อยู่ๆ อ้นก็โล่งใจเมื่อตระหนักได้ว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ยังไม่ได้มีอะไรกับป้อง หาไม่แล้วคงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสภาพเมียหลวงเมียน้อยเพราะผู้ชายเจ้าชู้ทำสาวอื่นท้อง! ซึ่งกรณีแบบนี้ต่อให้เขาเป็นผู้หญิงจริงๆ ก็คงมีแต่ยอมหลีกทางเพราะเห็นแก่อนาคตของเด็ก ถ้าหากเขามีอะไรกับป้องไปแล้วคงทำใจได้ยากกว่านี้
   “ผู้หญิงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเหรอ? แต่สมัยนี้”
   อ้นขัดโดยไม่ทันสังเกตคำพูดของเรย์อีกแล้ว เขาสวนกลับไปโดยไม่ฟังเรย์พูดให้จบ
   “นี่แก ฟังนะ โอเคใช่! มันอาจจะมีชะนีบางคนที่คู่ควรกับคำว่าร่าน แต่ส่วนมากต่อให้ใจง่ายขนาดไหนถ้าไอ้ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟน ไม่ใช่คนที่เรารัก ไม่มีใครอยากมีอะไรด้วยหรอก ไอ้พวกที่คันไม่เลือกนั่นส่วนน้อยย่ะ ต่อให้เป็นผู้ชายก็เถอะ ยังไงก็ต้องอยากทำกับคนที่รักมากกว่าอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ?”
   อ้นวีนแตกโดยจัดตัวเองให้อยู่คนละกลุ่มกับชะนีร่านคันไม่เลือกอย่างแจน เขาจบประโยคด้วยการถามหาพวกแต่เรย์ไม่ยอมตอบเข้าข้าง เมื่อเห็นเรย์เงียบ อ้นจึงสะกิด
   “อีแว่น!”
   “เราไม่รู้ ก็เซ็กกับความรักมันคนละอย่างกันนี่นา!”
   อ้นถึงกับเอามือทาบอกอุทานในใจเบาๆ เมื่อค้นพบว่าเรย์ หรือ “เรย์มอนด์ เทย์” เฮี้ยวกว่าที่คิด!
   “แล้วแต่แกละกันเนอะ...”
   อ้นจบเรื่องเถียงกันไว้แต่เพียงเท่านั้น เขากลัวเรย์จะฟรีเซ็กเข้าจริงๆ
   “อาฮะ”
   เรย์นอนนิ่ง ดวงตาของเขาเหม่อมองจ้องฝ้าบนเพดานคล้ายจะหลับ เขาไม่พูดอะไรอีก ราวกับพอใจจะอยู่ในความเงียบเช่นนี้
   อ้นเห็นดังนั้นจึงเลื้อยบ้าง เขาเอนตัวสอดขาเข้าไปใต้โต๊ะแล้วนอนราบไปกับพื้น ความนุ่มนิ่มของพรมชวนให้เคลิบเคลิ้มได้จริงๆ อ้นพึ่งเข้าใจว่าทำไมคนญี่ปุ่นในการ์ตูนชอบซุกตัวอยู่ในโต๊ะอุ่นขาก็วันนี้เอง



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


ถ้าพี่โจมจะสุภาพบุรุษขนาดนี้ o7 แต่อ้นไม่เอาพี่โจม ฮ่าๆ ให้ทายว่าอ้นไม่เอาเพราะอาราย? :hao7:

หลังจากปล่อยให้ผู้ชายคนอื่นทำตัวเด่นไปหลายตอน ในที่สุดพระเอกก็มาแว้ว! :z6:
พยายามเขียนให้มีบรรยากาศสบายๆ ระหว่างสองคนนี้ เป็นความสัมพันธ์เรียบง่าย  :mew3:
แต่เรย์แอบมีมุม Kawaii ด้วยนะ! แน่นอนว่ามุมโฉดๆ ก็ยังคงมี  o8
เป็นตอนที่ทำให้ได้รู้จักกับพระเอกคนนี้มากขึ้นทีเดียวล่ะ อ่านแล้วคิดยังไงกันบ้างเอ่ย? เรย์ยังปล่อยของไม่หมดหรอกนะ ฮ่าๆ
เรย์จะเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ต้องรอลุ้นนะคะ  :-[

#เฉลยที่มาของชื่อเรื่องแล้ว!   :katai4:
"ใครว่าเราไม่กินเส้น?" ถึงตอนนี้คงหายสงสัยแล้วว่าชื่อเรื่องมากจากไหน มาจากคำพูดของหนุ่มเรย์ ฮ่าๆ
เหมือนที่ภาคแรกเป็น "ตูดผมไม่ฟิตจริงเหรอพี่?" นั่นก็คำพูดเติ้ล

แต่จริงๆ มันมีคอนเซปนะ ภาคแรกเราตั้งเป้า หื่น+เสื่อม+ดราม่า ภาคนี้เราก็เลยตั้งเป้า ดราม่า+กุ๊กกิ๊ก+รักใสๆ
เกิดอารมณ์อยากแต่งนิยายใสๆ เบาๆ กับเค้าบ้าง (ถึงตอนนี้คงมีคนอ่านบอกว่า"หน่วง"อีกอยู่ดี ฮ่าๆ อ้นดราม่าเบาๆ เองน๊า!)
เห็นกี่เรื่องๆ ก็ชอบให้ตัวเอกทะเลาะกัน เกาเหลาแล้วค่อยมารักกัน เราก็เลยเอาประเด็นนี้เป็นที่ตั้ง
เพราะเราอยากเน้นที่ตัวเอกเพศที่สามด้วย ก็มานั่งคิดว่าเพศที่สามทั่วๆไปที่คนเค้าไม่ชอบนี่มันแบบไหนบ้าง? เอามาใส่ในอ้นนิดๆพอให้น่ารำคาญ อ้นเลยกลายเป็นตุ๊ดลำไยล้นๆหน่อย ไหนจะประเด็นเหยียดกันเองระหว่างตุ๊กเกย์กะเทย เพศที่สามที่ชอบอิจฉากันเอง มีความไม่กินเส้นเสิร์ฟเกาเหลาทั่วไปหมด!
นอกจากนี้ตัวละครพระเอกเอง คาแรคเตอร์ของเรย์ก็ไม่น่ากินเส้นด้วยอย่างแรง! คือภาพจากคนนอกมองมาเรย์ไม่น่าคบ รู้จักแล้วก็ยังหนักใจนิดๆ เข้ากับคนยากมาก
ก็ประมาณนี้แหละ ประเด็นในภาคนี้ก็เกี่ยวกับความไม่ถูกชะตา ไม่ชอบใจ วนเวียนอยู่กับประเด็นนี้แหละ
ส่วนของภาคที่แล้ว "ตูดผมไม่ฟิตจริงเหรอพี่?" ก็วนเวียนกับเรื่องเซ็กของเกย์ การได้กันง่ายๆ ระหว่างป้องกับเติ้ล ใช้เซ็กเติมเต็ม เซ็กมั่วซั่วในหมู่เกย์ มีประเด็นทางเพศเป็นตัวนำล้วนๆ ฮ่าๆ


ทิ้งท้ายไว้แบบนี้ต้องรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหอๆ  :o8:


เหลือ 3 ตอน จะจบครึ่งแรกแล้วน้า

ใกล้จบแล้วน้า อีกนิดเดียวจะถึงพักครึ่งแล้ว  :o12:

ใครที่ยังตามอ่านกันอยู่ก็แสดงตัวหน่อยเถ้อ อยากรู้ว่ายังมีคนตามอ่านอยู่มั้ย?

อ่านมาเกือบครึ่งเรื่องแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง มาคุยกันหน่อยน้า อยากได้กำลังใจบ้าง  :pig4:

อัพทีไรแทบไม่มีคนเม้น เยอะสุดๆ มีไม่เกิน5 เจ้าประจำมีไม่กี่คน แต่ตัวเลขวิวก็ขึ้นตลอด  :hao4:
ก็พยายามอดทนอัพนิยายอาทิตย์ละครั้งมาตลอดนะ ไม่ค่อยเกเร แต่มันก็ท้อเยอะเหมือนกัน  :hao3:
เอาเป็นว่าขอบคุณคนอ่าน ขอบคุณคนเมนต์ ละกัน นอกจากขอบคุณเราก็คงทำอะไรไม่ได้  :sad2:


ตอบเมนต์คนอ่านดีกว่า  :katai4:

จุกนะ  จุกมากๆ
นี่สินะที่ว่าเพศที่สามรักแรงเกลียดแรง  แต่เราว่าสำหรับอ้นนี่การหักหลังของป้องเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายเลยทีเดียว  รวมๆกันสิ่งที่เกิดขึ้นเลยระเบิดทีเดียวเละ
มาเห็นป้องปฏิบัติต่อแจนภาคนี้อึ้งไปเหมือนกันนะ  ภาคก่อนนี่เราอ่านผ่านมุมมองของอินางน้อยเติ้ลเลยเห็นเป็นว่าป้องหลังจากที่โดนแจน extreme makeover   แล้วดูหล่อ ดูดี  ดูมีราคา อัพสกิลสุภาพบุรุษขึ้นมาในทันที (ตอนที่ไปเจอที่โรงหนัง)  แต่มาตอนนี้สะใจค่ะแจนโดนมากพอตัวเลย ไม่รู้ตอบคำถามที่หลายๆคนถามกันมาเมื่อเจอผู้หญิงเกรดดีที่ทนช้ำใจอยู่กับแฟนเห้ๆมาได้ยังไง    ก็คือผู้ชายมันไม่ได้รัก จำยอมอยุ่เพราะโดนจับ หรืออยู่เพราะผุ้หญิงกลัวว่าจะโดนทิ้งก็พยายามหาทุกอย่างมาปรนเปรอ

อ้างถึง
พี่เป็นหมันอ้น เชื้อพี่ไม่แข็งแรงแล้วพี่จะทำเค้าท้องได้ยังไง?
ตรงนี้ขอเถียงนะคะ เชื้อไม่แข็งแรง อาจจะติดยากแต่ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้  (ปสกส่วนบุคคล) แต่ที่โจมว่าไม่ได้นอนด้วยกันก็โอเคค่ะ เคลียร์ดี

โจมชอบอ้นจริงๆ(ในตอนนี้)หรือเปล่า?   โจมลมเพลมพัดนะเราว่าเอนไปหาแทนเพื่อพักใจจากเมีย    เอนมาหาอ้นเพื่อหนีจากแทน   ใครจะไปรู้ว่าสักพักถ้าอยุ่กับอ้นแล้วของเทียมอย่างอ้นอาจจะสู้ของจริงอย่างชะนีไม่ได้นะ  แต่ยอมรับว่าโจมนี่เป็นสุภาพบุรุษดีจริงๆ

คิดถึงเด็กเข้าปัญหาแล้วค่ะ

เจอคำผิดนะคะ  เพศ-เพส   สงสัยกดแป้นไม่ลง

โอ้! มีคำผิดด้วย ขอบคุณนะคะ สงสัยหลงตาไปจริงๆ จัดการแก้เรียบร้อยแล้วค่า  :pig4:

ก็เจ๊แจนแกเจออีป้องภาคมารแบบนี้เข้าไปแต่ยังทิฐิท๊นทนฉันจะเปลี่ยนผู้ชายให้ได้อะไรประมาณนั้นอะค่ะ
คือมันก็ได้ในระดับนึงนะ ป้องไม่เหลือใครด้วยเหลือแต่เจ๊ เจ๊แกมีลูกด้วยกัน คือป้องก็คงพยายามทำตัวเป็นผัวที่ดีอะค่ะ แต่มันมาพังเพราะเจอมารยาอีนางน้อยในภาคก่อนนี่แหละ หุๆ
ใบ้ว่าทั้งแจนและอ้นถึงจะดี๊ดียังไงแต่มีอย่างนึงที่ทั้งคู่ไม่เคยทำ และนั่นเป็นสเป็กของป้อง ฮ่าๆ

อย่าลืมโบกมือลาพี่โจมนะคะ สุภาพบุรุษไปซะแล้ว ...  :hao5:
จริงๆ เขียนตัวละครดีๆ สุภาพบุรุษ เขียนให้คนชอบ อ่านแล้วกรี๊ด ก็พอทำได้นะ แต่ดันจับไปเป็นตัวละครรองหมดเลย ไม่รู้ทำไม ฮ่าๆ
พระเอกของ AzureICE ต้องแปลกๆเท่านั้น!


:o12 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

สงสารอ้นนนน  ตุ๊ดน้อยของป้าาาาาา

ตอนนี้ไม่ต้องสงสารแล้ว อิๆ  :hao7:


:hao5: :hao5: :hao5:

 o12 o12 o12
ทำไมร้องไห้กันเป็นแถบแบบนี้ล่ะ!? มันไม่ได้เศร้าขนาดนั้นน้า  :sad4:
อยากบอกว่าคนแต่งไม่รู้สึกอะไรเลยอะ  :confuse:  รู้สึกธรรมดามาก ไม่เค้นเท่าตอนแต่งเติ้ลป้องนะ


น่าสงสารอ้นจัง :mew4: :mew4: แต่ดูแล้วแต่ละคนก็มีปมในชีวิตของแต่ละคน :mew6: :mew6: รอตอนต่อไปอยู่น้าาาาารีบมาอัพเร็วๆน้าาาา :mew1: :mew1:

มาแล้วจ้า วันนี้มาดึก (จริงๆ ก็มาดึกตลอดทุกครั้งอะ แหะๆ)

ตอนนี้กุ๊กกิ๊กน้า ไม่เศร้าแล้ว  o13


:z6: อยากฆ่าทุกคน อยากเห็นศรีอ้นมีความสุข อีม่อนมารับอ้นไปที  :ling1:

"อีม่อน" ???  :a5:
เรย์ได้ชื่อเล่นใหม่แล้วสินะ ฮ่าๆ ไม่ใช่โดราเอม่อนเน้อ!
ตอนนี้อ้นศรีแฮปปี้แล้วน้า  :teach:



ไปน้า ถ้าคนแต่งหายไปก็แปลว่าเค้าออกเดินทางแย้ว  :o12:

เค้าจาไปจับโปเกม่อน!  :fire:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
จะเดินทางได้ข่าวว่าเอกสารหมดอายุไม่ใช่เหรอ?

ตอนนีรู้สึกว่าการสะกดแปลกๆอยุ่บางที่นะ   แต่ก็นะ  เราเองก็ใช่ว่าเขียนถูกเสมอไป

ตอนนี้โมเอะค่ะ  น่ารักสองตัวเอ๊ยคนนี้ เราว่า*เยอะ* ทั้งคู่แต่ก็โอเคค่ะ เคมีเข้ากันได้นะ จะเกาหรือไม่เกาก็เถอะ  เรย์วิเคราะห์ถูกจุดเลย   ช่วยอ้นได้มากทีเดียว   ยามที่คนเศร้านี่การบอกตรงๆเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากได้กัน  แต่เป็นสิ่งแรกที่จำเป็นต้องมีต้องได้

รอจุดจบอิแทนอยู่นะ

ป.ล  เรื่องนี้คิดว่าจะยาวขนาดไหนคะ? 2 เล่มจบไหมเอ่ย?

ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรย์น่ารักอ่ะ :o8: ชอบบบบบ

พี่โจมไปป้ายหน้านะคะ. ตัวซวยว่ะพี่  :angry2: ติดใจตูดแทนที่จะเอาต่อเสือกเลิกละหาดากใหม่ จังไรแท้ :katai1: :katai1:

อิป้อง สมน้ำหน้า 555555555 :mew4: :mew4:

ชะนีจ๊ะรออินางน้อยนะจ๊ะ เดวนางจะมาแย่งผัวคืนจ้าาาาา  :z2:

ตุ๊ดน้อยของป้าาาาาาา  รักนะลูกกกกกก

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
อ้นนี่จะเป็นตัวเองไม่แอ๊บเวลาอยู่กับเรย์
ดูน่ารักเป็นธรรมชาติดีในส่วนของดราม่า
ของนางนั้นข้ามไปค่ะ :m16: :m16: :m16:
โมโหอิเจ้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เย้ๆๆๆๆๆๆมาต่อแล้ว :mew1: :o8: :-[  อ่านตอนนี้แล้วทำไมรู้สึกทั้งเขินทั้งFin  :o8: :-[

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
อ่านยาวจุใจหลายตอนเลยค่ะ ไม่ได้เข้ามาส่องซักพักใหญ่

ชีวิตอ้นดาม่าไปไหม ตั้งแต่มหาลัยยันปัจจุบัน จะมีแฟนในอนาคตเป็นเรย์สักที <ใช่มั้ง> ยังไม่เหมือนชาวบ้านเค้า แต่ใครจะแคร์ละ รู้ว่าเรย์ดีกับอ้นก็ดีแล้ว อยากให้อ้นมีความสุขบ้าง

ออฟไลน์ Ssuchaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เกือบดีแล้วถ้าไม่ลงท้ายด้วยเถียงกัน 55555555  :laugh: แอบหวานนิดๆ เป็นตอนที่เบาสมองที่สุดตั้งแต่อ่านมา ขอให้พี่โจม ไปที่ชอยที่ชอบนะคะ  :call: ส่วนม่อนอ้นศรีหลับก็ลักหลับเลย เพราะเรื่องเซ็กส์ มันแยก กับความรัก น่อววววววว  :hao7:

เราให้โอกาสไรท์หายไปได้สองวันนะ หมดกำหนดแล้วรีบกลับมานะ เรารออยู่ อ่อ อ่านวนรอหลายรอบมาก  :z2:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
จะเดินทางได้ข่าวว่าเอกสารหมดอายุไม่ใช่เหรอ?

ตอนนีรู้สึกว่าการสะกดแปลกๆอยุ่บางที่นะ   แต่ก็นะ  เราเองก็ใช่ว่าเขียนถูกเสมอไป

ตอนนี้โมเอะค่ะ  น่ารักสองตัวเอ๊ยคนนี้ เราว่า*เยอะ* ทั้งคู่แต่ก็โอเคค่ะ เคมีเข้ากันได้นะ จะเกาหรือไม่เกาก็เถอะ  เรย์วิเคราะห์ถูกจุดเลย   ช่วยอ้นได้มากทีเดียว   ยามที่คนเศร้านี่การบอกตรงๆเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากได้กัน  แต่เป็นสิ่งแรกที่จำเป็นต้องมีต้องได้

รอจุดจบอิแทนอยู่นะ

ป.ล  เรื่องนี้คิดว่าจะยาวขนาดไหนคะ? 2 เล่มจบไหมเอ่ย?

ต่อเรียบร้อยแล้วค่า ฮ่าๆ ไหนๆ ละก็ประกาศเลยละกัน #เดือนหน้านักเขียนจะไปสิงคโปร์
ตื่นเต้นมาก เป็นการเดินทางไปเมืองนอกครั้งแรก ขึ้นเครื่องบินคนเดียวครั้งแรก ที่สำคัญพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย กลั๊วกลัวมาก แต่เพื่อนบอกว่า เดี๋ยวใกล้ๆ ถึงวันละจะบอกว่าต้องทำยังไง เรามีหน้าที่แค่พาตัวเองไปให้ถึงสนามบินสิงคโปร์แล้วนั่งเอ๋อรอเพื่อนมารับ ฮ่าๆ
ความจริงแล้วถึงนักเขียนจะเกรียนและปากเสียแต่มีมุมเอ๋อๆเยอะกว่าที่เห็น  :o8: สามารถเป็นตัวปัญญาอ่อนให้เพื่อนทุกคนเป็นห่วงได้ .... คุ้นๆ มั้ย? อืม... อย่าถามนะว่าต้นแบบความอินดี้ของเรย์มาจากใคร ฮ่าๆ
แล้วเดี๋ยวจะไปตามรอย "เรย์มอนด์ เทย์" มาฝากค่ะ ฮ่าๆ  :bye2:

#เรื่องภาษา
สำเนาที่ copy มาลงนี่หลังๆ เอามาจากฉบับอีบุ๊กค่ะ ค่อนข้างตรวจและเช็กภาษาและการสะกดจากราชบัณฑิตยสถานแล้ว
(ส่วนใหญ่นักเขียนจะชอบเผลอเรื่องเสียงและการผัน เป็นคนที่ผันวรรณยุกต์ไม่เป็น กับคำทับศัพท์ จำรูปแบบการเขียนไม่ค่อยได้)
แต่บางคำมันแปลกจริงๆ นั่นแหละ  :a5:
อย่าง "BODY" เค้าเขียน "บอดี" ไม่ใช่ "บอดี้"
คำที่ลงท้ายด้วย "-tion" นี่ "ชัน" เท่านั้น ห้ามเติมไม่เอกเป็น "ชั่น" เด็ดขาด
"ช็อปปิ้ง" "ซุปเปอร์" ก็ผิดค่ะ จริงๆ ต้องเขียน "ชอปปิง" "ซูเปอร์มาร์เก็ต" อืม... มันแปลกจริงๆ นั่นแหละ มันไม่คุ้น แต่มันถูกตามหลักการสะกดของราชบัณฑิตยสถาน
หรืออย่างคำว่า "อะพาร์ตเมนต์" แทบไม่มีคนเขียนมี "ะ" กันเลย
ตัวสะกดส่วนมาก "ก" กับ "ต" เกือบทั้งหมด แต่เราจะสับสนมากเรื่อง " " กับ  " " บางทีก็อ้วกค่ะ อาจจะมีบางคำหลงหูหลงตาไปบ้าง แต่นี่พยายามเช็กกับแอปแล้ว (อืม.. มันเขียน "แอปพลิเคชัน")

หวังว่าคนอ่านคงสัมผัสได้ถึงเคมีระหว่างอ้นและเรย์ แม้ว่าตอนนี้สาวอ้นจะไม่รู้ตัวเลยก็เถอะ สาบานว่าพยายามเขียนแล้ว  :hao5:
แต่คือบริบทมันต้องมุ้งมิ้งในแบบที่อ้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย เรย์ก็แสดงออกได้แบบ"เรย์ๆ" ทำให้ติดสกิลเฟรนด์โซน เพื่อที่จะมีผลต่อเนื้อเรื่องในอนาคต
มันเลยหวานได้แค่นี้ มุ้งมิ้งได้แค่นี้ แต่ถามว่าอีกหน่อยมีหวานกว่านี้มั้ย? ... ในความรู้สึกคือก็คิดว่ามีนะ แต่จะหวานเจี๊ยบถึงใจคนอ่านรึเปล่า? อันนี้ต้องรอลุ้นจริงๆ ค่ะ ฮ่าๆ
ไม่แน่นะ ... อาจจะเจอน้ำตาลไหมก็ได้  :hao7:

ป.ล. เคาะออกมาแล้ว อีบุ๊ก 805 หน้า ฮ่าๆ  :ling2:


เรย์น่ารักอ่ะ :o8: ชอบบบบบ

พี่โจมไปป้ายหน้านะคะ. ตัวซวยว่ะพี่  :angry2: ติดใจตูดแทนที่จะเอาต่อเสือกเลิกละหาดากใหม่ จังไรแท้ :katai1: :katai1:

อิป้อง สมน้ำหน้า 555555555 :mew4: :mew4:

ชะนีจ๊ะรออินางน้อยนะจ๊ะ เดวนางจะมาแย่งผัวคืนจ้าาาาา  :z2:

ตุ๊ดน้อยของป้าาาาาาา  รักนะลูกกกกกก

เดี๋ยวจะน่ารักกว่านี้อีก รออ่านตอนท้ายๆ เน้อ ฮ่าๆ

พี่โจมหายลับไปแล้วล่ะ  :bye2:

พาร์ตหลังรอเติ้ลโผล่ อีนางน้อยกลับมาแน่นอน หึๆ  :katai2-1:


อ้นนี่จะเป็นตัวเองไม่แอ๊บเวลาอยู่กับเรย์
ดูน่ารักเป็นธรรมชาติดีในส่วนของดราม่า
ของนางนั้นข้ามไปค่ะ :m16: :m16: :m16:
โมโหอิเจ้

ตั้งใจเขียนให้หลังๆ อ้นไม่แอ๊บแล้วค่ะ เทียบกับสมัยเรียนในภาคไม่ฟิตอะ
กับป้องอาจจะมีอ้อนๆ แบบแจ๋นๆ บ้างนิดหน่อย (เช่น ฉากวันเกิดป้อง) แต่ก็ไม่ค่อยแอ๊บแล้ว
แต่กับเรย์จะค่อนข้างวีนบ่อย ฮ่าๆ เพราะเรย์มันกวนอารมณ์จนอ้นลืมแอ๊บ แต่อ้นไม่เคยแอ๊วเรย์เลย เหอๆ ฟีลลิ่งมันไม่ได้!

