▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓  (อ่าน 136188 ครั้ง)

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
ยายนาจะใชะชะนีคนหนึ่งที่ตอนที่ต้นไปนอนตอนเมายาตอนเรียนเปล่าหว่า
กลัวเป็นแบบนั้น ตอนนี้เราเริ่มสงสารสนนะ แต่แค่นิดเดียว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
รอตอนต่อไปจ้า :call:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ซวยเอ๊ยยยยยย รักคนที่เค้ามีใจให้คนอื่น
....... แต่พี่แทนดีแบบนี้หาคนอื่นเถอะพี่

เริ่มคิดว่าระหว่างพี่แทนกับต้นใครน่าสงสารกว่ากันนะเนี่ย




ส่วนสน ทำตัวเองอ่ะ จะแก้ก็พยายามเข้าล่ะกัน

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สงสารสนนะตอนนี้  แต่มันมีโอกาสหลายครั้ง

สนก็ปล่อยมันไปเอง  สับสนจนกว่าจะรู้ ก็สายไปแล้ว

ก็ต้องทำใจแหละ  แต่ต้นนี่น่าสงสารที่สุด เจ็บไม่รู้จะเจ็บงัยแล้ว  :monkeysad:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
เฮ้อ น้ำตาไหลพรากตรงที่สนพูดว่า เราไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ แต่เราก็รักนาย
อีกไม่เกินสองตอน จะถึงฉากสำคัญที่ผมเคยเกริ่นไว้แล้วนะครับ
ตื่นเต้นจัง ไม่รู้จะเขียนออกไหม แต่จะทำให้ดีที่สุดครับ


---------------------------------------------------

ตอนที่ 28: แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี 



"เป็นไรต้น มีอะไรหรือเปล่า ใครทำอะไรนาย" สนถามหลังจากที่ต้นค่อยๆ ผละตัวออกอย่างอายๆ พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปแล้วต้นก็รู้สึกเขินไม่น้อย

"เราอยู่ตรงนี้ นายไม่ต้องกลัวนะต้น ไม่มีใครทำอะไรนายได้หรอก เพื่อนสนใครอย่าแตะรู้ไหม" สนพูดหยอกในตอนท้าย อย่างน้อยแค่รู้ว่าต้นมาหาเขาก็ดีใจแล้ว

"เปล่า..." ต้นยิ้มปนกับอาการที่ยังเขินอายอยู่ นึกขำที่สนยังจำสิ่งที่เขาชอบขู่คนอื่นๆ ที่มาแกล้งต้นสมัยเรียนมัธยมได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว ต้นก็ตระหนักแก่ใจว่ามันมีสิ่งดีๆ มากมายเกิดขึ้นจริงๆ ทุกอย่างล้วนแต่เกิดจากมิตรภาพและความตั้งใจ แม้ใครจะมองสนไม่ดี แต่ต้นก็คือคนที่รู้ดีที่สุดเพราะเขาได้สัมผัส เรียนรู้และรู้จักคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในแทบทุกวันของชีวิต

"เข้ามาก่อนสิ" สนเชิญชวน ทำให้ต้นเพิ่งนึกได้ว่าเขากับสนยังเปิดประตูคุยกันอยู่ ต้นเดินเข้ามาในห้องสนแล้วก็ยืนเก้ๆ กังๆ เพราะไม่แน่ใจว่าควรจะไปอยู่ตรงไหนของห้อง ต้นเห็นห้องนี้มีเตียงคู่ก็แปลกใจที่สนกับนานอนกันคนละเตียง

สนปิดประตูแล้วก็เดินมาหาต้น พาต้นเดินไปยังเตียงที่คิดว่าจะให้ต้นนอน "นายนอนเตียงนี้ละกัน" สนบอกพลางยิ้ม สีหน้าเขาดูมีความสุขมากขึ้นทีเดียวที่เห็นต้นมาหา แม้จะไม่รู้ว่าต้นมาหาด้วยสาเหตุใดแต่สนก็ดีใจอย่างล้นเหลือ ตั้งแต่นาเข้ามาในชีวิต สนก็ไม่ค่อยได้ไปหาต้นบ่อยๆ เหมือนเคย และไม่ได้ไปอีกเลยพอรู้ว่าต้นกับพี่ทดแทนคบกัน

ต้นค่อยๆ นั่งลงบนเตียง สนตามลงมานั่งข้างๆ สีหน้าเขาทั้งยิ้มและทั้งเศร้าปนๆ กัน

"ต้น...เราดีใจนะ...ที่นายมาหาเรา" สนอยากจะบอกว่าคิดถึงแต่ก็ยั้งปากเอาไว้ทัน เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าต้นมีแฟนแล้วและเขาไม่ควรพูดแบบนั้นกับต้น

ต้นเม้มริมฝีปาก ใช้ความคิดสักพักก็บอกไปว่า "พอดีแอร์ห้องนั้นมันเสีย...เราร้อนก็เลยว่าจะมาขอนอนห้องนี้กับนาย นายคงไม่ว่านะ"

"อ๋อ..." สนพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าใช่เหตุผลนั้นหรือเปล่า จริงด้วยสิ สนก็ลืมคิดไป ต้นนอนห้องเดียวกันกับทดแทนนี่นา ทดแทนทำอะไรต้นหรือเปล่า

"มีอะไรอย่างอื่นที่มากกว่า...ร้อนไหม" สนอดถามไม่ได้จริงๆ ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ของต้นแล้วก็ตาม

"ไม่มีหรอก" ต้นยิ้มกลบเกลื่อน "ว่าแต่นาย...โอเคแล้วใช่ไหม" ต้นเองก็อดที่จะเป็นห่วงสนไม่ได้ แค่ไม่ถึงเดือนที่ห่างเหินกันไป ดูเหมือนจะมีอะไรที่ต้นไม่รู้เกิดขึ้นมากมาย

สนพยักหน้าน้อยๆ "อืม..."

ต้นรู้ว่าที่สนตอบมาแค่นั้นเพราะเขาคงไม่สะดวกใจที่จะเล่ามากกว่านั้นให้ฟัง ไม่เป็นไรหรอก ถ้ายังไม่พร้อมต้นก็คงจะไม่ซักไซ้ให้ลำบากใจ

"ต้น...ในช่วงปีสองปีมานี้มีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่างนะ เราไม่รู้ว่ามันทำให้เราสองคน...บาดหมางใจกันมากแค่ไหน มันจะเป็นไปได้ไหมที่เรา...จะลืมเรื่องพวกนั้นไปก่อน เราอยากให้เรากับนาย...ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเหมือนที่เราเคยเป็นบ้าง นายเคยคิดถึงสิ่งดีๆ ระหว่างเราสองคนที่มันหายไปในช่วงนี้บ้างหรือเปล่าต้น นายคิดถึงใช่ไหม" สนถามด้วยสายตาวิงวอน

ต้นพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ

"ถ้างั้น...เรากลับมาทำเหมือนเดิมได้ไหมต้น ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นยังไง...ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรุ่งนี้"

ต้นยิ้มและพยักหน้าอีกครั้ง เขารู้ว่าสนหมายถึงอะไร ไม่อยากจะบอกเลยว่าบางทีต้นกับสนก็รู้จักกันมากเกินไปด้วยซ้ำ ภาพต่อมาจึงเป็นภาพที่ต้นนอนหนุนตักสนที่นั่งเหยียดขาอย่างสบายใจ สนชวนต้นคุยเรื่องราวตอนเป็นเด็กบ้าง สมัยเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัยบ้าง คุยเรื่องพ่อกับแม่ คุยเรื่องเพื่อนและอีกหลายๆ อย่าง อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาสองคนไม่ลืมว่าเคยเกิดอะไรขึ้น

จนต้นหลับไปแล้ว สนก็ยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิม มองดูคนที่เขารักปานแก้วตาดวงใจหลับไหลไปอย่างมีความสุข พรุ่งนี้เขากับต้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกก็ไม่รู้ แต่สนก็ดีใจที่เขากับต้นได้ทำเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำ

"เราไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะต้น แต่เราก็รักนายนะ รักมากที่สุดในชีวิตเลยรู้ไหม" สนพูดเหมือนกับรำพึงกับตัวเอง เขาใช้มือปัดไรผมเล็กๆ ให้พ้นไปจากใบหน้าที่กำลังหลับไหล น้ำตาสนค่อยๆ ไหลลงมาจนเขาต้องสูดหายใจยาวเพื่อสะกดกลั้นมันไว้ คำว่ารักที่เขาอยากบอก ก็คงบอกได้แต่ตอนที่ต้นไม่รู้

พรุ่งนี้ต้นก็คงกลับไปหาพี่ทดแทน เขาเองก็คงต้องกลับมาอยู่ในโลกของความเป็นจริง สนเสียดายเหลือเกินที่วันนี้ทุกอย่างผิดพลาดจนมันคงสายไปแล้ว หลังจากเกิดเรื่องกับผู้หญิงที่ชื่อก้อยสมัยเรียนและได้รู้ว่าต้นเป็นเกย์ สนก็เริ่มสงสัยว่าเขาคิดอะไรกับต้นกันแน่ ความรู้สึกของสนเริ่มปรากฏชัดขึ้นก็ตอนที่ต้นยอมไปทำงานหาเงินแทนเขา ตั้งแต่นั้นสนก็ทำตัวดีมาตลอด ไม่เคยเหลวไหล ไม่เคยเกเรอีกเลย เขาใช้ชีวิตอยู่กับต้นและเรียนหนังสือด้วยกันอย่างมีความสุข พยายามตั้งใจเรียนเพราะอยากจะให้ต้นได้ภูมิใจกับความสำเร็จในการเรียนของเขา แล้วสนก็ทำได้สำเร็จในที่สุด ต้นภูมิใจกับเขามาก สนเองก็ดีใจที่เขาสามารถทำสิ่งที่ต้นอยากเห็นมากที่สุดได้
 
ที่สนไม่เคยเหลวไหลหลังจากนั้นเลยเพราะเขารู้ว่าเขาคงรักต้นเข้าให้แล้ว เขาอาจจะสับสนแค่ตอนแรกๆ แต่หลังจากพี่ปิ๊กเข้ามาและจากไป สนก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น แม้ว่าจะมีผู้หญิงมากมายมาชอบหรือทอดสะพานให้ สนก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งด้วย คงไม่มีชายหนุ่มคนไหนหรอกที่จะทนเหงาไม่มีแฟนอยู่ได้ตั้งสองสามปี ที่สนทำได้เพราะต้นคือคนพิเศษของเขานั่นเอง ถึงจะไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนแต่ทุกวันที่ใช้ชีวิตด้วยกัน ต้นก็ไม่ต่างจากแฟนเขาเลย แม้จะไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูด แต่ทุกสิ่งที่สนทำก็บ่งบอกความรู้สึกของเขาอยู่แล้ว ต้นเองก็คงจะรับรู้ได้ถึงสิ่งนั้นไม่มากก็น้อย

เขาเฝ้าทนุถนอมความรู้สึกนี้ไว้ในใจ รักแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะเอาเปรียบต้นแม้จะมีโอกาสแทบตลอดเวลา สนได้แต่เฝ้ารอวันที่เขาจะมั่นใจว่าเขารักต้นจริงๆ มั่นใจว่าไม่ใช่อารมณ์เพ้อฝันของหนุ่มสาว ไม่ใช่ความเผลอใจหลงใหลชั่วครู่ชั่วยาม ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะความสงสารเห็นใจในความดี แต่เป็นความรักที่หมายถึงความรักจริงๆ เพราะเขาตั้งใจไว้แล้วว่าเมื่อบอกรักต้นไปแล้ว ต้นจะต้องไม่เสียใจกับเรื่องนี้อีก เหมือนกับที่เขาตั้งใจเรียนจนจบซึ่งเป็นสิ่งที่ต้นจะไม่มีวันเสียใจอีกเลย นอกจากนี้แล้วเขาก็ยังวางแผนถึงขนาดที่ว่าจะไปพูดคุยกับพ่อแม่ของเขาและของต้นอีกด้วย

อนิจจา...วันนั้นที่เขาจะได้บอกว่ารักต้นอย่างภาคภูมิใจก็ผ่านมาแล้ว จนป่านนี้ต้นก็ยังไม่ได้รับรู้ เพราะอารมณ์ด้านมืดชั่ววูบเดียวเท่านั้น ปราสาททรายที่เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ของสนก็ถูกคลื่นซัดสาดหายวับไปกับตา สิ่งที่วาดหวังไว้ค่อยๆ หลุดลอยไปจนสุดเอื้อมมือ เขาจะโทษใครได้นอกจากตัวเอง สงสารก็แต่ต้นที่ได้แต่เฝ้ารอ หลายครั้งที่สนอยากจะบอก แต่เมื่อคิดบวกลบคูณหารแล้วเขาก็รู้ว่าเขาบอกไม่ได้ มันทรมานจิตใจเขามากเหลือเกิน มากจนเขาแทบจะเสียสติ

-----------------------------------------------------

วันต่อมา ทุกคนก็เปลี่ยนแผนจากการที่จะไปเที่ยวข้างนอกมาเป็นนั่งคุยกันเล่นๆ อยู่ในรีสอร์ทแทนเพราะตอนบ่ายๆ ก็จะเดินทางกลับแล้ว หลังจากกินข้าวเช้าทดแทนก็ชวนต้นไปเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนนิก ปั้นจั่นและสนก็กลับมานั่งคุยกันอยู่ตรงชั้นล่างของที่พักซึ่งมีโต๊ะและเก้าอี้ไว้สำหรับนั่งคุยกันหรือทำกิจกรรมอื่นๆ

ทดแทนกับต้นเดินเล่นด้วยกันอย่างเงียบๆ ต้นหันไปชำเลืองมองทดแทนแล้วก็คิดสะท้อนใจ ต้นเองก็รู้สึกผิดที่เขากับทดแทนตกลงเป็นแฟนกัน แต่ต้นก็บอกทดแทนไปตรงๆ แล้วว่าเขายังลืมสนไม่ได้ ถ้าหากจะเป็นแฟนกันจริงๆ ทดแทนก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย ก็น่าแปลกที่ทดแทนก็ตกลงและพร้อมที่จะเข้ามาช่วยดามหัวใจให้ต้น

"ผม...ขอโทษพี่แทนนะครับ...เรื่องเมื่อคืนนี้"

ทดแทนหยุดและสบตากับต้น แววตาของต้นบ่งบอกว่าเขาก็รู้สึกผิดอย่างที่พูดจริงๆ "พี่ก็...ต้องขอโทษต้นด้วยที่...รีบร้อนไปหน่อย ต้นไม่โกรธพี่ใช่ไหม"

ต้นส่ายหน้าพลางยิ้ม "ไม่หรอกครับ แต่ว่าผม...อยากจะขอพี่แทนไว้ว่า...ผมยังไม่พร้อมจริงๆ ครับสำหรับเรื่องนี้" ก็คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการพูดและบอกไปตรงๆ ที่ต้นกล้าพูดแบบนี้เพราะทดแทนเองก็เป็นคนที่ชอบพูดตรง บางครั้งก็ตรงมากเกินไปเสียด้วย

