{ :: พยศรัก :: } + END | *เปลี่ยนชื่อเรื่อง (เดิม : เล่ห์รัก)*
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { :: พยศรัก :: } + END | *เปลี่ยนชื่อเรื่อง (เดิม : เล่ห์รัก)*  (อ่าน 198631 ครั้ง)

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อย่ามาคิดได้ในวันที่สายแล้วกัน หุหุ

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
พันเอกกกกกก กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อใจก็ลังเลอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
สงนาวาาาา นาวาน่ารักนะเอกกก อย่าทำร้ายนาวาเลยยยย

............... เรื่องของนายหัวกะพระพายนี่มันแอบมีเบื้องหน้าเบื้องหลังสินะ
รึพระพายเคยรักนายหัวแล้วโดนหักอกกกกก งื้ออออออ
สงสารพระพายลวงหน้าแปปปปปปปปปปปปป

ออฟไลน์ KakukI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
งือ~ เฮียเอกรีบๆรู้ใจตัวเองเถอะ แก้แค้นไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก :mew2:
มีแต่จะทำให้แย่ไปกันใหญ่
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ :bye2:

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ตอนนี้เป็นการร่วมรักแบบคนรักที่หวานอ่อนโยนมากๆ

แต่อะไรหวานๆคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะพันเอกมันไม่ถนัด ชอบความรุนแรงมากกว่า

รอวันที่จะตกหลุมรักนาวาจนถอนตัวไม่ขึ้น

อยากอ่านเรื่องของรามกับหนูพระพาย อัพถึงไหนแล้วคะ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ Namphungcandy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เราจิตตกกับนิยายเรื่องนี้มากคือพระเอกเกินไปอย่าเรียกพระเอกเลยไม่มีคุณสมบัติเลยมากกว่าคนแต่งแต่งได้ดีมากค่ะบอกก่อนเลยเราสมัครสมาชิกเพื่อนิยายเรื่องนี้เลยคือพระเอกบอกให้ลูกน้องไปจุดๆ.. วันละคนน้ำตาแตกคือรับไม่ได้เกินไปแล้วนาวาาาาาาาาาาาT^T แช่งให้พระเอกตายๆไปซะ :z3: :z3: :hao5:
ไม่ติดตามต่อเพราะรับเรื่องนี้ไม่ได้คือมันหนักหนาเกินไปกับร่างบอบบางแบบนั่น
ถ้าโดนพี่เอกคนเดียวก็ว่าไปอย่างนี้คนงานTT^^^TTY เอดส์ไม่แดกนายเอกกูเหรออิพี่เอกเกลียดดดดดดด

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
เราจิตตกกับนิยายเรื่องนี้มากคือพระเอกเกินไปอย่าเรียกพระเอกเลยไม่มีคุณสมบัติเลยมากกว่าคนแต่งแต่งได้ดีมากค่ะบอกก่อนเลยเราสมัครสมาชิกเพื่อนิยายเรื่องนี้เลยคือพระเอกบอกให้ลูกน้องไปจุดๆ.. วันละคนน้ำตาแตกคือรับไม่ได้เกินไปแล้วนาวาาาาาาาาาาาT^T แช่งให้พระเอกตายๆไปซะ :z3: :z3: :hao5:
ไม่ติดตามต่อเพราะรับเรื่องนี้ไม่ได้คือมันหนักหนาเกินไปกับร่างบอบบางแบบนั่น
ถ้าโดนพี่เอกคนเดียวก็ว่าไปอย่างนี้คนงานTT^^^TTY เอดส์ไม่แดกนายเอกกูเหรออิพี่เอกเกลียดดดดดดด

อ่า...เราไม่รู้เหมือนกันว่าคุณคนอ่านได้อ่านตอนต่อจากนี้หรือเปล่า แต่ถ้าอ่านต่อจะรู้ว่าเราเฉลยจุดนี้ไปเรียบร้อยแล้วและมันไม่รุนแรงอย่างที่คิด แต่ก็ไม่เป็นไรเนาะ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณมากๆน้า พระเอกโดนสรรเสริญสุดๆ 5555555

ออฟไลน์ Namphungcandy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เราอยากอ่านอ่ะ ! เราเสียน้ำตาไปกับนาวาหลายหยดมากอินจัดกับนิยายไรเตอร์
เฉลยยังไง เราต้องอ่านต่อล่ะกลัวน้ำตาไหลบอกได้ไหมเฉลยแบบไหนเซอร์วิสที่ตรงไหน
คือมันหน่วงอ่ะ ปวดใจ คนอ่านจริงๆ  :hao5:

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
เราอยากอ่านอ่ะ ! เราเสียน้ำตาไปกับนาวาหลายหยดมากอินจัดกับนิยายไรเตอร์
เฉลยยังไง เราต้องอ่านต่อล่ะกลัวน้ำตาไหลบอกได้ไหมเฉลยแบบไหนเซอร์วิสที่ตรงไหน
คือมันหน่วงอ่ะ ปวดใจ คนอ่านจริงๆ  :hao5:
ถ้ายังไม่ได้อ่านต่อก็สามารถอ่านต่อได้เลยค่ะสบายใจได้ ไม่ได้ดราม่าอย่างที่คิดเลยน้าาา ทุกอย่างแฮปปี้แน่นอน เราเอาหัวเป็นประกันเลย  :hao7: :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Namphungcandy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จร้า ขอบคุณนะค่ะไรเตอร์ เราจะติดตามผลงานไรเตอร์นะ
เราอ่านถึงตอนที่ 8 ตอนไปโรงบาลและจร้า หน้าที่2
ขอโทษนะ ทำไหมถึงต้องให้นาวาจุดๆกับลูกน้องพระเอกด้วย


เราหน่วงตรงนี้ มันเป็นอะไรที่บีบหัวใจคนอ่าน  :ling3: 

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อ่านทันแล้ววววว

โอ๊ยยยยยย อิตาพันเอกนี่ก็นะ จะจมอยู่อะไรกับความแค้นนักหนา นั่นก็เพื่อนหรือเปล่า เคยลองเปิดใจไปคุยกันดีๆ ให้รู้เรื่องรู้ราวหรือยัง?
อิตารามก็ดูงึมงำ เฮ้ยยยยยย แกคุยกันก่อนไหม?

อะไรเนี่ย อยู่ๆไปลงกับน้องวาแบบนั้นได้ยังไง นี่ตอนแรกๆอิตาพันเอกนี่น่าป๊าบมากเลยนะ รู้สึกอยากจะเอามือทะลุจอไปจับหัวโขกกำแพงสักป๊าบ อะไรจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางขนาดนั้น ฮึ้ยยยยย

สงสารน้องบ้าง ถนอมน้องบ้าง อยากจะให้น้องได้เอาคืนจริงๆเหอะค่ะ ฮึ้ยยยยย ขัดใจ

(ขออภัย อารมณ์มาเต็มไปนิด แหะๆๆๆ)

ออฟไลน์ earntaetae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมรู้สึกตอนนี้ละมุน :impress2:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ถ้าถามว่าให้เลือกทางไหน

คนอ่านก็จะตอบว่า

ให้เลือกข้อแรก และละทิ้งความแค้น

ลองมองดีๆว่ามีความสุขแค่ไหน ตอนเวลาทานอาหารเย็นบนโต๊ะ

จำความรู้สึกดีๆไว้นะพันเอก

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5

ตอนที่ ๑๔ : สิ้นสุดความอดทน



นาวาลืมตาตื่นขึ้นในช่วงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นด้วยความอ่อนล้า ร่างขาวเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มขยับตัวเล็กน้อยขับไล่ความเมื่อยขบออกไปจากร่างก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงกอดรัดบริเวณช่วงเอว ชายหนุ่มก้มลงมองวงแขนแกร่งที่โอบรัดร่างของเขาแน่นในขณะที่ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดอยู่บริเวณหลังคอให้ใจสั่นเล่นๆ กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเมื่อลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้จนหมด แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อเมื่อนึกได้ว่าตัวเองเผลอปล่อยตัวไปตามอารมณ์ราคะจนตอบรับสัมผัสของพันเอกอย่างลืมอาย

ลืมว่าเคยถูกพันเอกย่ำยีศักดิ์ศรีมากแค่ไหน

ลืมว่าเคยถูกเทวดาใจร้ายคนนี้ทรมานทั้งกายและใจมามากเพียงใด

ลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงแค่อีกฝ่ายทอดสายตาอ่อนโยนพร้อมกับกระซิบถ้อยคำออดอ้อนอ่อนหวานข้างหู เอ่ยขอให้เขายินยอมทอดกายร่วมรักอย่างร้อนเร่าราวกับคนรักกัน

ราวกับว่าเราทั้งคู่เป็นคนรักกัน

“คิดอะไรอยู่”
“คุณเอก...” นาวาเรียกอีกคนเสียงแผ่วเมื่อจู่ๆพันเอกก็ขยับเข้ามาสวมกอดร่างของเขาแน่นขึ้นพลางเลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบเสียงหวานข้างหู ผิวแก้มของคนตัวโตแนบลงกับแก้มของนาวาพาให้ดวงหน้าร้อนวาบ พันเอกกดจมูกลงบนขมับบางอย่างอ่อนโยนก่อนจะถามซ้ำ
“ฉันถามว่าคิดอะไรอยู่”
“เปล่าครับ คุณ...ปล่อยเถอะ มันเช้าแล้ว” คนตัวขาวขืนตัวหนีเมื่อมือแกร่งลูบไล้ไปทั่วผิวกายพาให้ร่างร้อนวูบ นาวาขยับตัวลงจากเตียงพลางคว้าปลายผ้าห่มผืนใหญ่มาปิดร่างเอาไว้ ร่างโปร่งหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก อยากจะปล่อยผ้าห่มเอาไว้บนเตียงและเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำแต่เขาก็ยังไม่กล้าพอจะเปลือยกายต่อหน้าใครอีกคน แต่หากจะให้ดึงผ้าห่มไปพันตัวเป็นหนอนยักษ์ก็คงทำไม่ได้เพราะบนเตียงนี้มีผ้าห่มเพียงแค่ผืนเดียว ชุดคลุมอาบน้ำที่ใส่เมื่อวานก็ลอยไปตกอยู่ตรงไหนแล้วไม่รู้

และในขณะที่นาวากำลังยืนคิดไม่ตกอยู่นั้นเขาก็ต้องหวีดร้องเมื่อพันเอกตามมาคว้าเอวหมับก่อนจะดึงให้ล้มลงไปนั่งแหมะบนตักแกร่งบนเตียงกว้าง นาวาหันไปมองคนที่มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างนึกกลัวพลางขืนตัวไม่ให้ร่างสูงกอด

“คุณเอก ปล่อยครับ ผมจะไปอาบน้ำ”

“เดี๋ยวรออาบพร้อมกัน” พันเอกกระซิบ คลอเคลียริมฝีปากกับผิวแก้มขาวเย้ายวนตรงหน้า นาวาได้ฟังก็เม้มปากแน่น ตัดสินใจหันไปประจันหน้ากับพันเอกและเอ่ยถามขึ้นมาตรงๆ

“คุณต้องการอะไรกันแน่ครับคุณเอก บอกผมมาตรงๆเลยดีกว่า”

คำถามของนาวาทำเอาร่างสูงชะงัก ดวงตาคมปลาบจ้องมองแววตาสั่นไหวไม่เข้าใจของนาวาพลางเบือนหน้าหนี

จะให้ตอบยังไงว่าเขาเองก็ไม่รู้ ตัวพันเอกเองก็ยังสับสนในความรู้สึกลึกๆเช่นกัน

“อยู่ๆคุณก็มาทำดี มาพูดดีด้วย ทำเหมือนกับว่าเราสองคนรักกันทั้งที่ก่อนหน้านี้เรายังอยู่คนละฟากของกำแพง คุณทำให้ผมกลัวรู้ไหม” นาวาร่ายยาว รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกระชับอ้อมแขนให้ร่างของเขาขยับเข้าไปใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นก่อนจะเงียบราวกับจงใจเมินสิ่งที่ได้ยิน คนตัวขาวเม้มปากเมื่อพันเอกเงียบกริบ ร่างโปร่งขืนตัวหนีอ้อมแขนแกร่งก่อนจะก้าวลงจากเตียงทว่ากลับต้องยืนแข็งทื่อเมื่อได้ยินสิ่งที่พันเอกเอ่ยออกมา

“ก็แค่อยากจะมีความทรงจำดีๆระหว่างกันบ้างก็เท่านั้น”
 

...
 

ความทรงจำดีๆงั้นหรือ เหลวไหลสิ้นดี
 

“ปล่อยผมกับน้องไปนั่นแหละคือความทรงจำดีๆระหว่างเราในแบบที่ผมต้องการ” นาวาเอ่ยขึ้น ไม่แม้แต่จะหันไปมองร่างสูงของคนด้านหลัง ชายหนุ่มเดินไปคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาสวมก่อนจะก้าวเข้าไปภายในห้องน้ำ ทิ้งให้พันเอกนั่งอยู่บนเตียงกว้างด้วยความรู้สึกสับสนพลางกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิดใจ

เห็นได้ชัดว่ามีแค่เขาคนเดียวที่สับสนเป็นบ้าเป็นหลังไปเองคนเดียว นาวาเกลียดเขา ไม่ว่ายังไงพันเอกก็ไม่มีวันลบล้างความเกลียดภายในใจของนาวาไปได้

แต่ก็ยังหวัง...หวังลมๆแล้งๆทั้งที่รู้ว่าความหวังนั้นไม่มีวันเป็นจริง

พันเอกก็แค่หวัง

อย่างน้อยก็ขอให้มีเรื่องดีๆระหว่างกันก่อนจากลาบ้างก็เท่านั้นเอง





“พี่วาครับ ผมอยากมาคุยเรื่องณะโมหน่อยได้ไหม” เสียงของพระพายดังขึ้นในช่วงสายของวันพร้อมกับร่างเพรียวสะดุดตาที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีอ่อนกับกางเกงขาสามส่วนสำหรับใส่อยู่บ้าน นาวายกยิ้มพลางขยับกายให้พระพายนั่งลงข้างกันก่อนจะขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายวางโบชัวร์ของโรงเรียนกวดวิชาลงตรงหน้าเขา

“ผมอยากให้ณะโมเรียนกวดวิชาครับ ลองถามเจ้าตัวดูแล้วก็บอกว่าอยากเรียนแต่เกรงใจเรื่องค่าใช้จ่ายเลยให้มาขออนุญาตพี่ก่อน”

“ไม่หรอกครับคุณพาย ผมว่าอย่าเลย เปลืองเงินเปล่าๆ” นาวารีบปฏิเสธ พอเห็นตัวเลขในโบชัวร์แล้วก็ได้แต่แอบถอนหายใจกับราคาสูงลิ่วที่ผ่านสายตา ฝ่ายพระพายพอได้ฟังก็หน้าหงิกก่อนจะเป่าลมหายใจออกมาฟอดใหญ่

"ขี้เกรงใจกันทั้งพี่ทั้งน้องเลย เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งพี่เอกไม่ร่วงหรอกครับ ส่งเด็กกำพร้ายี่สิบสามสิบคนเรียนจนจบปริญญาโทยังไหว”

“ไม่ดีกว่าครับ แค่เขา...เอ่อ...แค่ส่งให้น้องผมเรียนจนจบมอปลายผมก็คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว”

“อ้าว! ไหนตอนแรกตกลงกันไว้ว่าจะส่งให้ณะเรียนจนถึงมหาลัยเลยละพี่วา” พระพายถามอย่างฉงนเมื่อได้ยินนาวาบอกมาแบบนั้น คนถูกถามเม้มปากแน่นก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ

“ผมคงไม่อยู่ที่นี่นานขนาดนั้น” ใช่ นาวาไม่คิดจะอยู่กับพันเอกจนน้องชายเรียนจบปริญญาตรีเป็นแน่ มันทรมานเกินไปสำหรับเขา แค่ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้อีกฝ่ายแก้แค้นและเล่นสนุกกับร่างกายรวมไปถึงจิตใจราวกับของเล่นชิ้นหนึ่งมันก็มากเกินพอแล้ว นาวาไม่รู้เลยว่าหากอยู่กับพันเอกไปจนณะโมเรียนจบแล้วเขาจะเหลืออะไรไว้ให้ตัวเองได้ภาคภูมิใจได้บ้าง

“คุณพระพายไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายหรอกนะครับ ผมจะพยายามหามาใช้คืนคุณพันเอกทุกบาททุกสตางค์แน่นอน” นาวาเอ่ย แต่ถึงจะบอกไปแบบนั้นแต่เขาก็ไม่เห็นหนทางที่จะชดใช้หนี้สินทางการศึกษาของน้องชายเลยแม้แต่น้อย

“พี่วาไม่มีความสุขเหรอครับ” พระพายถามขึ้นอย่างลืมตัวก่อนจะสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายตะคอกใส่

“มันก็ต้องแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...เอ่อ ขอโทษครับ ผมลืมตัว” เอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกผิดเมื่อเผลอขึ้นเสียงให้คุณหนูของบ้านตกใจ พระพายหลุบสายตาลงมองมือตัวเองก่อนจะถอนหายใจ

“ผมขอโทษ ผมลืมไปว่าเรื่องมันยังไม่จบ” คนตัวขาวเอ่ยขึ้นก่อนจะเผลอยกมือขึ้นมาลูบบางอย่างที่ห้อยอยู่บนลำคอแผ่วเบา

“ผมมองไม่เห็นปลายทางของชีวิตตัวเองเลยนอกจากความตาย ถ้าพวกเขายังไม่หยุด ถ้าคุณพันเอกยังไม่ยอมปล่อยวาง สิ่งเดียวที่ผมเหลืออยู่ในตอนนี้ก็มีแค่ชีวิตของผมแล้วนะครับ” นาวาเอ่ยขึ้นอย่างคนที่หมดแล้วซึ่งหนทาง ร่างโปร่งถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะพึมพำเสียงแผ่วเบาแต่ทว่ากลับดังก้องเข้าไปในโสตประสาทของอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

“บางทีถ้าผมไม่โลภอยากมีเงินมีที่อยู่จนหน้ามืดตามัว ชีวิตแบบคนไร้บ้านของผมกับน้องอาจจะดีกว่านี้ก็ได้”

“พี่วา...”

“ตะลอนหางานทำ หาเงินมาเลี้ยงชีวิตไปวันๆ ดีกว่าต้องมาอยู่สุขสบายแต่เหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่แบบนี้” ชายหนุ่มพูดจบพลางก้มลงมองมือที่ประสานกันจนแน่นด้วยดวงตาว่างเปล่า ความเหนื่อยล้าอ่อนแรงถาโถม ความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นความชินชา ความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตากลับกลายเป็นการก้มหน้ายอมรับมันและเลือกที่จะมองผ่านให้เป็นเพียงฝุ่นธุลี

ถือซะว่าความทรมานและโชคร้ายเหล่านี้เป็นเพียงแค่บททดสอบของการเป็นมนุษย์

หากอดทนและผ่านมันไปได้ นั่นหมายความว่าเขาคู่ควรกับการมีลมหายใจอยู่ต่อไปบนโลก

แต่หากเมื่อใดที่ความอดทนสิ้นสุดลง เมื่อนั้นก็คงเป็นวันเดียวกันกับที่ลมหายใจของนาวาจะหยุดลงเช่นเดียวกัน...





บทสนทนาของนาวาและพระพายจบลงเพียงเท่านั้น หลังจากที่นาวาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นฝ่ายกฤตภาสผู้น้องก็เงียบกริบ ดวงหน้าขาวทอดมองมาที่ร่างสูงโปร่งด้วยความสงสารสุดใจ พระพายทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไปบีบไหล่ของนาวาเพื่อให้กำลังใจก่อนจะปลีกตัวออกไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้นาวาได้อยู่เพียงลำพังเพื่อพักกายและจิตใจที่ต้องแบกรับเรื่องราวมากมายมาเนิ่นนาน

และเมื่อนาฬิกาบอกเวลาของมื้ออาหารในยามเที่ยง นาวาก็ถูกเรียกให้ไปเข้าครัวเพื่อทำกับข้าวให้พระพายกับพันเอกที่วันนี้เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำงานกิน นาวาสังเกตมาสักพักแล้ว เขาไม่รู้หรอกว่าพันเอกทำงานเกี่ยวกับอะไรแต่มันก็คงเป็นธุรกิจส่วนตัว ดูท่าจะกิจการดีไม่น้อยเพราะฝ่ายนั้นมีกินมีใช้เหลือเฟือ ประมาณเอาจากขนาดของบ้านที่แทบจะไม่ต่างอะไรกับคฤหาสน์เลยสักนิด แม้จะไม่หรูหราและกว้างขวางเท่าแต่เนื้อที่ภายในบ้านกฤตภาสก็มีเยอะจนเหลือกินเหลือใช้ ขนาดว่ามีเรือนพักคนใช้และเรือนบอดี้การ์ดแยกหญิงชายสองฟากฝั่งด้านหลังแต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวบ้านดูอึดอัดรกชัฏแต่อย่างใด นอกจากจะมีเรือนพักที่เกินจำนวนคนงานแล้ว ข้างกันยังมีเรือนกระจกขนาดกลางสำหรับปลูกต้นไม้และส่วนหย่อมขนาดย่อมเอาไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ หากตัดปัญหาเรื่องนิสัยและการกระทำอันต่ำทรามของเจ้าของบ้าน กฤตภาสก็ถือเป็นบ้านในฝันของนาวาเลยก็ว่าได้

นาวาชอบไปนั่งเล่นในเรือนกระจก ในนั้นมีเรือนไม้เล็กๆตั้งอยู่ วันไหนที่เขาทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จแล้วและไม่มีอะไรทำเวลาทั้งหมดก็จะถูกใช้ไปกับการนั่งมองต้นไม้ใบหญ้าภายในนั้น อย่างน้อยธรรมชาติก็ทำให้เขาผ่อนคลายก่อนจะต้องไปปะทะคารมกบพันเอกไม่เว้นแต่ละวัน

“เหม่อไปไหนแล้วคะคุณวา” เสียงของมินตราดังขึ้นพร้อมกับมือเล็กที่แตะลงมาบนแผ่นหลังทำเอานาวาสะดุ้งเพียงเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มเก้อๆ

“โทษทีนะมีน คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ” ร่างโปร่งตอบพร้อมกับก้มลงมองกับข้าวหลากสีสันตรงหน้า วันนี้มื้อเที่ยงของบ้านหลังนี้มีจำนวนมากกว่าที่เคยเพราะพระพายไม่มีเรียนและไม่คิดออกไปไหน นาวาเลยต้องทำกับข้าวเอาใจคนช่างกินช่างออดอ้อนเสียหน่อย

“มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะคุณวา บอกมีนได้นะคะ” มินตราเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง นาวาก้มลงมองใบหน้าหวานของสาวใช้ตรงหน้าพลางยกยิ้มพร้อมกับยีผมของสาวเจ้าด้วยความเอ็นดู

“อย่าทำตาหวานใส่กันแบบนั้นสิมีน เดี๋ยวคุณจักรมาเห็นละก็หึงแย่” เอ่ยถึงบอดี้การ์ดฝีมือดีของพันเอกทำเอาคนถูกแซวค้อนวงใหญ่แก้เขิน ไม่รู้ว่าพันเอกจะรู้ไหมว่าจักรกับมินตรากำลังพัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างเงียบๆ แต่หลังๆมานี้ความสนิทสนมของทั้งคู่มีมากขึ้นจนนาวาและพระพายดูออก

“คุณวาก็ เลิกแซวมีนเลยนะคะ” มินตราเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอด นาวาหัวเราะเบาๆกับท่าทีน่าเอ็นดูนั้นก่อนจะเอ่ยเตือนกลายๆ

“ระวังอย่าให้เหมือนคุณสันต์กับน้ำอุ่นเข้าล่ะ ถึงคุณจักรจะเป็นมือดีแต่ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแล้วคราวนี้คงบ้านแตก”

“โห ไม่บอกมีนก็รู้แล้วล่ะค่ะ คราวยัยอุ่นน่ะคุณเอกน่ากลัวจะตายไป มีนล่ะกลัวคุณเขาไล่ยิงพี่สันต์จนไส้ไหลจริงๆ” สาวใช้หน้าหวานบ่นอุบติดตลกเรียกเสียงกลั้นขำเบาๆให้ดังขึ้น นาวาคิดภาพตามคำบอกเล่าดังกล่าวพลางหลุดหัวเราะก่อนจะส่ายหน้าไล่ความคิดเพ้อเจ้อออกไปจากหัว

“ดูเขาหัวโบราณดีนะ คงให้เกียรติคนรักน่าดู ว่าแต่...คุณเอกของมีนน่ะมีคนรักรึเปล่า” ร่างโปร่งเอ่ยถามออกไปอย่างลืมตัวทำเอามินตราถึงกับเอียงคอด้วยความแปลกใจกับคำถามของชายหนุ่มตรงหน้า

“คนรัก?”

“อื้ม ผู้หญิงที่เขารักน่ะ แล้วถ้ามี...เธอไม่ว่าอะไรเลยเหรอที่คนรักของตัวเองมาทำอะไรกับ...เอ่อ...กับผู้ชายแบบนี้” นาวาเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกักก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกร้อนซู่ไปทั่วใบหน้า มินตราขมวดคิ้วงงกับคำถามนั้นก่อนจะถามเขากลับด้วยน้ำเสียงฉงน

“เอ๋ ขนาดนี้แล้วคุณวายังไม่รู้อีกเหรอคะว่าคุณเอกเป็นเกย์”

“อะ...อะไรนะ?” นาวาทวนคำของอีกคนอย่างไม่เชื่อหู มินตราทำหน้าเหรอหราด้วยความตกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดซ้ำ

“ก็...คุณเอกมี...เอ่อ...มีอะไรกับคุณวาแล้ว มีนก็นึกว่าคุณวาจะรู้แล้วซะอีกว่าคุณเอกเขาไม่ชอบผู้หญิง”

“ห๊ะ? เขาไม่ได้ทำเพื่อแก้แค้นเท่านั้นหรอกเหรอ” คราวนี้เป็นนาวาที่แปลกใจบ้าง ที่ผ่านมาเขาคิดเสมอว่าที่พันเอกมีความสัมพันธ์กับเขาเพียงเพราะต้องการให้รามเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ไม่ได้คิดว่าพันเอกจะรักชอบเพศเดียวกันแต่อย่างใด

“แค้นไม่แค้นมีนไม่รู้นะคะ แต่คุณเอกเป็นเกย์ค่ะ...คุณพระพายก็ด้วย”

“ห๊ะ!?!?!?” นาวาอึ้งซ้ำสองกับคำกล่าวของมินตรา พันเอกชอบผู้ชายว่าน่าตกใจแล้ว แต่การที่พระพายเองก็รักชอบเพศเดียวกันนั่นยิ่งน่าตกใจมากกว่า

ฝ่ายมินตราเองพอเห็นหน้าตาปูเลี่ยนของอีกคนก็หลุดหัวเราะออกมาดังลั่น

“นี่คุณวาไม่รู้จริงๆเหรอคะเนี่ย คนแถวๆนี้เป็นเกย์ซะเยอะเลยค่ะ เพื่อนคุณพันเอกก็เป็นกันเกือบหมด อันที่จริงก็ไม่เชิงว่าจะเป็นอะไรทำนองนั้นหรอกนะคะ คงประมาณว่าผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้ ถ้ารักใครถูกใจคนไหนก็ไม่ได้มองเรื่องเพศน่ะค่ะ”

“ผม...ตกใจ” นาวาครางเสียงเบาทำเอามินตราขำหนัก

“คุณวานี่ก็ ผู้ชายที่ไหนจะมีอะไรกับผู้ชายล่ะคะ” ร่างเล็กกระเซ้าทำเอานาวาทำหน้าไม่ถูก ดวงตาคู่กลมเสตาหลบสายตาขบขันของมินตรายกใหญ่พลางบ่นพึมพำ

“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ”

“ฮะๆ คุณวาเนี่ยน่ารักจังน้าาาาาา มีนดีใจนะคะที่มีคุณวากับคุณณะอยู่ ตั้งแต่คุณสองคนเข้ามาคุณพระพายก็สดใสร่าเริงขึ้นเยอะ ก่อนหน้านี้นอกจากคุณเอกแล้วคุณพายแกก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เห็นป้าเอื้องเล่าว่าเคยอกหักมาเลยกลายเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์แย่ไปเลย”

“อกหัก?” คนน่ารักอย่างพระพายน่ะหรือที่จะอกหัก

“ค่ะ อย่าเอ็ดไปเชียวนะคะ มีนก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก ตอนนั้นคุณพายเธอยังเด็ก ส่วนผู้ชายคนนั้นก็คนคุ้นเคยกัน แต่ไหงถึงมาหักอกคุณหนูของมีนได้ก็ไม่รู้” มินตรายังคงบ่นไปเรื่อยตามประสาในขณะที่นาวายืนนิ่งและตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ

“เห็นแหวนที่คุณหนูพายแกคล้องไว้บนสร้อยคอประจำนั่นไหมคะ มีนเคยหลุดปากถามครั้งนึงว่าใครให้มา เท่านั้นแหละค่ะ ถูกคุณพายเมินไปเป็นอาทิตย์เลย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ายังจะเก็บของของคนทิ้งเราไปแล้วเอาไว้ทำไม เฮ้อ!”


