ตอนที่16
“ผะ ผีหลอกเหรอ เรา เรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ!!ผมกลัว”ผมกำแขนเสื้อพี่กาจน์แน่น เขย่าแรงๆเร่งให้พี่เขาพาผมออกจากที่นี่ เรื่องสาเหตุค่อยเก็บไปคิดทีหลัง ผมต้องออกจากที่นี่ พาผมออกไป๊
“ได้สิ แต่พี่ยังพาไปส่งหอไม่ได้นะพี่มีพรีเซนส์”
“มะ ไม่เป็นไร...ผมกลับเองได้ครับ”ฮืออออ กลับหอไปอยู่คนเดียวไหวมั้ยจุดนี้ สงสัยคืนนี้ผมต้องไปอาศัยห้องไอ้อัท
“ไม่ได้ เราต้องกลับพร้อมกัน เข้าไปฟังพี่พรีเซนส์นะ น่าเบื่อหน่อยแต่เข้าไปเถอะนะ จะได้อยู่ด้วยกัน”
“ครับ”
แฮ่ๆ สวัสดีครับเพื่อนๆของพี่กาจน์ ผมนิทานเอง ที่เคยมาครั้งก่อนไง
ผมเดินก้มหน้างุดๆเดินตามพี่กาจน์เข้ามาในเลคเชอร์รูมขนาดใหญ่ พี่กาจน์จูงมือผมขึ้นมานั่งชั้นบนๆท่ามกลางสายตาแปลกๆ
ของพี่คนอื่นๆรวมไปถึงอาจารย์บางท่าน แน่นอนว่าพี่กาจน์เลือกเดินเข้ามาในห้องในจังหวะที่เพื่อนคนหนึ่งเพิ่งนำเสนอจบเพราะถ้าเข้ามาระหว่างการนำเสนอมันจะรบกวนสมาธิเพื่อนที่ยืนอยู่หน้าชั้นมากๆ
“ปกติเขาไม่ให้คนนอกเข้ามาหรอก ทนสายตาคนอื่นหน่อยนะเพื่อความสบายใจของพี่”
ผมพยักหน้าหงึก”พี่กาจน์ต้องพรีเซนส์เป็นคนที่เท่าไหร่ครับ”
“คนต่อไป”
“อุ่ย ขอโทษที่รบกวนพี่จริงๆครับ พี่รีบซ้อมก่อนเร็ว”
“อืม”
คุณว่าที่สถาปนิกหยิบเอกสารงานวิจัยขึ้นมาทบทวน ผมไม่อยากรบกวนจึงนั่งเท้าคางสงบเสงี่ยม ผ่านไปยี่สิบกว่านาทีคนที่อยู่หน้าชั้นก็นำเสนอจบ พี่กาจน์ต้องไปสแตนด์บายระหว่างเพื่อนคนเดิมตอบคำถามที่อาจารยิงมา”ตามพี่มา ระหว่างพี่พรีเซนส์นิทานนั่งกับเจนะ ไอ้เจ กูฝากน้องด้วย ดูให้ดีๆอย่าให้คลาดสายตาเชียวนะ ใครมาชวนไปไหนอย่าปล่อยไปเด็ดขาดนะ เออ มึงก็ห้ามพาน้องไปไหนด้วย”
พี่เคราแพะมองหน้าคนสั่งสลับกับหน้าผมอย่างงๆ
ผมหย่อนตัวลงนั่งข้างพี่เจเงียบๆ พี่ที่อยู่แถวนั้นบางคนก็หันมามองผมด้วยความสนใจ
“แล้วถ้าน้องปวดเยี่ยว?”
