เสร็จงานแล้วครับ นั่งหย่อนก้นชาร์จแบตฯ มือถือ เลยเปิด MacBook มาลงบทที่ 33 กันให้อ่านตามสัญญาครับผม
บทที่ 33 เป็นตอนบิ๊กพาแทนกลับขอนแก่นแล้วครับ และเป็นครั้งแรกที่บิ๊กจะได้พบกับคุณยายของแทนเช่นกันครับ
มาชมกันเลยครับ^^
********
Chapter 33 มื้อเที่ยงก่อนพาแทนไปส่งขอนแก่น ป้าน้อยเป็นคนทำให้ทาน หลังจากเติมพลังใส่ท้องกันแล้ว ผมกับแทนก็กราบคุณแม่ผมเป็นการลากลับบ้าน น้องแพนด้ากำลังวิ่งด้วยความเร็วพอประมาณไปตามเส้นพหลโยธิน เพื่อเข้าทางรังสิต-นครนายก ใช้เส้นทางถนนมิตรภาพเข้านครราชสีมาเพื่อไปขอนแก่น
“เราไม่เคยมาจังหวัดนี้เลยรู้ปะ” ผมส่งน้ำเย็นที่พึ่งซื้อจาก 7-11 ในปั้มให้กับแทน
“ต่อไปนี้ได้มาบ่อยๆ แล้วแหละ” ใช่แล้ว บ้านแฟนอยู่นี่นี่ครับ
“บ้านเราอยู่ก่อนเข้าตัวอำเภอเมืองประมาณ 10 กิโล บิ๊กไปถูกนะ” ผมดูเส้นทางมาก่อนแล้ว น่าจะไม่หลงแหละ
“ไปกันเถอะ” แทนพยักหน้า ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งพร้อมกับผม
ถนนแถวนี้แอบไม่เรียบในบางจุด และรถบรรทุกที่ขับได้กวนประสาทมาก ทำให้ผมต้องขับแบบไม่ปราณีกันสักหน่อย แทนเองก็เข้าใจ ที่ผมมุดซ้าย มุดขวา เร่งหนีรถใหญ่อยู่เป็นระยะๆ จนเหลืออีกไม่ห้ากิโลเมตร จะถึงทางเข้าบ้านของแฟนผมแล้ว
“เข้าทางนี้แหละ” แทนชี้ทางเข้าก่อนจะถึงประมาณสามสิบเมตรสุดท้าย ผมเปิดไฟเลี้ยวขวา เพื่อเข้าทางเข้าบ้านของแทน ทางเข้าบ้านของแทนเป็นถนนราดยางที่รถวิ่งสวนกันได้ แต่สองข้างทางกลับไม่มีสิ่งปลูกสร้างอะไรนอกจากที่ดินเปล่า ผมขับเข้าไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรได้
ตอนนี้ผมจอดรถอยู่หน้าประตูบ้านที่ดูมิดชิด มองไม่เห็นว่าข้างในบ้านมีอะไร แต่เสาด้านบนของหน้าประตูบ้านมีกล้องวงจรปิดตัวใหญ่ฝั่งละสองตัว ที่หมุนไปมาได้ ก็ทำให้ผมรู้สึกถึงความไม่ธรรมดาของบ้านนี้อยู่ สักครู่หนึ่งชายในชุดซาฟารีพร้อมวิทยุพกพา ก็เดินออกมาจากประตูเล็กของหน้าบ้าน แทนเปิดเปิดกระจกรถ เมื่อชายคนนั้นเห็นแทนแล้ว จึงวิทยุให้เปิดประตูบ้าน
“บ้านแทนนี่มิดชิดเอาเรื่องนะเนี่ย” ผมขับรถผ่านประตูบ้านแทนเข้าไปแล้ว ต้นไม้ใหญ่กับดอกไม้ที่ปลูกไว้สองข้างทางในบ้าน ดูจะทำให้บ้านนี้มิดชิดมากกว่าเดิม
“เลี้ยวไปทางซ้ายนะ” ผมเลี้ยวตามที่แทนสั่ง ถนนของฝั่งซ้ายที่เลี้ยวมา บีบทางเหลือแค่รถวิ่งได้คันเดียว สวนกันไม่ได้ แล้วผมก็โดนบังคับเลี้ยวซ้ายอีกรอบตามทาง ก่อนจะไปจอดหน้าบ้านหลังเล็กๆ ที่ดูกลางเก่ากลางใหม่ แต่สะอาดและร่มรื่นด้วยดอกไม้นานาๆ ชนิด ที่ปลูกในบริเวณรอบบ้านหลังนั้น มีสิ่งเดียวที่ดูแปลกกับแปลงดอกไม้นี้ นั่นคือแป้นบาสที่ห่วงขึ้นสนิมหมดแล้ว ตั้งอยู่กลางแปลงดอกไม้นั้น
“บิ๊กถอยรถเข้าโรงรถเลยนะ” ผมค่อยๆ ถอยน้องเอาท้ายน้องแพนด้าเข้าโรงรถของบ้านหลังนี้ ที่มีรถตู้ VW Caravell รุ่นล่าสุดจอดอยู่ แต่ผมจอดรถยังไม่ทันเสร็จ มีผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ เดินมาที่รถผม แทนเปิดประตูลงไปหา
“คุณแทนกลับมาแล้ว คุณแทนกลับมาแล้ว” เสียงผู้หญิงคนนี้ดูจะดีใจมาก ที่แทนกลับมาถึงบ้านแล้ว แทนสวมกอดก่อนจะมองหัวจรดเท้าด้วยรอยยิ้ม
“น้าจำเนียรสบายดีนะครับ” ผู้หญิงที่แทนเรียกว่าคุณน้า กอดแทนซ้ำอีกครั้ง
“ไปอยู่กรุงเทพฯ ลำบากไหมคะ น้ากลัวไม่สบายเหมือนที่บ้านเรา” ผมเปิดท้ายหยิบกระเป๋าของแทนออกมา ในขณะที่แทนยังคงติดพันกับคนในบ้านต่อไป
“ไม่เลยครับ ผมสบายดีครับ เออ...น้าจำเนียรครับ นี่บิ๊ก เพื่อนผมที่กรุงเทพฯ” ผมยกเอากระเป๋าเป้ของแทนสะพายหลัง ก่อนจะยกสองมือไหว้สวยๆ โดยที่ผู้รับไหว้ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“คุณยายครับ” แทนหันไปที่ประตูบ้าน แล้ววิ่งไปกอดผู้หญิงวัยประมาณแปดสิบ ที่เดินมาด้วยไม้เท้า แทนกอดคุณยายแน่นชิด เหมือนคนไม่ได้พบหน้ากันนานมากแล้ว
“ยายคิดถึงหลานมากๆ ไปเรียนเทอมเดียว ยายรู้สึกนานมากเลยรู้ไหม” คุณยายกำลังลูบหัวแทน ก่อนจะหันมาที่ผม
“คุณยายครับ นั้นเพื่อนผม ชื่อบิ๊ก มาส่งผมที่บ้านนี่แหละครับ” ผมไหว้คุณยายแล้วยิ้มกว้างๆ ให้คุณยาย คุณยายยกมือซ้ายเป็นการรับไหว้ให้ เพราะมือขวาถือไม้เท้าอยู่
“เข้าบ้านกันนะหลาน เออ...เนียรไปเตรียมน้ำกับขนมมาให้หลานทั้งสองด้วยนะ” ผมเดินตามหลังแทนที่ประคองคุณยายไปที่มุมรับแขก โดยที่แทนนั่งข้างๆ ผมวางเป้ของแทนไว้ที่เก้าอี้รับแขกอีกตัว ก่อนจะไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกฝั่งตรงข้าม
“แล้วเราทั้งคู่มากันยังไงเนี่ย” คำถามคุณยาย ใครตอบดี
“บิ๊กขับรถมาส่งครับ” แทนตอบคำถามนี้ โดยมีผมพยักหน้าให้กับคำตอบนี้
“ทำไมไม่บอกยาย จะได้ให้เจ้ากบขับรถตู้ยายไปรับก็ได้ รบกวนเพื่อนเราขับรถมาตั้งไกล” ผมขอพูดบ้างนะ
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากขับรถมาเที่ยวอยู่พอดีเหมือนกันครับ” คุณยายของแทนยิ้มให้ผม
“ขอบใจมากนะ ที่มาส่งแทนถึงที่” ผมก้มพยักหน้าเล็กๆ
“แล้วนี่เราจะไปพักที่ไหนต่อ ตอนนี้ใกล้จะดึกแล้วนะ นอนค้างก่อนได้นะ” คุณยายชวนให้ผมพักก่อนกลับกรุงเทพฯ
“คุณยายครับ คุณพ่อกับแม่อยู่เปล่าครับ” คุณยายนึกอยู่สักครู่
“คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงไปประชุมพรรคที่กรุงเทพฯ เห็นว่ากลับมะรืนนี้คะ” น้าจำเนียรที่นั่งพับเพียบที่พื้นข้างๆ คุณยายของแทนเป็นคนบอก
“งั้น บิ๊กค้างกับเราก่อนได้นะ นอนห้องเราก็ได้” ผมคิดอยู่ว่า จะดีเหรอ
“อืม..ดีๆ ขับรถกลับตอนนี้ก็เหนื่อยอยู่ นอนพักให้อิ่มๆ ก่อนนะหลานบิ๊ก” ก็...ได้ครับ แทนดูจะยินดีที่ผมนอนค้างคืนที่บ้าน
“เย็นนี้มาทานฝีมือยายด้วยนะ หลานกลับมาทั้งที ต้องเข้าครัวเองซะแล้ว” คุณยายลุกขึ้นด้วยไม้เท้า แล้วรีบเดินไปที่ครัว โดยมีน้าจำเนียรเดินตามไป
………………..
ห้องนอนของแทนอยู่ที่เรือนคุณยาย แทนมีห้องนอนที่บ้านหลังหลัก แต่ของส่วนใหญ่ จะอยู่ที่เรือนคุณยาย และแทนเองก็พักที่นี่มากกว่าจะนอนที่บ้านหลังหลัก ในบ้านของแทน ปลูกไว้อยู่สามหลัง เรือนคุณยาย เรือนใหญ่ และเรือนคนงานทั้งหมดของบ้านนี้
ห้องนอนของแทนต่างกับผมมาก มีแค่เครื่องปรับอากาศ มีห้องน้ำในตัว ตู้เสื้อผ้าขนาดพอดีๆ เตียงนอนขนาดพอนอนเบียดๆ สองคนได้อยู่ ข้างโต๊ะทำงาน มีเครื่องเสียงที่ต่อกับ iPhone ได้ วางอยู่บนตู้เก็บหนังสือเรียน ส่วนผนังฝั่งเดียวกับโต๊ะทำงาน มีประกาศนียบัตรทั้งเรื่องการเรียน กีฬา ฯลฯ แขวนอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบใบ รูปถ่ายที่โต๊ะทำงานของแทน มีรูปคุณยายที่กำลังกอดแทนที่อายุน่าจะไม่ถึงสิบขวบได้
“ห้องเราเล็กหน่อยนะบิ๊ก” แทนกำลังดูตู้เสื้อผ้าอยู่สักครู่ ผมเดินไปกอดแทนที่กำลังหาผ้าเช็ดตัว และของใช้สำหรับอาบน้ำในตู้เสื้อผ้าให้ผม
“เล็กๆ ก็ดีนะ จะได้ใกล้ๆ กัน” แทนแกะผมออกเบาๆ
“เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่ดีนะ” ผมไม่กลัวใครจะว่าอะไร แต่ผมก็เข้าใจแทนเช่นกัน
“ไม่ต้องห่วงนะ แม่เราโอเค ฝั่งแทนก็ต้องโอเคเหมือนกัน เชื่อเรามะ” แทนพยักหน้า ก่อนจะส่งผ้าขนหนูให้ผม ผมไม่ได้รับ แต่ผมกอดแทนแบบทีเผลอ
“อาบด้วยกันนะ” แทนนิ่งเขินๆ สักครู่ ก่อนจะพยักหน้า
ขับรถมาไกล เหนื่อยแล้ว อาบเองไม่ไหวอะครับ...
อาหารเย็นที่บ้านคุณยายของแทน ทำให้ผมรู้เลยว่า ทำไมแทนถึงทำอาหารอร่อยมาก คุณยายของแทนคือต้นแบบนี่เอง กับข้าวที่อยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะไก่อบน้ำแดง / ผัดผักรวมมิตร / ไข่ลูกเขย / ปลากะพงนึ่งมะนาว และแกงเขียวหวานหมู มันอร่อยมาก แต่ก็ต้องรักษามารยาทไว้สักนิด จะกินเร็วๆ เลอะๆ กินถล่มแบบเวลาอยู่กับแฟนผม คงดูไม่ดีต่อหน้าคุณยายของแทนแน่นอน
“อร่อยมากเลยครับ เหมือนที่แทนทำให้กินเลย” ผมเช็ดปากอย่างมีความสุขมาก
“หลานทำให้เพื่อนทานด้วยเหรอเนี่ย” แทนพยักหน้ายิ้มๆ คุณยายหันมามองผมแล้วพยักหน้า
“เพื่อนของหลานนี่ พิเศษจริงๆ” ผมทำหน้าสงสัยจนคุณยายต้องอธิบาย
“แทนไม่ได้ชอบทำอาหารนะ แต่แทนชอบช่วยยายทำ ยายเลยสอนให้หมด เดี๋ยวยายไม่ไหวแล้ว จะไม่มีใครทำสูตรของยายได้อีก” แทนทำหน้าเขินๆ กึ่งไม่รู้ไม่ไม่ชี้
“ผมไม่ได้ไม่ชอบนะครับ แต่แค่เรียนหนังสือ ก็เหนื่อยจนไม่อยากทำแล้วเอง” คุณยายลูบหัวหลานอย่างเอ็นดู
“เวลาหลานว่างๆ ก็ทำทานเองได้นะ สะอาดกว่ากินข้างนอกด้วย แล้วฝีมือยายกับแทน ใครอร่อยกว่ากันจ๊ะ” คุณยายถามแบบนี้ ผมตอบลำบากนะครับ
“ผมทานฝีมือคุณยายเสร็จ ผมบอกได้เลยว่า สำเนาถูกต้อง ครับ” คุณยายหัวเราะเล็กน้อย ส่วนแฟนผมยิ้มจนเขิน แอบกัดปากเล็กๆ ให้ผมดูด้วยแหละ
เป็นสองวันที่ผมรู้สึกเหมือน ชีวิตผมมีครอบครัวกับเค้าซะที
………………..
บรรยากาศยามค่ำของต่างจังหวัด ช่างสงบจนผมไม่อยากให้บิ๊กรีบกลับกรุงเทพฯ แต่ถ้าพ่อกับแม่ผมมาเจอ คงมีเรื่องเข้าใจผิดกันไปใหญ่แน่นอน ตอนนี้ผมกำลังช่วยคุณยายปักผ้าเป็นลายภูเขาที่มีทุ่งหญ้าล้อมรอบ คุณยายผมชอบซื้อผ้าปักที่ปักเสร็จแล้ว เป็นรูปภาพสวยๆ หรือองค์เทพเจ้าต่างๆ มาทำในเวลาระหว่างวัน
“ผมขอโทษคุณยายนะครับ ที่โทรมาหาไม่บ่อยมาก” ตั้งแต่ไปเรียนที่ กทม. ผมโทรหาแค่อาทิตย์ละหน บางทีก็สองอาทิตย์หนด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไรนะ หลานเรียนหนัก ยายเองก็อยากใช้เป็นนะ ไล่ ไลน์ อะไรนั่นอะ จะได้คุยกับหลานได้ แต่ยายพิมพ์ไม่ค่อยเป็น ตัวหนังสือก็เล็กเหลือเกิน” ผมเคยทำให้กับมือถือคุณยายแล้วนะ งั้น ผมจะโทรไปหาบ่อยๆ นะครับ
“แล้วเพื่อนเราจะกลับวันพรุ่งนี้เหรอ ไม่อยู่ต่ออีกหลายวันหน่อยเหรอ พาเพื่อนเราไปเที่ยวในจังหวัดก็ได้นะ” ผมอะอยากให้อยู่ แต่...
“ผมกลัวว่าถ้าพ่อกับแม่มาเห็น จะเป็นเรื่องซิครับ” คุณยายปักเข็มลงกับผ้า แล้ววางลงกับโต๊ะ แล้วลูบหัวผม
“ยายแก่แล้ว มีแค่เสียงแก่ๆ ที่ไว้ดูแลเรานี่แหละ ยายไม่เข้าใจพ่อกับแม่แก โดยเฉพาะแม่แก ยายไม่เคยเลี้ยงให้เป็นคนใจแคบแบบนี้นะ” ผมอยากโตกว่านี้ จะได้เป็นอิสระและดูแลคุณยายได้ดีกว่านี้
“ผมแค่อยากให้พ่อกับแม่ผม เข้าใจในสิ่งที่เป็นผม เท่านั้นเอง” คุณยายยังคงกอดผมไว้หลวมๆ อยู่
“ยายอยากให้หลานแทนมีความสุข ยายต้องการแค่หลานเป็นคนดี เป็นคนจิตใจดี หลานจะชอบอะไร เป็นเพศอะไร นั่นคือตัวหลานนะ” รอยยิ้มเปี่ยมเมตตาของคุณยาย คือความรู้สึกเดียวที่ทำให้ผมปลอดภัย
“ยายคิดว่า พ่อหนุ่มคนนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อนนะ” น้ำเสียงขี้เล่นคุณยายเวลาถามคำถามที่ดูตึงเครียดสำหรับใครหลายคน ทำให้ผมยิ้มเขินๆ แต่คุณยายคงไม่ว่าหรอก
“ครับ...แฟนผมเอง คุณยายไม่ว่าใช่ไหมครับ” คุณยายดูจะยิ้มแย้มเป็นพิเศษ
“เค้าบอกกันว่า รักในวัยเรียน เหมือนจุดเทียนกลางสายฝน แต่กับเด็กยุคหลานเนี่ย ยายคงใช้คำนี้ไม่ได้แล้วใช่เปล่า?” ผมหัวเราะเล็กน้อย
“มันก็ยังจริงอยู่นะครับ แต่ผม...มั่นใจในตัวบิ๊กนะครับ” คุณยายหยิบผ้าที่ปักมาทำต่อ
“เอาจริงๆ นะ ยายรู้ตั้งแต่พ่อหนุ่มคนนั้นบอกว่า หลานทำอาหารให้ทานแล้ว ยายรู้จักหลานดีพอนะ ถ้าหลานไม่รักแบบคนพิเศษ หลานจะไม่เอาใจใส่ทำอะไรให้ขนาดนี้หรอก” ผมกอดแล้วซบคุณยายที่ยังปักผ้าอยู่
“เหมือนที่คุณยายดูแลคุณตาใช่ไหมครับ” คุณยายผมพยักหน้า ก่อนจะมองรูปคู่กับคุณตาที่กำลังอุ้มผมตอนหกขวบได้
“ยายยังรู้สึกด้วยซ้ำ...ว่ายังดูแลได้ไม่ดีพอ” ถึงคุณยายจะยิ้มอยู่ แต่ผมก็รู้ว่า ไม่มีวันไหนที่คุณยายไม่หยิบรูปนี้มาดูก่อนนอนทุกวัน
“หากพ่อหนุ่มคนนั้นของแทนเป็นคนดีจริง ยายจะอยู่ให้ทันจนวันที่เราสองคนใช้ชีวิตด้วยกันได้นะ” ผมรู้สึกดีใจ ที่คุณยายเข้าใจในสิ่งที่ผมรู้สึก และเป็นอยู่
คุณยายต้องอยู่จนถึงวันที่ผมยืนได้ด้วยตัวเองนะครับ ผมจะทำให้ได้ และทำให้เร็วที่สุด
………………..
บิ๊กหลับไปแล้ว พอเข้ามาห้องนอน เจอบิ๊กกำลังนอนหลับบนเตียงผม คงเหนื่อยจากการขับรถมา ผมนั่งข้างๆ เตียง กุมมือบิ๊กไว้ แล้วมองดูสุดที่รักของผมกำลังนอนอยู่ บิ๊กชอบนอนกระตุกเหมือนคนฝันร้าย แต่พอตื่นมาถาม ก็บอกว่าไม่มีอะไร ทุกครั้งที่ผมมอง มันเต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่นอนด้วยเหรอ” อ้าว...ตื่นตอนไหนเนี่ย ผมลุกขึ้นไปนอนข้างๆ บิ๊ก เตียงผมไม่ใหญ่มาก เลยเบียดกันเล็กน้อย
“เหนื่อยไหมครับ” บิ๊กทำปากจู๋ส่ายหน้าให้
“ไม่เหนื่อยครับ...ถ้าคนนี้ ไม่เคยเหนื่อยด้วย” แล้วที่หลับจนกรนนี่คืออะไรหรา
“อยากอยู่ต่ออีกหลายวันนะ อากาศดีมากเลย” บิ๊กอยากอยู่ ผมก็อยากให้อยู่เหมือนกัน
“แต่พ่อกับแม่เรา น่าจะกลับมาพรุ่งนี้...” ผมเสียงอ่อย แต่บิ๊กกอดผมแลัวกระซิบข้างหู
“ไว้ตอนแทนกลับ เดี๋ยวเรามารับที่บ้านนะ” แก้มผมตอนนี้ชิดกับศีรษะเกลี้ยงๆ ของบิ๊ก ที่หนุนอกผมอยู่
“แล้ว อยากไปเที่ยวไหนครับ หัวหินไหม น่าจะกำลังสวยเลย” ผมโอเคทันที เพราะผมไม่เคยไปหัวหินเหมือนกัน
“นอนละนะ...อย่าลืมปลุกเราด้วย อากาศยิ่งดีๆ อกแฟนก็น่าหนุน เราคงไม่ตื่นพอดี” ผมอยากเอาฟันเฉาะหัวบิ๊กจังเลย หมั่นเขี้ยว...หลับด้วยนะครับ
เช้าแล้ว...บิ๊กยังหลับสนิทจนผมไม่อยากปลุก นาฬิกาที่แขวนผนังบอกเวลา 7 โมงเช้า เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น บิ๊กสะดุ้งตื่นขึ้นมาตามเสียงเคาะ เมื่อผมเดินไปเปิดประตูห้อง
“คุณยายท่านให้เชิญคุณแทนกับคุณบิ๊กไปใส่บาตรค่ะ พระกำลังมาถึงแล้วค่ะ” น้าจำเนียรเป็นคนเคาะห้อง ผมพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะปิดประตู แล้วหันกลับมาตกใจ บิ๊กประชิดผมแล้ว
“ล้างหน้า แปรงฟัน ทำบุญร่วมกัน ชีวิตดีเนอะ” ไม่ใกล้เปล่า กอดผมไปเรียบร้อยแล้ว ผมเอามือบีบจมูกบิ๊กเบาๆ บิ๊กเลยกดจมูกซุกคอผมเลย
“พอแล้ว..แปรงฟัน ล้างหน้า เดี๋ยวคุณยายรอนาน” บิ๊กแลบลิ้นทะเล้นใส่ผม ก่อนไปเข้าห้องน้ำ...และไม่ลืมที่จะบีบยาสีฟันให้ผมแปรงพร้อมกัน
กลิ่นข้าวหอมมะลิที่หอมอุ่น อากาศยามเช้าที่กำลังดี ให้ความสงบทั้งผมและบิ๊กที่ใส่บาตรหลังจากคุณยายผมใส่นำก่อน
“จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง” ผมกับบิ๊กคุกเข่าพนมมือกับคุณยายที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ รับพรเสร็จ เราทั้งคู่ช่วยกันประคองคุณยายยืนขึ้น
หลังทานมื้อเช้าด้วยกัน ก่อนที่บิ๊กจะไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วเตรียมกลับกรุงเทพฯ
“กราบลาคุณยายนะครับ ไว้เดี๋ยวอาทิตย์หน้า ผมจะมารับแทนไปเที่ยว แล้วกลับกรุงเทพฯ นะครับ” คุณยายใช้สองมือโอบมือของบิ๊กที่พนมกราบลาคุณยายผมอยู่
“เดินทางดีๆ และดูแลหลานยายดีๆ นะ” บิ๊กหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะบอกคุณยายว่า
“ดูแลด้วยหัวใจครับ” บิ๊กหันมาขยิบตาให้ผม แล้วก่อนขึ้นรถ เราสองคนกอดกันหลวมๆ หนึ่งที มีเพียงแค่ความห่วงใยที่ผมบอกว่า
“ขับรถดีๆ นะครับ”
*********
บทที่ 34 จะไม่มีบิ๊กกับแทนนะครับ ยกให้อีกคู่เต็มๆ เขียนมาคั่นต่างหาก ไม่มีในต้นฉบับเดิมครับ ขอลงตอนวันอาทิตย์บ่ายๆ นะครับ (ศุกร์กับเสาร์ไม่ว่างยาวเลยครับ)
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ^^