http://www.youtube.com/v/VTgZlkrnm9Iตอนที่ 32“ชงโค พาหมวยเล็กไปนั่งที่โต๊ะก่อนไป เดี๋ยวเฮียยืนต่อคิวเอง”
ผมพยักหน้า ก่อนจะพาน้องพลอยมานั่งที่โต๊ะริมกระจก เจ้าหญิงน้อยของผมวันนี้ร่าเริงมาก เพราะเฮียขาของน้องนานๆ ทีจะว่างพามาเที่ยวตอนนี้ก็พาน้องมากินไก่ทอดก่อนไปดูหนังครับ เพราะเด็กน้อยร้องอยากกินไก่ไม่มีกระดูก เฮียขาของน้องเลยตามใจ
วันนี้เรามากันสามคน ชวนน้องเพชรแล้วแต่น้องเพชรต้องไปทำรายงานบ้านเพื่อน พี่ทองก็ซักใหญ่เลยว่ารายงานอะไร เพื่อนที่ไหน กว่าน้องเพชรจะได้ไปก็เกือบทะเลาะกัน พี่ทองเขาเป็นพี่ชายที่หวงน้องสาวแบบเว่อๆ เลยครับ เว่อจนผมกลัวว่าน้องๆ จะกลายเป็นเด็กเก็บกดแต่ที่จริงกว่าน้องพลอยจะมากับพวกเราได้ก็นานพอดูครับ เพราะน้องกลัวผมอ่ะ T_T
แค่เห็นจิวที่ลิ้นของผมก็เบะปากจะร้องไห้แล้ว อาม่าต้องปลอบอยู่นานว่ามันไม่น่ากลัวอะไรเลย จนเจ้าหญิงน้อยเข้าใจนั่นแหละครับ ถึงได้โผมากอดผม หลังจากนั้นก็ชมไม่หยุดปากว่าอาซ้อสวยอย่างนั้นอย่างนี้ แถมอาม่ายังบอกว่าผมเปรี้ยวเหมือนม๊าของพี่ทองตอนสาวๆ เอาจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าพี่ทองจะมารับหมวยเล็กไปเที่ยวด้วยกันหรอก เพราะเมื่อคืนเขาเกริ่นไว้ว่าจะพาผมไปเที่ยวคลายเครียดบ้าง ผมก็นึกว่าจะไปกันสองคน เลยใส่แค่เสื้อกล้ามแขนกว้างคว้านคอลึก กับกางเกงยีนขาดๆ ตรงหน้าขา พี่ทองทำหน้าหงุดหงิด บ่นเป็นชุด เกือบไม่ได้ออกจากห้องเหมือนกัน แต่เพราะพี่ทองเขารีบ เพิ่งมารู้ว่านัดไปรับหมวยเล็กที่บ้านนั่นแหละ จะเปลี่ยนชุดก็ไม่ทันแล้ว เลยแต่งตัวไม่ค่อยเหมาะสมเข้าบ้านเขา ดีที่อาม่าทันไม่หัวโบราณนะ ไม่งั้นล่ะก็...ไม่อยากจะคิด T_T
“อาซ้อขา นั่งคงบ้าล่ะ หมวยจำได้”
กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ คนน่ารักของผมก็พูดขึ้น ผมหันมองตามมือป้อมๆ ของน้องพลอยที่ชี้ไปทางที่พี่ทองกำลังยืนต่อแถวอยู่ และไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่มาเจอพี่นิลที่นี่ เพราะพี่นิลกำลังทำหน้าเหมือนบังเอิญมากๆ ที่ได้เจอกับพี่ทอง
“ม๊าบอกว่าผู้หญิงที่ดีต้องไม่จับแขงผู้ชายที่มีแฟงแล้วล่ะ หมวยไม่ชอบเลย มาจับเฮียขาของหมวย”
หน้ายุ่งๆ ของน้องพลอยไม่ได้แตกต่างจากสีหน้าของผมตอนนี้มากนัก ก็เห็นอยู่ว่าพี่ทองเขาพยายามดึงแขนออก แต่ก็ยังจับอยู่ได้ คนบ้าอะไรกันนะ หน้ามึนเป็นบ้าเลย!