“ไม่ให้ไปจนกว่ากูจะนำเสนอจบห้ามเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น มึงด้วย อยู่เฝ้าน้องไว้! เข้าใจ๊?”พี่กาจน์ย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง
“เว่อร์ไปป่ะมึง สนใจเรื่องสัมมนาของมึงเหอะ ทำตัวอินดี้มากระวังไม่จบนะเมื่อกี้ก็วิ่งตาตื่นตาแหกออกจากห้องทั้งๆที่ไอ้ดิวพรีเซนส์อยู่ อาจารย์จิกตาไล่หลังมึงจนกูยังกลัวแทน”
ผมสร้างความเดือดร้อนให้พี่เขาจริงๆด้วย
พี่กาจน์ที่โดนเพื่อนโต้กลับนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“กูไปพานิทานออกมาจากตึกอิฐ”
“!?”
พี่กาจน์เดินลงไปแล้ว ร่างสูงนำเสนองานหน้าชั้นด้วยรอยยิ้มมุมปากตามแบบฉบับ หากไม่เห็นสีหน้าตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยคำว่า ตึกอิฐ เมื่อครู่ คงไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆจากผู้ชายคนนี้เลย
ใช่
ตอนที่พี่กาจน์พูดคำว่าตึกอิฐ น้ำเสียงของเขาฟังดูเย็นชาจนถึงขั้นหนาวเหน็บ ใบหน้าก็เรียบเฉยไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆ ทว่าดวงตาคู่ที่ผมหลงเสน่ห์กลับฉายแววเคียดแค้น ความชิงชังที่ผมสัมผัสได้มันฝังลึกจนน่ากลัว
แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือการเปลี่ยนสีหน้ากลับไปยิ้มสำเริงสำราญได้ในชั่วพริบตา
เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจนผมหวาดหวั่น
รอยยิ้มของพี่กาจน์ที่ผมมองเห็นมาตลอดนั่น...คือรอยยิ้มจริงๆใช่มั้ย
คาบสัมมนาสิ้นสุดลงแล้ว พี่กาจน์พาผมกลับมานั่งแถวบนสุดทันทีที่เขานำเสนองานเสร็จ ทั้งแถวมีแค่ผมกับพี่เขาเหมือนพี่กาจน์กำลังพาผมหนีออกห่างจากผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ขณะนี้ที่หน้าชั้นอาจารย์ป้าคนหนึ่งกำลังพูดสรุปข้อดี ข้อด้วยของการนำเสนอในวันนี้
“สำเนียงภาษาอังกฤษของพวกคุณแย่มาก ไม่มีการพัฒนา!! นี่เป็นอาทิตย์ที่สองแล้ว กลุ่มที่ได้พรีเซนส์อาทิตย์ก่อนยังทำได้ดีว่านี้ ไอ้ที่พอไปวัดไปวาได้ก็มีแค่ไอ้เจ้า ชื่ออะไรนะ ไอ้ที่หล่อๆ... เจ้าชายต้องห้าม เอ้อ ชื่อกาจน์!! ทำได้ดีไม่แบ่งเพื่อนอยู่คนเดียว คุณรู้ตัวว่าตัวเองมีศักยภาพก็ช่วยดูเพื่อนคุณด้วย บางคนจับไมค์ยังยืนปากสั่นพั่บๆอยู่เลย พวกคุณต้องมีความมั่นใจในตัวเองนะคะ อ้อ ส่วนคุณกาจน์ คุณก็มั่นใจในตัวเองเกินไป ไม่มีความพอดี เพื่อนอยู่หน้าชั้นแต่คุณกลับปิดประตูปึงปังตบเท้าวิ่งออกไป แถมยังกลับมาพร้อมคนนอกอีก!! ที่ทำได้ดีวันนี้ถือว่าหักลบกับตรงนี้ไปสุดท้ายคะแนนก็แย่พอๆกับพวกที่เหลือ...”
โอ้โห ป้าแกไม่ได้ด่าผมแต่น้ำตาผมแทบร่วงอ่ะ
แม่งความผิดผมเต็มๆ
“พี่กาจน์...ฮือ...”
