CHAPTER 9: Lost & Won ถนนสายที่คุ้นเคยยังคงเหมือนเดิม..ไม่ว่าภายในหัวใจจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร พชรก็ยังคงเป็นพชร และ D-Tracker 250 ก็ยังเป็น D-Tracker 250
ร่างสูงซิ่งมอเตอร์ไซค์สีดำแถบเขียวคู่ใจ วิ่งสายเชียงใหม่-ลำพูนเพื่อกลับบ้านอีกครั้ง
‘ขอบคุณ.. พชร’ถ้อยคำที่เสียงไพเราะนั้นเอ่ยออกมา หลังจากร่างเล็กกระโดดตุ๊บลงจากมอเตอร์ไซค์คันนี้ยังดังก้องอยู่ในใจ
เหมือนเคยที่ไม่มีคำตอบรับจากพชร ทว่า.. การที่เขาไม่พูด ก็ไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึกอะไร..
‘สวนเพชรหละปูน’
ป้ายไม้สัก ตัวอักษรขาว โดดเด่นหน้าซอยถนนคอนกรีต
พชรเลี้ยวรถเข้าไปตามเส้นทางเข้าสวนและเข้าบ้านตัวเองที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย
สวนที่เคยเป็นของตายาย สวน..ที่เคยร้างไป ก่อนมารดา.. มารดาซึ่งอุ้มท้องเขาจะกลับมาฟื้นฟู
จากที่เคยมีแต่ลำไย แค่เพียงห้าสิบไร่ ตอนนี้ก็มีทั้งลิ้นจี่ สาลี่ แอปเปิ้ลและลูกพลับเพิ่มเข้ามา จากน้ำพักน้ำแรงของสองคนแม่-ลูกและคนงานที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆเกือบยี่สิบปีมาแล้ว
ชะลอรถเข้าจอดไว้ใต้ถุน มือแกร่งถอดหมวกกันน็อคออก
ยามสายเช่นนี้ แม่คงยังอยู่ในสวน ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวสาลี่ และถัดจากนี้ไปอีกหนึ่งเดือนก็จะเป็นลำไย
พชรกลับมาบ้านมากเท่าที่จะบ่อยได้ ด้วยเป็นห่วงแม่และเป็นห่วงสวน
“อ้าว คุณพชร อาทิตย์นี้กลับอีกหรือครับ”
พชรมองคนพูด ถอนใจน้อยๆ ความรู้สึกหนักอึ้งในใจดูจะเพิ่มมากขึ้น เขาพยักหน้าตอบรับ พลางยกมือไหว้
“สวัสดีครับลุงแสง แม่อยู่ในสวนหรือครับ”
“ดูคนงานเก็บสาลี่ครับ” ชายร่างเล็กตอบคำถามเจ้านายหนุ่ม สายตาในกรอบแว่นดำมองร่างสูงด้วยความเคารพนับถือเหมือนอย่างที่เคย แม้ตนเองจะอาวุโสมากกว่าก็ตาม
พชรก้าวยาวๆขึ้นบันไดบ้าน เปิดกระเป๋าสตางค์หยิบกุญแจเตรียมไข
และในนั้นก็เผยให้เห็นเศษกระดาษแผ่นเล็กที่แนบอยู่
เศษกระดาษที่เขียนตัวเลขเอาไว้ไม่กี่ตัว
011153 011269 ตัวเลขที่เขียนด้วยลายมือเขาเอง
ตกตะลึง.. ที่คนซึ่งควรจะอยู่อีกฝั่งของมหาวิทยาลัย จู่ๆ ก็โผล่มาหน้าห้องสาขาวิชา แต่สีหน้าเรียบเฉยที่มีมาตลอดชีวิตทำให้ทำได้เพียงเลิกคิ้ว รอดูว่าคนที่นอนจ้องหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายตอนกลางคืน จะมาไม้ไหนในตอนกลางวัน..
จะลงปรัชญาเป็นตัวฟรี เทอมหน้า?
พชรอยากจะขำ ..จะเอาเวลาที่ไหนมาเรียน แล้วจะเอาไปบูรนาการกับวิศวกรรมเครื่องกลอีท่าไหน
คิดอะไรอยู่.. พชรไม่อยากเข้าใจ
ทำแบบนี้ทำไม.. พชรก็ไม่แน่ใจว่าอยากรู้เหตุผล
‘คนที่มึงยื่นรหัสวิชาให้หน้าห้องภาคปรัชญาคือกูเอง เซอร์ไพร้ส์ไหม?’เซอร์ไพร้ส์สิ แต่ไม่ได้เซอร์ไพร้ส์ที่คนคนนั้นเป็นแว่นแดง แต่กูเซอร์ไพร้ส์ว่ามึงกำลังทำบ้าอะไรของมึง..
พชรพ่นลมหายใจเมื่อนึกถึงรูมเมทเครื่องกล
‘มึงมันใจร้าย มึงจำกูไม่ได้ กูเดินไปนะสัด ไปคณะมึงน่ะกูเดินไป แล้วมึงก็จำกูไม่ได้..’หน้าคมส่ายน้อยๆ..
คณะวิศวกรรมศาสตร์กับคณะมนุษยศาสตร์นั้นอยู่ไกลกัน
แล้วใคร.. คนประเภทไหนที่เดินมาตอนเที่ยง.. มาเพียงเพื่อ.. ถามว่าจะลงปรัชญาตัวไหนดี..
พชรถอนหายใจ.. ไม่อยากจะแปลความหมายของถ้อยคำและพฤติกรรมเหล่านั้น
ไม่ใช่คนโง่ ถึงจะไม่รู้อยู่แก่ใจ ทว่า เขาไม่อาจปล่อยให้คำอธิบายกระจ่างชัดขึ้นมาได้มากไปกว่านี้
มิเช่นนั้น เหตุการณ์แบบเดียวกันกับเมื่อคืนนั้น คงได้เกิดขึ้นซ้ำ..
‘ไม่หยุด เรียกกูว่าม่อนก่อน เพราะกูชื่อม่.. อื้อ..’ให้ตายสิ.. เกิดมายังไม่เคยฉวยโอกาส ข่มเหง หรือรังแกใคร
เขาอยากจะเตะตัวเองนักที่ทำแบบนั้นลงไป ..ทำไมแว่นแดงไม่ต่อยเขาสักหมัดนะ ไม่ต่อย แล้วสุดท้ายยัง..
พชรถอนหายใจยาวอีกครั้ง แล้วจึงลงมือไขกุญแจ มุ่งหน้าสู่ห้องนอนตนเองเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที
ห้องนอนยังคงเหมือนเดิม..
แม้เขาไม่อยู่ แม่ที่เหน็ดเหนื่อยมาจากสวนก็ยังพอใจที่จะเข้ามาทำความสะอาดห้องเอาไว้ในระหว่างที่เขาพักอยู่หอของมหาวิทยาลัย
แม่ช่างแสนดีเหลือเกิน.. เป็นผู้หญิงที่มีน้ำอดน้ำทนและกล้าแกร่งที่สุดเท่าที่พชรเคยรู้จัก และเพราะแบบนั้น เขาจึงไม่อยากเห็นเธอมีความทุกข์ หากสิ่งใดจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของมารดา ..พชรก็อยากจะทำ
ร่างสูงเปิดประตูระเบียงออกไปยืนมองสวนกว้างใหญ่ซึ่งฟากนี้มองเห็นต้นลำไยพันธุ์อีดอของตนเอง
บริเวณระเบียงไม้นั้นกว้างขวาง มีตู้เก็บเต้นท์ใหญ่แข็งแรงหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นอนของพชรในบางคืนที่อากาศดีและฟ้ากระจ่างพอที่จะมองเห็นดาว ทั้งหมดที่นี่เป็นบ้านของเขา.. ต้นไม้ทุกต้น.. ดอกไม้ทุกดอก..
เป็นมาตั้งแต่ขนาดสวนเล็กกว่านี้กว่าสิบเท่า เป็นมาตั้งแต่ตัวบ้านยังเก่าทรุดโทรมและไม่มีเงินซ่อมแซม
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
สาลี่ที่ปลูกในสวนคือพันธุ์ Yokoyama Wase ที่ไม่ได้ต้องการอากาศเย็นจัดมากเท่าพันธ์อื่นๆ และให้ผลผลิตดีที่สุดเท่าที่พชรทดลองปลูก
ร่างสูงก้าวยาวๆไปตามร่องสวน กิ่งสาลี่ที่ถูกโน้มลงมาขนานกับพื้นยึดไว้ด้วยคอกไม้ไผ่ทำให้ได้ผลผลิตมากกว่าที่จะปล่อยให้ต้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ตลอดตั้งแต่ช่วงสายที่ไปถึง พชรช่วยมารดาคุมคนงานเก็บสาลี่ เช่นเดียวกับที่ทำในสวนแอปเปิ้ลเมื่อคราวที่แล้ว และเช่นเดียวกับที่ทำในสวนลิ้นจี่เมื่อคราวที่แล้วก่อน..
ใบหน้าคมยิ้มพอใจน้อยๆ ขณะมองดูคนงานแกะถุงกระดาษห่อผลออก แล้วค่อยๆตัดขั้วผลออกจากต้น ก่อนจะนำไปแยกและบรรจุหีบห่ออย่างระมัดระวังเพื่อให้ผลผลิตปลอดสารพิษจากสวนนี้ถึงมือผู้บริโภคอย่างสมบูรณ์ที่สุด
สาลี่มีโรครบกวน โดยเฉพาะโรคราสนิม ทว่า พชรไม่อยากพ่นสารเคมี เขาเลือกหมักน้ำหมักจืดช่วยฆ่าเชื้อรา และให้ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อสร้างความแข็งแรงต้านทานโรคให้กับต้นไม้แทน
พชรไม่คิดว่าจะทนได้ หากต้องใช้สารเคมีที่ทำลายผืนดินอันเป็นมรดกจากตายาย และเป็นทรัพยากรหนึ่งของโลกใบนี้ซึ่งแท้จริงแล้ว เขาก็มิได้เป็นเจ้าของ..
“เรียนมาเกือบสองเดือนแล้ว ปรัชญาเป็นยังไงบ้าง พชร?” มารดาปาดเหงื่อออกพ้นหางคิ้ว นั่งลงพักเหนื่อยบ้างหลังจากวันอันยาวนาน
คนถูกถามพยักลำคอน้อยๆ แม้สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่ก็มีความผ่อนคลายในดวงตา
“ดีครับ เปลี่ยนจากใช้แรงกาย ไปใช้จิตวิญญาณบ้าง”
มารดาหัวเราะลั่นให้ลูกชาย “นึกว่าจะอึดอัดจนต้องหาเรื่องออกเหงื่อกลับมาบ้านทุกสองอาทิตย์”
พชรขำน้อยๆ “นอกจากนั้น ก็ไปช่วยพี่มิ่งที่คณะเกษตรฯบ่อยๆด้วยครับ”
มารดายิ่งขำใหญ่ “แล้วจะเรียนไหวหรือ ที่เรียนไปเข้าใจหรือเปล่า?”
“เข้าใจครับ พอใจด้วย ตรีให้ผมเรียนปรัชญาก่อนนะครับ เดี๋ยวโทผมค่อยเรียนเกษตรฯ”
มารดาพยักหน้า พชรเป็นผู้ใหญ่แล้ว การทำงานมาตั้งแต่เด็กทำให้เติบโตกว่าอายุ
ในเมื่อลูกชายตัดสินใจเลือกเสริมในสิ่งที่ตนเองขาด เธอก็เข้าใจและไม่คิดจะคัดค้านอะไร
“แล้ว..” เสียงนุ่มค่อยๆเอ่ยขึ้น มองดวงตะวันคล้อยลงใกล้ลับเหลี่ยมเขา “พชรไปหาพ่อหรือยัง?”
คำถามนั้นทำให้ร่างสูงชะงัก สีหน้าไม่ได้สบายๆเหมือนตอนตอบเรื่องเรียน
“ยังเลยครับ”
ทั้งที่ก็ตั้งใจว่าจะไปตั้งแต่แรกถึงเชียงใหม่ แต่..
“แล้ว.. พชรคิดว่าจะไปหาพ่อเมื่อไหร่”
“ผม..” เสียงเข้มพยายามหาคำอธิบาย
“เพิ่งเข้ามหา’ลัย พชรต้องปรับตัว เรียนหนักด้วยสิใช่ไหม” มารดามองมาด้วยความอาทร
เรียนหนักไหม?
ไม่.. ไม่ได้หนัก
เป็นพชรเองต่างหากที่ขยันหาเรื่องหนักๆให้ตัวเองทำทุกวัน
หาเรื่องกลับหอค่ำๆ อยู่ในห้องก็เป็นต้องหยิบจับตำรับตำราอะไรสักอย่างมานั่งอ่าน นั่งศึกษา
ละความสนใจจากอะไร ..หรือ
ใครที่อยู่ในห้องให้มากที่สุด
“ไม่เป็นไรหรอก” มือหยาบกร้านของเพชรลดาบีบไหล่ลูกชายเบาๆ
“เอาที่พชรสบายใจนะลูก อย่าให้-”
“ผมจะไปครับ” เสียงเข้มย้ำ
พชรไม่เคยผิดคำพูด ไม่เคยยอมแพ้กับอะไร และไม่คิดว่านี่จะเป็นข้อยกเว้น
ร่างสูงเมินมองไปทางอื่น ในใจคิดคำนึง
ความตั้งใจแรกทันทีที่ไปถึงเชียงใหม่ คือไปพบชายผู้นั้น..
แค่ไปพบ ไปแสดงตัว บอกว่าเป็นลูกใคร มารดาชื่ออะไร ..มันไม่ใช่เรื่องยากเย็น เมื่อเขาไม่ใช่บุรุษที่หวาดกลัวสิ่งใด
ทว่า พชรก็ไปหอพักก่อน หอพักซึ่งรายชื่อที่ติดอยู่ ณ โถงทางเข้าทำเอาแทบไม่เชื่อในโชคชะตา
เหนือชื่อตัวเองขึ้นไปหนึ่งชื่อ คือบุคคลที่ไม่อยากพบมากที่สุด
..หอพักชาย อาคาร ๓ ห้อง ๓๓๘..
ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์
กวีกานต์ ทัศนศุภกฤษณ์
พชร เพชรหละปูน
และตั้งแต่วันนั้น.. เรื่องที่ควรจะง่ายก็กลับกลายเป็นยากขึ้นมาอย่างไม่รู้เหตุผล
ควรจะไปหาผู้ชาย ทว่า เขากลับไปหาผู้หญิง..
“คุณคงเป็น.. คุณระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์”
ไม่ถนัดหรอก การเล่นสงครามประสาทหรือการพยายามทำตัวเป็นผู้ร้าย
แต่ความจริงบางอย่างที่เพิ่งได้รู้ทำให้ตระหนักว่า ..คนบางควรสมควรได้รับ ..สมควรต้องตกใจบ้าง
ชดเชยหยาดน้ำตาและความทุกข์ยากของมารดาพชรตลอดเกือบยี่สิบปีมานี้
เด็กหนุ่มที่ดูไม่มีพิษภัย น่าสงสัยว่ามีธุระอะไรกัน
เพียงเพราะความประหลาดใจนั่นกระมัง จึงทำให้เธออนุญาตให้เข้าพบ
ใบหน้าสวยชะงักนิดหนึ่ง เมื่อเห็นหน้า ทว่า ความประหลาดใจมีมากกว่า
“เราเป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับฉัน?”
“ผม.. ชื่อพชรครับ” ไม่ยกมือไหว้ เสียงเข้มเพียงแนะนำตัว
“ฉันรู้จักหรือ?”
พชรหัวเราะเสียงเย็นในลำคอ “ไม่หรอกครับ”
ระมิงค์ส่ายหน้างงๆ ตั้งท่าจะกดโทรศัพท์ให้เลขาฯพาตัวออกไป แต่เสียงเข้มจากคนอาวุโสน้อยกว่าดังสวนขึ้น
“คุณแม่ผมชื่อเพชรลดาครับ..”
เป็นมือขาวที่ถือโทรศัพท์ค้าง “เพชร พ..เพชรลดาไหน?”
พชรไม่ตอบคำถาม แต่กลับพูดเรื่องอื่น
“ใครๆก็ว่าผมหน้าไม่เหมือนแม่ ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าผมเหมือนใคร เพราะตั้งแต่เกิดมา ผมก็รู้จักแต่แม่”
เสียงเข้มพยายามพูดยาวๆ ในแบบที่ไม่ใคร่จะถนัดนักหรอก ทว่า วันนี้ ดวงตาสีเข้มจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าเขม็ง
พูดให้เธอได้ยินเขาอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ อยากให้ทราบ ว่าเขาไม่ชอบพูดอะไรยาวๆ แต่เขา--พชร ยืนอยู่ที่นี่ ตรงนี้ กำลังพูดกับเธอ
“ว่าแต่.. ผมพอจะหน้าเหมือนใครที่คุณระมิงค์รู้จักหรือเปล่าครับ?”
ระมิงค์แทบทรุด ไม่ ..ไม่จริง
มือแกร่งของคนอาวุโสน้อยกว่าวางหนังสือพิมพ์คนเมืองนิวส์ลงบนโต๊ะ
ที่อยู่บนหน้าแรกคือตัวเธอขนาบด้วยสามีและลูกชายในงานแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“ดูครอบครัวอบอุ่นดีนะครับ..” พชรให้ความเห็น
“ต้องการอะไร?” ระมิงค์กลืนน้ำลาย “เงินเหรอ?”
เงิน..
คำนั้นทำให้พชรแค่นหัวเราะเชือดเชือน มือแกร่งล้วงหยิบกระดาษแผ่นเล็กเก่าเก็บ เหลืองหม่นเพราะกาลเวลา ทว่า ยังอยู่ในสภาพดีขึ้นมาหนีบไว้ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วชี้
“เศษเงินของคุณอีกหรือครับ?”
คราวนี้ ระมิงค์ทรุดจริงๆ
เช็ค.. เช็คเนื้อกระดาษสีครีมระบุตัวเลขหนึ่งแสนพร้อมลายเซ็นต์ของบิดาใบนั้น ทำไมถึงยังอยู่ ..มันไม่ถูกขึ้นเงินหรือ
ทำไมฝ่ายบัญชีไม่แจ้งเรื่องนี้..
“ผมให้โอกาสคุณ” ร่างสูงยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าสาวใหญ่
“สารภาพเองซะ ก่อนที่ผมจะเป็นคนไปบอกเขา”
ระมิงค์นิ่งอึ้ง นึกว่าเวลาผ่านจนกรรมจะจากไปตลอดกาล ทว่า ที่สุด มันก็ตามมาทันจนได้
ช้า.. แต่ก็มา และมาอยู่ตรงหน้าแล้วในตอนนี้ ..เด็กหนุ่มนาม ‘พชร’
เด็กหนุ่มที่เพียงแค่มองแววตา เธอก็รู้ว่าเขาเอาจริง..
“ฉ..ฉันไม่รู้เรื่อง..”
ระมิงค์พยายามหยัดตัวลุกขึ้น ไม่รู้.. เธอไม่ต้องการรู้เรื่อง
“คุณไม่รู้หรือครับ” เสียงเข้มนั้นถามซ้ำ
“ขับไล่ภรรยาที่อุ้มท้องลูกของคนที่คุณจะแต่งงานด้วย พูดจาดูถูก ใช้เศษเงินฟาดหัว ..เรื่องนี้คุณไม่รู้หรือครับ”
พชรเลิกคิ้ว
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอบอกอีกเรื่องหนึ่ง บางทีเรื่องนี้ คุณอาจจะรู้บ้าง”
ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ เอ่ยสั้นๆ แต่ชัดเจนเพียงคำเดียว “.........”. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“เดี๋ยวช่วงรับปริญญามาช่วยอีกนะ แรงดีจริงๆ”ลุงคนสวนแห่งหอสามชายหัวเราะหึหึ เอ่ยทีเล่นทีจริงกับเด็กหนุ่มรูปร่างกำยำที่กระวีกระวาดช่วยลงต้นไม้
“ถ้าว่างก็.. ด้วยความยินดีครับ” พชรตอบรับแบบไม่ผูกมัดตัวเอง สองมือแข็งแรงขุดดินและลงไม้ประดับอีกต้น ตามโครงการปรับสภาพภูมิทัศน์ของหอ เคยช่วยลงผลไม้มาไม่รู้กี่สิบไร่ แค่นี้เล็กน้อยมากสำหรับพชร
“อ้าว พชร แปลงร่างไปอยู่คณะเกษตรฯแล้วหรือ?”หน้าคมเงยขึ้นตามเสียงเรียก จึงเห็นว่าเป็นถ้อยคำที่มาจาก ‘ไอหมอก’ คนรักของรูมเมทสิ่งแวดล้อม
และที่เคียงมาก็ไม่ใช่ใครอื่น สองเกลอวิศวฯเจ้าเก่า ไอดิล และ..
‘ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล’ ผู้ซึ่งทำให้พชรอยากจะบ้าตายกับเจ้าตัวอยู่ทุกๆวัน
“วันนี้พอแค่นี้ เสร็จแล้วล่ะ หนุ่มเอ๊ย ขอบใจมาก!”
เสร็จแล้วหรือครับ..
พชรไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เขามองหน้าคุณลุงจ่อม อยากจะทำต่อไปอีกโซนและอีกสักโซน
ทำยังไงก็ได้ให้ไม่ต้องลุกขึ้นล้างไม้ล้างมือและไม่ต้องให้รูมเมทเดินมาหา
ร่างสูงนั่งลงพักเหนื่อยบนม้าหินอ่อนใต้หอ ไอหมอกนั่งลงบ้าง ตามด้วยไอดิลและเครื่องกล
สามสายตามองเขาเป็นตาเดียว มันทำให้พชรอึดอัด เขาไม่ค่อยสันทัดในการอยู่ร่วมกับคนหรือการถูกสายตาจับจ้องเช่นนี้
ทว่า ก็เป็นไอหมอกที่มองไปทางอื่นราวกับอ่านสถานการณ์ออก เอ่ยขึ้นเล่นๆ ชวนคุย ผูกมิตรทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“วันก่อนไปเรียนเคมีการเกษตร ยังเห็นพชรขนซังข้าวโพดอยู่ที่แปลงเลยนะ แต่รีบ ก็เลยไม่ทันไปทัก”
งั้นหรือ?
พชรพยักหน้ารับไอหมอก นึกถึงมิ่งเมือง เพื่อนรุ่นพี่จากลำพูนที่ชวนเข้าพวกเกษตรฯแทบตลอดเวลา
“ชอบเกษตร ทำไม่เรียนคณะเกษตรฯเสียเลยล่ะ พชร” ไอหมอกพยายามทำความรู้จัก
“อืม..” หนุ่มปรัชญาใคร่ครวญหาคำพูด
ไอหมอกเป็นคนที่น่าคบและน่าคุยด้วย พชรไม่ค่อยรู้สึกเช่นนี้กับใครนัก แต่คนรักของรูมเมทสิ่งแวดล้อมนั้นต่างออกไป
ไอดิลร่าเริงและเป็นมิตรก็จริง ทว่า รู้สึกจะร่าเริงเกินไปจนคุยด้วยลำบากในบางครั้ง
ส่วนเครื่องกล.. พชรไม่มีความเห็นอะไรให้ นอกเสียจากว่า ถ้าไม่ต้องพบเจอหรือไม่ต้องอยู่ห้องเดียวกัน จะดีกับเขากว่านี้มาก
“พอดี.. ที่บ้านเป็นสวน” เสียงเข้มพยายามเรียบเรียงคำพูด
“อยู่กับการเกษตรมาตั้งแต่เด็ก แม่ชอบบอกว่า อืม.. อยู่แต่กับต้นไม้ ไม่ค่อยคุยกับคน”
ไอหมอกถึงกับยิ้มเมื่อได้ฟัง พชรเองก็อดจะยิ้มน้อยๆตอบไม่ได้เมื่อนึกถึงตนเอง
“อืม.. ก็เลยลองเรียนปรัชญา เผื่อจะได้มองอะไรกว้างขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น และ..คุยกับคนอื่นรู้เรื่อง”
พชร..
ไอดิลมองรูมเมทหนุ่มอย่างพินิจพิจารณา
อะไรทำให้มึงคิดว่าการเรียนปรัชญาจะทำให้พูดกับชาวบ้านรู้เรื่อง?
กูขอแนะนำให้รู้จักกับ ‘พ่อน่ารัก’ ผู้ซึ่งเขียนเป็นอย่างเดียวเลย แต่พูดไม่รู้เรื่อง (ฟังคนอื่นก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน)
พ่อน่ารัก..ซึ่งถือหมอนข้างไปเฝ้ายามที่หน้าต่างห้องกูเพราะคิดว่าไอ้หมอกปีนเข้ามาปล้ำกู (กูพยายามบอกพ่อแล้ว ว่าหมอกแค่จูบ แต่พ่อไม่ฟังเลย)
กูขอย้ำอีกครั้งนะพชร
พ่อกูถือหมอนข้างเป็นอาวุธ!“เมื่อกี้บอกว่าที่บ้านทำสวนหรือ พชร?” ไอหมอกถามซ้ำ คนถูกถามจึงพยักหน้ารับ “อืม สวนผลไม้”
“ปลูกอะไรบ้างหรือ?” หนุ่มวิทยาฯ เคมีถามอีก พชรโคลงศีรษะนึก
“ก็.. ลำไย แอปเปิ้ล ลิ้นจี่ ..อืม สาลี่”
“อ่าฮะ”
“สามเดือนที่แล้วเพิ่งลงลูกพลับ”
“เยี่ยม!” ไอหมอกชื่นชม “ก็ช่วยพ่อแม่ทำสวนมาตั้งแต่เด็กเลยสิ”
คำถามนั้นทำให้ชะงักไปนิดหนึ่ง สีหน้าคนตอบเฉยชาลงทันที “ใช่ แต่.. แค่แม่”
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงทำให้ไอหมอกไม่ถามต่อ แต่พูดเรื่องอื่นแทน
“มิน่า แข็งแรง กำยำเสียขนาดนี้” ขนาดไอหมอกเป็นนักกีฬา แต่เรื่องรูปร่างสูงใหญ่ต้องยกให้พชรจริงๆ
“เล่นงัดข้อกัน!” จู่ๆ ไอดิลคนขี้เล่นก็เอ่ยชวน เมื่อคิดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตนแอนด์เดอะแก๊งค์กับพชรออกในที่สุด
“งัดข้อ?” พชรเลิกคิ้ว เหล่มองรูมเมทสิ่งแวดล้อม
“ใช่ไง ก็เนี่ย สลับกันทีละคู่ ดูว่าใครเป็นจ้าวแห่งการงัดข้อ” ไอดิลอธิบาย พลางจินตนาการไปเองว่าทุกคนเห็นชอบกับเขา
“เข้าใจแล้วนะ มาหมอก กูกับมึงเริ่มก่อน!”
ไอหมอกส่ายหัวน้อยๆ มองไอดิลยิ้มๆ
“ไม่ต้องมายิ้ม!” ไอดิลสวนทันควัน ประกาศเจตนารมณ์ดังลั่นไปทั้งโต๊ะ
“ไม่ต้องออมมือเด็ดขาดนะ
ถ้าจะชนะ กูก็ต้องการชนะอย่างใสสะอาด ถ้าจะแพ้ กูก็ต้องการแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี!”เอ่อ.. โอเค ไอหมอกกลั้นหัวเราะ มึงก็คงได้แพ้อย่างสมศักดิ์ศรีนั่นแหละครับดิ้ล
สองคนมองหน้ากัน แล้วจึงวางศอกขวาข้างถนัดลงบนโต๊ะ ฝ่ามือทั้งสองประสานและกดนิ้วบีบมืออีกฝ่ายไว้
“สาม สอง..” ม่อนแจ่มให้สัญญาณ “หนึ่ง!”
“ฮึ่ม!” ไอดิลพ่นเสียงจากลำคอเพื่อเสริมสร้างกำลังให้ตนเอง
ไอหมอกขำน้อยๆ กับความพยายามดันมือเขาทั้งที่เรี่ยวแรงผิดกันลิบลับ
ไอดิลพยายามดันและไอหมอกก็เพียงเกร็งเล็กน้อยเพื่อต้านมือเล็กเอาไว้ด้วยทีท่าสบายๆ
ไม่ได้ดันกลับ แค่เพียงต้านไว้อย่างนั้น..
.
.
“หมอก!” คนที่ไม่มีวันชนะเอ่ยขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว
“จะทำอะไรก็ทำ กูเมื่อยแล้ว!”ฮ่ะๆ สิ้นสุดประโยคอนุญาตนั้น ไอหมอกก็กดมือคนรักลงกับโต๊ะได้อย่างเบามือที่สุด
ไอดิลหน้ามุ่ย หันไปเล่นงานคู่ซี๊ “ไอ้ม่อน มึงมาเลย มากับกูก่อน!”
คนแพ้ท้าทาย มั่นใจว่าในโต๊ะนี้ ถ้าจะชนะใครสักคนได้ คนนั้นก็คือม่อนแจ่มคนเดียวนั่นแหละ
“ฮึ่ย!” ร่างเล็กสุดถลึงตาใส่ ด้วยไม่เคยมีประวัติในชีวิตว่างัดข้อชนะใคร
แล้วก็เป็นเช่นนั้น.. ม่อนแจ่มแพ้ไอดิลภายในสิบวินาที
“โอ้ววว กูชนะไอ้ม่อน!” หนุ่มวิศวฯสิ่งแวดล้อมลั้ลลา “พชรมา กูกำลังฮึกเหิม!!”
พชรเหล่มองไอหมอกเป็นเชิงขออนุญาต อีกฝ่ายพยักหน้าสบายๆ
Whatever will be, will be ครับพชร
.
.
ไม่ได้ผิดคาด..
ไอดิลชนะได้เพียงคนเดียวคือม่อนแจ่ม เพราะแพ้เรียบร้อยแล้วทั้งไอหมอก ทั้งพชร
“ฮึ่ย” เขาเบ้หน้า “หมอกกับไอ้ม่อนก่อน เร็วๆ”
ไอหมอกถอนใจน้อยๆ กระซิบใส่หูคนรัก ด้วยรู้ทันฉากที่พยายามจัด “ทีตอนเรื่องตัวเอง ไม่เห็นฉลาดอย่างนี้”
ร่างเล็กยักไหล่ ลอบยิ้มน้อยๆ ก่อนที่ไม่กี่วินาทีให้หลัง ไอหมอกก็เอาชนะม่อนแจ่มได้ง่ายๆตามคาด..
“เอ้า ชนะต่อชนะ” ไอดิลมองสองร่างสูง “พชรกับหมอก เร็วๆ สาม สอง หนึ่ง!”
ให้สัญญาณ พลางกระซิบใส่หูรูมเมทเครื่องกล “..เชียร์ใครครับม่อน?”
“กวนตีน”
“ตอบว่าเชียร์
หมอกก่อนสิ แล้วกูจะเลิกกวน” ไอดิลยิ้มยั่ว ทำหน้าตาฉลาด
ไอหมอกเหล่มองขำๆ เพราะคนรักกระซิบแบบไม่ได้สนใจจะเบาเสียงหรือระวังไม่ให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
พชรเองก็ทำหน้าไม่ถูก ด้วยไม่แน่ใจนัก ..ว่าอยากได้ยินคำตอบ
“ว่าไงม่อนนน..” ไอดิลลากเสียงยาว
“ไอ้ดิ้ล! กูหงุดหงิดมึงแล้วนะ” ม่อนแจ่มหน้าแดง ว้ากตอบเบาๆ “กูเชียร์
พชร.. สัด..”
เจ้าของชื่อลอบถอนหายใจน้อยๆ
ไปหยิบมีดมาแทงกูให้ตายเลยไปแว่นแดง มึงพูด ..พูดอะไรของมึง?
แล้วก็เป็นพชรที่เอาชนะได้ไม่ยากเย็น..
ไอดิลหน้ามุ่ย แต่ไอหมอกยิ้มๆ ไม่ได้หงุดหงิดที่แพ้ พชรแข็งแรงกว่าเขา ไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ
ถึงแม้เขาจะเป็นนักกีฬาแต่ก็ใช้เท้าเตะ ส่วนพชรนั้นใช้สองมือทำสวนมาตั้งแต่เด็ก ผิดกันไกล
และในที่สุด.. ไอดิลจึงลอบยิ้มชั่วร้าย
“พชร สุดท้ายละ”
ไอดิลกระแทกไหล่ม่อนแจ่มอีกครั้ง จัดการย้ายที่ ดันร่างเล็กเครื่องกลให้มานั่งตรงข้ามรูมเมทปรัชญา
“พร้อมนะครับม่อน”
“สัด!” ม่อนแจ่มตอบเพียงแค่นั้น หน้าขาวขึ้นสีจางๆ
สองมือที่ต่างขนาดอย่างมีนัยยะสำคัญค่อยๆสัมผัสกัน..
ฝ่ามือประกบ ปลายนิ้วบีบเข้ากับฝ่ามืออีกฝ่าย ศอกตั้งชิดโต๊ะม้าหินอ่อน ดวงตาสองคู่ประสานกัน
ม่อนแจ่มไม่หลบสายตาและเป็นพชรอีกเหมือนเคยที่เสมองไปทางอื่น
“สาม.. สอง..” ไอดิลให้สัญญาณ “หนึ่ง!”
พยายาม..
พชรพยายามแล้วที่จะบีบมือคู่แข่งเอาไว้ แล้วกดลงกับโต๊ะ เหมือนที่เคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน
อย่างที่บอก ..พชรเป็นคนแข็งแรง เขารู้จักกำลัง รู้จักร่างกายของตัวเองดี โดยเฉพาะมือ ..เขาไม่เคยพ่ายแพ้ในการงัดข้อ
ทว่า..
พชรแพ้ม่อนแจ่ม
ไอดิลและไอหมอกเบิ่งตาค้าง เมื่อเป็นมือขาวเรียวเล็กที่กดมือสีน้ำตาลแกร่งลงกับโต๊ะ
ม่อนแจ่มเองก็ตกตะลึง ได้แต่มองมือตัวเอง..
สัมผัสสากด้านที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลจากฝ่ามืออีกคนยังอุ่นอวลอยู่
เขาชนะ.. ได้ยังไงไม่รู้ แต่ชนะ..
หลังสิ้นเสียงสัญญาณ เขาก็แค่พยายามกดมืออีกฝ่ายลง เหมือนตอนพยายามกดมือไอดิลและกดมือไอหมอก
แตกต่างกันที่.. มือของพชรไม่มีแรงต้านเลยแม้แต่น้อย ..นั่นทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่ม่อนแจ่มเอาชนะใครสักคนได้ในการงัดข้อ
“ไว้เจอกันนะ อยากอาบน้ำเต็มทีแล้ว”
ร่างสูงละมือออก ลุกขึ้นยืน และเอ่ยลาเร็วๆ ความรู้สึกในใจจุกแน่นจนแทบจะแสดงออกมาทางสายตา
พชรไม่ได้ออมมือ ..เปล่าจริงๆ
ไม่เคยงัดข้อแพ้ใครมาก่อน แต่สัมผัสมือเรียว บอบบาง นุ่มเนียนคู่นั้นแล้ว แทบไม่อยากกำรุนแรง
ไม่อยากทำให้แดงช้ำ หรือเป็นริ้วรอยแม้แต่สักนิด
เขาทำไม่ได้..
บีบแน่นก็ไม่ได้ คว้าลงมากดทาบกับโต๊ะ ..ยิ่งไม่ได้
รู้แค่ว่าไม่ได้ และไม่ต้องการถามใจตัวเองด้วย ..ว่ามันเป็นเพราะอะไร
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ขอบคุณทุกการติดตามเช่นเคย ขอบคุณทุกรีฯ ทุกการเปิด ทุกสิ่งอย่างครับ พบกันตอนหน้า ขอให้นี่เป็นเช้าที่ดีครับ