ทดแทนพยักหน้าเข้าใจ แต่เขายังจำภาพที่เขาเห็นเมื่อคืนได้ติดตาอยู่เลย มันทำให้เขาไม่สบายใจและหนักใจจริงๆ

"พี่แทน...เรื่องที่ผมไปหาสนเมื่อคืน...พี่ไม่ต้องห่วงนะครับ ทุกอย่างมันจบไปแล้ว แต่พี่คงไม่ว่าใช่ไหมครับ ถ้าผมกับสนอาจจะยังมีเยื่อใยต่อกันในฐานะเพื่อนอยู่ เรารู้จักกันมานานมาก มีความผูกพันหลายอย่าง คงตัดกันไม่ขาด" ต้นรู้ว่าทดแทนกำลังกังวลใจเรื่องนี้ เขาจึงพยายามพูดเพื่อที่จะให้ทดแทนสบายใจมากขึ้น

"ต้น...พี่เข้าใจนะ พี่เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าต้นจะต้องเลิกคบกับสนไปเลย พี่ไม่ว่าหรอกถ้าต้นจะเป็นเพื่อนกับสนเหมือนเดิม แต่ต้นแน่ใจหรือว่าสนเขาคิดกับต้นแค่เพื่อน"

ต้นสบตากับทดแทนด้วยแววตาสงสัย ทดแทนเห็นอะไรถึงได้พูดแบบนั้น สนเคยแสดงให้ทดแทนเข้าใจไปแบบนั้นหรือเปล่า

"พี่ไม่รู้นะว่าต้นกับสนรู้อะไรระหว่างกันบ้าง แต่พี่แค่รู้สึกว่าสน...ไม่ได้คิดกับต้นแค่เพื่อน แล้วถ้าเกิดทั้งสองคนที่ไม่ได้คิดแค่เพื่อนยังมาเจอกัน อยู่ใกล้กัน พี่บอกตรงๆ ว่าพี่ก็รู้สึกไม่มั่นใจ พี่ถามจริงๆ นะ ต้นไม่รู้เลยหรือว่าสนเขาคิดอะไรกับต้นเกินเพื่อนหรือเปล่า"

เป็นอีกคำถามที่ทำให้คนตอบลำบากใจทีเดียว ถ้าถามมาตรงๆ แบบนี้ ต้นก็คงต้องตอบตรงๆ บ้าง "ก็เคยรู้สึกนะครับ แต่ตอนนี้สนเขาก็มีแฟนไปแล้ว อีกไม่นานก็จะแต่งงานกัน ถ้าเขาคิดแบบนั้นกับต้นจริง เขาก็คงไม่ไปแต่งงานกับคนอื่นหรอกครับ"

"เขากับแฟนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าต้น ไม่รู้สิ พี่คิดว่าสนเขาชอบต้น แต่พี่ก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันว่าทำไมเขาถึง...มีแฟน รู้ไหมว่าเมื่อก่อนพี่ก็เคยถูกพ่อแม่บังคับให้คบกับผู้หญิง เพราะเขาไม่อยากให้พี่เป็นเกย์ สนเขาถูกพ่อแม่บังคับหรือเปล่า"

"ไม่หรอกพี่ ผมไม่เคยได้ยินพ่อกับแม่ของสนพูดเรื่องนี้เลย ที่ผมมั่นใจเพราะผมรู้จักครอบครัวของสนมาตั้งแต่เด็กๆ ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จริงๆ แต่ก็ช่างเถอะครับ กลับมาที่เรื่องของเราสองคนก่อน..." ต้นหยุดถอนหายใจ "เรื่องผมกับสน พี่แทนก็คงจะเห็นแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมเองก็กำลังพยายามตัดใจ แต่ผมก็ให้คำตอบกับพี่ไม่ได้ว่าเมื่อไรผมถึงจะตัดใจได้ ผมถามพี่ตรงๆ นะครับ เมื่อพี่รู้อย่างนี้แล้ว...พี่ยังสบายใจที่จะคบผมเป็นแฟนอยู่หรือเปล่า พี่หนักใจไหม พี่...รู้สึกว่ามันเป็นปัญหากับชีวิตพี่ไหม"

คราวนี้ทดแทนถอนหายใจบ้าง เขามองไกลไปที่เส้นขอบฟ้าที่เหมือนจะเป็นสีเดียวกับทะเลจนแทบจะแยกไม่ออก ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ท้องฟ้ามักจะโปร่งโล่งและอวดสีครามสดใสกับแสงอาทิตย์เสมอ

"จำได้ไหมต้นวันที่เราตกลงจะเป็นแฟนกัน พี่ก็รู้นะว่าต้น...ยังไม่ลืมสน แต่พี่มาคิดๆ ดูแล้ว ไม่ว่าพี่กับต้นจะเป็นแฟนกันหรือไม่ พี่ก็ชอบต้นไปแล้ว พี่เองก็อยากช่วยต้นให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด พี่ก็คิดว่า...การเข้ามาของพี่ในฐานะเช่นนี้คงจะช่วยทำให้ต้นค่อยๆ ลืมสนไปได้ ก็เอาเป็นว่า...พี่ยินดีละกันนะต้น ก็พี่รักต้นไปแล้ว พี่ก็อยากช่วยคนที่พี่รัก ถึงแม้ว่าในตอนท้าย...พี่อาจจะไม่สมหวังเลยก็ตาม พี่เข้าใจ...ไม่แปลกหรอกที่คนเรามีรักแล้วจะสมหวังบ้าง จะผิดหวังบ้าง พี่ก็ผิดหวังมาหลายครั้ง สมหวังมาก็หลายครั้ง แต่อย่างน้อย...เราก็ได้รักคนที่เราอยากจะรัก มันจะลงเอยยังไง...พี่ก็จะทำเต็มที่ของพี่"

"พี่แทน..." ต้นเรียกด้วยเสียงแหบพร่า เหมือนกับจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

ต้นได้ฟังแล้วก็อยากจะร้องไห้ คนที่ดีก็ดีเหลือหลาย ทดแทนรักเขาและอยากจะรักไม่ว่าวันนี้ต้นจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าต้นจะรักใคร เขาก็ไม่อยากรอ เขาไม่ต้องรอว่าเมื่อไรควรจะรัก เมื่อรักแล้วก็รักเลย ความรักเกิดขึ้นมาแล้วมันรอไม่ได้

จากสิ่งที่ทดแทนพูดเมื่อครู่ทำให้ต้นเองก็ต้องกลับมาถามตัวเองเหมือนกันว่าเขาเจ็บปวดจริงหรือที่รักสน ความรักมันก็คือความรัก ความเจ็บปวดกับความรักไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ความเจ็บปวดมันก็คือความอิจฉา หึงหวง อยากได้ในสิ่งที่พอใจ แต่ความรักมันคือการให้ ต้นเองก็มีความสุขที่ได้รัก เขามีความสุขเสมอที่ได้ดูแลสน คอยช่วยเหลือต่างๆ นั่นคือสิ่งที่ต้นพอใจและยินดีที่จะทำด้วยตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่สนขอร้องให้ทำ ต้นเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าสนจะต้องตอบสนองในทางเดียวกัน สนเองก็ไม่เคยให้สัญญาใดๆ ว่าจะรักต้นตอบ

ทุกอย่างมาจากความพอใจของต้น มันคงไม่ยุติธรรมนักที่จะคาดหวังว่าสนจะต้องรู้สึกอย่างเดียวกัน สนก็มีสิทธิ์เลือกชีวิตของเขา ต้นเข้าใจดี มันก็มีแค่บางครั้งที่ต้นรู้สึกอิจฉา แต่เมื่อต้นทำใจได้ ต้นก็รู้ว่าเขาจะรักสนได้อย่างไม่ต้องมีเงื่อนไข ไม่ต้องคาดหวังว่าสนจะรักตอบ เขาตั้งใจอย่างนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่เคยคิดจะบอกสนว่าเขารู้สึกยังไง แต่เรื่องมันมาวุ่นวายขึ้นก็ตอนที่สนรู้ว่าเขาเป็นเกย์นั่นเอง

--------------------------------------------------------

"เฮ้ยสน เมื่อคืนไอ้ต้นไปนอนห้องมึงเหรอ มีอะไรหรือเปล่าวะ" นิกถามขึ้นในขณะที่นั่งคุยกันอยู่เพลินๆ บรรยากาศที่กำลังสบายๆ ก็เลยดูตึงเครียดขึ้นมาทันที

"มึงรู้ได้ไง" สนถามด้วยสีหน้าเครียด

"ก็เมื่อคืนกูไปหาพี่แทนเขาที่ห้อง เขาก็บอกว่าต้นไปนอนห้องมึง มันเกิดอะไรขึ้นวะ"

"กูก็ไม่รู้ ไม่ได้ถาม ต้นอยากมานอนก็แค่ให้มานอนด้วยเฉยๆ" สนตอบเหมือนกับคนที่ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่เห็นว่าเรื่องที่ต้นมานอนที่ห้องเขาจะเป็นปัญหาตรงไหน

"มึงจะคิดอย่างนั้นได้ไง ต้นมันเป็นแฟนกับพี่แทนอยู่นะเว้ย แล้วอยู่ดีๆ มันไปนอนห้องมึงเนี่ย แฟนมันจะคิดยังไง" นิกเตือน

สนถอนหายใจอย่างหนักใจ "ไม่รู้เว้ย...ก็ต้องไปถามต้นเอง กูไม่ได้บอกให้ต้นมานอนห้องกูนี่หว่า อีกอย่าง ถึงต้นมานอนห้องกูมันก็ไม่ได้มีอะไร ถึงกูจะรักต้นมากแค่ไหน กูก็ไม่เคยคิดจะเอาเปรียบต้น ไม่เคยคิดที่จะบังคับขืนใจ แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอว่าพี่แทนที่พวกมึงคอยเชียร์น่ะเขาอาจจะ...จะเอาเปรียบต้นก็ได้ ไม่งั้นต้นจะหนีมาห้องกูทำไม"

นิกกับปั้นจั่นหันมามองหน้ากัน ที่สนพูดมันก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน อยู่ดีๆ ต้นจะไปนอนที่ห้องสนทำไม

"แต่เขาเป็นแฟนกัน มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ที่เขาจะทำแบบนั้นกัน" ปั้นจั่นขอพูดบ้างหลังจากที่ฟังมาพักหนึ่ง

"มึงคิดว่าต้นเขารักทดแทนมากพอที่จะยอมให้ทำแบบนั้นเหรอวะ กูไม่คิดอย่างนั้นว่ะ"

สนบอกมาแบบนี้ก็ไม่มีใครกล้าเถียง เรื่องความเข้าอกเข้าใจหรือรู้ใจกันก็ต้องยกให้สองคนนี้เขาจริงๆ

"อืม...ก็คงอย่างนั้นแหละ แต่มึงก็ต้องเข้าใจต้นนะเว้ย ต้นมันก็ต้องการใครสักคนเหมือนกัน ถึงตอนนี้มันจะลืมมึงไม่ได้ แต่สักวันมันก็ต้องลืมให้ได้ อีกไม่นานมึงก็จะเป็นของคนอื่นแล้ว ต้นไม่ควรจะมีความหวังกับมึงอีก"

"อะไรวะปั้นจั่น พวกมึงยังเชียร์ให้กูแต่งงานอีกเหรอวะ ไหนว่าจะหาทางช่วยไง กูไม่อยากแต่งงานเลยรู้เปล่า ถ้ากูหายไปจากโลกนี้ได้กูก็คงหายไปแล้ว"

"ใจเย็นๆ สิวะ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเว้ย" ปั้นจั่นรีบแก้ตัว

"คุยเรื่องอื่นเถอะ เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก" นิกรีบเตือนเพื่อนอีกสองคนเมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี

"ไม่ต้องเลยมึง มึงนั่นแหละเป็นคนเริ่มก่อน กูบอกมึงแล้วว่าอย่าชวนคุยเรื่องพวกนี้" ปั้นจั่นหันไปว่าเพื่อน นิกได้แต่ยิ้มและหัวเราะแหะๆ

"สงสัยสองคนนั้นเขาคงไปปรับความเข้าใจกันแน่ๆ เลย ดูสิ จนป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก ไม่รู้ว่าเป็นไงมั่ง จะทะเลาะกันหรือเปล่าก็ไม่รู้" ทั้งๆ ที่เพิ่งเตือนเพื่อนไปหยกๆ นิกกลับเผลอพูดขึ้นมาเองเสียอย่างนั้น

"ไอ้นิก เมื่อกี้มึงยังว่ากูอยู่เลย เสือกพูดเองนะมึง พอแล้วๆ สงสารไอ้สนมันบ้าง" ปั้นจั่นปราม

"เออๆ โทษที ลืมตัวนี่หว่า ขอโทษละกันนะสน" นิกทำสีหน้ารู้สึกผิด

แค่รู้ว่าเพื่อนสองคนนี้คำนึงถึงจิตใจของเขาสนก็ดีใจแล้วล่ะ เมื่อก่อนคุยกันไม่กี่คำก็มักจะทะเลาะกัน แต่ความจริงในใจทุกคนก็รู้ว่าเป็นเพื่อนกัน ห่วงใยกัน เคยอยู่ด้วยกันมาตั้งสี่ห้าปี ยังไงก็รักกันเหมือนเพื่อนสนิททีเดียวล่ะ

--------------------------------------------------------

ใกล้วันแต่งงานของสนกับนาเข้ามาแล้ว อีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น แม่ของสนดูจะแปลกใจมากทีเดียวเมื่อรู้ว่าต้นจะไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวจนต้องโทรมาต่อว่าลูกชาย

"สน...แม่ว่าสนทำไม่ถูกนะลูก ต้นเขาเป็นเพื่อนกับลูก รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมถึงไม่ให้ต้นเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวล่ะลูก ต้นเขาจะไม่น้อยใจแย่เหรอ สนต้องให้เกียรติต้นหน่อยสิลูก ต้นเขามีบุญคุณกับพวกเรามากนะสน"

สนทำสีหน้ายุ่งยากใจ ที่เขาไม่อยากให้ต้นเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนั้นเป็นเพราะเขาไม่อยากให้ต้นสะเทือนใจมากไปกว่านี้ ถ้าเป็นไปได้ เขาจะไม่ให้ต้นไปงานแต่งงานเขาด้วยซ้ำง

"ผมขอโทษจริงๆ ครับแม่ แต่เพื่อนผมสิครับแม่ เขาเคยบอกว่าถ้าผมแต่งงานเขาจะมาช่วยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ พอเขารู้ว่าผมแต่งงานแล้วเขาก็เลยเสนอตัว ผมก็ไม่รู้จะขัดยังไง แต่ผมคุยกับต้นแล้วนะครับ ต้นเขาไม่ได้ว่าอะไร ต้นเขาเข้าใจครับแม่"

"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สนก็ควรจะเสนอต้นก่อนให้ต้นมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว นี่อะไร พอเพื่อนเสนอมาก็ไปตกปากรับคำกับเพื่อนซะอย่างนั้น น่าตีจริงๆ เลยสนนี่" แม่ของสนยังคงไม่พอใจอยู่

"ผม...ลืมไปจริงๆ ครับแม่ เดี๋ยวผมจะไปขอโทษต้นเองครับ แต่ว่าตอนนี้คงไม่ทันแล้วล่ะ ผมไม่อยากไปปฏิเสธเพื่อนเพราะว่ามันก็อุตส่าห์เสนอตัวมา ผมก็ตกลงไปแล้ว ไม่อยากให้มันเสียหน้าครับ มันก็เป็นเพื่อนสนิทของผมอีกคน" สนแก้ตัว จริงๆ เพื่อนเขาไม่ได้เสนอตัวหรอก แต่สนไปขอใให้มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ต่างหาก

"เอาเถอะๆ มันผ่านไปแล้ว ก็ไปขอโทษต้นเขาละกัน แม่ก็จะไปขอโทษพ่อกับแม่ต้นด้วย ทีหลังทำอะไรก็คิดดีๆ ก่อนนะสน อย่างเรื่องแต่งงานนี่ก็เหมือนกัน แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสนต้องรีบร้อนขนาดนั้น" แม่บ่นเรื่องนี้อีกแล้ว แต่แม่ของสนก็เข้าใจไปว่าลูกชายคงพลาดไปมีอะไรกับผู้หญิงก่อนก็เลยอยาจะรับผิดชอบ แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่รู้จะว่ายังไง

"ครับแม่ เดี๋ยวผมจะไปขอโทษต้นเย็นนี้เลยครับ" สนตอบเอาใจแม่ แต่ว่าสนก็จะไปหาต้นจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ไม่รู้จะได้เจอบ้างหรือเปล่าเพราะช่วงนี้ต้นเริ่มอาการเดิมอีกแล้ว พอใกล้วันแต่งงานของสน ต้นก็เริ่มหลบหน้าหลบตาและไม่ค่อยยอมให้เขาไปหาที่คอนโดเหมือนเดิมอีก

แล้วก็เป็นอย่างที่สนคิด พอสนโทรไปหาต้นเพื่อที่จะบอกว่าเขาจะไปหาที่คอนโดตอนเย็น ต้นก็ตอบกลับมาว่า

"เราไม่ว่างน่ะสน เย็นนี้พี่แทนเขาจะพาเราไปซื้อของที่พารากอน"

สนได้แต่หน้าม่อย บางทีเขาก็อดน้อยใจไม่ได้ อยากจะลุกขึ้นมาหึงหวงกันท่าเหมือนเดิม แต่ก็รู้สึกละอายใจจนเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้

"เหรอ...เสียดายจัง"

"ใกล้จะแต่งงานแล้วนะสน นายควรจะเอาเวลาไปดูแลแฟนนายดีกว่านะ เดี๋ยวเขาจะน้อยใจ"

นอกจากจะไม่อยากให้ไปหาแล้วต้นยังเตือนสนเรื่องแฟนอีก เอากับต้นสิ ใจคอจะไม่ให้เขาได้เห็นหน้าบ้างเลยหรือไง คิดถึงก็คิดถึง ก็เพราะรู้ว่าจะแต่งงานแล้วน่ะสิถึงได้อยากมาหา มาเจอหน้า ก่อนที่สถานะของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างเต็มตัว

"อืม...ไม่เป็นไร...เอาไว้คราวหน้าละกันนะต้น"

ช่วงนี้สนอยากมาหาต้นเหลือเกิน เขากำลังต้องการใครสักคนที่จะช่วยเยียวยาจิตใจเขาบ้าง สนเครียดมาหลายวันแล้ว เขาถูกกดดันจากนาและพ่อกับแม่ของเธอจนเขาต้องยอมให้เกิดงานแต่งงานขึ้น หลักฐานชิ้นนั้นมันทำให้เขาดิ้นไม่หลุด เขาไม่ได้สร้างมันขึ้นมาหรอก แต่เขาถูกยัดเยียดให้เป็นคนสร้างหลักฐานนั้นขึ้นมาเสียเอง ด้วยเหตุผลที่เขาเป็นผู้ชาย ผู้หญิงคือคนเสียหาย แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่านาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร สนก็ยังมีสำนึกของความเป็นคน ยังมีสำนึกของความเป็นลูกผู้ชาย เขาก็ต้องรับผิดชอบ

"แต่ว่า...ช่วงนี้เราจะไม่ว่างนะสน เดี๋ยวเราจะไปงานอาสาสมัครกับพี่แทนที่เชียงราย แต่ไม่ต้องห่วงนะ เราไปไม่กี่วันหรอก กลับมาทันงานแต่งงานของนายอย่างแน่นอน"

แค่นี้สนก็พอรู้แล้วว่าต้นต้องการที่จะหลบหน้าเขาจริงๆ แต่เขาก็เข้าใจต้นว่าทำไมต้นถึงต้องทำแบบนั้น สนรู้สึกใจหายเหลือเกิน คิดแล้วก็เศร้าใจที่เขาคงจะต้องสูญเสียคนที่เขารักไปแล้วจริงๆ เขาอยากให้มันเป็นแค่ความฝัน เป็นแค่ฝันร้ายที่ตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มันก็คือเรื่องจริงที่เขาต้องเผชิญ เพราะเขาทำให้มันเกิดขึ้นเองทั้งหมด

TO BE CONTINUED
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2012 08:58:59 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ผู้หญิงไรฟระน่ากลัวเกิน

ถ้ามีหลักฐานอะไรนอกจากโดนเห็นคาตา แปลว่า เค้าจัดฉากแล้วล่ะ

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
ลึกๆ เราว่า สนช้าไปเองที่หลายสิ่งหลายอย่างชัดเจน แต่ไม่ทำตามใจตัวเอง
แต่ยัยนานั่นอยากได้สาามีมากเหรอไง เฮ่อ สงสารทุกคนมาก

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
:o12: :o12:  สนจะแต่งงานจริงๆหรอ ทำไมมันเร็วอย่างงี้ล่ะ
นิกกี้กับปั้นจั่นช่วยคิดหาทางออกให้สนให้ได้นะ ด่วนๆๆๆๆเลย จะไม่ทันแล้ววววว  :z3: :z3: :z3:

สงสารทั้งต้น สน และพี่ทดแทนเลย

ขอบคุณค่ะ

 :L2: :L2: :L2:


ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399

 :m15: :m15: :m15:

อ่านตอนก่อนหน้าแล้วแอบร้องไห้

 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

สนเพิ่งมารู้ตัวอะไรเอาตอนที่กำลังสายไป

มาม่าถ้วยใหญ่กำลังจะมาใช่ไหมค่ะ เฮ้อ พี่ทดแทนก็ทนุทนอมต้นหน่อยนะคะ อย่าเพิ่งทำอะไรต้นของคนอ่านเลย แงแงแง

แล้วชะนีปวีณา??ใช่ป่าวเนี่ย - -  ทำไมต้องไปแต่งงานกับยัยนี่ด้วยอะ

ไม่ยอม ไม่ยอม !!! 

 :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2:


+1

ค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ สนน่าจะรู้ตัว เร็วกว่านี้นะ

ออฟไลน์ leelea

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
...ไม่ว่านาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร สนก็ยังมีสำนึกของความเป็นคน ยังมีสำนึกของความเป็นลูกผู้ชาย เขาก็ต้องรับผิดชอบ...

ถ้านี่คือเหตุผลที่แก้ปัญหาไม่ได้ ก็ทำใจยอมรับแล้วแต่งงานไปซะเถอะสน
หรือไม่ก็ทิ้งสำนึกที่ว่า แล้วพูดความรู้สึกที่แท้จริงกับนาและต้นซะ

มัวแต่เวิ่นเว้ออยู่อย่างนี้ มันมีประโยชน์อะไรไหมห๊ะ!!

เริ่มรำคาญสนละ  :m16:

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
หมดทิชชู่กับตอนนี้ไปหลายแผ่นมาก ซับน้ำตานะครับ ไม่ใช่อย่างอื่น
ตอนหน้าแล้วนะครับที่จะถึงตอน "อย่างว่า" แล้ว
เริ่มเขียนแล้วล่ะครับ แต่ยากเอาการอยู่ ขอเวลาสักพักในการขัดเกลานะครับ
กะจะเขียนตอนนี้ให้ได้รางวัลซีไรท์ไปเลย :z1:

อีกไม่นานก็คงจะจบแล้วนะครับ มาลุ้นกันว่าความรักของต้นกับสนจะเป็นอย่างไร
เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ สนแต่งงานกับนาและใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แต่เวอร์ชั่นนี้อาจจะเป็นอีกแบบ
เรื่องของนา ผมจะค่อยๆ เฉลยออกมาทีละนิดๆ
แต่ขอให้เชื่อว่า...ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง
อาจจะป็นเหตุผลที่เราไม่เห็นด้วย แต่นั่นก็คือเหตุผลของเขา
ถ้าจะอ่านให้มีความสุขมากขึ้น ต้องวางเหตุผลถูกผิดของเราลงสักหน่อย
บางทีเราอาจจะเข้าใจในสิ่งที่เราไม่เห็นจะเข้าใจมากขึ้น

อย่าเพิ่งเครียดนะครับ สนจะทำอะไรที่เซอร์ไพรส์ให้ดู


------------------------------------------------------

ตอนที่ 29: บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน



สนนอนคิดทั้งคืนเมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้ต้นจะไปเชียงรายกับทดแทนอีกแล้ว ทำไมคราวนี้สนถึงได้รู้สึกไม่อยากให้ต้นไปมากขนาดนี้ก็ไม่รู้ เขาไม่อยากให้ต้นไปเลย ไปอยู่สองต่อสองกับทดแทนแบบนั้นสนกลัวว่าสักวันต้นจะพลาด แต่ก็นั่นแหละ มันเรื่องอะไรของสนล่ะ เขาจะไปหวงต้นทำไมก็ในเมื่อเขาเองก็จะแต่งงานอีกไม่กี่วันนี้ เขาไม่มีสิทธิ์อะไรเลยที่จะไปหวงต้น แต่ก็อย่างว่า เรื่องของความควรไม่ควรกับเรื่องของหัวใจบางทีมันก็ไปด้วยกันไม่ได้ ถึงยังไงสนก็รู้สึกหวงต้นอยู่เสมอ เขาโกหกตัวไม่ได้ว่าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น

ด้วยสาเหตุนี้มันจึงเป็นเหตุให้สนต้องรีบตื่นแต่เช้าแล้วก็มาที่คอนโดของต้น สนยังสามารถเข้านอกออกในที่นี่ได้อยู่เหมือนเดิมเพราะเขามีคีย์การ์ดอยู่ สนขึ้นมาบนชั้นที่ต้นพักอยู่ เขาไม่ได้เข้าไปในห้องเลยทีเดียวแต่ยืนรออยู่ข้างนอก ในใจก็คิดหาวิธีที่จะสื่อสารกับต้น อยู่ดีๆ จะมาบอกให้ต้นไม่ต้องไปต้นคงงงเหมือนกัน

ไม่ถึงยี่สิบนาที เสียงกุกกักๆ ก็ทำให้สนรู้ว่าต้นกำลังจะออกมา ใครจะว่าอะไรเขาก็ช่าง แต่สนคงต้องทำแบบนี้ พอต้นเปิดประตูออกมาแล้ว สนก็แสดงตัวพร้อมกับดักทางต้นไว้ ต้นดูจะแปลกใจมากทีเดียวที่เห็นสนมาหาในตอนเช้ามืดแบบนี้ อีกอย่างต้นก็บอกสนไปแล้วนี่นาว่าจะไม่อยู่ หรือว่าสนจะมีเรื่องสำคัญ

"ต้น...นายไม่ไปได้ไหม"

สนพูดแล้วก็เดินเข้าไปกอดเพื่อน ให้มันรู้ไปสิว่าต้นจะใจแข็งได้ สนเองก็ไม่อยากใช้วิธีนี้หรอกเพราะรู้ว่าต้นใจอ่อนเสมอเวลาที่เจอเขาอ้อนแบบนี้ แต่เขาไม่อยากให้ต้นไปจริงๆ นี่นา ให้ทำยังไงก็ยอมล่ะทีนี้

ต้นตกใจมากทีเดียวเพราะไม่รู้ว่าสนเป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็มาหานี่ก็น่าแปลกใจแล้ว นี่แถมยังมากอดแล้วอ้อนวอนอีก

"ไม่ได้หรอกสน เราต้องไป เรารับปากพี่เขาไว้แล้ว" น้ำเสียงของต้นดูเหมือนจะไม่มีพลังที่จะต่อต้านนัก แค่อยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่นของสนทีไรต้นก็แทบจะไปไหนไม่รอดแล้ว ให้โกรธให้โมโหแค่ไหนต้นก็แพ้ทุกที ที่สำคัญมันทำให้ต้นรู้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีให้สนไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ทำไมนายต้องกลับมาตอกย้ำความรู้สึกเดิมที่เรามีให้นายอีกนะสน เราจะลืมนายได้ยังไงล่ะถ้านายยังทำแบบนี้อยู่

"ก็เราไม่อยากให้นายไป" สนดึงดันแถมยังทำเสียงอ้อนที่คิดว่าฟังดูน่าสงสารที่สุด

"ทำไมล่ะสน ทำไมนายไม่อยากให้เราไป" ต้นสงสัยจริงๆ เขาก็ไปมาหลายครั้งแล้วทำไมคราวนี้ไม่อยากให้ไปล่ะ

"ไม่รู้ ก็แค่ไม่อยากให้ไป นะต้นนะ อย่าไปเลย เราคิดถึงนายรู้หรือเปล่า ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน ไม่คิดจะให้เราได้เห็นหน้าบ้างหรือไง ให้เวลากับเราบ้างสิ เรายังเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะ นายไม่รู้เหรอ" แม้จะรู้ว่าไม่ควรพูดแบบนี้แต่สนก็เริ่มจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่อีกแล้ว

สนปล่อยต้นออกจากอ้อมแขนแล้วก็ดึงกระเป๋าเป้ที่ต้นกำลังเตรียมจะสะพายหลังมาถือไว้ พยายามทำสีหน้าให้ดูน่าสงสารที่สุด ต้นเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้

"ไม่ไปแล้วใช่ไหม" สนถามพร้อมกับสีหน้ายิ้มดีใจ

ต้นทำสีหน้ายุ่งยากใจ "จริงๆ เราก็ไม่ควรทำแบบนี้หรอก แต่ถ้านายไม่อยากให้ไป เราก็ไม่ไป"

สนยิ้มดีใจจนแก้มแทบปริ สุดท้ายต้นเองก็ยิ้มเขินที่ไม่สามารถเอาชนะลูกอ้อนของสนได้เลย ได้แต่ขอโทษทดแทนในใจ ที่ต้นยอมนั้นเป็นเพราะว่าเขาเองก็อยากให้เวลากับสนบ้าง พอต้นกับทดแทนคบกัน พอรู้ว่าสนกับนาจะแต่งงานกัน เขากับสนก็ไม่ค่อยได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ด้วยกันเลย ก็ดีเหมือนกัน มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ที่จะได้ใช้เวลาร่วมกันเหมือนที่เคยเป็นมา

"นั่นถุงอะไรเยอะแยะเลยล่ะสน" ต้นถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นถุงจำนวนหนึ่งวางกองไว้ข้างๆ ห้องของตัวเอง

"เราซื้อของทำกับข้าวมาด้วย จะทำให้นายกิน วันนี้เราจะทำแกงผักกาดจอให้นายกินนะ" สนยิ้มแก้เก้อ

"โห...วางแผนมาซะขนาดนี้ กะจะไม่ให้เราปฏิเสธได้เลยใช่ไหมเนี่ย" ต้นขำอย่างเอ็นดู สนเป็นคนน่ารักแบบนี้เสมอ แต่มันอะไรกันนะที่ทำให้สนเปลี่ยนท่าทีไปจนต้นสับสน เคยทำเหมือนว่ารัก ต้นก็รู้สึกได้ว่าสนคิดอย่างนั้นกับเขา แต่สุดท้าย...ทำไมอีกไม่กี่วันนี้สนก็จะแต่งงานแล้วล่ะ มันไปผิดพลาดตรงไหนกัน มันผิดคาดเสียจนต้นไม่กล้าคาดเดาอะไรอีกแล้ว

"ปะ เข้าไปข้างในกันเถอะ" สนชวนพร้อมกับเดินมาหยิบรวมรวมบรรดาของต่างๆ ที่เขาซื้อมา ต้นเห็นแล้วก็อดขำอีกไม่ได้

"เดี๋ยวเราถือของพวกนี้ละกัน นายเอากระเป๋าไปเก็บให้เราก็ได้"

"ขอบใจนะต้น" สนบอกแล้วก็เดินยิ้มเข้าไปในห้องของต้น เอากระเป๋าไปเก็บในห้องนอน ส่วนต้นก็ถือบรรดาถุงของทำกับข้างทั้งหลายไปไว้ในครัว

สนออกมาจากห้องนอนแล้วก็เดินมาหาต้นที่กำลังจะออกมาจากห้องครัว "โทรไปบอกพี่เขาด้วยสิว่านายไม่สบาย ท้องเสียหรือเป็นไข้ก็ได้ เอาท้องเสียดีกว่า" สนคิดให้เสร็จสรรพ

ต้นเลิกคิ้วทำสีหน้าตลก คิดในใจว่า 'แบบนี้ก็มีด้วย' แต่ก็แปลกที่ต้นก็ยอมทำตาม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็โทรหาทดแทนโดยมีสนคอยยืนคุมอยู่ข้างๆ

"พี่แทน ผมจะโทรมาบอกว่าวันนี้...ผมคงไปไม่ได้นะครับ"

ทดแทนคงจะถามเหตุผลเพราะสนเห็นต้นทำสีหน้ายุ่งยากใจ สนจึงทำท่าเอามือกุมท้องแล้วก็นิ่วหน้าเหมือนคนปวดท้องเพื่อให้ต้นบอกทดแทนไปตามแผนที่เขาวางไว้ให้

"ผมท้องเสียครับพี่ สงสัยจะไม่ไหวจริงๆ ครับ ตอนนี้เข้าห้องน้ำไม่หยุดเลยครับ" ต้นต้องยอมโกหกทั้งๆ ที่ปกติเขาก็จะไม่ค่อยทำแบบนี้

ต้นคุยกับทดแทนอยู่พักหนึ่งก็วางสายไป รู้สึกเหนื่อยเหมือนเพิ่งจะไปวิ่งมาสักยี่สิบกิโลเมตร ไม่คิดว่าการโกหกมันจะต้องใช้พลังงานมากขนาดนี้

"ขอโทษนะต้นที่ต้องให้นายโกหก เรารู้ว่านายไม่ชอบ แต่วันนี้เราขอละกันนะ" สนรู้ว่าตัวเองกำลังจะเศร้าอีกแล้ว แต่ก็พยายามไม่คิดถึงความทุกข์ใดๆ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในเวลานี้
 
ต้นพยักหน้า "ขอแค่วันนี้วันเดียวนะสน"

สนยิ้มเศร้าๆ และพยักหน้าตกลง คิดๆ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าพอถึงวันแต่งงานจริงๆ สนจะทำใจได้ไหม ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้อะไรๆ มันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ได้นะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้พยายาม พอเรื่องมันถึงพ่อกับแม่ของนาแล้วมันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะทางนั้นจะเอาเรื่องถึงที่สุด ถึงขั้นจะแจ้งตำรวจจับ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเขาไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ ไม่อยากให้ท่านทั้งสองต้องเสียใจ แถมยังมีต้นกับครอบครัวของต้นอีก ทุกคนรักเขามาก คอยดูแลเขาเป็นอย่างดี เงินทองที่ใช้เรียนหนังสือส่วนหนึ่งครอบครัวของต้นก็ช่วย ใครๆ ก็คงจะผิดหวังกับเขามากถ้ารู้เรื่องนี้ สนจึงต้องขอร้องให้นากับครอบครัวไม่ให้บอกพ่อกับแม่ของเขาแล้วเขาจะรับผิดชอบนาเอง เมื่อรับปากไปแล้วมันก็เป็นเรื่องยากที่สนจะคืนคำ

แต่พอเถอะ ไม่เอาแล้ว อย่าเศร้าเลยวันนี้ สนไม่อยากพูดหรือคิดถึงเรื่องเศร้าๆ อีกแล้ว มันมาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็คงต้องทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและหยุดทุกข์กับมันเสียที แต่ก็คิดถึงนิกกับปั้นจั่นเหมือนกัน ทำไมป่านนี้สองคนนั้นยังคิดไม่ออกอีกนะว่าจะช่วยเขายังไง

"นั่งดูทีวีไปก่อนนะต้น เดี๋ยวเราทำอะไรอร่อยๆ ให้กิน" สนบอกพลางรุนหลังให้ต้นเดินมานั่งตรงส่วนนั่งเล่นในห้อง แล้วก็เปิดทีวีให้ต้นดู "อ้อ...แล้วตอนสายๆ เราไปหาพ่อกับแม่ดีไหมต้น ตอนเย็นๆ ก็ไปกินข้าวนอกบ้านกัน เดี๋ยวเราเลี้ยงเองก็ได้"

ต้นพยักหน้า ไม่ว่าสนจะอยากทำอะไรเขาก็ไม่ขัดข้องทั้งนั้น สนก็ดีตรงนี้แหละ เขาเป็นคนรักครอบครัว แถมสนเองก็ยังรักและเคารพพ่อกับแม่ของต้นมาก พ่อกับแม่ของเขาก็รักสนมากเช่นกัน จนบางทีต้นก็รู้สึกเหมือนพ่อกับแม่มีลูกชายสองคน

"ไปกินไรดีล่ะต้น คราวที่แล้วที่พาไปกินอาหารญี่ปุ่น พ่อต้นสงสัยจะไม่ชอบแน่ๆ เลย เห็นกินได้นิดเดียวเอง เราว่าไปกินอาหารเกาหลีกันไหม อร่อยดีนะ รสชาติคล้ายๆ อาหารไทย พ่อต้นแม่ต้นน่าจะพอกินได้"

"แล้วพ่อสนแม่สนล่ะจะกินอาหารเกาหลีได้หรือเปล่า"

"ได้สิ เราเคยซื้อกิมจิไปให้พ่อกับแม่กิน เขาก็กินได้นะ อืม...เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกทีก็ได้ เดี๋ยวเราไปทำอาหารก่อนนะ เดี๋ยวนายหิวแย่เลย"

สนเดินเข้าไปในครัวแล้วต้นก็นั่งยิ้ม สนเป็นคนที่ชอบทำอาหารมากในช่วงหลังๆ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ฝีมือดีจนใครกินใครก็ชม บางทีต้นยังคิดเลยว่าสนน่าจะเปิดร้านอาหาร ท่าจะรายได้ดีไม่น้อย

พอสนทำอาหารเสร็จเขาก็ชวนต้นมานั่งกินข้าวด้วยกัน ดูท่าทางสนมีความสุขมากทีเดียว คอยชี้ชวนให้ต้นลองกินนั่นลองกินนี่ที่เขาทำ

"เป็นไง แกงผักกาดจอของเราสู้ที่แม่เราทำได้หรือเปล่า" สนถามพลางรอลุ้นขณะที่ต้นตักกิน

"อร่อยมากเลย ฝีมือไม่แพ้แม่สนเลย" ต้นชมพลางยิ้ม แล้วก็ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย เล่นเอาคนทำยิ้มไม่หุบ

"นี่ถ้านายเป็นแฟนเรานะคงอ้วนเป็นหมูแน่ๆ เลย"

สนเหมือนจะลืมตัวเพราะสิ่งที่เขาพูดหยอกเล่นเมื่อกี้ทำให้คนฟังถึงกับหยุดชะงัก ต้นค่อยๆ วางช้อนที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากลง

"อะไรนะสน เมื่อกี้นายพูดว่าอะไร"

สนกลืนน้ำลายแล้วก็หยุดยิ้ม เขาพูดอย่างนั้นออกไปได้ยังไงกัน เขาไม่เคยพูดแบบนี้เลยตั้งแต่คบกับต้นมา สนหน้าเจื่อนลง ถ้าต้นจะว่าอะไรเขาก็คงยอมให้ว่า แต่ขออย่างเดียว อย่าบอกให้เขาไปก็แล้วกัน

เห็นสนทำสีหน้าแบบนั้นต้นก็เลยอดสงสารไม่ได้ สนคงไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเผลอพูดออกมาก แต่แล้วมันอะไรกันนะที่ทำให้สนเผลอพูดแบบนั้น ต้นเคยรู้มาว่าการเผลอของเราก็คือการเผยความในใจอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายต้นก็ต้องบอกตัวเองอย่างเดิม 'หยุดฟุ้งซ่านเถอะ'

"นายว่าเราซื้ออะไรไปฝากพ่อกับแม่ดีคราวนี้" ต้นเปลี่ยนเรื่องพูด เขายิ้มเพื่อที่จะให้สนสบายใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร

สนจึงค่อยมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย "อ๋อ...เราอยากซื้อลูกเชอรี่ไปฝากพ่อต้นแม่ต้น เอางี้ดีกว่า แลกกัน เราซื้อไปฝากพ่อต้นแม่ต้น ต้นก็ซื้อไปฝากพ่อกับแม่ของเรา ดีไหม"

ต้นพยักหน้าเห็นดีด้วย เอาเถอะ ไหนๆ มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว อย่ามัวแต่เศร้ากับชีวิตอยู่เลย มันไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นหรอก ถ้าหากคิดว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ก็ทำให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่ดีที่สุดละกัน

----------------------------------------------------------------

พอทดแทนกลับมาจากเชียงรายแล้วก็ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ไม่ดีนัก พอถามต้นว่าตอนที่ไม่สบายมีใครมาดูแลก็ได้ความว่าเป็นสน ทดแทนถึงกับหน้าเสีย รู้สึกไม่พอใจจนเก็บอาการไม่อยู่

"สนเขามาหาต้นอีกแล้วเหรอ" แม้ว่าทดแทนจะพยายามควบคุมอารมณ์ แต่ต้นก็รู้ว่าทดแทนดูจะไม่ค่อยพอใจ ต้นยืนหน้าเสียเพราะไม่เคยเห็นทดแทนเป็นแบบนี้มาก่อน

"ครับ..."

ทดแทนเหมือนจะรู้ตัวว่าเขากำลังแสดงอาการไม่พอใจอยู่ ก็เลยต้องพยายามลดอาการลงบ้างเพราะอาจจะทำให้ต้นตกใจกลัวไปกันใหญ่ "ต้น...ไหนว่าต้นจะตัดใจล่ะต้น แล้วทำไมต้นถึงให้สนมาหาอีก แล้วเมื่อไรต้นจะตัดใจได้ล่ะ ต้นต้องรักตัวเองบ้างนะ อย่าเอาตัวเองไปเล่นกับความเจ็บปวดแบบนี้สิต้น"

"ผมขอโทษ..." ต้นไม่รู้ว่าจะอธิบายอะไรต่อ เขาได้แต่ก้มหน้าด้วยความเสียใจ พอได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ต้นก็ได้เรียนรู้มุมมองและตัวตนอื่นๆ ของทดแทนมากขึ้นในหลายๆ ด้าน แต่ไม่เป็นไรหรอก ต้นก็เข้าใจว่าคนเราคงไม่มีใครดีพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง ได้อย่างเสียอย่าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญมากนัก

ทดแทนเดินมาหาต้น เขาจับไหล่ต้นไว้ทั้งสองข้างแล้วก็พยายามให้ต้นสบตากับเขา "ต้น...ต้นเข้าใจพี่ใช่ไหม ต้นรู้ไหมว่าพี่...รอความรักจากต้นอยู่ ต้นช่วยบอกให้พี่มั่นใจหน่อยได้ไหมว่าต้นจะมีให้พี่ได้หรือเปล่า"

ต้นสบตากับทดแทนได้สักพักก็หลบตา เขารู้สึกประหม่าและกลัวอย่างบอกไม่ถูก

"คือ..." ต้นกลืนน้ำลาย สมองเขาตื้อไปหมดเพราะไม่รู้จะบอกหรืออธิบายให้ทดแทนเข้าใจได้อย่างไร หรือจริงๆ แล้วต้นก็ไม่แน่ใจว่าการอธิบายจะช่วยให้ทดแทนเข้าใจได้หรือเปล่า มันก็เป็นเรื่องเดิมที่ทดแทนก็รู้อยู่แล้ว

"บอกพี่มาสิต้น ต้นจะให้พี่ได้หรือเปล่า" ทดแทนคาดคั้น เขาเริ่มจับไหล่ต้นแน่นขึ้นจนต้นรู้สึกเจ็บ สนยังไม่เคยทำกับต้นแบบนี้เลย ทนุถนอมเขายังกับไข่ในหิน พอเจอแบบนี้ต้นก็ชักกลัวคนตรงหน้า

"ผมไม่รู้...แต่ผมก็บอกพี่แล้วนะครับว่าผมยัง..."

ทดแทนปล่อยต้นออกเมื่อจำได้ว่าต้นก็เคยบอกเขาเรื่องนี้แล้ว แต่จะให้เขาเข้าใจต้นอยู่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร ต้นเองก็ไม่เคยมีความพยายามใดที่จะลืมสนเลย ทดแทนมองเพดานแล้วก็ถอนหายใจ

"พี่รู้...แต่ต้นเข้าใจพี่บ้างได้ไหม...พี่เจ็บนะต้น"

ถ้าเป็นสน ต้นคงเดินไปกอดแล้วขอโทษ แต่พอเป็นทดแทน ต้นก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างนั้นไหม แต่ขาเขามันหยุดนิ่ง มือเขาก็ไม่ยอมขยับ แค่นี้ก็คงพอจะรู้แล้วล่ะว่าต้นทำได้หรือไม่

ทดแทนหันมามองต้นอีกครั้ง เขาดึงต้นเข้าไปกอดแล้วก็ร้องไห้ "พี่รักต้นนะ...อย่าให้พี่รอนานไปกว่านี้เลย"

ต้นได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ไม่ยอมแม้แต่จะกอดตอบ แต่กลับรู้สึกหวาดระแวง เขาไม่เคยให้ทดแทนมาที่ห้องเขาเลย แต่ทดแทนกลับจากเชียงรายก็ตรงมาหาต้นที่คอนโดเลย ต้นจึงต้องยอมพาเขาขึ้นมาบนห้อง

แต่ก็โชคดีที่ทดแทนไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น พอเขาอารมณ์ดีแล้วเขาก็กลับบ้านไป ต้นได้แต่นึกโมโหตัวเองที่ใจอ่อนอีกแล้ว ก็อย่างที่ทดแทนว่า ถ้าต้นมัวแต่ทำแบบนี้เขาก็คงไม่มีทางตัดใจได้ คนที่รอก็คงจะมีแต่เจ็บกับเจ็บ ต้นคงต้องคุยกับสนให้รู้เรื่องเสียที

-------------------------------------------------------

สนมารับนาที่ทำงานหลังจากที่เธอเลิกงานแล้ว นาทำงานธนาคารแห่งหนึ่งในห้างจึงเลิกค่อนข้างค่ำ แต่พอเข้ามานั่วในรถด้วยกันนากับสนก็ต้องทะเลาะกันอีกแล้ว ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกัน แต่สนกลับทำท่าทางเฉยชาเหมือนคนเบื่อโลก ทำให้นาไม่ค่อยพอใจจนอดไม่ไหวที่จะชวนทะเลาะ

"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้วนะคะ"

สนพยายามทำเฉยเพราะเหนื่อยที่จะทะเลาะด้วย แต่นาก็ดูเหมือนจะไม่ลดละ

"ทำหน้าให้ดีๆ หน่อยได้ไหมคะ เรากำลังจะแต่งงานกันอยู่ไม่กี่วันแล้วนะคะ"

สนถอนหายใจอย่างหนักใจ พอโดนยั่วยุมากๆ เข้าเขาก็ชักจะอดไม่ได้อีกแล้ว

"พี่ไม่ได้รักนา...นาก็รู้ ถ้าจะให้พี่รับผิดชอบ พี่ก็ทำได้แค่นี้แหละ อย่าบังคับพี่มากกว่านี้เลย" สนตอบไปตามตรง ความจริงเขาก็เคยบอกแล้วว่าเขาไม่ได้รักเธอ แต่ก็ดูเหมือนนาจะไม่ได้สนใจนัก

"แล้วไงคะ ไม่รักแล้วมาทำแบบนี้กับนาทำไม" นาเถียงอย่างฉุนเฉียว

"นา...ตอนนี้เราอยู่กันสองคน ไม่มีใครอยู่ตรงนี้ พี่ไม่อยากให้นาสร้างเรื่องเพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรเท็จจริงยังไง นากับพี่ก็รู้เท่าๆ กันไม่ใช่เหรอว่าใครเป็นคนที่ต้องการให้มันเกิดขึ้น"

"ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะคะพี่สน" นาเถียงกลับมาทันที

"ถ้าเรื่องนั้นพี่ไม่เถียง แต่เรื่องความรัก...พี่ไม่ได้รักนาจริงๆ พี่บอกหลายครั้งแล้ว แต่ที่ทำไปก็จะรับผิดชอบให้ แต่นาก็ต้องเข้าใจ พี่ไม่ได้รักนา พี่ก็ไม่รู้ว่าจะบังคับใจของพี่ให้รักนาได้ยังไง"

สนถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เขาเริ่มเหนื่อยที่จะพูดเพราะพูดมาหลายครั้งแล้ว "นา...พี่ว่าเราหยุดตรงนี้ก็ยังไม่สายนะนา คนไม่รักกัน มันอยู่ด้วยกันไม่ได้นานหรอก พี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว ปล่อยให้พี่เป็นอิสระเสียทีได้ไหม" สนพยายามพูดดีๆ ด้วย แต่นาก็กลับตอบสวนเสียงดังมาว่า

"ไม่ค่ะ นาบอกแล้วไงว่านาทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงนาก็ยอมไม่ได้ วันนี้ไม่รัก พรุ่งนี้ก็ต้องรัก" นาพูดอย่างหน้าตาเฉย แต่เธอก็รู้สึกเจ็บในใจอยู่ไม่น้อย เธอพยายามมานานเหลือเกินที่จะทำให้สนรักและสนใจเธอ แต่สนก็ไม่เคยสนใจเธอเลย ตั้งแต่ที่เธอเจอผู้ชายคนนี้เธอก็หลงรักเขา เฝ้าคอยตาม เฝ้าคอยหาอะไรมาให้ แต่สนก็ปฏิเสธมาตลอด มันทำให้เธออยากเอาชนะ แล้วเธอก็ทำสำเร็จในขั้นหนึ่งแล้ว แม้จะยังไม่ได้ใจมาแต่เธอก็เชื่อว่าสนจะต้องรักเธอในสักวัน

พอเป็นแบบนี้อีกแล้วสนจึงคิดว่าเขาควรจะเงียบเสียดีกว่า เขาเหมือนกำลังพูดกับคนบ้าอยู่ เขาคิดไม่ออกเหมือนกันว่าเขาจะใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ได้ยังไงกัน ผู้หญิงที่ไม่เคยรับฟังเหตุผลใดๆ เลย

"อ้อ...คลิปนั่น...มันจะถึงมือของพ่อกับแม่พี่ได้ตลอดเวลานะคะถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้อยู่" นาพูดโดยไม่หันมามองสน แม้จะเจ็บปวดที่ต้องใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือบังคับสน แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน

"อย่าทำบ้าๆ แบบนี้นะนา" สนหันมาพูดเสียงดังจนเหมือนตวาด แต่นาก็ทำไม่สนใจ เธอถือว่าถือไพ่เหนือกว่าแล้ว ยังไงสนก็คงต้องยอมเมื่อเจอคำขู่นี้

สนมาส่งนาที่บ้านแล้วเขาก็กดโทรศัพท์หาปั้นจั่นทันที

"เฮ้ยปั้นจั่น...พวกมึงคิดอะไรออกหรือยังวะ ที่เคยคุยกันไว้ กูจะบ้าตายอยู่แล้ว"

น้ำเสียงร้อนรนนั้นทำให้ปั้นจั่นสงสารอยู่เหมือนกัน แต่ปั้นจั่นกลับตอบมาว่า

"สน...พวกกูยังไม่ได้คิดว่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยมึงนะเว้ย แต่กูคิดว่า...ถ้ามึงรักต้นจริง มึงต้องหาทางได้สิวะ หาให้ได้ด้วยตัวของมึงเอง ต้นมันจะภูมิใจนะเว้ยถ้ามึงทำได้"

สนได้แต่เงียบ มันก็จริงอย่างที่ปั้นจั่นว่า เรื่องนี้สนควรจะคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้สมองเขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน เขาคิดอะไรไม่ออกเลย อีกไม่กี่วันนี้เขาก็จะต้องแต่งงานแล้ว เขาจะต้องทำอย่างนั้นจริงๆ หรือ เขาจะอยู่กับผู้หญิงอย่างนาได้ยังไงกัน หรือว่า...เขาจะแต่งงานไปก่อนแล้วค่อยหาทางหย่ากัน แต่เธอจะยอมปล่อยเขาง่ายๆ หรือ แล้วถ้าเกิดพลาดพลั้งมีลูกขึ้นมา มันก็จะยิ่งไปกันใหญ่

เห็นสนเงียบไปปั้นจั่นก็เลยต้องรีบบอกไปว่า "นะสน กูเชื่อว่ามึงทำได้ ถ้ามึงรักต้นจริงๆ มึงต้องทำให้ได้นะสน อะไรก็ได้ที่มึงคิดว่าทำได้ ทำมาซักอย่างเถอะ กูให้กำลังใจมึง อย่ายอมแพ้นะสน" ปั้นจั่นรู้ว่ามันกดดันสำหรับสน แต่เขาก็หวังว่าความกดดันนั้นจะช่วยทำให้สนคิดอะไรออก คนเราเมื่อมันถึงคราวสุดวิสัยจริงๆ ก็ทำได้ทุกอย่าง

"อืม...กูจะพยายามละกัน" แต่น้ำเสียงของสนก็ดูไม่มั่นใจเลย เขาคงรู้สึกเหนื่อยล้ากับชีวิตมากเกินไป แต่สนก็อดที่จะท้อใจและหมดหวังไม่ได้เมื่อเพื่อนตอบมาแบบนี้ เขายังนึกอะไรไม่ออกเลย ถ้าทำได้เขาก็คงจะทำได้ไปนานแล้ว

สนคิดถึงต้นอีกแล้ว เขาต้องการใครสักคนจริงๆ ในตอนนี้ แม้ว่าจะไม่อยากไปกวนต้นแต่เขาก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ยิ่งในเวลาแบบนี้แล้วสนก็ยิ่งอยากไปหา แค่ได้เจอหน้าก็คงจะทำให้สนมีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตได้อีกไม่น้อย สุดท้ายสนก็เลยต้องมาหาต้นจนได้ แต่พอโผล่เข้ามาในห้องต้นแล้ว อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้เสียแล้ว

"นายมาหาเราทำไมอีกล่ะสน" สีหน้าเฉยชาและน้ำเสียงที่ดูเย็นเยียบของต้นนั้นทำให้สนถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว เขาไม่เคยเห็นต้นเป็นแบบนี้มาก่อนเลย แต่สนก็พยายามคิดว่าคงไม่มีอะไรมาก หรือไม่เขาก็คงจะฟังผิดไปก็ได้

"เรา..."

"นายรู้ไหมว่านายไม่ควรมาหาเราแบบนี้อีกแล้ว" ต้นเริ่มเสียงดัง ริมฝีปากสั่นระริกและกำลังจะร้องไห้

"ทำไมล่ะต้น...ทำไมเรามาหานายไม่ได้ ปกติเราก็มา"

"แต่นายกำลังจะแต่งงานนะสน นายควรจะไปอยู่กับแฟนนาย ไม่ใช่เรา" ต้นสวนกลับไปโดยไม่รอให้สนพูดจบ

"ต้น...นายโกรธอะไรเราเหรอ" สนเริ่มหน้าเสีย

"นายรู้ไหมว่า...เราไม่เคยตัดใจจากนายได้เลย ยิ่งนายมาหาเราแบบนี้เราก็ยิ่งตัดใจไม่ได้ เราจะเปิดใจให้คนอื่น เราก็ทำไม่ได้ นายหยุดมาหาเราสักพักหนึ่งได้ไหมสน"

สนยืนนิ่ง ตกตะลึง ไม่คิดว่าการมาของเขาจะสร้างปัญหาให้กับต้นมากมายขนาดนี้

"กลับไปอยู่กับแฟนนายเถอะ อย่ามาหาเราแบบนี้อีกเลย ปล่อยให้เราเป็นอิสระจากนายเสียทีได้ไหม ออกไปจากชีวิตเราเสียที" ต้นร้องไห้น้ำตาไหลพราก รู้สึกเจ็บปวดที่ต้องพูดแบบนี้ แต่เขาคิดว่าจะไม่พูดก็คงไม่ได้ ไม่งั้นสนก็คงจะไม่หยุด แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไป

"ต้น...นายพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า" สนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าต้นที่เขาเคยรู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ จะขับไสไล่ส่งเขาแบบนี้ สนคิดว่าเขากำลังหนีร้อนมาหวังจะพึ่งเย็น แต่ตอนนี้กลับไม่มีตรงไหนสักแห่งที่จะพอให้เขาได้พักความเหนื่อยล้าได้

ต้นไม่ตอบคำถามนั้น ได้ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น สนเองก็กำลังร้องไห้ด้วยเช่นกัน เขาอดเสียใจไม่ได้จริงๆ ที่ต้นทำแบบนี้ สรุปแล้วเขาก็จะไม่เหลือใครสักคนเลยใช่ไหม แม้แต่ต้นก็ยังผลักไสไล่ส่งเขาไป แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ยังไง ต้นไม่รู้เลยหรือว่าต้นมีความหมายกับชีวิตเขามากแค่ไหน

"ได้ต้น...เราจะไปจากชีวิตนายก็ได้ ถ้านายไม่อยากให้เรามา เราก็จะไม่มาอีก ลาก่อนนะ...เพื่อนรัก" สนบอกด้วยความรู้สึกใจหายและเจ็บปวดจนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกนั้นออกมาได้อย่างไร สิบสามปีแล้วที่คบกันมา คงจะจบลงเพียงแค่นี้

สนหันหลังกลับ กำลังจะเดินออกไปแต่ก็เหมือนจะนึกได้ว่าเขายังลืมอะไรบางอย่างอยู่ สนหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกงแลัวหันกลับไปมองต้น เขาชูมันขึ้นมาแล้วก็บอกต้นว่า

"ต่อไปนี้ เราคงไม่ได้ใช้มันแล้ว เราคืนให้นายละกันนะ" สนวางคีย์การ์ดลงบนโต๊ะแล้วก็หันหลังกลับอีกครั้ง ตอนนี้อะไรก็ห้ามน้ำตาและความเสียใจของเขาไม่อยู่แล้ว สนไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่เคยเลยจริงๆ จะเรียกได้ว่าเสียใจที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้

สนเปิดประตูออกไป ก่อนจะปิดและจากไปจริงๆ เขาก็บอกต้นอีกครั้งว่า "ลาก่อนนะต้น ดูแลตัวเองดีๆ นะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณจริงๆ"

ประตูค่อยๆ ปิดลง ใบหน้าของสนค่อยๆ บีบแคบลง จนเมื่อประตูนั้นปิดสนิท ใบหน้าของสนก็หายไปจากสายตาของต้น ต้นทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วก็ร้องไห้โฮ นี่เขาทำอะไรลงไป เขาไล่สนไปแบบนั้นได้ยังไงกัน เขาคงบ้าหรือไม่ก็เสียสติไปแล้วที่ทำแบบนั้น เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าต้นเสียเองที่ทำลายมิตรภาพและความผูกพันที่ยาวนานของเขากับสนลง เขาทำลายมันด้วยมือของเขาเอง เขาจะทำใจได้ยังไงถ้าสนไม่กลับมาหาเขาอีก

อะไรกันหนอที่มาดลใจให้ต้นพูดแบบนั้น นี่เขาเครียดที่ทดแทนมากดดันเขาจนต้องทำร้ายจิตใจของสนขนาดนั้นเลยหรือ ภาพที่สนบอกลาเขาด้วยน้ำตาวนเวียนและฉายซ้ำอยู่ในหัวอยู่หลายรอบ แค่คิดว่าสนจะไม่กลับมาให้เขาเห็นหน้าอีกแล้วต้นก็แทบจะขาดใจ

"สน...เราขอโทษ"

ต้นร่ำไห้ เขาไม่เคยรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย นี่คงจะเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่ต้นทำแล้วรู้สึกเสียใจมากที่สุด สนจะคิดยังไงเมื่อคนที่เขารักมากที่สุดทำกับเขาแบบนี้ ต้นได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาทำได้ยังไง ทำไปได้ยังไง...

TO BE CONTINUED
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2012 08:59:27 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
2 คนนี้จะรักกันที อุปสรรคเยอะจัง

ตกลงยัยนามันทำอะไรเนี่ย 

แล้วต้นไล่สน   สนจะทำงัยต่อไปล่ะ   :เฮ้อ:

ถ้าว่าสนจะหาทางออกไม่ได้แล้วสิ o22

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
:serius2: :serius2: :sad4: :sad4: :o12: :o12:
ไหนสนจะกำลังแต่งงาน แถมยังมาทะเลาะกันหนักขนาดนี้อีก ทำไมมันยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่แบบนี้นะ

นามีถ่ายคลิปไว้ด้วย   เฮ้อ...........ผู้หญิงคนนี้เหลือร้ายจริงๆ
ไม่คิดว่าจะทำขนาดลืมคิดถึงศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิงของตัวเอง

ขอให้สนหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้ไวๆ นะ :yeb:
แต่ทะเลาะกันขนาดนี้ จะให้สนกลับมากอดต้นได้ยังไงล่ะเนี่ย
รอลุั้้้นกับตอนหน้าด้วยนะคะ   :myeye: :myeye:
กอดต้นแน่นๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:


+1 ขอบคุณค่ะ
 :L2: :L2: :L2:
 

chai235

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆถ้าเป็นอย่างที่คิดว่า นาทำคลิปแบล็คเมล์จริง
เป็นผมนะก็จะบอกว่า ส่งไปเหอะ จะทำไรก็ทำ
ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2012 13:11:13 โดย chai235 »

ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เชอะ ไม่เห็นจะยาก หลอกถ่ายคลิบนังนาบ้างดิ ผู้หญิงอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติ มัวแต่ทำตัวเป็นควายให้มันจูงอยู่ได้เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญญาแก้ เจือกพามันมาเปิดตัวกับผู้ใหญ่เรื่องถึงยุ่ง สมนำ้หน้า

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
เมื่อคนหนึ่งเข้าใจในสถานภาพว่าหัวใจเป็นของใคร แต่อุปสรรคก็พัดผานมา
ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนสถานภาพไปตามที่คิด สงสารกับรักของคนสองคนนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
แบกรับอะไรไว้มาก พอเจออะไรกดดันเข้าไปอีกเลยหลุด

ตอนนี้กลัวสนจะทำไรสักอย่างมากกว่า กลัวจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับสน เพราะตอนนี้สนเองก็สติหลุดไปแล้ว

คนเราพออยากให้อะไรได้มาอย่างที่ต้องการ จากคนดีๆก็กลายเป็นผีบ้าไปซะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ไม่สงสารสักนิด เพราะทำตัวเองทั้งนั้น เฮ้อออ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ประสาทมากเลยสน เลือกไม่ได้ว่าควรเลือกอะไรหรือไง?
ถ้าอีแค่ช.ญ.นอนด้วยกัน อายุก็ปูนนั้นแล้วไม่ได้บังคับข่มขืน
อยากรู้เหมือนกันใครจะผิดมากกว่า

รับผิดชอบต้องมีทั้ง2ฝ่าย ไม่ใช่ยัดเยียดให้ฝ่ายเดียว
อีกฝ่ายที่ท่องว่าจะรับผิดชอบๆๆๆๆๆๆ ก็แย่พอกับฝ่ายที่ไปยัดเยียดให้อีกฝ่ายทำนั่นแหละ
เรื่องพ่อแม่? โหยระหว่างรับชะนีมีนอมาเป็นสะใภ้ ที่แร่ดขนาดอัดคลิปตัวเองเก็บไว้ได้
ใครจะเอาว่ะคะ?????

ตรูเอือมสนมาก เดี๋ยวตบให้สมองไกลกลับเข้าไปในกระโหลกกลวงๆ เลยนี่

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
นาร้ายมาก -0-
กลัวตอนจบจะไม่ Happy Ending อ่ะคนเขียน TT

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
มาแล้วครับ ตอนที่แสนจะเขียนยากตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่านะครับ
เป็นครั้งแรกที่เขียนฉากอย่างว่ามากขนาดนี้ เขียนไปเขินไป ติชมกันได้นะครับ


ตอนที่ 30: รักแรกแปลกนักหนา (love scene)



ต้นตื่นเช้าขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า พอจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืนนี้เขาก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นเลย ใจหายเมื่อรู้ว่าสนคงจะไม่กลับมาหาเขาอีกแล้ว ต้นอยากจะตบปากตัวเองสักร้อยครั้งพันครั้ง เขาหยุดโทษตัวเองไม่ได้เลยที่พูดไปแบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธตัวเอง แต่ต้นก็ต้องรีบสลัดความคิดในหัวนั้นออกไป วันนี้เขาต้องไปทำงานจึงต้องฝืนใจลุกขึ้น

หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเขาก็แต่งตัวออกไปทำงานเหมือนเช่นเคย ต้นหยิบสัมภาระที่จำเป็นต่างๆ แล้วก็เปิดประตูห้องออกไป กำลังจะล็อกห้อง สายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนนั่งหลับคอตกอยู่ข้างประตู

“สน” ต้นร้องอุทานด้วยความแปลกใจและตกใจ ทำไมสนถึงมานั่งหลับอยู่ตรงนี้ ไหนว่าสนจะไม่กลับมาอีกแล้ว แสดงว่าเมื่อคืนสนไม่ได้ไปจริงๆ หรอกหรือ แต่ช่างเถอะ ต้นดีใจที่สุดแล้วที่สนยังไม่ไปจริงๆ ต้นย่อตัวลงแล้วก็รีบเขย่าตัวสนเพื่อปลุกให้เขาตื่น

"สน...สน...ตื่น"

เจ้าของร่างที่หลับไหลเริ่มขยับตัวและพยายามปรับสายตาและเรียกสติการรับรู้กลับคืนมา พอเห็นต้นแล้วสนก็ยิ้มดีใจ

“ต้น...เราไม่รู้จะไปไหน ให้เราอยู่ที่นี่กับนายได้ไหมต้น นายอย่าขับไสไล่ส่งเราไปไหนอีกเลย เราไม่มีใครจริงๆ นอกจากนาย"

พอสนพูดจบต้นก็น้ำตาไหลพรากด้วยความสงสารระคนรู้สึกผิด แต่ต้นก็ดีใจจริงๆ ที่สนยังไม่ได้คิดจะไปจากเขาเหมือนกับที่พูดไว้เมื่อคืนนี้ ต้นนึกว่าเขาจะต้องเสียทั้งเพื่อนและคนที่รักไปเสียแล้ว เขาดีใจจนไม่รู้ว่าจะบอกว่าดีใจยังไง เมื่อคืนต้นก็นึกว่าสนคงจะเสียใจจนสติหลุด ทำร้ายตัวเองหรือหนีเตลิดไปไหนต่อไหน แต่สนกลับมีสติมากกว่าที่ต้นจะคาดคิดเสียอีก

“ขอเราอยู่ที่นี่สักพักนะต้น...อย่าใจร้ายกับเราอีกเลย” สนอ้อนวอนพลางดึงมือต้นมาจับไว้ ต้นโผเข้ากอดสนแน่นราวกับกลัวว่าสนจะหนีไปอีก

“สน...นายไม่ต้องไปไหนแล้ว...เราขอโทษ ยกโทษให้เรานะสน เราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"

น้ำตาต้นร่วงเผาะอีกแล้ว แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้จะให้ต้นร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดหรือจะให้ทำอะไรต้นก็ยอมทั้งนั้น ขอแค่ไม่ให้สนไปจากชีวิตเขา

"เรารู้...เราถึงได้ไม่ไปไหนไง"

สนเป็นคนไม่ซับซ้อน คิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ดูซื่อๆ ไม่ทันคนด้วยซ้ำ ก็ในเมื่อสนเองก็รู้ว่ายังไงๆ เขาก็ไปจากต้นไม่ได้ เขาก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ไป แล้วก็นั่งรออยู่ตรงนี้ทั้งคืน ใครที่สงสัยแล้วเดินมาถาม สนก็ตอบไปว่าทะเลาะกับแฟน แฟนไม่ให้เข้าห้อง

ได้ยินเช่นนั้นแล้วต้นก็ยิ่งกอดสนแน่นขึ้น สนรู้จักเขามานาน สนรู้ว่าต้นไม่ได้ตั้งใจ สนจึงให้อภัยเขาได้ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะบาดหมางใจกันไปจนมองหน้ากันไม่ติดไปแล้ว โชคดีแค่ไหนที่สนเข้าใจ ความผิดพลาดครั้งนี้ต้นคงจำไปชั่วชีวิต

"ทำไมนายตัวร้อนๆ ล่ะสน" ต้นถามอย่างสงสัย เขาค่อยๆ ผละออก

พอใช้มือแตะหน้าผากสนเขาก็อุทาน "นายไม่สบายเหรอสน"

สนพยักหน้าน้อยๆ "อืม...สงสัยจะใช่"

"เราขอโทษ เรานี่แย่จริงๆ เลยสน เราเป็นเพื่อนที่ใช้ไม่ได้เลย" ต้นโมโหตัวเองที่ปล่อยให้สนมานอนอยู่ข้างนอกจนไม่สบายแบบนี้

"เข้าไปนอนในห้องเราก่อนนะสน เดี๋ยวเราเช็ดตัวให้" ต้นพูดพลางดึงสนลุกขึ้น เห็นสนทำหน้าแบบนั้นแล้วต้นก็อดขำไม่ได้ สนก็ยังเป็นเหมือนเดิมจริงๆ เวลาไม่สบายแล้วก็ชอบอ้อน ให้ต้นคอยดูแล เช็ดตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำทั้งๆ ที่ทำเองก็ได้

ต้นพาสนเดินเข้ามาในห้อง สนนั่งลงบนเตียงแล้วก็ถอดเสื้อออก

"ถอดกางเกงออกด้วยสิ ไม่งั้นจะเช็ดตัวได้ไงล่ะ" ต้นบอกเมื่อเห็นสนถอดเสื้อแล้วก็นั่งนิ่ง

"ไม่เอาหรอก...เดี๋ยวนายแอบดูของเรา" สนพูดติดตลก

"ไม่เห็นจะอยากดูเลย ของเราก็มี เร็วเข้า เดี๋ยวเราไปเตรียมผ้าเช็ดตัวให้ก่อนนะ" ต้นยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาจากตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็เดินไปในครัวหาชามใส่น้ำมาด้วย

พอกลับเข้ามาสนก็ถอดกางเกงออกไปแล้วเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวและคงมีกางเกงในอีกตัวอยู่ข้างในที่ต้นมองไม่เห็น สนชอบใส่แบบนั้น ต้นวางชามใบเล็กที่ใส่น้ำลงตรงหัวเตียง แล้วก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หาชุดที่คิดว่าสนน่าจะพอใส่นอนได้มาให้

ต้นวางเสื้อกับกางเกงชุดนั้นลงบนเตียงแล้วก็เดินอ้อมมาหาสน นั่งคุกเข่าลงข้างๆ เตียงแล้วก็หยิบผ้าขนหนู ชุบน้ำ บิดหมาดๆ แล้วก็เช็ดตัวให้คนที่นอนยิ้มอย่างสบายใจ ไล่ไปจากใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขนและขา

"เช็ดหลังให้เราด้วยนะ" สนบอกแล้วก็พลิกตัวนอนตะแคงให้ต้นเช็ดหลังได้สะดวก

ต้นขำพลางส่ายหน้า อดยิ้มไม่ได้กับอาการอ้อนๆ แบบนี้ เอาเถอะต้น เมื่อนายรักเขาแล้วก็จงรักต่อไป หยุดบังคับใจตัวเองเสียทีเถอะ ถ้านายไม่ขี้อิจฉาจนเกินไป นายก็จะรักเขาได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะอะไร ทำตามความตั้งใจเดิมของนายที่อยากจะรักเขาโดยไม่มีเงื่อนไขเถอะ หยุดเรียกร้องในสิ่งที่เขาให้ไม่ได้ พอใจกับสิ่งที่เขาให้มา

สนเอามือมากุมเป้าของตัวเองแล้วก็หยอกต้นเล่นว่า "อย่ามองตรงนี้สิ เราเขินนะ"

"บ้า...ไม่ได้มองซะหน่อย" ต้นว่าอย่างไม่จริงจังนัก "เดี๋ยวเราไปหาอะไรมาให้กินนะ นายจะได้กินยาแล้วนอน อ้อ...เราเอาเสื้อผ้ามาให้แล้ว อย่าลืมใส่ด้วยล่ะ"

"ใส่แบบนี้นอนไม่ได้เหรอ" สนแกล้งกวนเล่น

"ก็ตามใจ" ว่าแล้วต้นก็เดินออกไป

พอต้นเดินออกไปแล้ว สนก็แอบรำพันกับตัวเอง "เรารักนายนะต้น เราทรมานเหลือเกินที่เราบอกไม่ได้" สนรู้ว่ายิ่งนานวัน ยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งรักต้นมากขึ้นและมากขึ้น มันไม่ใช่ความรักที่หวือหวา แต่เป็นความรักที่ค่อยๆ เกิดขึ้นจากความผูกพัน บางทีเขาก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าเขาอาจจะรักต้นมานานกว่านั้นก็ได้ คงไม่ถึงกับเป็นวันแรกที่เจอกันเพราะตอนนั้นเขากับต้นยังเด็ก คงยังไม่รู้จักความรัก เขานึกถึงเวลาที่เขานั่งทำงานประดิษฐ์ให้ต้นเอาไปส่งการบ้าน ต้นมักจะนั่งมองและยิ้มเสมอ เขาเงยหน้ามาเห็นทีไรก็มักจะรู้สึกแปลกๆ กับรอยยิ้มนั้นของต้นทุกที หรือเขาจะชอบต้นตั้งแต่ตอนนั้นนะ 

ไม่นานนักต้นก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูปที่ต้นซื้อมาไว้กินยามหิวเวลาขี้เกียจออกไปข้างนอก สนใส่เสื้อผ้าแล้วก็เขยิบตัวขึ้นนั่งอย่างรู้ทัน ต้นนั่งลงบนเตียง ถือชามข้าวต้มในมือ แล้วก็ตักป้อนคนที่นั่งยิ้มกรุ้มกริ่ม 'นายช่างมีความสุขจริงๆ นะสนเวลาไม่สบาย'

แววตาของสนแบบนี้ต้นเคยเห็นบ่อยแล้ว แววตาที่อ่อนโยน อบอุ่น พร้อมกับมีความรู้สึกบางอย่างส่งผ่านออกมาเป็นประกาย เป็นแววตาที่ทำให้ต้นเคยเข้าใจว่าสนคงจะรักเขา ต้นลืมนึกถึงแววตาแบบนี้ไปนานแล้ว จนกระทั่งวันนี้ที่ต้นได้เห็นอีกครั้ง แววตาของสนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก มันสื่อสารออกมาอย่างตรงที่สุดจนต้นรับรู้ได้ สนคงรักเขาจริงๆ อย่างที่ใครหลายๆ คนบอก ต้นเคยไม่แน่ใจมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ต้นมั่นใจกับสิ่งที่เขาเห็นอย่างที่สุด ไม่ว่าตอนนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่ต้นเห็นคือสิ่งนี้...สนรักเขา

ต้นให้สนกินยา แล้วเขาก็สั่งก่อนออกไปว่า "นอนพักก่อนนะสน เดี๋ยวตอนบ่ายๆ เราเข้ามา พอดีตอนเช้าเรามีงานด่วน ต้องไปทำก่อน"

สนพยักหน้า "ขอบใจมากนะต้น นายรู้ไหมว่า...เราน่ะรู้จักแล้วก็เก่งแต่กับนายคนเดียวเท่านั้นแหละ แต่กับคนอื่น เราไม่เคยทันใครเขาหรอก...ถึงได้..." สนหยุดพูดไว้แค่นั้น

แต่ต้นก็พอจะเดาได้ สนเป็นคนเชื่อคนง่ายและไม่ค่อยทันคน เขามักจะถูกเพื่อน ผู้หญิงหรือคนรอบข้างหลอกอยู่หลายครั้ง ถ้าไม่ได้ต้นช่วยดึงไว้เขาก็อาจจะเสียคนได้เหมือนกัน ต้นรู้สึกว่าสนคงกำลังจะบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการแต่งงานของเขากับนา เพราะต้นก็สงสัยมานานแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เข้ามาในชีวิตสนได้ยังไง

ต้นยิ้มแล้วก็บอกไปว่า "นอนพักนะ เดี๋ยวเรามา"

สนยิ้มตอบ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ กันสนก็มีความสุขและลืมความเจ็บปวดของชีวิตไปได้มากแล้ว เขานึกถึงที่ปั้นจั่นบอกให้เขาหาทางออกด้วยตัวเอง เพราะถ้าเขาทำได้ ต้นคงจะภูมิใจมาก ในเมื่อชีวิตนี้เขารักต้นมากขนาดนี้ ยังไงก็เสียต้นไปไม่ได้ ในเมื่อเขาก็รู้ว่าเขาคงอยู่กับใครไม่ได้นอกจากต้น แล้วสนจะมัวลังเลอะไรอีก ยังมีอะไรที่สนต้องกลัวอีกหรือ เอาล่ะ...สนคงจะต้องตัดสินใจในเร็ววันนี้แหละนะ
 
-------------------------------------------------

งานแต่งงานของสนเหลืออีกเพียงสี่วันเท่านั้น ช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่ต้นทรมานจิตใจมากพอสมควร ต้นถึงกับต้องหยุดลาพักร้อนยาวเป็นสัปดาห์ ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะได้ไปงานแต่งงานสนด้วย อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อที่เขาจะได้หลบไปไกลๆ เพื่อทำให้ตัวเองสบายใจมากขึ้น ต้นจึงเลือกที่จะหลบไปนั่งปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิเงียบๆ ในวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก พร้อมกับปิดโทรศัพท์มือถือและช่องทางรับข่าวสารหลายๆ อย่างเพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน

แต่คนที่แทบจะเป็นบ้าก็คงเป็นสน แม้จะวุ่นวายกับการเตรียมงานแต่งงานของเขากับนามากแค่ไหน แต่สนก็จะหาเวลาโทรหาต้นเสมอ เมื่อไม่ติดเลยสักครั้งสนจึงได้แต่กระวนกระวายใจ ต้นหลบหน้าหลบตาเขาอีกแล้วหรือ ไปไหนก็ไม่บอกกันเลย ทำให้เขาเป็นห่วงว้าวุ่นใจอยู่แบบนี้อีกแล้ว

ตกเย็นสนจึงมาที่บ้านของต้น นั่งรออยู่หน้าบ้านไม่นานนักก็เห็นพ่อของต้นขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าๆ เข้ามา แม้ว่าจะมีลูกชายเป็นถึงวิศวกรเงินเดือนหลายหมื่น แต่ครอบครัวของต้นก็ใช้ชีวิตอย่างสมถะ

สนลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหาพ่อของต้นแล้วก็สวัสดี "สวัสดีครับพ่อแอ๊ด เพิ่งกลับเหรอครับ"

"อ้าวสน" พ่อของต้นลงจากรถแล้วก็รับไหว้ "เป็นไงลูก เตรียมงานไปถึงไหนแล้วล่ะ"

"ใกล้จะเรียบร้อยแล้วล่ะครับ แม่พรยังไม่กลับอีกเหรอครับ"

"ยัง...แม่เขามีประชุมงานเข้าค่ายลูกเสือน่ะลูก ช่วงนี้สนคงยุ่งน่าดูเลยนะ"

"นิดหน่อยครับพ่อแอ๊ด"

พ่อของสนทำสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย "อืม...เห็นสนจะแต่งงานแล้วพ่อก็นึกถึงต้น ทำไมจนป่านนี้ต้นก็ยังไม่มีแฟนกับเขาเลยก็ไม่รู้ สนพอจะรู้ไหมลูกว่าต้นเขาแอบไปชอบผู้หญิงที่ไหนหรือเปล่า พ่อล่ะเป็นห่วงเขาจริงๆ"

เจอคำถามนี้เข้าไปสนก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ต้นเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านนี้ พ่อกับแม่ก็คงจะคาดหวังให้ต้นแต่งงานเหมือนผู้ชายทั่วไป สนเองก็ถูกคาดหวังจากครอบครัวเรื่องนี้เหมือนกัน แต่เขาก็กำลังจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แม้จะติดที่มันเร็วเกินไปหน่อยก็ตาม

"ต้นก็คงดูอยู่ๆ บ้างมั้งครับพ่อ ก็เหมือนจะมีคนมาชอบเขาอยู่เหมือนกันครับ"

"เหรอลูก...อืม...ยังไงก็ช่วยๆ ดูต้นให้พ่อกับแม่หน่อยละกันนะสนนะ พ่อกับแม่ก็มีลูกชายคนเดียว กลัวจะต้องไปเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วอยู่เหมือนกัน เห็นไม่มีแฟนแบบนี้พ่อกับแม่ก็เลยไม่ค่อยสบายใจ"

สนแทบจะเหงื่อตก เมื่อได้รู้ว่าพ่อกับแม่ต้นไม่อยากให้ต้นเป็นแบบนั้นแล้วเขาก็กลัวแทนต้นจริงๆ ถ้าเกิดพ่อกับแม่รู้ขึ้นมาแล้วต้นจะทำอย่างไร

"ครับพ่อ" สนรับคำแล้วก็ถือโอกาสถามเรื่องที่เขาอยากจะรู้ทันที "พ่อแอ๊ดครับ ช่วงนี้ต้นเขาไปไหนเหรอครับ ทำไมผมโทรหาไม่ติดเลยครับ"

"อ๋อ...เขาไปปฏิบัติธรรมน่ะลูก พ่อก็จำไม่ได้แล้วล่ะว่าไปที่ไหน ใกล้ๆ กรุงเทพนี่แหละลูก เย็นๆ พรุ่งนี้ก็น่าจะกลับแล้วล่ะ ต้นไม่ได้บอกสนเหรอ" พ่อต้นมองอย่างแปลกใจ

"สงสัยต้นเขาคงเห็นผมยุ่งๆ อยู่มั้งครับพ่อแอ๊ดก็เลยไม่ได้โทรมาบอก" สนพยายามแก้ตัวให้

"อืมๆ ก็คงจะอย่างนั้น"

สนอยู่คุยกับพ่อของต้นสักพักเขาก็ขอตัวกลับบ้าน เห็นทีพรุ่งนี้เขาคงจะต้องแวะไปหาต้นตอนเย็นๆ แล้วล่ะ ไม่ไหวเลยนะต้น คนยิ่งคิดถึงและเป็นห่วงอยู่ งานแต่งงานเขาก็ใกล้เข้ามาแล้ว สนยิ่งต้องการอยู่ใกล้กับต้นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่เขาจะไม่มีโอกาสทำแบบนี้อีกแล้ว

-----------------------------------------------------------------

เสร็จธุระจากการจัดการทั้งหลายแหล่แล้วสนก็ขับรถมุ่งตรงสู่กรุงเทพทันที พอมาถึงคอนโดของต้นเขาก็ขึ้นไปดูบนห้องต้นก่อน ปรากฏว่าต้นยังมาไม่ถึง สนจึงลงมานั่งรอตรงส่วนรับแขกที่ทางคอนโดจัดไว้ให้สำหรับคนที่มาติดต่อหรือรอพบแขกที่พักอยู่ที่คอนโดนี้

ประมาณครึ่งชั่วโมงเจ้าของแก้มใสที่สนแสนจะเป็นห่วงและคิดถึงก็มาถึง แต่ที่ทำให้สนขุ่นเคืองใจก็คือ...ต้นมากับทดแทน ก็คงจะหมายความว่าสองคนนี้ไปด้วยกันนั่นเอง สนลุกขึ้นแล้วก็รีบเดินไปหาต้นกับทดแทนด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก ไม่ได้อยากจะแสดงอาการหึงหวงเลยแต่สนก็อดไม่ได้จริงๆ

ต้นเห็นสนแล้วก็หน้าเสีย รู้ทันทีว่าสนคงโกรธที่เขาหายไปแล้วไม่บอกสักคำ ส่วนทดแทนนั้นก็ดูจะแปลกใจเหมือนกันที่เห็นสนมารอต้น สนยังมาที่นี่อีกทำไมหรือก็ในเมื่อเขาเองก็จะแต่งงานอยู่อีกไม่กี่วันนี้

"ขอบคุณที่มาส่งนะครับ ต้น...ไปกับเราเดี๋ยวนี้" สนทำเสียงเฉียบขาดแล้วก็คว้าข้อมือต้นไว้ให้เดินตามเขามา ปล่อยให้ทดแทนยืนงงอยู่คนเดียวแต่ก็ตามไปไม่ได้เพราะเขาไม่มีคีย์การ์ด

พอพาต้นเข้ามาในห้องแล้วสนก็จัดการเอากระเป๋าเสื้อผ้าของต้นไปเก็บในห้อง แล้วก็ออกมาจัดการต้นที่ยืนหน้าเสียด้วยความรู้สึกผิดทันที  สนเดินเข้ามาใกล้แล้วก็จับไหล่ต้นไว้ ต้นกลัวจนต้องยืนตัวแข็งทื่อ

"นายไปไหนมาต้น ทำไมไม่บอกเราสักคำ รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงมากแค่ไหน เราจะบ้าอยู่แล้วรู้หรือเปล่า"

เห็นสนโกรธแบบนี้ต้นก็ชักใจคอไม่ค่อยดี "เรา...ไปนั่งสมาธิมา" ต้นตอบอย่างหวั่นๆ

"กับพี่แทน"

ต้นค่อยๆ พยักหน้าช้าๆ "ใช่" แล้วต้นก็ก้มหน้าหลบตา "เราขอโทษ...ที่ไม่ได้บอกนาย เราเห็นนายยุ่งๆ อยู่ก็เลยไม่อยากกวน"

"นายกำลังหลบหน้าเราใช่ไหมต้น หลบหน้าเราหรือเปล่า" สนคาดคั้น

ต้นเงียบและไม่ตอบ ก็แสดงว่าใช่

"เรารู้ว่านายหลบหน้าเรา แต่นายรู้ไหมว่าเราอยากเจอนายมากแค่ไหน เราพยายามโทรหานายทั้งวัน ห่วงก็ห่วง ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน กลัวว่านายจะเสียใจจนเป็นอะไรไปแล้ว ถ้านายเป็นอะไรไปเราจะทำยังไง นายเห็นใจเราบ้างสิ"

ต้นได้แต่รู้สึกผิด แต่เขาก็ทำไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ชำเลืองขึ้นมองหน้าสนก็เห็นเขาทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วสนก็เขยิบตัวเข้ามาแนบชิดกับต้นมากขึ้น พร้อมกับดันต้นไปจนหลังติดกำแพงห้อง ใบหน้าสนกับต้นอยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ

"นายจะทำอะไรน่ะสน" ต้นถามเสียงสั่น ต้นไม่เคยเห็นสนมีสีหน้าท่าทางแบบนี้เลย

"ทำอะไรก็ได้ที่จะไม่ให้นายไปจากชีวิตเราอีก" สนตอบเสียงสั่นพอกัน เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะยอมแลกเพื่อให้เขาได้อยู่กับคนที่เขารักตลอดไป

"อย่าทำแบบนี้นะสน นายกำลังจะแต่งงานกับนาอยู่อีกไม่กี่วันนะ" ต้นพยายามจะเรียกสติสนกลับมา เขาพอจะรู้แล้วว่าสนกำลังจะทำอะไร เพราะร่างกายของส่วนนั้นของสนที่เบียดเข้ามามันฟ้องความต้องการบางอย่างของสนอยู่

"ไม่ต้องสนใจคนอื่นได้ไหมต้น มันเป็นเรื่องของเราสองคน เราต้องการนาย เราอยากให้นายอยู่กับเรา ไม่อยากให้นายไปไหนอีก ไม่อยากเสียนายให้คนอื่น เราทนไม่ได้ที่จะให้นายเป็นของคนอื่น รู้ไหมต้น" สนพูดเหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต่างคนต่างเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

"นายหมายความว่าไง"

"นายตอบเรามาคำเดียวต้น นายต้องการเราหรือเปล่า" สนไม่ตอบแต่ถามกลับ ต้นมองหน้าสนอย่างใช้ความคิด ต้นเองก็ต้องตัดสินใจเหมือนกันว่าจะเอายังไง จะยอมปล่อยอารมณ์ตามที่ใจปรารถนาหรือจะยอมเป็นแค่คนดีคนหนึ่ง

"ว่าไงล่ะต้น...นายต้องการเราเหมือนที่เราต้องการนายหรือเปล่า" สนถามย้ำอีกครั้ง

"เราต้องการนาย" ต้นพูดเสียงเบาหวิว สนยิ้มอย่างพอใจ

"เรารักนาย" สนตัดสินใจบอกไปในที่สุด เมื่อเขาตัดสินใจแล้วนั่นก็หมายความว่าสนจะต้องทำอย่างที่เขาตั้งใจ ต้นจะต้องไม่เสียใจกับเรื่องนี้อีก ถ้าเขาทำให้ต้นเสียใจ เขาจะเป็นฝ่ายจากไปเองเหมือนที่เขาเคยพูดไว้

ต้นไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอิ่มเอมตื้นตันใจของเขาที่มีอยู่ตอนนี้ได้อย่างไร นับสิบปีที่ต้นเฝ้ารักเฝ้าคอยผู้ชายคนนี้ ในที่สุดวันนี้ต้นก็ได้ยินคำว่ารักจากปากเขาแล้ว มันคือการรอคอยที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าที่ผ่านมาจะมีเรื่องราวให้เจ็บปวดเสียใจแค่ไหน คำว่ารักของสนก็เป็นยารักษาบาดแผลทั้งหมดเหล่านั้นให้หายไปจนสิ้น

"เราก็รักนาย" ต้นบอกในสิ่งที่สนก็คงรู้อยู่แล้ว แต่สนก็ยิ้มดีใจที่ได้ยินมันอีกครั้ง

น้ำตาแห่งความตื้นตันใจของสนไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ต้นใช้มือปาดน้ำตาบนใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา

"อย่าร้องไห้สิสน"

"เราดีใจต่างหาก...ที่ในที่สุดเราก็ได้บอกว่ารักกัน"

สนค่อยๆ โน้มใบหน้าของเขาเข้าไปหาใบหน้าของต้น ใกล้กันจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ริมฝีฝากของสนค่อยๆ แตะลงบนริมฝีปากของต้นอย่างแผ่วเบาๆ เป็นเชิงทักทาย สนเริ่มด้วยการขบริมฝีปากบนของต้นเบาๆ จากนั้นก็ย้ายมาริมฝีปากล่าง เมื่อความต้องการทวีขึ้นเขาจึงค่อยๆ บดริมฝีปากลงไปพร้อมกับน้ำหนักของสัมผัสที่เพิ่มขึ้น สนสอดลิ้นเข้าไปควานหารสหวานในโพรงปากของเจ้าของร่างที่กำลังสั่นเทิ้มอยู่ เพียงไม่นานนักเขาหยุดแล้วก็สอดเข้าไปใหม่พร้อมกับให้เวลาเพิ่มขึ้น ต้นรู้สึกเสียวสะท้านจนต้องโอบมือรอบคอสนไว้ เขาเริ่มใช้ลิ้นตอบสนองกับการรุกล้ำของสนบ้าง พอสนเปลี่ยนมาใช้ลิ้นดุนไปตามไรฟันของต้น ต้นก็ส่งปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการโอบคอเขาแน่นขึ้นจนตัวลอย ต้นไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นวิธีจูบอย่างหนึ่งหรือเปล่าแต่เขาก็รู้สึกดีกับมันทีเดียว สนสอดมือของเขาเข้าไปในเสื้อของต้น ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังขาวเนียนนั้น แม้ปากจะยังไม่ว่างแต่เสียงครางของต้นก็เล็ดลอดออกมาให้พอได้ยิน

เมื่อสนพอใจกับรสจูบนั้นแล้วเขาก็ค่อยๆ ถอนปากออก ต้นหอบหายใจด้วยความตื่นเต้นและรัญจวนใจ เขาค่อยๆ คลายอ้อมแขนของตัวเองออกจากการโอบกอดลำคอของสน

"พร้อมหรือยังต้น" สนถามเสียงหอบเช่นกัน แววตาหื่นกระหายแบบนี้ต้นเพิ่งเคยเห็นจากสนเป็นครั้งแรก

ต้นพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ

"ไม่ว่านายจะรู้สึกอะไร กอดเราไว้นะต้น กอดเราไว้แล้วนายจะปลอดภัย"

ต้นพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

"ไปกันเถอะต้น"

สนจับมือต้นแล้วทำท่าจะพาวิ่ง แต่ต้นก็ยังดูงงๆ อยู่เพราะไม่รู้ว่าสนกำลังจะพาเขาไปไหน สนอดขำไม่ได้จนต้องบอกว่า "เข้าไปในห้อง"

นั่นแหละต้นจึงได้ยอมวิ่งตามสนเข้าไปในห้องของเขาเอง

พอเข้ามาในห้องนอนของต้นแล้ว สนก็คว้าต้นมากอดไว้แล้วบรรเลงเพลงจูบที่เร่าร้อนขึ้นอีกครั้ง เขาใช้มือที่ยังว่างอยู่ไล่ปลดกระดุมเสื้อของต้นอย่างเร่งรีบ ต้นเห็นแบบนั้นก็เลยทำให้สนบ้าง จนทั้งคู่เหลือแต่ท่อนบนที่เปล่าเปลือย ต้นถึงกับเสียวสะท้านเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับกล้ามเนื้อแกร่งของสน เมื่อเพลงจูบคำรบที่สองจบลงสนก็ค่อยๆ ดันตัวต้นให้ลงไปนอนบนเตียง ตัวของสนตามมาทาบทับอยู่ข้างบน ท่อนล่างของร่ายกายเบียดกันแน่นจนรู้สึกได้ถึงความเครียดเขม็งของส่วนนั้น แม้ต้นจะเคยกอดสนบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยกอดสนตอนที่ท่อนบนเปล่าเปลือยแบบนี้เลย เมื่อเนื้อแนบเนื้อมันช่างให้อารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันมากมายนัก ทั้งเสียวซ่านและอบอุ่น ผิวเนื้อและกล้ามเนื้อที่กำยำสมชายของสนได้ปลุกเร้าความต้องการของต้นให้กระเจิดกระเจิงจนยากจะเรียกกลับคืนมาแล้ว มันจะกลับมาได้ก็ต่อเมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้นไปเท่านั้น สนรู้สึกดีเหลือเกินที่ต้นกอดเขาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีหายไปไหน เขารักต้นเหลือเกิน กอดเราไว้แบบนี้นะต้น

สนระดมจูบไปตามใบหน้าและซอกคอของต้น เสียงครางด้วยความเสียวกระสันทำให้สนยิ่งฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ต้นบีบแขนสนแน่น ใบหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่าน จากนั้นมือของต้นเองก็ควานสะเปะสะปะไปทั่วจนไปเจอกับส่วนนั้นที่แม้จะยังอยู่ในกางเกงแต่ต้นก็รู้ว่ามันคืออะไร ต้นลูบคลำและขยำเบาๆ จนสนต้องร้องครางออกมา

"อาห์...เก่งมากต้น"

คำชมนั้นทำให้ต้นยิ่งกล้ามากขึ้น เขาค่อยๆ ปลดตะขอกางเกงและรูดซิปลงด้วยความอยากรู้จักกับส่วนนั้นว่ามันจะมีขนาดเท่าใด ต้นค่อยๆ ดึงกางเกงและบ็อกเซอร์ของสนให้เลื่อนต่ำลงไปจนกางเกงในสีขาวที่ยังห่อหุ้มส่วนนั้นของเขาไว้อยู่โผล่พ้นออกมา มือของต้นกลับมาลูบไล้และเคล้นคลึงส่วนนั้นอีกครั้งจนสนต้องหยุดและครางออกมาด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ

"อาห์...ต้น...ดีมาก"

สนปล่อยให้ต้นเล่นกับส่วนนั้นของเขาจนรู้สึกว่าต้นพอใจแล้ว จากนั้นสนก็เลื่อนตัวต่ำลงมาตรงบริเวณอกของต้น เขาใช้ลิ้นเลียวนตรงยอดอกต้นทีละข้าง เริ่มจากซ้ายก่อน แล้วก็ย้ายไปขวา สลับกับขบกัดเบาๆ ต้นถึงกับผวากอดเขาแน่น แล้วมือของสนก็เริ่มซุกซนเช่นกัน เขาควานต่ำลงไปจนเจอกับส่วนนั้นของต้น สนทำแบบเดียวกับที่ต้นทำ เขาค่อยๆ ลูบไล้และบีบคลึงเล่นอย่างสนุกมือพร้อมกับน้ำหนักมือที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ต้นถูกจู่โจมทั้งบนและล่างแบบนี้ก็ถึงกับทนไม่ไหวจนต้องกดศีรษะของสนให้แนบแน่นอยู่บนยอดอกของเขาอย่างลืมตัว

ไม่ทันเท่าไรกางเกงของต้นก็ถูกปลดออกไปเช่นกัน ต่างคนจึงต่างเหลือแต่กางเกงในสีขาวด้วยกันทั้งคู่ สนรู้ว่าต้นต้องการอะไรเขาจึงเป็นฝ่ายพลิกตัวไปนอนบนเตียงบ้าง รูปร่างของสนกำยำและสมส่วน มีกล้ามเนื้อพองาม อกกว้างแกร่งนั้นชวนให้ต้นอยากซุกไซ้ลงไปหาความอบอุ่นยิ่งนัก ผิวเขาขาวละเอียดอย่างคนเหนือ ต้นเคยได้แต่แอบหลงไหลและเชยชมด้วยสายตามานาน แต่วันนี้ต้นกำลังจะได้สัมผัสของจริงแล้ว ต้นดึงปราการด่านสุดท้ายนั้นลงมาอยู่บริเวณน่องแล้วก็จัดการกับส่วนนั้นของสนอย่างหิวกระหาย มืออีกข้างของเขาคอยลูบไล้บนแผ่นอกกว้างของสนราวกับจะเพิ่มความเสียวกระสันให้มากขึ้นไปอีก ให้ตายเถอะ สนไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนเลยจนเขาต้องกำผ้าปูที่นอนแน่น

เมื่อต้นพอใจแล้วสนก็เป็นฝ่ายจัดการส่วนนั้นของต้นบ้าง เขาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย ต้นเองก็ไม่เคยเหมือนกัน แต่สนก็พยายามประยุกต์ใช้ประสบการณ์ที่เขาพอมีกับผู้หญิงมาบ้างมาใช้กับต้น ครั้งแรกๆ ก็อาจจะเก้ๆ กังๆ ไปหน่อย แต่ก็ทำให้ต้นถึงกับบิดตัวเร่าๆ ได้ทีเดียว สนเหลือบตาขึ้นมองดูเจ้าของแก้มใสที่บัดนี้ใบหน้าบิดเบี้ยวจากการถูกรุกล้ำอย่างพอใจ

จนกระทั่งมาถึงขั้นตอนสุดท้าย สนรู้ว่าต้นคงเจ็บไม่น้อยเพราะเป็นครั้งแรก แต่ต้นก็ยังกัดฟันสู้เพราะต้นก็อยากทำให้คนที่เขารักมีความสุขเช่นกัน เมื่อเจ้าท่อนเนื้อประหลาดที่ผ่านเข้ามาทางด้านหลังของต้นค่อยๆ ขยับเข้าออก ต้นก็เจ็บจนน้ำตาแทบไหล แต่เมื่อเริ่มคุ้นเคยแล้วความเจ็บปวดก็กลายเป็นความเสียวกระสันที่มากยิ่งกว่าขั้นตอนอื่นๆ ที่ผ่านมาเสียอีก ต้นเริ่มสนุกกับมันแล้ว เขาเอื้อมมืออีกข้างไปด้านหลังแล้วจับกดก้อนกลมกลึงของอีกฝ่ายเป็นจังหวะเพื่อช่วยเพิ่มแรงที่โหมเข้ามา

เนิ่นนานทีเดียวที่สองหนุ่มได้โหมป้อนความสุขทางร่างกายให้แก่กัน จนกระทั่งพายุแห่งความรักนั้นสงบลงพร้อมกับหยาดรักที่ขับพ่นออกมามากมายราวกับไม่ได้ผ่านกิจกรรมเช่นนี้มาแรมปี นับว่าเป็นพายุที่แปลกมากเพราะเมื่อมันทวีไปถึงขั้นรุนแรงสูงสุด พายุนั้นก็ลดระดับลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที ภารกิจแห่งความสุขนั้นเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ผู้ทำภารกิจต่างก็เหนื่อยหอบแต่ก็มีรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุขบนใบหน้าด้วยกันทั้งคู่

แม้จะเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้ว แต่สนก็ไม่เคยรู้สึกว่าจะมีครั้งไหนที่ทำให้เขามีความสุขและรู้สึกดีได้แบบนี้เลย เพราะความรักนั่นเองเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ทุกสัมผัสของเขากับต้นมีความหมาย ความรักทำให้สนกล้าทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนเพื่อให้คนที่เขารักมีความสุข ถ้าไม่มีความรัก ค่ำคืนนี้ก็คงเป็นเพียงการปลดปล่อยธรรมดาๆ หมดความต้องการแล้วก็จากไป แต่เมื่อมีความรัก เขาทั้งสองคนก็จะยังอยู่ตรงนี้ด้วยกันเพื่อที่จะดูแล ห่วงใยและทำสิ่งดีๆ ให้กันต่อไป

TO BE CONTINUED
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2012 09:00:19 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
หวังว่าสนจะจัดการได้คงไม่ปล่อยเลยตามเลยอีกนะ ผิดหวังกับมันตั้งแต่ต้นยันท้ายเรื่องละ ตอนจบขอทำไรให้สะใจบ้าง ยัยนานี่เอาคืนมันให้หนักทีเถอะหน้าด้านหน้าทนเกิ๊นเสียศักดิ์ศรีผู้หญิงหมด อยากแต่งนักให้มันหน้าแหกกลางงานไปเลย

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
2 ตอนก่อนยังงงงวย สับสนกันอยู่

มาตอนนี้ แบบว่า  :pighaun: :o8:  รอมาตั้งนานแระ  ในที่สุดก็  :oo1: ซะที (คงไม่หื่นไปนะ :z1:)


obab

  • บุคคลทั่วไป
เห้อ....สงสารพี่แทน
 :เฮ้อ:

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
เยี่ยมมากสน ได้ใจจริงๆ บอกรักต้นทั้งทางคำพูดและทางร่างกาย ผูกมัดต้นไว้ซะเลย .....  :z1: :z1:
แหม กว่าจะตัดสินใจเด็ดขาดได้ กว่าจะบอกรักต้น ทำให้คนอ่านลุ้นไปสามโลก
ส่วนต้น เห็นต้นเงียบๆอย่างงี้ ก็เก่งไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ แอบไปศึกษามาก่อนใช่ป่าว ต้น อิอิ  :kikkik: :kikkik: :kikkik:

ตอนนี้คงรอแค่ให้สนจัดการเรื่องนาให้เรียบร้อย
ในเมื่อเอาต้นมาผูกไว้กับตัวเองแบบนี้แล้ว รีบๆจัดการยัยนาเร็วๆน๊าาา สู้ๆ :yeb:  ล้มงานแต่งไปเลย   o18

+1 ขอบคุณค่ะ
ป.ล. ตอนท้ายแอบจบไวไปนิดนะคะ   :-[ :-[

--------------------------------------------------------------------------
มาอ่านที่ปรับใหม่แล้วนะคะ อารมณ์ไหลลื่นขึ้นแล้วค่ะ   :impress2: :impress2: :impress2:
คนอ่านแอบเขิลแทนคนแต่งด้วยนะ   :myeye: :myeye: :myeye:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2012 19:58:28 โดย Mc_ma »

ออฟไลน์ leelea

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ดีใจได้ไม่เต็มอิ่มกับตอนนี้

สนยังจัดการปัญหาไม่เรียบร้อย
ต้นก็ยังไม่ได้เลิกกับพี่แทน
สถานะก็เลย...ไม่ชัดเจน

ตีตราขนาดนี้แล้ว ถ้าสนจัดการไม่ได้ล่ะน่าดู :m31:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด