บทที่ 182 Sunday
“อ๊าว”
เสียงของกันต์ดังขึ้นอย่างสับสนปนประหลาดใจ รอยยิ้มกว้างของเขาเริ่มหุบลงทีละน้อย เขาก้มมองดูการ์ดในมืออีกครั้งเพื่อความมั่นใจ และเขาก็พบว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับหินซึ่งควรจะเป็นที่มาของคำสาปที่เฟี๊ยตกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้
“กูไม่รู้”
เสียงของธันตอบขึ้นอย่างไม่มั่นคงนัก กันต์จับกระแสความเศร้าในน้ำเสียงนั้นได้ ธันอาจจะกำลังมองเห็นเหมือนเขา ชี่ของเฟี๊ยตจางลงไปทุกที
“เอาไงดีวะ หรือจะซื้อข่าวดี แต่ไม่รู้ว่าข่าวที่ซื้อได้จะเกี่ยวข้องกับอาการของเฟี๊ยตไหม”
กันต์แนะนำออกมาอย่างจนปัญญา การซื้อข่าวคือการซื้อคำใบ้จากเกม ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเบาะแสของไพ่สูงสุดมากกว่าจะเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยแบบนี้
“ไม่ต้องหรอก ข่าวแบบนั้นไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก หาคนที่น่าจะรู้คำตอบมาตอบคำถามดีกว่า”
ธันตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดขึ้นกว่าเดิม ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะควบคุมอารมณ์ได้ขึ้นมาอีกหนึ่งระดับแล้ว และนั่นทำให้กันต์โล่งใจขึ้นมาก อย่างน้อย ธันก็น่าจะเข้าใจและแก้ปัญหาเรื่องเฟี๊ยตได้ดีกว่าเขาที่เป็นเพื่อนร่วมทีมใหม่เท่านั้น
“Fire RELEASE!”
ธันหยิบการ์ดเวทมนตร์ใบหนึ่งขึ้นมาสั่งการ กองไฟเล็กๆ กองหนึ่งลุกโชติช่วงขึ้นในบริเวณนั้นทันที ลักษณะของมันดูจะเป็นเหมือนกองไฟในค่ายพักแรมทั่วไปเท่านั้น ไม่น่าจะมีวาระซ่อนเร้นอะไรที่จะช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้ แต่กันต์ก็ทำแค่เพียงเลือกที่จะนิ่งสงบไว้เท่านั้น
เด็กหนุ่มอีกคนที่ขณะนี้ดูจะสงบขึ้นมากเปิดสมุดการ์ดต่อไปอย่างใจเย็น ก่อนจะเลือกหยิบไพ่สีเขียวสักใบที่กันต์เองก็เห็นไม่ชัดนักขึ้นมา แล้วจึงโยนมันลงไปในกองไฟด้วยสีหน้านิ่งสนิท ไพ่แข็งใบนั้นค่อยๆ หงิกงออย่างช้าๆ และเริ่มกลายสภาพเป็นสีดำในที่สุด
อ๊อดดดดดดดดดดดดด อ๊อดดดดดดดดดดดดด อ๊อดดดดดดดดดดดดด
เสียงสัญญาณที่มีลักษณะเหมือนกริ่งเตือนดังขึ้นก้องกังวานในบริเวณนั้นไปหมด ลักษณะของมันเหมือนเสียงเตือนถึงอันตรายอะไรบางอย่าง กันต์หันไปมาอย่างจับสังเกต แต่ก็ไม่เข้าใจอะไรมากนัก ในขณะที่ธันยังคงแต่ยืนเงียบสงบอยู่อย่างนั้น ราวกับว่าเสียงที่กำลังแผดลั่นอยู่นั้นไม่มีความน่าสนใจใดๆ ทั้งสิ้น
“ฉันคิดว่าฉันมองคุณผิดไปจริงๆ นะ บางที คุณอาจจะร้ายกาจกว่าเพื่อนคุณที่กำลังนอนแข็งเป็นหินอยู่ตรงนั้นหลายเท่าตัวนัก”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาจากทางด้านหลังของชายทั้งสองคนนัก กันต์หันไปตามเสียงนั่นก็ต้องตกใจไม่น้อย ผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นโดยที่เขาไม่รู้สึกตัวเลย นี่ถ้าเป็นศัตรู เขาคงถูกลอบสังหารตายไปเสียแล้ว จากประโยคนั้น กันต์พอจะทำนายได้คร่าวๆ ว่าคนทั้งสามน่าจะรู้จักกันมาก่อนแล้ว
“แต่ผมคิดว่าผมน่าจะคิดถูกที่เชิญคุณมา และคุณน่าจะมีเมตตาพอที่จะช่วยเหลือคนๆ หนึ่งซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยน้องสาวของคุณไว้”
ธันหันมาพูดอย่างเรียบๆ ดวงตานั้นดูเฉียบคมและยากที่จะเดาได้ว่าเจ้าของมันกำลังคิดเห็นสิ่งใดอยู่ เด็กหนุ่มไม่มีทีท่าตื่นเต้นแม้แต่น้อยกับการปรากฏกายขึ้นของเด็กสาวตรงหน้า
“ด้วยวิธีการทำผิดกติกาของเกมจนระบบต้องดึงฉันมาที่นี่เนี่ยนะ”
เด็กหญิงตัวไม่สูงมากคนนั้นเอียงคอถามพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากน้อยๆ เครื่องแบบของเธอยังคงความโปร่งและสูงศักดิ์ไว้ตามยศถาและถิ่นกำเนิดของตัวเธอเองนั้น
“ในบางจังหวะ วิธีการอาจไม่สำคัญเท่าผลลัพธ์” ธันตอบด้วยรอยยิ้มที่ดูจะไม่ร่าเริงเท่าไหร่นัก
“คุณรู้ว่าการเผาการ์ดเป็นการผิดกติการ้ายแรงซึ่งจะเรียกเกมมาสเตอร์มายังจุดเกิดเหตุในทันที มันเป็น bug ของเกมที่ผู้สร้างยังแก้ไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นยิ่งกว่าความลับของความลับเสียอีก ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าคุณเป็นใครกันแน่ Son of Zeus ฉันว่าฉันประเมินตัวคุณไว้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นมากทีเดียว” หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาใกล้กับเด็กหนุ่มและเฟี๊ยตที่ยังคงนอนแข็งเป็นก้อนหินตามลำดับ
“เฟี๊ยตแข็งเป็นหินเพราะเจ้าเต่านั่น และพวกเราจัดการผนึกมันได้เรียบร้อยแล้ว แต่เฟี๊ยตยังคงแข็งเป็นหินอยู่เหมือนเดิม ผมต้องการคำตอบว่าผมจะทำให้เฟี๊ยตกลับมาปรกติได้อย่างไร” ธันพูดขึ้นเรียบๆ โดยเลือกที่จะตัดบทในเรื่องที่อีกฝ่ายเพิ่งจะกล่าวถึงไป
“ปรกติ คุณขอร้องคนด้วยน้ำเสียงแบบนี้หรือ คุณอัศนิกร” เด็กสาวพูดขึ้นด้วยท่าทียั่วเย้า และไม่ตอบคำถามนั้นโดยตรง
“ผมกำลังเป็นห่วงเพื่อน และผมรู้ว่าคุณใจกว้างพอที่จะไม่ถือสากับเรื่องแค่นี้หรอก คุณโจแอนนา” ธันตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม
“คุณคิดไม่ผิดในเรื่องที่ว่าฉันจะไม่ถือสาน้ำเสียงที่ดูจะไม่ใกล้เคียงกับประโยคขอร้องนั่นเลย แต่...” เด็กหญิงจงใจทอดเสียงยาวในคำเชื่อมตรงสิ้นสุดประโยค
“แต่?” เด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างต้องการเร่งให้อีกฝ่ายต่อประโยคนั้นให้จบ
“แต่คุณกำลังคิดผิดในเรื่องที่ว่าฉันจะช่วยเหลือเฟี๊ยตได้ คำสาปนั่นไม่ได้เกิดจากตัวฉัน และฉันจะถอนคำสาปให้คุณได้อย่างไร” เด็กสาวพูดต่ออย่างมีเหตุผล
“ผมไม่ได้ต้องการให้คุณถอนคำสาปให้ ผมแค่ต้องการให้คุณชี้แนวทางว่าผมควรจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร มันไม่ยากเกินไปสำหรับคนที่เป็นหนึ่งในผู้รังสรรค์เกมนี้ขึ้นไม่ใช่เหรอ” เด็กหนุ่มตอบกลับมาด้วยเหตุผลเช่นกัน
“คุณก็รู้ว่ามันเกินวิสัยที่ฉันจะทำได้ ถ้าคุณรู้แม้กระทั่งว่า bug ที่เป็นจุดอ่อนของเกมนี้เป็นอะไร ฉันคงไม่ต้องบอกคุณหรอกมั้งว่าการช่วยเหลือผู้เล่นโดยไร้เหตุผลก็ถือว่าเป็นการผิดกติกาอย่างหนึ่งเช่นกัน” โจแอนนาพูดขึ้นพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ ตรงท้ายประโยค
“กฎบางอย่างที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล เราก็อาจจะต้องมองข้ามไปบ้างในสถานการณ์คับขัน” ธันกล่าวเรียบๆ
“เกรงว่าจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ผู้คุมกฎแหกกฎซะเอง ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่” โจแอนนาค้าน
“งั้นจงยื่นเงื่อนไขมา ภารกิจอะไรก็ได้ที่ง่ายและรวดเร็วที่จะทันการณ์ต่ออาการของเฟี๊ยต” ธันยื่นข้อเสนอสุดท้าย
“มันคงไม่มีอะไรง่ายขนาดนั้น คุณก็รู้ว่าภารกิจแต่ละอย่างมันยากเย็นและใช้เวลานานทั้งนั้น คงไม่มีอะไรสำเร็จลุล่วงได้ในสิบยี่สิบนาทีหรอก” โจแอนนาปฏิเสธ
“บางทีมันอาจจะมี แต่คุณเลือกที่จะมองไม่เห็นมันมากกว่า” ธันพูด
“ความจริงก็มีอยู่ภารกิจหนึ่งนะ ที่ดูจะใช้เวลาไม่มากนัก” โจแอนนาเปรยขึ้น
“ว่ามา” ธันพูดอย่างแน่วแน่
“แต่ท่าทางว่ามันจะยากสำหรับคุณอยู่สักหน่อยนะ” โจแอนนาพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ว่ามา!”
“เอาชนะฉันให้ได้ หากคุณสามารถดูเอลชนะโซดิแอคได้ นั่นจะเป็นการชนะภารกิจระดับซันเดย์เลยนะ แน่นอนว่าถึงตอนนั้น ฉันจะช่วยอะไรคุณก็ได้ ถ้าคุณสามารถชนะฉันได้หละนะ” โจแอนนาพูดพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ยิ่งมองยิ่งชวนให้รู้สึกว่ามันไม่ต่างจากคำเหยียดหยามสักเท่าไหร่เลย
“ผู้เล่น Son of Zeus ท้าประลองการต่อสู้กับท่าน ท่านจะตอบรับหรือไม่”
เสียงในระบบดังกังวานก้องขึ้นหลังจากคำตอบของโจแอนนาจบลงไม่นานนัก สีหน้าของเด็กสาวคนนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่าเธอไม่เชื่อว่าผู้เล่นตรงหน้าที่มีระดับโนเนมจะกล้าท้าสู้กับเธอที่เป็นหนึ่งในขั้วอำนาจสำคัญของเกมอย่างนั้น
“ผู้เล่น Son of Zeus ท้าประลองการต่อสู้กับท่าน ท่านจะตอบรับหรือไม่”
ประโยคดังกล่าวดังขึ้นอีกครั้ง แต่รอบนี้หาได้มาจากเสียงของระบบไม่ แต่กลับมาจากการทวนความช้าๆ ของเจ้าของคำท้านั่นเอง สีหน้าของธันเต็มไปด้วยความแน่วแน่ต่อภารกิจสูงสุดที่น่าจะกำลังจะเกิดขึ้นในไม่กี่ชั่วอึดใจข้างหน้านี้
“ด้วยความยินดีค่ะ” โจแอนนาตอบพร้อมยกมุมปากขึ้นน้อยๆ
“กรุณาเลือกจำนวนการ์ดที่จะใช้ประลอง” ระบบเอ่ยคำถามต่อไปเมื่อการประลองได้รับการตอบรับเป็นที่เรียบร้อย
“2 ครับ” ธันตอบอย่างตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว
“กรุณาเลือกการ์ดที่จะเดิมพันค่ะ”
หญิงสาวเลือกหยิบการ์ดสีทองใบหนึ่งซึ่งเขาเองไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นการ์ดอะไรใส่ลงในช่องสุดท้ายของสมุดการ์ดของเธอ และเมื่อธันว่าคู่ประลองของตนทำการเดิมพันการ์ด เขาจึงเลือกหยิบการ์ดใบหนึ่งมาเดิมพันเช่นกัน เขาเลือกการ์ดที่ไม่ได้มีระดับสูงอะไรมากนัก เขามองว่าการ์ดที่โจแอนนาเดิมพัน คงจะเป็นการ์ดที่สามารถรักษาอาการของเฟี๊ยตได้ แต่ถ้าเขาแพ้ เขาคิดว่าเขาไม่น่าจะเสียการ์ดอะไร เพราะโซดิแอคคงไม่น่ายั้งมือแน่ๆ ถึงเวลานั้น เขาอาจจะไปโผล่อยู่นอกเกมโดยที่เขาไม่รู้สึกตัวก็เป็นได้
“กรุณาเลือกการ์ดที่จะใช้ต่อสู้ใส่ลงในช่องการ์ดท้ายสมุด”
ธันเลือกการ์ดสองใบที่เขามั่นใจว่าเขาน่าจะควบคุมมันได้ดีที่สุดลงไปในการประลองนั้น เขาตัดสินใจไว้ตั้งแต่เรียกสั่งท้าประลองแล้ว
“กรุณายืนยันการเลือกการ์ด”
“ยืนยัน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในเวลาที่ไล่เลี่ยกับเด็กหญิงอีกคนนั้น
“DUEL!”
“Come on!”
ธันพูดพร้อมกับหยิบการ์ดทั้งสองใบโยนไปบนอากาศอย่างมั่นใจ นี่อาจจะเป็นการเดิมพันที่บ้าบิ่นที่สุด แต่เพื่อเฟี๊ยตแล้ว มันก็คุ้มค่าถ้าจะต้องสูญเสียอะไรไป
“Welcome to the nightmare HAHAHA!”
เสียงหญิงสาวคนนั้นก้องไปมาดังลั่น พร้อมกับชั่วเสี้ยววินาทีที่โลกทั้งหมดดำมืดสนิทไปอย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะของโจแอนนาดังยั่วเย้าไปมาอย่างหลอกหลอน โซดิแอคหายตัวไปในความมืดมิดนั้นเสียแล้ว ภูมิทัศน์ภายนอกก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน อันที่จริงในเวลานี้ เด็กหนุ่มไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้อีกแล้ว โลกอันมืดสนิทนี้มีแต่เพียงตัวเขาเพียงลำพังเท่านั้น เหงื่อจำนวนไม่น้อยค่อยๆ ซึมออกมาจากไรผมอย่างวิตกกังวล ช่วงวินาทีดับจิตนั้นเอง สายตาของธันก็ค้นพบว่าตัวเขาเองไม่สามารถมองเห็นร่างกายตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว จักษุทัศน์ของเขามืดบอดสนิทไปแล้วโดยสมบูรณ์
“รอกูก่อนนะ เฟี๊ยต!”
ติดตามข่าวสารแบบเรียลไทม์มากๆ
www.facebook.com/allornonetheauthor จากผู้แต่ง : ร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดกันหน่อยเร็ววววววว วันนี้วันครบรอบหนึ่งปีนับจากวันที่ลงนิยายวันแรก เดินทางมาหนึ่งปีแล้วนะครับ นิยายของผม ลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้าง แต่ก็ถือได้ว่ามาได้ไกลพอสมควร นี่ถ้าเป็นเด็กก็กำลังจะหย่านมแม่แล้วนะ ห้าห้า อย่าอาลัยอาวรณ์กันเลยนะครับ
ไหนๆ ก็เป็นโอกาสดีที่ครบรอบนิยายหนึ่งปี (มีใครยินดีกับผมบ้างไหมเนี่ย 555) ผมจะเปิดเผยความลับเล็กๆ ที่เกี่ยวข้องกับนิยายเรื่องนี้ดีกว่า แถ่น แถน แท๊นนนนนนนนนนนนน ธันเป็นตัวละครที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างคนในอดีตของผมสามคนเข้าด้วยกันครับ (มีใครสนใจไหม ผมอย่างเล่า 555) คนแรกคือชื่อและความกวนส้นตีนครับ 555 คนที่สองเป็นรูปร่างหน้าตาและความไม่มั่นใจในตัวเองเล็กๆ ในบางครั้ง และคนที่สามเป็นความหวานของธัน ที่จะค่อยๆ มาในอนาคต 555 ผมอยากเล่าเพราะว่าวันที่ผมลงตอนที่ 182 ในวันนี้ คนทั้งสามได้หายจากชีวิตผมไปเรียบร้อยแล้ว เหลือไว้เพียงความทรงจำดีๆ ที่ยังอบอวลอยู่ในความรู้สึกผมในเวลานี้ ผมหลงรักธันมากเลยนะ เพราะทุกครั้งที่ผมต้องเขียนตัวละครตัวนี้ ผมจะต้องจินตนาการอยู่เสมอว่าถ้าเขาเจอสถานการณ์แบบนั้น เขาจะทำอย่างไร เขาจะพูดอย่างไร นั่นทำให้ผมรู้สึกตกหลุมรักคนในความทรงจำผมได้เสมอๆ เพราะทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมายังถูกรื้อฟื้นอยู่เสมอๆ เพื่อถ่ายทอดมาเป็นตัวละครตัวนี้ (ผมจะเริ่มต้นกับใครใหม่ได้ไหมเนี่ย จมอยู่กับอดีตเหลือเกิน 555)
ผมรักคนอ่านทุกคนมาก เพราะคนอ่านทุกคนทำให้ความฝันของผมเป็นจริง ผมได้เป็นนักเขียนแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่นักเขียนโนเนมคนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก แต่แค่มีคนๆ หนึ่งเข้ามาอ่านนิยายผมและมีความสุข ผมก็มีความสุขมากแล้ว
หลังๆ มาผมสารภาพว่าผมลงถี่น้อยลงมาก ผมยอมรับว่าไฟมันมอดไปพอสมควร แต่มันยังไม่ดับนะครับ งานเขียนเป็นความฝันหนึ่งของผม และผมยังมีอีกหลายความฝันที่ต้องรับผิดชอบ ผมต้องทำงาน ผมไปเรียนกีฬาเพิ่ม ผมไปเรียนภาษาที่สาม ผมเขียนหนังสือ ผมสอนพิเศษ ผมวางแผนจะไปเที่ยวรอบโลก ผมรู้สึกว่าทุกอย่างสำคัญหมด ผมไม่อยากทิ้งอะไรไปสักอย่าง ดังนั้น ถ้าผมลงนิยายน้อยลงคงต้องขอโทษด้วยนะครับ อาจจะได้อาทิตย์ละตอนถึงสองตอน มากสุดสามตอน แต่ก็อย่าลืมเม้นให้ผมบ้างนะ ถึงแม้ว่าจะลงไม่บ่อยมาก แต่หลายครั้งที่ผมกลับถึงบ้านอย่างหมดสภาพ แต่ผมก็ยังฝืนแต่งนิยายออกมา เพราะอยากจะให้คนอ่านได้อ่านนะครับ ให้กำลังใจกันบ้างน้า แค่คอนเม้นเดียวมันทำให้ผมมีแรงก้าวต่อไปอีกมากเลยครับ (เม้นในเด็กดีก็ได้น้า ไม่ต้องล๊อคอิน)
สุดท้ายนี้ ผมอยากบอกว่า ผมไปสัมภาษณ์ทุนมา ซึ่งผมไม่มีความมั่นใจเลย ผมอยากขอกำลังใจจากคนอ่าน ไม่รู้ว่าคนอ่านจะให้ผมได้ไหม (นี่กำลังอ้อนนะเนี่ย รู้ตัวไหมเนี่ย 55555) ขอกำลังใจหน่อยนะ อวยพรผมหน่อย ผมลุ้นคนเดียวเหนื่อยใจมาก ช่วยกันลุ้นหน่อยนะ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดในนิยายเรื่องนี้ (เอ๊ะ ยังไง 555)
ผมอาจจะเป็นนักเขียนที่ไม่ได้แต่งเก่ง ไม่ได้ลงบ่อย ไม่ได้มีฉาก nc มาเซอวิส หรือไม่ได้ตอบทุกคำถาม แต่ผมรักคนอ่านทุกคนจากใจเลยนะ พวกคุณทุกคนเป็นหนึ่งในความฝันของผม
AON