แหวนงั้นหรือ?
 

ใช่ นาวาคลับคล้ายคลับคลาว่ามักจะเห็นแหวนวงเล็กๆที่มีขายตามแผงลอยตลาดนัดห้อยอยู่ที่คอของพระพายเป็นประจำ ตอนแรกเขาก็นึกว่าเป็นไอเทมประจำตัวของอีกฝ่ายเลยไม่ได้คิดสนใจมากนัก แต่พอลองนึกย้อนกลับไปนาวากลับรู้สึกว่าแหวนวงนั้นคุ้นตาเสียเหลือเกิน

มันคุ้นตา ไม่ใช่เพราะเห็นมันขายตามแผงลอยข้างถนน...

หากแต่มันเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นแหวนอีกวงที่เหมือนกันบนนิ้วมือของใครบางคนต่างหาก...

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5

มื้อเที่ยงของวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะพันเอกไม่ยอมออกมานั่งร่วมโต๊ะ ประมุขของบ้านสั่งให้มินตราจัดสำรับแยกต่างหากและนำไปให้ในห้องทำงาน บนโต๊ะอาหารวันนี้จึงมีเพียงแค่พระพายกับนาวาเท่านั้นที่นั่งกินข้าวและคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย

ตกเย็นกฤตภาสคนน้องก็ชวนนาวาออกไปข้างนอกโดยอ้างว่าจะพาไปรับณะโมที่โรงเรียน คราแรกพันเอกทำท่าจะปฏิเสธหากแต่มีหรือที่คนอย่างพระพายจะฟัง เมื่อพันเอกเห็นว่าผู้เป็นน้องยังยืนยันที่จะพานาวาออกไปด้วยให้ได้คนเป็นพี่ก็ไม่กล้าขัด ทำเพียงแค่พยักหน้านิ่งๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้งทิ้งให้นาวามองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความกังวลเล็กๆในใจ วันนี้ทั้งวันพันเอกแทบไม่พูดกับเขาเลยหากไม่นับบทสนทนาที่คุยกันไปเมื่อเช้า ใจหนึ่งชายหนุ่มก็อดดีใจไม่ได้เพราะจะได้ไม่ต้องไปปะทะคารมกับร่างสูงให้เจ็บช้ำ แต่อีกใจนาวากลับรู้สึกร้อนรนเมื่อเห็นอีกคนเย็นชาใส่

“ถ้าคุณไม่อยากให้ผมไป ผมไม่ไปก็ได้นะครับ” ร่างโปร่งตัดสินใจเอ่ยขึ้นหลังจากรวบรวมความกล้าเข้ามาหาประมุขของบ้านถึงห้องทำงานพลางลอบมองปฏิกิริยาของอีกคน พันเอกทำเพียงแค่ปรายตามองก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ก็ไม่ได้ห้าม ออกไปเปิดหูเปิดตาซะบ้างก็ดีไม่ใช่เหรอ”

นาวาเงียบกริบ ยืนงุ่นง่านอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ก่อนจะถอนหายใจ

“ถ้างั้นคุณอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมครับ ขากลับเห็นคุณพระพายบอกว่าจะพาแวะโต้รุ่งด้วย” ร่างโปร่งเอ่ยถามพลางกลั้นหายใจรอคำตอบ พันเอกเงยหน้าจากกองเอกสารขึ้นมามองใบหน้าขาวของนาวาก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมคู่สวย นาวาชะงักไปชั่วครู่กับสายตาของคนตรงหน้าพลางเสตาหลบ พันเอกเห็นอาการหลบเลี่ยงนั้นก็ใจกระตุกวูบก่อนจะถอนหายใจ กลีบปากได้รูปขยับเปล่งเสียงเย็นชาราบเรียบบอกกับอีกคนก่อนจะก้มหน้าลงไปจดจ่ออยู่กับเอกสารตรงหน้าต่อเพื่อตัดบทสนทนา

“เอาเป็นผัดไทยก็แล้วกัน ถ้าไม่มีก็ข้าวผัดพริกหมูธรรมดาก็ได้ ซื้อมาเผื่อคนอื่นในบ้านด้วย เรื่องเงินบอกเจ้าพายนั่นล่ะ”

“ครับ” นาวารับคำก่อนจะเดินออกจากห้องไป เมื่อบานประตูปิดลงพันเอกก็ทิ้งปากกาลงอย่างรวดเร็วพลางสบถในลำคอด้วยความหงุดหงิด กายแกร่งกำยำเอนหลังทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้พลางถอนหายใจด้วยความอึดอัด อากัปกริยาของนาวาที่บ่งบอกชัดเจนว่าหวาดกลัวและไม่ใคร่อยากจะอยู่ใกล้เขาทำเอาพันเอกปวดหนึบไปทั่วทั้งอก ยิ่งนานวันความรู้สึกที่มันไม่ควรจะเกิดก็ยิ่งชัดเจนจนน่ากลัว ไม่รู้เลยจริงๆว่าเขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะบริเวณอกข้างซ้ายซึ่งเป็นตำแหน่งของหัวใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีความรู้สึกอึดอัดก็ร่ำร้องก่อตัวเป็นรูปร่างของความรู้สึกที่พันเอกชิงชัง

ครั้งหนึ่งเคยได้ยินใครสักคนกล่าวเอาไว้ว่า ความแค้น ความเกลียดชัง หรือแม้แต่ความดี สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นจุดกำเนิดของความรักแทบทั้งสิ้น

พันเอกไม่เคยเชื่อ ไม่เคยคิดจะเชื่อว่าคนที่เกลียดกัน แค้นกัน จะหันกลับมามอบความรู้สึกดีๆให้แก่กันได้ แต่วันนี้เขาเพิ่งได้ค้นพบว่าสิ่งที่ได้ยินมานั้นเป็นความจริง เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะทำตัวร้ายกาจกับนาวามากเพียงใด ทำตัวเลวร้ายไร้เหตุผลกับอีกคนมากแค่ไหน แต่ความรู้สึกถูกตาต้องใจที่เกิดขึ้นก็ยังเด่นชัดเกินกว่ากรุ่นโกรธในตัวของอีกคนอยู่ดี

อาจเพราะแท้จริงแล้วพันเอกไม่ได้เกลียดนาวาจากก้นบึ้งของหัวใจ ที่ทำไปทั้งหมดก็เพียงเพราะอยากให้ใครอีกคนเจ็บปวด นาวาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวอันยุ่งเหยิงนี้มาตั้งแต่แรก เป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ที่ถูกเขาจองจำในกรงขังแห่งความแค้นเพียงเพราะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดวงใจของใครอีกคน

ณ เวลานี้ พันเอกตระหนักได้ถึงผลเสียของการลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในเกมการแก้แค้นของเขาแล้ว เขารับรู้แล้วว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากลงมือทำร้ายคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างเลือดเย็นมันให้ผลกระทบกับตัวเองมากแค่ไหน

กรงแค้นที่เคยก่อร่างสร้างขึ้นเพื่อเก็บกักดวงใจของรามไว้กับตัว บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นกรงรักที่ย้อนกลับมาพันธนาการตัวเขาให้จมจ่อมอยู่กับความผิดพลาดของตัวเอง กับดักที่วางเอาไว้เพื่อล่อให้คนอย่างรามเสียท่า บัดนี้หันกลับมาสร้างความเสียหายให้กับตัวพันเอกเองอย่างเจ็บแสบจนถึงที่สุด

ทุกสิ่งทุกอย่างพังลงเพียงเพราะสิ่งเดียว

ความรัก...





หลังจากที่พระพายและนาวาออกไปรับณะโมและแวะซื้อของ สองสามชั่วโมงให้หลังรถคันหรูก็แล่นเข้ามาภายในบริเวณบ้านก่อนที่เสียงเอะอะโวยวายจะดังขึ้นให้พันเอกที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ต้องขมวดคิ้ว ไม่นานทั้งสามคนก็เดินหยอกล้อกันเข้ามาในบ้านโดยมีลูกน้องของเขาหิ้วของพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือไปหมด พันเอกพับหนังสือพิมพ์วางเอาไว้บนโต๊ะพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ตั้งใจจะเดินเข้าไปหาน้องชายที่ลากนาวาเข้าครัวไปแต่ก็ต้องชะงักไปเสียก่อนเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เบอร์โทรแปลกตาปรากฏอยู่บนหน้าจอทำเอาประมุขของบ้านขมวดคิ้ว ร่างสูงกดรับและยกโทรศัพท์แนบหูก่อนจะหน้าตึงไปเล็กน้อยเมื่อปลายสายเอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

[สวัสดีครับคุณพันเอก ผมก้องภพนะครับ]

ก้องภพ... ผู้ชายที่เขากับนาวาเจอวันไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าด้วยกัน

“ครับ ผมจำได้” พันเอกตอบกลับพลางเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่านาวากำลังยกจานผัดไทยและแก้วน้ำมาให้เขา

[พอดีผมมีเรื่องอยากคุยกับน้องวาเขาหน่อย ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนคุณเอกรึเปล่าครับ] ปลายสายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรงเป็นกังวล พันเอกอยากจะตอบกลับไปเหลือเกินว่ารบกวนเป็นที่สุดแต่ก็ทำไม่ได้ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดอย่างลืมตัวเมื่อเห็นว่านาวาเดินเข้ามาถึงบริเวณห้องนั่งเล่นที่เขานั่งอยู่พลางวางจานผัดไทยและแก้วน้ำลงกับโต๊ะ สุดทายจึงจำใจต้องบอกปลายสายไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่รบกวนครับ น้องวาของคุณอยู่ใกล้ผมพอดี” ร่างสูงเน้นคำที่ก้องภพใช้เรียกอีกฝ่ายพลางปรายตามองปฏิกิริยาของนาวา ร่างโปร่งเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าพันเอกกำลังคุยกับใคร ประกายตาวิบวับฉายแววตื่นเต้นเสียจนคนมองหงุดหงิดจนต้องเสหน้าหลบ

“งั้นเชิญคุณก้องตามสบายเลยนะครับ...นาวา คุณก้องจะคุยด้วย” พันเอกบอกกับปลายสาย ท้ายประโยคหันไปบอกนาวาพลางยื่นมือถือไปให้ นาวารับไปแนบหูอย่างรวดเร็วก่อนจะลุกขึ้นยืนและหมุนตัวเดินหนีด้วยความลืมตัว

“ครับพี่ก้อง คิดถึงจัง” เพียงแค่ประโยคแรกที่ทักทายกันก็บาดหูคนฟังเสียจนพันเอกต้องแค่นหัวเราะ ชายหนุ่มกำหมัดแน่นพลางพยายามระงับอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองลง แต่ก็ยังไม่วายนึกโมโหไม่ได้เมื่อเสียงหวานของนาวาดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท

“ครับ เพิ่งกลับมาถึงน่ะ...ฮ่าๆ ณะสบายดีครับ น้ำหนักขึ้นตั้งเยอะแน่ะ” นาวาพูดคุยกับปลายสายเสียงสดใส แตกต่างจากเวลาพูดกับพันเอกอย่างสิ้นเชิง และนั่นยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดงุ่นง่านจนพันเอกนั่งไม่ติดที่

“ฮะๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพี่ก้อง อืม...วายังไม่ได้ซื้อมือถือซะด้วยสิ เอายังไงดีเนี่ย เอ๋...พี่กล้องจะพาไปซื้อเหรอ เอาจริงเหรอครับพี่ ผมไม่ปฏิเสธของฟรีหรอกนะ ฮ่าๆๆ อ๊ะ! ค...คุณเอก”

พรึ่บ!

“ขอโทษนะครับคุณก้องที่ต้องเสียมารยาท แต่พอดีแบตมือถือใกล้จะหมดแล้วและผมต้องใช้ติดต่องาน แค่นี้ก่อนนะครับ”

[อ่ะ อ้าว...ดะ...]

ติ้ด!

“คุณทำอะไรของคุณ!” เสียงแหวของนาวาดังขึ้นเมื่ออยู่ๆพันเอกก็ตรงเข้ามากระชากมือถือออกไปจากหูของเขาอย่างเสียมารยาทพลางพูดกับก้องภพเสียงแข็งก่อนจะตัดสายทิ้ง นาวามองพันเอกที่หน้าบูดบึ้งอย่างไม่เข้าใจ เหนือสิ่งอื่นใดคือโกรธที่พันเอกตัดการสนทนาของเขากับก้องภพโดยพลการ

“ผมคุยของผมอยู่ดีๆแล้วทำไมคุณต้องมาแย่งไปตัดสายทิ้งอีกแล้ว คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ” นาวาถาม ใบหน้าฉายแววไม่พอใจเต็มเปี่ยมซึ่งพันเอกเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน

หงุดหงิดจนอยากจะหาที่ระบายเต็มแก่

และคนที่จะเป็นที่รองรับอารมณ์ก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นตัวต้นเหตุอย่างนาวานั่นแหละ!

“ฉันสิต้องถามว่าทำอะไร นี่มันโทรศัพท์ของฉัน หัดมีความเกรงใจกันบ้างสินาวา” พันเอกพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นาวากัดปากเมื่อเจอคำต่อว่านั้นก่อนจะเถียงคอแข็ง

“แต่คุณก็ไม่ควรแย่งกลับไปดื้อๆ ผมกำลังคุยธุระอยู่!”
 

“คุยธุระหรือนัดกันออกไปพลอดรักกันแน่ จ๊ะจ๋าเสียงหวานนักเชียว หัดอายคนใช้ในบ้านบ้าง อย่ามาทำตัวต่ำในบ้านหลังนี้!”

“นี่! อย่าคิดว่าทุกคนต้องทำตัวต่ำความคิดหยาบช้าเหมือนคุณทุกคนจะได้ไหม ผมเริ่มจะหมดความอดทนกับคุณแล้วนะคุณเอก พอกันทีเถอะ! ถ้าคุณไม่อยากให้พี่ก้องโทรเข้ามือถือของคุณ ผมก็จะซื้อมือถือของตัวเอง!” นาวาเผลอขึ้นเสียงดังลั่นจนคนอื่นๆในบ้านตกใจ ณะโมที่เพิ่งจะลงมาจากชั้นบนเดินเข้ามารั้งแขนผู้เป็นพี่ชายเอาไว้ด้วยเพราะไม่เคยเห็นประมุขของบ้านกับพี่ชายตนมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงมาก่อน

“อยากได้ก็หาเงินไปซื้อเอาเองสิ คิดว่าตอนนี้ตัวเองมีเงินติดตัวอยู่กี่บาทกันเชียว ไอ้ที่อยู่ดีกินดีทุกวันนี้มันก็เงินฉันทั้งนั้น!” พันเอกตวาดกลับไปด้วยความหงุดหงิดไม่แพ้กัน ร่างโปร่งของนาวาเม้มปากแน่นจ้องใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นพลางยกยิ้ม

“ผมไม่คิดจะขอเงินคุณอยู่แล้วนี่ พี่ก้องเขาบอกจะซื้อให้ฟรีๆด้วยซ้ำ”

“หึ ที่มันให้ฟรีเพราะไปขายตัวให้มันเอาแล้วมากกว่ามั้ง ใครมันจะไปใจดีขนาดซื้อมือถือให้คนที่ไม่ใช่แม้แต่แฟน!” พันเอกเย้ยหยันพลางกวาดสายตามองนาวาที่ยืนตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ ร่างสูงแสยะยิ้มพลางส่งสายตาดูแคลนไปให้อีกคน นาวากำหมัดแน่นพลางแสยะยิ้มกลับไปให้พันเอกบ้าง

“ขายตัวใช่ไหม ได้! คุณพูดเองนะคุณพันเอก” นาวาขึ้นเสียงกร้าวก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ สาวใช้หลายคนยืนมองอยู่ห่างๆ ณะโมยังคงจับแขนเขาเอาไว้แล้วลูบขึ้นลงให้ใจเย็น ส่วนพระพายยืนอยู่ข้างพายุที่ทำหน้าตาวิตกกังวล นาวาจ้องร่างโปร่งของพายุพลางนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นาทีนี้เขาโมโหพันเอกจนกล้าทำทุกอย่างที่อีกคนไม่ชอบ เมื่อคิดได้ดังนั้นนาวาก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของณะโมพลางเดินดุ่มๆเข้าไปเกาะแขนพายุเอาไว้หมับ ใบหน้าขาวซบลงกับแผ่นอกของบอดี้การ์ดตัวขาวก่อนจะส่งเสียงยั่วเย้าแหบพร่าไปให้อีกคน

“คุณยุครับ ผมขายตัวให้สามคืน สนใจไหม คุณเคยบอกว่าชอบผมไม่ใช่เหรอ” นาวาออดอ้อนเสียงหวานทำเอาหลายชีวิตภายในบ้านเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พันเอกกัดฟันกรอด ในอกรู้สึกร้อนผ่าว ร้อนรนยิ่งกว่าถูกไฟสุม

โดยที่ไม่มีใครคาดคิด พันเอกก้าวเดินไปกระชากแขนของคนตัวขาวให้หันมาประจันหน้าก่อนจะก้มลงทาบริมฝีปากลงบนกลีบปากอิ่มของนาวาท่ามกลางสายตาของใครหลายคน นาวาเบิกตากว้างเมื่อถูกอีกคนบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างรุนแรงราวกับต้องการจะลงโทษ เมื่อได้สติสองมือเล็กก็ยกขึ้นผลักไสอีกคนออกจากตัว แต่นอกจากประมุขของบ้านจะไม่สะทกสะท้านแล้วร่างสูงยังออกแรงดันร่างของนาวาเข้าไปกระแทกกับกำแพงและตะโบมจูบเขาต่อหน้าเหล่าสมาชิกภายในบ้านที่ยืนอึ้ง

“ขายตัวงั้นเหรอ ผัวยืนอยู่ทนโท่ยังกล้าปากดีอีกนะ ฉันจะสั่งสอนให้หลาบจำไปเลยว่านายเป็นของฉัน!”

“อื้อ!!!”

นาวาร้องเสียงหลงเมื่อพันเอกคำรามเสียงดังกึกก้องก่อนจะก้มลงดูดดึงริมฝีปากของเขาจนเกิดเสียง ดวงตากลมเหลือบไปเห็นสาวใช้หลายคนยกมือขึ้นปิดปากด้วยความคาดไม่ถึงก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองน้องชายที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามสักคนคงเพราะยังช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ คนอื่นๆอาจจะแค่ตกใจเพียงเล็กน้อยแต่ไม่ใช่กับณะโม ร่างเล็กอ้าปากค้างตัวแข็งทื่อ มองดูพันเอกปล้ำจูบเขาต่อหน้าต่อตา ดวงตาของณะโมที่ฉายแววแปลกๆทำเอานาวาได้สติ ร่างโปร่งรวบรวมแรงทั้งหมดผลักอกพันเอกให้ออกห่างก่อนจะใช้กำปั้นทุบอกแกร่งเต็มแรง

“คุณทำอะไรของคุณ! น้องผมยืนอยู่ตรงนั้นนะ! ณะโมยืนอยู่ตรงนั้น!!!!” ร่างโปร่งขึ้นเสียงขณะออกแรงทุบอกของพันเอกเต็มแรง พันเอกได้สติกับประโยคดังกล่าวพลางหันไปมองณะโมที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมามองนาวาที่มองเขาด้วยสายตาตัดพ้อปนชิงชัง

นาวายืนหอบหนักพลางเลื่อนสายตาไปมองน้องชายที่ยืนช็อคด้วยความเสียใจก่อนจะเม้มปากแน่น ดวงตากลมร้อนผ่านพลางเลื่อนขึ้นไปสบตากับพันเอกด้วยแววตากรุ่นโกรธปนตัดพ้อ

“ผมเกลียดคุณ” นาวาเอ่ยขึ้นเสียงสั่นก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ริมฝีปากแรงๆจนเห่อช้ำ พันเอกครางเรียกอีกคนเสียงเบาเมื่อได้สติก่อนจะผวาเข้าไปคว้าร่างนาวาเอาไว้เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะหนีขึ้นห้องแต่กลับไขว่คว้าได้เพียงสัมผัสแผ่วเบาของอากาศ

“วา...”

“ผมเกลียดคุณ!!!” นาวาทิ้งท้ายเอาไว้เพียงแค่นั้นก็หนีขึ้นห้องและปิดประตูเสียงดังลั่น พันเอกได้แต่มองขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านก่อนจะกัดฟันกรอดและสบถออกมาเสียงดุดันจนคนรอบข้างสะดุ้งตัวโยน

“โถ่เว้ย!!!!!!”

เขาทำผิดพลาดอีกแล้ว

และครั้งนี้เป็นความผิดพลาดที่จะเปลี่ยนชีวิตของพันเอกไปตลอดกาล



โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5

ตอนที่ ๑๕ : การกลับมา



“จะบอกผมได้รึยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ถึงน็อตหลุดขนาดนั้น” พระพายถามขึ้นหลังจากที่กึ่งลากกึ่งจูงพี่ชายตัวโตเข้ามาในห้องทำงานแล้ว หลังจากนาวาหนีขึ้นห้องพันเอกก็เอาแต่ยืนนิ่งจนคนรอบข้างผวา พระพายบอกให้ณะโมตามขึ้นไปดูพี่ชายบนห้องในขณะที่เขาเองก็พาพันเอกเข้ามาหลบสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องทำงานเช่นกัน

“พี่เอก” คนอายุน้อยกว่าเรียกพันเอกเสียงดุเมื่อเห็นว่าร่างสูงยังคงยืนนิ่ง พันเอกถอนหายใจ ยกมือขึ้นเสยผมไปด้านหลังก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้คล้ายคนหมดแรงยืน

“ฉันหึงเขา”

“ห๊ะ?” พระพายทวนคำอย่างไม่เชื่อหูก่อนจะเบิกตากว้าง พันเอกจ้องหน้าขาวของน้องชายด้วยสายตาราบเรียบก่อนจะพูดซ้ำ

“ฉันหึงนาวา ชัดไหม” คราวนี้พระพายได้ยินชัดเต็มสองหู คนเป็นน้องทำหน้าเหลือเชื่อพลางเดินเข้าไปหาพันเอกและนั่งลงบนโต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะก่อนจะใช้สองมือตะปบแก้มของอีกคนเต็มแรงและถามเสียงหลง

“พี่เนี่ยนะหึงพี่วา”

“...”

“ให้ตายเถอะ มันเป็นไปได้ยังไง ไปรู้สึกกับเขาถึงขนาดหึงได้ยังไง” พระพายถามขึ้นพลางจ้องใบหน้าหล่อเหลาของพันเอกด้วยสายตาคาดคั้น อีกฝ่ายขืนใบหน้าออกจากฝ่ามือเล็ก จัดการรวบเอาข้อมือบางของพระพายเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะเบือนหน้าหนี

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะรู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยก็ได้” ร่างสูงตอบพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง พระพายเงียบกริบกับคำบอกของผู้เป็นพี่พลางเม้มปากแน่น

“พี่รู้ใช่ไหมว่ากับพี่วาน่ะพี่เดินมาผิดทาง”

“รู้ แต่ก็เพราะทางนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้ฉันได้เจอกับเขา” พันเอกเถียงน้อง ถ้าไม่ใช่เพราะอยากแก้แค้นรามเขาก็คงไม่ต้องสืบหาจุดอ่อนของอีกคนจนทำให้เจอกับนาวา ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการเล่นงานรามเขาก็จะไม่มีวันรับรู้ว่ามีนาวาอยู่บนโลก แต่ก็เพราะความแค้นนั่นแหละที่ทำให้พันเอกต้องเลือกทำร้ายนาวาทั้งที่เจ้าตัวไม่ผิดอะไรจนทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้

“แล้วพี่จะทำยังไงต่อไป ผมว่าเราจบเรื่องนี้กันเถอะ แก้แค้นไปพ่อกับแม่ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี” พระพายพูดเสียงอ่อน ดึงศีรษะคนเป็นพี่เข้ามากอดเอาไว้แนบอก พันเอกยกมือขึ้นโอบร่างน้องชายเอาไว้อย่างอ่อนล้า แนบแก้มกับแผ่นท้องของอีกคนอย่างต้องการที่จะพักใจ

“มันไม่จบง่ายๆหรอก อีกไม่นานรามมันก็จะกลับมาอีก” พันเอกพึมพำเสียงอู้อี้พลางนึกถึงใครอีกคนที่เขาสั่งให้ไปทำงานชิ้นสำคัญที่ภูเก็ตแต่จนป่านนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้ รู้ดีว่านั่นเป็นสัญญาณของความล้มเหลวแต่พันเอกก็ยังเลือกที่จะนิ่งดูดาย ปล่อยให้คนคนนั้นรับมือกับสิ่งที่อยู่ที่นั่นเพียงลำพัง

เขารู้ดีว่าส่องแสงทำไม่สำเร็จ เด็กนั่นฆ่ารามไม่ได้แต่ก็ไม่คิดที่จะทำอะไรหรือให้ความช่วยเหลือ ปล่อยให้คนที่นั่นจัดการลงโทษน้องชายต่างมารดาตามแต่ที่ต้องการโดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย

พันเอกเกลียดส่องแสง พอๆกับที่เกลียดราม

เขาอยากกำจัดลูกนอกสมรสของบิดา พอๆกับที่อยากจะกำจัดรามไปให้พ้นทาง

แต่ถึงจะเกลียดยังไง ลึกๆแล้วพันเอกกลับนึกกลัว เขากลัวว่าความผูกพันในอดีตที่มันแน่นหนามากกว่าที่คิดจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาจนสุดท้ายต้องกลายเป็นผู้แพ้อย่างจนหนทาง

“วันหนึ่งรามมันจะกลับมา และมันจะทำฉันเจ็บอีก”

“...”

“เมื่อสิบเอ็ดปีก่อนมันทำเราเจ็บยังไง ครั้งนี้มันก็จะทำอีก”

“พี่เอก...”

“ไม่ว่ายังไง ฉันจะไม่มีวันปล่อยนาวาให้กับใคร ต่อให้ต้องล่ามเด็กนั่นเอาไว้กับเตียง ขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ฉันก็จะทำ และต่อให้ต้องฆ่าไอ้รามอีกสักกี่ครั้ง ฉันก็จะทำ...ทำจนกว่ามันจะตายไปให้พ้นๆ” พันเอกพูดขึ้นเสียงดุดันพลางกระชับอ้อมกอดรัดร่างของพระพายแน่น ร่างเล็กเม้มปากกับคำพูดของผู้เป็นพี่ สัมผัสเย็นเยียบบริเวณแผ่นอกตอกย้ำถึงการมีตัวตนของใครอีกคนในความทรงจำ

พันเอกแค้น พระพายเองก็แค้นไม่ต่างกัน

พันเอกเจ็บ เขาเองก็เจ็บไม่ต่างกัน

เจ็บที่ลึกๆแล้วพวกเขาทั้งคู่ยังคงหวนนึกถึงความทรงจำวัยเยาว์ ความทรงจำที่มิตรภาพยังคงโอบล้อมอยู่รอบกาย ความทรงจำก่อนที่พวกเขาจะถูกตัดขาดออกจากกันเพียงเพราะการตายของผู้เป็นบุพการี

พันเอกยังผูกพันกับเพื่อนเก่า แม้จะแค้นแต่ความรักความผูกพันที่มีก็ตัดไม่เคยขาด ตัวพระพายเองก็เช่นกัน เขายังคงผูกพันกับเพื่อนสนิทของพี่ชายคนเดิมคนนั้นที่เคยมอบความสุขที่สุดในชีวิตให้ก่อนจะนำพาฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดมาให้

 

คนคนนั้น...คนที่ฉกชิงเอาทุกอย่างไปจากเขา

 

‘พี่รักน้องพายนะ’

‘รักเหมือนกัน พายรักพันเอกด้วย รักนายด้วย รักสิบด้วย พายรักทุกคน!’

‘ฮะๆ อ่ะ พี่ให้ แหวนวงนี้แทนคำสัญญา วันหนึ่งถ้าพายโตขึ้น พี่จะกลับมาพาเราไปอยู่ด้วย’

‘อื้อ พายจะตั้งตารอเลย’

‘ครับ งั้นขอคำสัญญาหน่อยสิ’

‘สัญญา? พายสัญญา!’

‘ไม่เอาเป็นคำพูด เอาสัญญาแบบอื่นสิ’

‘แบบไหนอ่า เราสัญญาแบบไม่ต้องพูดได้ด้วยเหรอ’

‘ได้ครับ ไม่ต้องใช้ปากพูด แต่สัญญาด้วยตัวของพายแทน ตกลงไหม’

‘ตกลง!’

 

ไม่เคยลืมแม้จะผ่านมานานกว่าสิบเอ็ดปี พระพายไม่เคยลืมเหตุการณ์วันนั้น

 

วันที่ตอกย้ำความโง่งมของเด็กคนหนึ่ง

 

วันที่หัวใจของเขาถูกเหยียบย่ำจนแหลกสลายกลายเป็นเพียงเถ้าธุลี

 

 

 

 

 

ในขณะที่สองพี่น้องของตระกูลกฤตภาสกำลังนั่งปลอบใจกันอยู่เงียบๆในห้องทำงาน ภายในห้องนอนของณะโมเองก็เงียบกริบไม่ต่างกัน นาวานอนคว่ำหน้าเอาหมอนปิดหัวอยู่บนเตียงกว้าง ยอมรับว่าโมโหจนลืมตัว ร่างโปร่งถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะนิ่งไปเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

“พี่วา” เป็นณะโมที่เข้ามา ร่างเล็กมองพี่ชายที่นอนคว่ำบนเตียงด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเดินเข้าไปวางมือบนแผ่นหลังของอีกคน

“ณะไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันหรอกนะ แต่พี่รู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นคนผิด” คนอายุน้อยกว่าเปิดประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม นาวาพยักหน้ากับหมอน

“ลงไปขอโทษพี่เอกเขาเถอะครับ พี่วาเสียมารยาทากเลยรู้ตัวไหม เรื่องมือถือน่ะ” ณะโมติติง นาวาหันขวับไปมองหน้าน้องชายก่อนจะอ้าปากเถียง

“ทีเขาทำผิดกับพี่ไม่เห็นเขาจะขอโทษสักคำ ดีแต่ทำร้าย เรื่องจูบนั่นก็อีกละ แล้วทำไมพี่จะต้องไปขอโทษเขา”

ณะโมยิ้มอ่อนๆกับคำเถียงของพี่ชาย นาวาน่ะเวลาโกรธหรือดื้อก็ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง งอแงนักล่ะรายนี้ แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกที่ณะโมจะเห็นพี่ชายหลุดมาดจนกลายเป็นเด็กไม่รู้ภาษาให้เขาต้องเอ่ยปากเตือน ก็คงถึงที่สุดจริงๆ

“แม่พรสอนอะไรกับเราพี่วาจำได้ไหม” คนตัวเล็กเอ่ยถึงผู้ดูแลประจำบ้านเด็กกำพร้าที่เคยอยู่ นาวานอนเงียบ ปล่อยให้น้องชายพาตัวขึ้นมานอนข้างกันและโอบกอดเอาไว้พลางกระซิบข้างหู

“ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิด แต่คนที่น่ายกย่องก็คือคนที่รู้ถึงความผิดของตัวเองและเอ่ยขอโทษออกมาด้วยความเต็มใจ”

“...”

“จริงอยู่ที่ณะไม่รู้ว่าพี่กับเขาทะเลาะอะไรกัน แต่เรื่องมือถือนั่นพี่เป็นฝ่ายผิด และคนผิดก็ต้องขอโทษนะครับ” ณะโมพูดขึ้นพลางไล้มือลงบนผิวแก้มของคนข้างกาย นาวาหลับตาลงอย่างอ่อนล้าก่อนจะเค้นเสียงพูดออกมาอย่างสั่นเทา

“ณะ พี่เหนื่อย”

“...”

“เหนื่อยมากเลย พี่เหนื่อยมากจริงๆ” นาวาพึมพำ น้ำเสียงอ่อนแรงอย่างน่าสงสาร ณะโมซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของพี่ชายพลางประสานมือลงกับมือขาวของอีกคนและบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

“ณะถามได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” คนเป็นน้องตัดสินใจถามในสิ่งที่ตนคลางแคลงใจมาเนิ่นนาน

“ที่พี่เอกเขาพูด ที่บอกว่าพี่วาเป็น...เอ่อ...เป็นของเขา มันหมายความว่ายังไง”

“...”

“ณะรู้ว่าทุกคนในบ้านกำลังกันณะออกจากเรื่องบางอย่าง แต่ความลับมันไม่มีในโลกหรอกนะพี่วา สักวันณะต้องรู้อยู่ดี บอกมาเถอะ” ณะโมวอนขอ ใช่ว่าเขาจะเป็นเด็กซื่อๆโง่ๆอย่างที่แสดงออกไป เขารู้ดีว่าบ้านหลังนี้และคนที่นี่ปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้แต่ก็เลือกที่จะทำตัวว่านอนสอนง่ายมาตลอดเพราะอีกฝ่ายให้โอกาสทางการศึกษาแก่เขา

ตั้งแต่ย้ายเข้ามา นาวาไม่เคยมีความสุข แม้พี่ชายเขาจะยิ้มแต่ก็เป็นยิ้มที่โรยราเสียเหลือเกิน ณะโมรู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร

“บอกณะมาเถอะ แล้วณะสัญญาว่าจะทำเป็นไม่รู้อะไรเหมือนอย่างที่เคยเป็น นะพี่วา” คนตัวเล็กกว่าอ้อนวอน นาวาเม้มปากแน่น ดึงร่างน้องเข้ามากอดแนบอกก่อนจะก้มลงจูบขมับเล็กหลายทีอย่างหวงแหน

“วันนั้นคนของเขายื่นข้อเสนอให้เรามาอยู่ที่นี่ ให้ณะได้เรียน มีที่อยู่หลังออกจากบ้านเด็กกำพร้า แลกกับการที่พี่ต้องทำงานให้เขา” ร่างโปร่งเริ่มต้นเล่าทุกสิ่งทุกอย่างพลางลูบหัวกลมของน้องชายแผ่วเบาราวกับกำลังเล่านิทานกล่อมน้องนอน

“ตอนแรกพี่ก็คิดว่าคงจะเป็นงานทั่วไป ขับรถ ดูแลบ้าน ทำสวนหรืองานบ้านจุกจิกอย่างที่คนที่จบแค่มอหกอย่างพี่พอจะทำได้ แต่ไม่ใช่ งานที่เขาจะให้พี่ทำมันมีมากกว่านั้น...”

“...”

“คุณพันเอกต้องการใช้พี่เป็นเครื่องมือแก้แค้นเพื่อนของเขาเพียงแค่เพราะว่าพี่เป็นคนที่ผู้ชายคนนั้นหลงรัก หึ ไม่มีเหตุผลสิ้นดี” ท้ายประโยคนาวาแค่นหัวเราะพลางพูดเสียงแข็ง ณะโมขมวดคิ้วมุ่นหลังจากจบประโยคของพี่ชายแต่ก็เลือกที่จะเงียบและฟังสิ่งที่นาวาเล่าต่อ

“เขาใช้พี่เป็นเครื่องมือทำให้ผู้ชายคนนั้นเจ็บปวดและอ่อนแอ เขาทำให้พี่ทรมานเจียนตายต่อหน้าผู้ชายคนนั้น ทำร้ายพี่อย่างเลือดเย็นและส่งผ่านความเจ็บปวดของพี่ไปให้อีกคนได้รับรู้ และแทนที่เมื่อทุกอย่างจบเขาจะปล่อยพี่ไป แต่ไม่ เขาล่ามพี่เอาไว้เหมือนขังหมาไว้ในกรง ตอกขาพี่ให้อยู่แต่ในบ้านหลังนี้ อยู่ใต้อำนาจของเขาโดยไม่รู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง”

“พี่วา”

“มันเจ็บมากณะรู้ไหม แต่สิ่งเดียวที่ยังทำให้พี่ยอมทนอยู่แบบนี้เพราะเขารับปากว่าณะจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าการออกไปเร่ร่อนอยู่ข้างนอก ณะจะได้เรียน มีเตียงอุ่นๆนอน มีเสื้อผ้าดีๆใส่ ได้กินของอร่อยๆครบทุกมื้อ”

“...”

“แค่นั้นมันพอแล้วสำหรับพี่ ต่อให้เขาจะร้ายใส่พี่แค่ไหน ทำตัวไม่มีเหตุผลใส่พี่มากเท่าไหร่แต่พี่ก็สาบานกับตัวเองว่าพี่จะทน ทนอีกแค่สามปีให้ณะเรียนจบมอปลายแล้วสอบชิงทุนให้ได้เพื่อที่เราจะได้ออกไปจากที่นี่ แต่มันก็เป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ...”

“...”

“การใช้ชีวิตกับคนที่ข่มขืนตัวเองมันไม่ง่ายเลยนะณะโม”

!!!!

“พี่ทำไม่ได้ ถึงตอนนี้เขาจะดีกว่าครั้งแรกที่เจอกัน แต่สิ่งที่เขาทำกับพี่มันทำให้พี่เกลียดการอยู่ใกล้เขา และพี่กำลังจะทนไม่ไหว”

“พี่อยากจะเห็นแก่ตัวพาเราทั้งคู่ออกไปเร่ร่อนข้างนอกหลายครั้ง อยากหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่ถ้าหนี เราก็ต้องหนีตลอดไปเพราะเขาบอกว่าจะไม่ปล่อยเราไว้ และอนาคตณะก็จะดับลงซึ่งพี่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้”

“พ...พี่วา”

ณะโมครางด้วยความอึ้งเมื่อเห็นแววตาเจ็บปวดฉายชัดอยู่บนใบหน้าของพี่ชาย ดวงตากลมร้อนผ่าวเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาที่พวกเขาอยู่ในบ้านหลังนี้ เขาไม่เคยรู้ว่านาวาต้องเจอกับอะไรและต้องทุกข์ทรมานแค่ไหน พี่ชายเขาอดทนกับคนพวกนี้มาได้ยังไงตั้งหลายเดือน ทำไมเขาถึงได้ละเลยความเป็นไปของนาวาจนทำให้พี่ต้องถูกทำร้ายแบบนี้

“พี่ขอณะแค่อย่างเดียว หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตั้งใจเรียนและสอบชิงทุนให้ได้ เรียนให้จบ หางานดีๆทำและพาพี่ออกไปจากที่นี่ ณะต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง ณะต้องไปให้ถึงจุดสูงสุด อย่าให้สิ่งที่พี่ทุ่มเททั้งหมดมันสูญเปล่า”

“แต่...”

“ได้โปรดณะโม มันอาจจะดูไม่มีหวัง อาจจะดูนาน แต่นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พี่อดทน พี่เสียความเป็นคนไปมากเพื่อแลกกับพื้นฐานการเรียนของณะ ให้ณะมีกำลังมากพอที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง ณะเรียนมหาลัยได้เมื่อไหร่นั่นเท่ากับว่าสิ่งแลกเปลี่ยนระหว่างพี่กับเขาจบลงแล้วและเราจะไป” นาวาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ทว่าณะโมกลับน้ำตาตก

“มันนานเกินไป สามปีนะพี่วา เราจะทนอยู่ที่นี่ได้นานขนาดนั้นได้ยังไง” ร่างเล็กเอ่ยขึ้น นาวากัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือดก่อนจะหลับตาลงและกอดน้องแนบอก

“แค่ตั้งใจเรียน ณะมีหน้าที่แค่นี้ ที่เหลือเป็นหน้าที่พี่ อย่าเอาตัวเองเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ พี่ขอแค่นี้”

“ฮึก...”

“ใช้เงินที่พวกเขาเสียไปกับเราให้มันคุ้มค่า ใช้มันซะณะโม ใช้ทรัพย์สินของคนพวกนี้ถีบตัวเองไปให้สูงที่สุด พี่ขอแค่นี้จริงๆ”

 

 

 

 

 

โรงพยาบาลประจำจังหวัดภูเก็ต

“อ้าวน้องเทียน มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ” เสียงของพยาบาลสาวที่ขึ้นเวรดึกเอ่ยทักร่างเล็กของส่องแสงที่เดินเข้ามาภายในโรงพยาบาลด้วยใบหน้าฉงน คนถูกทักหันไปมองสาวสวยในชุดสีขาวสะอาดตาพลางกัดปากแน่น ดวงตากลมตื่นตระหนกชั่วครู่ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลับมาอ่อนหวานตามเดิม

“คุณหมอนายอยู่ไหมครับพี่จันทร์” เอ่ยถามพยาบาลสาวพลางสอดส่ายสายตาไปโดยรอบ บรรยากาศเงียบเหงายามค่ำคืนส่งผลให้ภายในโรงพยาบาลดูวังเวงชอบกล หากแต่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์อย่างพวกเขาก็คงจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว

“คุณหมอกลับไปที่แฟลตจ้ะ เห็นว่าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะลงมาดูอาการคนไข้ห้องสองหนึ่งสามน่ะค่ะ น้องเทียนถามหาคุณหมอทำไมคะ”

“อะ...อ๋อ เปล่าครับ งั้นผมขอตัวกลับห้องก่อนนะครับพี่จันทร์” ส่องแสงรีบตัดบทเมื่อถูกถามพลางยกมือไหว้คนตรงหน้า ร่างเล็กหมุนตัวกลับเดินออกมา ฝ่ายพยาบาลสาวก็ได้แต่ยืนงุนงงกับเด็กหนุ่มก่อนจะยักไหล่และก้มลงทำงานของตัวเองต่อ

เมื่อเห็นว่าพยาบาลที่ขึ้นเวรอยู่สาละวนกับการกรอกข้อมูลคนไข้ย้อนหลังและตรวจเช็คข้อมูลบางอย่างในคอมพิวเตอร์ ส่องแสงก็อาศัยจังหวะนั้นเดินปรี่เข้าไปยังส่วนของห้องพักสำหรับคนไข้ จุดมุ่งหมายคือห้องพักพิเศษ 213 ซึ่งมีป้ายชื่อของคนไข้ติดเอาไว้หน้าห้อง

‘ราม กลทีบ์’

มือขาวหมุนลูกบิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็วก่อนจะปิดมันลงแผ่วเบา ความมืดด้านในเป็นสิ่งแรกที่เด็กหนุ่มสัมผัสได้ ส่งแสงใช้เวลายืนนิ่งอยู่นานกว่าจะปรับสายตาให้ชินพลางเดินเข้าไปใกล้คนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดแทบจะไร้สีเลือด ร่างกายที่เคยกำยำล่ำสันเริ่มจะซูบผอม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนบนเตียงยังคงหลับใหล สายระโยงรยางค์ที่ส่องแสงเคยเห็นตอนมาอยู่ที่นี่แรกๆหายไป รามในตอนนี้เหมือนคนที่กำลังนอนหลับ คะเนจากสายตาคร่าวๆส่องแสงคิดว่าคนตรงหน้าคงอาการดีขึ้นมากและกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว

 

จะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้

 

เขาต้องฆ่าราม

 

“พี่ราม เทียนขอโทษ” กลีบปากอิ่มพึมพำเสียงแผ่วเบา มือข้างหนึ่งล้วงเอาเข็มฉีดยาที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาถือไว้แน่น ตากลมทอดมองร่างใหญ่ที่นอนนิ่งของอีกคนพลางขยับปลายเข็มไปที่สายน้ำเกลือของคนตรงหน้า ชั่วขณะที่กำลังจะแทงเข็มเข้าไป ความทรงจำในวัยเยาว์ก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างจะเริ่มขึ้นก็ฉายชัดขึ้นมาราวกับเดจาวู

 

‘ฮืออออออ’

‘เทียนเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ’

‘พี่เอกตีเทียน ฮึก เทียนโดนตี ฮือออ’

‘ขวัญเอ๊ยขวัญมา มาหาพี่รามเร็วคนเก่ง มาให้พี่รามกอดหน่อย...มึงตีน้องทำไมเนี่ยเอก’

‘น้องสอบตกคณิตศาสตร์ กูอุตส่าห์สอนคูณเลขหารเลขซะดิบดี ตกได้ไงก็ไม่รู้ สอนไม่รู้จักจำ’

‘ฮือออ’

‘เฮ้ย น้องเพิ่งจะกี่ขวบเอง มึงนี่...โอ๋ๆ เด็กดีของพี่ราม ไม่ร้องนะครับคนเก่ง’

‘ฮึก เทียนไม่เก่ง เทียนไม่อยากเรียนหนังสือแล้ว’

‘เน้ แค่โดนตีแค่นี้ไม่อยากเรียนเชียว ไม่เอาครับ สอบครั้งหน้าเอาใหม่เนาะ เดี๋ยวพี่สอนเอง คราวนี้เอาคะแนนเต็มให้พี่เอกเหวอไปเลย’

‘ฮึก ต...แต่เทียนโง่’

‘ทุกคนต้องเคยโง่ก่อนถึงจะฉลาดได้ไง ถ้าเทียนตั้งใจแล้วสอบผ่าน เดี๋ยวพี่จะให้ขี่คอ’

‘จริงนะ...’

‘จริงจ้า ทีนี้หยุดร้องไห้ได้แล้ว ดูสิ ตาแดงจมูกแดงหมด ลูกหมูเอ๊ย หึหึ’

‘ไม่ใช่ลูกหมูซะหน่อย!!!!’

‘ใช่สิ ทำไมจะไม่ใช่ ลูกหมูตัวอ้วนของพวกพี่นี่แหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ’

 

“ฮึก เทียนขอโทษ” ส่องแสงสะอื้นแผ่วเบาพลางกำเข็มในมือแน่น ดวงตากลมฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตา เขารักรามเหมือนที่รักพันเอก แม้ในวันที่รับรู้ว่าคนตรงหน้าฆ่าพ่อของเขาเทียนก็ยังเทิดทูนบูชารามเหมือนเดิม คนตรงหน้าคอยปลอบเวลาที่เขาถูกพันเอกหรือคนอื่นๆแกล้ง คอยสอนการบ้าน คอยให้ส่องแสงขี่คอ อีกทั้งยังเป็นคนเดียวที่จำวันเกิดของเขาได้และมีของขวัญวันเกิดให้ทุกปี

 

เขารักรามเหมือนคนในครอบครัว

 

และตอนนี้ส่องแสงกำลังจะต้องทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต

 

เขากำลังจะฆ่าหนึ่งในคนที่เขารักมากที่สุด

 

“ผมขอโทษ...”

.

.

.

 

แกร๊ก

 

“ทำอะไร!!!!”

 

!!!!

 

“นายกำลังจะทำอะไรไอ้ราม...”

 

“พ...พี่นาย” ร่างเล็กเอ่ยชื่อของผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เข็มในมือร่วงหล่นลงพื้นด้วยความตกใจ นารายณ์ก้มลงมองสิ่งที่ตกลงพื้นก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองใบหน้าซีดเผือดของคนตรงหน้าพลางขบกรามแน่น สองเท้าของนายแพทย์หนุ่มย่างสามขุมเข้าหาร่างเล็กที่ลนลานอยู่ข้างเตียงคนป่วย

“ไอ้พันเอกส่งมาสินะ”

“ผ...ผมขอโทษ มันจำเป็น ขอโทษ”

“ระยำเอ๊ย!”

“อ๊ะ! พี่นายปล่อย!” ร่างเล็กร้องเสียงหลงเมื่อถูกร่างสูงตรงหน้ากระชากตัวเข้าหา นารายณ์จ้องหน้าหวานดวงตาวาวโรจน์ดุดัน หลงนึกว่าส่องแสงจะเป็นกลาง แต่สุดท้ายคนตรงหน้าก็เลือกอยู่ข้างพันเอกและทำร้ายรามได้ลงคอ

“พี่ผิดหวังในตัวนายมากนะเทียน ทั้งที่รามมันรักมันเอ็นดูนายมาตลอด แต่สิ่งที่ตอบแทนคือแบบนี้งั้นเหรอ!” นารายณ์เค้นเสียงถาม สองมือบีบต้นแขนเล็กเต็มแรงจนส่องแสงถึงกับร้องประท้วง

“พี่นาย เจ็บ”

“มานี่เลยไอ้ตัวดี เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว!” นายแพทย์หนุ่มคำรามเสียงกร้าว สองมือลากคนตัวเล็กให้เดินตามออกไปจากห้อง ส่องแสงส่ายหน้าหวือ ขืนตัวเต็มกำลังไม่ยอมขยับตามแรงดึงของอีกคน แต่สุดท้ายแรงของคนตัวสูงใหญ่กว่าก็ย่อมชนะแรงของอีกคนที่มีเพียงน้อยนิด ไม่นานร่างเล็กก็ถูกนายแพทย์หนุ่มลากออกไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น ทิ้งเข็มฉีดยาให้แน่นิ่งอยู่บนพื้นพร้อมกับร่างของนายหัวแห่งเกาะนาคาน้อยที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียง

 

แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ท่ามกลางความเงียบงันมืดมิดที่โอบล้อมโดยรอบ นิ้วเรียวยาวได้รูปที่มีแหวนสีเงินสวมอยู่ที่นิ้วก้อยก็ขยับแผ่วเบา พร้อมกับเปลือกตาสีเนื้อที่ค่อยๆปรือเปิดขึ้นอย่างช้าๆ

“นา...วา...”

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ร่างเล็กของส่องแสงถูกนารายณ์ลากกลับมายังแฟลตที่ตั้งอยู่บริเวณหลังโรงพยาบาล คราแรกคนตัวบางขืนตัวเอาไว้สุดกำลัง ปากก็อ้อนวอนร้องขอให้นารายณ์ไว้โทษด้วยความตื่นตระหนก แต่ร่างสูงกลับทำเพียงเอ่ยปากขู่ให้ส่องแสงปิดปากและเดินตามมาอย่างเงียบๆถ้าไม่อยากเจ็บตัว และแน่นอนว่าคนอายุน้อยกว่าไม่เชื่อฟัง ยังคงเปิดปากอ้อนวอนต่อไปจนกระทั่งถูกนารายณ์ปิดปากเอาไว้ด้วยปากของเจ้าตัวเอง

พอถูกจูบคนตัวเล็กก็นิ่งสนิท ก้มหน้าก้มตากัดปากแน่น สองขาเดินตามแรงลากถูลู่ถูกังของนารายณ์มายังห้องพักที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้บุคลากรภายในองค์กร เมื่ออยู่ลำพังในที่ส่วนตัวส่องแสงก็ถูกอีกคนซักฟอกเรื่องราวทั้งหมด คนอายุน้อยกว่าจำใจต้องเล่าความจริงทุกอย่างออกไปด้วยความหวาดกลัว แต่ไหนแต่ไรมาในช่วงที่ทั้งสี่ตระกูลยังคงสนิทชิดเชื้อไม่มีเรื่องบาดหมางกันนั้น ตัวเขามักจะหวาดกลัวนารายณ์และพันเอกมาแต่เด็ก ด้วยเพราะส่องแสงถูกสองคนนั้นกลั่นแกล้งตามประสาวัยคะนองอยู่เป็นประจำ จะมีก็แต่รามเท่านั้นที่คอยดูแลเขาในขณะที่สิบตรีทำเพียงแค่มองอยู่ห่างๆอย่างเงียบๆ

เมื่อครั้งยังเด็กพันเอกชอบดุที่เขาเรียนได้ไม่ดีพอ บางครั้งก็ลงมือตีหากคะแนนของส่องแสงไม่เป็นที่น่าพอใจ ในขณะที่นารายณ์นั้นชอบพาเขาไปเจ็บตัว แกล้งให้ล้มหรือชอบพาไปเล่นอะไรพิเรนทร์เกินกว่ากำลังของพวกเขา สารพัดอย่างจนส่องแสงต้องมีแผลกลับบ้านทุกวัน

เขาจำได้ดีว่าเมื่อก่อนตนเองกลัวการเข้าใกล้นารายณ์มากแค่ไหน แต่พอเติบโตขึ้นมาสักพักพวกเขาก็ห่างเหินกันไปเพราะอีกฝ่ายเรียนหนักเพื่อเตรียมตัวสอบแพทย์ และไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องระหว่างพันเอกกับรามจนความสัมพันธ์ของพวกเขาแตกหักออกเป็นสองฝั่ง

 

ตั้งแต่นั้นส่องแสงก็ไม่ได้พูดคุยกับนารายณ์หรือรามอีกเลย อาจจะมีพบเจอสิบตรีและทักทายกันบ้าง แต่กับร่างสูงตรงหน้า พวกเขาทั้งคู่กลายเป็นคนแปลกหน้ากันตั้งแต่นั้นจนกระทั่งส่องแสงสอบติดแพทย์ในมหาวิทยาลัยเดียวกับที่นารายณ์เรียนอยู่ นอกจากนี้นารายณ์กับเขายังเป็นสายรหัสกันอีกด้วย และสิ่งที่เขาไม่เคยลืมเลยคือช่วงที่เพิ่งเข้าไปเรียนปีหนึ่งใหม่ๆ ตอนนั้นได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับเขาและนารายณ์ เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ส่องแสงเลือกที่จะดรอปเรียนเอาไว้ละรอจนกว่านารายณ์จะจบออกไปเขาถึงกลับเข้าไปเรียนใหม่อีกครั้ง หลีกเลี่ยงการพบเจอกับคนตรงหน้าเท่าที่จะทำได้

 

พวกเขาทั้งคู่เผลอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันในคืนเลี้ยงสายรหัส

 

ส่องแสงจำได้ดีว่าตกใจมากแค่ไหนที่ตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยเปล่า ข้างกายมีร่างขาวสมส่วนของนารายณ์หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ อาการเจ็บยอกตามร่างกายและเศษถุงยางที่ใช้แถวมากกว่าสามชิ้นบนพื้นยืนยันได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้า แม้เขาจะไม่ใช่ผู้หญิงและไม่คิดจะทวงถามความรับผิดชอบหากแต่แววตาและคำพูดผลักไสไล่ส่งของนารายณ์ก็ทำให้ส่องแสงเลือกที่จะดึงตัวเองออกจากการพบเจอกับนารายณ์ในที่สุด และตั้งแต่คืนนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พบกันอีกเลย

 

จนกระทั่งวันที่ส่องแสงถูกพันเอกสั่งให้มาฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้

 

“ผมขอโทษ แต่ผมจำเป็นต้องทำ” ส่องแสงเอ่ยขอโทษเสียงเบาหลังจากเล่าทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟังจนจบ นารายณ์ยืนนิ่งทอดสายตามองร่างบอบบางที่นั่งตัวสั่นบนเตียงกว้าง แววตาดุดันกวาดมองร่างตรงหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก

“รู้ไหมว่าไอ้เอกมันเห็นนายเป็นแค่หมารับใช้”

“...”

“มันเกลียดนาย อยากจะฆ่านายให้ตายไปให้พ้นๆ มันไล่นายออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมา จำสิ่งที่มันทำได้ไหม” คุณหมอหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันทำเอาอีกฝ่ายกัดฟันแน่นแต่ก็ยังคงนั่งเงียบไม่ยอมปริปาก

“อยากให้มันยอมรับงั้นเหรอ อยากให้มันมองนายเป็นน้องชายเหมือนเมื่อก่อนเหรอ หึ โง่มากเทียน มันเป็นความคิดที่โง่มาก นายรักไอ้เอกมากขนาดกล้าฆ่าไอ้รามมันลงเลยสินะ”

ส่องแสงเม้มปากแน่นพลางเบือนหน้าหนีกับประโยคที่อีกคนเอ่ยกับเขา ทางด้านนารายณ์เองก็ได้แต่ก้มลงมองร่างเล็กที่นั่งไหลงองุ้มพลางสะกดกั้นอารมณ์โมโหเอาไว้ กลีบปากคู่สวยเอ่ยถามส่องแสงด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกพาให้อีกคนใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“พี่จะทำยังไงกับคนที่จ้องจะฆ่าเพื่อนพี่ดี นายคิดว่ายังไง? ส่งให้ตำรวจดีไหม หรือส่งกลับไปให้ไอ้เอกมันเฆี่ยนนายให้ตาย”

“...”

“หึ มาคิดๆดูแล้ว ส่งนายกลับไปหาไอ้เอกก็ดูจะทำร้ายจิตใจคนคุ้นเคยกันไปหน่อยว่าไหม” คุณหมอหนุ่มเอ่ยพลางแสยะยิ้มเมื่อหวนนึกถึงความทรงจำเมื่อวันวาน ร่างสูงก้าวเดินเข้าคนตัวเล็กที่ถอยหนีอย่างอัตโนมัติ ไม่กี่อึดใจส่องแสงก็ถูกกระชากเข้าปะทะกับกายแกร่งกำยำเต็มแรง กลีบปากอิ่มหวีดร้องเสียงหลงในขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะอย่างชอบใจ

นารายณ์มีความสุขเสมอเมื่อเห็นคนตรงหน้าถูกต้อนให้จนมุม

“มารำลึกความหลังกันหน่อยดีกว่า ยังจำได้ไหมว่าคืนนั้นเราครางเรียกชื่อพี่ไปกี่ครั้ง”

!!!!

“ม...ไม่ พี่นาย ปล่อย! อื้อ!...” เสียงร้องขัดขืนถูกริมฝีปากของร่างสูงดูดกลืนให้หายกลับลงไปในลำคอ ร่างเล็กตัวสั่นสะท้านเมื่ออีกฝ่ายคุกคามหนัก ข้อมือคู่สวยทั้งผลักทั้งดันแผงอกแกร่งของนารายณ์เต็มแรงหากแต่ก็ไร้ประโยชน์

สุดท้ายด้วยพละกำลังที่ด้อยกว่าและสรีระร่างกายที่แตกต่างกันมากเกินไปก็ทำให้ร่างเล็กตกอยู่ใต้อาณัติของนารายณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสียงสะอื้นดังผะแผ่วท่ามกลางจังหวะรักที่ถูกบรรเลงขึ้นอย่างเอาแต่ใจ คุณหมอหนุ่มที่เหล่าพยาบาลและคนไข้เคยชื่นชมว่าใจดีและเป็นสุภาพบุรุษบัดนี้ไม่ต่างอะไรไปจากปีศาจร้าย สองมือฉีกทึ้งอาภรณ์ของร่างเล็กจนส่องแสงเปลือยเปล่า เรียวขาขาวถูกคนบนร่างบังคับให้แยกออกกว้างก่อนที่ส่องแสงจะน้ำตาตกเมื่ออีกฝ่ายขยับกายผนึกร่างเข้าหาอย่างรุนแรงราวกับเขาเป็นเพียงตุ๊กตายางที่มีไว้เพื่อระบายอารมณ์ใคร่

นารายณ์หยัดร่างลงลึกฝากฝังแก่นกายเข้าออกภายในช่องทางอุ่นร้อนอ่อนนุ่ม แรงบีบรัดที่บ่งบอกว่าตั้งแต่คืนนั้นจนถึงวันนี้ส่องแสงไม่เคยทอดกายให้ผู้ใดทำเอาหัวใจของร่างสูงเต้นระส่ำไปทั่วทั้งอก ความต้องการทางร่างกายทบทวีขึ้นพร้อมๆกับความหวงแหนที่ผุดขึ้นภายในจิตใจ ดวงหน้าน่ารักแดงก่ำ ริมฝีปากอิ่มขบกัดเข้าหากันจนแน่นในขณะที่แก้วตาคู่ใสเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาดูน่ามองนักในความคิดของเขา

คิดถึงมากเหลือเกิน

เขาคิดถึงร่างนี้มากจริงๆ

 

“อึ่ก อ๊ะ...”

 

Rrrrrr

 

“อาาาา”

“ฮึก พี่นาย...ป...ปล่อย”

 

Rrrrrrrrr

 

“อื้อ พะ...พี่นา...อึ่ก”

“ซี๊ดดดดด”

 

Rrrrrrrrrrrrrr

 

“ฮึ่ม! ใครแม่งโทรมาตอนนี้วะ!!!!” ชายหนุ่มสบถออกมาเสียงแข็งกร้าวด้วยความหงุดหงิดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของนางพยาบาลที่จำได้ว่าเขาเคยมีสัมพันธ์ด้วยก็ตั้งใจที่จะตัดสายทิ้ง หากแต่ด้วยความเป็นหมอก็ทำให้นารายณ์เลือกที่จะกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

“ครับคุณน้ำ”

[หมอนายคะ คนไข้ห้องสองหนึ่งสามรู้สึกตัวแล้วค่ะ!!!]

“!!!”

[รบกวนคุณหมอลงมาที่ตึกสักครู่ได้ไหมคะ คือ...คนไข้เอาแต่ถามหาคุณหมอน่ะค่ะ]

“ครับ เดี๋ยวผมจะรีบลงไป” ชายหนุ่มพูดจบพร้อมกับกดตัดสาย นารายณ์วางโทรศัพท์ลงบนที่นอนก่อนจะปรายตามองร่างแน่งน้อยที่หอบสะท้านใต้ร่าง สองมือเท้าแขนลงกับเตียงพลางจ้องใบหน้าของส่องแสงด้วยดวงตาพราวระยับก่อนจะยกยิ้มชอบใจ

“เสียใจด้วยนะเทียนที่งานของนายไม่สำเร็จ ตอนนี้รามฟื้นแล้ว” ร่างสูงพูดพลางดึงกายออกจนเกือบสุดก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปใหม่เต็มแรงจนคนด้านใต้หวีดร้องเสียงหลง

“อ๊ะ! จะ...เจ็บ ฮึก ผมเจ็บ”

“รอพี่อยู่ที่นี่ ห้ามหนีไปไหนเหมือนครั้งก่อนอีก ไม่อย่างงั้นจะมาหาว่าพี่ใจร้ายไม่ได้นะครับ...เด็กดี” คุณหมอหนุ่มทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบก่อนจะดึงร่างออกอย่างรวดเร็วจนส่องแสงผวาเฮือก นารายณ์จ้องมองช่องทางรักที่บอบช้ำด้วยดวงตาวาวโรจน์ก่อนจะยกยิ้ม ชายหนุ่มขยับตัวขึ้นไปจูบซับขมับเล็กของคนตรงหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เสื้อกาวน์สีขาวที่วางพาดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลถูกหยิบขึ้นมาสวมพร้อมกับสองมือที่จัดการกับซิปกางเกงที่ถูกปลดลงก่อนหน้า ชายหนุ่มก้าวไปยังประตูห้องพลางเปิดออก ดวงตาดำขลับเลื่อนกลับมามองคนบนเตียงเพียงเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปจากห้องพร้อมกับปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา

เมื่อบานประตูปิดลงความเงียบสงัดก็โอบล้อมบรรยากาศโดยรอบ ส่องแสงขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะค่อยๆเคลื่อนกายลงจากเตียง หากทว่าพอเท้าเล็กแตะพื้นร่างทั้งร่างก็ทรุดฮวบลงอย่างอ่อนแรง หัวเขาเล็กกระแทกกับพื้นห้องจนเกิดเสียง ร่างบางเม้มปากแน่นพลางน้ำตาตก ความเจ็บจี๊ดจากหัวเข่าและความรู้สึกเจ็บเสียดที่ช่องทางด้านหลังหลอมรวมให้ชายหนุ่มปล่อยน้ำตาให้ไหลเอื่อยลงอาบแก้ม สองขาชันเข่าขึ้นและโอบกอดเอาไว้แน่น ดวงหน้าขาวซบลงกับหัวเข่าก่อนจะนั่งร้องไห้อย่างเงียบๆ ฟันขาวขบกัดเข้าหากันแน่นและบอกตัวเองให้อดทนกับสิ่งที่ได้พบเจอ

ให้คิดเสียว่าเป็นฝันร้ายอย่างหนึ่งที่ต้องเจอ

แล้วสักวันทุกอย่างจะต้องดีขึ้น

สักวัน...

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

เฮียเอกโดนแย่งซีนอีกแล้ว 55555555555555555555
เจอกันใหม่ตอนหน้านะจ๊ะ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ฝ่ายพระเอกมีแต่นิสัยร้ายๆ  :katai1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้ออออ  หน่วงได้ทุกตอนจริงๆๆๆๆ  ไม่รุ้จะใจแข็งอ่านได้ถึงไหน เศรัาา ทุกตัวละครเลยย  :m15: :m15: :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 843
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
เรื่องของเฮียเอกเริ่มดีขึ้น แต่เรื่องของพี่นายนี่..  :mew6:

ออฟไลน์ ChinaGirlKrt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หน่วงทุกตอนจริงๆ  :m15:

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
อ่านแรกๆชอบรามนะแต่ตอนนี้หมั่นไส้ล่ะ ตายซะก้ดี นายคือคนทำให้พะพายเสียใจจจจ :m16:

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เพิ่งเห็นว่าเอามาลงในนี้ด้วย
เราเคยอ่านค้างไว้ในอีกที่ แต่ลืมเซฟลิ้งค์ไว้ ;___;
กลับมาอ่านกี่รอบก็ไม่ชอบพันเอก แงงงงงงง ใจร้ายยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :hao5:   ดีใจสุดๆ   ในที่สุดก็อัพสักที  เค้ารอนานมากเลยรู้ไหม  :hao5: :hao5:

สงสารนาวา ตอนที่เล่าทุกอย่างให้น้องชายฟัง เราเองน้ำตาไหลเลย  :hao4:

ขอให้นาวา ผ่านเรื่องราวไม่ดีไปได้เร็วๆด้วยเถิด   อิพันเอก เลิกปากแข็ง แล้วสารภาพรักซะนะ :angry2:

ออฟไลน์ boommerang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
คุณคนเขียนทำเราค้างอีกแน่ๆๆ.

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
กรี๊ดดดดดดดดดดดดมาอีกคู่แล้ว งือออออออไม่นะๆๆๆ รู้ไหมว่ามันค้าง!!!/ผิด
อะเฮือกกก เอกเอ้ยเอกหมดเเล้วมาดเอ็งอ่ะ :z13:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ชีวิตนายเอกทุกคนดาม่าไปไหม จะรักกันได้จริงๆหรอ ทำร้ายกันขนาดนี้

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ ๑๖ : สองฟากของกำแพง - ๑ -



“รู้สึกยังไงบ้าง” นารายณ์ถามร่างสูงของรามด้วยน้ำเสียงเครียดก่อนจะใช้สเต็ทโตสโคปแนบอกของคนตรงหน้าพลางจับชีพจรของคนที่หลับไปนาน

“เวียนหัว จะอ้วก” นายหัวหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งก่อนจะคว้าเอาน้ำเปล่าขวดที่สามขึ้นมาดื่ม นารายณ์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่ออาการของรามไม่มีอะไรน่าวิตกนักนอกจากขาดสารอาหารเพราะต้องสอดท่อให้อาหารตลอดเวลาที่คนตรงหน้ายังไม่ได้สติ

“อาการปกติของคนที่หลับไปนานนั่นแหละ มึงขาดสารอาหารด้วย เดี๋ยวกูให้ยาเจริญอาหารแล้วก็ยาบำรุงเลือดแล้วก็นอนพักฟื้นจนกว่าจะแข็งแรงถึงจะให้ออกนะ”

“กูหลับไปนานแค่ไหน” รามถามเสียงราบเรียบ ความทรงจำก่อนที่จะหยุดการรับรู้ค่อยๆก่อร่างสร้างตัวเข้ามาในโสตประสาทจนรู้สึกปวดหัว นารายณ์มองเพื่อนอย่างเป็นห่วงก่อนจะตอบเสียงนิ่งเรียบ

“นานพอดู กูเองก็ไม่ได้นับ ตอนแรกมึงเกือบจะไม่รอดแล้วด้วยซ้ำ”

“แล้วช่วงที่กูหลับมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง” นายหัวหนุ่มถามขึ้นพลางหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของนารายณ์ด้วยดวงตาจริงจัง คุณหมอหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ข้างเตียงมานั่งพลางจ้องใบหน้าซีดเซียวของคนบนเตียงไม่วางตา

“ไอ้เอกจะซื้อเกาะของมึงแต่ไอ้สิบไม่ยอมขาย ส่วนคุณวา เห็นไอ้สิบบอกว่าชวนเขาหนีแล้วแต่คุณวาไม่ยอมหนีเพราะติดน้องชาย”

“...”

“ตอนนี้ก็ดูจะยักแย่ยักยันอยู่กับไอ้เอกในบ้านนั่นแหละ แต่มันก็ไม่ทำร้ายอะไรคุณวาเขา ออกจะดูแลดีด้วยซ้ำ”

“หึ เพราะมันทำระยำกับวาเอาไว้จนไม่รู้จะทำเหี้ยอะไรแล้วไงนาย” รามสวนพลางกำหมัดแน่น นารายณ์ตบแขนเพื่อนให้ใจเย็นก่อนจะเอ่ยต่อ

“เรื่องคุณวาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องเทียนนี่สิที่กูห่วง” จบประโยคของคุณหมอตัวสูงรามก็หันขวับกลับมามองหน้าเพื่อนพลางขมวดคิ้วแน่น

“เทียนทำไม เป็นอะไร” ร่างสูงถามด้วยความเป็นห่วง รามรักส่องแสงเหมือนน้องชายคนหนึ่งเพราะน้องน่าสงสาร จำได้ว่าหลังจากเกิดเรื่องที่เขาฆ่าบิดามารดาของพันเอกส่องแสงกับคุณปานดาวผู้เป็นมารดาก็ถูกพันเอกไล่ออกจากบ้าน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาเองก็มีสภาพร่อแร่ ต้องหลบลงมาอยู่ภาคใต้จึงไม่ได้ติดต่ออะไรไปหาอีกคน และก็ไม่ได้เจอส่องแสงอีกเลยหลังจากนั้น

“ไอ้เอกมันใช้ให้เทียนมาฆ่ามึง และน้องก็ทำ”

!!!

“ตอนนี้น้องอยู่บนห้องกู อยากคุยไหมกูจะโทรตาม” นารายณ์เอ่ยขึ้นในขณะที่รามยังคงอึ้งอยู่ ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นพลางส่ายหน้าไปมา

“ยังดีกว่า กูยังไม่พร้อมจะเจอใครตอนนี้”

“อืม”

“เดี๋ยวนะ...ทำไมน้องไปอยู่ที่ห้องมึง?” รามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดันจนนารายณ์ชะงัก คุณหมอหนุ่มเสตาหลบการคุกคามทางสายตาของรามก่อนจะตอบ

“ไว้เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”

“ถ้าเป็นอย่างที่กูคิดนะไอ้หมอ กูออกจากโรง’บาลเมื่อไหร่กูกระทืบมึงจมตีนแน่” รามยกมือขึ้นชี้หน้าเพื่อนพร้อมกับเอ่ยเสียงอาฆาตทำเอานารายณ์ถึงกับหลุดขำ ร่างสูงส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนจะถามรามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“แล้วเรื่องคุณวากับไอ้เอกละ มึงจะทำยังไงต่อไป”

“...” นายหัวหนุ่มถึงกับเงียบเมื่อเจอคำถามนี้ ใบหน้าหล่อเหล่าทว่าซีดเซียวเคร่งขรึมลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่รามจะเอนตัวลงนอนและจ้องแหวนเงินเกลี้ยงเกลาที่สวมอยู่บนนิ้วก้อยข้างซ้ายของตนเองด้วยแววตาว่างเปล่า

“เอาวาคืนมาและจบเรื่องเหี้ยๆนี้ซะ”

“มันไม่ง่ายมึงก็รู้” นารายณ์เอ่ยเสียงเครียด พันเอกไม่มีทางยอมคืนนาวาให้รามง่ายๆแน่ เขาเอาหัวเป็นประกันได้เลย

“ในเมื่อมันไม่ยอมให้ดีๆเราก็ต้องหาของไปแลก” นายหัวหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางยกยิ้มมุมปากในขณะที่นารายณ์ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

“มึงหมายความว่ายังไงราม มึงมีอะไรไปต่อรองกับมันด้วยหรือไง”

“หึหึ ทำไมจะไม่มีล่ะ”

“...”

“ก็หัวใจของพันเอก กฤตภาสนั่นไง”

“หัวใจ?”

“ใช่ หัวใจ พระพายคือหัวใจของมัน”

“นี่มึงคงไม่คิด...”

“ในเมื่อมันทำร้ายคนที่กูรักได้ กูก็ทำร้ายคนที่มันรักยิ่งกว่าชีวิตได้เหมือนกัน...”





หลายอาทิตย์ต่อมาหลังจากเหตุการณ์วันนั้นทั้งนาวาและณะโมก็เงียบลงไปจนทุกคนสังเกตได้ ณะโมจากที่เคยร่าเริงก็ไม่พูดไม่จากับใคร ทั้งที่พระพายพยายามเข้าไปพูดคุยอยู่หลายครั้งแต่เด็กหนุ่มก็ทำเพียงแค่ยกยิ้มแกนๆและขอตัวกลับขึ้นห้อง ส่วนนาวาเองก็ยังคงทำงานบ้านเหมือนอย่างเคยแต่ก็พูดน้อยลงกว่าเดิมมาก อาการของสองพี่น้องสร้างความลำบากใจให้แก่คนในบ้านเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประมุขของบ้านอย่างพันเอก

วันที่เกิดเรื่องนาวาเดินมาขอโทษเขาเรื่องโทรศัพท์ก่อนจะขนเสื้อผ้าย้ายกลับไปนอนกับน้องชาย พันเอกอยากจะรั้งตัวของอีกฝ่ายเอาไว้แต่เพราะยังมีความผิดติดตัวจึงได้แต่มองตามแผ่นหลังของอีกคนไปอย่างเงียบๆ นาวาพูดกับเขานับคำได้ ถามคำตอบคำและมีเพียงสีหน้าเย็นชาใส่กันจนพันเอกอึดอัดไปทั่วทั้งอก

“เห็นนาวาไหม” ร่างสูงเอ่ยถามสันต์ที่วันนี้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถแทนพายุที่มีธุระต้องไปทำ คนถูกถามโค้งตัวให้พันเอกเล็กน้อยก่อนจะลอบมองใบหน้าทรุดโทรมของผู้เป็นนายด้วยความสงสารจับใจ

“อยู่กับน้ำอุ่นครับ เห็นว่ากำลังคุยเรื่องฝากท้องอยู่ที่เรือนด้านหลัง”

“เหรอ...” พันเอกตอบรับเสียงเบาพาให้ลูกน้องถอนหายใจ

“นายยังไม่ปรับความเข้าใจกับคุณวาอีกเหรอครับ” สันต์ถามขึ้นพลางลอบมองปฏิกิริยาของอีกคน พันเอกส่ายหน้าไปมาช้าๆก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถคันหรูโดยมีบอดี้การ์ดหนุ่มก้าวเข้ามาประจำที่นั่งคนขับในเวลาไล่เลี่ยกัน

“อยู่แบบนี้น่าอึดอัดออกนะครับคุณเอก ผมว่าลองไปคุยกับคุณวาดูหน่อยไหม”

“จะให้ไปคุยอะไรละสันต์ ระหว่างเรามันไม่ได้ดีมาตั้งแต่ต้น ตัวฉันเองยังไม่อยากจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองเลย” พันเอกพูดขึ้นพลางหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า

“คุณเอกยังคิดจะใช้คุณวาแก้แค้นรามอยู่อีกไหมครับ” สันต์เอ่ยถามพลางค่อยๆออกรถ พันเอกลืมตาจ้องมองเพดานหลังคารถอย่างเงียบงันก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่รู้สิ นอกจากการทำร้ายหัวใจมันยังมีอะไรที่ฉันทำได้อีกเหรอ” ผู้เป็นเจ้านายย้อนถามจนบอดี้การ์ดหนุ่มเงียบไป

“นั่นสินะครับ” ร่างสูงเอ่ยพึมพำเสียงเบาก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป นายของเขาพูดถูก นอกจากการทำลายหัวใจของรามด้วยการย่ำยีนาวาต่อหน้าแล้วเขาก็ไม่เห็นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“ฉันส่งคนไปตามฆ่ามันแล้ว ฉันถือว่าตัวเองได้แก้แค้นในส่วนของครอบครัวไปแล้ว ถ้ามันตายก็นับว่าเรื่องจบ”

“คุณเอกก็ทราบดีว่าคุณเทียนไม่มีวันฆ่าผู้ชายคนนั้นได้ ทำไมถึงยังส่งคุณเทียนไปภูเก็ตละครับ” สันต์เอ่ยถามในสิ่งที่ตนสงสัยมาตลอดอย่างกล้าๆกลัวๆ พันเอกแค่นหัวเราะกับคำถามนั้นก่อนจะเบนสายตาออกไปมองวิวทิวทัศน์สองข้างทาง

“คงเพราะอยากยืมมือคนที่นั่นกำจัดลูกเมียน้อยอย่างเทียนละมั้ง”

“...”

“เทียนไม่มีทางเอาตัวรอดได้หรอกในที่แบบนั้น เด็กนั่นมันหัวอ่อน ไม่ว่าจะฆ่าไอ้รามมันได้หรือไม่ได้สุดท้ายมันก็จะถูกคนที่นั่นลงโทษอย่างสาสมอยู่ดี”

“ผมถามจริงๆนะครับ คุณเอกไม่รักคุณเทียนเลยเหรอ” บอดี้การ์ดร่างสูงเอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ พอรู้มาบ้างว่าส่องแสงเป็นลูกที่เกิดจากบิดาของพันเอกกับสาวใช้ภายในบ้าน แต่จากที่ฟังเอื้องคำเล่ามาดูเหมือนว่าเมื่อครั้งที่เจ้านายเขายังเด็กก็ดูจะรักส่องแสงดีๆแท้ๆ แล้วทำไมอยู่ๆถึงได้ไล่ส่องแสงกับมารดาออกจากบ้านและไม่คบค้าสมาคมอีกเลยทั้งที่สายเลือดครึ่งหนึ่งของทั้งคู่ก็ไม่ต่างกัน

“เคยรัก” พันเอกตอบคนเป็นลูกน้องเสียงแผ่วเบาทำเอาอีกฝ่ายเงียบกริบ

“เคยรักเทียนมากยิ่งกว่าชีวิต สัญญากับพ่อเอาไว้ด้วยว่าจะดูแลจนวินาทีสุดท้ายที่อยู่บนโลก แต่นั่นมันก่อนที่จะรู้ความจริงว่าเทียนเป็นลูกที่เกิดจากการที่พ่อไปมีผู้หญิงคนอื่น” ร่างสูงเล่าด้วยน้ำเสียงเจือแววเจ็บปวดอยู่ในทีจนคนถามเงียบกริบ

“น้องชายของฉันมีแค่พระพาย ชีวิตทั้งชีวิตฉันยกให้แค่พระพายเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละสันต์ และฉันก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่ฉันรักมีความสุข” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหนักแน่นจนคนฟังถึงกับยกยิ้มจางๆ

“ผมรู้ แต่ตอนนี้คุณเอกไม่ได้มีคนที่รักแค่คนเดียวแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“...”

“คุณบอกว่าคุณยอมทำทุกอย่างให้คนที่รักมีความสุข แต่ตอนนี้คุณวาดูไม่มีความสุขเลยนะครับ”

“...”

“คำว่ารัก มันพูดง่ายพอๆกับคำว่าขอโทษนั่นแหละครับคุณเอก ลองทิ้งทุกอย่างเอาไว้ด้านหลังให้พวกผมจัดการและหาความสุขจริงๆใส่ตัวดูหน่อยสิครับ ถือว่าผมขอร้อง...”



เพราะคำพูดของบอดี้การ์ดหนุ่มที่เอ่ยกับพันเอกในรถนั่น วันนี้ทั้งวันร่างสูงจึงเอาแต่นั่งเหม่ออยู่ในห้องทำงานของตนเองบนตึกสูงระฟ้า มือแกร่งหมุนปากกาเล่นพลางจ้องวิวทิวทัศน์ที่มีแต่ตึกรามบ้านช่องมากมาย เสียงถอนหายใจดังครั้งแล้วครั้งเล่าทำเอาผู้มาใหม่ที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาถึงกับยกยิ้มอ่อนๆอย่างนึกเห็นใจ

“ถอนหายใจบ่อยแก่เร็วนะพี่” พระพายในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาหาพันเอกพร้อมกับอ้อมไปนวดไหล่ให้คนเป็นพี่ชาย พันเอกส่งยิ้มให้น้องชายชั่วครู่ก่อนจะหันมาสนใจงานตรงหน้าแต่กลับต้องเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าขาวของพระพายแทนเมื่อได้ยินคำถามบางอย่างจากอีกคน

“รามฟื้นแล้วนะ”

“อะไรนะ”

“ผมบอกว่ารามฟื้นแล้ว พี่เทียนทำงานไม่สำเร็จ”

“แกรู้ได้ไงว่าฉันส่งเทียนไปภูเก็ต” พันเอกถามพลางขมวดคิ้ว พระพายจ้องใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายด้วยสายตาจริงจังก่อนจะตอบ

“รู้นานแล้วแต่ทำอะไรไม่ได้ เมื่อไหร่พี่เอกจะเลิกทำร้ายพี่เทียนทางอ้อมสักที นั่นก็ลูกพ่อนะ”

“...”

“พอสักทีเถอะพี่ แค่นี้เรายังเจ็บกันไม่พออีกเหรอ ต้องรอให้มีคนตายไปก่อนรึเปล่าถึงจะหยุด” พระพายพูดเสียงอ่อนพลางเม้มปากแน่น

“เราทำลายอนาคตพี่วาไปคนหนึ่งแล้ว อย่าทำร้ายพี่เทียนอีกคนเลยนะ นั่นพี่น้องของเรานะพี่เอก”

“เทียนไม่ใช่น้องฉัน ฉันมีน้องชายคนเดียว” พันเอกสวนขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พระพายฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจก่อนจะพยักหน้าอย่างยอมจำนน

“เอาเถอะ คนอย่างพี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาหรอก วันไหนที่พี่เทียนเจ็บกลับมาผมจะรอดูว่าพี่จะทนอยู่เฉยได้รึเปล่า” พระพายพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นก็ผละออกห่างจากคนเป็นพี่พลางเดินไปนั่งแหมะที่โซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง พันเอกมองตามแผ่นหลังของคนอายุน้อยกว่าพลางส่ายหน้าก่อนจะก้มหน้าลงเคลียร์งานต่อ

.
.
.
.
.

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด