ตอนที่ ๑๕ : การกลับมา “จะบอกผมได้รึยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ถึงน็อตหลุดขนาดนั้น” พระพายถามขึ้นหลังจากที่กึ่งลากกึ่งจูงพี่ชายตัวโตเข้ามาในห้องทำงานแล้ว หลังจากนาวาหนีขึ้นห้องพันเอกก็เอาแต่ยืนนิ่งจนคนรอบข้างผวา พระพายบอกให้ณะโมตามขึ้นไปดูพี่ชายบนห้องในขณะที่เขาเองก็พาพันเอกเข้ามาหลบสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องทำงานเช่นกัน
“พี่เอก” คนอายุน้อยกว่าเรียกพันเอกเสียงดุเมื่อเห็นว่าร่างสูงยังคงยืนนิ่ง พันเอกถอนหายใจ ยกมือขึ้นเสยผมไปด้านหลังก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้คล้ายคนหมดแรงยืน
“ฉันหึงเขา”
“ห๊ะ?” พระพายทวนคำอย่างไม่เชื่อหูก่อนจะเบิกตากว้าง พันเอกจ้องหน้าขาวของน้องชายด้วยสายตาราบเรียบก่อนจะพูดซ้ำ
“ฉันหึงนาวา ชัดไหม” คราวนี้พระพายได้ยินชัดเต็มสองหู คนเป็นน้องทำหน้าเหลือเชื่อพลางเดินเข้าไปหาพันเอกและนั่งลงบนโต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะก่อนจะใช้สองมือตะปบแก้มของอีกคนเต็มแรงและถามเสียงหลง
“พี่เนี่ยนะหึงพี่วา”
“...”
“ให้ตายเถอะ มันเป็นไปได้ยังไง ไปรู้สึกกับเขาถึงขนาดหึงได้ยังไง” พระพายถามขึ้นพลางจ้องใบหน้าหล่อเหลาของพันเอกด้วยสายตาคาดคั้น อีกฝ่ายขืนใบหน้าออกจากฝ่ามือเล็ก จัดการรวบเอาข้อมือบางของพระพายเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะเบือนหน้าหนี
“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะรู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยก็ได้” ร่างสูงตอบพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง พระพายเงียบกริบกับคำบอกของผู้เป็นพี่พลางเม้มปากแน่น
“พี่รู้ใช่ไหมว่ากับพี่วาน่ะพี่เดินมาผิดทาง”
“รู้ แต่ก็เพราะทางนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้ฉันได้เจอกับเขา” พันเอกเถียงน้อง ถ้าไม่ใช่เพราะอยากแก้แค้นรามเขาก็คงไม่ต้องสืบหาจุดอ่อนของอีกคนจนทำให้เจอกับนาวา ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการเล่นงานรามเขาก็จะไม่มีวันรับรู้ว่ามีนาวาอยู่บนโลก แต่ก็เพราะความแค้นนั่นแหละที่ทำให้พันเอกต้องเลือกทำร้ายนาวาทั้งที่เจ้าตัวไม่ผิดอะไรจนทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้
“แล้วพี่จะทำยังไงต่อไป ผมว่าเราจบเรื่องนี้กันเถอะ แก้แค้นไปพ่อกับแม่ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี” พระพายพูดเสียงอ่อน ดึงศีรษะคนเป็นพี่เข้ามากอดเอาไว้แนบอก พันเอกยกมือขึ้นโอบร่างน้องชายเอาไว้อย่างอ่อนล้า แนบแก้มกับแผ่นท้องของอีกคนอย่างต้องการที่จะพักใจ
“มันไม่จบง่ายๆหรอก อีกไม่นานรามมันก็จะกลับมาอีก” พันเอกพึมพำเสียงอู้อี้พลางนึกถึงใครอีกคนที่เขาสั่งให้ไปทำงานชิ้นสำคัญที่ภูเก็ตแต่จนป่านนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้ รู้ดีว่านั่นเป็นสัญญาณของความล้มเหลวแต่พันเอกก็ยังเลือกที่จะนิ่งดูดาย ปล่อยให้คนคนนั้นรับมือกับสิ่งที่อยู่ที่นั่นเพียงลำพัง
เขารู้ดีว่าส่องแสงทำไม่สำเร็จ เด็กนั่นฆ่ารามไม่ได้แต่ก็ไม่คิดที่จะทำอะไรหรือให้ความช่วยเหลือ ปล่อยให้คนที่นั่นจัดการลงโทษน้องชายต่างมารดาตามแต่ที่ต้องการโดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย
พันเอกเกลียดส่องแสง พอๆกับที่เกลียดราม
เขาอยากกำจัดลูกนอกสมรสของบิดา พอๆกับที่อยากจะกำจัดรามไปให้พ้นทาง
แต่ถึงจะเกลียดยังไง ลึกๆแล้วพันเอกกลับนึกกลัว เขากลัวว่าความผูกพันในอดีตที่มันแน่นหนามากกว่าที่คิดจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาจนสุดท้ายต้องกลายเป็นผู้แพ้อย่างจนหนทาง
“วันหนึ่งรามมันจะกลับมา และมันจะทำฉันเจ็บอีก”
“...”
“เมื่อสิบเอ็ดปีก่อนมันทำเราเจ็บยังไง ครั้งนี้มันก็จะทำอีก”
“พี่เอก...”
“ไม่ว่ายังไง ฉันจะไม่มีวันปล่อยนาวาให้กับใคร ต่อให้ต้องล่ามเด็กนั่นเอาไว้กับเตียง ขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ฉันก็จะทำ และต่อให้ต้องฆ่าไอ้รามอีกสักกี่ครั้ง ฉันก็จะทำ...ทำจนกว่ามันจะตายไปให้พ้นๆ” พันเอกพูดขึ้นเสียงดุดันพลางกระชับอ้อมกอดรัดร่างของพระพายแน่น ร่างเล็กเม้มปากกับคำพูดของผู้เป็นพี่ สัมผัสเย็นเยียบบริเวณแผ่นอกตอกย้ำถึงการมีตัวตนของใครอีกคนในความทรงจำ
พันเอกแค้น พระพายเองก็แค้นไม่ต่างกัน
พันเอกเจ็บ เขาเองก็เจ็บไม่ต่างกัน
เจ็บที่ลึกๆแล้วพวกเขาทั้งคู่ยังคงหวนนึกถึงความทรงจำวัยเยาว์ ความทรงจำที่มิตรภาพยังคงโอบล้อมอยู่รอบกาย ความทรงจำก่อนที่พวกเขาจะถูกตัดขาดออกจากกันเพียงเพราะการตายของผู้เป็นบุพการี
พันเอกยังผูกพันกับเพื่อนเก่า แม้จะแค้นแต่ความรักความผูกพันที่มีก็ตัดไม่เคยขาด ตัวพระพายเองก็เช่นกัน เขายังคงผูกพันกับเพื่อนสนิทของพี่ชายคนเดิมคนนั้นที่เคยมอบความสุขที่สุดในชีวิตให้ก่อนจะนำพาฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดมาให้
คนคนนั้น...คนที่ฉกชิงเอาทุกอย่างไปจากเขา
‘พี่รักน้องพายนะ’
‘รักเหมือนกัน พายรักพันเอกด้วย รักนายด้วย รักสิบด้วย พายรักทุกคน!’
‘ฮะๆ อ่ะ พี่ให้ แหวนวงนี้แทนคำสัญญา วันหนึ่งถ้าพายโตขึ้น พี่จะกลับมาพาเราไปอยู่ด้วย’
‘อื้อ พายจะตั้งตารอเลย’
‘ครับ งั้นขอคำสัญญาหน่อยสิ’
‘สัญญา? พายสัญญา!’
‘ไม่เอาเป็นคำพูด เอาสัญญาแบบอื่นสิ’
‘แบบไหนอ่า เราสัญญาแบบไม่ต้องพูดได้ด้วยเหรอ’
‘ได้ครับ ไม่ต้องใช้ปากพูด แต่สัญญาด้วยตัวของพายแทน ตกลงไหม’
‘ตกลง!’