ผมเห็นพี่ทองชี้มาทางที่โต๊ะที่ผมกับน้องพลอยนั่งกันอยู่ พี่นิลมองมา ริมฝีปากแสยะยิ้มนิดๆ แล้วพยักหน้าให้ ในขณะที่ผมตีหน้านิ่งมองตอบกลับไป ดีที่ถึงคิวพี่ทองเร็ว ไม่งั้นผมคงต้องลุกไปแสดงความเป็นเจ้าของให้ชัดเจนอีกรอบ
“หน้าบึ้งจังเลย” พี่ทองวางถาดที่บรรจุไก่ทอดหลายชิ้น เป๊บซี่สองแก้ว น้ำส้มหนึ่งแก้วและทาร์ตไข่ลงบนโต๊ะ ผมเงยหน้าขึ้นมองเขานิ่งๆ
‘เขามาทำไม’
“เห็นบอกว่าทำงานอยู่ที่ร้านเครื่องสำอางชั้นสาม เดินผ่านร้านเห็นเฮียพอดีเลยแวะมาทักทาย”
‘ถ้าแค่ทักทายแล้วทำไมต้องจับมือถือแขน’
“จะไปรู้เหรอ”
‘ซื่อบื้อ’
พี่ทองทำท่าจะผลักหัวผม แต่พอเห็นน้องพลอยจ้องมาตาแป๋วเขาเลยทำเพียงแค่ทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เฮียขา ซ้อพูกอะไลบ้าง หมวยอยากลู้” เด็กน้อยช่างถามมองผมสลับกับพี่ทองด้วยนัยน์ตาใสแจ๋ว
“ซ้อบอกว่ารักเฮียมาก แล้วก็รักหมวยมากด้วย”
“จริงเหลอคะ”
ผมหันไปยิ้มพลางพยักหน้าให้น้องพลอยก่อนจะก้มลงหอมแก้มพองๆ นั้นไปสองที คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ แล้วหอมแก้มผมคืน ได้ยินเสียงพี่ทองกระแอมไอมาเบาๆ
“เฮียเป็นหมาหัวเน่าเลยนะ งอนแล้ว”
“เฮียอยากหัวล้างเหมืองเตี่ยเหลอคะ ม๊าบอกว่างองบ่อยๆ จะหัวล้างล่ะ”
ผมหัวเราะเบาๆ พลางแลบลิ้นให้พี่ทอง เขาทำท่าจะเข้ามากัด แต่ผมก็ใช้มือยันหน้าผากเขาไว้ซะก่อน พี่ทองอมยิ้มแล้วยื่นมือมาผลักหัวผม
“ตัวๆ มะ”
ผมถลึงตาใส่ แต่พี่ทองก็ทำแค่หัวเราะ ก่อนจะหน้าบึ้งทันทีเมื่อน้องพลอยพูดขึ้นว่า “เฮียขา ผู้ชายคงนั้งมองนมอาซ้อล่ะ เขาบอกว่าทั้งขาวทั้งอมชมพูเลย”
เพราะแขนเสื้อมันกว้าง พอยกมือยันหน้าพี่ทองไว้คงเห็นไปถึงไหนต่อไหน แต่ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร มองยังไงก็เอาไปไม่ได้ อีกอย่างผมก็เป็นผู้ชายด้วย ไม่เสียหายตรงไหนหรอก แต่พี่ทองคงไม่ได้คิดอย่างนั้นครับ เขาหันไปมองไอ้แว่นโต๊ะข้างๆ ที่รีบก้มหน้างุดเมื่อได้ยินคนน่ารักของผมชี้มือฟ้อง
“แดกตีนไก่ไม่อิ่มหรือไง ถึงได้อยากแดกตีนกูไปด้วย” พี่ทองพูดเสียงเข้ม ดังพอจะได้ยินไปถึงโต๊ะไอ้แว่นนั่น มันเลยรีบลุกแล้วเดินออกจากร้านไปทันที พี่ทองมองตามจนลับตา ก่อนจะหันมาทำหน้าดุใส่ผม
“ดีนะที่กูเอาเสื้อโค้ดคณะมาด้วย ใส่เข้าไป ไม่ใส่มีเรื่องแน่”
เห็นเขาโกรธแล้วไม่รู้ทำไมผมถึงอารมณ์ดี อมยิ้มแล้วมองหน้าพี่ทองที่ยื่นเสื้อมาให้ ผมรับเอามาใส่ระหว่างที่ฟังน้องพลอยบอกว่าจะฟ้องม๊าที่เฮียขาพูดไม่เพราะ พี่ทองเลยยื่นมือมาหยิกแก้มน้องจนเด็กน้อยร้องโวยวายแล้วหันมาฟ้องผม ผมเลยตีมือพี่ทองไปสองที โทษฐานที่ทำแก้มซาลาเปานี่แดงเถือก
‘อย่าแกล้งน้อง’
“แตะไม่ได้เลยนะ”
‘สงสารน้อง ตัวนิดเดียว พี่ก็ไปแกล้ง ใจร้าย’
“นิดเหรอนั่น ตัวเกือบเท่าลูกปลาวาฬแล้ว”
‘น้องพลอยไม่อ้วนสักหน่อย’
“อ๋อเหรอ ถ้าหมวยไม่อ้วน เดซี่คงตัวเท่ามดอ่ะ”
“ม๊าบอกว่าคงอ้วงคือคงมีกิงล่ะ ถึงอ้วงก็สวย ม๊าบอก” น้องพลอยที่สองมือถือน่องไก่ แก้มเปรอะไปด้วยคราบมัน บอกพี่ทองพลางกัดไก่ไปคำโต ผมมองอย่างเอ็นดู อยากหอมแก้มสักฟอด แต่แก้มน้องเลอะไปแล้ว -_-
“ม๊าโกหกหมวยล่ะสิ โอ้ย อย่าหยิกครับที่รัก”
ก็มันน่าหยิกไหมล่ะ ทำไมต้องไปแกล้งน้องด้วย เห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้หรือไงนะคนบ้านี่
‘จะแกล้งว่าให้ร้องไห้เลยไหม นิสัยไม่ดีจริงๆ’
“ก็หมั่นไส้ ยิ่งมึงตามใจกูยิ่งหมั่นไส้”
‘อิจฉาเหรอ’
“อือ” พี่ทองพยักหน้ารับง่ายๆ จนผมจากที่ทำหน้าขึงขังก็เผลอหลุดยิ้มออกมา
‘ผมก็ตามใจพี่ทุกคืน ยังจะอิจฉาอีก’
“-..- ไม่อิจฉาแล้วก็ได้”
ผมยื่นมือไปกุมมือเขา ฉีกยิ้มหวานสำทับไปอีกที ก่อนจะมีมือป้อมๆ เปรอะไปด้วยคราบมันของคนน่ารักของผมมาวางทับไว้ด้วย
“หมวยจับด้วยนะ หมวยลักเฮีย ลักอาซ้อที่สุกในโลกเลย”
ผมก็รักน้องพลอย รักเฮียของน้องพลอย ที่สุดในโลกเหมือนกัน ^^
พวกเรากินไก่ทอดกันจนถึงบ่ายสาม ก็ไปดูรอบหนัง ผมกับพี่ทองพร้อมใจกันยกหน้าที่เลือกเรื่องที่จะดูให้กับน้องพลอย เพราะขืนให้พี่ทองเลือกก็คงหนีไม่พ้นหนังผี ให้ผมเลือกก็คงไม่พ้นหนังสยองขวัญ เจ้าหญิงน้อยคงได้ร้องไห้จ้ากลางโรงหนังพอดี น้องพลอยยืนดูไตเติ้ลหนังอยู่นานก็ตัดสินใจว่าจะดูอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งครับ ตกลงใจแล้วพี่ทองก็ทำหน้าที่ไปซื้อตั๋วหนัง ในขณะที่ผมบอกให้น้องพลอยนั่งรอที่หน้าโรงแล้วไปต่อแถวซื้อป๊อบคอร์น เพราะคิวยาวมาก ให้น้องมายืนรอด้วยคงไม่ไหวครับ
รอเกือบสิบห้านาทีกว่าจะถึงคิวผม ผมเลือกเซ็ตเป็บซี่กับป๊อบคอร์นที่จะได้แก้วตัวการ์ตูนน่ารักๆ ด้วย เห็นน้องพลอยจ้องตาเป็นมันเลยเมื่อกี้ แต่คงเพราะกลัวเฮียขาของน้องนั่นแหละครับเลยไม่งอแงว่าอยากได้อะไร ผมซื้อเสร็จก็เดินมาที่ให้น้องรออยู่ แต่ปรากฎว่า...ไม่มี
หันมองซ้ายขวา มองจนทั่วก็ไม่เห็น แม้ว่าคนจะเยอะ แต่ผมก็จำได้ว่าน้องพลอยแต่งชุดหมีน้อยน่ารักไม่เหมือนใคร เห็นพี่ทองที่ไปซื้อตั๋วกลับมาแล้ว ก็ไม่เห็นว่ามีน้องอยู่ด้วย
“มองหาใคร”
‘น้องพลอย ผมบอกให้น้องรออยู่ตรงนี้’
“หาทั่วหรือยัง”
ผมพยักหน้า เริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ มือไม้เริ่มสั่น แต่พอพี่ทองวางมือลงบนไหล่ของผม ความอบอุ่นจากฝ่ามือนั้นกลับทำให้ใจผมสงบลงได้
“ไปช่วยกันหาเถอะ เดี๋ยวเฮียจะไปบอกประชาสัมพันธ์ ชงโคก็หาแถวนี้ละกัน หมวยคงอยู่แถวๆ นี้แหละ บางทีอาจจะเดินไปดูนั่นดูนี่ตามอำเภอใจ หมวยน่ะซนจะตาย ไม่เป็นไรหรอก”
ผมพยักหน้า พลางมองพี่ทองอย่างขอโทษ เพราะผมชะล่าใจเอง น้องพลอยถึงหายไป ก็หวังว่าน้องจะไม่ไปไหนไกล เด็กตัวเล็กๆ อย่างนั้น ให้ขึ้นลงบันไดเลื่อนคนเดียวก็อันตรายมากแล้ว ผมหิ้วถังป๊อบคอร์นกับแก้วใส่เป๊บซี่มาด้วย ไม่รู้จะเอาฝากไว้กับใคร พี่ทองก็รีบไปที่ประชาสัมพันธ์ของห้างแล้ว ผมก็เลยวิ่งไปมาจนทั่วแต่ก็ไม่เจอ
อยู่ไหน...ไปอยู่ที่ไหนกัน...
‘แม่จ๋า...แม่อยู่ไหน แม่จ๋า หนูเล่นซ่อนหาไม่เก่ง ออกมาเถอะนะ หนูไม่เล่นแล้ว’
‘ชงโค...ทำอะไรอยู่ลูก’
‘หนูเล่นซ่อนหากับแม่ แต่หนูหาไม่เจอ แม่บอกว่าถ้าหนูหาแม่ไม่เจอ แม่จะไม่รักหนู’
‘แม่เขาล้อเล่น ลูกลองไปหาที่เรือนไทยรึยัง แม่เขาชอบไปซ่อนอยู่ที่นั่น ไปดูนะ พ่อต้องรีบไปทำงาน’
‘จ่ะพ่อ’
‘แล้วนี่แขนไปโดนอะไรมา ตรงแก้มนี้ก็ด้วย’
‘หนูหกล้ม’
‘ระวังหน่อยนะ แล้วใส่ยาหรือยัง’
‘ยังเลย แม่เป่าให้แล้ว เดี๋ยวก็หาย’
‘เด็กโง่ จะหายได้ยังไง มานี่ พ่อจะใส่ยาให้’
‘พ่อใจดีจัง แล้วเมื่อไหร่จะมาเล่นกับหนูกับแม่’
‘พ่อต้องทำงาน หาเงินมาให้หนูกับแม่ใช้ไงลูก หนูอยู่กับแม่ต้องเป็นเด็กดีนะ ห้ามดื้อรู้ไหมครับ’
‘หนูไม่ดื้อหรอก ถ้าหนูดื้อแม่จะไม่รักหนู’ตาของผมพร่า มองทางข้างหน้าแทบไม่เห็น ปวดหัวจนแทบระเบิด เสียงคนรอบข้างค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยเสียงกรีดร้อง แต่ทุกอย่างก็หยุดแต่เพียงเท่านั้นเมื่อภาพสุดท้ายที่เห็นกลับเป็นเด็กน้อยในชุดหมีที่กำลังถูกผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มอยู่ ปากของน้องถูกปิดสนิทด้วยมือ แค่มองจากข้างหลังผมก็จำได้ดีว่าคนๆ นั้นเป็นใคร เสียงแหลมๆ ที่ร้องขอทางคนรอบข้างนั่นก็จำได้ดีไม่ลืม
“ขอทางด้วยค่ะ ลูกสาวไม่สบาย จะรีบพาไปโรงพยาบาล”
ทำไมถึงโกหกอย่างนั้น...น้องพลอยไม่ใช่ลูกสาวพี่สักหน่อย...
ผมพยุงตัวยืนขึ้น มีหลายคนที่เข้ามาถามว่าผมเป็นอะไรรึเปล่า รปภ.ของที่ห้างก็มาซักถามอย่างเป็นห่วง ยืนยันจะพาผมไปที่ห้องพยาบาล แต่ผมก็ส่ายหน้ายืนยันว่าไม่เป็นไร ก่อนจะวิ่งลงบันไดเลื่อนตามพี่นิลไป
ผมตามหลังพี่นิลอยู่แค่ไม่กี่ก้าว แต่อาการปวดหัวกลับแทรกเข้ามาไม่ถูกเวลา เสียงเรียกชื่อผมที่มักจะดังอยู่ในหัวตอนนี้ผสมไปกับเสียงร้องไห้ของน้องพลอย มันทำให้ผมพยายามก้าวเดินต่อไป
“ปล่อยหนู! จะพาหนูไปไหน ปล่อยนะคงบ้า!”
“เด็กบ้านี่! ฤทธิ์เยอะนักนะ พี่สาวไม่ได้จะพาไปทำเรื่องไม่ดี แค่จะพาน้องพลอยไปกินไอติม ตอนเย็นๆ จะได้ให้เฮียทองมารับกลับ เข้าใจไหมคะ ถ้าเข้าใจก็อย่าร้อง คนอื่นมองกันหมดแล้ว”
คนไทยนี่ก็แปลกดี ยืนมองโดยไม่กล้าเข้ามายุ่งเลยสักคน สักแต่ว่าไม่ใช่เรื่องตัวเองก็แค่มองแล้วเดินผ่านไป แล้งน้ำใจกันเหลือเกิน
ผมกุมหัวตัวเองไว้ รู้สึกอยากอาเจียนออกมา แต่ก็ต้องสะกดอาการเหล่านั้น ก่อนจะรีบตามพี่นิลที่กำลังพาน้องพลอยข้ามถนนไปอีกฟาก
“หนูไม่ไป หนูจะไปดูหนังกับอาซ้ออาเฮีย ปล่อยหนูนะ!”
“พี่สาวไงคะที่เป็นอาซ้อของหนู เพราะฉะนั้นน้องพลอยห้ามดื้อ โอ้ยยยยย! ยัยเด็กบ้า!”
ตอนนี้พี่นิลกับน้องพลอยอยู่ที่เกาะกลางถนน แต่เกิดการต่อสู้กันขึ้นเล็กน้อย น้องพลอยทึ้งผมพี่นิล ในขณะที่พี่นิลก็พยายามดึงมือน้องพลอยออก ประกอบกับน้ำหนักของน้องก็ไม่ใช่น้อยๆ นั่นแหละครับถึงได้ล้มโครมกันลงทั้งคู่ เสียงดังพลั่กหนักๆ เมื่อคนสองคนล้มกระแทกกับพื้นถนนก่อนน้องพลอยจะเป็นฝ่ายที่ลุกขึ้นมาได้ก่อน น้องนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น ส่วนพี่นิลถูกน้องพลอยนั่งทับแขนไว้ ผมรีบวิ่งไปโดยเร็ว เพราะมีรถกำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง น้องพยายามลุกขึ้นยืนในขณะที่พี่นิลดูเหมือนจะยังจุก ได้แต่นอนอยู่ตรงนั้น
เสียงบีบแตรรถดังลั่นไปทั่วปนเปไปกับเสียงผู้คนกรีดร้อง ได้แต่ตีโพยตีพายแต่ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยแม้แต่คนเดียว ผมกำมือตัวเองแน่น วิ่งสุดชีวิตเพื่อไปให้ถึง และในที่สุดก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามรีบวิ่งเข้าไปช่วยทั้งคู่ มันเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่เสียงกรีดร้องรอบข้างได้หายไป แทนที่ด้วยความหวั่นใจอย่างสุดขีด น้องพลอยเบิกตากว้าง เสียงกรี๊ดของพี่นิลดังสะท้อนก้องอยู่ในหัวผม ผู้ชายคนนั้นคว้าตัวพี่นิลที่อยู่ใกล้มือเขาที่สุดไว้ได้ทันในขณะที่ผมทุ่มสุดตัวเพื่อกอดตัวน้องพลอยไว้ เสียงล้อรถบดเบียดพื้นถนนดังลั่น มาพร้อมกับแรงกระแทกเข้าที่ช่วงตัวของผม ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นตามไขสันหลัง แต่ผมก็ยังกอดน้องพลอยไว้แน่น
ผม...จะไม่ปล่อยหรอก...จะไม่ปล่อยให้ใคร...หายไปต่อหน้าต่อตาอีกแล้ว คราวนี้...จะเป็นผมที่ปกป้องไว้บ้าง ปกป้องแม้สุดท้าย...จะไม่เหลือแม้แต่ชีวิตของตัวเองก็ตาม
“เจอแล้ว...ในที่สุดก็เจอสักที ไม่ร้องนะคนเก่ง ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไร”
โครม!
ตึง!
ตึง!
พลั่ก!
ขอโทษครับพี่...ที่ผมผิดสัญญาอีกจนได้
.
.
.
เด็กหนุ่มกอดรัดร่างของเด็กน้อยไว้แน่น แม้แรงกระแทกจะมากมายแค่ไหน อ้อมกอดก็ไม่คลายออก สายตานับสิบคู่มองตามด้วยความพรั่นพรึง ร่างของเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ลอยขึ้นสูงจากพื้น แค่เพียงไม่กี่วินาทีก็ตกตามแรงโน้มถ่วงของโลกราวกับนกปีกหัก แผ่นหลังและศีรษะกระแทกพื้นถนนเต็มแรง ก่อนจะกลิ้งไปอีกสามตลบ พลันแน่นิ่งไป มีเพียงเสียงเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดัง ร่ำร้องเรียกแต่ชื่อของคนที่ปกป้องไว้ แม้ร่างกายเล็กจะมีแผลถลอกตามตัวมากแค่ไหน เลือดจะออกเพียงใด ก็ยังไม่มากเท่ากับเลือดจากคนที่ปกป้อง
แค่เพียงไม่กี่วินาทีที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง ทุกสายตาจ้องมองไปยังเหตุการณ์เบื้องหน้า ก่อนที่ใครสักคนจะร้องตะโกนขึ้นมา
“รถพยาบาล! ตามรถพยาบาลเร็วเข้า! โทรเรียกตำรวจ! มูลนิธิ อะไรก็ได้ เรียกมา!” เสียงตะโกนดังวุ่นไปทั่วบริเวณ รถหลากยี่ห้อเบรกฉับพลัน การจราจรหยุดชะงักเนื่องจากอุบัติเหตุ
แต่สำหรับเขาโลกทั้งใบราวกับหยุดหมุนไปแล้ว ทำได้แค่เพียงยืนมึนงงอยู่อีกฟากของถนน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้เพียงไม่กี่นาที แต่กลับเหมือนนานเป็นชั่วโมงในความรู้สึก
...มาช้าไป แม้จะรีบเร่งออกมาหลังจากที่ได้เห็นจากกล้องวงจรปิดแล้วว่าน้องสาวของเขาถูกใครพาออกมาจากห้าง ก็ยังมาไม่ทันอยู่ดี
คนสำคัญของเขา...คนรักของเขา...นี่มัน...เรื่องอะไรกัน!เขาวิ่งอย่างลนลานไปยังฝูงชนที่ยังคงมุงดูเหตุการณ์ แหวกฝูงชนเข้าไป ภาพที่เห็น...ก็ทำเอาไร้เรี่ยวแรง ทรุดตัวลงกับพื้น แม้เข่าทั้งสองข้างจะกระแทกพื้นเสียงดังแค่ไหน ความเจ็บปวดทางกายก็ไม่อาจเทียบได้กับหัวใจในตอนนี้
ชงโค...ชงโคของเฮียดวงตาคู่สวยปิดสนิท แขนขาวเนียนเต็มไปด้วยแผลถลอก ถึงอย่างนั้นก็ยังคงพาดอยู่บนร่างเล็กที่ใบหน้าน่ารักนองไปด้วยน้ำตา
“ซ้ออออ อาซ้อออออ ฮืออออ อาซ้อ ช่วยอาซ้อด้วย ช่วยอาซ้อด้วย เฮียขาช่วยอาซ้อด้วย ช่วยด้วยยย อาซ้อเจ็บ ช่วยด้วยยยยย”
น้องสาวของเขาร้องไห้ราวกับจะขาดใจ มือเล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยเลือดจากใครอีกคนที่ยังคงโอบกอดร่างของตนไว้ เขาคลานเข้าไปใกล้ มองเลือดที่ยังคงไหลเปรอะพื้นถนน ใบหน้าซีดเผือดของคนที่รักสุดหัวใจทำให้รู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก ทรมานจนแทบทนไม่ไหว มือสั่นเทาปลดแขนที่เกี่ยวรัดน้องสาวของเขาออกอย่างเบามือ ก่อนจะช้อนร่างของคนรักขึ้นมาในอ้อมแขนด้วยความระมัดระวัง
เจ็บมากไหม...เจ็บมากรึเปล่า
ชงโค...ชงโค... ชงโค...เขาพยายามตั้งสติ แม้ตอนนี้หัวใจราวกับถูกกรีดให้เป็นแผล เจ็บปวดทรมาน อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
“หมวย ไม่ร้องนะ อาซ้อต้องไม่เป็นไร แล้วหมวยเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
คนตัวเล็กส่ายหน้า พยายามเช็ดเศษหินเล็กๆ ที่ติดอยู่บนแขนอาซ้อของตัวเองออกอย่างเบามือ
“หมวยเจ็บแขง ฮืออออ แต่ไม่เป็งไล หมวยไม่เป็งไล อาซ้อบอกหมวยว่าไม่เป็งไล หมวยเป็งคงเก่ง ต้องไม่ล้องไห้”
เขาคลี่ยิ้ม น้ำตาเริ่มไหลลงมาทีละหยด มองคนเก่งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น แขนเล็กๆ ถลอกเป็นทางยาว ชุดหมีขาดตรงหัวเข่า เผยให้เห็นแผลถลอกแผลใหญ่ ก่อนเขาจะก้มลงมองร่างในอ้อมแขนที่คงเจ็บหนักมากกว่าหลายเท่า จนถึงตอนนี้ แม้จะเรียกยังไงก็ไม่ได้สติ มีแต่เพียงลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้นที่ยังพอเป็นความหวัง
“มีผ้ารึเปล่าครับ ผมจะห้ามเลือด จะปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปก่อน มีไหมครับ ใครก็ได้ ผมขอ...ซื้อเอาก็ได้ เท่าไหร่ก็จะให้...”
บาดแผลที่ศีรษะของคนในอ้อมแขนยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ปล่อยไว้คงยิ่งอันตราย ตอนนี้ทำอะไรได้...ก็อยากจะทำ แค่สักเล็กน้อยที่พอจะยื้อไว้ ไม่ว่าอะไรก็จะทำทั้งนั้น
“เอาของเรา...ใช้ของเรา ทอง เราขอโทษ ใช้ของเรา เราขอโทษ” นิลยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ ทำให้เขาเพิ่งรู้ว่าเธอก็อยู่ใกล้ๆ ใบหน้าของเธอซีดเผือด แววตายังคงมีความตื่นตกใจ แต่สำหรับเขา...มันหมดไปแล้วจริงๆ กับความเห็นใจ เขามองเธอด้วยแววตาว่างเปล่า แม้ใบหน้าสวยนั้นจะเปรอะไปด้วยน้ำตา เขาก็ไม่อาจยกโทษให้เธอได้
“เราไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ เราขอโทษ เราขอโทษจริงๆ”
นิลร้องไห้ เธอกำลังจะยกมือไหว้ แต่แขนข้างหนึ่งของเธอคงใช้การไม่ได้ เธอจึงก้มลงกราบเขาแทน เขามองอย่างเฉยชา
เคยตัว...เคยตัวเกินไป ทำผิดก็แค่บอกว่าขอโทษ ทำผิดก็แค่ขอให้คนอื่นให้อภัย แต่ก่อนจะทำ มีสักเสี้ยวความคิดไหมที่จะไตร่ตรองว่าควรหรือไม่ควร...แล้วตอนนี้ จะมาขอโทษเพื่ออะไร...ชงโคเจ็บขนาดนี้...แค่ขอโทษ...จะพอได้ยังไง!เขาปัดผ้าเช็ดหน้าที่ยื่นมาให้ ก่อนจะฉีกเสื้อของตัวเองมากดบาดแผลให้แทน
“เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว อดทนอีกนิดนะที่รัก อดทนอีกนิดเดียว”
เขาจับมือบางไว้แน่น ปวดหนึบไปทั้งอก น้องสาวตัวเล็กเข้ามาจับมืออีกข้างของอาซ้อตัวเองไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนคนที่ยืนมองรอบข้างกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ พี่เก็บมันได้จากตรงนู้น เห็นน้องเขาถือมาด้วยน่ะครับ”
ผู้ชายร่างผอมบาง หน้าตาค่อนไปทางสวยมากกว่าหล่อ ยื่นแก้วน้ำรูปตัวการ์ตูนน่ารักๆ มาให้ เขาจำได้ว่าเห็นชงโคถือไว้จริงๆ น้องสาวของเขารับมาถือไว้ แล้วกอดไว้แน่น
“กดปากแผลดีๆ นะครับ ถ้าเสียเลือดมากอาจเกิดภาวะช็อคได้ แถม EMV อยู่ในระดับ E1M1V1 อย่างนี้ คงบอกได้ยากว่าจะรอด แต่ผมจะอยู่ตรงนี้จนกว่ารถพยาบาลจะมาก็แล้วกัน”
(**Glascow Coma Scale: EMV : การประเมินระดับความรู้สึกตัว E: Eye Opening M: Motor response V: Verbal response)
คำพูดคำจาน่าส่งเท้าไปเตะปากนัก แต่แววตาฉลาดหาตัวจับยากอย่างนี้ก็ทำให้เขาเชื่อไปกว่าครึ่งแล้วว่าคนๆ นี้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เป็นอย่างดี
“คุณเป็นหมอเหรอครับ”
“เปล่าครับ ผมแค่คนที่เดินผ่านมา”
เขามองใบหน้ากวนๆ นั่นพลางเลิกคิ้ว แต่ผู้ชายที่ยืนล้วงกระเป๋าท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยก็ทำให้เขาเลิกสนใจแล้วหันกลับมาหาน้องสาวที่ร้องไห้จนตาบวม ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ
“ตาบวมไม่สวยนะ อาซ้อไม่เป็นอะไรหรอก ร้องไห้อย่างนี้อาซ้อต้องโทษว่าเฮียแกล้งหมวยแน่ๆ เลย อ่ะ เอาโทรศัพท์เฮียโทรหาม๊านะ บอกม๊าให้ไปเจอกันที่โรงพยาบาล เข้าใจไหมตัวเล็ก”
เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก ยกหลังมือปาดน้ำตา แล้วทำตามคำสั่งของเขา มีคนช่วยบอกชื่อโรงพยาบาลที่ได้ติดต่อขอรถพยาบาลไปให้ด้วย
รอคอยอีกเพียงไม่กี่นาที รถพยาบาลก็มาถึง เขาปล่อยให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันยกร่างของคนรักขึ้นบนเตียง เห็นหน้าเพื่อนสนิทที่มากับรถด้วยก็รู้สึกโล่งอก แต่พอหันมองผู้ชายกวนๆ เมื่อกี้กลับพบว่าหายตัวไปในคลื่นฝูงชนแล้ว เขาจึงเลิกสนใจแล้วเดินไปอุ้มน้องสาวให้ขึ้นรถพยาบาลมาด้วยกัน ส่วนที่เกิดเหตุคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการ
“ไงครับตัวเล็ก เจ็บตรงไหนรึเปล่าเรา” มาโปรดหันไปถามน้องสาวของเขา ในขณะที่มือก็จับอยู่ที่ไหล่ของเขาไว้ มันคงอยากปลอบใจว่าคนที่เขาจับมือไว้แน่นจะไม่เป็นอะไรแน่นอน
“หมวยไม่เจ็บ อาซ้อเจ็บ เจ็บมากด้วย”
“เก่งจังเลย ตัวแค่นี้ มานั่งกับพี่หมอก่อนไหม ให้เฮียของหมวยดูแลอาซ้อนะ พี่หมอจะได้ดูแผลให้ด้วยว่ามีคุณเชื้อโรคเข้าไปวิ่งเล่นอยู่รึเปล่า”
“ค่า”
เขาหันมองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ทำตัวสมกับเป็นว่าที่คุณหมอขึ้นมาหน่อย ก่อนจะหันกลับมามองคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาจับมือบางไว้แน่น จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากสวยถูกหน้ากากให้ออกซิเจนครอบไว้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจวัดความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับความรู้สึกตัว แต่ค่าตัวเลขเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย ความกังวลใจมีมากจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา นั่งเฝ้าภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
เขากลัวเหลือเกิน...กลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่กลับมา
ความอบอุ่นจากฝ่ามือค่อยๆ หายไปทีละนิด ผิวเนียนละเอียดเริ่มซีดเผือด ตามหน้าผากที่เขามักใช้ริมฝีปากสัมผัสอยู่บ่อยครั้งมีเหงื่อซึมชื้น ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทตะโกนก้องว่าเกิดภาวะช็อค ก่อนเสียงของนางพยาบาลอีกคนจะร้องบอกสัญญาณชีพจรที่ขาดหาย มือที่จับกันตกห้อยข้างตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง
สัญญาไว้แล้ว...จำไม่ได้เหรอ...ทำไมถึงทำอย่างนี้...ไหนบอกว่าข้างๆ ต้องมีเฮียอยู่ด้วย แล้วทำไมถึงจะทิ้งกันไปรถพยาบาลจอดสนิท เตียงผู้ป่วยถูกเลื่อนลงจากรถอย่างรวดเร็ว ก่อนเพื่อนสนิทของเขาจะปีนขึ้นบนเตียงแล้วเริ่มทำการช่วยชีวิตในขณะที่เตียงกำลังถูกเข็นไป
เขาวิ่งตาม ไม่ว่าที่ไหน...ก็จะไปทั้งนั้น ขอแค่ได้เห็นอีกสักครั้ง ได้เห็นรอยยิ้ม ได้เห็นหน้า ได้บอกรัก ได้ทำอะไรดีๆ ด้วยกันอีก
อีกสักครั้ง...แค่ครั้งเดียว จะเอาความโชคดีทั้งหมดในชีวิตของเขาไปก็ได้ แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น คืนมาให้ได้ไหม...คนรักของเขา ช่วยคืนมาให้ที...
.......................................................To be continue.............................................
มาถึงจุดเปลี่ยนแล้วค่ะ จะดีหรือจะร้าย ก็ขอให้อยู่ด้วยกันไปจนจบนะคะ
ขอบคุณสำหรับการรอคอยและทุกๆ ความคิดเห็นค่ะ
http://ask.fm/TCHONG_K << ถามได้ค่ะ