ดราม่าไม่สนุกเหรอ? ...  :o8:  เค้าชอบเขียนฉากดราม่าสุดๆ ไปเลยนะ สะใจดี เจ๊แจนแสบมั้ยล่ะ? นางมารร้ายในคราบผู้ดี ไม่ต้องตบให้เสียมือ ไม่ต้องพูดรุนแรง ชักใยนิ่มๆ ตอกย้ำปมด้อยอ้นไปเรื่อยๆ
คนที่จะขยี้ศักดิ์ศรีของคนอื่นได้แสบขนาดนี้ต้องรู้จักจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ก่อน แล้วก็โจมตีให้ตรงจุด ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่านางร้ายมีสมองได้มั้ย แต่เป็นนางร้ายโรคจิตที่ชอบข่มคนอื่นให้ด้อยกว่าแน่นอน เหอๆ เจ๊แกชอบเหยียบคนอื่นไว้ใต้ฝาเท้า ฮ่าๆ


เย้ๆๆๆๆๆๆมาต่อแล้ว :mew1: :o8: :-[  อ่านตอนนี้แล้วทำไมรู้สึกทั้งเขินทั้งFin  :o8: :-[

เย้...  :sad4: ในที่สุดก็มีคนบอกว่าฟิน  :hao5:

เพราะเป็นนักเขียนที่ประหลาด ไม่ค่อยแต่งนิยายในขนบ เลยมีปัญหาเสมอๆ ว่าไม่รู้ว่านิยายตัวเองแม่xฟินแล้วรึยังวะ?

เรื่องฉากหวานๆ พล็อตฟินๆ ความรักทุ่มเท จีบกันมุ้งมิ้ง เราสารภาพเลยว่าค่อนข้างไม่มั่นใจ
ค่านิยมและมุมมองความรักเราแตกต่างกับคนทั่วไปอยู่แล้ว พอมาเขียนเราเลยไม่เข้าใจความสัมพันธ์แบบที่ชาวบ้านเค้าชื่นชอบ เพราะเราไม่อิน พอไม่อินไม่เข้าใจก็เขียนไม่ได้ ถ่ายทอดออกมาไม่ได้  เหอๆ
 :ling1:

แต่ดีใจที่มีคนบอกว่าอ่านแล้วเขินค่ะ เอาวะ อย่างน้อยก็มีคนฟินแล้ว 1 คน  :mew1:


อ่านยาวจุใจหลายตอนเลยค่ะ ไม่ได้เข้ามาส่องซักพักใหญ่

ชีวิตอ้นดาม่าไปไหม ตั้งแต่มหาลัยยันปัจจุบัน จะมีแฟนในอนาคตเป็นเรย์สักที <ใช่มั้ง> ยังไม่เหมือนชาวบ้านเค้า แต่ใครจะแคร์ละ รู้ว่าเรย์ดีกับอ้นก็ดีแล้ว อยากให้อ้นมีความสุขบ้าง

ชีวิตอ้นดราม่าจริงแต่อ้นเข้มแข็งนะ สภาพจิตใจอ้นดีกว่าเติ้ลตอนมีปัญหาเยอะ ดังนั้นเราเลยเขียนแบบไม่ค่อยเค้น ภาคที่แล้วเขียนแบบเค้นมากๆ ภาคนี้เขียนสบายๆ น้า เพราะสองภาคเราเขียนล้อกันด้วย

มันมีสารที่ซ่อนอยู่นะ  ถ้าเอาแบบกำปั้นทุบดินก็ "เมิงคิดว่าชีวิตเมิงดราม่า? เมิงคิดว่าปัญาในชีวิตที่เมิงเจอทุกข์หนัก? คนอื่นเค้าเจ็บกว่าเมิงเยอะแยะยังผ่านมันมาได้เลย อย่าเยอะ!" ... แน่นอน ประโยคนี้มอบให้แด่เติ้ล อินางน้อยผู้เอาแต่ใจ
ในชีวิตจริงวัยรุ่นบางคนก็เป็นงี้นะ เห็นปัญหารักหนักอกสำคัญยิ่งกว่าทุกอย่าง จะเป็นจะตายให้ได้ เหอๆ เห็นแล้วน่ารำคาญเป็นบ้า! .. อุ๊บส์ นักเขียนที่ดีไม่ควรพูดแบบนี้ใช่มั้ย? แต่งเองยังรำคาญเองเลย ฉากเติ้ลงอแงไม่ยอมไปเรียนแล้วเอาแต่อ้อนป้องนี่คือน่ารำคาญมาก ถ้าเราเป็นป้องเราคงถีบเติ้ลไปละ
ภาคแรกเติ้ลอมทุกข์ ดีดดิ้นมากกกก เพราะถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี เป็นการหลอกลวงที่เจ็บปวด แต่ความจริงแล้วปัญหามันไม่ได้ใหญ่เลย แค่เรื่องความรักงี่เง่า เทียบกับอ้นที่โดนกระหน่ำหลายอย่างมาก คือตกงาน เสียชื่อเสียง ไหนจะปัญหาหัวใจ แต่อ้นก็พยายามต่อสู้กับปัญหา ล้มแล้วลุกทุกครั้ง สู้มาตลอดตั้งแต่ตอนที่ทะเลาะกับป้องเรื่องล้วงแมมมอธ 
ซึ่งบุคลิกของเติ้ลกับอ้นก็ต่างกันด้วย คนนึงเป็นดวงตะวัน แสงอาทิตย์ที่ซื่อตรง แดดจ้ามากไปก็มีทั้งดีและไม่ดีแหละ สว่างแจ้งจริงแต่ก็แสบร้อนแยงตาด้วย สมกับบุคลิกที่เต็มไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านแบบเติ้ล สดใส แต่พร้อมเบิร์น ฮ่าๆ ส่วนอ้นก็เป็นแสงยามเช้า แสงนางอาจจะไม่สว่างมาก สีประหลาดอมแดง แต่นางก็ขึ้นใหม่ทุกเช้านั่นแหละ เป็นตุ๊ดสู้ชีวิตที่ล้มแล้วลุก
แต่นักเขียนไม่ได้ลำเอียงนะ #รักลูกเท่ากันทุกคน 55  :katai2-1:

ละที่สำคัญ ... รอลุ้นดีกว่า เรย์อาจไม่ใช่เจ้าชายแสนดีก็ได้ ไม่อยากให้คนอ่านผิดหวัง 55  o3
นักเขียนโรคจิตคนนี้ยังไม่เคยแต่งนิยายที่มีตัวละครขาวสะอาดเลยซักตัว ตัวละครของเราต้องมีเรื่องแปลกๆ ซักเรื่องสองเรื่องอะ


เกือบดีแล้วถ้าไม่ลงท้ายด้วยเถียงกัน 55555555  :laugh: แอบหวานนิดๆ เป็นตอนที่เบาสมองที่สุดตั้งแต่อ่านมา ขอให้พี่โจม ไปที่ชอยที่ชอบนะคะ  :call: ส่วนม่อนอ้นศรีหลับก็ลักหลับเลย เพราะเรื่องเซ็กส์ มันแยก กับความรัก น่อววววววว  :hao7:

เราให้โอกาสไรท์หายไปได้สองวันนะ หมดกำหนดแล้วรีบกลับมานะ เรารออยู่ อ่อ อ่านวนรอหลายรอบมาก  :z2:

อาไรกัน! เค้าว่าเค้าก็ไม่ได้เขียนดราม่ามากขนาดนั้นน้า  :sad4:  ตอนเดินจูงมือกินไอติมก็เบาสมองอยู่น้า โฮๆ  :hao5:
ต้องทำใจนิดนึงนะคะ เค้าชอบมาคู่กับความดราม่า 55 เค้าซาดิสอะ  :hao6:
#ลักหลับ ... อย่าสปอยเนื้อเรื่องสิ จุ๊ๆ  :impress2:

เดือนนี้ยังไม่ไปไหน แต่เดี๋ยวเดือนหน้าจะหาย แต่ก็น่าจะลงนิยายจบพาร์ตแรกพอดีนะคะ แหะๆ

เอาล่ะ มารออ่านกันเตอะ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2016 19:44:33 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมเห็นแชต เห็นชื่อตอนใหม่ แต่ไม่เห็นนิยายยยยยยยยย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   “อ๊ะ!”
   ว้ายตายแล้ว! หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!
   ทันทีที่สติมาอ้นก็ลุกขึ้นพรวดมองซ้ายมองขวาทันที เขาลูบๆ คลำๆ ร่างกายตัวเองอย่างหวงแหนแต่เมื่อรับรู้ได้ว่าในห้องนั่งเล่นนี้ไม่มีวี่แววของเรย์อยู่ก็รู้สึกโกรธขึ้นมานิดๆ อ้นเคืองเมื่อเรย์ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย!
   นี่แกทิ้งให้ฉันนอนตรงนี้คนเดียวจริงๆ เหรออีแว่น!
   อ้นลุกขึ้นยืนพลางมองหาเรย์ บนโต๊ะไม่มีโน้ตวางทิ้งไว้ ในห้องนั่งเล่นนี้ไม่มีนาฬิกา อ้นจึงไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าไหร่และเรย์ออกไปทำงานแล้วหรือยัง แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจไม่ถูก
   เอาไงดี มีสองห้อง ซ้ายรึขวา? แหมคอนโดหรูจังนะยะ สองห้องนอนใจกลางทองหล่อ! จะมีน้ำใจสะกิดเพื่อนเข้าไปนอนในห้องดีๆ ซักนิดก็ไม่มี!
   ในห้องนั่งเล่นของเรย์นั้น นอกจากทีวีติดผนังและโต๊ะโคทัตทสึตัวใหญ่ตัวนี้แล้วก็ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่นอีก แม้แต่โต๊ะอาหารยังไม่มี ทว่าอีกมุมหนึ่งของห้องกลับมีครัวบิวท์อินทันสมัยและตู้เย็นขนาดเล็กตั้งอยู่อย่างขัดกัน
   ลักษณะของครัวที่ไร้อุปกรณ์ต่างๆ วางไว้ให้หยิบฉวยได้สะดวกบ่งบอกว่าเจ้าของคงไม่ค่อยทำกับข้าวรับประทานเองสักเท่าไหร่ ตู้เย็นขนาดเล็กแบบไม่แยกช่องแช่แข็งช่วยยืนยันสมมุติฐานข้อนี้ให้อ้น
   อ้นค้นพบว่าที่อยู่อาศัยของเรย์นั้นกลับมีสิ่งของบ่งบอกตัวตนเรย์น้อยเหลือเกิน เรียบง่ายจนราบเรียบเกินไป
   เอาไงดี? มันจะด่าว่าฉันยุ่มย่ามมั้ยอะ? แต่ถ้าสมมุติมันออกไปทำงานแล้วมิเท่ากับว่าฉันถูกขังอยู่ในห้องนี้หรอกเหรอ!
   อ้นมองประตูทั้งสองบานด้วยความลังเลก่อนจะเสี่ยงเลือกบานทางซ้ายที่น่าจะเป็นห้องนอนใหญ่ เขาค่อยๆ แง้มประตูพลางชะโงกหน้าเข้าไป
   ห้องนอนของเรย์เรียบง่ายเหมือนเจ้าตัว เสื้อแขนยาวมีฮู้ดตัวที่อ้นยืมใช้เมื่อคืนถูกแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าบิวท์อินขนาดใหญ่สีขาว ถัดมาเป็นชั้นลอยติดกระจกใช้แทนโต๊ะเครื่องแป้งไปในตัว ผนังอีกฟากเป็นกระจกมีผ้าม่านสีขาวเบาบางปิดบังรัศมีสีทองจางๆ ของพระอาทิตย์ยามเช้า
   วิวดีจัง! ไม่น่าเชื่อว่าพระอาทิตย์ในกรุงเทพจะสวยขนาดนี้
   อ้นมองแสงแห่งรุ่งอรุณอย่างหลงใหล วิวสวยบนตึกสูงใจกลางกรุงดูแล้วช่างสวยงาม ภาพเมืองหลวงยามเช้าไร้ความสับสนวุ่นวายเป็นสิ่งเติมพลังที่ทำให้อ้นค้นพบอีกแง่มุมของชีวิต อารมณ์ของอ้นสดชื่นทันตาเห็นเพราะบรรยากาศที่อาบไล้ไปด้วยแสงแห่งความหวัง
   ฉันจะต้องมีความหวัง! จะต้องผ่านมันไปให้ได้ ฉันคือพระอาทิตย์ ต่อให้เจอกับเรื่องอะไรฉันก็จะกลับมาทอแสงใหม่ทุกเช้า!
   อ้นสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะระบายลมหายใจด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งกว่าเดิม และแล้วเขาก็หันไปสำรวจรอบๆ ตัว
   ในห้องนี้เริ่มมีเสื้อผ้าใช้แล้วและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเรย์กระจัดกระจายอยู่นิดหน่อย เป้ของเรย์วางกองไว้ตรงมุมห้อง ส่วนบนชั้นลอยนั้นก็มีแป้งเด็กแรกเกิดสูตรไร้สารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองวางอยู่ ใกล้ๆ กันนั้นมีขวดคาลาไมน์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโลชันสำหรับผิวแพ้ง่าย อ้นหยิบข้าวของมาดูแล้วถึงกับขำ อดไม่ได้ที่จะแอบเปิดกระป๋องแป้งดมกลิ่น
   ต๊าย! ผิวแพ้ง่ายจริงๆ นะยะ อ๊ะ! กลิ่นนี้มัน
   กลิ่นหอมบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของแป้งคุ้นจมูกอ้นมาก เขาสัมผัสกลิ่นนี้ได้จากเสื้อตัวที่เรย์ใช้ห่มให้เมื่อวาน
   อ้นสนุกกับข้าวของๆ เรย์เพลินจนลืมจุดประสงค์ดั้งเดิมของตัวเอง
   แต่แล้วก็มีเสียงเปิดประตู เรย์ก้าวออกมาจากห้องน้ำโดยยกมือขยี้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมบนศีรษะอย่างเมามันปล่อยให้ชายผ้าอีกด้านคล้องไหล่ เขาปิดประตูห้องน้ำตามหลังโดยไม่ทันสังเกตเห็นอ้นเพราะหยดน้ำและฝ้าที่เกาะอยู่บนแว่น
   แน่นอนว่าเมื่อผ้าเช็ดตัวถูกคล้องพาดไหล่เพื่อเช็ดผมเปียกๆ มันจึงไม่ได้ทำหน้าที่ห่อหุ้มปิดบังร่างกายแต่อย่างใด อ้นหันไปเห็นถึงกับทำกระป๋องแป้งตกพื้น!
   อุ๊ยตาย!
   เมื่อมีเสียงของหล่นเรย์จึงสงสัย เขาหันหน้ามาตามเสียงและปาดไอน้ำบนแว่นออกด้วยมือก่อนจะร้องออกมาเมื่อพบว่าอ้นยืนอยู่ในห้อง
   “Wa lao eh! นายเข้ามาทำอะไรในนี้!”
   เรย์รีบดึงผ้าเช็ดตัวลงมาพันเอว ส่วนอ้นก็รีบหันไปทางอื่นแล้วปิดตา เขาตะโกนตอบเสียงสั่น
   “คือฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจอะ ฉันจะเข้ามาหาแก คือฉันตื่นแล้วไม่เห็นแก ฉันนึกว่าแกไปทำงานแล้ว ฉันแค่จะเข้ามาดู ฉัน...”
   อ๊าย! หนอนยักษ์สีชมพูน่าหม่ำมาก ไม่ๆ สลัดมันออกไปจากหัวเดี๋ยวนี้นะนังอ้น! แกเลิกทำตัวแรดแล้วไง เดี๋ยวก็เกิดเรื่องอีกหรอก โอ๊ยตอนเช้าด้วย! ทำไมฉันต้องมาเห็นอะไรแบบนี้นะ! อ๊าย ลืมๆๆๆ!
   เรย์มองกระป๋องแป้งที่ตกอยู่บนพื้นแล้วถอนหายใจ ตำแหน่งของข้าวของบนชั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อยบ่งบอกว่ามีคนกำลังเพลิดเพลินกับการรื้อข้าวของๆ เขา สุดท้ายหนุ่มแว่นก็เดินมาหยิบของที่ตกอยู่กลับไปวางที่ชั้น
   อ้นปิดตาซบหน้าลงกับฝ่ามือไม่กล้าหันกลับไปทั้งยังไม่กล้าลืมตาด้วยกลัวจะทำให้เรย์โกรธ เขารู้ตัวว่ามีความผิดอีกทั้งอดีตที่เคยผิดพลาดยังคงฝังใจ แม้เรย์จะดูแล้วไม่น่าป่าเถื่อนเท่าป้องแต่จากที่เห็นก็บอกได้ว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษสักเท่าไหร่ อ้นไม่อยากให้เรย์โกรธจนลงมือกับเขา
   คนเราเมื่อปิดตาประสาทสัมผัสรับรู้ด้านอื่นจะเปิดมากขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ๆ อ้นก็ตกใจจนสะดุ้ง เรย์เองก็ชะงักเมื่อก้มลงหยิบแป้งที่ตกแล้วอ้นกลับทำตัวสั่นเหมือนตกใจ
   “ช่างมันเถอะ ทีหลังก็ระวังหน่อยนะ ดีที่แป้งไม่หก”
   “ขะขอโทษ คือฉันไม่ได้ตั้งใจอะ”
   โอเค คนสวยผิด คนสวยแอบยุ่งกับของๆ แก แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา!
   อ้นกล่าวขอโทษแต่เรย์กลับเงียบ เรย์เงียบจนบรรยากาศเกิดเดตแอร์ อ้นใจคอไม่ดีแต่ก็ไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนายังไง สุดท้ายจึงได้แต่เอ่ยขอโทษอีกครั้ง
   “เรย์? ... แกโกรธฉันเหรอ ฉันขอโทษ ฉัน”
   “เปิดตาได้แล้ว”
   เสียงของเรย์ดังขึ้นข้างๆ หูในระยะประชิดแถมเจ้าตัวยังดึงมือของอ้นออก อ้นสะดุ้งแต่แล้วเมื่อลืมตามาเห็นภาพของเรย์ก็เขินยิ่งกว่าเดิม
   แกบอกให้ฉันเปิดตามาดูแกใส่กางเกงลิงตัวเดียวเดินว่อนแบบนี้เนี่ยนะ!
   เรย์ดึงมือของอ้นออกจากการปิดตาตัวเองสำเร็จแล้วก็หยิบแป้งมาโรยตัวต่อ แม้เขาจะใส่กางเกงชั้นในเรียบร้อยแล้วแต่ร่างกายส่วนอื่นยังไร้เสื้อผ้าปกปิด ผมของเรย์ก็ยังเปียกชื้นชี้ไม่เป็นทรง เขานำผ้าเช็ดตัวไปผึ่งที่ราวแล้วเดินไปหยุดหน้าตู้เสื้อผ้า
   อ้นมองเรย์เดินไปมาโดยมีเพียงกางเกงในสีดำห่อหุ้มของสงวนแล้วก็ใจเต้น เขาเขินจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร หนุ่มแว่นแต่งตัวต่อหน้าอ้นจนตุ๊ดเขิน!
   “ข้างล่างมีซูเปอร์ล่ะ ถ้านายอยากซื้ออะไรก็ลองลงไปดูละกัน แต่ตอนขึ้นลิฟต์ต้องใช้คีย์การ์ด เดี๋ยวเราเอากุญแจสำรองให้นะ แต่นายอย่ายุ่งกับคอมเราก็พอ นอกนั้นก็ตามสบาย”
   เมื่อเห็นอ้นทำหน้างงเรย์จึงถามกลับ
   “หรือนายจะกลับหอวันนี้?”
   มาถึงตอนนี้อ้นพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเหตุผลที่ตนหนีมาคืออะไร การอยู่กับคนแปลกๆ อย่างเรย์ทำให้เขาลืมเรื่องปวดใจไปชั่วขณะ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าอีกครั้ง
   “ขออยู่ต่ออีกวันได้มั้ยอะ ฉันยังไม่พร้อมจะกลับไปเผชิญหน้ากับมัน ยังคิดไม่ออกเรื่องที่ตกงานด้วย”
   “อาฮะ ตามใจนายสิ แต่ห้ามยุ่งกับคอมพิวเตอร์ของเราก็พอ”
   คอมพิวเตอร์อะไรของแก ตั้งแต่มาฉันยังไม่เห็นซักเครื่อง!
   เรย์ตอบตกลงทว่ายังย้ำเรื่องสำคัญกับอ้นเช่นเดิม นอกจากนี้เขายังใจดีอธิบายเรื่องต่างๆ ให้อ้นฟัง
   “เครื่องซักผ้าใช้ได้นะ แต่ปกติเราไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ถ้านายจะใช้ก็ดูเองละกันว่ามีน้ำยาซักผ้าเหลือรึเปล่า หรือจะยืมเสื้อเราใส่ก็ได้ อยู่ตู้นี้”
   เรย์ตอบพลางชี้ไปที่ตู้อีกบานติดกัน เขาปิดตู้บานที่เปิดอยู่หลังจากหยิบชุดทำงานออกมาแล้ว
   “ขอบใจแกนะ”
   “อาฮะ”
   อ้นมองเรย์แต่งตัวแล้วไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรต่อจึงนั่งลงบนเตียง สัมผัสสุดนุ่มของเตียงหนาสิบสองนิ้วเสริมตัวท็อปทำเอาอ้นอยากกลิ้งทันที และแล้วเขาก็นึกขึ้นได้
   “นี่! แกใจร้ายมากเลยนะ ปล่อยให้ฉันนอนอยู่ข้างนอกจนถึงเช้าได้ยังไง!”
   อ้นท้วงทว่าเรย์กลับถามกลับได้ชวนหงุดหงิดเหลือเกิน แววตาของเรย์ระริกระรี้จนอ้นหมั่นไส้!
   “นายอยากเข้ามานอนในห้องกับเราเหรอกเหรอ?”
   “บ้า! คอนโดแกมีตั้งสองห้อง! ใครจะไปอยากนอนกะแก ฉันแค่... โหดร้ายจะตายปล่อยให้สาวสวยอย่างฉันต้องนอนบนพื้นห้องรับแขก”
   “แต่พรมมันนุ่มออก มีผ้าห่มอุ่นๆ ด้วย อีกห้องไม่มีที่นอนหรอก เราทำเป็นห้องคอลเลกชันน่ะ”
   เรย์เถียงแล้วหันกลับไปใส่ใจกับการจุดกระดุมต่อ อ้นแอบพิจารณารูปร่างเรย์ชัดๆ อีกครั้ง หนุ่มแว่นไม่มีขนรกรุงรังลามมาถึงหน้าท้องเหมือนป้องทว่าป่าดิบชื้นที่เห็นแวบๆ เมื่อครู่ก็อุดมสมบรูณ์มิใช่น้อย มังกรสีชมพูของเรย์ก็น่ารักน่าชังน่าเอ็นดูกว่าอนาคอนด้าแห่งป่ารกครึ้มของป้องเป็นไหนๆ ถึงเรย์จะเตี้ยกว่าป้องเกือบคืบแต่เรื่องขนาดส่วนล่างกลับพอฟัดพอเหวี่ยงไม่หนีจากกันมากเท่าไหร่เป็นรองเพียงเล็กน้อย เสียแต่ร่างกายของเรย์ไม่ค่อยมีมัดกล้ามเอาไว้โชว์ความแมน แถมหน้าท้องยังไร้ลอนซิกแพ็ก เรย์จึงไม่ค่อยดึงดูดอารมณ์ทางเพศของชะนีและเหล่าเก้งกวางทั้งหลาย แต่ถ้าวัดกันที่หน้าตาถือว่าเรย์ได้เปรียบป้องหลายขุมเพราะมองอย่างไรเรย์ก็จัดว่าดูดีกว่าเห็นๆ ด้วยบุคลิกที่ดูสะอาดสะอ้านสบายตา และหน้าตาที่หล่อเหลาขาวตี๋ผิดกับป้องที่ติดจะเซอร์จนซกมกหนวดเครารุงรัง หากจับแต่งตัวก็แต่งขึ้นเพียงแต่ถ้าไม่ช่วยจัดการก็มักจะปล่อยให้ตัวเองผมเผ้ากระเซอะกระเซิงจนดูไม่ได้
   “หรือคืนนี้นายจะมานอนห้องนี้ล่ะ?”
   เมื่อเห็นอ้นยังเหม่อเรย์จึงถามขึ้นอีกครั้ง
   “คืนนี้จะมานอนในห้องกับเรามั้ย?”
   “ฮะอะไรนะ?!”
   “อยากนอนกับเรารึเปล่า?”
   “บ้าเหรอแก!”
   อ้นวีนใส่เพราะไม่ได้ฟังที่เรย์พูด เมื่อฟังไม่ได้ศัพท์ประกอบกับในหัวกำลังคิดเรื่องไร้สาระอ้นจึงเขินจนหน้าแดง
   เรย์ถึงกับส่ายหน้าแล้วชี้ไปที่เตียง
   “เตียง? คืนนี้จะมานอนในห้องกับเรามั้ย?”
   “ดะดูก่อนแล้วกันแก”
   เมื่อรู้ตัวว่าปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มแล้วอ้นก็แก้เก้อด้วยการทำเป็นมองวิวนอกห้อง
   “พระอาทิตย์สวยจังเนอะ ห้องแกนี่วิวดีเหมือนกันนะ ซ้วยสวย ทำเลก็ดี๊ดี คอนโดไฮโซชัดๆ”
   “อาฮะ เราซื้อต่อเฮนรี่น่ะ”
   “ซื้อ?”
   อ้นถามด้วยความฉงน แต่เรย์กลับหันมายิ้มอวดดีให้
   เพราะกำลังผูกเนกไทอยู่เรย์จึงไม่ได้ดันแว่นตามความเคยชิน ทว่ารอยยิ้มของเรย์ดูอย่างไรก็ราวกับเด็กขี้อวด