“ไม่ต้องสนใจ พี่ยังไม่สนใจเลย เขาไม่รู้เรื่องเขาก็พูดได้”คนดังเอ่ยพลางเก็บของใส่กระเป๋า”ตกลงว่าคนที่วานเราไปช่วยขนของไว้ผมหางม้าเซอร์ๆคนนึงส่วนอีกคนใส่แว่นดูเนิร์ดๆใช่มั้ย ชื่อปันส่วนอีกคนชื่ออะไรก็ไม่รู้?”
“อ่า...ใช่ครับ แต่พวกพี่เขาไม่ได้ทำอะไรนะ อันนี้ผมมั่นใจ”เรื่องลมพัดก็สันนิษฐานพลาดไปทีพี่กาจน์จะไม่เชื่อผมก็ไม่แปลกแต่เห็นอย่างงี้ผมดูคนเก่งนะ พี่ปันกับเพื่อนไม่ใช่คนที่ขังผมไว้ในห้องเก็บเอกสารหรอก ไม่มีทางอ่ะ”อย่าไปโวยพี่สองคนนั้นนะ”
“ค้าบๆ พี่แค่อยากถามอะไรๆเพื่อความมั่นใจ”พี่เขารอจนกระทั่งคณะอาจารย์ทั้งหลายให้คอมเม้นเสร็จและเดินออกจากห้องไปถึงได้รีบตะโกนขึ้นมาซะลั่นห้องว่า”เห้ยพวกมึงอ่ะ! ถามไรหน่อยดิ!?”เพื่อนๆที่ยังไม่ออกจากห้อง ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองพวกผมด้วยความสนใจ
“มีใครมีน้องภาคชื่อปันบ้างมั้ย ผมยาวดูเซอร์ๆ ชอบอยู่กับไอ้แว่นหน้าตาหงิมๆ!?”
“น้องกูๆ มึงมีเชี่ยไรกับมันอ่อ!?”พี่ผู้หญิงคนหนึ่งรีบแสดงตัว
“โทรตามมันมาดิ๊ กูรอหน้าคณะ!!”
“เชี่ยยย ท้าต่อยอ่อเมิง เดี๋ยวได้โดนจารย์ป้าด่าเช็ด ลดความมั่นใจในตัวเองลงบ้างก็ดีนะคะ มิ๊ๆๆๆๆๆ”โฮกกกก พี่เจครับ แซวเพื่อนก็ดูหน้าเพื่อนด้วยครับว่าเขาเล่นด้วยมั้ย
“แค่เรียกมาทักทายโว้ยยย!!”โอเค พี่กาจน์อยู่ในโหมดเล่นด้วยครับ ผมถอนหายใจโล่งอกที่พี่กาจน์ไม่คิดจะทำอย่างที่พี่เจกล่าว แต่ยืนถอนหายใจยังไม่ทันสุดก็โดนมือแกร่งลากลงบันไดแถ่ดๆ
“โทรให้แล้วนะ ปันลงไปใต้ตึกแล้ว”พี่สาวคนเดิมเอ่ยขึ้น คนที่กำลังจูงมือผมจึงตะโกนขอบใจ ระหว่างทางลงไปยังชั้นล่างผมโดนสายตาคนเป็นร้อยมองตาม ทุกคนต่างโฟกัสไปที่มือของพวกเราซึ่งจับกันไว้มั่น ต้องขอบอกการว่าการจูงมือกันเดินของผมกับพี่กาจน์คราวนี้ไม่มีความหวานแหววใดๆ เนื่องจากผมเดินตามพี่กาจน์แทบไม่ทันลักษณะมันเลยเหมือนผมกำลังถูกลากถูลูกถูกรังอยู่
“เห้ยยๆ พี่กาจน์ นั่นใครครับ ผมว่าพี่เดินช้าลงหน่อย...”เสียงของพลเมืองดีขาดห้วงไป ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับคุณใครก็ไม่รู้ผมมองหน้าไม่ทัน
“คนไหน”พี่เขาชะลอฝีเท้าเมื่อลงมาถึงชั้นล่าง
“เอิ่ม...”ผมกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อมองหาพี่ปันกับเพื่อน”อ๊ะ ตรงนั้นครับ”
พี่กาจน์ไม่รอช้ารีบจ้ำเข้าไปหาทั้งสองคนทันที พอทั้งคู่เห็นผมเดินมาพร้อมพี่กาจน์ก็แสดงความตกใจออกมาอย่างออกนอกหน้า”โหยยย ไอ้เราก็นึกว่าพี่เจ้าชายนัดออกมาเจอทำไม ที่แท้พี่เจ้าชายก็รู้จักกับน้องแมสต์นี่เอง สวัสดีครับๆ ขอโทษที่ใช้งานน้อง”
“เออๆ ไม่ต้องไหว้ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ทำไมมึงถึงทิ้งนิทานไว้บนตึกวะ”
“อ้าว น้องไม่ได้ตามหลังพวกผมลงมาหรอกเหรอ ไอ้บีม เพราะมึงอ่ะเอาเรื่องคนตายมาหลอกกูกูเลยรีบเดินลืมดูน้อง”
คนถูกโบ้ยร้องอ้าว”เชี่ยนี่อะไรก็โทษกู กูบอกมึงแล้วว่าไม่เห็นน้องมันตามลงมา มึงแหละบอกกูว่าน้องคงเดินไปทางอื่นแล้วไม่ต้องสนใจ ว่าแต่พวกพี่ขอโทษจริงๆนะครับที่ทิ้งน้องไว้คนเดียว น้องหลงทางเหรอครับ”ท้ายประโยคพี่บีมถามพี่กาจน์
“มีคนขังน้องไว้ในห้อง คล้องโซ่จากด้านนอก”
“เห้ย!! เป็นไปได้ยังไง!? นิทานมัวทำอะไรอยู่ในห้องนั้นไม่รีบออกมาล่ะ”
“ไม่นะ พอผมวางของเสร็จประตูก็ถูกปิด ผมออกมาไม่ทัน...”
สิ้นคำกล่าวของผมทั้งสองคนก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่”เป็นไปไม่ได้ ก็พวกพี่เพิ่งเดินพ้นห้องเก็บของมาเอง ไม่มีใครเดินสวนไปเลยด้วย...”พี่ปันเอ่ยเสียงสั่น ผมเองนึกแล้วก็เริ่มกลัวเลยเผลอบีบมือพี่กาจน์แน่น พี่เขาใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือเหมือนต้องการสื่อว่าไม่เป็นไรแล้วนะพี่อยู่ตรงนี้
“ใครเป็นคนสั่งให้เอาเอกสารขึ้นไปเก็บ เล่าช่วงเวลานั้นมาให้ละเอียด”เสียงทุ้มเอ่ยแทรกจังหวะขนหัวลุกของสองสหาย
“คือ...พวกผมกำลังนั่งเล่นเกมส์ในไอแพดกันอยู่ครับ ทีนี้ก็มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาวานพวกเราให้ช่วยยกของ เป็นลังกระดาษสามลัง”พี่บีมเป็นคนตอบ
“แต่พวกมึงมีกันแค่สองคนจะยกของสามชิ้นขึ้นไปรอบเดียวคงไม่หมด ผู้หญิงคนนั้นเลยแนะนำให้เรียกคนแถวๆนั้น อย่างเช่นนิทานที่นั่งอยู่คนเดียว พี่เข้าใจถูกมั้ยครับ”
“อ้า ใช่เลยๆ เรื่องเป็นแบบนี้เป๊ะๆอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์เลยพี่กาจน์”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากพยานปากสำคัญรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ถูกจุดขึ้นบนริมฝีปากคม”บิงโก”
“พี่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำเหรอครับ”ผมถาม
“โอ๊ะ จริงด้วย!! ที่แท้ก็ไม่ใช่ผี!! โฮกกก บีม กูเกือบขอไปนอนห้องมึงคืนนี้แล้วมั้ยล่ะ ที่แท้คนร้ายคือผู้หญิงคนนั้นนี่เอง เอ๊ะ ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นคือใครแล้วแกล้งน้องนิทานทำไมครับ”
“พี่ไม่รู้หรอกว่าใคร คงเป็นเอฟซีพี่สักคนที่แกล้งนิทานเพราะอิจฉา ขอบคุณมากปัน บีม ไว้วันหลังพี่จะฝากขนมไปกับฝนนะ ถ้าเจอนิทานคราวหน้าก็ช่วยดูแลน้องดีๆด้วยนะ ขอบคุณอีกทีนะ”พี่เขาก้มหัวขอบคุณจากใจเล่นเอาสองสหายทำตัวไม่ถูก ก่อนที่พี่ปันกับพี่บีมจะหาเสียงตัวเองเจอพี่กาจน์ก็พาผมเดินจากมาแล้ว ได้ยินเสียงตะโกนคำว่าไม่เป็นไรครับแว่วๆ
“ฟู่ววว ค่อยยังชั่ว”ผมยกมือขึ้นกุมใจตัวเองด้วยความโล่งอก
“มันน่าดีใจตรงไหน มีคนจ้องปองร้ายเราอยู่นะ”
“คนก็ดีกว่าผีละกันน่า”
“เออ พูดถึงผีๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พวกปันมันแกล้งหลอกอะไรเราหืม?”
“พวกพี่เขาคุยกันว่ามีคนตกลงมาจากตึกอิฐ ไม่รู้เป็นเรื่องหลอกรึป่าว พี่เคยได้ยินมั้ยครับ”
“...”
เพราะพี่เขาไม่ตอบเสียทีผมเลยนึกว่าพี่เขาส่ายหน้าอยู่ผมเลยหันไปมอง ทว่า...
“ไม่เคยได้ยิน แต่เห็นมากับตา...”เห็นกับตา?
หมายถึงเห็นตอนที่เกิดเรื่องน่ะเหรอ
“คนที่ตกลงมา คือแฟนพี่เอง”“อะ...”ผมตกใจเสียจนพูดอะไรไม่ออก เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากพี่เฟิร์นแล้วก็จริงแต่ไม่คิดว่าพี่กาจน์จะเล่าให้ผมฟังด้วยตัวเอง นั่นแปลว่าพี่กาจน์รู้มาตลอดว่าผมรู้เรื่องนั้นแล้ว
“เอ่อคือ ขอโทษครับ”ขอโทษที่พูดจาเสียมารยาท เพราะเอาแต่พูดว่ากลัวผีๆ เส้นความอดทนของพี่เขาเลยขาด ปริปากเล่าเรื่องที่ไม่อยากจะจำเพื่อให้ผมเลิกกล่าวหาว่าแฟนของเขาเป็นผีเฝ้าตึกเสียที
“ไม่เป็นไร”
ผมรู้สึกเสียใจมากๆที่พูดอะไรไม่คิด
และยิ่งเสียใจเมื่อตระหนักได้ว่า...เมื่อครู่พี่กาจน์ใช้สรรพนามว่าแฟน
ไม่ใช่แฟนเก่า
__________________________
/กอดปลอบนิทาน/ โอ๋ๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะคนดี
ปล.คนอ่านต้องการกำลังใจด้วยมั้ยคะ
ปล.2 วอนสังคมให้โอกาสพี่กาจน์เขาหน่อย พี่กาจน์ฝากกลับซิบมาบอกว่านี่คือนิยายสายฮีลลิ่ง(ฮีลลิ่งพระเอก 555)
ปล.3 โปรดเชื่ออิฉัน นิยายเรื่องนี้ไม่โหดร้ายกับใจผู้อ่าน เชื่อสิ! เชื่ออออออ