ไม่เคยลืมแม้จะผ่านมานานกว่าสิบเอ็ดปี พระพายไม่เคยลืมเหตุการณ์วันนั้น
วันที่ตอกย้ำความโง่งมของเด็กคนหนึ่ง
วันที่หัวใจของเขาถูกเหยียบย่ำจนแหลกสลายกลายเป็นเพียงเถ้าธุลี
ในขณะที่สองพี่น้องของตระกูลกฤตภาสกำลังนั่งปลอบใจกันอยู่เงียบๆในห้องทำงาน ภายในห้องนอนของณะโมเองก็เงียบกริบไม่ต่างกัน นาวานอนคว่ำหน้าเอาหมอนปิดหัวอยู่บนเตียงกว้าง ยอมรับว่าโมโหจนลืมตัว ร่างโปร่งถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะนิ่งไปเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
“พี่วา” เป็นณะโมที่เข้ามา ร่างเล็กมองพี่ชายที่นอนคว่ำบนเตียงด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเดินเข้าไปวางมือบนแผ่นหลังของอีกคน
“ณะไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันหรอกนะ แต่พี่รู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นคนผิด” คนอายุน้อยกว่าเปิดประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม นาวาพยักหน้ากับหมอน
“ลงไปขอโทษพี่เอกเขาเถอะครับ พี่วาเสียมารยาทากเลยรู้ตัวไหม เรื่องมือถือน่ะ” ณะโมติติง นาวาหันขวับไปมองหน้าน้องชายก่อนจะอ้าปากเถียง
“ทีเขาทำผิดกับพี่ไม่เห็นเขาจะขอโทษสักคำ ดีแต่ทำร้าย เรื่องจูบนั่นก็อีกละ แล้วทำไมพี่จะต้องไปขอโทษเขา”
ณะโมยิ้มอ่อนๆกับคำเถียงของพี่ชาย นาวาน่ะเวลาโกรธหรือดื้อก็ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง งอแงนักล่ะรายนี้ แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกที่ณะโมจะเห็นพี่ชายหลุดมาดจนกลายเป็นเด็กไม่รู้ภาษาให้เขาต้องเอ่ยปากเตือน ก็คงถึงที่สุดจริงๆ
“แม่พรสอนอะไรกับเราพี่วาจำได้ไหม” คนตัวเล็กเอ่ยถึงผู้ดูแลประจำบ้านเด็กกำพร้าที่เคยอยู่ นาวานอนเงียบ ปล่อยให้น้องชายพาตัวขึ้นมานอนข้างกันและโอบกอดเอาไว้พลางกระซิบข้างหู
“ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิด แต่คนที่น่ายกย่องก็คือคนที่รู้ถึงความผิดของตัวเองและเอ่ยขอโทษออกมาด้วยความเต็มใจ”
“...”
“จริงอยู่ที่ณะไม่รู้ว่าพี่กับเขาทะเลาะอะไรกัน แต่เรื่องมือถือนั่นพี่เป็นฝ่ายผิด และคนผิดก็ต้องขอโทษนะครับ” ณะโมพูดขึ้นพลางไล้มือลงบนผิวแก้มของคนข้างกาย นาวาหลับตาลงอย่างอ่อนล้าก่อนจะเค้นเสียงพูดออกมาอย่างสั่นเทา
“ณะ พี่เหนื่อย”
“...”
“เหนื่อยมากเลย พี่เหนื่อยมากจริงๆ” นาวาพึมพำ น้ำเสียงอ่อนแรงอย่างน่าสงสาร ณะโมซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของพี่ชายพลางประสานมือลงกับมือขาวของอีกคนและบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ
“ณะถามได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” คนเป็นน้องตัดสินใจถามในสิ่งที่ตนคลางแคลงใจมาเนิ่นนาน
“ที่พี่เอกเขาพูด ที่บอกว่าพี่วาเป็น...เอ่อ...เป็นของเขา มันหมายความว่ายังไง”
“...”
“ณะรู้ว่าทุกคนในบ้านกำลังกันณะออกจากเรื่องบางอย่าง แต่ความลับมันไม่มีในโลกหรอกนะพี่วา สักวันณะต้องรู้อยู่ดี บอกมาเถอะ” ณะโมวอนขอ ใช่ว่าเขาจะเป็นเด็กซื่อๆโง่ๆอย่างที่แสดงออกไป เขารู้ดีว่าบ้านหลังนี้และคนที่นี่ปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้แต่ก็เลือกที่จะทำตัวว่านอนสอนง่ายมาตลอดเพราะอีกฝ่ายให้โอกาสทางการศึกษาแก่เขา
ตั้งแต่ย้ายเข้ามา นาวาไม่เคยมีความสุข แม้พี่ชายเขาจะยิ้มแต่ก็เป็นยิ้มที่โรยราเสียเหลือเกิน ณะโมรู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร
“บอกณะมาเถอะ แล้วณะสัญญาว่าจะทำเป็นไม่รู้อะไรเหมือนอย่างที่เคยเป็น นะพี่วา” คนตัวเล็กกว่าอ้อนวอน นาวาเม้มปากแน่น ดึงร่างน้องเข้ามากอดแนบอกก่อนจะก้มลงจูบขมับเล็กหลายทีอย่างหวงแหน
“วันนั้นคนของเขายื่นข้อเสนอให้เรามาอยู่ที่นี่ ให้ณะได้เรียน มีที่อยู่หลังออกจากบ้านเด็กกำพร้า แลกกับการที่พี่ต้องทำงานให้เขา” ร่างโปร่งเริ่มต้นเล่าทุกสิ่งทุกอย่างพลางลูบหัวกลมของน้องชายแผ่วเบาราวกับกำลังเล่านิทานกล่อมน้องนอน
“ตอนแรกพี่ก็คิดว่าคงจะเป็นงานทั่วไป ขับรถ ดูแลบ้าน ทำสวนหรืองานบ้านจุกจิกอย่างที่คนที่จบแค่มอหกอย่างพี่พอจะทำได้ แต่ไม่ใช่ งานที่เขาจะให้พี่ทำมันมีมากกว่านั้น...”
“...”
“คุณพันเอกต้องการใช้พี่เป็นเครื่องมือแก้แค้นเพื่อนของเขาเพียงแค่เพราะว่าพี่เป็นคนที่ผู้ชายคนนั้นหลงรัก หึ ไม่มีเหตุผลสิ้นดี” ท้ายประโยคนาวาแค่นหัวเราะพลางพูดเสียงแข็ง ณะโมขมวดคิ้วมุ่นหลังจากจบประโยคของพี่ชายแต่ก็เลือกที่จะเงียบและฟังสิ่งที่นาวาเล่าต่อ
“เขาใช้พี่เป็นเครื่องมือทำให้ผู้ชายคนนั้นเจ็บปวดและอ่อนแอ เขาทำให้พี่ทรมานเจียนตายต่อหน้าผู้ชายคนนั้น ทำร้ายพี่อย่างเลือดเย็นและส่งผ่านความเจ็บปวดของพี่ไปให้อีกคนได้รับรู้ และแทนที่เมื่อทุกอย่างจบเขาจะปล่อยพี่ไป แต่ไม่ เขาล่ามพี่เอาไว้เหมือนขังหมาไว้ในกรง ตอกขาพี่ให้อยู่แต่ในบ้านหลังนี้ อยู่ใต้อำนาจของเขาโดยไม่รู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง”
“พี่วา”
“มันเจ็บมากณะรู้ไหม แต่สิ่งเดียวที่ยังทำให้พี่ยอมทนอยู่แบบนี้เพราะเขารับปากว่าณะจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าการออกไปเร่ร่อนอยู่ข้างนอก ณะจะได้เรียน มีเตียงอุ่นๆนอน มีเสื้อผ้าดีๆใส่ ได้กินของอร่อยๆครบทุกมื้อ”
“...”
“แค่นั้นมันพอแล้วสำหรับพี่ ต่อให้เขาจะร้ายใส่พี่แค่ไหน ทำตัวไม่มีเหตุผลใส่พี่มากเท่าไหร่แต่พี่ก็สาบานกับตัวเองว่าพี่จะทน ทนอีกแค่สามปีให้ณะเรียนจบมอปลายแล้วสอบชิงทุนให้ได้เพื่อที่เราจะได้ออกไปจากที่นี่ แต่มันก็เป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ...”
“...”
“การใช้ชีวิตกับคนที่ข่มขืนตัวเองมันไม่ง่ายเลยนะณะโม”
!!!!
“พี่ทำไม่ได้ ถึงตอนนี้เขาจะดีกว่าครั้งแรกที่เจอกัน แต่สิ่งที่เขาทำกับพี่มันทำให้พี่เกลียดการอยู่ใกล้เขา และพี่กำลังจะทนไม่ไหว”
“พี่อยากจะเห็นแก่ตัวพาเราทั้งคู่ออกไปเร่ร่อนข้างนอกหลายครั้ง อยากหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่ถ้าหนี เราก็ต้องหนีตลอดไปเพราะเขาบอกว่าจะไม่ปล่อยเราไว้ และอนาคตณะก็จะดับลงซึ่งพี่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้”
“พ...พี่วา”
ณะโมครางด้วยความอึ้งเมื่อเห็นแววตาเจ็บปวดฉายชัดอยู่บนใบหน้าของพี่ชาย ดวงตากลมร้อนผ่าวเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาที่พวกเขาอยู่ในบ้านหลังนี้ เขาไม่เคยรู้ว่านาวาต้องเจอกับอะไรและต้องทุกข์ทรมานแค่ไหน พี่ชายเขาอดทนกับคนพวกนี้มาได้ยังไงตั้งหลายเดือน ทำไมเขาถึงได้ละเลยความเป็นไปของนาวาจนทำให้พี่ต้องถูกทำร้ายแบบนี้
“พี่ขอณะแค่อย่างเดียว หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตั้งใจเรียนและสอบชิงทุนให้ได้ เรียนให้จบ หางานดีๆทำและพาพี่ออกไปจากที่นี่ ณะต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง ณะต้องไปให้ถึงจุดสูงสุด อย่าให้สิ่งที่พี่ทุ่มเททั้งหมดมันสูญเปล่า”
“แต่...”
“ได้โปรดณะโม มันอาจจะดูไม่มีหวัง อาจจะดูนาน แต่นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พี่อดทน พี่เสียความเป็นคนไปมากเพื่อแลกกับพื้นฐานการเรียนของณะ ให้ณะมีกำลังมากพอที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง ณะเรียนมหาลัยได้เมื่อไหร่นั่นเท่ากับว่าสิ่งแลกเปลี่ยนระหว่างพี่กับเขาจบลงแล้วและเราจะไป” นาวาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ทว่าณะโมกลับน้ำตาตก
“มันนานเกินไป สามปีนะพี่วา เราจะทนอยู่ที่นี่ได้นานขนาดนั้นได้ยังไง” ร่างเล็กเอ่ยขึ้น นาวากัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือดก่อนจะหลับตาลงและกอดน้องแนบอก
“แค่ตั้งใจเรียน ณะมีหน้าที่แค่นี้ ที่เหลือเป็นหน้าที่พี่ อย่าเอาตัวเองเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ พี่ขอแค่นี้”
“ฮึก...”
“ใช้เงินที่พวกเขาเสียไปกับเราให้มันคุ้มค่า ใช้มันซะณะโม ใช้ทรัพย์สินของคนพวกนี้ถีบตัวเองไปให้สูงที่สุด พี่ขอแค่นี้จริงๆ”
โรงพยาบาลประจำจังหวัดภูเก็ต
“อ้าวน้องเทียน มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ” เสียงของพยาบาลสาวที่ขึ้นเวรดึกเอ่ยทักร่างเล็กของส่องแสงที่เดินเข้ามาภายในโรงพยาบาลด้วยใบหน้าฉงน คนถูกทักหันไปมองสาวสวยในชุดสีขาวสะอาดตาพลางกัดปากแน่น ดวงตากลมตื่นตระหนกชั่วครู่ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลับมาอ่อนหวานตามเดิม
“คุณหมอนายอยู่ไหมครับพี่จันทร์” เอ่ยถามพยาบาลสาวพลางสอดส่ายสายตาไปโดยรอบ บรรยากาศเงียบเหงายามค่ำคืนส่งผลให้ภายในโรงพยาบาลดูวังเวงชอบกล หากแต่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์อย่างพวกเขาก็คงจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว
“คุณหมอกลับไปที่แฟลตจ้ะ เห็นว่าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะลงมาดูอาการคนไข้ห้องสองหนึ่งสามน่ะค่ะ น้องเทียนถามหาคุณหมอทำไมคะ”
“อะ...อ๋อ เปล่าครับ งั้นผมขอตัวกลับห้องก่อนนะครับพี่จันทร์” ส่องแสงรีบตัดบทเมื่อถูกถามพลางยกมือไหว้คนตรงหน้า ร่างเล็กหมุนตัวกลับเดินออกมา ฝ่ายพยาบาลสาวก็ได้แต่ยืนงุนงงกับเด็กหนุ่มก่อนจะยักไหล่และก้มลงทำงานของตัวเองต่อ
เมื่อเห็นว่าพยาบาลที่ขึ้นเวรอยู่สาละวนกับการกรอกข้อมูลคนไข้ย้อนหลังและตรวจเช็คข้อมูลบางอย่างในคอมพิวเตอร์ ส่องแสงก็อาศัยจังหวะนั้นเดินปรี่เข้าไปยังส่วนของห้องพักสำหรับคนไข้ จุดมุ่งหมายคือห้องพักพิเศษ 213 ซึ่งมีป้ายชื่อของคนไข้ติดเอาไว้หน้าห้อง
‘ราม กลทีบ์’
มือขาวหมุนลูกบิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็วก่อนจะปิดมันลงแผ่วเบา ความมืดด้านในเป็นสิ่งแรกที่เด็กหนุ่มสัมผัสได้ ส่งแสงใช้เวลายืนนิ่งอยู่นานกว่าจะปรับสายตาให้ชินพลางเดินเข้าไปใกล้คนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดแทบจะไร้สีเลือด ร่างกายที่เคยกำยำล่ำสันเริ่มจะซูบผอม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนบนเตียงยังคงหลับใหล สายระโยงรยางค์ที่ส่องแสงเคยเห็นตอนมาอยู่ที่นี่แรกๆหายไป รามในตอนนี้เหมือนคนที่กำลังนอนหลับ คะเนจากสายตาคร่าวๆส่องแสงคิดว่าคนตรงหน้าคงอาการดีขึ้นมากและกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
จะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้
เขาต้องฆ่าราม
“พี่ราม เทียนขอโทษ” กลีบปากอิ่มพึมพำเสียงแผ่วเบา มือข้างหนึ่งล้วงเอาเข็มฉีดยาที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาถือไว้แน่น ตากลมทอดมองร่างใหญ่ที่นอนนิ่งของอีกคนพลางขยับปลายเข็มไปที่สายน้ำเกลือของคนตรงหน้า ชั่วขณะที่กำลังจะแทงเข็มเข้าไป ความทรงจำในวัยเยาว์ก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างจะเริ่มขึ้นก็ฉายชัดขึ้นมาราวกับเดจาวู
‘ฮืออออออ’
‘เทียนเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ’
‘พี่เอกตีเทียน ฮึก เทียนโดนตี ฮือออ’
‘ขวัญเอ๊ยขวัญมา มาหาพี่รามเร็วคนเก่ง มาให้พี่รามกอดหน่อย...มึงตีน้องทำไมเนี่ยเอก’
‘น้องสอบตกคณิตศาสตร์ กูอุตส่าห์สอนคูณเลขหารเลขซะดิบดี ตกได้ไงก็ไม่รู้ สอนไม่รู้จักจำ’
‘ฮือออ’
‘เฮ้ย น้องเพิ่งจะกี่ขวบเอง มึงนี่...โอ๋ๆ เด็กดีของพี่ราม ไม่ร้องนะครับคนเก่ง’
‘ฮึก เทียนไม่เก่ง เทียนไม่อยากเรียนหนังสือแล้ว’
‘เน้ แค่โดนตีแค่นี้ไม่อยากเรียนเชียว ไม่เอาครับ สอบครั้งหน้าเอาใหม่เนาะ เดี๋ยวพี่สอนเอง คราวนี้เอาคะแนนเต็มให้พี่เอกเหวอไปเลย’
‘ฮึก ต...แต่เทียนโง่’
‘ทุกคนต้องเคยโง่ก่อนถึงจะฉลาดได้ไง ถ้าเทียนตั้งใจแล้วสอบผ่าน เดี๋ยวพี่จะให้ขี่คอ’
‘จริงนะ...’
‘จริงจ้า ทีนี้หยุดร้องไห้ได้แล้ว ดูสิ ตาแดงจมูกแดงหมด ลูกหมูเอ๊ย หึหึ’
‘ไม่ใช่ลูกหมูซะหน่อย!!!!’
‘ใช่สิ ทำไมจะไม่ใช่ ลูกหมูตัวอ้วนของพวกพี่นี่แหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ’
“ฮึก เทียนขอโทษ” ส่องแสงสะอื้นแผ่วเบาพลางกำเข็มในมือแน่น ดวงตากลมฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตา เขารักรามเหมือนที่รักพันเอก แม้ในวันที่รับรู้ว่าคนตรงหน้าฆ่าพ่อของเขาเทียนก็ยังเทิดทูนบูชารามเหมือนเดิม คนตรงหน้าคอยปลอบเวลาที่เขาถูกพันเอกหรือคนอื่นๆแกล้ง คอยสอนการบ้าน คอยให้ส่องแสงขี่คอ อีกทั้งยังเป็นคนเดียวที่จำวันเกิดของเขาได้และมีของขวัญวันเกิดให้ทุกปี
เขารักรามเหมือนคนในครอบครัว
และตอนนี้ส่องแสงกำลังจะต้องทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต
เขากำลังจะฆ่าหนึ่งในคนที่เขารักมากที่สุด
“ผมขอโทษ...”
.
.
.
แกร๊ก
“ทำอะไร!!!!”
!!!!
“นายกำลังจะทำอะไรไอ้ราม...”
“พ...พี่นาย” ร่างเล็กเอ่ยชื่อของผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เข็มในมือร่วงหล่นลงพื้นด้วยความตกใจ นารายณ์ก้มลงมองสิ่งที่ตกลงพื้นก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองใบหน้าซีดเผือดของคนตรงหน้าพลางขบกรามแน่น สองเท้าของนายแพทย์หนุ่มย่างสามขุมเข้าหาร่างเล็กที่ลนลานอยู่ข้างเตียงคนป่วย
“ไอ้พันเอกส่งมาสินะ”
“ผ...ผมขอโทษ มันจำเป็น ขอโทษ”
“ระยำเอ๊ย!”
“อ๊ะ! พี่นายปล่อย!” ร่างเล็กร้องเสียงหลงเมื่อถูกร่างสูงตรงหน้ากระชากตัวเข้าหา นารายณ์จ้องหน้าหวานดวงตาวาวโรจน์ดุดัน หลงนึกว่าส่องแสงจะเป็นกลาง แต่สุดท้ายคนตรงหน้าก็เลือกอยู่ข้างพันเอกและทำร้ายรามได้ลงคอ
“พี่ผิดหวังในตัวนายมากนะเทียน ทั้งที่รามมันรักมันเอ็นดูนายมาตลอด แต่สิ่งที่ตอบแทนคือแบบนี้งั้นเหรอ!” นารายณ์เค้นเสียงถาม สองมือบีบต้นแขนเล็กเต็มแรงจนส่องแสงถึงกับร้องประท้วง
“พี่นาย เจ็บ”
“มานี่เลยไอ้ตัวดี เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว!” นายแพทย์หนุ่มคำรามเสียงกร้าว สองมือลากคนตัวเล็กให้เดินตามออกไปจากห้อง ส่องแสงส่ายหน้าหวือ ขืนตัวเต็มกำลังไม่ยอมขยับตามแรงดึงของอีกคน แต่สุดท้ายแรงของคนตัวสูงใหญ่กว่าก็ย่อมชนะแรงของอีกคนที่มีเพียงน้อยนิด ไม่นานร่างเล็กก็ถูกนายแพทย์หนุ่มลากออกไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น ทิ้งเข็มฉีดยาให้แน่นิ่งอยู่บนพื้นพร้อมกับร่างของนายหัวแห่งเกาะนาคาน้อยที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียง
แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ท่ามกลางความเงียบงันมืดมิดที่โอบล้อมโดยรอบ นิ้วเรียวยาวได้รูปที่มีแหวนสีเงินสวมอยู่ที่นิ้วก้อยก็ขยับแผ่วเบา พร้อมกับเปลือกตาสีเนื้อที่ค่อยๆปรือเปิดขึ้นอย่างช้าๆ
“นา...วา...”