   กว่าจะรู้ตัวว่าตนเผลอนั่งมองเรย์แต่งตัวจนเสร็จอ้นก็ถูกเรย์แกล้ง
   นายแว่นโฉดยังคงมีนิสัยขี้แกล้งตามเคย เมื่อเรย์เซตผมเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปล้างมือเพื่อล้างคราบแว็กซ์จัดแต่งทรงผม แต่แทนที่จะเช็ดมือดีๆ เขากลับมาดีดนิ้วใส่หน้าของอ้นที่เหม่อจนสะดุ้ง
   “ตื่นยัง? เหอๆ”
   “ว้าย! อีบ้า!”
   อ้นสะดุ้งตวาดเรย์ เขาเผลอตวัดมือตีแขนอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม แต่เรย์กลับหัวเราะอย่างถูกใจไม่ถือสาความใกล้ชิดนี้
   “ทำบ้าอะไรของแกฮะ!”
   “เห็นนายเหม่อไง ถ้าจะอาบน้ำจะใช้ห้องข้างนอกหรือใช้ในนี้ก็ตามสบายนะ ผ้าเช็ดตัวใหม่อยู่ลิ้นชักล่าง แต่แปรงสีฟันใหม่อยู่ในตู้ใต้อ่างล้างหน้าห้องข้างนอก”
   เรย์ร่ายยาวก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้แล้วพูดแทงใจอ้นด้วยสีหน้าซุกซน
   “อ้อ! ถ้าจะโกนหนวด แนะนำให้เปลี่ยนใบมีดด้วย อยู่ในชั้นเก็บของด้านบนนะ เผื่อนายอยากโกนหนวด”
   อ้นถึงกับปรี๊ด! แต่ความอายก็มีมากเช่นกัน เขารีบเอามือปิดหน้าพลางตะโกนด่าเรย์
   “อีบ้า! อีปากเสีย อย่ามาว่าฉันแบบนี้นะ อีทุเรศ!”
   อ้นรีบพุ่งไปยังกระจกแต่งตัวแล้วส่องพิจารณาหน้าตัวเอง
   เมื่อเห็นว่าเหนือริมฝีปากและใต้คางของตนยังไม่มีตอดำๆ ผุดขึ้นมาจนน่าเกลียดมีเพียงตุ่มขนบางๆ เขาก็หันกลับไปแว้ดใส่เรย์ ทว่าหนุ่มแว่นที่เช้านี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษหยิบเป้คู่ใจสะพายขึ้นหลังเตรียมออกไปทำงานแล้วเรียบร้อย
   “เอ๊ะ! แกจะไปแล้วเหรอ?”
   ชั่วขณะอ้นรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง เขาไม่อยากให้เรย์ไปเลย
   “อาฮะ”
   “เดี๋ยวสิ แล้วแกไม่กินข้าวก่อนเหรอ? คือ... ข้าวเช้า นม โอวัลติน?”
   “เดี๋ยวเราไปซื้อแซนด์วิชกับนมกินเอา ไปก่อนนะ มีอะไรโทรหาเราได้ตลอดนะอ้น”
   “อืม”
   เรย์เดินออกจากห้องนอน อ้นจึงเดินตามออกมา เขาเดินไปส่งเรย์ที่ประตู แล้วกล่าวขอบคุณเรย์อีกครั้ง
   “เรย์ ขอบใจแกมากๆ เลยนะ ถ้าไงก็... ไปทำงานดีๆ นะแก”
   “อาฮะ”
   อ้นมองเรย์ที่หันมายิ้มแล้วโบกมือให้อย่างร่าเริงด้วยความรู้สึกแปลกๆ แวบหนึ่งเขาเผลอจินตนาการว่าตัวเองเป็นคุณแม่ที่กำลังมองส่งลูกชายไปโรงเรียน แต่แล้วอ้นก็หลุดขำ
   ความเงียบค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในห้อง อ้นหันไปมองรอบๆ ตัวแล้วเกิดคำถามกับตัวเอง
   ฉันมาทำอะไรที่นี่? บ้านใครก็ไม่รู้ นี่มันไม่ใช่ที่ของฉัน! ฉันมัวทำอะไรอยู่!
   อยู่ๆ อ้นก็ร้องไห้ ความเครียดทั้งหมดกำลังเล่นงานคนเข้มแข็งที่กำลังพยายามหาทางตั้งหลักให้ตัวเอง อ้นคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ คิดถึงป้าจับใจ!
   
   อ้นเดินไปยังห้องนอนของเรย์ เขาล้มตัวลงบนที่นอนก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมร่าง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาราวกับหลั่งให้กับความบัดซบในชีวิต อ้นร้องไห้พลางหวนคิดถึงเรื่องราวเฮงซวยต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตนนับตั้งแต่วันที่ตัดสินใจว่าจะเป็นตุ๊ด
   อ้นซบหน้าลงกับหมอนอย่างเหนื่อยล้า เขาปล่อยให้ตัวเองสิ้นหวังท้อแท้จมอยู่ใต้ผ้าห่มและหมอนนุ่มนิ่มคล้ายจะทิ้งตัวลงสู่บ่อโคลนแห่งความเศร้าโศก ในที่สุดอ้นก็ติดกับเข้าจริงๆ เขาลุกไม่ขึ้นและถูกความง่วงครอบงำอีกครั้ง อ้นพ่ายแพ้ให้กับเตียงและเริ่มหลับตา ไม่นานเขาก็จมสู่นิทรา

   กว่าอ้นจะตื่นอีกครั้งก็เกือบเที่ยง เขาบิดขี้เกียจและถูแก้มของตนเข้ากับสัมผัสนุ่มลื่นของปลอกหมอน กว่าอ้นจะรู้ตัวว่าเขากำลังนอนกลิ้งอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงของเรย์ก็ผ่านไปหลายนาที
   ตายแล้วฉัน! ลืมไปเลยว่านี่มันเตียงของอีแว่น! บ้าๆๆ ทำไมแกถึงทำตัวแบบนี้นะนังอ้น!
   อ้นปากแข็งด่าตัวเองได้พักเดียวก็ยอมแพ้ซบหน้าลงกับหมอนเหมือนเดิม เขาสูดกลิ่นเครื่องนอนของเรย์อย่างผ่อนคลาย
   กลิ่นเดียวกับตัวอีแว่นเลย เตียงก็นุ่ม ปลอกหมอนก็ลื้นลื่น ถ้าเป็นฉันคงนอนขี้เกียจทุกวันแน่ๆ แกทำได้ยังไงนะเรย์
   อ้นคิดถึงเจ้าของห้องที่เข้มแข็งเสียจนไม่แคร์คนรอบข้างแล้วเกิดความรู้สึกนับถือปนอิจฉา ข้อเสียของเรย์คืออินดี้เกินไป แต่ในขณะเดียวกันความอินดี้ของเรย์ก็เป็นจุดแข็งเช่นกัน จากการใกล้ชิด อ้นคิดว่าตนเข้าใจเรย์ในระดับหนึ่ง
   เรย์เองก็มีมุมเหงาๆ ต้องการความรักและการยอมรับจากคนรอบข้างเช่นกัน ทว่าเรย์กลับจัดการกับความทุกข์ที่เกิดจากความผิดหวังได้อย่างเข้มแข็ง แม้จะแสดงออกด้วยท่าทีแข็งกร้าวทว่าก็มีมุมน่าเอ็นดูจนผู้คนไม่รู้สึกโกรธ เมื่อมองเทียบกับเขาที่พยายามหาพื้นที่ให้ตัวเองมาตลอดแล้วแตกต่างกันลิบลับ
   อ้นยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มีที่ยืนในสังคม เขาต้องการกลุ่มไม่อยากโดดเดี่ยว โดยเฉพาะหลังความแตก เขากับป้องมองหน้ากันไม่ติด แม้จะเสียใจแต่อ้นก็จำเป็นต้องยอมรับผลของการกระทำโง่ๆ อ้นต้องทำตัวแรดให้สมกับเป็นตุ๊ด ใช้ความแรงบังหน้า ยิ้มรับการถูกสังคมตราหน้าว่าอีตุ๊ดแรด อ้นทำเพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพศที่สามหัวรุนแรงในมหาวิทยาลัย ณ ตอนนั้น
   หากไม่ทำตัวแรงและลุกขึ้นสู้อ้นก็จะเป็นได้แค่อีตุ๊ดโรคจิต น่าสมเพชที่คนยอมกลับพ่ายแพ้ถูกกลั่นแกล้งนินทา แต่คนที่ทำอะไรเสื่อมเสียไร้ซึ่งความละอายกลับเชิดหน้าได้อย่างภาคภูมิใจในสังคม แม้ผู้คนจะด่าทอแต่ก็ให้การยอมรับมองว่าเป็นเรื่องปกติที่น่ารังเกียจและควรหลีกเลี่ยง ส่วนตุ๊ดขี้แพ้กลับถูกกลั่นแกล้งจากสังคมกลายเป็นเป้าหมายให้คนอื่นรังแก และอ้นไม่อยากถูกแกล้ง
   การที่อ้นได้รับการยอมรับจากป้องอีกครั้งทำให้เขามีความสุขมากเหลือเกิน อ้นไม่ต้องพยายามอัปเกรดตัวเองให้เข้ากับฝูงได้อีกต่อไป ไม่ต้องเหนื่อยขวนขวายหาข้าวของเครื่องใช้แพงๆ เพื่อให้เพื่อนยอมรับ ไม่ต้องพยายามทำตัวเลิศหรูดูไฮเพื่อไม่ให้ใครดูถูก เขาได้แต่งหญิงโดยไม่มีใครมาหัวเราะเยาะหน้าอกแบนราบและสะโพกแห้งๆ ไร้ส่วนเว้าส่วนโค้ง เขาได้เป็นเจ้าหญิงในนิทานของตัวเองโดยไม่ต้องแคร์เสียงหัวเราะของราชินีผู้สวยสง่าประจำกลุ่ม เขาเป็นเพียงแค่อ้นเมื่ออยู่กับป้อง และป้องก็ยอมรับเขา ทว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว
   ไม่เฉพาะเรื่องหัวใจเท่านั้น หน้าที่การงานเขาก็จบ อ้นเสียดายเวลาที่ผ่านมาเหลือเกิน เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากตนเริ่มใช้ยาคุมหรือเปิดรับฮอร์โมนเพศหญิงเข้าร่างตั้งแต่เด็กเขาจะไปได้ไกลมากแค่ไหน ความคิดที่จะเป็นตุ๊ดออฟฟิศเก็บหอมรอมริบเงินเดือนเพื่อความฝันของตัวเองจบลงอย่างน่าทุเรศ
   หรือจะต้องกลับบ้านไปปลูกดอกไม้ขายจริงๆ ฉันเกลียดแดด ไม่อยากตัวดำ อยากทำงานสบาย โอ๊ย! ฉันไม่อยากแอ๊บแมนไปสมัครงานที่ใหม่แล้ว!
   สิ่งที่อ้นกลัวที่สุดก็คือการต้องสำรวมอาการเก็บความสาวของตนเพื่อหางานใหม่ อ้นรู้ดีว่าสังคมสมัยนี้เปิดกว้างให้เพศที่สามแต่ค่านิยมบางอย่างยังคงอยู่ และบางทีก็เกิดจากอคติที่มีต่อเพศที่สามล้วนๆ น่าขันเหลือเกินที่บางครั้งผู้กีดกันก็เป็นพวกผิดเพศไม่ปกติเหมือนกับเขาเช่นกัน หากแต่พวกเขาเหล่านั้นเอาความเก็บกดของตัวเองมาระบายใส่คนที่เป็นตัวของตัวเองเช่นเขาอย่างดูถูกดูแคลน
   ที่ผ่านมาอ้นเป็นตัวของตัวเองได้อย่างสบายใจก็จริงเพราะเขาไม่คิดว่าพฤติกรรมของตนจะก่อให้เกิดปัญหา อ้นคิดว่าตัวเองวางตัวได้เรียบร้อยกว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาก ทว่าเพราะวางตัวดีเกินไปจนมีคนให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษเขาจึงถูกพิษริษยาจากคนที่แอบอิจฉาเล่นงาน อ้นคิดไม่ออกจริงๆ ว่าตกลงแล้วตนควรจะทำตัวอย่างไร?
   มาถึงตอนนี้อ้นเข้าใจสำนวนว่า “ดีได้แต่อย่าเด่นจะเป็นภัย” แจ่มแจ้ง!
   หนแรกอ้นโดนชะนีแย่งแฟนเพราะดันหลงระเริงโฆษณาสรรพคุณป้องอวดผู้คนไปทั่ว หนที่สองเขาถูกอีแอบจอมแอ๊บหมั่นไส้จนสร้างเรื่องฉาวใส่ร้ายสร้างข่าวคาวจนเขาถูกแอนตี้ไปทั้งบริษัท!
   “อ๊าย! หงุดหงิด เครียด! จะเอาอะไรกับตุ๊ดนักหนาฮะ! บ้าๆๆๆ บ้า! กรี๊ด!”
   อ้นทึ้งผ้าห่มฟาดแขนทุบหมอนจนข้าวของกระจุยกระจาย สภาพเตียงของเรย์เละเทะเมื่อเผชิญกับพายุอารมณ์ของอ้น ทว่าพออ้นได้สติคืนแล้วเขาก็ตัวสั่นเมื่อคิดได้ว่าเขากำลังทารุณกรรมข้าวของๆ เรย์
   “ตายแล้วนังอ้น! เตียงอีแว่น!”
   อ้นที่พึ่งได้สติรีบกระโดดลุกจากที่นอนแล้วพยายามจัดเตียงใหม่ เขาตบหมอนเสียฟูก่อนจะขึงผ้าปูเตียงเสียตึงเปรี๊ยะ เมื่อเล็งว่าทุกมุมเรียบร้อยดีงามแล้วอ้นก็ถอนหายใจพลางพัดมือ
   เพราะอะดรีนารีนที่หลั่งทำให้ตื่นเต้นจนเหงื่อออก อ้นจึงตัดสินใจอาบน้ำ เขายิ้มออกมาเมื่อนึกได้ว่านี่เป็นโอกาสทองในการสำรวจไลฟ์สไตล์ของเรย์ผ่านข้าวของในห้อง



ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   แกอนุญาตฉันเองนะอีแว่น โฮะๆ
   อ้นเปิดตู้เสื้อผ้าของเรย์พลางสำรวจอย่างสนุกสนาน เขารื้อหาเสื้อผ้าแต่นอกจากชุดทำงานและกางเกงยีนส์ไม่กี่ตัวแล้วเสื้อผ้าของเรย์เหมือนจะมีแต่เสื้อยืดลายการ์ตูนทุเรศลูกตา
   “อะไรเนี่ย! ตัวนี้เปิดนมตัวนี้ก็โชว์กางเกงใน! จิ๋มผู้หญิงนะยะไม่ใช่หนอนน้อยจะได้อูมปลิ้นขนาดนี้! อีบ้านี่มีแต่เสื้อไร้รสนิยมรึไง!”
   อ้นมองชุดนอนที่ตนใส่อยู่พลางสองจิตสองใจว่าจะขอยืมเสื้อยืดของเรย์ใส่หรือหยิบเอาชุดนอนตัวใหม่ออกมาใช้ดี?
   อ้นเปิดตู้เสื้อผ้าไปเรื่อยๆ ค้นลึกเข้าไปจนไปเจอเสื้อโปโลยี่ห้อหรูถูกพับวางไว้ในลิ้นชัก
   “ของดีๆ ก็มีนี่นา อีบ้านี่ เอาล่ะ วันนี้ฉันจะแต่งบอย โฮะๆ”
   อ้นหยิบเสื้อโปโลของเรย์ออกมาพลางเลือกกางเกงยีนส์ในตู้ เขามีความสุขราวกับได้ไปชอปปิงเสื้อผ้าชุดใหม่ แต่เมื่อมาถึงเรื่องสำคัญอ้นกลับเขิน
   “เอาไงดี... แต่ของแบบนี้ไม่ควรใช้ร่วมกันนะนังอ้น แค่ยืมใส่ไปก่อนแป๊บเดียวเองเดี๋ยวพอลงไปข้างล่างก็ซื้อของใหม่มาใช้แล้วซักคืนมัน ... แต่นี่มันลิงน้อยอีเรย์นะ! ... แล้วแกจะปล่อยให้น้องสาวแกเย็นสดชื่นรับแอร์ตอนเดินซื้อของรึไงยะนังอ้น! อ๊าย! ทำไมฉันต้องมีปัญหากับลิงน้อยอีแว่นตลอดเลยนะ!”
   อ้นเถียงกับตัวเองราวคนบ้า แต่หลังจากนั่งหน้าแดงหน้าลิ้นชักเก็บชั้นในของเรย์ได้สามนาที ในที่สุดอ้นก็ตัดสินใจปิดลิ้นชักเก็บ ทว่าตอนนั้นเองที่อ้นตาไวเห็นถุงพลาสติกแลบออกมาแวบๆ เมื่อคุ้ยดูจึงรู้ว่ามีกางเกงในตัวใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้เหลืออยู่ในถุงอีกสองตัว มันถูกซุกไว้ใต้สุดในกองชั้นในอ้นจึงไม่ทันสังเกต
   “โอ๊ย ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ!”
   อ้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินบิดเข้าห้องน้ำอย่างมีความสุข

   ห้องน้ำห้องใหญ่ภายในห้องนอนหลักของคอนโดหรูมีอ่างอาบน้ำอย่างที่คิด มิหนำซ้ำผนังด้านหนึ่งยังเป็นกระจกมองออกไปด้านนอกเห็นวิวตึกสูงในกรุงเทพ อ้นแทบกรี๊ดเมื่อคิดว่าวันนี้เขาจะได้อาบน้ำท้าทายสายตาแห่งมหานคร โชคดีที่เขาเห็นว่ามีฉากบังตาอยู่ด้านบน อ้นปลดฉากลงมาปิดบังตัวเองจากภาพทิวทัศน์ด้านนอกแล้วเริ่มต้นเปิดน้ำร้อนใส่อ่าง หลังจากผสมน้ำจนได้ระดับความอุ่นที่พอใจแล้วเขาก็แช่ตัวอย่างมีความสุข
   “สุดยอดเลย ฉันต้องทำงานเก็บเงินอีกกี่ชาติน้าฉันถึงจะได้ใช้ชีวิตหรูหราแบบนี้เหมือนแก”
   อ้นแทบเคลิ้มไปกับฟองโฟมที่ตีจนฟูฟ่องลอยทั่วอ่าง เขาอาบน้ำอย่างมีความสุขพลางจินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงในดินแดนแห่งเกาะวิเศษ อ้นสมมุติถึงเจ้าชายในจินตนาการแล้ววาดฝันว่าตัวเองกำลังฮันนีมูนอยู่กับพระสวามีสุดที่รัก แต่พอคิดไปคิดมาแล้วอ้นก็หัวเราะตัวเอง เขาบอกตัวเองให้ขึ้นจากน้ำก่อนจะเปื่อยไปทั้งตัว
   บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าในห้องนอนใหญ่นี้เต็มไปด้วยข้าวของๆ เรย์ ทั้งเจลโกนหนวดและอาฟเตอร์เชฟกลิ่นหอมสดชื่น อ้นจำได้ทันทีว่านี่คือกลิ่นแบบเดียวกับที่ตนสัมผัสได้จากเรย์บ่อยๆ หนุ่มแว่นขี้แพ้และไม่ใช้น้ำหอม อ้นคิดไม่ถึงว่ากลิ่นหอมที่ตนติดใจจะเป็นเพียงแค่อาฟเตอร์เชฟเท่านั้น แต่ที่อ้นแปลกใจสุดๆ กลับเป็นเคลนซิ่งและครีมบำรุงรวมถึงอุปกรณ์แต่งสวยบางอย่างที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์หน้ากระจก แน่นอนว่าอ้นหยิบใช้สบายใจเฉิบ!
   ยิ่งรู้จักนับวันยิ่งสนิทแกยิ่งผิดไปจากที่ฉันเคยคิด ซักวันแกจะกลายเป็นเพื่อนสาวของฉันจริงๆ ใช่มั้ยอีแว่น!

   และแล้วอ้นในชุดเสื้อโปโลกางเกงยีนส์ของเรย์ก็ก้าวมายืนหน้ากระจก เขาหมุนไปมาเพื่อดูรูปร่างตัวเองอย่างห่อเหี่ยว
   “สภาพเหมือนเด็กเอาเสื้อพ่อมาใส่เลยฉัน”
   อ้นต้องเอาเข็มขัดมารัดกางเกงของเรย์เพื่อไม่ให้น้ำหนักของผ้ายีนส์ถ่วงจนเลื่อนหลุด เขาต้องพับขาหลายทบจนดูแล้วเอาต์ไม่เข้าสมัย เสื้อที่ใส่ก็ผิดขนาดขาดความดูดี แม้ว่าอ้นจะไม่ได้แต่งชุดไปรเวทแบบผู้หญิงทุกครั้งแต่กระนั้นเขาก็ยังพอจะมีกางเกงพอดีตัวและเสื้อยืดลายเก๋ๆ เอาไว้ใส่ ทว่าชุดนี้ของเรย์นั้นพลังทำลายช่างรุนแรงเกินกว่าตุ๊ดอย่างเขาจะรับไหว สุดท้ายด้วยความหิวอ้นจึงจิ๊กเสื้อแขนยาวตัวเดิมมาใส่ทับก่อนจะลงไปหาของกินข้างล่างตึก
   แม้จะอยู่ในกรุงเทพมาหลายปีแล้วแต่วันนี้อ้นเหมือนได้เปลี่ยนบรรยากาศ เขาได้ก้าวเข้าไปอยู่ในชุมชนที่ไม่คุ้น ไม่มีใครรู้จักขาดคนคุ้นเคย นอกจากนั้นในซูเปอร์มาร์เกตแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ แสงไฟและการออกแบบภายในที่หรูหราแตกต่างไปจากห้างเจ้าประจำทำให้อ้นประหม่า เมื่อเห็นสายตาของพนักงานมองตามแล้วอ้นก็ยิ่งรู้สึกกระดากอายกับสภาพของตัวเอง
   ฉับพลันเขารู้สึกเหมือนอลิสที่หลุดเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ เป็นครั้งแรกที่อ้นรู้จักกับคำว่าตัวคนเดียวอย่างแท้จริง ในที่แห่งนี้ไม่มีใครรู้จักเขา เขาเพียงแค่ผ่านมาและอีกเดี๋ยวก็จะผ่านไป อ้นหลุดขำเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพราะเหตุใจเขาจึงจำเป็นต้องใส่ใจกับสายตาของคนรอบข้างมากเกินเหตุ
   แต่แล้วอ้นกลับนึกถึงเรย์ ชายหนุ่มจะรู้สึกตัวคนเดียวเหมือนเขาไหม? เรย์จะเหงามากแค่ไหนเมื่อใช้ชีวิตอยู่ที่นี่โดยปราศจากความเอื้อเฟื้อจากสังคมรอบข้าง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเรย์ก็โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวเสมอ วินาทีนั้นอ้นสงสารเรย์ขึ้นมาจับใจ
   อ้นรีบจับจ่ายซื้อของทั้งอาหารเที่ยงของตนและเมนูมื้อเย็นตอบแทนความมีน้ำใจของเรย์ เย็นนี้เธอจะจัดปาร์ตี้ให้เพื่อนสนิทคนใหม่

   เมื่อหนังท้องตึงพร้อมรับมือกับปัญหาแล้วอ้นก็ตัดสินใจโทรกลับบ้าน หลังจากคิดทบทวนมาอย่างดีแล้วอ้นตัดสินใจสารภาพกับพ่อ เขาต้องการกำลังใจจากคนที่บ้านเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่เผชิญ คิดไม่ถึงว่าพ่อจะพูดในสิ่งที่ทำให้เขาถึงกับหลั่งน้ำตา
   “ไอ้ค่าผ่าตัดอะไรของแกนั่นมันจะซักเท่าไหร่กัน? กลับมาเป็นลูกจ้างที่สวนเราก็ได้ พ่อจะให้เงินแกไปผ่าตัดเอง”
   “แต่เงินมันตั้งเป็นแสนนะพ่อ! สวนเราไม่ได้มีเงินหมุนมากขนาดนั้น ทั้งๆ ที่หนูตั้งใจจะทำงานเก็บเงินอย่างสุจริต หนูไม่คิดเลยอะพ่อว่าคนสมัยนี้มันจะใจร้ายขนาดนี้ มันบีบหนูออกเพราะหนูเป็นตุ๊ด!”
   อ้นฟูมฟายกับพ่อ เขาระบายด้วยความโล่งอก นับตั้งแต่ที่กลับบ้านช่วงปีใหม่พ่อของเขาก็เหมือนจะยอมรับได้มากขึ้น และถ้อยคำปลอบใจที่เสนอตัวออกค่าผ่าตัดให้ก็ทำให้อ้นรับรู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อรักตนมากแค่ไหน เมื่อคิดว่าพ่ออยู่ข้างตนแล้วอ้นจึงอดไม่ได้ที่จะระบายทุกอย่างเหมือนคนเสียสติ
   “มันหาว่าหนูวางตัวไม่ดี ทำตัวไม่เรียบร้อย แล้วอีฝ่ายบุคคลหน้าโง่นั่นก็เชื่ออีคนใส่ร้ายหนูทั้งๆ ที่หนูเห็นมันเล่นหนังสดคาห้องน้ำ! ทำไมคนสมัยนี้มันแย่แบบนี้ละพ่อ! เอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่น!”
   “อ้นเอ้ย ทองอยู่ที่ไหนมันก็ยังเป็นทอง ก้อนดินชุบทองสักวันมันก็ต้องลอกออก ถ้าแกอยากให้คนอื่นเขามองแกในแง่ดีแกก็ต้องทำตัวดีๆ ให้เขาเห็นก่อน ทำดีมันอาจจะยาก กว่าจะเห็นผลอาจต้องใช้เวลานาน แต่ยังไงซะความดีที่เราทำมันก็จะติดอยู่กับตัวไม่หลุดลอกไปไหน มันก็เหมือนความชั่วนี่แหละ ผิดพลาดครั้งเดียวถูกโพนทะนาไปตลอดชีวิต พูดกันไม่รู้จบ แกก็มีประสบการณ์มาแล้วไม่ใช่เหรอ? จะไปเดินซ้ำรอยเดิมอีกทำไม”
   อ้นเงียบพลางฟังคำกล่าวของพ่อด้วยความรู้สึกผิด อดีตที่ผ่านมาหลายอย่างกำลังตอกย้ำกับอ้นว่าสิ่งที่เขาเคยคิดว่าทำดีแล้วนั้นอาจจะยังดีไม่พอ
   “ไอ้ตัวพ่อเองก็แก่แล้ว ถึงตอนนี้ก็ทำใจได้แล้วแหละว่าแกคงจะกลับมาเป็นลูกชายคนเดิมของพ่อไม่ได้ อยากจะเป็นผู้หญิงพ่อก็ไม่ว่าหรอกพ่อหมดปัญญาจะไปห้ามแกแล้ว แต่ขอได้ไหม ถ้าอ้นคิดจะเป็นผู้หญิงก็ขอให้เป็นลูกสาวที่พ่อภูมิใจ ขอให้รักนวลสงวนตัว ทำกิริยามารยาทให้มันเรียบร้อยอ่อนหวานสมกับเป็นลูกสาวของแม่แก อย่าให้เสียชื่อลูกสาวนางงามประจำจังหวัด อย่าให้ใครเขามาว่าลูกสาวพ่อแรด แกสัญญากับพ่อได้ไหม?”
   “หนูเปล่าแรดนะพ่อ...”
   อ้นสูดจมูกเถียงแต่ผู้เป็นพ่อกลับหัวเราะแล้วอบรมต่อ
   “แล้วถ้าแกไม่แรดคนอื่นเขาจะมาด่าแกได้ยังไง? เราต้องดูตัวเราก่อนสิอ้น”
   “ก็มันหมั่นไส้หนูอะ! หนูเปล่าซะหน่อย มันหาเรื่องหนู!”
   “นั่นแหละ เรายิ่งต้องพิจารณาตัวเองว่าไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบ ที่เขาด่ามามันมีมูลรึเปล่า? ลองคิดสิ ถ้าแกเห็นผู้หญิงแท้ๆ ทำตัววี้ดว้ายไม่เรียบร้อยแกคิดว่าผู้ชายมันจะอยากได้ไปเชิดหน้าชูตาไหม? ยิ่งรู้ว่าคนมีอคติแกก็ยิ่งต้องทำตัวให้ดีกว่าคำตำหนิพวกนั้น ถ้าเราทำตัวดีไร้ที่ติเดี๋ยวพวกมันก็หมดเรื่องไปเอง แล้วยิ่งแกเป็นแบบนี้ แกก็รู้ว่าคนเขาจ้องจับผิด แกจะไปทำตัวให้เขาหาเรื่องติทำไมละอ้น”
   แม้จะฟังแล้วขัดใจแต่อ้นก็ไม่กล้าเถียงพ่ออีก เขาพยายามลดทิฐิในใจแล้วลองคิดตามคำสั่งสอนของพ่ออย่างมีเหตุผล
   “แล้วถ้าหนูพยายามทำดีแล้วแต่คนเขายังหาเรื่องรังแกหนูอีกละพ่อ ถ้าหนูพยายามเท่าไหร่ก็ยังดีไม่พอสำหรับเขาล่ะ? มันเหนื่อยนะพ่อ”
   เสียงของอ้นเริ่มสั่นเครือเมื่อนึกถึงใครบางคน แต่คนเป็นพ่อยังคงอบรมอ้นต่อไป
   “ก็คิดซะว่าเขาก็ร้ายของเขาแบบนั้นไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจฟัง โลกนี้ไม่มีใครที่ไม่ถูกนินทาหรอก เราแค่ทำตัวของเราให้ดีก็พอ พ่อล่ะไม่เข้าใจแกจริงๆ ตอนเป็นผู้ชายก็เรียบร้อยดีทำไมพอเป็นผู้หญิงแล้วถึงเป็นแบบนี้ละเฮอะ?”
   “ก็ตอนเป็นผู้ชายหนูเก็บกดนี่”
   “เอาเถอะๆ คราวนี้ก็ได้บทเรียนแล้วนะอ้น คนเราผิดพลาดกันได้แต่ต้องรู้จักปรับปรุงตัวด้วย เออ แล้วนี่เจ้าป้องมันว่ายังไงบ้าง? ยังมีเงินใช้อยู่ไหมอ้น?”
   “หนูพอมีค่ะพ่อ ป้องมัน... ป้องมันกำลังจะย้ายออกด้วย พอดีมันอยากเปลี่ยนหอไปอยู่ใกล้ที่ทำงาน หนูยังไม่ได้คุยกับมันเลย”
   “อ้าว! ถ้ายังงั้นแกก็ลำบากแย่เลยสิอ้น ถ้ามีอะไรให้พ่อช่วยก็บอกนะ”
   “พ่อ... หนูอยากกลับบ้านอะ”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


#สาบานว่าไม่ได้อ่อย? เรย์แอบล่อลวงอ้นหลายตอนน้า ฮ่าๆ  :hao6:
เรย์ ... ถึงนายจะใส่  Trunks แต่มันก็คือกางเกงลิงนะ ใส่กางเกงลิงตัวเดียวเดินว่อนไม่ดีต่อสภาพจิตใจตุ๊ดนะเรย์

*  Trunks จะเป็นกางเกงในขาสั้นแบบแนบเนื้อนะ ตามรูปข้างล่าง ไม่ใช่แบบบ็อกเซอร์ที่ป้องใส่


ส่วนลายเสื้อยืดของเรย์ก็ ... อืม เวลาไปเดินตามงานหนังสือหรืองานการ์ตูนจะเจอบ่อย เสื้อยืดลายการ์ตูนเซอร์วิสสาวน้อยเนี่ย บางทีก็อยากถามน้องผู้ชายที่ใส่เดินด้วยความภูมิใจว่าน้องไม่อายเหรอคะเดินโชว์นมตัวการ์ตูนผู้หญิงตลอดงาน
เสื้อยืดลายการ์ตูนนั้นพี่เข้าใจ แต่คนขายช่วยออกแบบลายที่ดูแล้วมีกึ๋นมีคลาสหน่อยได้มั้ย? ไอ้พวกเสื้อยืดคำหยาบๆ ถ่อยๆ "คะรวย" "he" "E*" พวกนั้นก็ด้วย คือมันเท่ตรงไหนวะ? #ถ่อยละดูดี?
ถึงเราจะแต่งนิยายที่มีคำหยาบเยอะมาก และตั้งชื่อนิยายแรงมากกกก แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ ป้องไม่เคยพูดหยาบกับคนไม่สนิท กับโจม แม้แต่กับเรย์ฉากที่เจอกันตอนไปซ่อมรถ ป้องพูด "ผม" นะครัช! และถ้าลองย้อนไปอ่านตอนแรกสุด ฉากแรกสุดที่ป้องคุยกับเติ้ล ป้องก็ "พี่" นะ แต่พอหลังๆ มันปลดปล่อยความเถื่อนมันก็ "กู-มึง"
ดังนั้น ความจริงแล้วเราแอนตี้คำหยาบนะ ฮ่าๆ  :mew1: มีบ้างนะที่อัปสเตตัส ตู กู เมิง มึง แม่ง สัด เหี้ย เชี่ย ในเฟซ ส่วนใหญ่มักเป็นการเล่าอะไรแบบเน้นอารมณ์ แต่กับเพื่อนสนิทเราก็เราไม่เคยพูดกูมึงด้วยเสียงเราเองจริงๆ ให้ระคายปากนะ อิๆ (#โหมดแหลเสียงแบบพี่สตาร์) แม้แต่กับเพื่อนผู้ชายเราก็ "แก" และ "เรา" "เค้า" ตลอด ผู้ชายก็พูดงี้กับเรา เราไม่ใช่ผู้หญิงพวกที่มีภาพลักษณ์ #แรงแต่จริงใจ กูมึงเป็นว่าเล่น ไม่พูดกูด้วยถือว่าไม่สนิทอะไรแบบนั้น แต่วะโว้ยโวยวายนี่ยอมรับว่าพูดบ่อย แหะๆ

จริงๆ คำพวกนี้มันก็ไม่ผิดหรอก แต่ต้องมีกาลเทศะบ้าง ถ้าเราพูดกับนักอ่านทุกท่านว่า "เฮ้ยพวกมึงอ่านนิยายกูยังวะ? อ่านแล้วคิดว่าไง กูเขียนดีปะ?" มันคงไม่รื่นหูเท่าไหร่ แต่สังคมบางที่อาจจะชอบแบบนี้ก็ได้ ไม่ว่ากัน โฮะๆ
ถามว่าทำไมต้องมีกาละเทศะ? ขีดขอบเขตการใช้ให้ชัดเจน เพื่อที่วันนึงจะได้ไม่เผลอด่าใครว่า กะหรี๊ #เสียงสูง ออกสื่อ ไม่เผลอสร้อยว่า #เอดอก ให้คนฟังเข้าใจผิดคิดว่าเราด่า เพราะภาษาพวกนี้ 20ปีก่อนในอินเทอร์เน็ตไม่แพร่หลายหรอกนะคะ แต่คนกลุ่มนึงใช้มาเรื่อยๆ เช่น บอร์ดประมูล ซังกะบ๊วย หลุดโลก จนมันลามปามมากลายเป็นภาษาที่พบเห็นได้ทั่วไปในโลกไซเบอร์ยุคปัจจุบัน สื่อโทรทัศน์กูมึงจัดรายการกันได้คล่องปาก ฟังแล้วเป็นกันเองกับคนดูทางบ้าน #ประชด!
คนยุคนี้สามารถใส่เสื้อที่มีคำว่า he และ คะรวย เดินออกจากบ้านกันได้หน้าตาเฉย ... อีก10ปีข้างหน้าเราคงมีเสื้อยืดที่สกรีนรูปดิลโด้จ่อปากแล้วเขียนแคปชันเท่ๆ ว่า "กูเงี่ยนค่ะ" ก็เป็นได้ 

สังเกตมั้ยว่าอ้นเรียกของตัวเองว่าน้องสาว เหอๆ จิตใจนางฝักใฝ่ทางนี้ค่ะ ฮ่าๆ  :mew1:
นางก็มีสกิลมโนเยอะเหมือนกันนะ ฝันฟุ้งซ่านไปเรื่อย
แต่เดี๋ยวคอยดูเถอะ รายละเอียดพวกนี้แหละ จะเป็นปม ฮ่าๆ

ปิดท้ายกันด้วยพ่อต่ายของลูกอ้น ป้ากระแต พ่อกระต่าย ลูกหนูอ้น ตระกูลสัตว์ฟันแทะ ฮ่าๆ
บ้านนี้เค้าครอบครัวเข้มแข็ง ไม่เหมือนบ้านอินางน้อยกับบ้านพี่ป้อง ก็รักกันดีนะ แต่วิธีการเลี้ยงดูการแสดงความรัก การอบรมสั่งสอนแตกต่างกันมากเลย
นักเขียนเชื่อจริงๆ นะว่าครอบครัวมีผลมากกับการวางพื้นฐานของคน ดังนั้นการจะเป็นตุ๊ดโลกสวยแบบอ้นได้ก็ต้องมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี หรือถูกหล่อหลอมเลี้ยงดูมาในสิ่งแวดล้อมที่ดี แต่พ่อควรดุ ควรดุจนอ้นกลัวและเกรงพ่อ ยากเหมือนกันที่เวลาเขียนต้องเขียนรูปแบบคาแรคเตอร์ให้สัมพันธ์กัน เฮ้อ!
 :oak:

เรย์กับอ้นมุ้งมิ้งกันอีกแล้ว  :-[ ตอนหน้าหวังว่าจะยังมุ้งมิ้งอยู่ ฮ่าๆ
แลดูพระเอกมีความสุขมากที่มีนางเอกมาอยู่ด้วย อิๆ  :กอด1:
มาร่วมด้วยช่วยกันเอาใจช่วยเรย์กันเถอะ พระเอกอินดี้แบบนี้จะจีบสาวอ้นยังไงดี? ฮ่าๆ

อีก 2 ตอนจะจบพาร์ตแรกแล้ว มานับถอยหลังกันเถอะ!  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2016 23:38:08 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกอิจฉาอ้นจังที่มีพ่อที่สุดยอดมาก ที่เข้าใจลูกของตัวเองและคอยให้กำลังใจอ้นตลอด คนอื่นจะรู้สึกยังงัยกับเราก็ช่างมันแต่ถ้าคนในครอบครัวเข้าใจเราก็พอจริงมะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกอิจฉาอ้นจังที่มีพ่อที่สุดยอดมาก ที่เข้าใจลูกของตัวเองและคอยให้กำลังใจอ้นตลอด คนอื่นจะรู้สึกยังงัยกับเราก็ช่างมันแต่ถ้าคนในครอบครัวเข้าใจเราก็พอจริงมะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :กอด1: ขอบพระคุณแฟนคลับเจ้าประจำค่า รักที่สุดเยย  :L1: ไม่รู้จะพูดยังไงดี คอยเม้นนิยายให้เราตลอด ซาบซึ้งง่ะ เอาคะแนนบวกไปละกัน

ว่าแล้วก็เข้าช่วงพล่ามทิ้งท้าย

จริงๆ คนอ่านนิยายเรื่องนี้ก็เยอะนะ แต่บางทีนอกจากยอดวิวที่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราก็ต้องการกำลังใจบ้าง ก็บ่นเสมอๆ นั่นแหละแต่ไม่ถึงกับขู่คนอ่าน งอแงมากคนอ่านก็รำคาญอีก เราก็เข้าใจว่าคุณนักอ่านทุกท่านคงมีนักเขียนที่รักแหละ คนที่คุณคอยอวย เอ้ย! คอยเม้นคอยให้กำลังใจเค้า แต่เผอิญนักอ่านที่รักเราอาจจะมีน้อย ก็ทำใจ แต่บางทีเวลาเหนื่อยมากๆ ก็อาจจะมาเลตนิดนึง ก็อย่าว่าเราเลยนะ เหอะๆ

แล้วก็ขอแจ้งว่า
จบตอนนี้แล้วเราจะพักสักเดือนสองเดือนนะ มีพาร์ตสองต่อแน่นอน ยังไม่จบ แต่คนแต่งขอพักแป๊บ แหะๆ




เอาล่ะ! ก่อนที่จะไปอ่านนิยายรวดเดียว 2 ตอนจบ เรามีเรื่องจะประกาศก่อน

ใครรอไม่ไหวอยากรีบอ่านสามารถซื้อ Ebook ได้นะ แต่ซื้อแล้วห้ามงอแงเน้อ!

#เราขายกันตรงๆ


o13 โฆษณา o13

 

ใครอยากเก็บสะสมในรูปแบบของ E-BOOK เราก็มีวางจำหน่ายแล้วทั้ง 2 ภาคน้า  :oni3:

ภาคแรก อีบุ๊กชื่อเรื่องว่า #ไม่ฟิต? เน้อ
สามารถซื้อได้ทาง MEB และ OOKBEE จ้า!
มีเนื้อหา 3 พาร์ตเน้อ #ไม่ฟิต #ไม่รัก และ #ไม่หึง* (ตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในบอร์ด)


ภาคสอง ใช้ชื่อเรื่องว่า #ไม่กินเส้น? ย่อๆ จากชื่อเต็ม "ใครว่าเราไม่กินเส้น?" นะ
สามารถซื้อได้ทาง MEB และ OOKBEE เช่นเดิมจ้า!
มีเนื้อหา 3 พาร์ตตามเคยเน้อ #ไม่กินเส้น #เดิมๆไม่ปรุง #พิเศษใส่ถุง* (ตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในบอร์ด)


แน่นอนว่าทั้งสองภาคมีตอนพิเศษที่ไม่ลงในบอร์ด อ่านกันได้ฟินๆ เราจะวางขายถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น ถ้าชอบแบบอีบุ๊กต้องรีบจับจองน้า

 o11 o11 o11 o11 o11 o11


ส่วนปีหน้า แบบเล่มมาแน่ๆ น่าจะมีกล่องบ็อกเซ็ตให้สะสมด้วยนะ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าหนังสือจะออกเมื่อไหร่เพราะว่าขึ้นอยู่กับคนที่ได้ลิขสิทธิ์ไป
.... :m17: อาฮะ ว่าจะขายลิขสิทธิ์แหละ
เพราะถ้าเราลงมือทำหนังสือเองเราคงไม่มีปัญญาทำบ็อกเซ็ต เนื่องจากนิยายยาวมาก คงต้องแบ่งเล่มเป็น 5 เล่ม เราทำหนังสือ 5 ปกก็คงอ้วกแล้ว คนสนใจน้อยคงออกมาต้นทุนสูงน่าดู จากการสำรวจคนสนใจนิยายเรื่องนี้น้อยมาก เราอาจจะกัดฟันทำหนังสือได้แต่ทำบ็อกไม่ไหวแน่ๆ
คนที่มาติดต่อเค้าสัญญาว่าจะทำบ็อกให้ สัญญาว่าจะไม่ทำนิยายเราเสียคอนเซปต์ สัญญาว่าจะไม่ใช้ปกสิงร่าง จะทำหนังสือออกมาให้สวยงามน่าสะสม เราเลยเชื่อเค้าไปแย้วเรียบร้อย ฮ่าๆ *ยังไม่ได้เซ็นสัญญากันนะ แต่ว่าเรารับปากตกลงกับเค้าไปแล้ว
แต่! ถ้าเป็นคนอื่นทำ เราต้องขอบอกว่าเราไม่สามารถจัดการอะไรได้นะ พอส่งต้นฉบับแล้วทุกอย่างก็จะขึ้นกับคนที่ซื้อไปแล้ว ทั้งรูปเล่ม ของพรีเมี่ยม ราคา และโปรโมชั่น!
ดังนั้นคนที่ซื้อแบบอีบุ๊กและอยากซื้อแบบรูปเล่มด้วยก็ต้องเข้าใจเราด้วยนะ ถ้าทรัพย์จางแล้วอยากได้ทั้งแบบรูปเล่มและแบบอีบุ๊กก็ต้องเลือกเองเน้อ เราคงช่วยอะไรไม่ได้เพราะไม่ใช่เจ้าของโดยตรงแล้ว ไม่สามารถออกโปรให้ได้อีก ขายแล้วก็เป็นสิทธิ์ของเค้า ยาว 4 ปี เลยทีเดียว
ละภาคพิเศษที่เหลือก็คงต้องลงเฉพาะแบบรูปเล่มด้วย เท่าที่คุยเราต้องแต่งเพิ่มอีกเยอะเลย เหอๆ (แปลว่ายังปั่นต้นฉบับไม่เสร็จ!)

เราถือว่าเราจริงใจกับนักอ่านมากเลยนะ มีอะไรเราบอกตลอด แจ้งข่าวตรงไปตรงมาเพราะเราบริสุทธิ์ใจ เวลาจะทำอะไรก็จะถามความเห็นทุกคนก่อนเสมอ ดังนั้นเราก็อยากให้นักอ่านทุกคนเคารพการตัดสินใจของเราในครั้งนี้ด้วย

สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เรายอมขายลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ก็คือ
1. เราวางพล็อตเนื้อหาทั้งหมดเกือบสมบรูณ์แล้ว จบแบบจบจริงๆ ไม่มีตอนพิเศษงอกอีกแน่ๆ ตัวละครและเหตุการณ์มันตันแล้ว พูดง่ายๆ เลิกเขียนซีรีย์นี้ละ!
2. ถ้าเราจะทำเอง ตอนแรกตั้งเงื่อนไขว่า ไม่ถึง20ชุดไม่พิมพ์ แต่อย่างว่า 5ปกแหนะ! แถมคนตอบแบบสำรวจมีแค่49คน คนที่ตอบว่า "ไม่ซื้อแน่นอนเพราะนิยายไม่น่าติดตามเปลืองเงิน" มันก็มี
คือพิมพ์อะมันน่าจะพิมพ์ได้ คงถึง20ชุด แต่บางคนที่รอซื้อแน่ๆ ก็บ่นว่าอยากได้บ็อกฯกัน เราก็อยากเห็น แต่ให้เราทำเองคงยากเลยให้คนอื่นทำดีกว่า ทุนทรัพย์เค้าคงพร้อมกว่าเรา แหะๆ

เราพยายามทำเพื่อเสียงส่วนใหญ่แล้ว ก็เข้าใจเราด้วยนะ
คนที่ไม่ออกเสียงก็ซวยไป ฮ่าๆ

#ประชาธิปไตยก็งี้แหละ ไม่พูดเอาแต่เงียบ ใครจะไปสนใจคุณ? มีตัวตนในสายตาเค้าปะเหอะ? ... #คุ้นๆนะบทบาทนี้ #นี่มันเรย์ชัดๆ!
รออ่านพาร์ตหลังอีก2เดือนถัดไปจ้า!  :katai4:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   บ่ายนี้ป้องทำงานโดยปราศจากสมาธิ เมื่อคืนอ้นไม่กลับห้อง มือถือก็ปิดติดต่อไม่ได้ เขาลองติดต่อเพื่อนสมัยเรียนของอ้นแต่ไม่มีใครทราบข่าว เอาแค่เรื่องที่อ้นตกงานก็ยังไม่มีใครรู้ ป้องอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าอ้นหายไปไหน
   เหตุการณ์เมื่อคืนหลังจากแยกกับอ้นที่ร้านแล้วเขาจำเป็นต้องไปส่งแจนก่อน ทว่าเขาปฏิเสธจะค้างที่ห้องของแจน เขารีบกลับหอแต่กลับไร้เงาของอ้นในห้อง มีเพียงแต่ร่องรอยบ่งบอกว่าอ้นกลับมาใช้ห้องตอนบ่าย กลิ่นหอมในห้องน้ำและพื้นกระเบื้องยางที่ยังแห้งไม่สนิททำให้ป้องรู้ว่าอ้นไม่ได้ไปทำงานจริงๆ
   ป้องจมอยู่กับความคิดโทษตัวเอง ถ้าเพียงแต่เขาใส่ใจเพื่อนดีกว่านี้สักนิดเขาคงสังเกตเห็นความผิดปกติของอ้น ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เบอร์ที่โทรเข้าเป็นเบอร์ศูนย์สองไม่คุ้น แต่ป้องก็ตัดสินใจรับ
   “ครับ ปกป้องพูดสายครับ”
   “ป้องเหรอ นี่ฉันเองนะ”
   เสียงจากปลายสายแผ่วเบาราวกระซิบแต่ป้องก็จำได้
   “อ้น! มึงอยู่ที่ไหน?”
   ป้องเผลอเสียงดังจนเพื่อนร่วมงานหันมามอง
   เมื่อรู้ตัวว่าเผลอตะคอกเพื่อนด้วยความเป็นห่วงป้องก็ลดระดับเสียงลง เขาถามอ้นอีกครั้งด้วยเสียงนุ่มกว่าเดิม น้ำเสียงของป้องถ่ายทอดความเป็นห่วงออกมาจากใจ
   “มึงหายไปไหนทั้งคืนรู้มั้ยกูเป็นห่วง”
   “ฮะๆ เหรอ? โทษทีนะ พอดีฉันมานอนบ้านเพื่อน ฉัน...”
   เสียงของอ้นสั่นเครือเหมือนกำลังพยายามห้ามน้ำตา ป้องพึ่งรู้ว่าผลลัพธ์ของการตะคอกใส่เพื่อนสาวเป็นเช่นไร ความเป็นห่วงที่เกรี้ยวกราดไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ความจริงแล้วเรื่องนี้อ้นไม่ผิดเลย คนผิดคือเขา และเขาไม่ควรโวยวายใส่อ้น
   “กูขอโทษ กู...กูหมายถึงกูเป็นห่วงมึง หลังเกิดเรื่องแล้วกูติดต่อมึงไม่ได้ อ้น มึงอยู่ที่ไหน? กูอยากเจอมึง”
   “ได้สิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันก็กลับแล้วล่ะ แต่ขอฉันปาร์ตี้กับเพื่อนอีกซักคืนนะ แกไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันโทรมาบอกแกแค่นี้แหละ บาย”
   “เดี๋ยว!”
   ป้องอยากยื้อแต่ไม่ทันแล้ว อ้นวางสายไปแล้ว ป้องพยายามโทรกลับแต่ดูเหมือนสายจะไม่ว่าง นอกจากนั้นเบอร์ของอ้นก็ปิดเครื่องด้วยเช่นกัน เขากลุ้มใจเหลือเกิน! 

   เรย์ค่อนข้างหงุดหงิดเมื่อเขาโทรเข้าห้องแล้วสายไม่ว่าง คืนนี้เขาเสร็จงานช้ากว่าที่คิด เมื่อรู้ตัวว่าอาจจะเลิกดึกจึงตั้งใจจะโทรไปบอกอ้น ทว่ากลับติดต่ออ้นไม่ได้ มือถือก็ปิด โทรศัพท์ในห้องก็ใช้การไม่ได้เพราะสายไม่ว่างเสียนี่!
   ดังนั้นเมื่อเรย์กลับมาถึงห้องแล้วเจออ้นยิ้มแป้นตะโกนเซอร์ไพรสเขาจึงหน้าบึ้งไร้อารมณ์ร่วมสุดๆ
   “อะอะไร? ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”
   อ้นที่ถือพลุกระดาษทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นเรย์ทำหน้าบึ้ง หนุ่มแว่นไม่พูดไม่จาก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปในห้องนอนเล็กโดยมีอ้นเดินตาม เรย์มองตรงไปที่โทรศัพท์ที่ถูกยกสายออกแล้วโมโหสุดๆ!
   อ้นเห็นแผ่นหลังของเรย์สั่นเทิ้มไปทั้งตัวแล้วก็กลัว เขารีบแก้ตัวตะกุกตะกัก
   “คะคือฉันอธิบายได้นะ พอดีฉันยื้มโทรศัพท์แกโทรหาอีป้องมัน แล้วฉันๆ ฉันไม่อยากให้มันโทรกลับมาอะ คือฉัน”
   เรย์หันหน้ากลับมาเผชิญกับอ้น สายตาของเรย์จ้องเขม็งดุดันจนอ้นหน้าถอดสี อ้นลนลานแก้ตัวมากกว่าเดิมด้วยความกลัว!
   “คือฉันไม่ได้ตั้งใจ! โทรศัพท์ฉันแบตหมดอ๊ะ! แกก็รู้ไอโฟนแบตหมดไวจะตาย ฉันคุยกับพ่อฉันเพลินแล้วทีนี้ตอนจะโทรหาอีป้องแบตมันดันหมด ฉันกลัวป้องมันจะเป็นห่วงเลยอยากโทรหามัน ฉันจะหาที่ชาร์ตแบตแต่แกเก็บสายชาร์ตไว้ไหนก็ไม่รู้ฉันไม่กล้ารื้อโต๊ะแกอะ ก็แกบอกว่าห้ามยุ่งกับคอมแกไง แล้วห้องนี่มันก็!”
   อ้นละล่ำละลักอธิบายเพราะกลัวเรย์โกรธ เรย์ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามยุ่งกับคอมพิวเตอร์ และห้องนี้ก็มีคอมพิวเตอร์ตัวใหญ่ที่ต่อจอถึงสามจอด้วยกัน!
   ถัดมาก็เป็นคีย์บอร์ดและกลองไฟฟ้าที่อ้นไม่กล้าแตะต้อง ส่วนผนังอีกด้านนั้นเต็มไปด้วยคอลเลกชันของสะสมของเรย์ ตู้กระจกที่มีกันพลาขนาดต่างๆ วางอยู่ด้านในตั้งคู่กันกับชั้นหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยการ์ตูน นอกจากนี้ยังมีตู้โชว์ขนาดใหญ่ที่มีเหล่าฟิกเกอร์เรียงรายหลายขนาด แถมเรย์ยังมีปืนอัดลมแขวนโชว์ไว้บนผนังห้อง!
   อ้นไม่กล้ารื้อค้นข้าวของในห้องนี้จริงๆ ถ้าหากพลาดเกิดทำอะไรเสียหายขึ้นอ้นเกรงว่าตนจะไม่มีปัญญาชดใช้!
ทว่าอ้นต้องอึ้งเมื่อแทนที่เรย์จะดุด่าเขาเรย์กลับตรงเข้ามากอดเขาแทน!
   “ค่อยยังชั่ว นึกว่านายเป็นอะไรไปแล้ว อย่าเงียบไปแบบนี้อีกนะ”
   สัมผัสที่หนุ่มแว่นรัดตัวเขาเข้าไปในอ้อมกอดนั้นแทบทำเอาอ้นกระดูกหัก!
   แม้จะยังตกใจแต่อ้นก็ยกมือขึ้นตบหลังเรย์ช้าๆ เหมือนปลอบเด็ก เสียงเหงาๆ ของเรย์ทำให้อ้นใจอ่อนยวบ
   “ขะขอโทษ ฉันไม่คิดว่าแกจะห่วงฉันนี่ บอกแล้วไงว่าขอหลบภัยอีกซักคืน มีโอกาสทั้งทีฉันก็ต้องเสพความหรูหรามีระดับให้ฉ่ำปอดก่อนสิยะ คอนโดสิบล้านกลางกรุงแบบนี้ไม่ได้หิ้วกระเป๋าเข้ามาพักง่ายๆ ซะหน่อย”
   อ้นกล่าวติดตลกจนเรย์หัวเราะตาม เขารู้สึกผ่อนคลายเมื่อรู้ว่าอ้นยังไม่หนีเขาไปไหน หนุ่มแว่นดันแว่นขึ้นด้วยท่าประจำตัวแล้วกล่าวอย่างมีเลศนัย
   “ใครบอกสิบล้าน เหอๆ”
   เรย์ส่งเสียงหัวเราะหลอนๆ ทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินออกจากห้อง อ้นจึงเดินตาม
   เรย์พาอ้นเดินเข้ามาในห้องนอน เขานำกระเป๋าสะพายไปกองไว้มุมเดิมแล้วเปิดลิ้นชักเก็บของข้างเตียงล้วงเอาสายชาร์ตแบตโทรศัพท์สมาร์ทโฟนออกมาให้อ้น อ้นรับมาถือไว้แต่ยังไม่กล้าปลีกตัวหนีจากสายตาของเรย์
   เมื่ออ้นเห็นเรย์ผ่อนคลายแล้วจึงชวนคุย
   “ว่าแต่ของในห้องนั้นของแกหมดเลยเหรอ? สุดยอดอะ”
   “ใช่มั้ยล่ะ! นายก็คิดเหมือนกันใช่มั้ยว่าสุดยอด! โดยเฉพาะเรดเฟรม เราโมดาบใหม่ด้วยนะ!”
   เรย์หันมาตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย ทว่าอ้นกลับยิ้มแห้ง
   “เอ่อ... ฉันหมายถึงเปียโนกับกลองอะไรพวกนั้นอะ แกเล่นเป็นด้วยเหรอ?”
   มีปืนด้วย แกจะเอาไว้ยิงใครอะ หวังว่าคงไม่ใช่ฉันนะ!
   นับวันอ้นก็ยิ่งเพลียกับธาตุแท้ของเรย์ หนุ่มแว่นคนนี้ไม่ได้คูลเหมือนภาพลักษณ์เย็นชาที่เห็น ตัวตนจริงๆ ของเรย์นั้นร้อนราวกับไฟ!
เรย์เริ่มลงมือปลดเนกไท เขาหันมาตอบอ้นด้วยคำถามก่อนจะไล่อ้นออกจากห้อง
   “นายคิดว่าเราเล่นได้มั้ยล่ะ? ขอเราอาบน้ำแป๊บ เดี๋ยวจะออกไปกินข้าวด้วย”
   “อะๆ ได้ งั้นฉันไปรอแกข้างนอกนะ”
   อ้นพยักหน้าแล้วออกจากห้องไปเตรียมความพร้อมของดินเนอร์รอเรย์
   คล้อยหลังอ้นออกไปแล้วเรย์ถึงกับหลุดยิ้ม หนุ่มแว่นต้องแอบหัวเราะคนเดียวเพราะเขินอ้น เรย์เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดออกมาโดยไม่กล้าให้อ้นเห็น เขาดีใจที่สุดเมื่ออ้นยังอยู่กับเขาไม่จากไปไหน เรย์ดีใจจนแก้มแดง 

   อ้นเปิดไฟหม้อสุกี้ขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำซุปก่อนจะทยอยเอาวัตถุดิบที่หั่นเตรียมไว้ออกจากตู้เย็นมาวางเรียงรายบนโต๊ะ
   เมื่อกลางวันก่อนจะออกไปซูเปอร์อ้นถือโอกาสค้นครัวของเรย์ ในตู้มีอุปกรณ์เครื่องครัววางอยู่ครบครัน ทว่าอุปกรณ์จำพวกเครื่องปรุงรสกลับมีไม่มาก มีเพียงน้ำตาลและโชยุ ไร้วี่แววผงปรุงรสโดยสิ้นเชิง ในตู้เย็นของเรย์ยิ่งแล้วใหญ่ นอกจากน้ำดื่มแล้วก็มีแต่นมรสสตรอว์เบอร์รีและไข่ดิบเพียงสามฟอง ข้าวของในครัวแสดงให้เห็นว่าเจ้าของห้องไม่ใช่คนชอบทำอาหาร แต่หม้อสุกี้ใบเล็กกลับทำให้อ้นแปลกใจ เห็นแล้วอ้นก็นึกอยากจะทานสุกี้กับเรย์ อ้นตั้งใจว่าคืนนี้เขาจะมีปาร์ตี้สุกี้ในธีมชุดนอน!
   เมื่อเรย์อาบน้ำเสร็จน้ำซุปในหม้อสุกี้ก็เดือดได้ที่พอดี อ้นเห็นเรย์เดินออกมาในชุดนอนลายทางสีน้ำเงินขาวแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แต่ผมเปียกชื้นบนศีรษะของเรย์นั้นน่าขัดใจมากกว่า
   “สระแล้วทำไมไม่เช็ดผมให้เรียบร้อย”
   “ไม่ได้สระ หัวเปียกเฉยๆ”
   “แกนี่เป็นเด็กรึไง?”
   “ก็เราหิว”
   เรย์ตอบตรงเผง อ้นเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันจึงเลิกเซ้าซี้
   “ย่ะ ฉันก็หิว รอแกเนี่ย”
   เรย์แอบอมยิ้มได้เพียงครู่เดียวก็หุบยิ้ม หน้าเขาบูดขึ้นมาทันที หนุ่มแว่นหันไปถามอ้นเสียงเขียว
   “ไม่มีบุกเหรอ? ไม่ใช่สุกี้ญี่ปุ่นนี่?”
   “สุกี้ญี่ปุ่น? อ๋อ! แกหมายถึงแบบอีน้ำดำหวานๆ เค็มๆ นั่นอะเหรอ? จะบ้าเหรอยะ ฉันทำเป็นซะที่ไหน เอาน่ะน้ำซุปนี่ฉันอุตส่าห์เคี่ยวกระดูกซุปกับหัวไชเท้าเองเชียวนะ รับรองอร่อย”
   “สุกี้ยากี้ก็ต้องสุกี้ญี่ปุ่นสิ!”
   เมื่อเรย์ดื้อ อ้นถึงกับขึ้น! เขากระแทกตะเกียบและชามลงบนโต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นปะทะกับเรย์
   “ฉันทำไม่เป็น! มีแต่สุกี้ธรรมดาแบบนี้ แกจะกินมั้ย!”
   เรย์กวาดสายตาดูสำรับบนโต๊ะคร่าวๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง ครู่ต่อมาเขาก็เดินออกมาพร้อมกับเสื้อแจ็กเก็ต เรย์โยนเสื้อแขนยาวตัวเดิมไปให้อ้นที่นั่งอยู่แล้วสั่ง
   “ไปซูเปอร์กัน เราจะสอนนายทำสุกี้ยากี้สุดอร่อยเอง!”
   อ้นถึงกับอึ้งเมื่อเห็นสายตาเอาจริงเอาจังของเรย์ และเพราะชักช้ามัวแต่นั่งทึ่งเขาจึงถูกเรย์ตรงเข้ามาจับแขนลากตัวไปติวเข้มเรื่องสุกี้!
   “เดี๋ยวๆ อีเรย์ แล้วหม้อสุกี้ล่ะ? ให้ฉันปิดไฟก่อนมั้ย? อ๊ายอีแว่น!”

   กว่าจะได้ทานอาหารเย็นมื้อนี้ช่างยากเย็นเหลือเกิน แต่รสชาติของมันก็คุ้มค่าเช่นกัน อ้นดื่มด่ำกับน้ำซุปสุกี้แบบฉบับดั้งเดิมอย่างเอร็ดอร่อย
   “อร่อยใช่มั้ยล่ะ?”
   “ย่ะ”
   อ้นจิกตามองเรย์ด้วยความหมั่นไส้ แต่เมื่อเห็นเขาคีบเนื้อจุ่มไข่ดิบในชามแล้วก็เกิดอาการอยากขย้อนแทน
   “แกไม่คาวเหรอกินแบบนั้น?”
   “ไม่”
   ย่ะ ตามใจแก ต่อให้แกกินเนื้อดิบฉันยังไม่แปลกใจเลย!
   “ไม่ไหวอะ ยังไงฉันก็ต้องขอมีน้ำจิ้มแซ่บๆ หน่อย”
   อ้นพูดพลางเติมพริกกับกระเทียมลงในถ้วยน้ำจิ้มสุกี้ของตัวเอง เขาคีบเนื้อไก่จุ่มลงไปก่อนจะยกเข้าปากอย่างมีความสุข
   “อ๊าย แซ่บ!”
   สุกี้มื้อนี้นับว่าแปลกมากเมื่อสุกี้ยากี้น้ำดำแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ต้องมาเสิร์ฟเคียงคู่ไปกับเครื่องเคียงแบบไทยๆ ตามใจฉัน เพราะเรย์แพ้อาหารทะเลอ้นจึงเตรียมพวกลูกชิ้นและเนื้อหมูเนื้อไก่หั่นเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีบรรดาผักชนิดต่างๆ ทว่าเรย์กลับหยิบบรรดาเนื้อสไลด์ราคาแพงและเห็ดหน้าตาแปลกๆ นานาชนิดลงตะกร้าโดยไม่เสียดายเงินในการชอปครั้งหลัง ดังนั้นนอกจากหัวเชื้อน้ำซุปแบบญี่ปุ่นแล้วจึงมีอาหารเพิ่มอีกมากมาย และในนั้นก็มีบรรดาบุกก้อนและบุกเส้นรวมอยู่ด้วย ในขณะที่อ้นนั้นยังคงแฮปปี้กับการลวกวุ้นเส้นในหม้อก่อนจะนำมาราดน้ำจิ้มทานอย่างมีความสุข
   “นี่แก บุกแกน่ะอืดเต็มหม้อแล้วนะ”
   “เดี๋ยวสิมันยังไม่ได้ที่ ต้องให้น้ำซุปมันเข้าเนื้อก่อน”
   เมื่อเห็นอ้นเบ้ปากให้อีกครั้งเรย์อดไม่ได้จริงๆ ที่จะเถียงกลับบ้าง
   “วุ้นเส้นของนายก็ลอยเต็มหม้อเหมือนกันนั่นแหละ”
   “ฉันตักของฉันทานแล้วนะ อ๊ะๆ สงสัยมันลอดกระชอนไป เอ๊ะอีเรย์! แกอย่ามายุ่งกับหมูเด้งฉันนะยะ!”
   “เหอๆ”
   เรย์คีบหมูเด้งก้อนโตเข้าปากแล้วอมยิ้มอวดชัยชนะน่าหมั่นไส้
   อ้นทั้งแค้นทั้งขำเพราะแก้มของเรย์นั้นบวมตุ่ยไปด้วยอาหาร พฤติกรรมของเรย์ทำให้เขาเกลียดไม่ลงจริงๆ
   “แกนี่ตลกดีอะ พอรู้จักกันจริงๆ แล้วแกเหมือนเด็กเลยเนอะ”
   หนุ่มแว่นขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน!
   “ตรงไหน?!”
   “เปล๊า! แหมๆ อย่าทำเสียงแบบนั้นสิ ฉันก็แค่เปรียบเทียบ ไม่รู้สิ แกน่ารักดีมั้ง เหมือนเด็กซนๆ อะ แต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจดีนะ ฉันชอบแกนะเรย์”
   เมื่อถูกชมและบอกชอบกะทันหันเรย์ก็เงียบไป เขาก้มหน้าลงซ่อนความดีใจเอาไว้แล้วตักอาหารทานตามปกติทั้งที่ในใจลิงโลดราวกับปล่อยลิงทโมนคืนป่า!
   แต่อ้นไม่ทันสังเกตอีกแล้ว เขาพล่ามต่ออย่างมีความสุข
   “แกรู้มั้ย เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยมีเพื่อนแหละ เพราะฉันเป็นแบบนี้เลยค่อนข้างสับสน จะไปเล่นกับพวกผู้ชายมันก็เล่นกันรุนแรง แล้วก็ไม่กล้าไปอยู่กลุ่มผู้หญิงด้วย ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันเป็นตุ๊ด กลัวพ่อรับไม่ได้ เลยกลายเป็นวันๆ นอกจากไปโรงเรียนแล้วฉันก็กลับบ้านไปช่วยพ่อชำต้นกุหลาบ กลายเป็นลูกกตัญญูไปเลยแหละฉัน ไปๆ มาๆ ฉันก็รู้สึกแปลกแยกกับคนอื่นในโรงเรียนไปซะแล้ว แกเชื่อมั้ยฉันแอ๊บแมนได้นิ่งมากจนเคยมีสาวมาแอบชอบฉันแล้วนางก็ร้องไห้เสียใจหาว่าฉันหยิ่งไม่ยอมคุยกับนางด้วยแหละ”
   น้ำเสียงของอ้นมีทั้งความภูมิใจปนสมเพชตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็เลือกจะเล่าต่อไป อ้นอยากระบายเรื่องที่ไม่มีใครรู้มาก่อนให้เรย์ฟังเพราะเขามีความรู้สึกว่าถ้าเป็นเรย์ บางทีคนๆ นี้อาจเข้าใจเขา
   “พอตอนเข้ามหาลัยนะ ฉันพยายามแอ๊บแทบตาย สุดท้ายแอ๊บแตก ถ้าต้องเลือกระหว่างเป็นตุ๊ดโรคจิตขี้แพ้ กับตุ๊ดแรด ฉันยอมเป็นอย่างหลังดีกว่า แกเข้าใจมั้ยอะเรย์ ฉันเปิดตัวด้วยการทำตัวแรง ฉันแรดไปแล้ว รู้ตัวอีกที ฉันกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้! ทั้งๆ ที่ฉันฝันอยากจะเป็นเจ้าหญิงแท้ๆ ฉันดันเป็นได้แค่ตัวตลก”
   เรย์ฟังอ้นเล่าตาปริบๆ เขาไม่ขัดอ้นเลย แม้จะไม่ขานตอบแต่ก็มีสายตาที่เข้าอกเข้าใจกันมองตอบมาตลอดเวลา และนั่นทำให้อ้นรู้สึกดี
   “บางทีการที่เราอยู่ในสังคมแบบไหน วันนึงเราก็อาจจะถูกสังคมแบบนั้นครอบงำเอาก็ได้”
   คิดถึงที่ตัวเองเคยทำตัวแรงตามเพื่อนในกลุ่มสมัยยังเป็นอีตุ๊ดจอมแจ๋นแล้วอ้นก็อาย
   “ก็ดี๊! ตกงาน ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่ใช่ตัวฉัน! ได้กลับมาเป็นตัวของตัวเอง แกรู้มั้ย เมื่อก่อนนะฉันก็บ้ายี่ห้อบ้าแบรนด์เนมตามเพื่อนในกลุ่มเหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีก็โดนดูถูก ของแท้ไม่มีก็ต้องขอให้มีของปลอมหิ้วให้เหมือน”
   พอทำงานและต้องดูแลค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองแล้วมันช่างเหน็ดเหนื่อย อ้นคิดว่าตนโชคดีที่หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานในแผนกไม่มีใครเป็นพวกฟุ้งเฟ้อขี้อวด ช่วยให้เขาไม่ต้องคอยแข่งขันประชันออปชันกับใครเหมือนสมัยเรียน แตกต่างจากเพื่อนบางคนที่ยังหลงอยู่ในวังวนวัตถุนิยมเที่ยวหยิบยืมเงินจากเพื่อนๆ จนถูกแบน
   “พยายามทำตัวตามค่านิยมชาวบ้านเพราะไม่อยากแตกต่าง อยากอยู่ร่วมกับพวกเขา ดิ้นรนแทบตาย สุดท้ายพวกนั้นกลับไม่ใช่เพื่อนแท้ฉันสักคน เวลามีปัญหาพวกมันไม่เคยช่วยอะไรฉันเลย คนที่ฉันพึ่งพาได้จริงๆ กลับเป็นคนที่ออกปากบอกว่าเกลียดฉันกระทืบฉันซะงั้น ฉันขี้เกียจนับอีพวกนั้นเป็นเพื่อนฉันละ!”
   มีแต่ป้องที่ดีกับฉันมาตลอด แล้วแบบนี้ฉันจะเลิกรักมันได้ยังไง
   อ้นแอบต่อประโยคในใจเงียบๆ แต่คาดไม่ถึงว่าเรย์จะถามเสียงขุ่น!
   “ใครทำนาย! เขากระทืบนายทำไม! มันเป็นใคร!”
   “เอาๆ ไม่ต้องขึ้นย่ะ! เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ละฉันกับเค้าก็ลืมเรื่องนี้กันแล้วด้วย เอาเป็นว่าฉันแค่จะเล่าให้แกฟังว่าแกช่วยเปิดกะลาให้ฉันก็แล้วกัน”
   “เปิดกะลา? ยังไงเหรอ?”
   จากอารมณ์โกรธตอนนี้เรย์มีสีหน้างงราวกับเด็กน้อย อ้นไม่แน่ใจว่าที่เรย์ทำหน้าเอ๋อแบบนี้เพราะไม่เข้าใจหรือเพราะไม่รู้บริบทของคำว่ากะลาในประโยคนี้กันแน่? แต่แวบหนึ่งอ้นกลับเอ็นดูเรย์ขึ้นมาซะงั้น
   “ก็แบบ... อารมณ์แบบ คนรวยจริงเค้าไม่วัลลาบีอะไรงี้มั้ง? ตอนฉันลงไปชอปในซูเปอร์นะ พนักงานมันมองฉันอย่างกะเป็นขอทาน แต่พอฉันควักแบงก์พันล้วนออกมาจ่ายตังค์นะ นอบน้อมเชียวแก ไม่ให้ฉันควักแบงก์พันล้วนได้ยังไง ของแพ้งแพง! ละฉันพึ่งไปกดเงินมาดั๊วะ แต่ก็งี้แหละ คนเรามองกันเฉพาะภายนอก พอเป็นพวกชาวต่างชาตินะ แต่งตัวก็ธรรมดาๆ นี่แหละ แต่บริการดี๊ดี! แล้วยิ่งแกเนี่ย! พอมาเจอคนแบบแกแล้วฉันรู้เลยว่ารวยจริงกับพยายามรวยเนี่ยมันต่างกันยังไง”
   “เราไม่ได้รวยนะ อย่างเรายังไม่นับว่ารวยหรอก”
   เจอประโยคถ่อมตัวที่นานทีปีหนจะดังออกมาจากปากนายแว่นโฉดเข้าไปอ้นถึงกับคิ้วกระตุก! ตุ๊ดสาวอดไม่ได้ที่จะแขวะคนยังไม่รวย
   “แหม ย่ะ! แต่ถ้าเทียบกันแล้วระหว่างแกกับฉัน อย่างแกฉันเรียกรวยมว้าก คนจนที่ไหนจะมีปัญญาอยู่หรูกินหรูแบบนี้ ดูข้าวของรอบๆ ตัวแกซิ!”
   “เห็นมั้ยอ้นก็มองที่ภายนอกเหมือนกัน เราก็แค่ใช้ของดีเพราะชอบที่มันคุ้มค่า ซื้อของที่ชอบเพราะถือว่าทำงานมาก็อยากใช้เงินซื้อความสุข คอนโดนี่ก็ยังต้องผ่อนเฮนรี่อีกตั้งเยอะ เรามีหนี้เยอะกว่าเงินเก็บซะอีก เราแค่วางแผนเก็บเงินเป็นไม่ได้รวยซักหน่อย แล้วคนที่เค้ารวยเค้าก็ต้องทำงานหนักเหมือนกัน ต่อให้มีมรดกร้อยล้านแต่ก็ยังต้องทำงานเหนื่อยมากๆ มันก็มีนะ”
   ฟังคำพูดของเรย์แล้วอ้นถึงกับทึ่ง แม้จะคนละอารมณ์กับหนังสือฮาวทูสอนรวยแต่คำพูดของเรย์ก็น่าคิด เรย์ใช้เงินซื้อความสุขให้พอเหมาะพอดีกับรายได้ของตนเอง ฟังแล้วคนที่เคยวัลลาบีอย่างอ้นก็ได้แต่อาย
   “ย่ะ! มีสาระเยอะนะวันนี้”
   “เราก็มีสาระตลอดแหละ เหอๆ”
   “จ้าๆ เพราะแกเป็นแบบนี้มั้งฉันถึงเกลียดแกไม่ลงซักที ยิ่งรู้จักฉันยิ่งชอบแกนะเรย์”
   คราวนี้เรย์ไม่หลบรอยยิ้มที่อ้นส่งมาให้ เขาพยายามส่งยิ้มกลับไปให้อ้นบ้าง ทว่าสีแดงจางๆ ทั่วใบหน้านั้นทำให้อ้นตกใจ
   “อีเรย์! ทำไมแกหน้าแดงอะ? แกแพ้อะไรอีกรึเปล่า? ไอ้ที่แกใส่ไปนี่มีของทะเลมั้ย? อ๊ะหรือแกจะแพ้ลูกชิ้นปลาหมึก!”
   “ไม่รู้สิ”
   “รักสุขภาพหน่อยสิแก เดี๋ยวคืนนี้ก็บ่นคันอีกหรอก”
   “ก็ถ้าเราคันอ้นก็ช่วยทายาให้เราไง มีคาลาไมน์อยู่ในห้อง”
   “ย่ะ!”
   ช่างเป็นมื้อสุกี้ที่หฤหรรษ์ดีแท้ อ้นจะรู้ไหมหนอว่าเรย์แก้มแดงเพราะอะไร?

   อ้นจำไม่ได้ว่าเขาหลับไปเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เขาตื่นแล้ว อ้นจำกลิ่นหอมอ่อนๆ นี้ได้ เขาหลับอยู่บนเตียงของเรย์ แต่เมื่อหันไปมองข้างๆ กลับไร้วี่แววของหนุ่มแว่น
   เมื่อสมองทำงานแล้วอ้นก็รีบทบทวนความทรงจำของตัวเอง เมื่อคืนเขากับเรย์นั่งปาร์ตี้สุกี้กันจนดึกดื่นผิดกฎงดทานอาหารมื้อดึกของตนไปมากโข เรย์บอกเขาว่ายังไม่ต้องจัดการเดี๋ยวจะล้างเอง ดังนั้นอ้นกับเรย์จึงนั่งคุยกันต่อที่โต๊ะโคทัตทสึ
   ฉันหลับคาโต๊ะโคทัตทสึเหรอเนี่ย! ตายแล้ว! อย่าบอกนะว่าอีแว่นหิ้วฉันมานอนบนเตียง! แล้วมันไปไหน?!
   ทันทีที่เข้าห้องน้ำจัดการอุปสรรคยามเช้าที่คอยขัดขวางความเป็นกุลสตรีเสร็จเรียบร้อยแล้วอ้นก็ออกจากห้องนอนใหญ่มาตามหาเรย์ ทว่าตรงโต๊ะโคทัตทสึกลับไร้วี่แววของเรย์ เมื่อเห็นดังนั้นอ้นจึงค่อยๆ เปิดเข้าไปดูในห้องนอนเล็ก เรย์กำลังสัปหงกอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โดยมีตัวละครยืนค้างอยู่กลางฉาก
   “โธ่เอ้ยอีแว่น!”
   อ้นรำพึงออกมาเบาๆ เขาอยากปล่อยให้เรย์นอนต่อแต่ใจหนึ่งก็ลังเลเพราะไม่รู้ว่าเรย์จะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ วันนี้เขามีนัดสำคัญเสียด้วย อ้นอยากปลุกเรย์ทว่าเกรงใจกลัวเรย์จะไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะถูกเขาแย่งที่นอน
   ขณะที่อ้นกำลังยืนวิตกอยู่ข้างๆ ในที่สุดเรย์ก็เหมือนจะสัมผัสได้ เขางัวเงียตื่นขึ้นมาพอดี หน้าตอนง่วงของเรย์ทำเอาอ้นเผลอหลุดขำ หนุ่มแว่นจึงนิ่วหน้าทันที
   “ทำไมแกไม่นอน เล่นเกมจนหลับคาคอม ติดเกมนะแก”
   “งานหรอก ฮ้าว! ตื่นแล้วเหรอ?”
   เรย์บิดขี้เกียจก่อนจะหาวฟอดใหญ่ เขาขยับแว่นให้เข้าที่ก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยเปิดเกมค้างไว้เหมือนเดิม ระหว่างนั้นเองที่อ้นขอตัวกลับหอ
   “เรย์ ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ อืม... ขอบใจแกที่ให้ฉันมาพักด้วยนะ ฉันจะไม่ลืมแกเลย”
   ประโยคบอกลาของอ้นทำเอาเรย์เครียด เขารู้สึกเหมือนบางอย่างไม่ถูกต้อง!
   “อาฮะ เดี๋ยวไปส่ง ขออาบน้ำแต่งตัวแป๊บ”
   “จะไหวเหรอ? แกได้นอนรึเปล่า? อันที่จริงแกไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้นะ ฉันนั่งแท็กซี่กลับเองได้”
   เรย์กวาดตามองอ้นที่กลับไปใส่ชุดเดิม กระโปรงทรงพองผ้าไหมสีดำนั้นเคยยับยู่ยี่แต่อ้นก็จัดการซักแล้วรีดใหม่เสียสวยงามได้รูปดังเดิม หากแต่เสื้อเปิดไหล่ทรงครอปสีแดงกลับมีรอยขาดด้านหลัง อ้นแทบไม่ได้แต่งหน้า เขาเพียงแค่ทาแป้งบางๆ แล้วไดร์ผมเท่านั้น แม้จะไม่สวยเหมือนผู้หญิงแต่อ้นในเวลาธรรมดาๆ เช่นนี้ก็มีเสน่ห์
   “รอนะ เดี๋ยวจะไปส่งเอง”
   เรย์พูดแค่นั้นแล้วเดินดุ่มๆ กลับเข้าห้องนอนใหญ่
   อ้นได้แต่ถอนหายใจ เขาออกมารอในห้องนั่งเล่น แต่เมื่อมองไปยังโต๊ะโคทัตทสึแล้วก็ถอนหายใจ
   ยับอีกแล้วกระโกรงฉัน!

   เรย์ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานนัก เขาเดินออกมาจากห้องโดยมีเสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีฟ้าหม่นตัวเดิมติดมือมาด้วย ตอนแรกอ้นคิดว่าเรย์จะใส่เสื้อตัวนั้นทับเสื้อลายการ์ตูนน่าเกลียด ทว่าเรย์กลับคลุมเสื้อลงบนไหล่ของเขาแทน
   “ฮะ?”
   “เสื้อนายขาด”
   “โอ๊ยไม่เป็นไรหรอกแก นิดเดียวเอง”
   อ้นแย้งแต่เรย์กลับจัดการรูดซิปปิดถึงคอให้เรียบร้อย! อ้นรู้สึกเหมือนเช้านี้เรย์อารมณ์ไม่ดีจึงไม่อยากกวนใจเรย์อีกได้แต่เดินตามเรย์ออกจากห้องเงียบๆ

   ยิ่งใกล้ถึงอะพาร์ตเมนต์เรย์ยิ่งดูหงุดหงิด ความใจร้อนของเขาสะท้อนออกมาทางการขับรถ เรย์ไม่ได้ขับซิ่งจนน่าหวาดเสียวทว่าสีหน้าของเรย์และเสียงแตรที่บีบด่ารถคันอื่นเป็นระยะทำให้อ้นรู้สึกว่าเรย์ใกล้จะระเบิดอยู่รอมร่อ
   “แกโอเคมั้ยเรย์”
   แต่ปากของเรย์เหยียดเม้มเป็นเส้นตรงไม่ยอมตอบอะไรเลย อ้นใจแป้วทันที
   “ฉันเป็นห่วงแกนะ ถ้านอนไม่พอก็”
   “เราโอเค นอนแล้ว พึ่งตื่นตอนตีห้า”
   งี้เมื่อคืนแกก็นอนกับฉัน!
   อ้นแอบเขินแวบหนึ่งแต่เลือกจะชวนคุยหัวข้ออื่นแทน
   “แกตื่นเช้าจังเนอะ ตื่นตีห้าทุกวันเลยเหรอ?”
   “นาฬิการ่างกายไง”
   “อืม”
   อ้นหมดคำถาม เขาไม่รู้จะชวนเรย์คุยอะไรอีก สายตาของอ้นเสมองไปนอกรถ มือของเขาเผลอกระชับเสื้อแล้วกอดอกปกป้องตัวเองจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้
   “หนาวเหรอ?”
   เรย์ถามพลางเพิ่มระดับอุณหภูมิในรถ
   แม้ว่าแอร์จะเย็นแต่ใช่ว่าจะถึงขั้นหนาว ทว่าอ้นก็ไม่อยากขัดใจเรย์ เขายิ้มตอบเรย์พลางรู้สึกถึงน้ำหนักของเสื้อที่เพิ่มขึ้นกะทันหัน เรย์ให้เขายืมเสื้อใส่คลุมเพราะสภาพของชุดเดิมนั้นไม่เรียบร้อย แต่อ้นไม่กล้าบอกกับเรย์ว่าเขาไม่รู้ว่าจะได้คืนเสื้อตัวนี้เมื่อไหร่

   เมื่อรถมาถึงหน้าอะพาร์ตเมนต์ อ้นตั้งใจจะถอดเสื้อส่งคืนให้เรย์แต่เรย์กลับหยุดการกระทำของเขา
   “ให้ยืม”
   “ไม่เป็นไรหรอกแก เดินขึ้นตึกแค่นี้เอง”
   “นั่นแหละ”
   หนนี้อ้นหนักใจ เขารวบรวมคำพูดแล้วกลั้นใจบอกความจริงกับเรย์
   “เรย์ ฉันจะกลับบ้านนะ”
   เมื่อเห็นเรย์นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอ้นก็เอ่ยซ้ำอีกครั้ง
   “คือ...แกเข้าใจมั้ย? ฉันจะกลับบ้าน ที่ราชบุรี”
   “ทำไม?”
   “ก็...ก็ฉันตกงานนี่”
   อ้นหลบสายตาของเรย์ เขาหันหน้าหนีเสมองออกไปนอกตัวรถ
   “ทำไม? ไหนบอกจะหางานใหม่ไง”
   “ก็มันไม่ไหวอะ งานมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะแก ไม่รู้ต้องว่างอีกกี่เดือนถึงจะมีงานทำ ฉันคุยกับพ่อแล้ว พ่อบอกว่าให้ฉันกลับบ้าน”
   เมื่ออ้นอ้างพ่อ เรย์ก็จนปัญญา เขาถามขึ้นอย่างสิ้นหวัง
   “แล้วเราล่ะ?”
   อ้นรู้ดีว่าเรย์คงรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง ทว่าคิดไม่ถึงว่าประโยคถัดมาของเรย์จะจี้ใจดำ
   “เพราะเค้าทิ้งนายๆ เลยหนีกลับบ้านใช่มั้ย ตอนนายตกงานนายยังไม่ท้อแท้แบบนี้เลย”
   แม้เรย์จะพูดความจริงแต่อ้นก็อยากจะปฏิเสธ เขารีบแก้ตัวทันทีทั้งที่ความเข้มแข็งในตัวกำลังถูกสั่นคลอน
   “ไม่ใช่นะ! ก็...ก็... มันก็มีส่วนนิดหน่อยอะก็ถ้าป้องมันไม่อยู่แล้วฉันจ่ายค่าหอคนเดียวไม่ไหวหรอก ฉันเลยคิดว่ากลับบ้านไปตั้งหลักก่อนดีกว่า”
   อ้นพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดว่าเขาทำใจเรื่องป้องไม่ได้แม้จะรู้ดีว่าปิดบังเรย์ไม่ได้เช่นกัน
   “แล้วเราล่ะ! นายอยู่กับเราก็ได้ ไม่เห็นจะต้องหายไปแบบนี้เลย!”
   “จะบ้าเหรอแก! ฉันจะไปอยู่กับแกได้ยังไง”
   “เพราะเราไม่ใช่เค้าเหรอ? เราไม่พิเศษเหมือนเค้าสินะ ... ทั้งๆ ที่นายพิเศษสำหรับเรา”
   เป็นครั้งแรกที่อ้นรู้สึกว่าเรย์เหมือนกำลังร้องไห้ อ้นพูดไม่ออก เขาสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหลือเกิน
   “เราให้เสื้อ อ้นเอาไปเถอะ”
   “อ๊ะแต่... จะดีเหรอ?”
   ความตั้งใจที่จะปฏิเสธหลุดลอยไปเพราะดวงตาหลังเลนส์แว่นของเรย์ ตาที่เคยเป็นสีดำสนิทตอนนี้กำลังน้ำตารื้นนิดๆ
   เรย์พูดโดยไม่มองหน้าอ้น
   “รีบไปสิ เค้ารออยู่ใช่มั้ยล่ะ เราส่งแค่นี้นะ”
   อ้นมองเรย์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวลงจากรถ แต่แล้วเขาก็ลังเล อ้นหันกลับมาหาเรย์แล้วกล่าวขอบคุณเสียงเบา
   “ขอบใจนะเรย์ ฉัน... ฉันดีใจที่ได้รู้จักแกนะ ถึงเราจะเคยไม่กินเส้นกัน แต่ตอนนี้ฉันชอบแกมากเลย”

   อ้นจากไปแล้ว เรย์ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ได้เป็นคนพิเศษของใครสักที แม้จะไม่มีน้ำตาหยดออกมาตามบทบาทของผู้ชายอ่อนไหว ทว่ากรามที่ขบกันแน่นก็บ่งบอกถึงความรู้สึกของเรย์ได้ดี เรย์เชิดหน้าขึ้นมองตรงไปยังถนนเบื้องหน้าด้วยความผิดหวัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   อ้นต้องทำใจอยู่นานเมื่อหยุดเท้าตัวเองหน้าประตูห้อง เขาหมุนกุญแจไขเข้าไปพลางบอกตัวเองให้เข้มแข็ง
   ในห้องนั้นป้องกำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตามเคย แต่กลิ่นหอมของบะหมี่ไม่สามารถสั่นคลอนความรู้สึกของอ้นได้เท่ากับสายตาของป้อง ป้องยังอยู่ในกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเช่นเดิม เหมือนคนพึ่งตื่นนอน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
   “มึงกินอะไรมายัง? กินข้าวเช้ากับกูปะ?”
   “ฉันรองท้องมาแล้ว แกไม่ต้องห่วงหรอก”
   ขณะนี้พึ่งเลยยามเช้าเข้ายามสายได้ไม่นาน การที่ป้องตื่นเร็วเช่นนี้บ่งบอกว่ากำลังรอเขาอยู่ ปกติแล้ววันหยุดของพวกเขาทั้งสองคนมักจะนอนอืดจนสาย แต่วันนี้ทุกคนกลับตื่นเช้าโดยพร้อมเพรียง
   อ้นพยายามรวบรวมคำพูดทว่ามันยากเหลือเกิน เขาพูดไม่ออกจึงแกล้งเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยน
   อ้นทำเป็นง่วนกับเสื้อผ้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะหันมาพูดคุย แต่เดิมป้องจะรอให้อ้นเป็นฝ่ายเริ่ม เขารู้ดีว่าตนผิดและอ้นมีสิทธิ์จะโวยวาย ทว่าอ้นกลับไม่เริ่มเสียที หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วอ้นกลับวุ่นวายกับข้าวของไม่รู้จบ ในที่สุดป้องก็ทนไม่ไหวเป็นฝ่ายขอโทษ
   “อ้น กูขอโทษ”
   “ขอโทษอะไร? ช่างเถอะ มันจบไปแล้ว”
   แม้อ้นจะปฏิเสธและแกล้งทำตัวร่าเริงแต่ป้องก็รู้ดีว่าเพื่อนยังเจ็บ เขารู้ดีกว่าใครว่าหากถูกคนที่รักทำร้ายหัวใจกันแล้วมันเจ็บขนาดไหน
   “กูผิดเอง กูไม่ได้ตั้งใจนอนกับเค้า พอดีกู...”
   คืนนั้นป้องไปงานเลี้ยงวันเกิดพี่ที่บริษัทแล้วเผลอดื่มไวน์จนเมา ความรู้สึกของเขาอ้างว้างไร้ที่ยึดเหนี่ยวเมื่อถูกอ้นปฏิเสธ เขาเหนื่อยกับหัวใจบัดซบของตนที่ไม่รักดียังคงรักมั่นอยู่กับเด็กเปรตสันดานเสีย ป้องปล่อยให้ตัวเองเมามายทั้งๆ ที่ปกติแล้วเขาไม่ทำเช่นนี้หากดื่มกับคนอื่นที่ไม่สนิท
   สติของเขายังคงรับรู้ว่าหัวหน้าสาววัยกลางคนเป็นคนอาสาเข้ามาดูแลพนักงานขี้เมาอย่างเขาแทนรุ่นพี่เจ้าของวันเกิด ป้องควรจะปฏิเสธทว่าเขากลับปล่อยเลยตามเลยเพราะไร้สัมปชัญญะจะควบคุมจิตใจดำมืดของตน ป้องปล่อยให้เกิดสถานการณ์บางอย่างเพื่อทำร้ายตัวเองจนเกิดเรื่องเลวร้ายตามมา ผลของมันสร้างพันธะเหนียวแน่นจนเขายากจะปัดความรับผิดชอบ และตอนนี้เขาเป็นผู้ชายชั่วช้าที่ทำร้ายจิตใจของคนที่รักเขามากเหมือนเด็กคนที่เขาทั้งรักทั้งเกลียดแล้ว!
   “ก็บอกละไงว่าช่างมัน ฉันโอเคนะ ฉันสตรองพอ”
   อ้นหันมายิ้ม แต่ป้องก็รู้ดีว่าใต้หน้ากากยิ้มแย้มนั้นอ้นเจ็บปวดเพียงใด เขาอยากขอโทษเพื่อน แต่ป้องไม่กล้าปลอบโยนอ้นอีกแล้ว
   “ความจริงเราก็เลิกกันตั้งนานแล้ว แกจะไปมีใครมันก็เป็นสิทธิ์ของแกอะเนอะ ฉันมันบ้าไปเอง เพราะอยู่ด้วยกันเลยเผลอหึงจนหน้ามืดไปหน่อย ใช้ไม่ได้เลยเนี่ยฉัน ฮะๆ ขอโทษนะ”
   อ้นแกล้งหัวเราะ แต่เสียงนั้นกลับฟังแล้วคล้ายเสียงร้องไห้
   ป้องทนไม่ไหว เขาลุกขึ้นเดินไปหาอ้นแล้วกอดเพื่อนเอาไว้หลวมๆ
   “กูขอโทษ กูไม่ควรทำแบบนี้กับมึง มึงดีกับกูขนาดนี้กูยัง”
   “ไม่เอาๆ แกไม่ผิดนะป้อง แกอย่าโทษตัวเองสิ คนสวยไม่โกรธแกหรอก แต่ทีหลังแกต้องยืดอกพกถุงนะรู้มั้ย? เอากับชะนีมันไม่เหมือนเอากับผู้ชายหรอกนะป้อง ชะนีมันท้องได้ แกต้องระวังพวกมันไว้ โดยเฉพาะผู้ชายดีๆ อย่างแกใครๆ ก็อยากจับ สมน้ำหน้าแก กลายเป็นพ่อคนแล้ว ฮะๆ”
   พูดถึงตรงนี้อ้นก็น้ำตาไหล แต่เขายังพยายามต่อไป
   “กี่เดือนแล้วล่ะ? แล้วแกพาเค้าไปฝากท้องแล้วยัง? ละนี่จะทำยังไงต่อไป เหนื่อยแย่เลยเนอะ ต้องเป็นคุณพ่อมือใหม่ ไหนจะงานแต่งอีก แกหมุนเงินไม่ทันแน่ป้อง ฮะๆ”
   “ช่างแม่ง! มึงอย่าใส่ใจเรื่องกูเลยกูพอเอาตัวรอดได้ มึงต่างหาก ทำไมไม่บอกกูว่าตกงาน แล้วมึงจะเอาไงต่อ?”
   “อ๊าย! แกรู้ได้ไงอะป้อง ว้ายตายแล้วเขินจัง ฉันอายอะ”
   อ้นแกล้งทำเป็นกลบเกลื่อนแต่ป้องใช้สายตาจริงจังมองอ้น เขาพูดเสียงเรียบ
   “ไอ้เจ้าของร้านมันบอกกู ทำไมมีอะไรไม่บอกกู”
   “ฉัน...ฉันไม่รู้จะบอกแกยังไงอะ เรื่องมันพึ่งเกิดขึ้น ฉันเองก็สับสน”
   เรื่องของกูทำให้มึงสับสนเพิ่มด้วยใช่มั้ย!
   ป้องมองท่าทางอมทุกข์ของอ้นแล้วก็จูงมืออ้นมาที่โซฟา เขาดึงให้อ้นนั่งตามแล้วสั่งอ้นเสียงเข้ม
   “เล่าให้กูฟังหน่อย เกิดอะไรขึ้น?”
   “แกจะอยากรู้ไปทำไม ยังไงฉันก็ออกมาแล้ว ช่างมันเถอะ”
   “มึงโดนไล่ออกมาเหรอวะ? ได้เงินมั้ย?”
   “ไม่ใช่ ฉัน...”
   อ้นไม่กล้าบอกป้องว่าเขาโง่เองที่ยอมยื่นหนังสือลาออก และทางนั้นก็รีบอนุมัติทันที อ้นแทบจะไม่ได้รับเงินชดเชยใดใดติดตัวออกมาเลย และเขาก็ไม่หน้าด้านทวงเมื่อถูกตราหน้าว่าก่อเรื่องให้บริษัทมีภาพลักษณ์เสียหาย
   “อ้น!”
   “ช่างเถอะแก ทุกอย่างมันจบแล้ว ฉันโอเค”
   ป้องถึงกับถอนหายใจเมื่ออ้นพูดเหมือนยอมแพ้ต่อโชคชะตา
   “เอาที่กูก่อนกูพอมี ไว้มึงหางานใหม่ได้แล้วค่อยมาคืนกู”
   “ไม่เป็นไรหรอกแก ฉันไม่เดือดร้อนหรอก แกเก็บไว้ใช้เถอะ แกกำลังจะมีลูกนะป้อง”
   “มึงจะไม่เป็นไรได้ยังไง ไม่มีงาน! ไหนจะค่าอยู่ค่ากินมึง!”
   “ฉัน...”
   สายตาของป้องยังทรงพลังเช่นเคย ความเป็นห่วงสื่อออกมาจากทั้งทางแววตาและน้ำเสียงของป้อง มือของป้องอุ่นจัดเพราะอารมณ์ที่เกิดขึ้น ป้องกำลังโกรธแทนเขา ป้องเป็นห่วงกลัวเขาลำบาก แต่อ้นกลับเลือกจะดึงมือออกมาจากมือของป้อง เขาก้มหน้าลงแล้วเอ่ยเสียงเบา
   “ฉันไม่เป็นไรหรอกแก ฉันโอเค ฉันพอมีเงิน ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก แกไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะ”
   “แล้วมึงจะอยู่ยังไง? อย่าอวดเก่ง กูรู้ว่ามึงลำบาก แค่เพราะกูกำลังจะมีลูกไม่ได้แปลว่ากูเหี้ยพอจะไม่สนใจมึงนะอ้น กูทิ้งมึงไว้แบบนี้ไม่ได้หรอก!”
   ในที่สุดอ้นก็ตัดสินใจบอกป้องได้สักที
   “ป้อง... ฉันคุยกับพ่อแล้วนะ พ่อบอกให้ฉันกลับบ้าน”
   พออ้นพูดจบป้องก็พูดอะไรต่อไม่ออก! เขาเผลอหันหน้าหนี ป้องรู้ดีว่าอ้นหมายความว่าอย่างไร
   “เดี๋ยวพ่อจะมารับฉัน คงมาถึงตอนเย็นๆ อะ พ่อบอกว่าถ้าของไม่เยอะก็ให้เก็บของกลับบ้านให้หมดวันนี้เลย พ่อบอกให้กลับไปอยู่บ้านแล้วค่อยคิดหางานใหม่ มันคงดีกว่าเตะฝุ่นอยู่คนเดียวในเมืองใหญ่แบบนี้”
   ป้องพูดไม่ออกจริงๆ แต่เขาก็เห็นด้วยว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด
   “วันนี้เลยเหรอ?”
   “อืม ฉันว่าคงวันนี้แหละ”
   อ้นแกล้งหันไปมองรอบๆ ตัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงราวกับบอกเล่าเรื่องราวน่าสนุก
   “ของฉันไม่เยอะ เก็บแป๊บเดียวก็เสร็จมั้ง ใจหายเหมือนกันเนอะ เคยอยู่มาตั้งนาน ... แต่ก็งี้แหละแค่หอพักไม่ใช่บ้านซักหน่อย คนอื่นเค้าย้ายออกกันตั้งแต่เรียนจบแล้ว มีแต่พวกเรานี่แหละทนอยู่กันได้ยังไงก็ไม่รู้ ไกลที่ทำงานจะตาย”
   “มึงคิดดีแล้วเหรออ้น?”
   “ละละจะให้ฉันคิดอะไรล่ะ? แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง? ฉันตกงานนะ ไม่รู้จะหางานได้เมื่อไหร่ด้วย สภาพแบบนี้ ใครเค้าจะอยากจ้างตุ๊ดที่ก่อเรื่องไปทำงานกัน”
   “ใครทำมึง!”
   “ไม่เอานะป้อง! พอเหอะ! แกอย่าจองเวรกับใครอีกเลยนะฉันขอร้อง แกกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วนะป้อง แกไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว อย่าเอาอนาคตตัวเองไปแลกกับเรื่องงี่เง่าพวกนี้เลย”
   “มึงเก่งนะอ้น มึงต้องหางานใหม่ได้ ใครที่ไม่เอามึงโคตรโง่เลย!”
   กูก็โคตรโง่ที่ไม่รู้จักรักษาคนดีๆ อย่างมึงไว้!
   “ฮะๆ ขอบใจที่ชมนะ ฉันก็หวังอย่างงั้นเหมือนกันแหละแก แต่ขอกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อน ไว้เรื่องซาแล้วค่อยร่อนใบสมัครหางานใหม่ อิๆ ว่าแต่แกเถอะ ขอโทษนะที่ฉันชิงย้ายออกปาดหน้าแก”
   “ดีแล้ว ดีแล้วที่มึงกลับบ้าน กูจะได้ไม่เป็นห่วงมึง ไม่งั้นกูคงกังวลว่ามึงจะอยู่ยังไง”
   ในที่สุดเมื่อป้องทำใจได้เขาก็หันกลับมามองหน้าเพื่อนคนนี้อีกครั้ง
   “ถึงกูจะไม่ได้รักมึงแบบที่มึงต้องการ แต่มึงสำคัญสำหรับกูนะอ้น อย่างน้อยมึงก็เป็นแฟนเก่ากู แฟนคนแรกด้วย”
   อ้นพยายามจะยิ้มตามป้องทั้งๆ ที่ตนกำลังสูดหายใจกลั้นเสียงสะอื้น เขาเม้มปากเมื่อหยดน้ำตาหล่นจากดวงตาไหลลงผ่านแก้ม
   “กูรักมึงมากกว่าผู้หญิงที่กูทำเค้าท้องอีก กูรู้ว่ามันฟังแล้วโคตรเหี้ยเลยแต่กูไม่รู้สึกอะไรกับเค้าจริงๆ แต่ถ้ากูไม่รับผิดชอบกูก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
   ป้องจ้องตากับอ้น เขาเองก็น้ำตาไหลเช่นกัน เขาลูบผมของอ้นแล้วหยิบปอยผมไปทัดหูไว้หลวมๆ
   “แต่มึง... กูเป็นห่วงมึงจริงๆ มันอาจจะเป็นความรับผิดชอบเพราะกูรู้สึกผิดที่ไม่ได้รักมึงก็จริงแต่ความผูกพันของพวกเรามันมีความหมายมากกว่านั้นว่ะ มันอาจจะไม่ใช่รักแบบที่มึงอยากได้แต่กูมั่นใจว่ากูรักมึงนะอ้น”
   “แบบไหนอะ?”
   อ้นหน้าตาเหยเกพร้อมจะปล่อยโฮทุกวินาที ป้องเองแม้ไม่มีเสียงสะอื้นไห้แต่น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลอาบหน้าเช่นกัน
   “ไม่รู้สิ แบบพี่น้องมั้ง หรือไม่ก็คนในครอบครัว เพราะมึงตัวเล็กแล้วก็เป็นลูกไล่กูมาตลอด บางทีกูก็แอบคิดว่ามึงเป็นน้องชายกู”
   “บ้า! สวยๆ อย่างฉันต้องเป็นน้องสาวแกสิ”
   อ้นปล่อยโฮจนได้ ป้องคว้าตัวอ้นมากอด เขารู้ดีว่าเพื่อนเจ็บปวดกับคำพูดนี้มากแค่ไหน อ้นยอมแพ้แล้ว ป้องรู้ว่าอ้นยอมตัดใจจากเขาแล้วจริงๆ
   “เออ! รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดาราเลยว่ะ พี่น้อง... หึๆ”
   อ้นร้องไห้อยู่นานจนหมดเสียง ทั้งเขาและป้องรู้ดีว่านี่คือครั้งสุดท้าย หลังจากนี้ต่างฝ่ายต่างต้องออกเดินไปบนเส้นทางของตัวเอง ดำเนินชีวิตไปตามถนนสายที่ตนเลือก และอาจจะไม่มีวันหวนกลับมาพบกันอีก ไม่ว่าจะตัดใจเลิกรักได้หรือไม่ อ้นก็จะไม่หวังไม่ฝันลมๆ แล้งๆ ถึงป้องอีกแล้ว!
   “แก... ไหนๆ ก็ไหนๆ ฉันขออะไรแกอย่างนึงได้มั้ย?”
   “อะไร?”
   “ช่วยจูบฉันหน่อย ฉันอยากมีความทรงจำดีๆ กับเจ้าชายของฉัน แค่ทีเดียวก็พอ”
   ป้องถอนหายใจแล้วส่ายหน้า เขาดันตัวอ้นออก หลังจากมองหน้ากันอยู่พักหนึ่งป้องก็ถาม
   “ทำไม?”
   “ฉะฉันรู้ว่ามันไม่ดี แค่ฉันแค่... ฉันแค่อยากมีจูบหวานๆ สุดโรแมนติกกับคนที่ฉันรัก เจ้าชายในฝันของฉัน”
   อ้นก้มหน้าหลบตาป้อง เสียงของเขาเบาลงราวกับไม่กล้าเอ่ย
   “ไม่รู้ว่าชาตินี้ฉันจะหาผัวได้รึเปล่า อาจจะไม่มีผู้ชายคนไหนสนใจฉันแล้วก็ได้ ฉันอยากเก็บรักแรกของฉันไว้ อย่างน้อยถ้าได้ฟินอีกสักทีก่อนจากกันมันก็คุ้มอะ ฉันคิดแบบนี้ฉันแรดใช่มั้ย?”
   เมื่ออ้นเงยหน้ามาสบตากับป้องอีกครั้งน้ำตาก็เริ่มไหลอีกหน
   ป้องเช็ดน้ำตาของอ้นเบาๆ พลางถอนหายใจ หลังจากมองหน้าเพื่อนด้วยสายตายากจะอ่านจนอ้นใจหายแล้ว ป้องกลับกุมมือทั้งสองข้างของอ้น เขายกมือคู่นั้นขึ้นมาใกล้ก่อนจะก้มลงไปประทับริมฝีปาก
   เพียงจูบบนหลังมือเบาๆ ของป้องอ้นก็น้ำตารั่ว เขาสะอื้นจนปากสั่น
   ป้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเพื่อน เขากล่าวเสียงจริงจังสมกับเป็นอัศวิน
   “ถ้ากูเป็นเจ้าชาย กูต้องจูบแบบนี้”
   นิ้วของป้องไล้ไปตามริมฝีปากของอ้น ในเวลานี้ป้องเท่มากจริงๆ อ้นรู้สึกราวกับตัวเองเป็นซินเดอเรลล่าอยู่ในฉากที่เจ้าชายหอบรองเท้าแก้วมาพบ!
   “เก็บริมฝีปากของมึงไว้ให้กับคนที่เขารักมึงจริงๆ นะอ้น ถึงตอนนี้กูดีใจที่มึงไม่ยอมกู ไม่อย่างนั้นกูคงเป็นตัวเหี้ยที่ช่วงชิงทุกอย่างไปจากมึง ขอให้มึงได้เจอคนดีๆ คนที่เค้าดีกับมึงมากกว่ากู”
   “อื้ม ขอบใจนะ”
   อ้นพูดได้แค่นั้นจริงๆ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้อีกนอกจากคำขอบคุณ ป้องกล่าวลาเขาแล้ว ได้เวลาที่หน้าสุดท้ายของนิทานจะปิดลง ได้เวลาที่อ้นต้องตื่นจากฝันแล้ว!



﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏END﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏



อีพี่ป้องก็คิดถึงเติ้ลตลอดเวลาเนอะ! ถ้าหากเติ้ลอยู่กับเรย์ด้วยเติ้ลมันคงบอกว่า "ทำใจเหอะพี่เรย์ ซีนแบบเนี้ยะ! ผมเจอมาก่อน!"   :laugh3:  ฮ่าๆ

จบพาร์ตแรกแย้ว! เศร้าแมะ? เศร้าแต่สวยนะ ในที่สุดอ้นก็ตัดใจจากป้องได้เด็ดขาด ไม่คาดหวังอะไรอีก ป้องเองก็เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกแยะ! ก่อนที่จะถูกห่วงรัดคอด้วยฝีมือเจ๊แจน ฮ่าๆ นี่แหละที่มาว่าทำไมตอนที่เจอกับเติ้ลป้องถึงได้ดูไร้ชีวิตชีวา "รักไม่รักไม่รู้ๆ แต่ต้องพยายามทำเพื่อรักษาสถานภาพแฟนที่ดี" มีใครกำลังเผชิญกับเรื่องแบบนี้รึเปล่า? ระวังนะ ถ้ามันถึงที่สุดแล้วจริงๆ อาจจะจบไม่สวยเหมือนป้อง เพราะใจมันไม่อยู่แล้วไง เหอๆ
ชอบโมเมนต์สองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกันมาก บางมุมป้องโคตรอบอุ่น คือพี่แกปล่อยโมเมนต์ชวนซบแบบนี้บ่อยๆ แล้วอ้นจะตัดใจได้ยังไงค้า? มันก็ตรงกับคำว่าที่ "คนบางคนใจดีเกินไปจนทำให้คนอื่นหลงรัก" แล้วถ้าเกย์หรือเพศที่สามไปเจอคนแบบนี้ มักจะละเมอไปเลยว่าเค้ามีใจ สุดท้ายก็อกหักบ่อยๆ ... แต่ในภาคแรก อีพี่ป้องไม่เคยมีโมเมนต์แบบนี้กับน้องเติ้ลเลย! คือปากแข็ง เกรียน เถียงกันตลอด!
ทว่าพอเป็นอ้น ป้องก็เผลอบ่อยๆ นะ มันจะว่าเพื่อนรัก คนพิเศษ หรือพี่ชายที่คอยปกป้องดูแลน้องสาวคนสำคัญมันก็ได้หมดอะ อารมณ์มันประมาณนั้น แต่ก็น่ารักดี ฮ่าๆ
ถือว่าจบบทสรุปของสองคนนี้อย่างงดงาม และเป็นเหตุผลว่าทำไมป้องยังรู้สึกดีๆ กับอ้นเสมอและไม่พอใจเวลามีใครแตะต้องความทรงจำในส่วนนี้ อ้นคือคนสำคัญของป้องนะ ฮ่าๆ
อ้าว! ละแบบนี้เติ้ลจะหึงป้องกับอ้นมั้ยอะ? อีนางน้อยมันยิ่งขี้อิจฉาอยู่ เอาแต่ใจที่หนึ่ง ป้องอ้นเขาให้ความสำคัญกันขนาดนี้แถมยังเคยเป็นแฟนเก่า เติ้ลมันจะทำยังไง? จะเฉยได้มั้ย? เหอๆ ต้องติดตามในพาร์ตต่อไปนะ!

พาร์ตหลัง ป้องและเติ้ลจะกลับมาแน่นอน! แถมยังชวนเพื่อนมาเพียบ! เหล่าแก๊งเกรียนเตรียมเปิดตัว พีมา พี่สตาร์จะพลาดได้ยังไง? ละหนูน้อยสไนเปอร์ในวัย 10 ขวบนั้นจะแสบแค่ไหน? เวลาผ่านไปจากเรื่อง STR/INT : Love Tricks ราวๆ 5 ปี!


#ถาม "ตกลงนิยายเรื่องนี้ยังไม่จบใช่มั้ย?"
#ตอบ "ใช่แล้ว! จบพาร์ตแรกเฉยๆ มีพาร์ตหลังรออยู่ ดำเนินเหตุการณ์ต่อจากภาคแรก #ตูดผมไม่ฟิตจริงเหรอพี่?"
เค้าถึงได้บอกไงว่ามันต้องลงเนื้อหาต่อกัน ไม่ควรแยกกระทู้ แล้วคนที่อ่านภาค2 ก็ควรอ่านภาคแรกด้วย เหอๆ  o8

มันจะจบได้ยังไงเล่า! ก็เรย์ยังงอนอยู่เลย จากกันแบบนี้มันผิดคอนเซปต์นิยายแฮปปี้เอนดิ้งของเรานะ ฮ่าๆ
น่าสงสารเรย์มาก เหมือนจะมีความสุขแวบๆ ละอ้นก็จากไป โมเมนต์เรย์อ้นก็น่ารักใสๆ ดีนะ เหอะๆ ดูบ๊องๆ ดี เป็นอะไรที่กันเอง สบายๆ มาก หวังว่าตัวตนของเรย์จะทำให้คนอ่านอมยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดูพ่อหนุ่มคนนี้นะ เหอๆ

แต่อ้นเรย์ในพาร์ตแรกนี้ก็มุ้งมิ้งได้แค่นั้นแหละ! เพราะเรย์มันจีบสาวไม่เป็น!  :haun5:
คือแสดงออกชัดเจนว่ารักว่าห่วงเค้า คอยดูแลเทกแคร์ แต่ไม่มีโมเมนต์จีบ!
เป็นโจทย์ที่ท้าทายเหมือนกัน ต้องเขียนยังไงให้คนอ่านรู้สึกได้ถึงความรักของเรย์ รับรู้ได้ว่าเรย์ชอบอ้นมาก แต่อ้นต้องไม่รู้ตัวเลย คือเราก็สนุกกับการเขียนนะ ฮ่าๆ มันมีความดราม่าเล็กๆ ฉากตัวละครแบบเรย์นี่เขียนยากกว่าผู้รุกแบบพี่โจมซะอีก
อาจจะเพราะเรย์เป็นตัวละครที่แปลกและประหลาด มีความอินดี้สูงมาก เป็นโอตาคุด้วย แต่ไม่ซับซ้อนนะ!
ทว่าคนอ่านคาดเดาการกระทำของเรย์ได้รึเปล่า? ลองมาเดาเนื้อเรื่องพาร์ตถัดไปกันเล่นๆ มั้ย?

เอาล่ะสิ! เรย์จะทำยังไง อ้นหนีกลับบ้านแบบนี้ หึๆ รอลุ้นน้า แต่ถ้าไม่อยากลุ้น อุดหนุนอีบุ๊กเค้าได้นะ >>> http://goo.gl/Euk24W <<<  :oni3: o11

อ้นมีโมเมนต์รำลึกความหลัง ทบทวนชีวิตด้วยอะ หึๆ
ก็ฝากไว้ให้ทุกคนคิดนะ คนบางคนเอาชีวิตไปผูกติดกับคนอื่นมากเกินไป เหมือนอ้นที่เคยพยายามเข้าสังคมอย่างหนัก ต้องการๆ ยอมรับจนสูญเสียตัวตนของตัวเอง ที่สำคัญ! อ้นยอมปล่อยตัวเองไหลไปกับค่านิยมต่างๆ ทั้งที่มันไม่ใช่ความสุขของอ้น   
เราก็ไม่ได้ดีเด่นักหรอก แต่เรารู้จักคำว่าพอ เราหักห้ามใจตัวเองได้ในระดับนึง เราเป็นห่วงคนอื่นๆ นะ มีความรู้สึกว่าผู้คนสมัยนี้วัตถุนิยมกันมาก อย่างน้อยก็มากจนเอาเงินค่าพรีหนังสือไปใช้ส่วนตัวแล้วไม่ส่งหนังสือให้คนอ่านนั่นหละ มันอาจจะไม่เป็นนักเขียนขี้โกงทุกกรณีก็ได้ บางคนอาจจะมีปัญหาจริงๆ เลยต้องทำแบบนั้น แต่ยังไงก็เถอะ ชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้สะสมเงินสำรองเอาไว้เลยเหรอถึงได้ต้องเอาเงินจากกองอื่นไปหมุน! เพราะทุกคนคิดกันง่ายๆ แบบนี้ไงคนไทยถึงได้เป็นหนี้บัตรเครดิตท่วมหัว!
เราไม่อยากเห็นนักอ่านที่รักของเราเป็นแบบนั้น อย่างน้อยถ้าคุณทนอ่านนิยายแปลกๆ ยาวๆ ไม่ค่อยมีบทผู้ชายซั่มกันให้ฟิน มีนักเขียนปากเสียมาบ่นหลังจบทุกตอน ถ้าคุณทนอ่านของพรรณนี้ได้ เราก็หวังว่าคุณจะมีสมอง มีเหตุและผลในการดำเนินชีวิต
นี่พูดจริงๆ นะ ไม่ถึงกับเขียนนิยายสะท้อนสังคมจรรโลงคุณธรรมหรอก แต่เราอยากให้คนที่อ่านนิยายของเราอ่านแล้วคิดได้ เก็บสิ่งที่อยู่ในนิยายไปคิดต่อ เรื่องไหนไม่ดีก็อย่าทำ เรื่องไหนน่าเอาอย่างก็เอาไว้เตือนใจ
คือคนเราอะมันผิดพลาดกันได้ทุกคน แต่มันก็ต้องเรียนรู้และปรับปรุงตัวกันบ้าง แต่ละคนก็เก่งไม่เท่ากันวิธีพัฒนามันก็คงคนละแบบ อย่างป้อง ถ้ามันไม่โดนยิงในภาคแรก มันไม่คิดได้หรอก หรืออ้นที่ปรับปรุงตัวเองมาตลอดทีละนิด ตั้งแต่ตอนที่ล้วงแมมมอธป้อง กลับมาดีกับป้องอีกครั้ง ไปฝึกงานเผลออวดผัว จนพยายามปรับตัวเมื่อได้งานใหม่ อ้นพัฒนาตัวเองมาตลอดนะ
เราก็ไม่รู้หรอกคนอ่านๆ นิยายเรื่องนี้แล้วจะรู้สึกถึงสาระที่เราซ่อนไว้มากแค่ไหน คนเรามันก็ต่างกันอะ แต่เราก็หวังว่าถ้ามีคนอ่านที่เราบ่นตรงๆ ณ ตรงนี้แล้ว เค้าจะคิดได้
อย่างน้อยถ้าจะสนับสนุนผลงานเราด้วยเงินก็วางแผนได้ว่าจะซื้ออีบุ๊กหรือรอแบบรูปเล่ม หรือจะซื้อมันทั้งสองแบบ ไม่ใช่ซื้อจนกินแกลบ เป็นห่วงนะ!

แต่ชีวิตของอ้นยังไม่จบหรอก ยังมีอะไรรออยู่อีกเยอะ! "ตุ๊ด"อย่างอ้นจะไปได้ไกลแค่ไหน? ชีวิตของเพศที่สามคนนี้เป็นยังไง ต้องติดตาม เหอๆ

สุดท้ายนี้ ก่อนจากกัน (2 เดือน) ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่าน ขอบคุณคนที่คอยให้กำลังใจ ขอบคุณมากๆ จ้า  :pig4:
ป.ล. เฮ้ยๆ จบพาร์ตแรกแล้ว เมนต์ได้นะ ไม่งั้นพาร์ตหน้าจะส่ง #สไนเปอร์ มาเก็บสายซุ่มนะเออ!



:bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
รอภาคต่อค่าาา ฟินเรย์อ้นมากกกกกกกกก  :ling1: :ling1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2016 21:09:29 โดย butter.juliet »

ออฟไลน์ Ssuchaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดีแล้วที่อ้นหมดเวรหมดความกับเหล่า ผช ที่ไม่ได้ความ ฟรวยยย แล้วอีตาม่อนหล่อนต้องตาม แม่หญิงศรีอ้นไปนะ ถ้าไม่งั้น  :z6: เราจะรอด้วยความจดจ่อเลยค่ะ เพราะงั้น รีบๆกลับมาน๊าาาา  :hao5: เที่ยวให้สนุกด้วยนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ummax

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสาร อ้น จังเลยสงสาร เรย์ ด้วยอ่านแล้วร้องให้ตามเลยอ่ะ
ขอบคุณมากครับสำหรับนิยายดีๆที่มีมาให้อ่าน
ยังรอตอนต่อไปนะครับ


ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เมื่อไหร่ อ้น+เรย์ จะสมหวังซักที รอตอนต่อไปน้าาาาาาาาาา :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอร้อรอ รอตอนต่อไปอยู่น้าาาา

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce


*อ่านแย้วชอบ อย่าลืม "Rate & Review" ได้น้า เค้ารอกำลังใจจากทุกคนอยู่  :impress2:


:pig2: :pig2: :pig2:

o1 กลับมาแล้วจ้า!  :oni1:
❤ หลังจากขอพักสองเดือนแต่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเลยขอไว้ทุกข์เพิ่มอีกเดือน  :monkeysad:
❤ วันนี้ฤกษ์ดี (จริงๆ ก็เพราะปกติลงนิยายทุก ศุกร์ or ส.-อ. นั่นแหละ) ก็เลยกลับมาประจำการแล้ว วะ ฮ่าๆ  o17

คิดถึงนักอ่านทุกคนเลย ยังมีใครรออ่านนิยายเรื่องนี้อยู่บ้างน้า? ... จะมีแฟนคลับรึเปล่า?
ถ้าใครรัก #พี่ป้องน้องเติ้ล และ #นายแว่นโฉดตุ๊ดลำไย รวมถึงพลพรรคแก๊งเกรียน #พี่เทพน้องดาว และเจ้าเด็กแสบ "สไนเปอร์" อย่าลืมเก็บตังค์น้า
ประมาณต้นปีหน้าจะเปิดให้จองหนังสือกัน
หรืออาจจะกลางเดือนถ้าทำต้นฉบับไม่ทัน *คอนเซปต์เดิมจ้า ถ้าไฟล์ต้นฉบับไม่พร้อมส่งโรงพิมพ์ เค้าก็จะยังไม่เปิดจอง เหอๆ #เรื่องตังค์ไม่สำคัญเท่าศักดิ์ศรี! ❤

มีใครที่ซื้ออีบุ๊กนิยายเรื่อง "ใครว่าเราไม่กินเส้น?" อ่านจบแล้วบ้าง?  ❤❤  Meb กดซื้อตรงนี้!  :teach:      :mew1:
หวานมั้ย? ตั้งใจให้กุ๊กกิ๊กหน่อยๆ กับบรรยากาศอบอุ่นสบายๆ เป็นกันเองแหละ ฮ่าๆ อาจจะไม่จิกหมอนแต่รับรอง อมยิ้มแน่นอน! ❤
ว่าแล้วก็ขอเชิญทุกคนไปพบกับพาร์ตต่อของ #ไม่กินเส้น กันเถอะ ในพาร์ตหลังนี้ ใช้ชื่อตอนว่า #เดิมๆไม่ปรุง นะจ้ะ ❤
เอาล่ะสิ? ... มันไม่ปรุงยังไง? มีความหมายอะไรแฝงรึเปล่า? หรือตั้งชื่อตอนเอามันให้เข้ากับปกเกาเหลาเฉยๆ? .... ถ้าอยากรู้ว่า "เดิมๆไม่ปรุง" ที่ว่าหมายถึงอะไร ต้องติดตาม! ❤

:katai4: :katai4: :katai4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2018 19:07:03 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce


เป็นยังไงบ้าง? สะเทือนใจมั้ยเอ่ย? เป็นที่รู้กันเนาะว่าเราชอบเขียนนิยายเสียดสีสังคม บางทีก็แซะชาวบ้าน อ่านบทนี้แล้วคิดยังไงเอ่ย? เหอๆ
ฝากถึง "กะเทย" หรือคนที่คิดว่าตัวเองเป็นกะเทยนะ ตราบใดที่คุณยังเกลียดชะนี อิจฉาผู้หญิง เบะปากใส่มดลูก หัวเราะเยาะหอย he การกระทำของคุณมันชี้ชัดว่าพวกคุณก็เป็นได้แค่กะเทยไปตลอดชาติ! ก็แค่ของเลียนแบบ สิ่งมีชีวิตแปลกปลอมที่ของยืมรูปลักษณ์แบบเพศหญิงไปใช้ แต่คุณไม่มีวันเป็นผู้หญิงได้อย่างแท้จริง ดังนั้นอย่ามาเรียกร้องสิทธิ์หรือความเท่าเทียมว่าตัวเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
คุณจะเป็นผู้หญิงได้ยังไงในเมื่อลึกๆ แล้วคุณยังรังเกียจ อคติ และมีพฤติกรรมไม่ให้เกียรติเพศหญิงอยู่เลย! คุณไม่ได้คิดว่าตัวเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

เรายอมรับความหลากหลายทางเพศ เรายอมรับเรื่องที่มนุษย์เรามีเพศสภาพหลากหลาย เพศชายบางคนมีจิตใจเป็นหญิงแต่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดหรือเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิงได้มันก็มี แต่กะอีแค่เฉาะล่างยัดบนแล้วเค้าไม่เรียกว่าผู้หญิงหรอกถ้าตราบใดที่คุณยังไม่ทำตัวให้สมกับเป็นผู้หญิง ผู้หญิงเองยังโดนด่าเลยถ้าไม่ทำตัวให้เป็นกุลสตรี
ไม่สมเป็นผู้หญิงยังไง? ก็ไอ้ความคิดอคติและรังเกียจชะนีในหัวนั่นไง ความคิดอิจฉาริษยาที่มองว่าผู้หญิงคือศัตรู ก็คุณยังไม่นับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงแล้วใครมันจะไปยอมรับคุณ? อินเนอร์มันไม่ใช่ไง
คุณต้องยอมรับตัวเองเสียก่อนว่าคุณก็เป็นผู้หญิงคนนึง เป็นผู้หญิงที่มีคุณค่าในแบบของตัวเอง ยอมรับว่าคุณไม่ได้เกิดออกมาจากท้องแม่แล้วก็เป็นผู้หญิงสวย คุณเคยผ่านการผ่าตัดแปลงเพศ และอาจจะต้องกินฮอร์โมนตลอดชีวิต รวมถึงไม่สามารถมีลูกได้ นอกเหนือจากเรื่องพวกนี้แล้วคุณก็ปกติเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ถ้าคุณคิดแบบผู้หญิง เข้าใจผู้หญิง คุณก็คือผู้หญิง อินเนอร์มันสำคัญนะ
อารมณ์แบบผู้หญิงที่เกิดมาไม่สวยแต่ยอมรับข้อเสียของตัวเอง แล้วพยายามให้ตัวเองสวยขึ้น หรือมุ่งไปพัฒนาทางอื่น เพื่อมัดใจผู้ชายที่เค้าชอบนั่นแหละ หรือผู้หญิงบางคนที่รู้ตัวว่าตัวเองต้องโสดตลอดชาติเค้าก็ปรับตัว ทำงานเก็บเงินไว้เยอะๆ เพราะรู้ตัวว่าแก่ไปไม่มีลูกหลานมาดูแล ประเด็นสำคัญคือต้องยอมรับตัวตนของตัวเองก่อน แล้วทำความเข้าใจกับสถานะของตัวเองให้ชัดๆ เตรียมแผนรับมือไว้ในอนาคต ไม่ใช่มานั่งโทษตัวเองหรืออิจฉาคนอื่น เหมือนผู้หญิงปัญญาอ่อนบางคนที่โวยวายว่าฉันสวยหน้าที่การงานดีมีตังค์ทำไมไม่มีผู้ชายเอาฉัน?
กะเทยแม้จะแปลงเพศแล้วกับผู้หญิงแท้ๆ มันก็ยังมีปัจจัยหลายอย่างแตกต่างกันนะ จะให้ได้อะไรเหมือนกันเปะทุกอย่างมันก็คงยาก ผู้หญิงด้วยกันเองยังไม่เท่าเทียมกันเลย ส่วนเรื่องของกฏหมายก็รอไปเรื่อยๆ แล้วกัน จริงแล้วเราเองก็สนับสนุนกฏหมายคู่ชีวิตนะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าโลกนี้ไม่มีความเท่าเทียมที่แท้จริงหรอก คอมมิวนิสต์อย่างจีนยังไม่เท่ากันเล้ย เหอๆ

ในส่วนของผู้หญิงแท้ๆ ตั้งแต่คลอดออกมาจากท้องแม่ก็เช่นกัน
อย่าว่าเราหัวโบราณเลยนะ แต่ผู้หญิงร้ายๆ แรงๆ แรดไม่เลือก ร่านไปนอนแบให้ผู้ชายได้ง่ายๆ ถามหน่อยสิ คนพรรณนี้จะให้กำเนิดประชากรรุ่นต่อไปที่มีคุณภาพได้ยังไง?
มันไม่ใช่ว่าโลกนี้กำหนดหน้าที่ให้ผู้หญิงเพียงแค่เกิดมาคลอดลูกให้ผู้ชายหรอก แต่"แม่"คือคนที่ใกล้ชิดและช่วยอบรมเลี้ยงดูประชากรรุ่นต่อไป แล้วแม่ที่ไร้คุณภาพจะผลิตลูกที่มีคุณภาพได้ยังไง? ถ้าวันนึงคุณมีลูกสะใภ้อยากให้ลูกสะใภ้มาจิกหัวคุณว่า "E-dok มึงอย่ามาสั่งกูมากนะเดี๋ยวกูตบคว่ำเลย" แล้วก็สอนหลานคุณเต้นยั่วโชว์ตกเบ็ดหาเงินเหรอ?
เพราะสารตั้งต้นมันไม่มีคุณภาพ ของที่ได้ออกมารุ่นต่อๆ มามันเลยไร้คุณภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ไง

ในยุคที่แฟนนอนด้วยกันเป็นเรื่องปกติ ผู้หญิงบางคนก็พกถุงยางฟรีเซ็กอย่างมีความรับผิดชอบ มันยากนะที่จะชี้ชัดว่าผู้หญิงคนไหนดี หรือไม่ดี แต่ผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นกุลสตรี ส่วนไอ้ผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีก็ใช่ว่าจะมีความรับผิดชอบต่อสังคม หรือเป็นแม่ที่ดีได้
แต่ที่แน่ๆ ถ้าไปอ้าขาให้ผู้ชายที่ไม่ได้แต่งงานกันเสียบง่ายๆ เมื่อไหร่ก็ยอมรับเถอะว่าตัวเอง"ง่าย" แม้จะเป็นผู้หญิงง่ายๆ ที่รู้จักการป้องกันก็เถอะ แต่คุณไม่ใช่คนรักนวลสงวนตัว เพราะคุณไม่อดทนรอวันแต่งงาน และสามารถนอนกับคนที่คุณยังตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าในอนาคตจะได้แต่งงานกันจริงๆ แน่รึเปล่า?

เพราะผู้หญิงเป็นฝ่ายที่ถูกฉีดน้ำใส่แล้วต้องอุ้มท้องไงถึงต้องระวังตัวมากกว่าผู้ชาย นี่ไม่ใช่ประเด็นความไม่เท่าเทียมทางเพศ แต่เป็นเรื่องเฉพาะทางๆ กายภาพที่เพศหญิงทุกคนควรสังวรณ์ไว้! ส่วนเพศชายที่รักสนุกฟันผู้หญิงไปเรื่อยเค้าก็เรียกว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษไงเพราะไม่ให้เกียรติผู้หญิง มีผู้หญิงคนไหนอยากได้เชื้อแบบนั้นมาทำพันธุ์ด้วยเหรอ? ต้องอุ้มท้องทนดูมันไปฟันผู้หญิงคนอื่นต่อแล้วก็ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว?
คนโบราณเค้าถึงให้มองกันนานๆ ไง จะได้แน่ใจ ผู้ชายก็เป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติผู้หญิง ผู้หญิงก็ประพฤปฏิบัติตัวดีเป็นกลุสตรีที่เพียบพร้อม แต่งงานกันแล้วจะได้ช่วยกันเลี้ยงลูก อบรมประชากรรุ่นต่อไปให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ
ไม่ใช่รู้จักกันไม่ทันไรก็ตกลงใจหอบผ้าหอบผ่อนไปขออยู่บ้านผู้ชาย ทำประหนึ่งเป็นลูกสะใภ้ตบแต่ง ... ไม่มีศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงเลยหรือไง?

ถ้าเดินออกมาจากม่านรูดกับผู้ชายแล้วถูกนินทา ปฏิเสธว่าไม่มีอะไรกันแล้วใครจะเชื่อ? จะอ้าขาให้เค้าตรวจพิสูจน์ความบริสุทธิ์เหรอ? มันก็ต้องรู้จักวางตัวตั้งแต่แรก ไม่ใช่รู้ว่ามีผู้ชายมาจีบ มันชวนไปดื่มเหล้าที่คอนโดสองต่อสอง ก็ตามเค้าไป พอเค้าจะปล้ำดันบอกว่า "นี่อย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะฉันไม่ง่ายนะยะ!" ... คือมันต้องปฏิเสธตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่ตามเค้าไปถึงที่!
เหมือนพวกที่โชว์หน้าตาในเฟซด้วยรูปโปรไฟล์ดี๊ดี ขาวผ่อง ตาโต ปากแดง ร่องอกดูมๆ ดูดีเชียว แต่เมนต์หรือโพสต์เฟซหยาบๆ ทั้งดอกไม้ทั้งแกงกะหรี่ขึ้นกูมึงไม่แคร์สื่อลงสาธารณะ ถ้ามีคนมาบอกว่าคนพวกนั้นเรียบร้อย เรายังจะเชื่อโดยไม่ตะขิดตะขวงใจได้เหรอ?

ฝากไว้ให้คิดนะ เป็นผู้หญิงมันยาก ต้องมีเม็นทุกเดือนปวดท้องทุกเดือนแล้วยังต้องระวังอะไรอีกหลายอย่าง ทำอะไรไม่ดีก็ถูกนินทาเป็นขี้ปากชาวบ้าน เรื่องเสื่อมเสียรอบตัวมีเพียบ แล้วพวกเราจะเป็นผู้หญิงยังไงในโลกยุคนี้? และถ้ามีลูกหลานเพศหญิง จะสอนเด็กหญิงยุคใหม่ยังไงให้เติบโตเป็นผู้หญิงที่ดี

 o1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2018 19:07:55 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
เย้เย้ กลับมาแล้ว ยัยอ้นเป็นสาวขึ้นทั้งกริยาวาจาไม่แว๊ดๆแล้ว
คิดถึงหนุ่มเรย์จังเลย จะลงเอยกับอ้นมั้ยน้อออ
รอติดตามนะคะ มายาวๆแบบนี้ชอบจังเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด